คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : rules of eventide_01/??
ในการรวมตัวของสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มี หากมีความแตกต่าง หากมีการกระทำ ล้วนต้องมีกฎ
กฎของการอยู่ร่วมกัน
คิดว่าจะมีแต่มนุษย์ผู้ประเสริฐอย่างนั้นหรือ
เฮอะ
ถ้าเป็นแบบนั้น คิมฮันบินคนนี้คงไม่ต้องมานั่งยัดของหวานเข้าปากอย่างนี้หรอก
rules of eventide.
ท้องฟ้าของโลกสนธยานั้นไม่เคยสว่าง แต่ก็ไม่เคยมืด
แสงรำไรของช่วงพลบค่ำ มีดวงจันทร์สองดวงประดับบนฟ้า
ค้างคาวสามสี่ตัวบินผ่านไป
เวลาโพล้เพล้ที่มนุษย์กล่าวว่าจะได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น
เสี้ยววินาทีนั้นมีอยู่ตลอดกาล
ณ ที่ลึกลงไปหลังประตูวังของฮาเดส
ท่ามกลางเสียงล้งเล้งวุ่นวายอันเป็นปรกติธรรมดาของสถานีตำรวจ ไซเรนขโยงหนึ่งกำลังแจ้งข้อหาคราเค่นบุกรุกน่านน้ำ และโต๊ะข้าง ๆ กันเซารอนก็มาแจ้งว่าเซอร์เบอรัสมาคาบไม้พายของเขาไปกัดเล่นอีกแล้ว
และตอนนี้ ที่โต๊ะด้านในริมหน้าต่างบานที่สาม
นายตำรวจที่มีสีหน้าไม่สู้ดีในชุดเครื่องแบบหน่วยสืบสวนสีน้ำเงิน กำลังทำเสียงเอือมระอาใส่ชายหนุ่มผิวขาวจัดที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
“คุณคิมจีวอน อาทิตย์นี้คุณล่อลวงผู้หญิงมาสามคนแล้ว กำลังเข้าข่ายผิดข้อตกลงของสนธิสัญญาวาติกัน ว่าด้วยการปกปิดตัวตนของอมนุษย์อยู่นะครับ”
เจ้าของชื่อคิมจีวอนที่เหมือนจะกำลังถูกตักเตือนท่าทางคล้ายไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจ ยกมือเรียวขาวสล้างซีดสีเหมือนหินอ่อนขึ้นปัดปอยผมสีม่วงที่ตกระดวงตา ตอบโต้ด้วยความสงบ
“ที่จริง ผมก็แค่กินอาหาร”
“คุณทำพวกเธอเกือบตาย!”
“ผมว่าผมก็ไม่ได้กินมากขนาดนั้นนะ”
ชายหนุ่มว่าพลางแตะคางครุ่นคิด
กิริยาเนิบนาบที่ทำให้เส้นเลือดที่ข้างขมับของนายตำรวจหนุ่มเต้นตุบ
ความสุขุมของผู้รักษากฎจะระเบิดออกมาแล้ว
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่คุณทำพวกเธอคลั่งจนกรีดข้อมือเป็นชื่อคุณต่างหากล่ะโว้ย!!”
“เท่าที่นึกออก...ผมก็แค่กินไอชีวิตเฉยๆ ยังไม่ได้ใช้พลังล่อลวงอะไรเลย... ไอ้ที่บอกว่ากรีดชื่อนั่นเขาอาจจะอยากสักล่ะมังครับเจ้าหน้าที่คิม”
ดวงตาเรียวดำขลับละความสนใจจากป้ายชื่อ จนท.คิมฮันบิน ที่ตั้งบนโต๊ะ ลดลงพินิจมองเล็บสีม่วงของตัวเอง คล้ายว่ามันสำคัญมากกว่าบทสนทนากับคนตรงหน้า
“อย่ามาแก้ตัว!”
เห็นท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของผู้ต้องหา มือเรียวของนายตำรวจก็กระแทกปุ่มเปิดโคมไฟ
ก่อนจะหมุนหน้าโคม สาดไฟเข้าใส่ตาเรียวที่แทบจะมองไม่เห็นรายละเอียดของตาขาวและดำ
กดเสียงต่ำขรึมจริงจัง ถึงกับเรียกว่าข่มขู่แล้วก็ได้
“ผมคงต้องขอให้คุณชี้แจง แนวทางในการแก้ไขปัญหาแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก คุณ-คิม-จี-วอน”
ทว่าไฟสีส้มดวงใหญ่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ปีศาจตนนี้รู้สึกอะไรได้ เอ้อ...อันที่จริงนอกจากแวมไพร์ กับพวกมนุษย์หมาป่า แสงไฟจ้าๆ ก็แทบไม่ได้ผลกับปิศาจทั้งหมดนั่นแหละ
“อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ ถ้าจะให้แนะนำล่ะก็ คุณรีบๆ หาคู่สักทีได้ไหม”
“มีคู่แล้วจะได้สงบเสงี่ยม เป็นพลเมืองดีแบบอินคิวบัสต์ทั่วๆ ไปได้สักที”
คุณตำรวจตัวบางกดปิดโคมไฟเมื่อเริ่มรู้ตัวว่ามันไม่ช่วยอะไร
นิ้วมือเล็กๆ นวดลงที่หว่างคิ้วเพราะขมวดเข้าหากันจนปวดหัวแล้ว
ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย อ้าปากปฏิเสธข้อเสนอที่คิมฮันบินคิดว่ามันก็ดีต่อทุกฝ่ายที่สุดแล้ว
“ผมคงไม่จับคู่กับของกินหรอกนะ”
“ถ้าจะให้ผมถามกลับ ลองคิดดูหน่อยสิว่าคุณจะมีอารมณ์กับ…” อินคิวบัสต์ตัวปัญหาปรายตาสีดำที่เหลือบประกายสีม่วงไปที่กระเป๋าหลังโต๊ะของนายตำรวจหนุ่มที่เปิดซิปอ้า เห็นก้อนข้าวปั้นในนั้นรางๆ ”...ข้าวปั้นนั่นได้รึไง”
“คุณจับคู่กับซักคิวบัสต์ก็ได้นี่ หรืออมนุษย์อะไรก็ได้ คนอื่นเขายังทำได้เลย”
นายตำรวจคิมไม่เข้าใจเลยว่ามันเป็นปัญหาตรงไหนกัน
เกาหลีมีประชากรปิศาจราคะเกือบๆ ห้าร้อย ส่วนใหญ่แล้วก็สงบเสงี่ยมดีไม่เห็นมีปัญหา
อาจจะมีบ้างที่เผลอทำให้คู่ เอ่อ… คู่นอน เหนื่อยมากเกินไปอยู่บ้าง แต่เคสที่มีคนกรีดแขนกันเกือบตายแบบนี้ ออกจะรุนแรงมากเกินไปจริงๆ
ถึงแม้จะยังไม่มีคนตาย แต่การที่โรงพยาบาลในโซลมีเคสคนกรีดข้อมือเป็นคำเดียวกันสามคนในหนึ่งอาทิตย์ ก็เริ่มทำให้เกิดข่าวลือแปลกๆ ขึ้นแล้ว
เกิดข่าวลือเรื่องเหนือธรรมชาติ เท่ากับว่าสนธิสัญญาปกปิดตัวตนกำลังถูกล่วงละเมิด
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่เจ้าตัวต้นเหตุ… คิมจีวอน หรือ เจ้าของชื่อ Bobby ที่เป็นคำเดียวกันกับรอยแผลบนแขนหญิงสาวมนุษย์สามคนกลับลอยตัวอยู่เหนือปัญหา
ยังคงยืนยันที่จะทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ จับประเด็นเรื่องอื่นขึ้นมาแทน
“ตำรวจเดี๋ยวนี้นี่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของประชาชนจังเลยนะครับ”
“ว้า รู้สึกไม่ดีเลย...แย่จัง...”
ชายหนุ่ม...อินคิวบัสต์ในร่างชายหนุ่มแกล้งถอนหายใจ
แม้แต่เสียงลมผ่านปอดที่ไม่จำเป็นนั้นก็ยังฟังเย้ายวนอย่างน่าขนลุก
สมเป็นปีศาจแห่งราคะ
เจ้าหน้าที่คิมฮันบินกัดฟัน ตอบโต้ความกวนโมโหนั้นด้วยการโมโหใส่
“ถ้าประชาชนทำตัวดี เจ้าหน้าที่จะไปก้าวก่ายได้ยังไง คุณรู้ไหมว่าการกระทำของคุณมันส่งผลต่อสังคมอมนุษย์ยังไงบ้างน่ะฮะ!”
“แหม ผมเป็นปีศาจนะ มันผิดธรรมชาติไปหน่อยไหมถ้าจะขอให้ปีศาจอยู่ในกฎน่ะครับ”
พอพูดขึ้นมา ก็คล้ายจะมีเหตุผลจนเจ้าหน้าที่ไฮดราโต๊ะข้าง ๆ แอบผงกหัวที่หกและเจ็ด
“และอีกอย่าง ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่ได้บังคับ ล่อลวง แม้แต่ชักชวนของกินพวกนั้นให้ทำอะไรเลย อันที่จริง ผมไม่ได้ใช้พลังเลยแม้แต่หยดเดียว”
“คุณนี่นะ! สนธิสัญญาวาติกัน มาตรา 18 วรรค 2 ห้ามเรียกมนุษย์ว่าของกิน!”
แฟ้มไม่หนาไม่บางตบลงบนโต๊ะดังปัง แม้จะทำให้ปีศาจตนอื่นตกใจ แต่อินคิวบัสต์พูดยากตรงหน้ากลับทำเพียงยิ้มให้
“ก็นั่นมันอาหารผมนี่”
“สิทธิพื้นฐานที่จะเสพย์ไอชีวิต ไม่ถูกนับว่าเป็นการทำร้ายร่างกายนะครับ ถ้าจำไม่ผิดมันก็อยู๋ในสนธิสัญญาวาติกัน ข้อที่ประมาณสองร้อยกว่าๆ”
“โว้ย เพราะแบบนี้ไง ผมถึงเกลียดพวกปิศาจในไบเบิล กินอาหารบ้าบออะไรของพวกคุณวะ กินให้มันเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาไม่ได้รึไง ไหนจะเพื่อนแวมไพร์ของคุณอีก พวกตัวปัญหา!!”
ตบแฟ้มเริ่มไม่สะใจแล้ว ตอนนี้เจ้าพนักงานอยากทึ้งผมแล้ว
กระนั้นร่างคลั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดูจะยังคลุ้มคลั่งไม่สาแก่ใจปิศาจหนุ่ม
ใบหน้าขาวซีดของคิมจีวอนปรากฎสีหน้าสะเทือนใจอันเสแสร้งกว่าก่อนหน้า
“เอ้าๆ ตรงนี้มีการเหยียดเผ่าเกิด ขึ้นด้วยล่ะครับ”
และเจ้าหน้าที่ไฮดร้าโต๊ะข้างก็ลองปรึกษาหัวต่อหัวกันว่าเราควรไปล็อคเจ้าหน้าที่คิมออกมาก่อนจะเอาแฟ้มฟาดผู้ต้องหาดีหรือไม่...
จนดวงจันทร์สีเลือดดวงที่สองคล้อยลง นับเวลาได้ครบ 24 ชั่วโมงตามเวลาที่มนุษย์จะเข้าใจได้ เจ้าหน้าที่การ์กอยที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องขังก็เดินไปไขกุญแจให้ผู้ต้องหาออกมาเพราะจนครบเวลาที่สามารถกักตัวไว้
เจ้าหน้าที่คิมทำโอทีทั้งคืน สืบค้นข้อมูลสลับกับสอบปากคำก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อเอาผิดอินคิวบัสต์ตนนี้ได้ ทำได้แค่มองอีกฝ่ายบิดขี้เกียจแล้วจัดเสื้อผ้า ก่อนที่จะบอกลาและจากไปด้วยรอยยิ้ม
น่ารำคาญเหลือเกินนนน
มือเล็กของเจ้าหน้าคิม ที่ได้รับการส่งจูบลาสุดแสนจะกวนบาทาของผู้ต้องหาส่งท้ายควานลงไปในกล่องกระดาษ ยัดโดนัทน้ำตาลร้านข้างสถานีเข้าปาก
แต่เพิ่งจะกัดกร้วมลงไปได้ครึ่งชิ้น
โทรศัพท์ที่โอนสายเข้ามาจากส่วนกลางรับแจ้งเหตุ
[เรียนเจ้าหน้าที่คิมฮันบิน เมื่อเวลา 22 นาฬิกา ตามเวลามนุษย์ รับแจ้งโรงพยาบาลเอกชนในเขตกังนัม มีผู้บาดเจ็บ กรีดแขนเป็นคำว่า Bobby เพิ่มอีกหนึ่งรายครับ]
“...”
“ร้อยโทคิมฮันบิน ผู้กำกับเรียกพบครับ ดูเหมือนอยากจะทราบความคืบหน้าของคดีกรีดแขน”
“...”
คิมฮันบินยัดโดนัทน้ำตาลอีกครึ่งชิ้นเข้าปาก กอดกล่องกระดาษที่ด้านในเหลือโดนัทอีกครึ่งโหล รู้สึกเหมือนน้ำตามันเอ่อขึ้นมา
ไม่เอา ไม่ทำแล้ว!!
tbc.
ขอลัดคิวให้มิวส์องค์ใหม่ที่เจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูหน่อยนะคะ-------
(ที่จริงเรื่องอื่นยังไม่พอตอน แค่ก แค่ก)
ความคิดเห็น