ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ikon - M U S E - double b

    ลำดับตอนที่ #9 : rules of eventide_01/??

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ย. 61







    - 01 -




    ในการรวมตัวของสิ่งใดก็ตาม  ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มี หากมีความแตกต่าง  หากมีการกระทำ ล้วนต้องมีกฎ

    กฎของการอยู่ร่วมกัน

    คิดว่าจะมีแต่มนุษย์ผู้ประเสริฐอย่างนั้นหรือ

    เฮอะ

    ถ้าเป็นแบบนั้น  คิมฮันบินคนนี้คงไม่ต้องมานั่งยัดของหวานเข้าปากอย่างนี้หรอก





    rules of eventide.

    ท้องฟ้าของโลกสนธยานั้นไม่เคยสว่าง  แต่ก็ไม่เคยมืด

    แสงรำไรของช่วงพลบค่ำ มีดวงจันทร์สองดวงประดับบนฟ้า

    ค้างคาวสามสี่ตัวบินผ่านไป

    เวลาโพล้เพล้ที่มนุษย์กล่าวว่าจะได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น

    เสี้ยววินาทีนั้นมีอยู่ตลอดกาล

    ณ ที่ลึกลงไปหลังประตูวังของฮาเดส







    ท่ามกลางเสียงล้งเล้งวุ่นวายอันเป็นปรกติธรรมดาของสถานีตำรวจ ไซเรนขโยงหนึ่งกำลังแจ้งข้อหาคราเค่นบุกรุกน่านน้ำ และโต๊ะข้าง ๆ กันเซารอนก็มาแจ้งว่าเซอร์เบอรัสมาคาบไม้พายของเขาไปกัดเล่นอีกแล้ว

    และตอนนี้  ที่โต๊ะด้านในริมหน้าต่างบานที่สาม

    นายตำรวจที่มีสีหน้าไม่สู้ดีในชุดเครื่องแบบหน่วยสืบสวนสีน้ำเงิน กำลังทำเสียงเอือมระอาใส่ชายหนุ่มผิวขาวจัดที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน

    “คุณคิมจีวอน อาทิตย์นี้คุณล่อลวงผู้หญิงมาสามคนแล้ว กำลังเข้าข่ายผิดข้อตกลงของสนธิสัญญาวาติกัน ว่าด้วยการปกปิดตัวตนของอมนุษย์อยู่นะครับ”

    เจ้าของชื่อคิมจีวอนที่เหมือนจะกำลังถูกตักเตือนท่าทางคล้ายไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจ ยกมือเรียวขาวสล้างซีดสีเหมือนหินอ่อนขึ้นปัดปอยผมสีม่วงที่ตกระดวงตา ตอบโต้ด้วยความสงบ

    “ที่จริง ผมก็แค่กินอาหาร”

    “คุณทำพวกเธอเกือบตาย!”

    “ผมว่าผมก็ไม่ได้กินมากขนาดนั้นนะ”

    ชายหนุ่มว่าพลางแตะคางครุ่นคิด

    กิริยาเนิบนาบที่ทำให้เส้นเลือดที่ข้างขมับของนายตำรวจหนุ่มเต้นตุบ

    ความสุขุมของผู้รักษากฎจะระเบิดออกมาแล้ว

    “ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่คุณทำพวกเธอคลั่งจนกรีดข้อมือเป็นชื่อคุณต่างหากล่ะโว้ย!!”

    “เท่าที่นึกออก...ผมก็แค่กินไอชีวิตเฉยๆ ยังไม่ได้ใช้พลังล่อลวงอะไรเลย... ไอ้ที่บอกว่ากรีดชื่อนั่นเขาอาจจะอยากสักล่ะมังครับเจ้าหน้าที่คิม”

    ดวงตาเรียวดำขลับละความสนใจจากป้ายชื่อ จนท.คิมฮันบิน ที่ตั้งบนโต๊ะ ลดลงพินิจมองเล็บสีม่วงของตัวเอง คล้ายว่ามันสำคัญมากกว่าบทสนทนากับคนตรงหน้า

    “อย่ามาแก้ตัว!”

    เห็นท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของผู้ต้องหา มือเรียวของนายตำรวจก็กระแทกปุ่มเปิดโคมไฟ

    ก่อนจะหมุนหน้าโคม สาดไฟเข้าใส่ตาเรียวที่แทบจะมองไม่เห็นรายละเอียดของตาขาวและดำ

    กดเสียงต่ำขรึมจริงจัง ถึงกับเรียกว่าข่มขู่แล้วก็ได้

    “ผมคงต้องขอให้คุณชี้แจง แนวทางในการแก้ไขปัญหาแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก คุณ-คิม-จี-วอน”  

    ทว่าไฟสีส้มดวงใหญ่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ปีศาจตนนี้รู้สึกอะไรได้ เอ้อ...อันที่จริงนอกจากแวมไพร์ กับพวกมนุษย์หมาป่า แสงไฟจ้าๆ ก็แทบไม่ได้ผลกับปิศาจทั้งหมดนั่นแหละ

    “อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ ถ้าจะให้แนะนำล่ะก็ คุณรีบๆ หาคู่สักทีได้ไหม”

    “มีคู่แล้วจะได้สงบเสงี่ยม เป็นพลเมืองดีแบบอินคิวบัสต์ทั่วๆ ไปได้สักที”

    คุณตำรวจตัวบางกดปิดโคมไฟเมื่อเริ่มรู้ตัวว่ามันไม่ช่วยอะไร

    นิ้วมือเล็กๆ นวดลงที่หว่างคิ้วเพราะขมวดเข้าหากันจนปวดหัวแล้ว

    ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย อ้าปากปฏิเสธข้อเสนอที่คิมฮันบินคิดว่ามันก็ดีต่อทุกฝ่ายที่สุดแล้ว

    “ผมคงไม่จับคู่กับของกินหรอกนะ”

    “ถ้าจะให้ผมถามกลับ ลองคิดดูหน่อยสิว่าคุณจะมีอารมณ์กับ…” อินคิวบัสต์ตัวปัญหาปรายตาสีดำที่เหลือบประกายสีม่วงไปที่กระเป๋าหลังโต๊ะของนายตำรวจหนุ่มที่เปิดซิปอ้า เห็นก้อนข้าวปั้นในนั้นรางๆ ”...ข้าวปั้นนั่นได้รึไง”

    “คุณจับคู่กับซักคิวบัสต์ก็ได้นี่ หรืออมนุษย์อะไรก็ได้ คนอื่นเขายังทำได้เลย”

    นายตำรวจคิมไม่เข้าใจเลยว่ามันเป็นปัญหาตรงไหนกัน

    เกาหลีมีประชากรปิศาจราคะเกือบๆ ห้าร้อย ส่วนใหญ่แล้วก็สงบเสงี่ยมดีไม่เห็นมีปัญหา

    อาจจะมีบ้างที่เผลอทำให้คู่ เอ่อ… คู่นอน เหนื่อยมากเกินไปอยู่บ้าง แต่เคสที่มีคนกรีดแขนกันเกือบตายแบบนี้ ออกจะรุนแรงมากเกินไปจริงๆ

    ถึงแม้จะยังไม่มีคนตาย แต่การที่โรงพยาบาลในโซลมีเคสคนกรีดข้อมือเป็นคำเดียวกันสามคนในหนึ่งอาทิตย์ ก็เริ่มทำให้เกิดข่าวลือแปลกๆ ขึ้นแล้ว

    เกิดข่าวลือเรื่องเหนือธรรมชาติ เท่ากับว่าสนธิสัญญาปกปิดตัวตนกำลังถูกล่วงละเมิด

    เรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่เจ้าตัวต้นเหตุ… คิมจีวอน หรือ เจ้าของชื่อ Bobby ที่เป็นคำเดียวกันกับรอยแผลบนแขนหญิงสาวมนุษย์สามคนกลับลอยตัวอยู่เหนือปัญหา

    ยังคงยืนยันที่จะทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ จับประเด็นเรื่องอื่นขึ้นมาแทน

    “ตำรวจเดี๋ยวนี้นี่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของประชาชนจังเลยนะครับ”

    “ว้า รู้สึกไม่ดีเลย...แย่จัง...”

    ชายหนุ่ม...อินคิวบัสต์ในร่างชายหนุ่มแกล้งถอนหายใจ

    แม้แต่เสียงลมผ่านปอดที่ไม่จำเป็นนั้นก็ยังฟังเย้ายวนอย่างน่าขนลุก

    สมเป็นปีศาจแห่งราคะ

    เจ้าหน้าที่คิมฮันบินกัดฟัน ตอบโต้ความกวนโมโหนั้นด้วยการโมโหใส่

    “ถ้าประชาชนทำตัวดี เจ้าหน้าที่จะไปก้าวก่ายได้ยังไง คุณรู้ไหมว่าการกระทำของคุณมันส่งผลต่อสังคมอมนุษย์ยังไงบ้างน่ะฮะ!”

    “แหม ผมเป็นปีศาจนะ มันผิดธรรมชาติไปหน่อยไหมถ้าจะขอให้ปีศาจอยู่ในกฎน่ะครับ”

    พอพูดขึ้นมา  ก็คล้ายจะมีเหตุผลจนเจ้าหน้าที่ไฮดราโต๊ะข้าง ๆ แอบผงกหัวที่หกและเจ็ด

    “และอีกอย่าง ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่ได้บังคับ ล่อลวง แม้แต่ชักชวนของกินพวกนั้นให้ทำอะไรเลย อันที่จริง ผมไม่ได้ใช้พลังเลยแม้แต่หยดเดียว”

    “คุณนี่นะ! สนธิสัญญาวาติกัน มาตรา 18 วรรค 2 ห้ามเรียกมนุษย์ว่าของกิน!”

    แฟ้มไม่หนาไม่บางตบลงบนโต๊ะดังปัง แม้จะทำให้ปีศาจตนอื่นตกใจ  แต่อินคิวบัสต์พูดยากตรงหน้ากลับทำเพียงยิ้มให้

    “ก็นั่นมันอาหารผมนี่”

    “สิทธิพื้นฐานที่จะเสพย์ไอชีวิต ไม่ถูกนับว่าเป็นการทำร้ายร่างกายนะครับ ถ้าจำไม่ผิดมันก็อยู๋ในสนธิสัญญาวาติกัน ข้อที่ประมาณสองร้อยกว่าๆ”

    “โว้ย เพราะแบบนี้ไง ผมถึงเกลียดพวกปิศาจในไบเบิล กินอาหารบ้าบออะไรของพวกคุณวะ กินให้มันเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาไม่ได้รึไง ไหนจะเพื่อนแวมไพร์ของคุณอีก พวกตัวปัญหา!!”

    ตบแฟ้มเริ่มไม่สะใจแล้ว  ตอนนี้เจ้าพนักงานอยากทึ้งผมแล้ว

    กระนั้นร่างคลั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดูจะยังคลุ้มคลั่งไม่สาแก่ใจปิศาจหนุ่ม

    ใบหน้าขาวซีดของคิมจีวอนปรากฎสีหน้าสะเทือนใจอันเสแสร้งกว่าก่อนหน้า

    “เอ้าๆ ตรงนี้มีการเหยียดเผ่าเกิด ขึ้นด้วยล่ะครับ”

    และเจ้าหน้าที่ไฮดร้าโต๊ะข้างก็ลองปรึกษาหัวต่อหัวกันว่าเราควรไปล็อคเจ้าหน้าที่คิมออกมาก่อนจะเอาแฟ้มฟาดผู้ต้องหาดีหรือไม่...




    จนดวงจันทร์สีเลือดดวงที่สองคล้อยลง นับเวลาได้ครบ 24 ชั่วโมงตามเวลาที่มนุษย์จะเข้าใจได้ เจ้าหน้าที่การ์กอยที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องขังก็เดินไปไขกุญแจให้ผู้ต้องหาออกมาเพราะจนครบเวลาที่สามารถกักตัวไว้  

    เจ้าหน้าที่คิมทำโอทีทั้งคืน สืบค้นข้อมูลสลับกับสอบปากคำก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อเอาผิดอินคิวบัสต์ตนนี้ได้ ทำได้แค่มองอีกฝ่ายบิดขี้เกียจแล้วจัดเสื้อผ้า ก่อนที่จะบอกลาและจากไปด้วยรอยยิ้ม


    น่ารำคาญเหลือเกินนนน


    มือเล็กของเจ้าหน้าคิม ที่ได้รับการส่งจูบลาสุดแสนจะกวนบาทาของผู้ต้องหาส่งท้ายควานลงไปในกล่องกระดาษ ยัดโดนัทน้ำตาลร้านข้างสถานีเข้าปาก

    แต่เพิ่งจะกัดกร้วมลงไปได้ครึ่งชิ้น

    โทรศัพท์ที่โอนสายเข้ามาจากส่วนกลางรับแจ้งเหตุ


    [เรียนเจ้าหน้าที่คิมฮันบิน เมื่อเวลา 22 นาฬิกา ตามเวลามนุษย์ รับแจ้งโรงพยาบาลเอกชนในเขตกังนัม มีผู้บาดเจ็บ กรีดแขนเป็นคำว่า Bobby เพิ่มอีกหนึ่งรายครับ]

    “...”

    “ร้อยโทคิมฮันบิน ผู้กำกับเรียกพบครับ ดูเหมือนอยากจะทราบความคืบหน้าของคดีกรีดแขน”

    “...”


    คิมฮันบินยัดโดนัทน้ำตาลอีกครึ่งชิ้นเข้าปาก กอดกล่องกระดาษที่ด้านในเหลือโดนัทอีกครึ่งโหล รู้สึกเหมือนน้ำตามันเอ่อขึ้นมา


    ไม่เอา ไม่ทำแล้ว!!






    tbc.

    ขอลัดคิวให้มิวส์องค์ใหม่ที่เจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูหน่อยนะคะ-------

    (ที่จริงเรื่องอื่นยังไม่พอตอน แค่ก แค่ก)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×