ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ikon - M U S E - double b

    ลำดับตอนที่ #4 : scene_03 take 5

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 61








    scene_03 take 5 cam roll 1510 sound 20:03:01





    ฮันบินแม้เถียงออกไปว่าต้องให้ดูบทก่อน ถึงจะให้คำตอบ แต่พอได้ฟังคอนเสปต์งาน ก็จำต้องยอมรับอย่างเสียมิได้ว่ามันน่าสนใจจริงๆ

    คิมจีวอนบอกว่าอยากจะเล่าเรื่องการพบกันที่แสนธรรมดาของคนสองคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ได้พบ ได้รู้จัก ได้ผูกพัน และจากลา

    โดยที่ตัวหนังไม่มีบทพูดเลยสักคำ และมุมกล้องก็จะเน้นถ่ายตั้งแต่ปลายคางลงมา เล่ารายละเอียดเรื่องทั้งหลายผ่านแค่การเคลื่อนไหวของมือและร่างกาย

    หนุ่มน้อยออกจะเก้อเขินหน่อยๆ ตอนที่อีกฝ่ายพูดพล่ามน้ำไหลไฟดับเกี่ยวกับว่าแรงบันดาลใจของบทอันนี้ มาจากการได้มองมือของฮันบิน....


    คนอะไรเนี่ย พูดออกมาแบบนี้ไม่อายรึไง

    ไหนจองแจวอนบอกว่าคนคนนี้เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจา ไม่ได้สุงสิงกับใคร

    โกหกกันเห็นๆ  เลย


    "mood and tone จะประมาณนี้"

    รูปที่อีกฝ่ายปรินท์มานั้นกระจายไปบนโต๊ะแล็บฟิล์ม ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดเรื่องนี้เล่น ๆ เลย เพราะพอเขาบอกว่าจะดูบท ก็โดนลากหลุน ๆ มาที่ตึกคณะ ที่แล็บฟิล์มนี่ เปิดลิ้นชักสองสามอัน และรายละเอียดทั้งหมดก็มากองลงตรงหน้า


    คน ๆ นี้รอเพียงเขาตกลง...จริง ๆ สินะ


    "แล้ว...จะเริ่มเมื่อไหร่เหรอ" ไล้ลูบปลายนิ้วไปบนภาพถ่าย เป็นมือเรียวขาวที่ดูสวยงาม ทั้งแข็งแรงและอ่อนช้อย ดูไม่ค่อยออกว่าเป็นของผู้ชายหรือผู้หญิง

    "เราว่างเมื่อไหร่ล่ะ"

    คำตอบที่เป็นคำถามนั้นทำเอาผู้กำกับละครเวทีคณะถอนใจเฮือก

    "เป็นคนคุมงานต้องบอกกำหนดการสิ จะมาถามนักแสดงได้ไง พี่ต้องรู้สิว่าอยากได้บรรยากาศประมาณไหน ฤดูอะไร ไหนจะนักแสดงร่วม จะมาให้สะดวกผมคนเดียวได้ยังไง"

    ท้ายเสียงสะบัดเหมือนจะบอก รุ่นพี่ ว่าอย่าให้เขาต้องมาสอนการบริหารกองถ่ายได้ไหม

    "ไม่มีคนอื่น"

    "...ห๊ะ?"

    "ไม่มีนักแสดงคนอื่น ฉากก็ไม่ค่อยมีฉากข้างนอก ส่วนใหญ่เป็นตึก ห้องสมุด ห้องพัก เตียง"

    "เตียง!?"

    “ไม่ได้เหรอ?”

    คืมจีวอนเอียงคอเล็กน้อย สีหน้าที่แทบไม่เปลี่ยนแปลงเจือความงุนงงเอาไว้เพียงจางๆ

    “ทะ… ทะ ทำไมมีเตียง?”

    “ก็ฉาก sex น่ะสิ”

    คิมจีวอนยังคงตอบหน้าตาย ในเสียงไม่มีความแปลกเปลี่ยนของอารมณ์ คล้ายแค่กำลังพูดถึงฉากกินข้าว เล่นดนตรี

    “พี่จะบ้าเหรอ ผมไม่เล่นนะฉากแบบนี้”

    “....”

    พอคิมฮันบินพูดออกไปแบบนั้น เสียงกร้าวชัดเจน สีหน้าของอีกฝ่ายค่อยปรากฏอารมณ์ขึ้นมา....ผิดหวัง เสียใจ ...เหมือนหมาตัวใหญ่ที่ถูกงดข้าวขนม

    “...”

    ทำให้คนรู้สึกผิด ทั้งที่ความเป็นจริงเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักหน่อย!

    "หนะ...ไหนบอกจะถ่ายแต่มือไง..." เสียงที่บอกออกไปนั้นนุ่มนวลขึ้นหลายส่วน ไม่ได้สังเกตตัวเองเลยว่าตอนนี้ หน้าที่เคยบอกว่าตาย ว่านิ่งของอีกฝ่ายนั้น เป็นตัวเองที่จับอารมณ์ได้หลากหลายขึ้นแล้ว

    "ก็มือไง แบบนี้"

    ไวกว่าความคิด มือกลมเล็กที่ถูกแขนเสื้อกินไปครึ่งหนึ่งถูกคว้าหมับ ฮันบินแม้จะกระตุกออกก็ยังทำไม่ทัน และตอนนี้ก็ทำไม่ได้ด้วยถูกรวบกุม แนบสนิท

    มือของคิมจีวอนนั้นใหญ่ อุ่นจัด แม้จะขาวมากจนดูเหมือนสำอางค์ แต่เนื้อฝ่ามือที่สากระคายก็ทำให้รู้ว่าคนๆนี้แค่ขลุกอยู่ในห้องฟิล์มจนตัวซีด แต่ไม่ได้คิดดูแลตัวเองแม้แต่น้อย

    "เวลาใส่เข้าไป มือจะจิกอะไรบางอย่างใช่ไหม แบบไม่รู้ตัวน่ะ"

    อีกฝ่ายยังบรรยายหน้าตาย มือใหญ่ ๆ นั้นก็บีบมือกลมที่นุ่มด้วยเนื้อตามคำพูด

    "...มือร้อนจังนะเรา"

    และเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง คิมจีวอนพิจารณาก้อนเนื้อนุ่มราวไร้กระดูกในมือ ก่อนจะเงยหน้า และมองเห็นมะเขือเทศผลหนึ่ง

    "อ้อ...ไม่ใช่แค่มือ" มะเขือเทศที่ได้แต่อ้าปากค้างอยู่เมื่อครู่ยกหลังมือที่เป็นอิสระขึ้นปิดปาก ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดออกมา ร้อนทั้งมือ ร้อนทั้งหน้า ทั้งหู

    ร้อนไปถึงท้องเลย


    อะไรกัน!




    “อืม... จะให้มือแสดงออกถึงความเขินอายยังไง อันนี้ก็เป็นการบ้านที่น่าสนใจไม่เลวนะ”

    คิมจีวอนพึมพำมองใบหูแดงจัดที่เหมือนกลีบกุหลาบ ตอนแรกเขาเพียงแต่สนใจมือแสนสวยของมิวส์ ที่ให้แรงบันดาลใจมากมายพลุ่งพล่านขึ้นในหัว แต่....ที่จริงแล้ว เมื่อมองให้เต็มตา ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะพูดว่า คิมฮันบินเองก็น่ามองไปหมดทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นใบหน้านั้น ที่เป็นหนุ่มหล่อขนานแท้ แม้จะไม่ได้มีสีหน้ารับแขกรับคนสักเท่าไหร่เลย

    ผิวที่ไม่ได้ขาวจัด ทว่าเป็นสีงาช้าง ดูเนียนละเอียดเหมือนเครื่องกระเบื้อง แต่ซับสีแดงก่ำได้อย่างงดงามน่าชม เส้นสายของกล้ามเนื้อต่างๆ บนร่างกาย ที่มองผ่านเสื้อผ้า ก็ไม่ได้มากหรือน้อยเกินไป...

    “หยะ...หยุดมอง แบบนั้นนะ!”

    “หืม...? แบบไหน?”


    แบบที่จะกินคนอื่นเขาน่ะ!


    คำที่ตะโกนอยู่ในหัวนั้นไม่ได้ล่วงออกมาจากปาก  คนๆนี้ทำได้ยังไงนะ ทำให้คนที่ใส่เสื้อผ้าครบมิดชิดรู้สึกราวกับเปลือย

    มันสั่นข้างในไปหมด

    "...ผ ผมว่างวันอังคาร" คนที่ดึงแขนตัวกลับมาได้รีบโอบมันเข้ากับเอวตัวเอง  และถามเรื่องอื่นให้มันไกลๆจากตัว

    "ทั้งวันเลยไหม" อีกฝ่ายถามกลับทันที มือใหญ่ก็ล้วงหยิบโทรศัพท์ตัวเองมาสไลด์สองสามที

    "เกือบทั้งวัน ไม่มีเรียน แต่สี่โมงถึงหกโมงต้องไปสตูแถวฮงแด ไปเอา bgm ของละครเวที" ฮันบินพูดไปก็เห็นคนตัวโตเขียนบางอย่างด้วยนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์ คงจะจดกำหนดการของเขา

    นะ...นึกว่าจะฟังเฉยๆเสียอีก…

    "อืม ถ้ามีนัดต่องั้นยังไม่ไปข้างนอกแล้วกัน  พี่นัด 7 โมงที่ห้องสมุดได้ไหม" ฮันบินเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองขยับไปใกล้จอโทรศัพท์นั่นก็ตอนที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา ขาเรียวถอยสองก้าวจนสะโพกกระแทกเข้ากับโต๊ะ

    "โอ๊ะ"

    ฮันบินเกือบจะล้มแล้ว ถ้าไม่เพราะมีร่างแข็งแรงของใครอีกคนก้าวตามเข้ามาประคองเอวเขาไว้

    จุดที่ฝ่ามือร้อนผ่าวแนบจับกับสีข้าง คล้ายจะทำให้ความร้อนบนใบหน้า และ ข้างใน ทวีความรุนแรง

    คิมฮันบินสูดลมหายใจลึก

    บอกให้อีกฝ่ายถอยออกไป เสียงสั่นเทาอย่างที่เขาก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงได้แปลกขนาดนี้

    “ขะ...ขอบคุณ”

    เมื่อคิมจีวอนถอยออกไปแล้ว หนุ่มน้อยค่อยมีโอกาสหายใจหายคอ บางอย่างที่สั่นๆ อยู่ในอกคล้ายจะสงบลงได้เล็กน้อย แต่คำพูดที่เอ่ยออกมาหลังจากนั้น ก็ยังคงสั่น ตะกุกตะกักอย่างน่าอาย

    “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเราบาดเจ็บขึ้นมา พี่ก็ลำบากเหมือนกัน”

    หนุ่มน้อยเงยหน้ามองคนพูดด้วยอยากรู้ว่าพูดด้วยอารมณ์ไหน  แต่พอเห็นเข้า ก็ไม่อาจตอบตัวเองได้ว่าอีกฝ่าย...หมายความว่าอย่างไร

    "นัด 7 โมงเช้าไปไหม แต่พี่คิดว่าช่วงนั้นห้องสมุดน่าจะคนน้อย  หรือเราว่าไง" คำถามจริงจังนั่นดึงเขากลับมา แม้จะงงๆอยู่บ้างว่าทำไมเขาถึงต้องใส่ใจอะไรด้วย

    "ก็คงง่วงมากเลยล่ะ  แต่ไม่ถ่ายหน้าคงไม่เป็นไร" ฮันบินเข้าใจอยู่แล้วเรื่องการนัดเช้าของการถ่ายทำ แต่ไอ้การเป็นมนุษย์นกฮูกของเขามันก็ทำให้ลำบากเหมือนกัน

    "เดี๋ยวซื้อกาแฟมาฝาก เอาไรดี" เหมือนจะเป็นการพูดคุยที่ผ่อนคลายลงแล้ว คิมจีวอนอิงสะโพกเข้ากับโต๊ะพลางถามเด็กที่ยืนซุกมือเข้าหากัน


    มือเล็ก ๆ ที่เกาะกันเป็นก้อน  ก็ดีแฮะ


    "ไม่กินกาแฟ" แต่คำตอบนั่นก็ทำให้เขาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เมื่ออีกฝ่ายหลุบตาลงอย่างเขินนิด ๆ กับคำตอบ

    "แล้วกินไรดี  pumpkin au latte ได้ไหม หรือจะเอาพวกชานม? Chai tea? Macha au latte ไหม"

    คนที่เตรียมตัวรับเสียงหัวเราะถึงกับกะพริบตามองร่างสูงใหญ่ตรงหน้า พยายามค้นหาวี่แววดูถูก หรือขบขัน หรือเอ็นดูที่ไม่ว่าจะอันไหนเขาก็ไม่ชอบอย่างที่เคยได้รับมาตลอด แต่ในดวงตาเรียวนั้นกลับคล้ายทะเลลึก แม้จะเห็น แต่ก็ไม่รู้ได้ว่าภายใต้นั้นเป็นอะไร

    "พี่ไม่ขำเหรอ" ถามออกไปตรงๆ คราวนี้อีกฝ่ายเหมือนจะขมวดคิ้ว โอ๊ะ ไม่พอใจเหรอ?

    "ขำอะไร  ขำที่เราไม่กินกาแฟ?" ฮันบินพยักหน้าหงึกหงัก  เหมือนจะสนุกกับสีหน้าของอีกฝ่ายขึ้นมายังไงไม่รู้

    "ไม่น่าขำนี่ คนเราจะชอบหรือไม่ชอบอะไรก็เป็นรสนิยมส่วนตัว แต่วันนั้นเห็นคุณแม่เราเตรียมกาน้ำชาไว้ในร้าน  เลยคิดว่าน่าจะชอบพวกชา"


    เป็นคน...ช่างสังเกตจนน่าขนลุกเลย


    ถึงแม้คิมฮันบินจะคิดกับตัวเองแบบนั้น แต่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าความรู้สึกอุ่นๆ หวานๆ ในปากในคอ ไปจนถึงในท้องเหมือนเวลาที่ได้กินช็อกโกแลตร้อนลงไปที่ตัวเองเป็นอยู่นี่มันคืออะไรกันนะ

    “ชาก็ชอบหรอก”

    “อืม... งั้นชาอะไรดี...”

    “ช็อกโกแลต”

    “หืม?”

    “ชอบช็อกโกแลตมากกว่า...”

    คิมฮันบินตอบงุบงิบ ก่อนจะผงะตกใจตอนที่อีกฝ่ายจู่ๆ ก็โน้มใบหน้าลงมา ทำให้ดวงตาเรียวยาวและริมฝีปากแดงฉ่ำนั่นยิ่งอยู่ใกล้กว่าเดิม


    กลิ่นแลปฟิล์มเองก็ด้วย…


    ลมอุ่นๆ แผ่วเบาที่ปัดเป่าลงกับปลายจมูก ยิ่งทำให้ฮันบินรู้สึกร้อนๆ ในท้องมากกว่าเดิม

    “อ้อ ก็คิดอยู่ว่ากลิ่นเราหอมๆ ดี นึกไม่ออกว่ากลิ่นอะไร ที่แท้กลิ่นช็อกโกแลตนี่เอง”

    “...”


    เหมือน เหมือนมีน้ำเดือดอยู่ในท้องเลย


    ฮันบินไม่รู้ตัวว่าเบนสายตาลงมองปลายนิ้วที่พันอยู่กันชายเสื้อตัวเอง จนกระทั่งกลิ่นแลปฟิล์มค่อยๆจางไปพร้อมไออุ่นนั่น

    "จะกลับเลยไหม พี่จะปิดห้องแล้ว"


    ฮือ...คิมฮันบิน เป็นอะไรไปนะ




    จำไม่ได้แล้วว่ามาม.เช้าขนาดนี้ครั้งสุดท้ายมันเมื่อไหร่กันนะ เพราะพอปี1เทอม2ที่ไม่ต้องลงวิชาตามที่ม.บังคับ ชีวิตของคิมฮันบินก็เริ่มหลัง11โมงมาตลอด

    และตอนนี้6:45

    เขากำลังเดินจากประตูหน้าม.ไปที่ห้องสมุด

    เช้าขนาดนี้แต่มหาวิทยาลัยก็เริ่มมีคนแล้ว และบางคนเหมือนจะไม่ได้กลับบ้านด้วย  เด็กหนุ่มซุกมือเข้ากระเป๋าเสื้อสเวตเตอร์สีครีมของตนเมื่อลมของฤดูใบไม้ร่วงพัดมา ในลมหายใจ เจือกลิ่นหอมหวาน

    "พี่จีวอน" ที่ข้างบันไดขึ้นห้องสมุด มีรุ่นพี่ตัวโตนั่งอยู่บนเวสป้าสีดำ กระเป๋าอุปกรณ์กล้องใบใหญ่มัดไว้กับเบาะอย่างแน่นหนาโดยมีขาตั้งกล้องยื่นออกมา  และที่บนกระเป๋ากล้องอีกที ก็มีกล่องใบเล็ก ๆ แปะตราคาเฟ่หน้ามหาวิทยาลัย

    "Morning, breakfast?"

    คนถามเปิดกล่องให้ดู ในนั้นมีแก้วสามใบและเบเกิล คนมองยังไม่ทันตอบก็เห็นแก้วใบหนึ่งยื่นมาที่เขา

    "Hot choco ของเรา"


    อือ...ยังไม่ทันกินเลย ทำไมมันหวานๆในปากแล้วล่ะ…

    แปลกใหญ่แล้วเขาเนี่ย หายใจ...หายใจลำบากจังเลย….


    ฮะ...ฮึบ…





    tbc.


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×