ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ikon - M U S E - double b

    ลำดับตอนที่ #2 : scene_01 take 4

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 61






    scene_01 take 4 cam roll 0204 sound 21:36:04


     


    "มาอีกแล้ว"

    ภาพคุ้นชินอย่างน่าหงุดหงิดในระยะนี้ของทีมละครเพลงปีสามคือรุ่นพี่ปีสี่ตัวโต ผมดำสนิทดูยุ่งอยู่เสมอ เสื้อจัมป์เปอร์กับเดนิมที่ทำให้พี่เขาดูตัวใหญ่ขึ้นไปอีก และ...กล้อง 8มม. ในมือ

    "อย่าไปสนใจ" ผู้กำกับของโครงการนี้พูดโดยไม่เงยหน้าจากบทที่ถืออยู่ ทำให้นางเอกละครเพลงอย่างเจนนี่ คิมเบ้ปาก หมั่นไส้เพื่อนเหลือเกินแล้ว

    "ถ้าไม่สนใจจริงๆ ทำไมนายต้องใส่เต๊นท์เดินป่ามาซ้อมตั้งแต่ที่พี่เขามาล่ะ"

    "นี่เสื้อแจ๊กเกต"

    "ใหญ่ปิดมือขนาดนี้ เอาไม้ปัก เอาเสื้อคลุม คุมะแปดตัวเข้าไปอยู่ยังมีที่เหลือเลย"

    “ก็หนาว”

    คิมฮันบินตอบหน้าตายเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงแฟชั่นช่วงนี้ของตัวเองเพียงสักนิด

    แปดวันแล้ว จากวันนั้น ที่จู่ๆ ก็ถูกรุ่นพี่ผู้ชายที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันเดินตามต้อยๆ ทั้งวัน

    และที่แย่กว่า

    คือไอ้คนเดินตามคนนั้น มันยังถือกล้องมาถ่ายเขาไปด้วย

    พูดก็แล้ว ไล่ก็แล้ว ด่าก็แล้ว

    ไม่รู้จะทำยังไงให้ไอ้หมากฝรั่งติดพื้นรองเท้าชิ้นน่าขนลุกนี่หลุดไปเสียที

    “ถามจริง ทำไมไม่ยอมๆ ไปจะได้จบ”

    "ไม่ว่าง" ฮันบินตอบไปด้วยเสียงไร้อารมณ์ แบบที่เจนนี่เองก็เบื่อจะตอแย เพราะตอนนี้ผู้กำกับเหมือนจะองค์ลงแล้ว เพราะคิมฮันบินกำลังขมวดคิ้วมองฉากที่กำลังทำอยู่

    "เฮ้ย ในบทเขียนว่าเถาองุ่นเว้ย แล้ววาดใบมะเดื่อทำไม!"

    เอ้าๆ วันนี้นางเอกอย่างเธอจะได้ซ้อมไหมเนี่ย


    ตึก ตึก ตึก

       ตึก    ตึก ตึก


    เสียงก้าวเท้าสองจังหวะดังคลอกันไปตามโถงด้านนอกของโรงละครคณะ ฮันบินรู้สึกเหมือนกำลังถูกล้อเลียนด้วยจังหวะการก้าวเท้าคร่อมกัน

    แบบเขาก้าวสองทีค่อยได้ยินเสียงอดิดาสข้างหลังทีนึงแบบนี้น่ะ


    ว่าเขาขาสั้นเรอะ!


    "พี่จีวอน" ฮันบินตัดสินใจหยุดและหันกลับไปหาคนที่เดินทอดน่องตามเขา แสงสุดท้ายของวันนี้ส่องผ่านกระจกบานยาวจรดพื้นเข้ามาเป็นสีส้มก่ำ เงาของรอยต่อกระจกพาดอยู่บนใบหน้าขาวจัด กระทบสันจมูกโด่ง โหนกแก้มสูง และทิ้งเงาไว้บนแก้มก่อนจะหายไปใต้แนวกรามคม

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้คิมจีวอนจะไม่ได้มีดวงตาโตหรือความรู้สึกแบบหนุ่มดอกไม้ แต่ภาพที่เห็น ก็ไม่ได้แสดงถึงสเน่ห์ที่อ่อนด้อย

    ออกจะ...สั่นใจคนมอง...อยู่บ้างด้วยซ้ำ

    "หืม..." อีกฝ่ายรับคำของเขาด้วยเสียงต่ำในลำคอ แผ่คลื่นบางอย่างออกมายามอีกฝ่ายก้าวมายืนตรงหน้าจนฮันบินต้องเงยหน้านิด ถึงจะเห็นแววตาคมนั้น

    "พี่เลิกตื๊อผมเถอะ ผมไม่ว่างจริงๆ" กลั้นใจพูดออกไป


    เป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วกระมัง


    “ทำไมพี่ไม่ลองจับคู่กับพวกเอกละคร แบบนั้นน่าจะง่ายกว่าเยอะเลย”

    ฮันบินไม่เคยคิดอยากอยู่หน้ากล้อง และไม่ชอบการที่รูปของตัวเองถูกบันทึกมาแต่ไหนแต่ไร

    “ถ้าพี่ชอบคนมือสวยๆ ผมรู้จักเยอะแยะเลย พี่จีซูเป็นไง มือก็สวย หน้าก็สวย นี่ไง ดูรูปไหม ผมแนะนำให้ได้นะ สนิทกัน”

    ไม่บ่อยเท่าไหร่ที่คิมฮันบินจะพูดอะไรยาวๆ แบบที่ไม่ใช่การด่าใคร

    แถมเขายังขายพี่สาวของเพื่อนได้โดยสีหน้าไม่เปลี่ยน หยิบรูปถ่ายของคิมจีซูเอกการแสดงออกมากางให้รุ่นพี่ตัวเองดู

    “ไม่ได้ชอบมือ”

    “...”

    “..แค่ชอบมือฮันบิน”

    กลีบปากรูปหัวใจถูกเม้มไว้ระหว่างฟัน ฮันบินเผลอกำมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อราวกับกลัวว่าจะมีใครบางคนมาขโมยมันไป


    อย่างที่ขโมยสายตาของเขาไปอยู่ตอนนี้


    "...ผม...ผมไม่ค่อยว่าง" หนุ่มน้อยก้าวถอยหลังเพื่อเพิ่มระยะห่าง ก่อนที่มันจะถูกทำลายลงเมื่อคิมจีวอนสืบเท้าเข้ามาจนระยะห่างเท่าเดิม

    "พี่รอได้" ฮันบินเป็นคนจมูกไว แบบที่ต้องจุดเทียนหอมในห้องทุกคืนก่อนนอน ดังนั้นเขาจึงได้กลิ่นจากแผงอกกว้างตรงหน้าอย่างชัดเจน


    กลิ่นกาแฟ หนังสือและน้ำยาบางอย่าง

    กลิ่นคล้ายๆกับแลปฟิล์มตอนปีสอง


    "ปีสี่แล้วจะมารอผมได้ไง เดี๋ยวก็เปอร์หรอก" เขาสูดลมหายใจอีกครั้ง และนั่นก็ยิ่งทำให้แน่ใจ คน ๆ นี้ต้องไปขลุกอยู่ในแลปฟิล์มจนกลิ่นติดตัวมาแน่ๆ

    "รอมาตั้งนานกว่าจะเจอ รอว่างอีกหน่อยจะเป็นไร"

    “ไม่ว่างหรอก...กว่า...กว่าผมจะทำละครเวทีจบ ก็...ก็หมดซัมเมอร์แล้ว”

    แล้วจะทันได้ยังไง

    ปีสี่คนอื่นเขาก็เริ่มถ่ายทำกันไปหมดแล้วสิ

    ไหนจะตัดต่อ ไหนจะโฆษณา

    คิมจีวอนยังจะเอาเวลาที่ไหนมารออะไรเขากัน

    “เดี๋ยวช่วยทำ จะได้เสร็จเร็วๆ”

    “ไม่ได้ขอสักหน่อย!”

    ฮันบินเถียงทันควันอย่างเคย แต่อีกฝ่ายไม่ใช่เพื่อนหรือรุ่นน้องที่ก็โต้กลับทันทีเช่นกัน แต่เป็นรุ่นพี่ประหลาด ๆ ที่นอกจากยิ้มและเอียงใบหน้าเหมือนจะพยายามหามุมมองเขาในแบบที่ต่างออกไปแล้ว คิมจีวอนก็ไม่ทำอะไรอีก

    "ผม...ผม..." รู้สึกเหมือนต้องพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาแพรวพราวคู่นั้น และสงสัยว่าทำไมแก้มถึงได้อุ่นๆ

    "อาจารย์ซงบอกว่าจองแจวอนก็มาช่วยนี่" คำพูดของอีกฝ่ายทำให้คนที่ก้มอยู่รีบเงยขึ้นมอง ตกใจจนตากลม


    นี่ไปถามพี่ชายเขามาด้วยเหรอ!


    "ผมช่วยวอนฮยองแต่ง bgm" ก็โปรเจคจบปีเดียวกับคนตรงหน้านี่ล่ะ

    "งั้นเรามาช่วยพี่ แล้วเดี๋ยวพี่ก็ตอบแทน ไม่ได้หรือครับ"

    “มาคงมาครับใส่ผมทำไม ขนลุก!”

    คิมฮันบินไม่ได้ตอบว่าได้หรือไม่ได้ แต่เลือกที่จะโฟกัสอยู่กับรูปประโยคสุภาพเกินสมควรของรุ่นพี่ที่หน้าตาก็ไม่ได้เป็นคนสุภาพเรียบร้อยแต่อย่างใด

    “แม่สอนว่าเวลาขอร้องใคร ต้องพูดเพราะๆ”

    “....”

    คิมฮันบินรู้สึกปวดหัวจี๊ดกับรุ่นพี่คนนี้ขึ้นมาเลย

    "พูดเพราะแล้ว ตกลงนะ โอเค" อีกฝ่ายทำท่าจะตีขลุม ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาสไลด์เปิด ก่อนจะยื่นมาตรงหน้า

    "ขอคาทกด้วย จะได้คุยรายละเอียดกัน"

    "ผมยังไม่ได้ตกลงเลยนะ!" อย่ามาหวังตีเนียนแบบนี้นะ!

    "แล้วนายจะเอายังไงล่ะ พูดเพราะๆแล้ว หรือจะเอาค่าจ้าง เลี้ยงหมูย่างได้ไหม" ฮันบินเริ่มรู้สึกว่าการกำกับละครชั้นปีนั้นเป็นงานง่ายเมื่อมาเจอกับจอมตื๊อตัวโต เด็กหนุ่มเผลอยกมือขึ้นบีบสันจมูกอย่างเคยที่ชอบทำเวลาใช้ความคิด

    "โอ๊ะ ขอถ่ายชอทนี้ได้ไหม นะๆ"  คิมจีวอนตื่นเต้นขึ้นมาทันที สลับมือเก็บโทรศัพท์ยกกล้องวุ่นวายไปหมด

    "จะมาถ่ายอะไรเล่า หน้าโทรมจะตาย โอ๊ย ไม่เอา!" มือเล็กผิดกับขนาดตัวยกขึ้นปิดบังหน้าไว้ ยังดีอยู่บ้างที่อีกฝ่ายไม่ดื้อด้านขนาดจะฝืนกดชัทเตอร์ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาต แต่ความเงียบที่เกิดขึ้นนั้นก็ทำให้คิมฮันบินค่อย ๆ ลดมือลง จึงเห็นสีหน้างงงวยของคนตัวโต

    "หน้าโทรมแล้วยังไง?"


    เอ๋?


    "ไม่ได้จะถ่ายหน้า จะถ่ายมือ แค่มือ"

    “...”

    คิมฮันบินรู้ตัวหรอกว่าเขาเองนี่ออกจะแปลกอยู่หน่อยๆ แล้ว แต่เมื่อเทียบกับคนตรงหน้า เขาก็กลายเป็นคนปกติธรรมดาไปเลย

    คนคนนี้จะรู้ไหม ว่าประโยคเมื่อครู่ ถ้าเอาไปพูดกับผู้หญิงสักคน จะโดนตบหน้าเอาง่ายๆ

    เล่นพูดเหมือนใบหน้าของใครสักคนเป็นของดาษๆ ที่ไม่ควรค่ากับการบันทึกภาพได้หน้าตาเฉย


    คิมจีวอนเป็นคนประหลาดที่ไม่น่าไปยุ่งเกี่ยวด้วยจริงๆ นั่นล่ะ


    “วันนี้พี่กลับไปเหอะ ผมปวดหัวจริงๆ แล้วล่ะ”

    “แปลว่าถ้าเป็นระดับก่อนหน้านี้ยังโอเคใช่ไหม?”


    ...เขาไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นไหมวะ!!


    “งั้นจะไม่ยกกล้องขึ้นมากะทันหันละกัน ขออยู่ดูต่ออีกหน่อย เผื่อมีอะไรที่พี่ช่วยได้ จะได้ช่วยเลยไง ดีไหม?”


    ประเด็นก็ไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นโว้ย!!!

    แล้วเขาก็ยังไม่ได้ตกลงเรื่องจะเปลี่ยนกันช่วยงานเลย!!!!!


    “หยุดตีขลุมเรื่องผมตกลงกับดีลของพี่ซะที!”

    “อ้าว...นึกว่าเนียนแล้วเชียว”

    “ไม่เลยสักนิด!”


    "แบบนี้ก็ไม่เนียน"

    คนที่รอรถไฟใต้ดินอยู่ในชานชาลาบางคนหันไปมากับเสียงนั้น แต่หลายคนก็ยังคงจมอยู่ตัวตัวเองและโทรศัพท์ในมือ ทำให้ไม่เห็นผู้ชายร่างผอมบางคนหนึ่งกำลังหันไปพูดกับผู้ชายตัวใหญ่ที่ใส่ฮู้ดดี้สีเขียว

    "เอ้า พี่ก็กลับรถไฟเหมือนกันนี่" คนโดนว่าข้อหาเดิมสองรอบชูบัตรโดยสารรายเดือนให้อีกคนดู

    "อ้าว พี่ก็อยู่มาโปเหรอ"

    ฮันบินลดเสียงลง

    รู้สึกเสียใจหน่อยและเขินนิด ๆ ที่กล่าวหาว่าอีกฝ่ายตามตัวเองมา เพราะเขาเองก็อดทนให้คนตัวใหญ่ยังกับหมีนี่เดินตามลงมาซับเวย์ รอจนกระทั่งอีกฝ่ายมายืนรอชานชาลาเดียวกันจึงค่อยว่า เพราะไม่งั้นอาจจะปล่อยไก่ถ้าอีกฝ่ายไปคนละทาง

    "เปล่า อยู่ชองนัมดง อ้อ เราอยู่มาโปเหรอ ไกลนะ"


    ชองนัมดงนั่นมันคนละทิศเลยไม่ใช่รึไงกัน!


    คิมฮันบินหน้าตึง

    เกิดความคิดชั่วร้ายว่าอยากจะผลักอีกฝ่ายออกจากรถไฟตอนที่ประตูกำลังจะปิด แต่เขาก็ทราบว่าทำแบบนั้นมันอันตรายเกินไป และสอง ตัวเองคงไม่มีปัญญาผลักคนที่ตัวใหญ่กว่าตัวเองเกือบเท่าตัวนี่ให้ขยับได้ดังนั้นหนุ่มน้อยจึงอดทน พึมพำคำว่าช่างแม่งอยู่ที่ริมฝีปาก

    กระทั่งรถไฟมา คนค่อนข้างแน่น คิมฮันบินก็อาศัยความคล่องตัว มุดเข้าไปด้านในสุดอย่างไม่ลังเล

    แอบหวังอยู่นิดๆ ว่าคนตัวโตบางคนคงตามมาไม่ได้หรอก

    แต่เขาก็คิดผิดอีกนั่นล่ะ หมอนั่นแหวกทะเลคนออกอย่างค่อนข้างง่าย รู้สึกตัวอีกที ตรงตำแหน่งชิดประตูด้านใน

    คิมฮันบินก็ได้กลิ่นแลปฟิล์ม...

    ฮันบินนั้นอันที่จริงก็นับว่าเป็นผู้ชายที่สูง อย่างน้อยก็หายใจสะดวกเวลาขึ้นรถเมล์ล่ะ

    แต่ตอนนี้ ตรงหน้าของเขาคล้ายจะถูกปิดกั้นจากภายนอก มีเพียงเสียงจ้อกแจ้กของรถไฟที่คุ้นเคยเท่านั้นที่เล็ดลอดกำแพงหนาเข้ามาได้

    กำแพง...คิมจีวอน

    "เข้ามาซุกมุมแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนเบียดจนออกไปไม่ได้หรอก" กลิ่นแลปฟิล์มที่เจือปนในอากาศนั้นไม่คุ้นเคย ไม่ต้องนับเสียงทุ้มและไออุ่นจากตัวของคนพูด

    และก่อนที่ฮันบินจะได้โต้ตอบอะไร แรงกระชากเบาๆเมื่อรถออกตัวก็ทำให้ต้องเอนตัวพิงผนัง รอรับแรงกระแทกจากกลุ่มคนอย่างทุกที

    แต่วันนี้...ไม่มี

    "อ่ะ ขอโทษครับ" เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าแขนขวาในเสื้อฮู้ดสีนั้นวางค้ำเข้ากับข้างไหล่เขา รองรับแรงกระแทกจากชายคนข้างๆเอาไว้จนหมด แถมเจ้าของมันยังหันไปขอโทษคนกระแทกอีก

    ตึก

    อะ...อะไรกัน...

    ใจเต้นบ้าอะไรเล่าคิมฮันบิน



    tbc.




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×