ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ikon - M U S E - double b

    ลำดับตอนที่ #1 : scene_00 take 1

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 61







    scene_00 take 1 cam roll 1203 sound 21:03:00



    คิมจีวอนเป็นนักศึกษาปีสี่ ที่กำลังตบตีกับธีสิสเหมือนที่นักศึกษาปีสี่คนอื่นเป็นกัน

    แตกต่างกันอยู่บ้างตรงที่เขาเรียนฟิล์ม และโปรเจคจบคือการทำหนังสั้น 30 นาที ที่ตอนนี้ยังไม่มีแม้แต่โครงเรื่องในหัว

    “ไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง หมกตัวอยู่แต่ห้องมืด จะเอาแรงบันดาลใจจากไหนกัน”

    ประโยคนั้นของอาจารย์ที่ปรึกษาอายุเท่ากัน ไล่เขาระเห็จออกจากห้องทำงาน

    ทำเอาคิมจีวอนที่ตลอดสี่ปีไม่เคยจะได้ไปไหนถ้าไม่ใช่การหาโลเคชั่นกับถ่ายวีดีโอยืนอึนอยู่พักใหญ่

    เงยหน้ามองฟ้าสลัวเลือนๆ ของปลายเดือนมกรา ปัดหิมะออกจากปอยผม แล้วก็ตัดสินใจไปหาแรงบันดาลใจในที่ที่อุ่นกว่านี้

    ห้องสมุดของคณะเป็นตัวเลือกที่ดี

    อบอุ่นและเงียบดี กลิ่นกระดาษ กลิ่นไม้และกลิ่นหมึกเองก็ดีมากเช่นกัน

    บางทีเขาอาจจะได้ไอเดียเจ๋งๆ จากหนังสือสักเล่มก็ได้…


    การตีความวรรณกรรมใหม่เป็นอะไรที่คลาสสิค...


    จีวอนสุ่มหยิบวรรณกรรมภาษาอังกฤษเก่าๆ หลายเล่มออกมาจากชั้น ทำเอามันว่างโหวงเป็นช่องๆ มองเห็นขอบกระดาษอีกด้าน

    และขี้เกียจเกินกว่าจะหอบมันไปไหนไกล

    ตัดสินใจทำรังอยู่โต๊ะตรงข้างชั้นนั่นเอง


    ชายหนุ่มจมลงกับหนังสือทีเลือกมา

    หลายเรื่องก็ชอบ แต่เหมือนมันยังมีบางอย่างที่ไม่ใช่

    จนเมื่อรู้สึกว่าสายตาล้า

    เขาก็ยอมแพ้ เงยหน้าขึ้นจากหนังสือจนได้

    ตอนแรกเขาเหม่อมองไปไกลๆ โดยไม่มีจุดรวมสายตา

    แต่การเคลื่อนไหวบางอย่างก็ทำให้เขาต้องกะพริบตาเพื่อปรับโฟกัส


    เป็นมือข้างหนึ่ง ที่เห็นลอดระหว่างช่องว่างของหนังสืออีกฝั่งที่ถูกดึงออกไป

    หนึ่งเล่ม สองเล่ม...

    ไม่ใช่ภาพโทนมืดดำๆ ซีดๆ เหมือนในหนังเฮอเร่อเกรดซี

    แต่เป็นมือสีงาช้างท่ามกลางโทนสีซีเปีย

    เป็นหนังสีทองแบบยุคปี 90 หรือช่วง 2000

    นิ้วเรียวเล็กดูบอบบาง... ขนาดกะด้วยสายตาดูเหมือนจะแค่ครึ่งหนึ่งของมือเขา

    เคลื่อนไหวช้าๆ นุ่มนวล

    ราวกับมี mbg เป็นเพลงคลาสลิกของบีโธเฟ่น

    หยิบหนังสือออกไป


    ทีละเล่ม... สองเล่ม...

    นั่นเป็นภาพที่...งดงามมาก...

    สวยเสียจนเขาลืมหายใจ

    นั่งมองตาค้างอยู่เป็นนาน

    กระทั่งตอนที่มือคู่นั้นหายไปจากช่องว่างระหว่างเล่มหนังสือ

    คิมจีวอนที่เฝ้ารอจะพินิจมือสวยๆ นั่นอีกครั้งค่อยรู้สึกตัวขึ้นมาได้

    เขามัวนั่งทำบื้ออะไรอยู่ ทำไมถึงไม่ลุกออกไปดูว่าเจ้าของมือนั่นเป็นใคร

    แต่กว่าสมองที่ใกล้เจ๊งเต็มทีแล้วของนักศึกษาเอกฟิล์มตาดำๆ คนหนึ่งจะรู้ตัวว่าควรทำอะไร อีกฝั่งของชั้นหนังสือนั้นก็ว่างเปล่าไปแล้ว...

    มิวส์ ที่เขายังไม่ทันแน่ใจว่าเป็นเมลโพมินีแห่งละครโศกหรือธาเลียแห่งสุขนาฏกรรม ได้อันตรธานหาย ไม่เหลือแม้แต่เงา

    นักศึกษาเอกฟิล์มที่เกือบสติแตกเพราะแรงบันดาลใจหายไปต่อหน้าสะกดกลั้นเสียงกรีดร้อง พุ่งตัวเข้าชิดชั้นหนังสือ ค้นหาเบาะแสสุดท้ายของมิวส์ของเขา (เออ ของเขา!)

    ชั้นที่อยู่อีกฝั่งของวรรณกรรมต่างประเทศ

    เป็นชั้นหนังสือเกี่ยวกับการดนตรี

    ถัดมา คิมจีวอนที่สิ้นหวังไม่น้อยกว่าเดิมนับชั้นหนังสือ จากองศาของมือที่เขาเห็นเมื่อครู่... ดูเหมือนคนที่ยืนอยู่จนเมื่อกี้ ความสูงน่าจะไม่แตกต่างจากเขาเท่าไหร่

    อะไร ยังมีอะไรอีกที่เขาจำได้…


    นิ้วเล็กๆ นั่นสะอาดสะอ้านมาก ดูนุ่มนิ่มเหมือนไม่มีกระดูก

    เล็บค่อนข้างสั้น...ไม่ได้ทาสี

    คิมจีวอนไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนคลั่งมือ

    แต่เวลาเพียงชั่วอึดใจเมื่อกี้ เขาพบว่าตัวเองจดจำได้ชัดเจนมากจนน่าตกใจ

    ...ยังมี...ยังมีอะไรอย่างอื่นอีก…


    ที่ข้อมือ...เหมือนจะ... สวมกำไล...? นาฬิกา?

    ไม่ใช่ ดูเหมือนว่าจะเป็นสายหนังถักสีแดง...

    ชายหนุ่มคว้าเบาะแสที่พบเอาไว้แน่น


    “ไปห้องสมุดวันนี้”

    “ใช้หนังสือพวกดนตรี”

    “ตัวสูง”

    “มือสวยมาก ไม่ทาเล็บ”

    “ใส่สายหนังสีแดงที่ข้อมือ”

    “โอ้โห คิมจีวอน ข้อมูลนายมีแค่นี้แต่มอเรามีนักศึกษาเป็นหมื่น คงจะหาเจออยู่หรอก”


    ต่อหน้าอาจารย์ที่ปรึกษา

    คิมจีวอนพร่ำรำพันถึงมิวส์ของเขาที่สาบสูญ และถูกตอกกลับมาหน้าแทบหงาย


    เออว่ะ


    ชายหนุ่มถูกด่าจนสำนึก

    ชีวิตคนแม่งไม่เหมือนในหนังรักโรแมนติกสักหน่อย อะไรทำให้เขาคิดว่าจะหามิวส์ของตัวเองเจอได้จากนักศึกษาเป็นหมื่นคน

    “ไป ออกไป เดี๋ยวมีคนอื่นจะเข้ามาขอคำแนะนำอีก อย่ามาไร้สาระกับฉันแถวนี้”


    ขณะที่กำลังคิดว่าจะแกล้งทำกระเป๋าตังหายเพื่อไปขอลุงรปภ.ดูกล้องวงจรปิดของห้องสมุดดีไหม

    ซงยุนฮยองอาจารย์ที่ปรึกษาก็เอ่ยปากไล่

    จีวอนถอนหายใจ รวบเอาหนังสือที่วางบนโต๊ะขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกจากห้อง

    พอดีสวนกับคนที่มีนัดต่อจากเขา


    “อ้าว ฮันบิน มาพอดี เข้ามาๆ เรื่องละครเวทีของปีสามที่บอกว่าอยากทำมิวสิคคอลกันใช่ไหม”

    ตอนที่เดินผ่าน

    รุ่นน้องปีสามที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี รุ่นน้องที่เคยทักทายกันบ้างบางครั้งเวลาบังเอิญเจอ

    จู่ๆ อะไรไม่รู้ดลใจให้เขามองดู...

    ปลายนิ้วเล็กๆ ที่โผล่พ้นปลายแขนเสื้อกินมือของเสว็ตเตอร์ไหมพรมสีขาวหลวมโพรก...

    เล็กบางเหมือนของผู้หญิงและไม่ได้เรียวยาวอะไร

    ดูนุ่มเหมือนปั้นขึ้นจากน้ำ... เล็บสั้นสะอาดสะอ้าน...

    “เชี่ย!! พี่จีวอน ทำบ้าอะไรของพี่วะ”


    เสียงอุทานตามด้วยคำด่า และเสียงหนังสือตก ตอนที่เขาคว้าข้อมือผอมๆ นั่นไว้ เพื่อรั้งปลายแขนเสื้อลง

    ชีวิตคนบางทีก็เหมือนหนัง

    ซึ่งเขายังไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นหนังรักโรแมนติกหรือคอมเมดี้ชวนหัว

    แต่ว่า

    ข้อมือผอมที่ยามกำรอบยังมีปลายนิ้วเหลือนั่น ...มีสายหนังถักสีแดงรัดพัน

    “เจอแล้ว”

    “อะไร นี่พี่นอนไม่พอป่ะเนี่ย ละเมออะไรไม่รู้เรื่อง”

    “เจอแล้ว”

    “เมื่อไหร่จะปล่อยวะเนี่ย ผมก็อยากรีบคุยรีบกลับไปนอนเหมือนกันนะเว้ย”

    “เจอแล้วยุนฮยอง คนนี้แหละ มิวส์ของฉัน”


    ฮะ?????????????????

     




    tbc.

    มาอัพขัดตาทัพ แฮ่

    ลงไว้ก่อน อาจจะนานหน่อยกว่าจะได้มาต่อนะคะ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×