ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] LOST CONTROL (MARKBAM)

    ลำดับตอนที่ #9 : : the ninth :

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.28K
      77
      29 ต.ค. 60

     

     

    9

     


     


    การดูแลคนเมาจะไม่ถูกจัดอยู่ในสิบอันดับกิจกรรมที่แบมแบมชอบอย่างแน่นอน

      

    เอาล่ะ ตอนนี้เขาอยู่ในห้องน้ำ นั่งแช่ในท่ายองๆ มาได้หลายนาทีแล้ว และมีมาร์ค ต้วนนั่งคุกเข่ากับพื้นกำลังโก่งคอพยายามเอาสิ่งที่อยู่ในท้องทั้งหมดออกมาเหนือโถชักโครกข้างๆ เป็นความทรมานหลังกินเหล้าที่แบมแบมเข้าใจดี เลยต้องมานั่งลูบหลังให้อยู่แบบนี้ทั้งที่มันไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของเขา

     

     เอ่อ...โอเค ที่จริงก็มีส่วนนิดนึง

     


    เออ อ้วกออกมาให้หมด เสียของไหมแบมแบมเบ้ปากพลางส่ายหน้า บ่นไปลูบหลังไป มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าคางมองดูมาร์คแล้วพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

     

    ว่ากันตามตรง เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสนใจสักนิด แค่ไม่ปล่อยทิ้งไว้ตรงบันไดและพาขึ้นมานอนบนห้องก็ทำหน้าที่รุ่นน้องที่ดีจะแย่อยู่แล้ว นี่ยังไม่พอต้องช่วยลูบหลังให้อีก มันใช่เหรอ ตอนกินก็เห็นว่ากินเข้าไปเองได้ ตอนเอาออกก็ต้องเอาออกเองได้เหมือนกันดิ แต่พอรับรู้ถึงอาการอ้วกไม่ออกอันสุดจะทรมานแล้วก็อดสงสารไม่ได้ สุดท้ายเลยมานั่งจ่อมอยู่ข้างชักโครกอย่างที่เห็น

     

    ยืนยันว่ามาร์ค ต้วนนี่เจ้ากรรมนายเวรชีวิตเขาจริงๆ

     

    แบมแบมลุกขึ้นและดึงแขนมาร์คให้ลุกตามเมื่ออีกฝ่ายดูเหมือนจะเอาไอ้ที่หมุนวนอยู่ในท้องออกมาจนหมดแล้ว เขาพาไปที่อ่างล้างหน้าและบอกให้บ้วนปาก ไอ้พี่หัวแดงเกิดอาการแรมต่ำขึ้นมาอีก กว่าจะโหลดคำสั่งและประมวลผลเสร็จก็กินเวลาสักพักถึงเปิดก๊อกน้ำได้ แต่มันยังไม่หมดเวรหมดกรรมเพียงแค่นั้น เพราะหลังจากบ้วนปากเสร็จ ก็มีถลาลงไปกอดโถชักโครกรอบที่สอง

     

    เขาถอนหายใจและตามลงมานั่งลูบหลังเหมือนเดิม

     

    อารมณ์แม่งแตกต่างกับเมื่อห้านาทีก่อนแบบลิบลับ จากบรรยากาศชวน...เอ่อ...เขิน มาร์คสามารถทำให้มันหายวับไปในพริบตาได้โดยการทำท่าจะขย้อนสิ่งที่อยู่ในท้องออกมา เซ้นส์ที่มีบอกว่าคราวนี้แม่งของจริงแน่ๆ ไม่มีให้เวลาเขินอายบ้าบออะไรทั้งนั้น เขาลากอีกฝ่ายถูลู่ถูกังขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว (ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี) กดรหัสเปิดประตูแบบเร่งรีบที่สุดในชีวิต ก่อนจะพาดิ่งไปที่ห้องน้ำได้ทันเวลา

     

     และไอ้เหตุการณ์ตรงบันได อย่าได้คิดเชียวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น มันจบอยู่แค่นั้นแหละ แค่นั้นจริงๆ แล้วมาร์คก็ผละออกไป แต่ทิ้งความรู้สึกกระอักกระอ่วนสิ้นดีไว้ให้เขาเผชิญ โอเค ไม่ใช่แค่กระอักกระอ่วนอย่างเดียว ยอมรับว่ามีเขินนิดหน่อย...

     


    ...ก็ได้ ที่จริงมันไม่นิดหน่อยหรอก

      

    แต่มันก็เท่านั้นแหละ พอเห็นมาร์คนั่งกอดชักโครกอย่างหวงแหนราวกับเป็นสิ่งล้ำค่า แบมแบมก็หมดอารมณ์จะเขินแม่งแล้ว ไอ้พี่หัวแดงในสภาพนี้เป็นของแปลกที่หาดูได้ยาก ตอนนี้ไม่เหลือมาดพี่มาร์คคนหล่อของน้องๆ อีกต่อไป มีแต่ไอ้พี่มาร์คขี้เมาทำตัวเรื้อนและกลายร่างเป็นภาระเขาอยู่เนี่ย

     

    รอจนแน่ใจว่าหมดก๊อกสองและไม่มีทีท่าว่าจะต่อรอบสาม ถึงค่อยดึงให้ลุกขึ้นไปที่อ่างล้างหน้าอีกรอบ มาร์คทำตามอย่างว่าง่ายแต่ยังเป็นเหมือนเดิมคือโหลดนานจนน่าหงุดหงิดกว่าจะทำแต่ละอย่าง มนุษย์ขี้เมาดูมีสติขึ้นมาหน่อยหลังจากล้างหน้า แบมแบมคว้าคอเสื้อตัวในของเจ้าตัวมาเช็ดหน้าลวกๆ ก่อนจะพาออกจากห้องน้ำมาปล่อยลงที่โซฟา

      

    ยืนยันอีกรอบว่ามาร์ค ต้วนนี่เจ้ากรรมนายเวรชีวิตเขาจริงๆ

     

    ถ้าเป็นปกตินี่ฝันเหอะว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ให้ ไม่-มี-ทาง แต่ไอ้ที่ทำอยู่ทั้งหมดตอนนี้คือเห็นแก่ที่เคยมาช่วยทำโมเดลหรอก แบบ...เป็นคนดีไง มีจริยธรรม คุณธรรมและมนุษยธรรมนำจิตใจให้ผ่องใสอย่างเหลือล้น ช่วยเหลือแม้กระทั่งคนที่ตัวเองไม่(อยาก)สนิทด้วยขนาดนี้ โหยยย นี่แบมแบมไม่ค่อยอยากจะภูมิใจในตัวเองเท่าไหร่เลย

     

    แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่อยากจะพูด...

     

    บางทีเป็นคนดีมันก็ไม่ดีเสมอไป

     

    เมาก็นอนไปสิวะ ปล่อย!”


    ขณะที่เขากำลังพยายามถอดแจ๊คเก็ตยีนส์บนตัวมาร์คที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า อยู่ดีๆ ไอ้คนเมาที่นอนนิ่งก็เริ่มออกอาการเลื้อย ยื่นมือมาคว้าหมับลงบนแขนและดึงเข้าหาตัว คิดว่าแบมแบมจะทันได้ตั้งตัวไหม ก็ไม่น่ะสิ ก็เลยถลาตามแรงดึงน่ะสิ ก็ลงไปพาดอยู่บนตัวมันน่ะสิ! แล้วแม่งมีขั้นพัฒนาเอาแขนมาโอบด้วยนะ มีการปรือตามองก่อนจะหลับต่อด้วย เฮ้ย ไอ้พี่มาร์ค ไอ้พี่บ้ามึงอย่าเพิ่งหลับ ปล่อยก่อน!!!

      

    มาร์คขมวดคิ้ว บ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

     

    ...อือ อย่าดิ้น จะนอน


    มันใช่ความผิดของเขาที่ไหน เออ รู้ว่าจะนอนแต่ปล่อยก่อนได้ไหมล่ะ ละเมอเห็นเขาเป็นหมอนข้างหรือยังไง แต่จะอะไรก็ช่าง แค่ช่วยผ่อนแรงให้ขืนตัวออกไปหน่อยเหอะ มันจะกอดแน่นเกินไปแล้ว นี่แรงคนหรือแรงควายห๊ะ สาบานสิว่าเมาจริงๆ

     

    ปล่อยดิเฮ้ย!” โวยวายกับคนไม่ค่อยมีสติไปก็ไม่มีประโยชน์ อันนี้แบมแบมรู้ดี แต่ใครจะไปอยู่เฉยได้ ไอ้พี่นี่ไม่ยอมปล่อยสักทีแถมเอาขามาเกี่ยวไว้อีก มึงจะแอดวานซ์เกินคนเมาไปแล้ว

     

    แบมแบมดิ้นขลุกขลักพยายามแงะตัวเองออกจากแขนและขาของมาร์คให้ได้ แต่ก็ค้นพบว่าเป็นอะไรที่น่าสิ้นหวังมาก เพราะนอกจากจะไม่เกิดผลลัพธ์ในทางที่ดีแล้ว ยังทำให้อีกฝ่ายพึมพำงึมงำด้วยความหงุดหงิดที่โดนกวนและรัดเขาแน่นขึ้นไปอีก เวรเอ๊ย 

     

    อยากจะถีบไอ้พี่หัวแดงลงไปนอนที่พื้นให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

     

    แต่คือทำไม่ได้ เขาพาดอยู่บนตัวมันไง...

     

    ไม่มีความโรแมนติกชวนให้หวั่นไหวใจเต้นอะไรทั้งสิ้น ตัวแม่งเหม็นเหล้าหึ่งขนาดนี้เขารู้สึกอะไรด้วยไม่ลงหรอก ที่รู้สึกตอนนี้มีแต่อารมณ์เซ็งจิต อยากนอนและเหนื่อยจะตายห่าแล้วครับ มันจะอะไรกันนักกันหนา

     

    เกลียดคนเมาจังเลยโว้ยยย!!!

     

    มาร์คดูเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น ส่งเสียงอือออในลำคอยามขยับตัว ทำท่าจะตะแคงไปอีกด้าน แบมแบมเลยต้องขืนไว้ให้อยู่ในท่าเดิม แค่โพสิชั่นปัจจุบันก็เลวร้ายมากพอ ไม่พร้อมไฝว้กับขั้นกว่าจริงๆ เขากลอกตาไปมา ไม่รู้จะเอาสายตาไปวางตรงไหน สุดท้ายก็เป็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ มองมาร์คขยับหันไปอีกทาง แล้วความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว

     

    ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว...

     

    นี่...แบมแบมเขย่าตัวอีกฝ่ายเบาๆ ลองส่งเสียงหยั่งเชิง ถามอะไรหน่อยสิ

     

    ...อือ

     

    เคยได้ยินไหม เวลาคนเราเมามักจะขาดสติยั้งคิดและพูดทุกอย่างในใจออกมาแบบหมดเปลือก เขาเห็นมาหลายรายแล้ว อย่างเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในสาขาที่เมาแล้วบรรเลงดราม่าชีวิตรักกับแฟนหนุ่มให้ร่วมเผือกโดยไม่ต้องร้องขอ แค่มีคนพูดสะกิดขึ้นมานิดๆ หน่อยๆ เจ้าหล่อนก็สาธยายให้ฟังเป็นฉาก เห็นภาพเหตุการณ์อย่างกับระบบสามมิติ

     

    สำหรับเขา สิ่งดีๆ ที่ได้จากเหล้ามันอยู่ตรงนี้แหละ

      

    ที่ตอบดูจุนว่าชอบน่ะ ชอบอะไรเหรอ


    แบมแบมยังข้องใจกับไอ้คำถามนั่นไม่หาย เขาไม่ชอบความรู้สึกค้างคาหรือการที่เห็นว่าทุกคนรู้เรื่องหมดแต่เขาไม่รู้อยู่คนเดียวบนโลก ก็ไม่ได้คิดชั่วร้ายจะหลอกถามคนเมา แค่เห็นว่ามีโอกาสทั้งที ถ้าไปถามแบบเดียวกันตอนที่มาร์คมีสติ คิดว่าจะได้คำตอบจริงๆ ไหม ก็ไม่ไง แน่นอนว่ามันต้องกวนตีนใส่อย่างไม่ต้องสงสัย

     

    มาร์คมุ่นหัวคิ้ว หน้ายุ่ง

     

     ดูจุน... ทวนชื่อแล้วเงียบไปสักพักก่อนจะพึมพำตอบกลับมา อือ ใช่...ชอบ

     

    แล้วชอบอะไร

     

    ชอบ...อือ ชอบ...มาร์คพยักหน้าหงึกหงักแต่ไม่พูดต่อ เว้นช่องว่างไว้ขนาดใหญ่ให้เติมคำตอบเอาเอง

     

    จากที่กำลังลุ้นๆ ฟีลก็ดิ่งลงเหวทันที แบมแบมจิ๊ปาก เขย่าตัวมาร์คอีกรอบ รีแอคชั่นมีเพียงเสียงอืออองุ้งงิ้งในลำคอ คิ้วมุ่นเข้าหากันอย่างรำคาญใจ แต่ไม่หลุดปากอะไรออกมามากกว่านั้น เออ ดีจริง เขาเล่นตัวไม่ตอบแหละ มีจบแบบทิ้งท้ายให้คิดด้วยนะ แอดวานซ์กว่ามนุษย์ขี้เมาทั่วไปที่เคยเจออีกอ่ะมึง

     

    เพราะทำยังไงก็ไม่ได้คำตอบแบมแบมเลยยอมแพ้ บอกตัวเองว่าช่างแม่งเหอะ ไม่ตอบก็ไม่ตอบดิ ถ้ามันยากเย็นนัก ไม่อยากรู้ก็ได้

      

    เขายังคงพยายามทำให้ตัวเองหลุดจากการโดนเกี่ยวและโดนกอด ซึ่งคราวนี้ง่ายดายอย่างคาดไม่ถึง มาร์คคลายแรงที่แขนตอนขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถ แบมแบมเลยหลุดออกมาได้และถอยมานั่งคุกเข่าที่พื้นข้างโซฟาพร้อมด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยยิ่งกว่าตอนตัดโมเดลยันเช้าอีก เขาเบ้ปากใส่คนเมาที่นอนไม่รู้เรื่องก่อนจะลุกขึ้น หันหลังให้แก่ภาพนั้นเสีย

     

    ในความมืดสลัว ระหว่างทางเดินสั้นๆ จากห้องนั่งเล่นถึงประตูห้องนอน ได้ยินเสียงขยับตัวเสียดสีกับโซฟา ตามด้วยเสียงพึมพำแว่วๆ ให้เขาต้องหันกลับไปมอง

     

    ...แบมแบม

     

    ก็เหมือนก่อนหน้านี้ที่มาร์คเอาแต่เรียกชื่อเขาซ้ำๆ แต่ครั้งนี้แบมแบมกลับรู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมาเสียเฉยๆ ว่าอีกฝ่ายเพียงแค่ละเมอเรียกชื่อเขา หรือว่า...

     

    ไม่สิ ไม่ใช่หรอก

     

    ไม่ใช่แน่ๆ

     

    มันไม่มีความสอดคล้องหรือปะติดปะต่อกัน แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังสลัดความไม่ปะติดปะต่อกันนั้นออกไปจากหัวไม่ได้แม้จะเดินเข้ามาในห้องนอนแล้ว แบมแบมหลับตาพลางพรูลมหายใจกับความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไร้สาเหตุ เคาะหลังหัวกับบานประตูเบาๆ

     

    ในห้วงความคิดอันสับสนปนเป ภาพความทรงจำสีสดคมชัดคือสิ่งยืนยันว่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง และในความทรงจำเหล่านั้นมีแม้กระทั่งกลิ่นน้ำหอมจางๆ ปนกลิ่นแอลกอฮอล์ ติดอยู่ที่ปลายจมูก...

     

    มาร์ค ต้วน

     

     

    อันตราย

     

     


    อันตรายจริงๆ

     

     


    *

     


     

    มาร์คกำลังฝัน

     

     

    เป็นฝันที่เหมือนจริงอย่างน่าประหลาด

     

     

    ฝันว่ากลับไปที่บ้าน นอนแผ่อยู่บนเตียงหลังเดิมในห้องกับผ้าห่มที่ให้สัมผัสคุ้นเคย ภาพเลือนลางในเปลือกตาสว่างด้วยแสงที่ลอดผ่านรอยแยกบนผ้าม่าน ความอุ่นแปลกๆ กับแรงเขย่าเบาๆ ที่แขน ชายหนุ่มคิดว่าคงเป็นโนร่ามากวนทุกเช้าเหมือนอย่างเคย เจ้าแมวเพศเมียตาโตสีฟ้าใสที่เขาเลี้ยงไว้ มันมักจะโดดขึ้นมาบนเตียง แตะๆ อุ้งเท้าลงบนแขน เรียกร้องความสนใจให้ลุกมาเล่นด้วย

     

     

    ไม่เอาโนร่า อย่ากวน พี่ปวดหัวมาร์คหยุดมันโดยการดึงเข้ามากอด ซุกหน้าลงกับขนนุ่มนิ่ม เจ้าแมวตัวน้อยดิ้นไปดิ้นมาอย่างทุกครั้ง ส่งเสียงครางแง้วให้ปล่อยมัน

     

     

    ไอ้พี่มาร์ค ตื่นนนน

     

     

    แปลกแหะ ทำไมวันนี้โนร่าดิ้นแรงผิดปกติ

     

     

    เขาเลยแกล้งกอดให้แรงขึ้นด้วยความมันเขี้ยวและได้เสียงร้องโวยวายตอบกลับมา

     

     

    บอกให้ตื่นโว้ยยย

     

     

    นึกสงสัยว่าเช้านี้เจ้าแมวของเขาเกิดพยศอะไรขึ้นมาถึงได้ออกอาการดื้อนัก หรือเป็นน้องชายที่แอบเสี้ยมสอนอะไรให้มันแบบผิดๆ แค่กอดนิดกอดหน่อยมาทำเป็นดิ้น ตัวเองมากวนก่อนแท้ๆ พอจะเล่นด้วยหน่อยก็เล่นตัว ไม่ได้กลับมาหาที่บ้านนานแล้วงอนเหรอ

     

     

    ตื่นนนนนน!”

     

     

    พอได้ยินเสียงร้องกับอาการประท้วง มาร์คก็ยิ่งแกล้งมันหนักกว่าเดิม ทั้งซุกทั้งคลอเคลียให้โนร่ายิ่งส่งเสียงร้อง เขาพลิกไปอีกด้านและเอาตัวเกยทับไว้ มันดิ้นขลุกขลักอย่างแรง ก่อนที่เขาจะรู้สึกเอียงวูบเหมือนตกจากที่สูง

     

     

    แต่ไม่เห็นเจ็บแหะ มันนุ่มแล้วก็นิ่มมากอ่ะ โนร่าตัวนิ่มขนาดนี้เชียว?

     

     

    โอย ตื่นสักทีดิ๊ หนักนะเว้ย!”

     

     

    มาร์คจำได้ว่ากลิ่นนี้ไม่ใช่กลิ่นแชมพูของโนร่า

     

     

    เดี๋ยว กลิ่น? ฝันมีกลิ่นด้วยเหรอวะ แล้วเสียงก็ชัดมาก

     

     

    เสียงคน...ไม่สิ แมวมันพูดได้แบบคนซะที่ไหน

     

     

    แต่ทุกอย่างเหมือนจริงเกินไป ทั้งสัมผัส กลิ่น เสียง มาร์คปรือตาขึ้น ยันศอกกับพื้นขณะถอยหน้าออกมาจากสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นโนร่า ขมวดคิ้วกับภาพลางๆ ที่เห็น...

     

     

    ไม่...ไม่ใช่

     

     

    ที่เขาเห็นคือแมวตัวโต ท่าทางขี้โมโห กำลังทำหน้ามู่ทู่และจ้องเขากลับด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม

     

     

    แบมแบม?

     

     

    ก็เออสิ!”

     

     

    มะ...มาได้ไง!?

     

     

    ภาพที่เห็นดูไม่น่าเชื่อจนมาร์คต้องหลับตาลงอีกรอบ กดเปลือกตาแช่ค้างไว้สักพักแล้วค่อยลืมขึ้นใหม่...เออ ก็ยังเหมือนเดิม เขาเลยลองกะพริบตาอีกสองสามครั้ง...ก็ยังอยู่ที่เดิม ยังทำหน้าตาไม่สบอารมณ์ใส่เขาอยู่เหมือนเดิม แต่นั่นมันไม่น่าเป็นไปได้เอามากๆ จนเขาต้องถามย้ำอีกทีเพื่อความแน่ใจ

     

     

    แบมแบมจริงเหรอ

     

     

    ไม่ใช่มั้ง ทำไม คิดว่าฝันอยู่รึไง ให้ผมต่อยหน้าพี่สักทีมั้ยจะได้รู้ว่าจริงหรือไม่จริง

     

     

    เออ ตัวจริงว่ะ

     

     

    แล้ว...แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ไง

     

     

    จะถามอะไร ช่วยดูก่อนว่าตัวเองอยู่ที่ไหนน้ำเสียงเอือมจิตทำให้มาร์คต้องเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมตกแต่งด้วยเครื่องเรือนน้อยชิ้นแต่มีครบทุกสิ่งที่จำเป็น คล้ายห้องของเขาแต่ที่ทำให้มั่นใจว่าไม่ใช่แน่ๆ คือหมีผีริคลัคคุมะที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนโซฟา โอเค ที่นี่ไม่ใช่บ้าน แสดงว่าไม่ได้ฝันและสิ่งที่คิดมาตลอดว่าเป็นโนร่า ความจริงเป็นแบมแบมที่โดนเขานอนทับอยู่ แล้วเมื่อกี้ก่อนจะรู้สึกตัว

     

     

    ทั้งฟัดทั้งกอดไปเต็มที่...

     

     

    โอย เชี่ย จะมารู้สึกว่าน่าอายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

     

     

    ห้องนายเหรอ?”

     

     

    ก็ใช่น่ะสิอีกฝ่ายตอบอย่างรำคาญเสียเต็มปะดาเมื่อไหร่จะลุก หนัก!”

     

     

    แรงผลักที่อกทำให้มาร์ครู้สึกตัวอีกทีว่าตอนนี้เขานอนอยู่ระหว่างซอกแคบๆ ของโซฟากับโต๊ะตัวเตี้ย และกำลังทำสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้อย่างเช่นการนอนคร่อมอยู่บนตัวแบมแบม

     

     

    แล้วคือกลิ่น สบู่? แชมพู? อะไรไม่รู้แต่แม่งหอมมากอ่ะ

     

    ทำไมน้องตัวหอมจังวะ เพิ่งอาบน้ำมาใช่ไหม

     

     

    แล้วพี่มาอยู่ห้องนายได้ยังไง

     

     

    ไว้ค่อยสงสัยได้ป่ะ ลุกออกไปก่อน!” แบมแบมโวยวายและผลักเขาอีกครั้ง

     

     

    แม้จะยังมึนๆ และหัวยังมีอาการปวดหนึบอยู่สักหน่อย ความจริงก็ไม่หน่อยหรอก มาร์ครู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด แต่นิสัยขี้แกล้ง(ที่ปาร์คจินยองเพื่อนเขาเรียกมันว่าสันดานพร้อมกำเริบอยู่ตลอดเวลาถึงสภาพร่างกายจะไม่ค่อยโอเค ได้เห็นมนุษย์ขี้โมโหพยายามดันเขาออก

     

     

    แต่พี่ไม่มีแรงเลยอ่ะ ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว

     

     

    ก็เลยแสดงอาการสำออยให้อีกฝ่ายหงุดหงิดใจเล่น

     

     

    งั้นให้ผมช่วยถีบออกไปมั้ย

     

     

    ใจร้าย

     

     

    แล้วไง จะลุกไม่ลุกเขาพยายามกลั้นยิ้มแทบตายตอนที่แบมแบมถอนหายใจเฮือกใหญ่ กดเสียงพูดย้ำแบบคนกำลังข่มอารมณ์ไว้สุดๆ หน้าตาท่าทางเหมือนแมวเวลาโดนแกล้งให้ขัดใจ ซึ่งนั่นมันน่ารักมากจนเขาทนไม่ไหวต้องหลุดยิ้มออกมา

     

     

    ยะ ยิ้มอะไร มาร์คเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเบนสายตาหนีและดูกระสับกระส่ายพิกล เม้มริมฝีปากแน่น กลอกตามองไปมาเลี่ยงการสบตากันแบบเห็นได้ชัด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังจ้องและเถียงเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้อยู่เลย

     

     

    ยิ้มให้แมวขี้โมโห

     

     

    เพ้อเจ้อ ไหนแมวแบมแบมขมวดคิ้ว ยอมสบตาด้วยแวบหนึ่งก่อนจะเบนหนีไปอีกครั้งเมื่อเขาตอบคำถาม

     

     

    พี่มองอะไรอยู่ก็นั่นแหละ

     

     

    รอยยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นสีหน้าตื่นๆ เลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูกของอีกฝ่ายพอเขายื่นหน้าไปใกล้ ริมฝีปากถูกเม้มแล้วคลายออกซ้ำไปซ้ำมา เขาต้องใช้ความพยายามอย่างในการหักห้ามใจไม่ให้กระทำการใดๆ กับริมฝีปากที่เจ้าตัวเม้มแน่นจนมันยิ่งกลายเป็นสีแดง และอยู่ใกล้มากจนการห้ามตัวเองเริ่มกลายเป็นเรื่องยากเข้าไปทุกที

     

     

    น่ารัก...น่ารักเกินไป

     

     

    แล้วแบบนี้จะไม่ให้ชอบได้ยังไง

     

     

    ...จะ จะลุกได้หรือยัง

     

     

    ก็บอกว่าลุกไม่ไหว ปวดหัวมากเลยเนี่ยมาร์คเบะปาก ทำหน้าทำตาอย่างที่คิดว่าน่าสงสารที่สุดและแกล้งทำเหมือนจะทิ้งตัวใส่แบบคนไม่มีเรี่ยวแรง แบมแบมเบิกตากว้างด้วยความตกใจแล้วใช้สองมือดันเขาไว้ หลุดปากร้องเฮ้ยออกมาเบาๆ ก่อนจะกลับมาเป็นแมวขี้โมโหเหมือนเดิม ริมฝีปากแดงเรื่อดึงดูดสายตาขยับส่งเสียงโวยวาย

     

     

    แค่ลุกขึ้นไปนอนบนโซฟามันต้องใช้แรงเยอะมากเลยรึไง

     

     

    ไม่มากหรอก แต่โซฟามันไม่นุ่มแบบนี้อ่ะ

     

     

    แต่ผมหนักโว้ย ลุกไปสักที!” แบมแบมหรี่ตา ใช้สองมือที่ดันตัวเขาอยู่ผลักออกอย่างแรง คราวนี้ดูจะเอาจริงแล้ว เพราะหลังจากผลักก็ตามมาทั้งตี ทั้งเตะ ทั้งพยายามถีบ ทำทุกอย่างที่คิดว่ามาร์คจะทนไม่ไหวจนต้องยอมแพ้และลุกออกไปเอง



    แต่คิดว่าเขาจะอยู่เฉยให้น้องตีเหรอ

     

     

    มาร์คหนีบขาสองข้างของแบมแบมด้วยเข่าและทับไว้ไม่ให้ดิ้น รวบมือเล็กที่กำลังประทุษร้ายร่างกายเขาไปไว้เหนือหัวแล้วกดลงกับพื้น เหลือแค่เสียงที่เพิ่มเดซิเบลขึ้นเรื่อยๆ แหกปากร้องบอกว่าให้ปล่อยบ้าง เจ็บบ้าง แต่ก็ยังไม่หยุดดิ้นจนผมที่ดูเหมือนเพิ่งสระยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง

     

     

    ไอ้พี่มาร์ค บอกให้ปล่อยไง!”

     

     

    แล้วในตอนนั้นเอง

     

     

    แบม! ตื่นยัง แดกโจ๊กเป็นเพื่อน... เหมือนทุกสิ่งหยุดชะงัก เหมือนโลกหยุดหมุนในทันใด สองร่างที่สู้กันอยู่บนพื้นหยุดทุกการกระทำแล้วหันไปมองทางต้นเสียงอย่างช้าๆ เกิดความเงียบอันน่าสะพรึงกลัวในทุกหย่อมความกดอากาศ และผู้มาใหม่ที่โผล่มาไม่รู้เวล่ำเวลา ในสถานการณ์ที่ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนกันถ้วนหน้า

     

     

     

     

    ..

     

     

    แบม มึง...ชเวยองแจในชุดวอร์ม หิ้วถุงโจ๊กยืนค้างอยู่ตรงประตู อ้าปากพะงาบเหมือนหาเสียงตัวเองไม่เจอและสมองที่ใช้ประดิษฐ์คำพูดไม่ทำงาน สีหน้าอึ้งนิดๆ ช็อคหน่อยๆ แบบเดียวกับตอนที่รู้ว่าโดนเพื่อนรวมหัวกันหลอกให้กินแตงกวา

     

     

    ...มึงพาผู้ชายเข้าห้องเหรอวะ

     

     

    มีแค่คำเดียวสั้นๆ ที่แบมแบมตะโกนตอบกลับไปในทันที

     

     

    พ่อง!!!”

     

     

    *


     

    ช่วงนี้ชีวิตเสียหลักบ่อยจริงๆ

     


    แล้วแบมแบมจะไม่ว่าอะไรเลย ถ้ามาร์ค ต้วนไม่ได้เป็นตัวต้นเหตุของการเสียหลักซ้ำซ้อนบ้าบอนั่น

     

     

    เอาแค่ช่วงหลังมานี้ แบมแบมรู้สึกว่าเขามีเจ้ากรรมนายเวรเป็นมนุษย์ผมสีแดงมาตามติด ทำชีวิตวุ่นวายบ่อยเกินความจำเป็น และอัพเกรดความน่าโมโหมากขึ้นทุกวัน ล่าสุดคือเมื่อคืนที่เมาแล้วทำตัวเป็นภาระไม่พอ ยังมาเพิ่มเรื่องคาใจไว้ให้อีก แต่ยัง...ยังไม่จบแค่นั้น พอมาตอนเช้า เขากับเจ้ากรรมนายเวรหัวแดงก็ยังไม่หมดเวรหมดกรรมต่อกันสักที

     

     

    ก็แค่แบมแบมเดินผ่านโซฟาแล้วสงสัยว่ามาร์คไม่ตื่นสักทีนี่ตายหรือยัง เลยลองปลุกดู แล้วก็...นั่นแหละ

     

     

    นับเป็นหนึ่งในเรื่องที่เขาเสียหลักซ้ำซ้อน โดนละเมอกอดไปสองรอบ แบมแบมจะจำไปจนวันตายเลยจริงๆ

     

     

    พี่มาร์คมาอยู่ห้องมึงได้ไงวะชเวยองแจไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนานนัก หลังจากบุคคลที่สามหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อนของเขาก็เปิดประเด็นที่เดาได้อยู่แล้วว่าต้องถาม แบมแบมเกยคางกับโต๊ะ มองดูยองแจที่กำลังแบ่งโจ๊กสองถุงใส่ลงในชามให้ปริมาณเท่ากันทั้งสามใบ

     

     

    กูขี้เกียจเล่าอ่ะ

     

     

    งั้นกูจะเข้าใจว่ามึงดักตีหัวแล้วลากพี่เขาเข้าห้องไปแล้วกัน

     

     

    ตลกละยองแจเขาดีดตัวขึ้นนั่ง ตีหน้ายุ่งใส่เพื่อนที่กำลังหัวเราะร่า เป็นความเข้าใจที่ชวนให้เท้าคนฟังกระดิกยิกๆ เสียเหลือเกิน แต่ว่าเขาขี้เกียจเล่าจริงๆ นะ ถึงเรื่องมันไม่ซับซ้อนแต่แม่งยาวไปโลกหน้าอ่ะ แล้วการเล่าเรื่องให้คนอื่นเข้าใจเป็นสิ่งที่ยากสำหรับแบมแบมมากจริงๆ แค่พูดปกติยังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย

     

     

    เอ้า งั้นก็เล่าสิ กูจะได้เข้าใจถูกชเวยองแจพูดไปด้วยทั้งที่ยังไม่หยุดหัวเราะ แบมแบมนึกแช่งในใจให้เพื่อนสำลักน้ำลายตัวเองเสีย หรือไม่ก็แค่หุบปากแล้วกินโจ๊กในชามของตัวเองไป แต่ในความเป็นจริง เขากำลังเปิดปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ยองแจฟัง(แบบข้ามไปหลายฉาก) และเมื่อเล่าจบ มาร์คก็กลับออกมาจากห้องน้ำ

     

     

    แบมแบมไม่เข้าใจว่าตัวเองจะสะดุ้งกับเสียงปลดล็อคลูกบิดประตูทำไม คิดอะไรไม่ออกเลยเอื้อมไปดึงชามโจ๊กของเพื่อนมาไว้ที่ว่างข้างๆ มึงมานั่งนี่

     

     

    ยองแจขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ยอมลุกตามที่บอก มาร์คเดินมาที่โต๊ะกินข้าวในสภาพที่ดูดีมีสติมากกว่าเดิมแต่มีเค้าที่บ่งบอกว่ายังเมาค้าง หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้าม เอ่ยขอบคุณหลังจากยองแจบอกว่าแบ่งโจ๊กไว้ให้และตักเข้าปาก

     

     

    เงียบกันไปครู่ใหญ่ แล้วมาร์คก็เป็นฝ่ายทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดบนโต๊ะขึ้นก่อน

     

     

    เราสองคนเป็นรูมเมทกันเหรอ

     

     

    เปล่าครับ แค่หอเดียวกัน แบมมันอยู่คนเดียว ส่วนผมอยู่ชั้นเจ็ดเป็นยองแจที่ตอบคำถาม แต่แบมแบมก็ว่าเขานั่งกินเงียบๆ แล้วนะ นี่อยู่เฉยๆ ไม่เสนอหน้าเข้าไปร่วมวงด้วยแต่โดนเมนชั่นหาอยู่ดีคืออะไร เขาเลยเตะขาเพื่อนไปทีหนึ่งและขึงตาใส่ จะบอกทำไมว่าเขาอยู่หอคนเดียว เพื่อ? จำต้องมั้ย?

     

     

    ยองแจเหลือบมองก่อนจะเตะกลับมา ขยับปากถามแบบไม่มีเสียงว่าเตะมันทำไม แล้วจากนั้นเขาสองคนก็เตะขากันไปมาอยู่ใต้โต๊ะ

     

     

    อิ่มแล้วเหรอครับเพื่อนเขาถามขึ้นเมื่อเห็นมาร์ควางช้อนในมือและโจ๊กพร่องลงไปแค่หน่อยเดียว เขาแอบเหลือบมองจากขอบชาม สงสัยว่ายังแฮงค์อยู่ เขาเองก็เป็นประจำเวลาไปเมากับเพื่อน ตื่นมาอีกทีตอนเช้านี่แบบโคตรแย่ ทั้งรู้สึกไม่สบายท้อง ทั้งปวดหัว พะอืดพะอมจนกินอะไรไม่ลงไปเกือบทั้งวันเลยแหละ

     

     

    ตอนเช้าพี่กินไม่ค่อยลงหรอก มาร์คตอบแล้วเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ในตอนนั้นแบมแบมก็สัมผัสได้ว่ากำลังโดนจ้อง เขาพิสูจน์ความคิดตัวเองโดยการเหลือบมองเลยขึ้นไปและสบตากับอีกฝ่ายเข้า

     

     

    ยิ่งเช้านี้มีอาหารตาพี่ก็เลยอิ่มกว่าปกติ

     

     

    แม่ง...

     

     

    คิดผิดมากที่สบตากับมาร์ค จู่ๆ ก็เหมือนสมองไม่แล่นกะทันหัน เขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับสายตาของอีกฝ่าย ถ้ามันไม่ได้มองตอนพูดประโยคนั้นไปด้วย ยิ่งมาเป็นคู่พร้อมกับรอยยิ้ม สารพัดเหตุการณ์เมื่อคืน(ที่กำลังพยายามลืมอยู่) ก็ถาโถมเข้าใส่เป็นรอบที่ร้อยแปด



    แบมแบมไม่เคยนึกอยากจะเอาหน้ามุดลงไปในชามโจ๊กขนาดนี้มาก่อน

     

     

    เกลียด...เกลียดรอยยิ้มแบบนี้ เป็นรอยยิ้มที่มองแล้วน่าโมโหแต่มันทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกและทางออกคือการต้องเลี่ยงสายตาทุกครั้ง ซึ่งนั่นไม่ใช่ทางออกที่ดีเอาเสียเลย

     

     

    แต่ยังไงชีวิตก็ต้องสู้นะแบมแบม

     

     

    ประสาทเขาเอ่ยลอยๆ แต่ตั้งใจส่งไปให้ถึงผู้ชายผมแดงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยเฉพาะเจาะจง ซึ่งไม่มีสะทกสะท้านใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากกดยิ้มมุมปากเหมือนกลั้นขำ แถมเลิกคิ้วกวนประสาทให้อีก น่าฟาดให้หัวแตกจริงๆ คนบ้าอะไรวะ

     

     

    อิ่มแล้วก็กลับไปสิ นั่งอยู่ทำไมแบมแบมก้มหน้าก้มตาอยู่กับชามโจ๊กของตัวเอง ไม่สนใจสายตาจะทั้งจากมาร์คที่นั่งตรงข้ามหรือยองแจที่นั่งอยู่ด้านข้างและยิ้มแปลกๆ พึมพำอะไรสักอย่างที่มันเข้าใจอยู่คนเดียว นี่คนรอบตัวเขาเป็นอะไรกันไปหมด รู้ว่าโลกร้อน เรียน'ถาปัตย์แล้วงานเยอะ วิถีชีวิตเข้าสู่ความติสท์และอินดี้ แต่ไม่ถึงกับต้องมีอาการทางประสาทป่ะวะ

     

     

    พี่ยังปวดหัวอยู่เลย ขอนอนต่ออีกสักพักไม่ได้เหรอก็กลับไปนอนที่หอตัวเองสิโว้ย!

     

     

    ไม่มีหออยู่หรือไง

     

     

    แล้วถ้าบอกว่าไม่มี น้องแบมแบมจะให้พี่อยู่ด้วยมั้ยล่ะครับ

     

     

    มันไม่เกี่ยวกันป่ะ

     

     

    แต่พี่อยากให้เกี่ยวนะไม่ต้องมายิ้มเลยมาร์ค ต้วน ไอ้ที่บอกว่าปวดหัวเมื่อกี้นี่ตอแหลใช่มั้ย เกิดมายี่สิบปี แบมแบมก็เพิ่งเคยพบเคยเจอคนที่บอกว่าตัวเองปวดหัว ยังเมาค้างอยู่แต่กวนตีนได้เสมอต้นเสมอปลายขนาดนี้ ทำได้ไงวะ ทักษะไม่ธรรมดาจริงๆ

     

     

    โอเคๆ กลับก็ได้มาร์คว่าอย่างนั้นแล้วหัวเราะเมื่อเห็นว่าเขาจ้องเขม็ง แบมแบมกำช้อนไว้ในมือพร้อมปาใส่หัวถ้ามันเกิดเล่นตุกติก หรือทำท่าจะกวนอะไรขึ้นมาอีก แต่ไอ้พี่หัวแดงก็แค่ลุกขึ้น เอาชามไปวางที่ซิงก์แล้วหายเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ

     

     

    เจ้าของพ่นลมออกจากจมูกอย่างรำคาญใจแม้อีกฝ่ายจะลุกไปแล้ว นึกขอบคุณยองแจที่ไม่แซวหรือพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงแม่งจะยังไม่เลิกยิ้มแปลกๆ ก็เถอะ พานให้นึกถึงเพื่อนอีกคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าเป็นคิมยูคยอมนะ ป่านนี้เขาต้องทนฟังมันล้อไปจนกว่าจะมีประเด็นอื่นให้มันสนใจนั่นแหละ

     

     

    แบมแบมเห็นหัวแดงๆ กับตัวสูงๆ จากทางหางตาว่าเดินไปที่ห้องนั่งเล่น พยายามไม่สนใจยองแจที่รบเร้าให้เขาทำตัวเป็นเจ้าของห้องที่ดีอย่างเช่นการลุกไปส่งมาร์คหรืออะไรทำนองนั้น เขาบอกปัดและลุกขึ้นเอาชามไปเก็บที่ซิงก์ เปิดน้ำใส่เตรียมล้าง แต่ยองแจก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายาม ถึงขนาดบอกมันไปแล้วว่าต้องล้างจาน เพื่อนเขาก็เสนอตัวว่าจะล้างให้ ทั้งที่ปกติมันไม่เคยคิดจะทำ

     

     

    เดี๋ยวจานเนี่ยกูล้างให้ ส่วนมึงอ่ะไปส่งพี่มาร์คนู่น

     

     

    เรื่อง! มึงก็ไปส่งเขาเองดิ

     

     

    แต่กูว่าพี่เขาอยากให้มึงไปส่งมากกว่านะ

     

     

    ขอถอนคำพูดที่ว่าชเวยองแจกับคิมยูคยอมต่างกัน

     

     

    ที่จริงแม่งไม่ต่างกันเท่าไหร่เลยเหอะ!

     

     

    แล้วยังไง แล้วตอนนี้แบมแบมก็มายืนอยู่ตรงซอกที่จอดจักรยานข้างหอกับมาร์ค ต้วนไงล่ะ



    หลังจากการรบเร้าไม่มีที่สิ้นสุดของชเวยองแจพร้อมกับที่มันกีดกันเขาออกจากซิงก์ล้างจาน แบมแบมเลยต้องเดินไปหามาร์คที่ห้องนั่งเล่นอย่างไม่มีทางเลือก พอเขาเข้าไป อีกฝ่ายก็เตรียมพร้อมจะกลับแล้ว มาร์คหันมาถามว่าจอดจักรยานไว้ตรงไหน ในใจนี่ตอบไปแล้วว่าจอดไว้ข้างหอ แต่แบมแบมกลับได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไปว่า

     

     

    เดี๋ยวลงไปส่ง

     

     

    อีกฝ่ายถึงกับทำสีหน้าประหลาดใจ

     

     

    อะไร อย่ามามองแบบนั้น...ก็ ก็ทำตัวเป็นเจ้าของห้องที่ดีไง แปลกตรงไหน

     

     

    เขามองมาร์คที่กำลังพาดขาคร่อมจักรยาน ภาพผู้ชายผมสีแดงยุ่งๆ ในเสื้อยืดกางเกงยีนส์ชุดเดียวกับเมื่อวาน นั่งอยู่บนจักรยานสีขาว ไม่ต่างอะไรจากที่เคยเห็นแต่แบมแบมกลับมองแล้วรู้สึกว่ามันขาดอะไรไปสักอย่าง อะไรสักอย่างที่นึกยังไงก็นึกไม่ออก

     

     

    แบมแบมเสียงของมาร์คดึงเขาออกจากห้วงความคิด เจ้าของชื่อขานรับในลำคอ เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร คนเรียกยิ้มบางๆ และพูดต่อด้วยโทนเสียงจริงจังแบบที่แบมแบมไม่ค่อยจะได้ยินจากมนุษย์กวนประสาทบ่อยเท่าไหร่นัก

     

     

    ขอบคุณนะครับ

     

     

    แบมแบมไม่เข้าใจว่าตัวเองจะเม้มปากทำไม

     

     

    ขอบคุณเรื่องอะไรอีกฝ่ายก็หัวเราะออกมาพอเขาถามกลับ และแบมแบมก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อหลายวันก่อนไอ้พี่หัวแดงเพิ่งปั่นจักรยานมาส่งที่หอ พูดจากวนโมโหหลังจากที่เขาขอบคุณ งั้นก็ถือซะว่าเป็นการเอาคืนที่เคยกวนตีนเขาไปเมื่อวันนั้นแล้วกัน

     

     

    มาร์คหยุดหัวเราะก่อนจะตอบคำถาม ขอบคุณที่ไม่ทิ้งพี่ไว้เมื่อคืน แล้วก็...ให้พี่มานอนที่ห้อง

     

     

    นั่นเพราะผมไม่รู้ว่าหอพี่อยู่ไหน แล้วเพื่อนพี่ก็กลับก่อนกันหมดเลยต่างหากแบมแบมสูดจมูก สงสัยว่าตัวเองจะแย้งกลับไปทำไมทั้งที่มันไม่จำเป็น แต่อีกฝ่ายก็เอ่ยขอบคุณอีกครั้งแล้วยิ้มกว้างจนตาหยี เขาเบนสายตาหลบไปอีกทาง เม้มริมฝีปากไว้แน่นเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะหลุดยิ้มออกมา

     

     

    หยุดเลยแบมแบม

     

     

    จะยิ้มทำไม หยุดเดี๋ยวนี้!

     

     

    ไว้วันหลังจะแวะมาหาและคนที่ทำให้เขาเกือบหลุดยิ้มเมื่อกี้ก็สามารถทำให้เขาหันขวับไปแยกเขี้ยวใส่ได้ในทันที มาร์คพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้นก่อนจะรีบปั่นจักรยานออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ ซึ่งแบมแบมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนอยู่ที่เดิมและได้แต่ตะโกนไล่หลังไป

     

     

    ไม่ให้มาโว้ย!”

     

     

     

    เขาย้ำกับตัวเอง

     

     

    ก่อนขึ้นห้องอย่าลืมไปบอกลุงยามกับผู้จัดการหอว่าห้ามผู้ชายที่ชื่อมาร์ค ต้วนเข้าตึกเด็ดขาด























     

    TALK:

    ยาวไปโลกหน้า
    ไปเรื่อยๆ แบบไม่คิดติดสปีดใดๆ ร้อยตอนคงจบซะมั้ง ๕๕๕๕ 

    ไม่รู้ว่าอ่านแล้วจะรู้สึกกันมั้ย แต่นี่หมั่นไส้และอยากตบพระเอกจังเลย ๕๕๕๕
    ส่วนเรื่องฉากตรงบันได...ค่ะ มันก็มีแค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรมากกว่านี้
    ความโรแมนติกเป็นสิ่งหาได้ยากจากฟิคเรื่องนี้นะคะ บอกก่อน ๕๕๕๕


    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นและติดตามเสพฟิคเรื่องนี้ ดีใจที่ชอบกัน
    เราไม่มีอะไรจะตอบแทนนอกจากจะพัฒนาฝีมือตัวเองให้ดีขึ้น 


    ติชมได้เหมือนเดิม เจอกันตอนหน้า <3

    ปล. สุขวันต์วันเกิดย้อนหลังนะแจ็คสันหวัง ขอให้สติจงสถิตย์อยู่กับตัวเจ้า




    MINOR
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×