ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] LOST CONTROL (MARKBAM)

    ลำดับตอนที่ #13 : : the thirteenth :

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.91K
      70
      29 ต.ค. 60

     

     

    13

     

     

     

     

     

     

         แบมแบมยังไม่ได้กล่องปากกาคืน

     

         ห้านาทีก่อน เขาเพิ่งพบว่ากล่องเก็บอุปกรณ์เขียนแบบที่ได้คืนมาจากมาร์คไม่ใช่ของตัวเอง หลังจากหยิบเพลทวงกลมขึ้นมาใช้แล้วมันเป็นสีน้ำเงินไม่ใช่สีเขียว สองนาทีต่อมา ใช้ไปกับการค้นดูของที่อยู่ในกล่องเพื่อยืนยันความคิดตัวเอง และถอนหายใจเมื่อเห็นชื่อบนดินสอแท่งหนึ่งเขียนด้วยหมึกกันน้ำสีดำว่า มาร์ค

     

         นี่จงใจสลับหรือคืนให้ผิดจริง?

     

         เมื่อวานฝนหยุดตกตอนเกือบสามทุ่ม แบมแบมได้กล่องปากกาคืนตอนที่มาร์คกำลังจะกลับ หลังจากอิดออดอยู่นานจนโดนด่ากว่าจะยอมคืนให้ ตอนนั้นไม่ทันได้ดูหรอกว่ามาร์คหยิบของตัวเองให้แทนที่จะเป็นของเขา อาจเพราะมัวแต่ต่อปากต่อคำไร้สาระกันอยู่ ไม่ก็แบมแบมกำลังพยายามไล่อีกฝ่ายให้กลับไป หรือไม่ว่าจะอะไรก็ตาม...กล่องปากกาของเขายังอยู่ที่มาร์ค

     

         สามนาทีให้หลังหมดไปกับการขึ้นบันไดมาที่ชั้นสอง แบมแบมมายืนเก้ๆกังๆ อยู่หน้าสตูดิโอของปีสาม จู่ๆ เกิดจะว้าวุ่นใจขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุกับแค่การเปิดประตูเข้าไป ผ่านไปอีกสองหรือสามนาทีหรืออาจจะมากกว่านั้นที่เขาหันรีหันขวางอยู่หน้าประตู มือที่ถือกล่องพลาสติกเอาไว้เริ่มชื้นเหงื่อ

     

         เป็นอะไรไปแบมแบม แค่เข้าไปเอากล่องปากกาคืนมันยากตรงไหน

     

         ทำตัวให้เป็นปกติหน่อย...

     

         ..

     

         .

     

         ปกติได้ก็เกินไปแล้ว

     

         จนถึงตอนนี้ คำว่าชอบจากมาร์คยังเคว้งอยู่ในหู ก่อกวนการใช้ชีวิตของเขามาตั้งแต่เมื่อคืน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาพูดอะไรทำนองนี้ด้วย และแบมแบมไม่ใช่สาวน้อยโนเนะในการ์ตูนญี่ปุ่นที่จะมาเขินอายหน้าแดงตอนได้รับคำสารภาพ(จะให้เขินอะไร คนบอกชอบยังทำหน้าเบื่อใส่เขาเลย)

     

         แต่ครั้งนี้มันต่างกัน...

     

         เอาล่ะ แบมแบมคิดว่าเขาเสียเวลามากพอแล้ว งานที่ต้องทำส่งภายในเย็นนี้ยังไม่ถึงไหน ไปแลกกล่องปากกาคืนแล้วกลับไปทำงานสักที กล่อมตัวเองได้ แบมแบมก็ยื่นมือไปจะเปิดประตู ในตอนนั้น มีรุ่นพี่ผู้หญิงสามคนเดินผ่านมาและทักทายโดยการเรียกชื่อเขา แบมแบมค้อมหัวตอบรับอย่างทุกครั้ง

     

         และจะไม่อะไรเลย ถ้าสองในสามไม่ได้มีรอยยิ้มแปลกๆ แบบฉันรู้นะให้เห็น รวมทั้งเสียงซุบซิบปนหัวเราะคิกคักแว่วๆ ที่ได้ยินตอนพวกหล่อนเดินผ่านหน้าเข้าไปในห้อง

     

     

         ซุบซิบอะไรสักอย่างเกี่ยวกับคนชื่อมาร์ค ต้วน

     

     

         จะนินทาอะไรก็เชิญเถอะ ไอ้คนนั้นน่ะ แบมแบมไม่สนหรอก

     

         เขาสนไอ้รอยยิ้มชวนข้องใจนั่นมากกว่า

     

     

         แบมแบม

     

         เขาปัดความสงสัยในหัวออกไปเมื่อมีคนเรียกอีกครั้ง หันไปก็เจอปาร์คจินยองที่มีแขนข้างหนึ่งของอิมแจบอมพาดคออยู่ด้วยท่าทางเกียจคร้าน (แบมแบมคิดว่าถ้าเขาเป็นจินยอง คงรำคาญน่าดู เพราะแจบอมแทบจะใช้จินยองเป็นหลักช่วยยืน แต่ก็นั่นแหละ คนโดนพาดไม่มีท่าทีเดือดร้อนอะไร) จินยองทักเขาด้วยรอยยิ้ม ส่วนแจบอมโบกมือข้างที่พาดคอเพื่อนมาให้

     

         มายืนทำอะไรอยู่หน้าห้องจินยองถาม

     

         “เอ่อ...ผม…จะมาเอากล่องปากกาคืน ตั้งใจจะตอบแบบนั้นแต่คนถามไม่รอให้เขาพูดจบและถามต่อตามความเข้าใจของตัวเองพร้อมกับพยักพเยิดไปที่ประตู

     

         “มาหาดูจุนเหรอ ทำไมไม่เข้าไปล่ะ

     

         “คือ...กำลังอ้าปากจะตอบแต่หนนี้แจบอมไม่เปิดโอกาสให้

     

         “หรือมาหามาร์ค?แล้วก็หันไปหัวเราะชอบอกชอบใจกับจินยองเมื่อแบมแบมเผลอชักสีหน้า หัวเราะจนพอใจแล้ว แจบอมยกแขนออกจากไหล่เพื่อน เลิกยืนทิ้งน้ำหนักกลับมาอยู่ในท่าปกติ เอื้อมมือไปจับลูกบิด เปิดประตูเข้าไป ใช้มืออีกข้างดันหลังให้เขาเดิน

     

         “เข้าไปสิ

     

         โดนประกบหลังคู่แบบนี้หันหลังกลับก็ไม่ทันแล้วแบมแบม

     

         ไม่ต้องมองหาให้ยากนัก ผมสีแดงเด่นสะดุดตามาจากโต๊ะฝั่งริมหน้าต่าง แน่นอนว่าแวดล้อมด้วยเพื่อนหน้าเดิมๆ หนึ่งในนั้นคือยุนดูจุนผู้เป็นพี่รหัส สายตาจดจ่อกับจอแมคบุ๊ค หน้าตาเคร่งเครียดจริงจังมากเสียจนเขานึกว่ากำลังปั่นงานอยู่ พัคเจฮยอง แจ็คสัน หวังและมาร์ค ต้วนก็เช่นเดียวกัน ในขณะที่วอนพิลนอนหนุนกระเป๋าเอาหนังสือปิดหน้าอยู่ตรงมุมห้อง และเมื่อแบมแบมเดินเข้าไปใกล้จนเห็นหน้าจอชัดๆ

     

         “เชี่ย แจ็คสัน มึงเล่นดีๆ ดิวะ มาช่วยกูเดี๋ยวนี้ เร็ว!”

     

         “มึงโตแล้วดูจุน มึงต้องผ่านไปได้ด้วยตัวเอง...มึงนั่นแหละ บ่อยกว่าอีก คราวที่แล้วก็ลืมมาช่วยกู พี่หงุดหงิดมากนะครับให้พูด ไม่กดออกก็ดีเท่าไหร่แล้ว

     

         “หยุดเลยๆ มึงสองคนพอกันอ่ะ และถ้ายังไม่ทำตัวเป็นประโยชน์มากกว่านี้ กูนี่แหละจะกดออกแล้วให้มึงเล่นกันเอง

     

     

         …แม่งดอทเอตีป้อมกันอยู่

     

     

         “อ้าว แบมดูจุนเหลือบตาขึ้นจากจอแมคบุ๊คและทักสั้นๆ...นับว่ายังดีที่ใส่ใจ...แบมแบมส่ายหัว แต่จุดประสงค์การมาไม่ได้อยู่ที่พี่เทค เขาเดินเลยไปโต๊ะของมาร์ค เจ้าของโต๊ะดูไม่วุ่นวายเหมือนเพื่อนอีกสามคนที่เล่นไปส่งเสียงด่ากันไปเป็นระยะ แบมแบมเรียกความสนใจอีกฝ่ายด้วยการกระแอมหนึ่งที

     

         มาร์คเงยหน้าขึ้นมา ดูแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นเขา ไง

     

         ในตอนที่กำลังจะพูดความตั้งใจที่ถ่อขึ้นมาถึงบนนี้ เจฮยองก็แทรกขึ้นมา

     

         โหย อะไรวะมาร์ค กดออกไม่มีบอกสักคำ...อ๋อ นี่เห็นเด็กดีกว่าเพื่อน? ใช่ซี้ พูดเองเออเองแล้วจบประโยคด้วยการขึ้นเสียงสูงเจ็ดระดับ พร้อมทั้งเบะปากอย่างน่าหมั่นไส้

     

         มาร์คไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่หันไป ส่ายหัว ทำหน้าระอาใส่แล้วหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม

     

         “ว่าไง

     

         “ผม...

     

         “สองมาตรฐานชัดๆ เลยนะครับแหม ทีกับน้องนี่ยิ้มแป้นเชียวมึง

     

         พัคเจฮยองยังไม่วายเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง อาจจะด้วยความหมั่นไส้ในตัวเพื่อนหรืออะไรก็ตามแต่ เอ่ยขึ้นลอยๆ ด้วยเสียงที่ไม่เบานักให้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อมาร์คปายางลบใส่แล้วยอมเก็บฟันหน้าล่าถอยกลับไป

     

         แบมแบมกลอกตามองบน...รอบที่สี่กับการโดนขัดจังหวะโดยเจฮยอง ต่อจากนี้จะมีใครขัดอะไรอีกไหม ต่อคิวมาเลยนะ เอาให้หมดทีเดียวเลย มีอีกไหม ถ้าไม่มีแล้วเขาจะได้เริ่มพูดเสียที

     

         มาร์คหันกลับมาอีกครั้ง ว่าไงล่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า

     

         “ผมมาเอากล่องปากกาผมคืนแบมแบมชูกล่องในมือให้อีกฝ่ายดู อันนี้ของพี่

     

         “อ้าวเหรอ พี่คืนของตัวเองให้นายไปเหรอ คนฟังเลิกหางคิ้ว ลากสายตาไปที่กล่องในมือของเขา พิจารณามันสักพักก่อนจะก้มลงไปค้นในกระเป๋าเป้ของตัวเองและหยิบกล่องหน้าตาเหมือนกันติดมือขึ้นมา วางลงบนโต๊ะ

     

         มันเป็นกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมขาวขุ่น อัดแน่นไปด้วยปากกาสี ดินสอ เทมเพลท หลอดกาวแบนๆ คัตเตอร์และอีกสารพัดของสำหรับใช้เขียนแบบและทำโมเดล มองเผินๆ ทั้งสองกล่องดูเหมือนกันมาก มากจนแยกไม่ออก ต่างกันที่เพลทในกล่องหนึ่งเป็นสีน้ำเงิน อีกกล่องเป็นสีเขียวหากสังเกตดีๆ

     

         ไม่เสียเวลาคิดอะไรทั้งสิ้น แบมแบมวางกล่องในมือลงแล้วคว้ากล่องของตัวเองมาถือไว้ทันที ราวกับว่าถ้าหยิบช้าสักวินาทีเดียวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจยึดกลับไป มาร์คมองท่าทางเหล่านั้นพลางยิ้มขำปนเอ็นดู ส่ายหน้าน้อยๆ เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมา เขย่าให้เครื่องดื่มข้างในผสมกัน

     

         แบมแบมเหลือบมองแก้วในมือมาร์ค

     

         “ชอบมากเลยเหรอ

     

         โดยไม่รู้ตัว หรือคิดดังเกินไปจนเผลอหลุดปาก แบมแบมโพล่งคำถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย รู้ตัวอีกทีเขากำลังอ้าปากค้าง เปล่งเสียงออกมากระอึกกระอักขณะคิดหาวิธีแถอย่างไรให้เนียน แต่ช้าไปสำหรับการทำเป็นเหมือนว่าเมื่อกี้ไม่ได้พูดอะไร เพราะ หนึ่ง มาร์คไม่ได้ละสายตาไปทางอื่น สอง มาร์คเลิกคิ้วขึ้นแล้วทำหน้าสงสัย แน่นอนว่าต้องได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ

                                                           

         “ชอบ? ชอบอะไร นายน่ะเหรออีกฝ่ายถามกลับมาหน้าซื่อๆ

     

     

         คือ...

     

         มาร์ค ต้วน

     

     

         แม่ง...

     

     

         ไม่ใช่เรื่องนั้นสิโว้ย!

     

     

         “หมายถึงนมเย็นต่างหาก

     

         แบมแบมถอนหายใจ และ ใช่ เขาพูดไม่ผิดหรอกนมเย็นนมสีชมพูที่มีส่วนผสมง่ายๆ แค่นมกับน้ำแดง ใส่ลงในแก้วแล้วคนให้เข้ากัน เพียงหนึ่งนาทีคุณก็จะได้เครื่องสีชมพูหวานจ๋อย เมนูยอดฮิตของเด็กน้อยหลายๆ คน โอเค แต่มาร์ค ต้วนไม่ใช่ หมอนี่อายุยี่สิบเอ็ดและมนุษย์ผู้ชายถึกๆ เขาเลยอดแปลกใจไม่ได้

     

         จากการสังเกต(โดยไม่ตั้งใจ)หลายครั้งที่อีกฝ่ายแวะเวียนมาเอาของและลืมของไว้ที่ห้อง มาร์คจะซื้อโกโก้จากร้านหน้าปากซอยติดมือมาให้เสมอ ซึ่งในบางครั้ง นอกจากโกโก้ของเขา แบมแบมเคยเห็นอีกฝ่ายหิ้วนมเย็นมากินด้วย คิดว่าคงชอบมากเพราะเห็นกี่ครั้งก็เป็นนมเย็นเหมือนเดิมตลอด

     

         ชอบอะไรไม่เข้ากับตัวเองเลยว่ะ

     

         มาร์คหลุดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของแบมแบมและยอมตอบคำถามดีๆ

     

         อืม ชอบ ชอบมากด้วย

     

         คนตอบ ตอบโดยไม่ละสายตาจากคนถาม และคนถามก็จ้องตาคนตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ เครื่องดื่มสีชมพูหวานจ๋อยถูกดูดอีกอึกใหญ่หายไปเกือบค่อนแก้ว

     

         “นมเย็นพี่ก็ชอบ…”

     

         ประกายวิบวับในดวงตา

     

         “…แบมแบมพี่ก็ชอบ

     

         ในอกตีรวนด้วยจังหวะที่แปลกไปจากเดิม

     

         คนฟังคำตอบเกิดอาการไปต่อไม่ถูกขึ้นมาหลังจากที่ได้ยิน มาร์ค ต้วนนี่เป็นประเภทนึกอยากจะพูดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เลยสินะ ไม่มีอารัมภบทเยิ่นเย้อ ไม่มีเกริ่นนำเข้าเนื้อเรื่อง ตรงจัดชัดจริงทีเดียวคือ โบ้ม! ทิ้งระเบิดไว้แล้วจากไป ปล่อยให้คนโดนระเบิดหาวิธีรับมือกับเอฟเฟคที่ตามมาเอาเอง อย่างเช่นการทำนิ่งเข้าสู้ ทั้งที่อยากฟาดหน้าคนพูดด้วยกล่องปากกาสักที

     

         ด้วยหวังว่ามันจะช่วยทำให้จังหวะแปลกๆ ที่ตีรวนอยู่ในอกกลับมาเป็นปกติ

     

         “ขอโทษนะ คือ...จะจีบกันก็ไม่ว่าหรอก แต่เห็นใจพวกกูหน่อยก็ดี ขอบคุณ มีเสียงร้องเรียนจากแจ็คสัน หวังที่อยู่ห่างออกไปสองโต๊ะ

     

         “พูดมากน่า แจ็คสัน เล่นเกมต่อไปเถอะ

     

         มาร์คพ่นลมหายใจพรืดเหมือนจะขำ เอ็ดเพื่อนสนิทอย่างไม่จริงจังนัก แจ็คสันยักไหล่แบบไอดอนท์แคร์ก่อนจะสบถดังลั่น รัวนิ้วลงบนคีย์บอร์ดแมคบุ๊คที่ยืมของวอนพิลมาเล่นอย่างไม่กลัวพังหรือเจ้าของเครื่องจะตื่นขึ้นมาด่า

     

         ในความวุ่นวาย เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเขาสองคน เป็นความเก้อเขินแปลกๆ ปนกับความรู้สึกโหวงๆ ที่ยังไม่หายไป แบมแบมเม้มริมฝีปาก กลอกตาไปมา ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลายเป็นเขาที่ทำตัวไม่ถูก ในขณะที่มาร์ค (ควรเป็นฝ่ายทำตัวไม่ถูกต่างหากดูไม่เดือดร้อนอะไรสักนิด ยังสามารถพูดคำว่าชอบกับเขาได้แบบไม่มีอาการเขินอายใดๆ อย่างที่คนทั่วไปมักจะเป็น

     

         มึงเป็นคนยังไงวะเนี่ย

     

         “ไปล่ะแบมแบมพูดแค่นั้น รีบพาตัวเองออกมาจากบรรยากาศแปลกๆ

     

         “เดี๋ยว แบมแบมเขาชะงัก ถอนหายใจขณะหันกลับมาหาคนเรียก ใช้สีหน้าแทนคำพูดเป็นเชิงว่ามีปัญหาอะไรอีก ซึ่งนั่นเป็นการตัดสินใจที่พลาดมาก เมื่อมาร์คชี้ไปที่หูตัวเองพร้อมรอยยิ้มล้อเลียน

     

         หูแดงแน่ะ

     

         เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดหู ขมวดคิ้วใส่ แล้วไง

     

         โต้ตอบด้วยหน้าตาหาเรื่องที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะเปลี่ยนจากขมวดคิ้วเป็นมองตาขวางหลังจากมาร์คพูดประโยคหนึ่งออกมา แบมแบมกระแทกเสียงสวนกลับไปห้วนๆ เดินลิ่วออกมาจากห้อง ไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายด้วยการเหวี่ยงประตูปิดตามหลังเสียงดังปังและทำให้คนในห้องสะดุ้งกันเป็นแถบ

     


         “นายน่ารักดีนะเวลาเขิน

     

         “เงียบไปเลย!”

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

         แบมแบมคิดว่าตัวเองยังรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้ได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก

     

         เปล่าเลย เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับการเจอมาร์คที่คณะเท่าไหร่นัก ไม่ได้พยายามเลี่ยงการพูดคุยกันทั้งต่อหน้าและผ่านทางแอพลิเคชั่นในโทรศัพท์(เขายังหาเหตุผลดีพอที่จะเลี่ยงไม่ได้) หรือแม้กระทั่งการซ้อนจักรยานมาร์คกลับหอในตอนเย็น(อันนี้ก็พอเลี่ยงได้ในบางครั้ง) แบมแบมรู้ว่ามาร์คพยายามไม่ทำให้เขาอึดอัดโดยการวางตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง นั่นทำให้เขารู้สึกขอบคุณอยู่ลึกๆ

     

         ก่อนหน้าบอกชอบเป็น(คนกวนตีน)แบบไหน หลังบอกชอบก็ยังคงเป็นแบบนั้น ความสม่ำเสมอในการเข้าหาไม่ได้ลดน้อยลง และดูเหมือนอะไรๆจะชัดเจนมากขึ้น

     

         ถึงอย่างนั้น แบมแบมก็ยังรู้สึกไม่แน่ใจ

     

         นี่ต่างหากที่น่าอึดอัด และส่งผลให้เขารับมือกับทุกอย่างได้พังสิ้นดี

     

     

         แบม เย็นนี้ว่างไหม ยองแจชวนไปแดกเหล้า

     

         เสียงตะโกนของคิมยูคยอมดังมาถึงในห้องครัว แบมแบมคว่ำจานที่เพิ่งล้างเสร็จ เช็ดมือกับกางเกงขณะเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่น ใช้เท้าเขี่ยๆ เพื่อนที่นอนแผ่เต็มโซฟาให้เอาขาหลบเพื่อที่เขาจะได้นั่ง ยูคยอมทำตามอย่างว่าง่ายไปพร้อมกับกดโทรศัพท์ และเมื่อเขาทิ้งตัวใส่ที่ว่าง ยูคยอมก็ย้ายขายาวๆ ทั้งสองข้างของมันมาพาดบนตักเขาแทน

     

         แบมแบมเหล่หางตามอง สบายเกินไปแล้วนะมึงอ่ะ แต่อีกฝ่ายก็หาได้ใส่ใจ

     

         “ตอบกูก่อน ตกลงยังไง เย็นนี้ว่างไหม จะได้บอกยองแจ

     

         ว่างดิ ก็นั่งอยู่กับมึงเนี่ย ถามแปลกๆแบมแบมตอบพลางควานมือหารีโมททีวีที่วางอยู่แถวนั้น หยิบขึ้นมากดเปลี่ยนช่องเป็นซีรีส์สืบสวนภาษาอังกฤษที่ฉายรีรันรอบบ่าย พร้อมด้วยขนมขบเคี้ยวหนึ่งถุง ยูคยอมละความสนใจในจอโทรศัพท์ สายตาล้อเลียนของเพื่อนช่างเชิญชวนให้ขว้างรีโมทใส่อย่างบอกไม่ถูก

     

         “จะรู้เหรอ เห็นตอนเย็นไปกับพี่มาร์คบ่อยๆ ก็นึกว่าไม่มีเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อนกับฝูง

     

         “ไม่เกี่ยวเลยไอ้สัด เกือบจะปาขนมไปแล้ว แต่นึกได้ว่าเพิ่งทำความสะอาดห้องและมันเป็นการสิ้นเปลืองของกิน เลยปาหมอนอิงใส่เพื่อนที่หัวเราะด้วยเสียงกวนตีนแทน น่าเสียดายที่หมอนั่นตั้งรับได้ทันก่อนที่หมอนจะลอยไปกระแทกหน้าและยึดไปกอดไว้

     

         “โอเคๆยูคยอมยกมือยอมแพ้ พยายามที่จะหยุดหัวเราะ แต่ถามได้ไหม ถึงขั้นไหนแล้ววะ

     

         แบมแบมชะงักมือที่กำลังหยิบขนม

     

         จากข้อสงสัยดังกล่าว ภาพเหตุการณ์ที่โดนบอกชอบโดยไม่ทันตั้งตัวปรากฏขึ้นในความคิดโดยทันที คำพูดของมาร์คดังก้องอยู่ในหู สัมผัสเบาๆ บนริมฝีปากที่ทำให้เผลอเม้มปากเข้าหากัน ความรู้สึกโหวงเล็กๆ ที่เป็นๆ หายๆ มาสักพักเกิดขึ้นอีกครั้ง และก็ทำได้แค่พยายามไล่มันออกไป

     

         เขากำลังรู้สึก...ไม่ปลอดภัย

     

         นี่มันแย่ชะมัด ให้ตายเถอะ

     

         เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่คิมยูคยอมสังเกตเห็นเพื่อนมีอาการหลุดอย่างที่ไม่เคยเป็น แบมแบมพึมพำอะไรสักอย่างที่จับใจความไม่ได้ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ สองสามครั้งแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิม

     

         กู...ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละเป็นคำปฏิเสธที่ทำให้คนฟังต้องเบ้ปาก

     

         หวั่นไหวแล้วก็บอก

     

         “...เปล่าแบมแบมเหลือบมองเพื่อนไม่ต้องมามองกูแบบนั้นเลย คิมยูคยอม

     

         เจ้าตัวอาจไม่รู้ว่าเผลอหลุดอาการแปลกๆ ให้จับสังเกตได้

     

         “เออ เอาเถอะ เอาที่มึงสบายใจยูคยอมถอนหายใจเลือกที่จะไม่เซ้าซี้ต่อ ไหวไหล่ได้อย่างน่าหมั่นไส้ ตกลงจะไปแดกเหล้ากับพวกกูป่ะเนี่ย

     

         แค่อาการหลุดกับน้ำเสียงลังเลที่ได้ยินเมื่อกี้ก็ตอบข้อสงสัยได้พอสมควร

     

         “ไปดิ ร้านไหนจัดมา พี่พร้อม

     

         โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย แบมแบม

     

    ..

     

    .

     

     

         หลังมอเป็นแหล่งมั่วสุมทุกรูปแบบ พรั่งพร้อมด้วยร้านอาหาร ร้านเหล้า ร้านเกม ร้านคาราโอเกะไม่ต่ำกว่าสามร้านเปิดเรียงรายกันไปตลอดทาง หอของแบมแบมก็เช่นกัน มันตั้งอยู่แถวหลังมอและไม่ไกลจากแหล่งสถานบันเทิงเริงใจนั่นมากนัก ใช้เวลาแค่สิบนาที เขาก็มายืนอยู่หน้าร้านเหล้าร้านเดิมกับยูคยอม

     

         เขาเดินเข้าไปในร้านที่ยองแจบอกว่ามารออยู่ก่อนแล้ว ลูกค้าแต่ละโต๊ะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เกินกว่าครึ่งคือเด็กถาปัตย์ เหตุผลหนึ่งคือเจ้าของร้านเป็นเด็กถาปัตย์เก่า เป็นรุ่นพี่คนดังในคณะ ไม่ว่าใครก็รู้จัก ร้านนี้เลยประหนึ่งเป็นร้านประจำคณะสถาปัตย์ไปโดยปริยาย เพราะไม่ว่าจะกี่ปีกี่ชาติ เด็กถาปัตย์ก็พากันแห่มาแดกเหล้าที่นี่ประจำ

     

         ยองแจโบกไม้โบกมือมาให้จากมุมหนึ่งของร้าน บรรยากาศเดิม โต๊ะเดิม และเพื่อนกลุ่มเดิมที่มากันพร้อมหน้าพร้อมตา สิ่งแรกที่สะดุดตาทันทีคือเครื่องดื่มมึนเมานานาชนิดบนโต๊ะและกับแกล้มน่าอร่อยอีกสองสามอย่าง ทุกคนพร้อมแล้วสำหรับการเมาหัวราน้ำในค่ำคืนนี้

     

         เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อแบมแบมเดินมาถึงและกำลังจะนั่งลง เขาเลิกคิ้ว กวาดตามองอย่างสงสัย

     

         ปรบมือเชี่ยไรกัน

     

         “กูดีใจ ดีใจที่มึงมาแดกเหล้ากับพวกกูได้สักทีชเวยองแจปรบมือพร้อมแอคติ้งสีหน้าซาบซึ้งในจิตใจมาก มากจนเขาคิดว่าถ้าเพื่อนกระแดะได้มากกว่านี้อีกสักหน่อย คงได้เห็นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งของมันอย่างแน่นแน่ แหม ไอ้พวกเชี่ย กูรู้นะว่าพวกมึงแอบแซะ

     

         อย่าเยอะแบมแบมผลักหัวเพื่อนก่อนจะนั่งลงที่ว่างข้างๆ

     

         “ของมึงผสมอะไรดีครับนี่ก็ยังนั่งไม่ทันถึงสองวิ ถามกูแล้วว่าจะเอายังไง รีบเหรอมึง

     

         “แล้วแต่มึงเถอะครับ ได้หมดมือชงเหล้าประจำกลุ่มอย่างคิมแทฮยอง (ทุกคนพร้อมใจกันยกหน้าที่นี้ให้เพราะแม่งชอบนั่งข้างถังน้ำแข็งพยักหน้ารับแล้วหยิบแก้วใบใหม่ขึ้นมา จัดการผสมเครื่องดื่มให้เพื่อนด้วยความคล่องแคล่ว

     

         ฟังแต่ละคนสวดเรื่องเผางานส่งไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ เขาหยิบแก้วเหล้าแทฮยองชงให้ขึ้นมา ยกซดเข้าไปอึกใหญ่ขณะฟังเพื่อนจากภาคไอเออีกคนอย่างจอนจองกุกบ่นเรื่องคะแนน หน้าเบ้กับรสชาติขมปร่าที่ได้รับแบบไม่ได้ตั้งตัว และทำให้ร้อนวูบไปทั้งคอ

     

         สาบานว่านี่ผสมแล้ว? ขมอย่างกับแดกเพียว ร้อนโว้ย!

     

         “มึงใส่ไปกี่ฝาเนี่ย แบมแบมหันไปหาเพื่อนที่มีหน้าที่นั่งชงเหล้าและเฝ้าถังน้ำแข็ง ตอนนี้กำลังหัวเราะหน้าเบ้ๆ ของเขาจนตาปิดก่อนจะเปลี่ยนมาทำหน้าทำตาล้อเลียน

     

         “โอ๊ะ อย่าบอกนะว่าเดี๋ยวนี้เหล้าสี่ฝาก็แดกไม่ได้แล้ว อ่อนว่ะได้ยินแบบนั้นแล้ว มนุษย์ชอบเอาชนะก็ยอมไม่ได้ที่จะถูกเข้าใจผิดๆ

     

         “โหย แค่นี้เด็กๆ จัดเพียวมาพก็จัดกลับให้ได้ครับ

     

         แบมแบมมั่นใจในทักษะการดื่มของตัวเองเสมอ สี่ฝาไม่รู้สึกอะไรหรอก กระจอก ต้องสี่ขวดเป็นอย่างต่ำถึงจะเรียกว่าคนจริง ตามเนเจอร์เด็กถาปัตย์ที่เป็นกันมาทุกรุ่น อย่างที่เคยบอกไปว่าว่างๆ ถ้าไม่ชวนกันตีดอทก็ชวนกันเมา แต่ละคนซัดเหล้ากันประหนึ่งซัดน้ำเปล่า เรียนห้าปีจบไปคิดว่าคงได้ใบประกาศเกียรติคุณระบุว่าเป็นผู้ที่มีตับแข็งแรงที่สุดในประเทศก็เป็นได้

     

         “เอาป่ะล่ะ

     

         นั่นคือคำท้าดวลเหล้าจากแทฮยองคนเก่งของเพื่อนๆ แต่แบมแบมเพิ่งมานั่งได้สักพักและเหล้าแก้วแรกยังไม่ทันหมดดีด้วยซ้ำ ไม่อยากออกตัวแรงแต่แรกเพราะรู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง แต่ถึงอย่างนั้น เห็นเพื่อนออกปากท้า

     

         จะไปขัดศรัทธามันก็กระไรอยู่

     

         จัดมา

     

         และเขา...อยากจะลืมความฟุ้งซ่านในหัวสักพัก

     

     

     

     

    ..

     

     

    .

     

     

         มาร์คจำแนกคนเมาไว้สามระดับ

     

         ระดับที่หนึ่ง เมาระยะควบคุมได้ แค่กรึ่มได้ที่ อารมณ์สนุกกำลังมา มีสติกับความสามารถในการคลำทางกลับบ้านได้ด้วยตัวเอง ความน่ารำคาญอยู่ในเปอร์เซ็นต์ศูนย์ถึงสามสิบ ยังพอเจรจาให้ทำตัวน่ารำคาญน้อยลงได้บ้าง แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับบุคคล(อย่างเช่นแจ็คสัน หวังที่แม้จะแค่กรึ่มๆ ก็ยังยากต่อการเจรจา)

     

         ระดับที่สอง เมาระยะเริ่มคุมไม่อยู่ ความสามารถในการใช้ชีวิตด้วยตัวเองแปรผกผันกับระดับความน่ารำคาญ จัดอยู่ในเปอร์เซ็นต์สาบสิบเอ็ดถึงหกสิบ ปวดฉี่ก็มาบอก จะอ้วกต้องพาไป เดินเองถือว่าเป็นเรื่องยาก คอยแต่จะเลื้อยใส่คนรอบข้างและเรื้อนไม่เลือกสถานที่(น่ารำคาญมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลเช่นกัน)

     

         ระดับที่สาม เมาระยะควบคุมไม่ได้แล้ว เมาแบบไม่รู้เรื่องห่าอะไรเลยในชีวิต เมาแบบมึงอย่าแดกเหล้าอีกเลยนะชีวิตนี้ ไร้ความสามารถในการจำทางกลับบ้านและใช้ชีวิตด้วยตัวเองไม่ได้อย่างสิ้นเชิง นั่นหมายถึงความน่ารำคาญที่ทะลุเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่เมาหลับก็เรื้อนได้อย่างน่าถีบ ซึ่งไม่ว่าแบบไหนล้วนแต่เป็นภาระทั้งสิ้น

     

         และตอนนี้ มาร์คกำลังคิดว่าเขาจะจัดแบมแบมเอาไว้ในระดับไหนดี

     

         ไหวไหมน่ะ

     

         เขาชะโงกหน้าเข้าไปในห้องน้ำ ดูอาการคนที่โก่งคออยู่เหนือโถชักโครก พยายามเอาสิ่งที่หมุนวนอยู่ท้องออกมา แต่ก็ดูจะเป็นเรื่องยาก มาร์คส่ายหัว ตามเข้าไปนั่งลงข้างๆ ช่วยลูบหลังลูบไหล่ให้ทุกอย่างง่ายขึ้น

     

         แบมแบมเอื้อมมือไปกดน้ำ ยันผนังพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แนบหน้าผากกับกระเบื้องเย็นๆ อยู่ครู่หนึ่ง ส่งเสียงอือในลำคอเบาๆ ขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะหันกลับมา ผลักเขาให้พ้นทาง ก้าวเท้าสะเปะสะปะออกไปจากห้องน้ำแคบๆ

     

         มาร์คตามออกมา ยืนกอดอกพิงประตูห้องน้ำ มองแบมแบมที่โซเซไปเกาะเคาน์เตอร์กระจกและทำสิ่งที่น่าจะเรียกว่าเอาหน้าทิ่มลงไปในอ่างมากกว่าล้างหน้า

     

         เมาแล้วยังทำเก่งอีก

     

         สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เขาเดินเข้าไป จับต้นแขนอีกฝ่ายไว้แน่น ใช้มืออีกข้างรองน้ำให้ล้างหน้า บ้วนปาก เอื้อมไปหยิบผ้าเย็นที่ทางร้านจัดเตรียมไว้มาเช็ด ถึงจะแค่เล็กน้อยแต่เหมือนความเย็นจะช่วยเรียกสติ แบมแบมเงยขึ้นมองด้วยตาปรือๆ คิ้วมุ่นเข้าหากันอีกครั้ง เอ่ยพึมพำเบาๆ

     

         หน้าคุ้นๆ แหะมาร์คยิ้มด้วยความขบขัน ปาดผ้าเย็นสีขาวในมือไปตามใบหน้าและลำคออีกฝ่าย

     

         ...ก่อนจะนิ่งค้างไปเมื่อแบมแบมยื่นหน้าเข้ามา

     

         เหมือนมาร์ค ต้วนเลย

     

         น้ำเสียงอู้อี้คล้ายจะพึมพำกับตัวเอง

     

         “ไม่ ไม่ใช่หรอก มาร์คจะมาอยู่ที่นี่ได้ไง

     

         ริมฝีปากสีสดขยับพึมพำอีกครั้ง ใกล้...มาก

     

         แต่กลิ่นน้ำหอมเหมือนของมาร์คเลย

     

         ลมหายใจร้อนๆ รดข้างลำคอทำให้เขาไม่กล้าขยับตัว

     

         ...ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

     

         จนกระทั่งอีกฝ่ายผละออกไป มาร์คถึงหายใจได้ทั่วท้อง

     

         ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่ ไม่...แบมแบมส่ายหัวพลางปฏิเสธกับตัวเองหน้ายุ่ง ถอนหายใจหนักๆ อยู่สองสามที ถอยหลังออกห่างจากเขาแล้วเดินโซเซไปยังประตูทางออก ดีที่มาร์คตามไปคว้าแขนไว้ได้ทันก่อนที่แบมแบมจะถลาเข้าใส่คนที่เดินเลี้ยวเข้ามา

     

         พี่มาร์ค? มาได้ไงขณะที่เขาพยายามทำให้แบมแบมอยู่กับที่ มีเสียงร้องทักอย่างแปลกใจดังขึ้น มาร์คหันไปก็เจอกับรุ่นน้องในคณะและร่วมสาขาอย่างคิมยูคยอม ยืนค้างอยู่ตรงประตู มองเขาสลับกับแบมแบมด้วยสีหน้างงงวย

     

         ไง เขาเอ่ยทักทาย พี่มานัดเลี้ยงสาย นายล่ะ

     

         “พวกผมมานั่งเล่นกันเฉยๆ

     

         “งั้นเหรอ แต่ตอนนี้เพื่อนนายดูท่าจะไม่ไหวแล้วล่ะมาร์คพยักเพยิดไปยังแบมแบมที่เอนมาพิงและใช้เขาแทนหลักยึดไม่ให้ตัวเองล้ม

     

         ผมจะเข้ามาดูมันเนี่ย หายมาเข้าห้องน้ำโคตรนาน...แบม! ไหวป่ะวะประโยคหลังยูคยอมหันไปพูดกับเพื่อน เขย่าแขนข้างหนึ่งเพื่อเรียกสติ แบมแบมหันมามองตาเยิ้ม ยิ้มหวาน พยักหน้าหงึกหงักแทนการตอบคำถาม

     

         “แต่กูว่าไม่แล้วล่ะ กลับหอเหอะ

     

         “ไม่กลับส่ายหน้าพร้อมกับตอบเสียงยานคาง

     

         “จะนอนที่นี่หรือไง

     

         “ยังแดกไม่หมดเลย

     

         “พอ เมาแล้ว ไม่ต้องแดก วันหลังค่อยแดก

     

         มาร์คฟังบทสนทนาทั้งหมดเงียบๆ อมยิ้มเมื่อเห็นแบมแบมทำหน้ามุ่ยหลังจากโดนดุ โอเค นั่นมันน่ารักมากเสียจนเขาอยากจะยื่นมือไปบิดแก้มแดงๆ ทั้งสองข้างด้วยความมันเขี้ยว

     

         เห็นว่าแบมแบมมีคนดูแลแล้ว มาร์คทำท่าจะถอยออกมา

     

         พี่มาร์คแต่ถูกเรียกไว้ก่อน เลิกคิ้วเป็นเชิงถามยูคยอมที่เรียกเขาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจังรบกวนอย่างหนึ่งได้ไหม

     

         “ถ้านั่นเป็นสิ่งที่พี่ทำได้มาร์ครับปากแบ่งรับแบ่งสู้ และยูคยอมก็ไม่รอช้าที่จะสาธยายเหตุผลกับความต้องการของตัวเองให้ฟัง

     

         “ผมมีเพื่อนเมาเละอยู่ข้างนอกอีกสามคน ซึ่งผมเป็นคนที่ต้องพาสามคนนั้นไปส่งบ้าน

     

         มาร์คเลิกคิ้ว ลากเสียงยาว แล้ว...

     

         “ไม่เอาน่า พี่ก็รู้ว่าผมจะพูดอะไรยูคยอมมองด้วยสายตารู้ทัน ผมรู้ว่าหอพี่อยู่ทางเดียวกับหอแบม และถ้ามันไม่เป็นการรบกวนเกินไปนัก...

     

         ใช่ มาร์ครู้อยู่แล้วว่ายูคยอมจะพูดอะไร

     

         ช่วยไปส่งแบมที่หอแทนผมหน่อย

     

     

         เขาปฏิเสธคนไม่เก่งเสียด้วยสิ

     

     

    ..

     

    .

     

     

         มาร์คไม่ได้เห็นแบมแบมตั้งแต่แรก

     

         เขาเพิ่งรู้ตัวว่านั่งอยู่ในร้านเดียวกับแบมแบมก็ตอนที่อิมแจบอมสะกิดแขน พยักเพยิดไปยังมุมหนึ่งของร้านพร้อมคำพูดที่ว่า มาร์ค นั่นเด็กมึงหรือเปล่า และหลังจากประโยคดังกล่าวจบลง มาร์คก็แทบไม่ได้ละสายตาไปจากมุมนั้นเลย

     

         ผ่านไปอีกชั่วโมงกว่า มาร์ครู้ตัวว่าเขาสนใจโต๊ะอื่นมากกว่าคนที่ร่วมโต๊ะด้วย แต่ก็ไม่ได้พยายามห้ามสายตาตัวเองที่มองไปยังอีกมุมร้าน ให้ความสนใจกับคนหน้าหวาน ตาหวาน ที่เมาแล้วยิ้มหวานโปรยใส่คนอื่นไปทั่ว(นั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก)

     

         น่าจับมาตีจริงๆ

     

         จนกระทั่งลุกไปเข้าห้องน้ำ ในตอนที่กำลังจะเดินออก ใครบางคนเดินสวนเข้ามาและกระแทกเขาเข้าอย่างจัง ท่าทางเดินโซไปเซมา ได้กลิ่นแอลกอฮอล์แตะจมูกชัดเจน พอมองดูดีๆ มาร์คก็พบว่าเป็นแบมแบม ไม่มีใครพูดอะไร เพราะต่อจากนั้น แบมแบมก็พุ่งตัวผ่านเขาเข้าไปในห้องน้ำห้องหนึ่งแล้วอาเจียนออกมาอย่างหมดสภาพ

     

        เรื่องทั้งหมดลงท้ายด้วยการที่มาร์คขอตัวกลับก่อน หลังจากตกปากรับคำยูคยอมว่าจะเป็นคนพาไอ้เด็กขี้เมานี่ไปส่งหอ ได้รับสายตาแปลกๆ จากคนในโต๊ะกลับมาเป็นคำถาม เมื่อเห็นเขากลับมาจากห้องน้ำและมีแบมแบมที่สติหายไปแล้วกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ติดมาด้วย

     

         ส่งให้ถึงหอนะมึงนั่นคือคำกล่าวจากอิมแจบอมพร้อมรอยยิ้มกริ่ม ก่อนจะโดนเขาต่อยเข้าที่แขน

     

         การไปส่งแบมแบมกลายเป็นเรื่องลำบากทันทีเมื่อมาร์คนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เอาจักรยานมาด้วย เขาทิ้งมันไว้ที่คณะ ติดรถของพี่รหัสมาที่ร้านกับแจบอม ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดิน เขาจับคนเมาที่ทำตัวไร้กระดูกขึ้นหลัง(แหงล่ะ ถ้าให้เดินเองคิดว่าจะถึงกี่โมงกัน) แบมแบมงึมงำอะไรสักอย่างที่จับใจความไม่ได้ ขยับแขนโอบรอบคอเขา ซุกหน้าลงกับไหล่แล้วเงียบไป

     

         อากาศเย็นจนเข้าขั้นหนาว แสงไฟสีส้มสลัว ถนนโล่งๆ ตอนตีหนึ่ง นอกจากเสียงเครื่องยนต์รถที่นานๆ ทีจะผ่านมาสักคันกับเสียงลมพัด สิ่งที่มาร์คได้ยินชัดเจนอีกอย่างคือเสียงลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอของแบมแบม

     

         ยูคยอม...

     

         จู่ๆ แบมแบมก็ส่งเสียงขึ้นมา ดูเหมือนจะเข้าใจว่าเป็นเพื่อนที่แบกตัวเองอยู่ กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มบริเวณต้นคอทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้ มาร์คเหลือบมองเมื่อร่างบนหลังขยับตัวยุกยิก กระชับแขนรอบคอเขาแน่นขึ้น พึมพำเสียงอู้อี้อยู่ข้างหู

     

         อึดอัด

     

         “อึดอัดเรื่องอะไรเขาถามกลับ

     

         “ก็เรื่อง...แบมแบมเงียบไปสักพักก่อนจะส่ายหน้าไม่ ไม่บอกหรอก เดี๋ยวมึงเอามาล้อ

     

         มาร์คยิ้มกับสิ่งที่ได้ยิน บอกมาเถอะ ไม่ล้อหรอก

     

         “รับปากแล้วนะ ถ้าล้อกูแช่งให้ม่อหญิงไม่ติดตลอดสามปีจริงๆ ด้วย

     

         หนนี้มาร์คหลุดหัวเราะออกมา ไม่ล้อจริงๆ สัญญา

     

         แล้วแบมแบมก็เงียบไปอีกครั้ง คิดว่าคงกำลัง(ใช้สติอันน้อยนิด)ไตร่ตรองเรื่องที่กำลังจะพูดว่าสมควรเล่าให้เขาที่แกล้งทำเป็นคิมยูคยอมฟังดีหรือเปล่า มาร์คได้ยินเสียงถอนหายใจก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มพูด

     

         หัวข้อบทสนทนาทำให้ต้องเหลือบมองด้วยความสงสัย

     

         ก็...พี่มาร์ค

     

         “พี่มาร์คทำไม

     

         แบมแบมดูลังเลที่จะตอบ แต่สุดท้ายก็พูดออกมา เขา...บอกชอบ

     

         “แล้วแบมแบมชอบพี่มาร์คหรือเปล่าเขาตั้งคำถามกลับ ก่อนจะรู้ตัวว่าพลั้งปากออกไปโดยไม่ทันคิด และมาร์คมีเวลาเตรียมใจแค่ห้าวินาทีเท่านั้นกับการฟังคำตอบ เขาแทบกลั้นหายใจขณะฟังอีกฝ่ายตอบคำถามสุ่มเสี่ยงที่มาร์คคิดว่าเป็นการฆ่าตัวเองชัดๆ

     

         “ไม่รู้ ยังตอบไม่ได้ ผ่านโอเค ค่อยรู้สึกหายใจคล่องขึ้นมาหน่อย

     

         “แล้วรู้สึกอะไรกับพี่มาร์คบ้างไหม

     

         “ไม่...เสียงสะดุดไปเมื่อแบมแบมสะอึก ไม่รู้สึกอะไรก็บ้าแล้ว กูเป็นคนนะยูคยอม!” ในท้ายประโยค ระดับเสียงดังขึ้นคล้ายคนเมาจะโมโห มาร์คหัวเราะในลำคอ เลือกใช้น้ำเสียงนิ่มๆ ตั้งคำถามกลับไป

     

         “แล้วทั้งหมดนั่นทำให้อึดอัดเหรอ

     

         “เปล่า ไม่ใช่...อีกฝ่ายปฏิเสธเสียงแผ่ว อึดอัดตัวเอง

     

         ไม่ทันได้ซักไซ้อะไรต่อ แบมแบมก็เริ่มต้นระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาด้วยเสียงยานคาง

     

         “รู้อะไรไหม กูไม่ได้โง่ถึงขนาดมองไม่ออกหรอกนะ แต่ที่ทำเป็นไม่รับรู้เพราะกูกลัว ถึงจะบอกว่าชอบ แต่บางครั้งกูรู้สึกไม่แน่ใจกับคำว่าชอบนั่นเลย กูกลัว กลัวว่าถ้าวันหนึ่งเปิดใจให้แล้วมันกลายเป็นว่าทั้งหมดคือการแกล้ง กูไม่หน้าแหกเหรอวะ เป็นแบบนั้นกูจะทำยังไง


         มาร์คเพิ่งรู้เหตุผลจริงๆ ของแบมแบม


         นั่นคือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในท่าทางที่ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใช่ไหม


     

         “แต่เขาก็แสดงออกว่าชอบไม่ใช่เหรอ


     

         “แต่เขาก็ชอบแกล้งกูด้วยเหมือนกัน

     

         ย้อนกลับแล้วเงียบไป มาร์คหยุดยืนเพื่อจัดท่าทางของร่างบนหลังให้เข้าที่อีกครั้งก่อนจะออกเดินต่อ แบมแบมงึมงำในลำคอเกี่ยวกับอะไรสักอย่างที่คราวนี้เขาฟังออกอยู่สองสามคำ แปลก, เสียง, และมาร์ค

     

         เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง

     

         “รู้อะไรไหมแบมแบม

     

         “…”

     

         “คิดน้อยไปก็ไม่ดี คิดเยอะไปก็ไม่ดี และกับบางเรื่อง...นายใช้สมองคิดอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ

     

     

         มาร์คได้แต่หวังว่าแบมแบมจะเข้าใจ









    TALK:____________________________________________


    ขอโทษที่หายไปนานมาก ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ;___;

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์เลยนะคะ ต่อชีวิตคนเขียนจริงๆ
    ชอบอ่านเม้นท์มากอ่ะ ๕๕๕๕๕๕ เห็นคนอ่านชอบสิ่งที่เราเขียนแล้วมีความสุข
    มันทำให้อยากเขียนต่อ บอกตรงๆ ว่าติ่งคอมเม้นท์มากกว่าติ่งฟิคอีก ๕๕๕๕๕

    ติชมได้ตามสะดวก
    ดีใจที่ชอบกัน เจอกันตอนหน้าเหมือนเดิม <3



     

    MINOR
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×