คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : : the tenth :
10
“แบม กูมีเรื่องสงสัย”
“สงสัยอะไร”
แบมแบมละมือจากการขีดๆ เขียนๆ ชีทเรียนแก้เบื่อระหว่างคาบเลคเชอร์ตอนบ่าย เสียงบรรยายเรื่องคอนเซ็ปท์การออกแบบของอาจารย์ฟังเหมือนบทสวดอะไรสักอย่างที่ทำให้นักศึกษาเกือบทั้งเซคเข้าสู่ฌานสมาธิ นั่งตาลอยโงนเงนแข่งกันอยู่บนเก้าอี้ บางคนที่กล้าท้าทายอำนาจมืดก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ประกาศตัวให้โลกรู้ว่าข้าไม่สามารถทนความง่วงได้อีกต่อไป
เขานั่งอยู่แถวหลังสุดกับคิมยูคยอม ผู้ให้ความสนใจแต่กับโทรศัพท์และสาวในสต็อคมากกว่าชีทเรียนและอาจารย์ที่บรรยายสไลด์อยู่หน้าห้อง แบมแบมหันหน้ามองเพื่อนสนิทคนดีคนเก่งของตัวเอง ที่หลังจากเรียกร้องให้เขาสนใจแต่ก็ไม่บอกข้อสงสัยของตัวเองกลับมา ทำท่าคิดนานจนต้องถามซ้ำอีกรอบ
“จะคิดนานอะไรขนาดนั้น ตกลงว่ามีอะไร” เขามองยูคยอมที่เหล่ซ้ายเหล่ขวาก่อนจะกวักมือเรียกให้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ทำประหนึ่งเรื่องที่กำลังจะบอกเป็นความลับขั้นสุดยอด ซึ่งแบมแบมก็บ้าจี้ทำตามไปแม้จะไม่เข้าใจนัก
คิมยูคยอมทำหน้าเครียด พูดด้วยเสียงเบาแต่จริงจัง
“เดี๋ยวนี้มึงพัฒนาถึงขั้นพาผู้ชายเข้าห้องเลยเหรอวะ” ก่อนจะโดนตะปบหน้าอย่างแรงและผลักให้หันไปอีกด้านหลังพูดจบ “โอ๊ย เชี่ยแบม เจ็บนะเว้ย”
“พ่อมึงสิ!”
“อ้าว กูไม่รู้กูไม่ผิดนะ มีคนเอามากูฟ้องล่ะ”
ไม่สงสัยเลยว่าใคร มีแค่ชเวยองแจเท่านั้นแหละ
“ฟ้องว่าอะไร” แบมแบมถามเสียงเรียบ แต่ในใจกำลังนึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเพื่อนที่เรียนอยู่อีกเซค ไอ้ที่นึกขอบคุณในใจไปวันนั้นที่มันไม่แซวไม่ล้อนี่ขอคืนคำได้มั้ย แล้วเดี๋ยวเพิ่มข้อหาปากโป้งให้อีกหนึ่งกระทงเป็นของแถม
“คืองี้ เขาเล่าให้ฟังว่าเมื่อวานไปหามึงที่ห้องแล้วเจอพี่มาร์คเว้ย แต่ไม่ได้เล่านะว่าเปิดเข้าไปเจอมึงสองคนทำอะไรกันอยู่บนพื้น เขาบอกว่าตอนนั้นเขาโคตรช๊อคอ่ะ เจอกันเมื่อเช้าก็ฟ้องกูใหญ่เลยว่ามึงพาผู้ชายเข้าห้องงู้นงี้...”
แบมแบมฟังแล้วรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลขอแชร์นะคะ รู้ซึ้งกับคำว่าชเวยองแจใสๆ นั้นไซร้ไม่มีอยู่จริงบนโลกก็วันนี้ อะไรคือไม่ล้อเขาแต่เอามาเล่าให้คิมยูคยอมฟัง คือเข้าใจป่ะว่าเรื่องบางเรื่องมันก็จบในตอนอยู่แล้วเว้ย ควรปล่อยให้มันผ่านไปซะ มึงไม่จำเป็นต้องเอามาขยายความต่อก็ได้!
เดี๋ยวๆ มึงเจอกูแน่ยองแจ เดี๋ยวก่อน
“…โหย ฟังทีแรกกูก็แบบ เฮ้ย เป็นไปไม่ได้หรอก พี่มาร์คเนี่ยนะ? เขาจะไปอยู่ห้องมึงได้ไงถูกป่ะ แต่ลองคิดไปคิดมา เออ มันก็เป็นไปได้นี่หว่า เพราะวันที่เลี้ยงสาย ตอนขากลับมึงเป็นคนไปส่งพี่เขาใช่ไหมล่ะ...” ยูคยอมยังคงเล่าสู่กันฟังต่อไปอย่างเมามันในอารมณ์ หาใช่จะแคร์ว่าคนฟังที่เป็นส่วนหนึ่งในประเด็นนี้ด้วยจะหน้าบูดลงเรื่อยๆ
และยิ่งบูดหนักเข้าไปอีกเมื่อคิมยูคยอมกล่าวประโยคถัดไป
“โธ่ กูก็นึกว่าจะไปส่งที่หอ ที่ไหนได้ น้องแบมแบมดันหิ้วคนเมากลับห้องตัวเองซะงั้น” ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางส่ายหน้า “ไม่ใช่เล่นนะมึงเนี่ย”
“หิ้วบ้านมึง” แบมแบมแยกเขี้ยวและยื่นมือออกไป ตั้งใจจะตะปบหน้าตากวนตีนของเพื่อนสนิทอีกสักรอบ คราวนี้กะให้แรงกว่าเดิม ให้แม่งเป็นรอยบนหน้าไปอีกสักวันสองวันไปเลย หมั่นหน้ามันจริงๆ แต่ยูคยอมเอนหลบได้ทันและหัวเราะสนุกสนานกับท่าทางหัวเสียของเขา
ยังไม่ทันได้ด่ากลับไปเจ็บๆ อีกสักประโยค โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืดคราดเรียกความสนใจจากเขาเสียก่อน แบมแบมหยิบขึ้นมาดู โนติล่าสุดของคาทกเด้งขึ้นบนจอมาจากผู้ส่งที่เขาไม่คาดคิด เขาเบี่ยงหนีสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนก่อนจะกดเข้าไปดู
MARK: แบมแบม
เป็นหนึ่งข้อความจากผู้ส่งชื่อมาร์ค ต้วน ซึ่งหลังจากที่เห็น แบมแบมก็เกิดความลังเลใจว่าจะตอบหรือไม่ตอบดี เขาเผลอกัดริมฝีปากขณะคิดกลับไปกลับมา ไม่ตอบดีมั้ย ถึงเลขหนึ่งหน้าข้อความจะหายไปแล้วเพราะเปิดอ่านก็เถอะ แคร์ที่ไหนเรื่องอ่านแล้วไม่ตอบ หรือจะลองตอบกลับไปวะ ก็อยากรู้อยู่เหมือนกันว่าไอ้พี่หัวแดงมันทักมาทำไม
ตอบ หรือ ไม่ตอบ
โอ๊ย แค่ตอบข้อความมึงจะคิดให้ซับซ้อนทำไม
BAMBAM1a: มีอะไร
เพราะความอยากรู้อยากเห็นไม่เข้าใครออกใคร และเมื่อมันเข้ามาแล้วมันก็ไม่ยอมออกไปง่ายๆ ความค้างคาใจไม่ใช่สไตล์ของเขา ดังนั้นแบมแบมเลยแตะนิ้วลงบนแป้นพิมพ์เป็นประโยคสั้นๆ ตอบกลับไป จากนั้นก็วนลูปกลับเข้าสู่ความซับซ้อนทางจิตใจอีกรอบ
เลขหนึ่งสีเหลืองหน้าข้อความหายไปแทบจะในทันที
MARK: พี่เพิ่งนึกได้ว่าลืมเสื้อไว้ที่ห้องนายเมื่อวันก่อนน่ะ
เขาอ่านข้อความที่เด้งขึ้นมาใหม่ นึกถึงแจ๊คเก็ตยีนส์ที่แขวนอยู่บนราวตากผ้าตรงระเบียงหลังห้อง เขารู้ว่าเป็นของมาร์คและรู้แล้วว่าอีกฝ่ายลืมไว้ แบมแบมเจอมันซุกรวมอยู่กับกองหมอนและผ้าห่มบนโซฟาในตอนเย็นหลังจากมาร์คกลับไป เพราะเห็นว่าเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง เขาเลยจับมันโยนใส่ตะกร้าผ้า ซักตากทิ้งเอาไว้และลืมหยิบมาด้วย
กำลังจะตอบกลับไปว่าจะเอามาคืนให้วันหลัง แต่อีกฝ่ายส่งมาอีกหนึ่งข้อความเสียก่อน
MARK: ตอนนี้อยู่ห้องหรือเปล่า พี่จะแวะเข้าไปเอา
แบมแบมเลิกหางคิ้ว คือยังไง คือมาร์ค ต้วนจะไปที่หอเขาเพื่อไปเอาเสื้องี้เหรอ โอ้โห สู้ชีวิตไปมั้ย แค่รอพรุ่งนี้แล้วเขาเอามาให้ที่คณะไม่ง่ายกว่าเหรอวะ มันมีเรื่องสำคัญเร่งด่วนจำเป็นต้องใช้ตอนนี้เลยหรือยังไง
BAMBAM1a: เปล่า อยู่คณะ เรียนอยู่’
แต่อย่าได้หวังว่าเขาจะแอบดอดออกจากเซคเพื่อกลับไปเอาเสื้อมาให้ เรื่องอะไรเร่งด่วนแค่ไหนก็ช่าง ไม่ได้สำคัญกับชีวิต แบมแบมก็ไม่สนใจหรอกนะ มีแต่จะสมน้ำหน้าให้หนักเพราะมาลืมไว้เอง
แบมแบมมุ่นหัวคิ้วเมื่ออ่านข้อความใหม่ที่เด้งขึ้นมาบนจอ
MARK: อ้าว ดีเลย พี่ก็อยู่คณะ
MARK: งั้นเลิกเรียนแล้วไปด้วยกัน
ดีเลยบ้าอะไร
บอกหน่อยตรงไหนที่ว่าดี?
หยุดเลยมาร์ค ต้วน หยุดทุกอย่างที่กำลังคิดจะทำเลย
ไม่ต้องไปปป ไม่ให้ไปโว้ยยยยย
BAMBAM1a: ผมเลิกห้าโมง
ตอนพิมพ์ประโยคนี้แบมแบมรู้สึกสะใจอย่างไร้เหตุผล เป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดเทอมที่เห็นว่าการเรียนถึงห้าโมงเย็นมีประโยชน์มากขนาดนี้ มันช่างเป็นเรื่องดีเป็นสิ่งดีๆ และไอ้ที่เขาออกอาการบ่ายเบี่ยงแบบนี้เพราะไม่เห็นถึงความจำเป็นที่มาร์คต้องไปที่หอต่างหาก ไม่ใช่ว่าสู้หน้าไม่ไหวหรอกนะ
MARK: ไม่เป็นไร รอได้
เผลอจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดกับข้อความตอบกลับของอีกฝ่าย อย่ารอ ไม่ต้องรอ ไม่อยากให้รอด้วย กลับบ้านกลับช่องกลับหอกลับที่ชอบไปเถอะ ไม่ต้องไปหรอก จะไปทำไม เดี๋ยวพรุ่งนี้เอามาให้จริงๆ ตอนนี้เห็นใจแล้วนะ เห็นว่าต้องปั่นจักรยานย้อนไปย้อนมาไง ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ กลัวเหนื่อยตายกลางทางนะเนี่ย
BAMBAM1a: ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้เอามาให้
ข้อความจากมาร์คเด้งขึ้นต่อแทบในทันที
MARK: เดี๋ยวรออยู่ที่แคนทีน
BAMBAM1a: ไม่ต้องรอออออ!!!
แบมแบมรัวนิ้วส่งข้อความกลับไปด้วยความเร็วสูง เพ่งหน้าจอโทรศัพท์จนกระทั่งเลขหนึ่งสีเหลืองที่แสดงว่าอ่านแล้วหายไปจากหน้าข้อความของเขา แต่อีกฝ่ายไม่มีการตอบกลับเป็นข้อความและส่งมาเพียงอิโมติคอนหน้ายิ้มแป้นแล้นเด้งขึ้นโชว์หราบนจอ มาร์ค ต้วนจบการสนทนาไว้แบบนั้น
กวนตีน!
“โหๆๆ คุยกับพี่มาร์คเหรอจ๊ะ”
แบมแบมหันขวับ หันจอโทรศัพท์หลบมนุษย์ขี้เสือกที่ไม่รู้ว่าชะโงกหน้ามาดูตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนจะขยับปากเป็นคำด่าสั้นๆ ที่แทนความรู้มากมายจากใจ
“เสือก”
แต่คนอย่างคิมยูคยอมไม่มีวันสะทกสะท้าน ตราบใดที่หนังหน้าเสริมใยเหล็กแถมโบกคอนกรีตทับด้วยความหนาเป็นพิเศษนั่นยังอยู่ดี มันยังสามารถหัวเราะอย่างบันเทิงเริงจิตได้แบบไม่ทุกข์ร้อนแม้จะโดนเขาด่าก็ตาม
“รู้ไหมแบม มึงทำกูแปลกใจ”
“กูทำอะไร”
“ก็ที่คุยกับพี่มาร์คนี่ไง” ยูคยอมเสริมต่อเมื่อเขาขมวดคิ้วสงสัย “ปกติไม่ค่อยเห็นมึงจะคุยกับเขาดีๆ เท่าไหร่เลย เจอกันทีไรก็เอาแต่ตีกันตลอด”
“นั่นมันเพราะเขากวนตีนก่อนต่างหาก” แบมแบมล่ะอยากจะปาโทรศัพท์ใส่หน้าเพื่อนสนิทที่พยักหน้าหงึdหงักแบบกวนประสาท แม่งทำเหมือนไม่เชื่อคำตอบของเขา หรือมันไม่จริง ก็เห็นๆ กันอยู่ว่ามาร์คเป็นฝ่ายเริ่มก่อนตลอด ชอบหาเรื่องแกล้ง ทำตัวน่าโมโหใส่ทุกทีที่เจอหน้า
“แล้ววันก่อนที่พาพี่เขาไปนอนที่หอล่ะ”
“อันนั้นมันเพราะจำเป็นหรอกเว้ย ถ้ารู้ว่าหอเขาอยู่ที่ไหน ไม่มีทางที่กูจะพาไปนอนหอกูแน่”
“อ๋อเหรอ ก็นึกว่าหวั่นไหวกับพี่เขาซะอีก” ได้ยินที่เพื่อนสนิทแซวกลับมา เหตุการณ์คืนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวได้อย่างทันใจ ทั้งตอนที่กำลังพามาร์คเดินขึ้นบันได ตอนที่โดนดึงไปกอดเพราะพยายามถอดแจ๊คเก็ตให้ และตอนที่หลอกถามคำถาม...
“ก็เหี้ยละ กูไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นแหละ หุบปากไปได้แล้ว”
...เขายังจำความรู้สึกแปลกๆ ตอนที่ได้ยินคำตอบไม่ปะติดปะต่อนั่นได้ดี
“จริง? ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงอ่ะ”
สายตาวิบวับ รอยยิ้ม คำพูดติดแน่นอยู่ในความทรงจำ
“หุบปากเถอะน่า”
แบมแบมเบ้ปากใส่ยูคยอมที่ทำเสียงล้อเลียน
ใคร? ใครหวั่นไหว...ไม่มี๊
เขาไม่ได้หวั่นไหวกับไอ้พี่หัวแดงนั่นซะหน่อย
.
.
.
แบมแบมแยกกับยูคยอมหลังเลิกคลาส
เพื่อนสนิทให้เหตุผลว่าต้องรีบไปรับสาว เป็นเหตุผลเดิมๆ ที่เขาฟังบ่อยจนจำขึ้นใจ และบอกเลยว่าคนที่นัดกันไว้หนนี้ไม่ใช่คนเดิมกับคราวที่แล้ว จำได้ก่อนหน้านั้นมันไปม่อเด็กปีหนึ่งที่เรียนอยู่เอกภายในไว้ มาครั้งนี้ก็สาวจากคณะข้างเคียงอย่างบริหารฯ บางทีก็นึกสงสัยว่ามันเอาเวลาว่างที่ไหนไปม่อหญิง ในขณะที่เขาแทบไม่มีเวลาให้มองใคร แค่ใช้ชีวิตหมดหนึ่งวันก็เหนื่อยจะตายห่าอยู่แล้ว
แบมแบมเลี้ยวเข้าโถงทางเดินที่เชื่อมกับตึกห้องสมุดเพื่อไปคาเฟ่ทีเรีย อย่า อย่าเชียวนะ อย่าได้เข้าใจผิดว่าเขาจะไปหามาร์ค ต้วนเชียว ที่ไปนี่เพื่อหาซื้อขนมกับโกโก้เย็นต่างหาก ร่างกายเขากำลังเรียกร้องต้องการพลังงานเพิ่ม หลังจากหมดพลังไปกับคาบสุดท้ายอย่างวิชาจิตวิทยาสถาปัตย์ ที่เรียนไปก็ท้องร้องโหยหาอาหารไป ทรมานใจสิ้นดี
เขาผลักประตูเข้าไป ในคาเฟ่มีคนนั่งอยู่ประปราย แบมแบมกวาดตามองซ้ายทีขวาทีก่อนจะตรงดิ่งไปยังมุมร้านขายขนมเมื่อไม่เห็นสิ่งมีชีวิตหัวสีแดงปรากฏตัวอยู่ แล้วไหนบอกว่าเดี๋ยวรอที่นี่ โม้นี่หว่า โธ่ๆ ที่จริงก็รอไม่ไหว หนีกลับไปแล้วล่ะสิ เฮ้ย นี่สาบานว่าไม่ได้กำลังมองหาหรือหวังว่าจะเจอมาร์ค ต้วนนั่งรออยู่นะ แบมแบมแค่ดูลาดเลาเผื่อมันโผล่มาจะได้หลบทันไง
แต่จนกระทั่งเลือกขนมเสร็จ รอจนเครื่องดื่มชงเสร็จและจ่ายเงินเสร็จ ก็ไม่มีวี่แววของมาร์คให้เห็น แบมแบมเลยเลิกทำตัวหวาดระแวงชีวิต เดินหิ้วถุงขนมและดูดโกโก้ออกจากร้านอย่างมีความสุข เขาเดินไปยังประตูคาเฟ่ ขณะเดียวกันก็ก้มหน้าควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าที่ส่งเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าใหม่
“อยู่ไหนวะ” เขาบ่นพลางควานมือไปทั่วกระเป๋า
ก่อนจะชนเข้ากับประตูที่มีคนผลักเข้ามา
“เฮ้ย ขอโทษ!”
แบมแบมเซถอยหลัง ยกมือขึ้นกุมหน้าผากที่กระแทกกับขอบประตูอย่างแรง หน้าเบ้ด้วยความเจ็บ ใครวะแม่ง เปิดประตูไม่ดูคนเลยชิบหาย อ๋อ กดโทรศัพท์อยู่เลยไม่สนใจจะมอง คือมึงไม่คิดจะเงยหน้าดูก่อนหรือยังไงว่าประตูอีกฝั่งมีคนอยู่หรือเปล่าแล้วค่อยเปิดเข้ามาน่ะ นี่ก็ก้มหน้าก้มตาผลักเข้ามาเต็มที่เลยโว้ย
“ขอโทษจริงๆ ไม่ทันได้มอง เจ็บหรือเปล่า”
“เจ็บดิ!” ลองดูเองสิจะได้รู้ โดนขนาดนี้ไม่เจ็บเลยมั้ง หัวโนแล้วเนี่ยอย่าให้ด่า แบมแบมเงยหน้ามองคู่กรณี และพบว่าคนที่เปิดประตูกระแทกหัวเขาเมื่อกี้คือมาร์ค ต้วน
ชีวิตดีไปอีก
จะมาทำไมตอนนี้!!!
“หัวแตกไหมน่ะ” มาร์คถามพลางอมยิ้มขำและยื่นมือมาแตะหน้าผากของเขาที่โดนขอบประตู แบมแบมจิ๊ปากทำหน้ายุ่งแล้วตีหลังมืออีกฝ่ายดังเพียะ
“ไม่ต้องยุ่งเลย” เขาดันมาร์คให้ถอยและเปิดประตูจ้ำออกมาจากคาเฟ่ ไม่หยุดเดินแม้อีกฝ่ายจะร้องเรียกชื่อเขาก็ตาม บ้าเอ๊ย คิดว่ากลับไปแล้วซะอีก แต่ไม่รู้ล่ะ ต้องชิงหนีก่อนที่ไอ้พี่หัวแดงนั่นจะพาเข้าประเด็นเรื่องเสื้ออีกรอบ
เขาได้ยินเสียงกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังมา
“แบมแบม...”
“ถ้าจะพูดเรื่องเสื้อ ผมบอกแล้วไงว่าพรุ่งนี้จะเอามาให้” แบมแบมพูดดักและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
“พี่ก็บอกไปแล้วเหมือนกันว่าจะไปเอาเอง” ทำไมมาร์ค ต้วนมันดื้อด้านอย่างนี้วะ โตจนบรรลุนิติภาวะแล้วทำไมถึงพูดกันไม่เข้าใจ หลานเขาอายุห้าขวบยังพูดจารู้เรื่องกว่าไอ้พี่อายุยี่สิบเอ็ดนี่อีก ถึงจะดื้อไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ที่จะบอกคือทำยังไงมาร์คถึงจะเข้าใจคำว่าพรุ่งจะเอาเสื้อมาคืนให้ของเขาเนี่ย
“จะปั่นจักรยานย้อนไปย้อนมาทำไม หอพี่กับหอผมไม่ได้อยู่ละแวกเดียวกันซะหน่อย”
“รู้ได้ไง หอพี่ก็อยู่แถวๆ หอนายนั่นแหละ”
“ถึงงั้นก็เหอะ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเองเลย”
“แต่พี่อุตส่าห์อยู่รอตั้งแต่บ่ายสาม”
“รอทำไม ไม่ได้บอกให้รอ”
“ก็อยากรอ” แบมแบมกลอกตา ถอนหายใจอย่างไร้ความหมาย แล้วมาร์คก็พูดประโยคต่อมาที่ทำให้เขาเกือบหน้าคะมำเพราะสะดุดเท้าตัวเอง
“พี่อยากรอกลับพร้อมแบมแบม”
เขาเผลอเม้มริมฝีปาก
แต่ตรงนี้คิดว่ามันไม่ใช่ละ บอกมาว่ายังเมาค้างอยู่ใช่มั้ย ถึงได้พูดอะไรดูไม่มีสติแบบนี้ ถ้ายังเมาค้างอยู่จะได้ถีบลงสระบัวข้างทางเรียกสติคืนให้ ลงไปนอนแช่น้ำกับปลาในสระเถอะมึง เอ๊ะ แต่คิดอีกทีก็ไม่ดีกว่า เดี๋ยวมาหาว่าเขาทำให้มันเปียกแล้วบอกให้รับผิดชอบนี่เหี้ยกว่าเดิมเลยนะ ไม่เอานะ
“แต่ผมไม่อยากกลับพร้อมพี่เว้ย”
แบมแบมตอกกลับทั้งที่ไม่หันหน้าไปมองและเดินจ้ำหนีมาร์คให้เร็วขึ้นอีก ในตอนนั้น โอเซฮุนกับเพื่อนอีกสองคนก็เดินสวนมาอีกทาง รุ่นน้องทั้งสามค้อมหัวทักทายเขามาแต่ไกล แบมแบมโบกมือทักทายกลับและหยุดเดินเมื่อเข้าไปใกล้
“ทำไมพี่ดูรีบๆ หนีอะไรมาครับ” เขาเหลือบมองไปยังทางด้านหลัง แต่กลับไม่พบเจ้าของเรือนผมสีแดงที่คิดว่าเดินตามมา นึกแปลกใจว่าตัวเองเดินเร็วขนาดมาร์คตามไม่ทันเลยเหรอวะ แต่ก็ดีแล้ว แบมแบมคิดดังนั้นก่อนจะหันกลับมาตอบคำถามน้องเทค
“หนีคนบ้าน่ะ แต่ช่างเถอะ อย่าสนใจเลย”
แบมแบมบอกปัดแล้วยิ้มให้ ทุกอย่างก็ปกติดีหรอก ยกเว้นแค่เพื่อนเซฮุนคนที่เคยมาขอลายเซ็นกับเบอร์โทรเขาเมื่อคราวก่อน น้องทำท่าเหมือนหวาดๆ เขายังไงไม่รู้ แถมมองแปลกๆ อีก เมื่อกี้ยิ้มให้ก็ยิ้มตอบเจื่อนๆ เขาไปทำอะไรให้น้องกลัววะ ก็ไม่เคยนะ
"พี่มาร์ค สวัสดีครับ”
ขณะที่กำลังคุยกันด้วยเรื่องเรียนทั่วไปและนัดแนะจะเอาหนังสือมาให้น้อง จู่ๆ เซฮุนก็มองเลยไปทางด้านหลังของเขาและเอ่ยทักพร้อมกับค้อมหัวให้ใครสักคน แบมแบมพ่นลมหายใจอย่างเซ็งจิตเมื่อได้ยินชื่อคนที่น้องเทคกำลังทักทาย พอเหลือบมองแล้วก็พบมาร์คที่ไม่รู้ว่าเมื่อกี้หายตัวไปไหนและไม่รู้ว่าโผล่มายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังส่งยิ้มให้กับปีหนึ่งทั้งสามคน
“สบายดีนะจีมิน” พี่ปีสามคนดีของน้องๆ พูดกับหนึ่งในสามคนนั้น และถ้าไม่ได้คิดไปเอง ดูเหมือนเพื่อนของเซฮุน(ที่เขาเพิ่งระลึกได้ว่าชื่อจีมินหลังจากได้ยินมาร์คเรียก) จะยิ่งดูกลัวมากกว่าเดิมและขยับถอยห่างออกไป แบมแบมเหล่มองผู้ชายผมแดงอีกครั้งสลับกับจีมิน ทั้งที่มาร์คก็ถามปกติ ยิ้มปกตินี่หว่า
“สะ สบายดีครับ”
แปลกดีว่ะ เพื่อนเซฮุนออกอาการกลัวไอ้พี่บ้านี่ชัดเจนมากขนาดพูดตะกุกตะกักอ่ะ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้นานนัก แบมแบมล้วงมือลงไปหยิบขนมในถุงไว้สองชิ้น ยื่นที่เหลือให้น้องเทคไปทั้งหมดก่อนจะบอกลาอย่างรวดเร็วเมื่อโดนไอ้พี่หัวแดงกระตุกแขนเสื้อดึงให้เดินตาม โดยไม่แคร์ว่าเขาจะยังคุยกับเซฮุนไม่เสร็จ
“กลับกันเหอะ พี่ต้องไปเอาเสื้อที่หอนายอีก” แบมแบมหน้านิ่วคิ้วขมวดที่โดนลากให้เดินตามอย่างไม่เต็มใจ เขาหันไปมองคนตัวสูงกว่า ขณะเดียวกันก็พยายามออกแรงขืนดึงให้หลุดจากมืออีกฝ่ายที่จับแขนเสื้ออยู่
“ใครจะไปกับพี่วะ ก็บอกว่าเดี๋ยวเอามาให้พรุ่งนี้ไงเล่า!”
.
.
.
ใครจะไปกับพี่วะ
ก็แบมแบมนี่แหละที่ไปกับมัน
โถ อยากจะถุยชีวิต
สุดท้ายก็มานั่งเป็นสก๊อยบนท้ายจักรยานอยู่ดี ที่จริงแบมแบมเดินหนีมาก่อนแล้วตอนอีกฝ่ายไปเอาจักรยานออกจากที่ล็อคล้อ เรื่องอะไรที่เขาจะยืนรอ แต่ไอ้พี่หัวแดงนั่นก็ปั่นจักรยานตามมา และเอาแต่คอยแหย่ คอยถามว่าไม่ไปด้วยจริงเหรอ เดินกลับมันเหนื่อยนะ และอื่นๆ แล้วถามแบบกวนประสาทสิ้นดี จนเขาอยากจะหันไปถีบจักรยานให้แม่งล้มไปซะทั้งคนทั้งรถก็หลายรอบ
เออ ไปก็ได้ อยากปั่นนักก็ปั่นไปเลย นั่นคือประโยคที่เขาหยุดยืนและหันไปพูดใส่อย่างทนไม่ไหว ก่อนจะปีนขึ้นมานั่งบนเบาะซ้อนด้วยความรำคาญ
ช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิอากาศเริ่มอุ่นขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงยังไงอุณหภูมิสิบสี่องศาที่มาพร้อมลมพัดก็จัดว่าเย็นอยู่ดีจนต้องหาเสื้อมาใส่ทับข้างนอกอีกชั้น แบมแบมมองนู่นมองนี่ตามข้างทาง ไล่สายตาไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะมาหยุดอยู่ที่แผ่นหลังในเสื้อคลุมคณะสีเทาเข้ม มองเสี้ยวหน้าของมาร์คจากทางด้านหลัง
“นี่...ผมถามอะไรหน่อย”
“ว่ามาสิ”
เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม
“ทำไมน้องเขาถึงได้ดูกลัวพี่นักล่ะ”
“กลัวที่ไหน คิดไปเองหรือเปล่า” เขาทำปากยื่นปากยาวเมื่อมาร์คหัวเราะ “ไม่มีอะไรหรอก แค่ตกลงบางอย่างกันนิดหน่อยน่ะ” เหอะ ที่จริงไปแกล้งน้องไว้สิไม่ว่า ไม่งั้นจีมินไม่แสดงอาการแบบนั้นออกมาตอนเจอหน้ากันหรอก ถึงแม้จะนึกเอะใจว่าเด็กคนนั้นก็ดูหวาดๆ เขาด้วย แต่แบมแบมไม่ใช่คนช่างเซ้าซี้หรือคิดเล็กคิดน้อย เลยปล่อยผ่านอย่างง่ายดายหลังจากได้คำตอบ
จักรยานเลี้ยวเข้ามาในซอย ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็มาถึงหน้าหอ
“รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวขึ้นไปเอาเสื้อมาให้” แบมแบมโดดลงจากเบาะ หันมาชิงพูดดักไว้ก่อนที่มาร์คจะทันได้พูดหรือทำอะไร แต่บางทีเขาอาจลืมไปว่าอีกฝ่ายคือความเหนือชั้น
“จะไม่ให้พี่ขึ้นไปนั่งพักหน่อยเหรอ”
“ก็นั่งไปสิ พื้นก็มีที่เยอะแยะ เดินขึ้นไปเหนื่อยกว่าอีก” เขาแย้งและชี้ไปที่พื้นชานบันไดทางขึ้นหน้าหอ
“แต่พี่อยากกินน้ำด้วยอะ”
แบมแบมพรูลมหายใจอย่างพยายามใจเย็น
“เดี๋ยวเอามาให้กิน”
“โหย นี่อุตส่าห์ปั่นจักรยานมาส่ง” ตอนนี้มาร์ค ต้วนเสมือนกลายร่างเป็นเด็กสามขวบขี้งอแงและแม่งโคตรเอาแต่ใจไปแล้ว แหนะ มีการมาคว่ำปากใส่เขาอีก นี่คิดว่าตัวเองน่ารักมากเลยสินะ เคยทำแบบนี้ใส่ใครแล้วเขาบอกไหมว่ามันน่าหมั่นไส้จนถึงขั้นอยากเตะออกไปให้พ้นสายตา
“ผมไม่ได้ขอให้มาส่งเลยนะ” เขาพูดจบแล้วมาร์คก็เบะปาก เสสายตาหลุบมองพื้น บ่นงุ้งงิ้งตัดพ้อโชคชะตาของตัวเองกับถนนคอนกรีตและพูดอะไรสักอย่างที่เป็นประมาณว่าแบมแบมใจร้ายแบบที่ฟังดูก็รู้ว่าจงใจให้เขาได้ยิน
อย่างกับหนังชีวิต โอ๊ย มึงจะทำหน้ารันทดเกินไปแล้ว แค่ให้รออยู่หน้าหอเนี่ย จำเป็นมั้ย ต้องทำท่าเหมือนลูกหมาถูกทิ้งด้วยไง พูดจากใจว่าทักษะไม่ธรรมดา เห็นแอคติ้งแล้วคะแนนเต็มร้อยนี่ให้เกินล้านไปเลยนะครับแหม กวาดรางวัลชนะเลิศไปทุกสาขาเลยครับพี่
มาร์ค ต้วนนี่มันเป็นคนยังไงกันวะ
ชีวิตแม่งเยอะสิ่งเหลือเกิน
แบมแบมกลอกตาพลางถอนหายใจ เดินไปกดรหัสผ่านแล้วยืนขวางให้ประตูเลื่อนเปิดค้างไว้
“เออๆ ก็ได้ เข้ามาสิ”
หน้าหมาหงอย หางลู่ หูตกที่เห็นเมื่อกี้หายวับไปในพริบตา
สิ่งมีชีวิตหัวสีแดงกลับคืนร่างเดิม ยิ้มร่าขณะเดินผ่านประตูเข้าไปในตัวตึก
ดูความตอแหลของคนเราเถอะ!
มาแล้วววววววววววววววววววววววว
ยังจำกันได้มั้ยว่ามีเด็กปีหนึ่งมาเนียนขอเบอร์น้องแบมแล้วยูคยอมเขียนให้แทน
มีคนเดาถูกด้วยแหละว่ายูคยอมให้เบอร์ใครไป ๕๕๕๕
ขอบคุณผู้อ่านที่รอคอยฟิคและถามไถ่ถึงมันเสมอ รักพวกท่านจริงๆ
และขอบคุณเสมอสำหรับคอมเม้นท์ทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณค่ะ
ดีใจที่ทุกคนชอบ ติชมได้เหมือนเดิมนะคะ <3
เจอกันตอนหน้า
ความคิดเห็น