คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สติแตก(1)
CHAPTER 1
สติแตก
แน่นนอนว่า ไม่มีคนไทยคนไหนคาดคิดมาก่อน ว่าในอีกไม่เกินสิบปีข้างหน้า โรงเรียนแห่งความภาคภูมิใจของรัฐบาลจะถือกำเนิดขึ้น ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะจัดเก็บเด็กชนิดที่ชอบทำให้พวกผู้ใหญ่อารมณ์เสียไว้ในที่เดียวกัน พวกเขาคือเด็กที่ได้รับเกียรติ ‘ผู้ผ่านการคัดสรร’ ที่แบกตราของโรงเรียนไว้บนบ่า ด้วยความขยะแขยงของคนทั้งประเทศ และการเมินหน้าหนีพร้อมทั้งปฏิเสธ ว่าไม่ใช่คนในครอบครัว
โรงเรียนดัดสันดาน?????
รุนแรงไปหน่อยสำหรับความคิดแบบนี้ ..แต่ก็นั่นล่ะ ทุกคนเหยียดทุกคนหยามอยู่ลึกๆ ไม่รู้ว่าเพราะความบกพร่องของสังคมหรือความบ้าบอคอแตกของเด็กสมัยนี้ที่เผลอทำตัวไม่เข้ากับยุค..ยุคที่โลกกำลังเข้าสู่สภาวะเจ็บป่วย กระเสาะกระแสะ และเสื่อมถอย
น้ำเสียงของคนตอบมักจะสั่นเครือ ‘ไม่ใช่’ หรือถ้าเลี่ยงได้ ก็จะใช้วิธีการส่ายหน้า เพราะนี่อาจจะเป็นวิธีการที่นุ่มนวลที่สุด
เรียน... ผู้ปกครอง
รัฐบาลมีความยินดีที่จะยื่นมือเข้าไปเยียวยาบุตรหลานที่ไม่เอาไหนของท่าน ให้กลายเป็นคนใหม่ที่มีความสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะความรับผิดชอบที่เคยเป็นศูนย์หรือร้ายแรงกว่านั้น คือ ‘ติดลบ’ และความเกเรทุกชนิดที่เคยมีบนโลก จะถูกกำจัดให้สิ้นซาก และหมดจดไม่เหลือคราบ จนท่านต้องแปลกใจ
ด้วยความปรารถนาดี จากโรงเรียนบ้านพระอาทิตย์ แสงสว่างซึ่งหาใดเทียบไม่มี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสอดส่องและดูแลเยาวชน
แล้วเจ้ากระดาษสีน้ำตาลแดงชวนหัวเสียแผ่นนั้น ก็ถูกขยำขยี้ซะบู้บี้จนมองไม่ออกอีกแล้วว่าอดีตหน้าตาของมันเป็นยังไง ก่อนจะไปนอนแน่นิ่งอยู่ในถังขยะพลาสติกซึ่งวางอยู่ตรงมุมห้องน้ำทางด้านประตูทางออก
“มันเป็นจดหมายที่ชวนอ๊วกจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่แม่ฉันเปิดออกอ่าน อืม... ไม่สินะ ...ก็แค่เห็นตราประทับบนซองด้านหน้า มันก็เกินพอแล้วล่ะ” เด็กผู้ชายผิวสีเข้มหน้าตาคลับคล้ายจะไม่คุ้นเคยส่งรอยยิ้มเป็นประกายมาจากด้านหลัง ก่อนจะสอดตัวเข้าทำการปลดทุกข์ในล็อคถัดไป
“เราชื่อฟากฟ้า อยู่ปี 2 แล้วนายล่ะ” ทำภารกิจเสร็จสรรพ รูดซิบกางเกงไว้มิดชิด เขาก็หันหน้ามาทวงคำตอบ
ผู้ถูกถามนิ่งเงียบและลังเลเพียงอึดใจเท่านั้น ก่อนจะเผยอตอบแบบไม่เต็มปากเต็มคำนัก
“ฉันทิศเหนือ “ เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่ง และค่อนไปทางผอม ยื่นมือไปสัมผัสตอบอีกมือที่ยื่นรออยู่ก่อนแล้ว
“ไม่รู้สินะ ฉันเองก็เพิ่งจะถูกย้ายมาเหมือนกัน กลางเทอมแบบเนี้ยะมันค่อนข้างอันตราย ข่าวลือที่ได้ยิน ไม่รู้อันไหนจริง อันไหนเท็จ มันต้องวิบัติแน่ๆเลย ถ้าพวกเราต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางเสือสิงกระทิงแรดทั้งหลายนี่” ฟากฟ้าพูดพลางกวาดสายตาไปโดยรอบ
บนหลังคา มันจะมีอะไรวะ?
“โดยไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และใครเป็นใคร” เขาส่งเสียงแหบพร่า ทำสายตาพะอืดพะอม เหมือนกำลังอยู่ในฉากหนังสยองขวัญ
“โรงเรียนบ้านี่มีกฎระเบียบเยอะแยะไปหมด ฉันว่า นายคงจะวิตกเกินเหตุไปมั้ง“ ทิศเหนือกล่าวพลาง เดินนำหน้าออกมาอย่างไม่แยแส
“ฉันพยายามข่มใจอยู่แต่ฉันก็ปลงไม่ตกซะที นายรู้สึกอะไรมั๊ย ว่าวันแรกของพวกเราที่โรงเรียนนี่ มันพิลึกกึกกือยังไงก็ไม่รู้” ฟากฟ้าตามมาทำหน้าแหยเกอยู่ข้างๆแล้วในตอนนี้
ผู้ถูกเดินตามถอนหายใจ เกลือกลูกตาไปมาสองสามรอบ ก่อนจะกัดฟันพูดเบาๆ
“ฟังนะ... ฉัน เคยทุบรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าเกือบตายมาแล้ว และก็ ...ทำอะไรอีกหลายอย่าง ที่ตัวฉันเองยังรู้สึกเลยว่า ...คนที่น่ากลัวที่สุดในโลก คือตัวฉันเองต่างหาก ไม่ใช่ ผอ.หัวล้านนั่น” ทิศเหนือตะโกน
“อืมมมมม วีรกรรมนายเด็ด” คำพูดของฟากฟ้าเหมือนกับขบขันมากกว่าสรรเสริญ เขาหลิ่วตาเหมือนไม่รู้สึกเชื่อเลยสักนิด
“เพราะฉะนั้น กรุณาเถอะเพื่อน” และการทิ้งน้ำเสียงนิ่งๆ แต่เยือกเย็นของทิศเหนือ กลับมีความหมายไม่ไพเราะเฉกเช่นนั้น เขายื่นมือขึ้นเหนือระดับอก ก่อนจะแผ่กางออกเพื่อรอรับบางสิ่ง
ฟากฟ้านะจังงัง เหมือนต้องมนต์ดำชนิดรุนแรงเข้าไป เขาทำหน้าย่นยุ่งยิ่ง และคิ้วผูกโบว์เล็กน้อย ก่อนจะปล่อยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาให้ฝ่ายตรงข้ามต้องรู้สึกกระทบกระเทือนใจอีกเป็นครั้งคราว
“นายเป็นประเภทรีดไถด้วยงั้นสิ ให้ตายเถอะ สรรพคุณครบครันแบบนี้ เห็นที“
“หนึ่งสอง---...” ขู่ด้วยเสียงเหี้ยม
“ก็ได้...เอาคืนไป ของแค่นี้ แบ่งกันกินแบ่งกันใช้บ้าง จะเป็นไรไปวะ” หัวขโมยบ่นพลางฟาดกระเป๋าสตางค์ที่แก่ชราเต็มทนลงบนฝ่ามือของทิศเหนืออย่างไม่เต็มใจนัก
“คราวหลังก็ขอกันดีๆสิ อย่าทำแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ” เขาเผยความนัย
“นี่พรรคพวก ฉันไม่ใช่ขอทานนะโว้ย จะได้ทำบ้าอะไรอย่างที่นายบอก ฉันมันเด็กขี้ขโมยโว้ย เข้าใจมั๊ย”
ฟากฟ้าตะโกนใส่หน้าเจ้าทุกข์ แบบไม่ยั้ง จนน้ำลายกระเด็นเปรอะแปะหน้าของคู่สนทนาเต็มไปหมด มันคืออาวุธร้ายแรงที่ชวนให้ทิศเหนือรู้สึกขยะแขยงและคลื่นไส้เต็มทน
แหวะ!!!!!
และในนาทีนำโชคเช่นนี้ ฟากฟ้าคว้ามันไว้โดยไม่รั้งรอ เขาใช้ความเร็วแบบที่เคยภูมิใจที่สุด กระโจนพาตัวออกจากจุดเกิดเหตุทันท่วงที
“เดี๋ยว!!!!!” แต่แล้ว หัวขโมยอย่างเขาก็ต้องซึ้งกับคำว่า ‘เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้านะเว้ย!!!!’
อึก...อ๊อก...อ๊ากกกกกก...จาตายอยู้แล้ววว
แขนข้างขวาที่รั้งคอเพื่อนใหม่ตัวแสบเอาไว้ ค่อยๆคลายออกเพราะเห็นใจเสียงอู้อี้นั้น แต่มือด้านซ้ายที่ยังคงจัดรูปทรงกระดูกท่อนแขนและมือของจำเลยซึ่งไขว้อยู่ด้านหลัง ยังดูไม่ค่อยเวทนาศัตรูนัก เพราะกล้ามเนื้อบริเวณข้อมือยังคงทำงานหนักเป็นบ้า!!!
“ฉันยังคุยกับนายไม่สะใจเลย จะรีบไปไหนไม่ทราบ” ทิศเหนือโน้มคอมาพูดกรอกรูหูด้านขวาของเขา
“ถ้าฉันบอกว่าจะไปเรียนสุขศึกษา นายจะหาว่าฉันโกหกน่ะสิ” จำเลยหรือตัวประกันก็ไม่รู้ เค้นเสียงออกมาเพื่อจะตะโกนให้ดังที่สุด แต่มันน่าหัวเราะก็ตรงที่ เสียงนั้นกลับเล็กแหลมเหมือนหนูมากกว่า
ทิศเหนือยอมใจดีเป็นครั้งแรกปล่อยร่างที่เขาพันธนาการด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดให้เป็นอิสระ ความจริงเขาไม่อยากทำตัวเหมือนอันธพาลแบบนี้อีก ถ้าไม่จำเป็นและเขาก็ไม่ได้เชื่อคำแก้ตัวโง่ๆของเด็กคนนี้ด้วย
ฟากฟ้าสะบัดกระดูกคอให้เข้าที่เข้าทาง ตรวจดูสภาพภายนอกของตนเองที่ควรเรียกว่าซกมกซะ!!
“ฮึ่ย!!! ฉันจะอดใจไม่ขู่นายสักคำ บอกตรงๆว่ากลัวจะโดนอีก ...เอาของนายคืนไป”
เขาผู้มีใบหน้าไม่สบอารมณ์เลยในนาทีนี้ ส่งของบางสิ่งกลับคืนมา
“ก็แค่แหวนธรรมดาๆ ทำเป็นหวงซะโอเว่อร์เลย”
“ขอบใจที่ชมโว้ย”
แสงแดดในวันนี้ดูบ้าคลั่งชอบกล เป็นพระอาทิตย์ที่ร้ายกาจสุดๆ ปล่อยพลังออกมาได้ขนาดหนัก! แบบนี้ จะรู้จักสงสารมนุษย์ตาดำๆบ้างสักนิดก็ไม่มี
น้ำใสๆร่วงพรูลงมาจากก๊อกสีทองเหลืองอย่างแรง และเมื่อมันกระทบกับอ่างหินที่รองรับอยู่ ก็แตกกระเด็นเป็นฝอยกระจายไปทั่ว ซึ่งมันทำให้เสื้อด้านหน้าของเขาเปียกพอสมควร
ทิศเหนือถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตะหวัดน้ำพวกนั้นขึ้นมาล้างหน้าล้างตาอย่างเอาเป็นเอาตาย นักเรียนที่เดินเตร่ผ่านมาพากันหันมองและซุบซิบนินทา
“ฉันมีอะไรที่มองแล้วไม่เหมือนคนงั้นเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้นถามเด็กผู้หญิงสองคนที่ยืนล้างมืออยู่อีกสามอ่างถัดไป ในขณะที่พวกหล่อนยังอ้าปากค้างอยู่ เขาก็ซัดอีกประโยคอย่างคนหัวเสียซะเต็มประดา
“ให้ตายเหอะ! โรงเรียนบ้าอะไรวะเนี่ย มีแต่คนประหลาดๆ หรือไม่ก็ดูโง่ดักดาน ฉันหลงเข้ามาได้ยังไงฟะ” การสบถเสียงดังของเด็กผู้ชายหน้ายาวทำเอาสองสาวถึงกับเชิดหน้าแบบเคืองๆ ก่อนจะเดินส่ายก้นหายลับไปตรงมุมตึก
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองไปตรงสุดขอบสนามฟุตบอลซึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้า มันเป็นภาพของนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งกำลังกลุ้มลุมรุกล้อมและตะบี้ตะบันวัตถุชิ้นหนึ่งที่ดูกลมใหญ่และขดอยู่
ห้าวินาทีต่อมา มันเป็นเวลาชั่วพริบตาเดียวที่สามารถไขความสงสัยของเขาได้ วัตถุชิ้นนั้นคลี่ตัวออกและคลานหาที่กำบังแดดอย่างทุลักทุเล หลังจากที่การกระทืบครั้งสุดท้ายของเด็กผู้ชายที่ผอมเกร็งคนหนึ่งสิ้นสุดลง
เด็กนักเรียนที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวของกับกระบวนการหมาหมู่ของเด็กมาเฟียกลุ่มนั้น ยืนจับจองโต๊ะ เก้าอี้ ต้นไม้และถังขยะใกล้ๆเป็นที่พำนัก เพื่อใช้เป็นที่สำหรับชมการวิวาทกลางแจ้งและให้กำลังใจคนที่ถูกกระทำการอันป่าเถื่อนแบบซุกซ่อนอยู่ในแววตาเท่านั้น
“อะไรกันวะเนี่ย!” ทิศเหนืออุทานอย่างลืมตัว ในขณะที่ดวงตายังคงเปิดค้างอยู่ เขาไม่ได้แปลกใจในสิ่งที่เคยคิดและจินตนาการมาก่อนที่จะก้าวเท้าเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้ ...แต่สิ่งที่เขากำลังรู้สึกและเริ่มจะรู้สึกมากยิ่งขึ้นก็คือ ทำไมต้องมีโรงเรียนบ้าบอนี้ด้วยนะ มันไม่มีอะไรน่าประทับใจสักนิด
‘ผมต้องเป็นโรคประสาทและคงจะตายด้วยอาการคลั่ง สติแตก ด้วยวิธีการฆ่าตัวตายที่น่ากลัวที่สุด ถ้าหากว่าผมควรเรียนอยู่ที่โรงเรียนเฮงซวยนี่จนจบ ม.ปลาย ตามการสั่งการของรัฐบาล’
หรือจะลาออกตั้งแต่วันแรกที่สะเออะมาเหยียบที่นี่ด้วยความรู้สึกเหมือนคนยังไม่ได้สติดี
‘ไม่ไม่ได้แน่ๆเด็กที่ไม่เรียนหนังสือ จะต้องถูกส่งไปฝึกทหารอยู่ที่ชายแดน ที่นั่นคงไม่ใช่สวรรค์ของใครแน่ๆ ผมควรคิดหาวิธีฆ่าตัวตายที่ดีที่สุด เจ็บน้อยที่สุดและใช้เวลาชักดิ้นชักงอแค่ไม่เกิน 3 วินาที จะดีกว่าซะล่ะมั้ง’
หนึ่งวันเต็มๆกับการเรียนหนังสือที่แย่ที่สุดในชีวิต การพบกับความว่างเปล่าของห้องเรียนรวมเป็นสามคาบเรียนที่เด็กทุกคนพร้อมใจกันโดดร่มโดยไม่ทราบสาเหตุ และอีกครั้งกับวิชาภาษาอังกฤษที่มีครูสาวแสนสวยคอยแต่ตอบคำถามไร้สาระของพวกเด็กเก๋า ‘ครูมีแฟนรึยังครับ~กินอะไรเข้าไปน้าาาา ถึงได้สวยขนาดเนี๊ย~ครูครับ เย็นนี้พวกเราจะขอไปเรียนเพิ่มเติมที่ไม่เข้าใจในชั่วโมงนี้ ที่บ้านของครูจะได้ไหมคราบบบ?’ พวกนี้เรียนทั้งชีวิตก็คงจะไม่ฉลาดขึ้นหรอก ให้ตายเหอะ!!! ส่วนคาบเรียนสุดท้ายของวันที่น่าเบื่อแบบนี้ ทิศเหนือเลือกใช้เวลาอยู่ที่ห้องสมุดแทน จะดีกว่า เพราะเขารู้สึกว่ามันอาจมีประโยชน์หลายเท่านัก ถ้าหากเขาจะหาความรู้เพิ่มเติมจากหนังสือ ‘รู้ทันเกมฟุตบอล’ หรือ ‘เจาะลึกสนามโลก’
**
“ในปี 2544 ครรภ์ของผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ได้ให้กำเนิดเด็กผู้ชายที่ฉลาดและน่ารักอย่างกับวาดด้วยฝีมือของศิลปินก้องโลกมาหนึ่งคน เด็กผู้ชายคนนั้นมีแม่ที่รักอาชีพหมอโรคจิตยิ่งกว่าการทำอาหาร ซักเสื้อผ้าและทำความสะอาดบ้าน ซ้ำร้ายเขายังมีพ่อที่มอบเวลา 19 ชั่วโมงในหนึ่งวัน ให้กับการเช็ด ซ่อม ล้าง และก็ตกแต่งมอเตอร์ไซด์คันเส็งเคร็ง ส่วนอีก 5 ชั่วโมงที่เหลือ เขาจะนอน นอนอย่างมีความสุข ซึ่งถ้าหากจะปลุกเขา ก็แค่ตะโกนว่า รถมอเตอร์ไซด์หาย หรือผมทุบมันจนแหลกคามือแล้วครับ..ผมชื่อเหรียญมังกร อายุ 17 กรุ๊ปเลือด เอบี ยังไม่มีแฟน ...มีใครยัง(กล้า)ข้องใจอีกบ้างครับ ถามได้นะครับ (ถ้าไม่อยากตาย)”
ห้องเรียนเงียบกริบ ไร้วี่แววของการเคลื่อนไหวทุกชนิด แม้แต่เสียงลมหายใจของ36ชีวิตก็ยังถูกเก็บกลั้นไว้ในอก เหลือเพียงเสียงลมหวิวๆที่ครางเบาๆในบรรยากาศอึมครึมเท่านั้น
ดวงตาทุกคู่มอง ‘นักเรียนใหม่ที่เพิ่งแนะนำตัว’ตาค้าง บางคนปากอ้าจนน้ำลายไหลยืด
ฮะแฮ่ม! ครูหัวล้านอ้วนและเตี้ย ส่งสัญญาณการกระดุกกระดิกอีกครั้งให้กับทุกคน
“ไม่มีอะไรแล้ว เธอไปหาที่นั่งไป..อ้อ นั่งข้างตี๋ใหญ่ก็ได้ ว่างอยู่พอดี” เขาชี้ไปที่เด็กผู้ชายอ้วนขาวซึ่งนั่งโต๊ะหลังสุดแถวชิดริมหน้าต่าง
เหรียญมังกรพยักหน้ารับ โค้งให้ครูอย่างมีมารยาท ก่อนจะเดินไปนั่งตามคำสั่งนั้น
“หวัดดีฮะ” เขายิ้มให้เด็กอ้วนก่อนนั่ง
“เออ! จะนั่งตรงนี้ก็ได้นะ แต่นายห้ามบอกใครเรื่องนี้” เด็กอ้วนชี้เข้าไปในโต๊ะของตัวเอง ซึ่งมีแต่ห่อขนมซุกซ่อนอยู่เต็มไปหมด เหรียญมังกรยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยักไหล่บอกให้รู้ว่า ‘ตามสบายเลย’ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าเกลียดอะไร
“เราชื่อตี๋ใหญ่ แล้วนายล่ะ..หมายถึงชื่อเล่นน่ะ” เขากระซิบเบาๆ
“เรียกเราว่าเหรียญก็ได้”
ความคิดเห็น