ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] 2 In 1 - YOOSU

    ลำดับตอนที่ #3 : Part 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 195
      0
      28 พ.ย. 53


     
    2 in 1   





    “ทำอะไรอยู่วะ ไอ้ปาร์คมึน  นี่กุรอมาสามชาติแล้วนะโว้ยย!!!!!”   เสียงใสตะเบ็งลั่นอย่างอารมณ์เสีย  คนตัวเล็กยืนรอลูกน้องที่สัญญา(ถูกบังคับ)ว่าจะพาไปซื้อกระเป๋าใบใหม่มาเป็นเวลาสองชั่วโมง   ถ้าเป็นคนอื่น แค่ครึ่งชั่วโมงแรกก็คงตัดใจไปแล้ว แต่นี่ใคร...นี่คิม จุนซูนะครับ...  ของฟรีดีๆไม่ได้หาได้ง่ายๆ  อย่างน้อยอีกสี่หรือห้าชั่วโมงต่อจากนี้มันคงจะโผล่หัวมา  


    ..นั่นไง...  ร่างสูงโปร่งกำลังวิ่งระหืดระหอบมาทางนี้พอดี  ตาเรียวสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า....แม่เจ้าโว้ยยยย...ทำไมมันหล่องี้วะ...เสื้อเชิ้ตขาวใส่เน็คไทแล้วกระดุมถูกปลดออกสองสามเม็ดเผยให้เห็นไหปาร้าสวย


    ...เซ๊กซี่โดนใจคิมจุนจริงๆ-,,-   ด้วยความหล่อกระแทกตา คำด่าที่เตรียมไว้ทั้งหมดถูกกลืนลงคอไปโดยไม่รู้ตัว   


    “ทำไมมาช้าจังวะ” ...คำที่จะพูดมันเหลือแค่นั้นจริงๆ...     ชายปาร์คโค้งตัวก้มหัวขอโทษ


    “ขอโทษครับ  พอดี..เอ่อ...ผมตื่นสาย”  


    “ไม่ได้อาบน้ำด้วยล่ะสิ”  นั่น..มันพยักหน้าอีก...นัดผิดคนปะฟร่ะ..


    “แต่ผมแปรงฟันแล้วนะครับ”   ขอบพระคุณอย่างสูง..ที่อย่างน้อยก็ห่วงเรื่องมลพิษในอากาศ...คนตัวเล็กส่ายหัวระอาก่อนจะดึงคอเสื้ออีกคนให้เดินตามไปรอยังท่ารถ


    “นี่ ไอ้ปาร์ค เอาตังค์มาป่ะ” ไม่พูดเปล่า มือซุกซนก็ฉวยหยิบกระเป๋าเงินของยูชอนจากกางเกงเนื้อดีทันที เปิดดูทุกอย่างสารพัด  และก็ต้องตาโต..เงินเยอะชิบหาย...   


    “ปาร์ค  อย่างที่สัญญาไว้ แกต้องเลี้ยงฉันนะ”


    “ครับ” จุนซูยิ้มหวานกระชากใจหนึ่งทีก่อนจะคืนกระเป๋าเงินให้แก่เจ้าของไป  รถโดยสารมาจอดเทียบ คนตัวเล็กก็ดึงมืออีกคนวิ่งขึ้นรถ    นับว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์ของโลก...ชายปาร์คขึ้นรถประจำทาง!...  ยูชอนขึ้นได้ก็รีบวิ่งเข้าไปนั่งที่ริมหน้าต่าง จุนซูจิ๊ปาก ความจริงที่ติดหน้าต่างมันต้องเป็นเขาต่างหาก ไอ้บ้านี่แย่งไปเฉยเลย  แต่เห็นน่าตาเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงก็ต้องยอมมันล่ะ  ก็เล่นทำตาโตเอาหัวยื่นออกไปด้านนอกส่องซ้ายส่องขวา ทำท่าโอเวอร์ซะขนาดนั้นนี่


    “นี่ ไม่เคยขึ้นรถประจำทางหรือไง”


    “ครับ  ทุกทีคุณพ่อบ้านจะขับรถสีดำๆให้น่ะครับ”


    “หรอ”  จุนซูยิ้มเจื่อนๆ  ...รวยนี่หว่ามีพ่อบงพ่อบ้าน...  


    เพียงไม่นานนักก็ถึงที่หมาย


    ...ห้างสรรพสินค้า..


    ...ตอนแรกจะมาตลาดนัด แต่เห็นเงินในกระเป๋าไอ้ปาร์คก็ต้องมาหาของที่ดีกว่าสิครับ..นี่ผมเกรงใจมันแล้วนะเนี่ย..


    ทั้งสองเดินจูงมือ(เรียกว่าลากจะถูกกว่า)กันเข้าไปภายในห้าง  คนตัวเล็กลากแวะไปร้านนู้นร้านนี้ส่องดูกระเป๋าตามใจโดยที่มีทาสตัวสูงเดินตามไม่ห่าง   สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดัง  ตากลมจ้องกระเป๋าใบสวยสีน้ำตาลหนังแท้ไม่กระพริบ


    “เอ่อ คือว่า ใบนั้นเท่าไหร่ครับ?” มือเล็กชี้ไปยังใบที่ต้องการ พนักงานสาวยิ้มให้ก่อนจะตอบ


    “เจ็ดหมื่นสองพันวอนค่ะ”  


    “เอาใบนั้นแหละครับ”  จุนซูตอบโดยไม่ลังเลผิดกับอีกคนที่หน้าเหวอไปเรียบร้อย มือหนาออกแรงสะกิดไหล่คนตัวเล็กแต่โดนสะบัดออกอย่างรำคาญ  จึงลองสะกิดอีกครั้งทำให้หมัดน้อยๆชูขึ้นมาขู่พร้อมกับถลึงตาใส่  เล่นเอาคนจ่ายต้องยอมจำนน


    “จ่ายสดไหมคะ?” สมกับเป็นร้านแบรนด์เนม มีจ่ายแบบบัตรเครดิตด้วยแฮะ  จุนซูใช้ความไวล้วงกระเป๋าทาสตัวสูงแล้วหยิบบัตรเครดิตหนึ่งในสิบกว่าใบนั่นยื่นให้พนักงาน


    “เอ่อ ใบเก่ามันราคาประมาณนี้หรอครับ” ยูชอนตัดสินใจเอ่ยถามออกไป  ใบหน้าหวานหันมาคิดพักหนึ่งก่อนจะตอบ ...ผมจะไม่โกหกนะ...


    “อืม...ก็ประมาณนี้แหละ”  ...ผมคิดว่าผมจะไม่โกหก=[]=...ทำไมผมนิสัยเสียกับมันล่ะเนี่ย...ที่จริงผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะ...ผมก็แค่อยากได้ของดีๆ..          


    ...ไม่เป็นไรหรอก..แค่ครั้งเดียวล่ะน่า...


    เมื่อพนักงานคืนบัตรมาแล้ว จุนซูก็รีบจับเงินที่มียัดใส่กระเป๋าใบใหม่ทันที  ยูชอนเองที่เป็นคนรับบัตรเครดิตคืนจากพนักงานก่อนจะหันหลังเตรียมเดินแต่โดนมือเรียวดึงเสื้อไว้ซะก่อน


    “แกจะไปไหน ไอ้ปาร์ค”


    “กลับบ้าน”


    “ห๊า  มาถึงห้างจะซื้อกระเป๋าอย่างเดียวหรอ  มานี่!!”  ว่าแล้วก็โดนลากไปยังโรงหนังซื้อบัตรเสร็จสรรพด้วยตังค์ปาร์ค เพียงแต่ยืนรอหนังฉายอีกไม่กี่นาทีเท่านั้น


    “เรามาดูหนังเรื่องอะไรหรอครับ???” ยืนๆอยู่ ชายปาร์คถามด้วยความง่าว...ได้ข่าวว่ากุใช้เมิงไปซื้อนะไอ้ปาร์ค...


    “เฮี้ยน5” แค่ได้ยินชื่อ ยูชอนก็ผงะถอยไปสามก้าว ว่าแต่ทำไมต้องสามก้าว==”


    “เออ ได้เวลาเข้าโรงละ”


    “เดี๋ยวก่อนครับ  หนังผีหรอ”


    “ชื่อเหมือนหนังตลก?”  ไม่ทันจะได้คิดอะไรก็โดนคนตัวเล็กลากเข้าโรงหนังแถมยังบังคับให้นั่งอีกตะหาก  ในจอภาพฉายใหญ่ยักษ์ปรากฎโฆษณาหนังต่างๆนาๆ  บางครั้งก็โฆษณาหนังผี จุนซูแอบเห็นว่าไอ้ทาสข้างๆยกมือขึ้นมาปิดตาก้มหัวงุดๆ ...เหอๆ...อ่อนด๋อยว่ะ...แค่หนังผีก็กลัว...  จุนซูฉวยหยิบป็อปคอร์นที่ซื้อด้วยเงินคนข้างๆขึ้นมาเคี้ยวตุ้ยๆแล้วตามด้วยน้ำแป๊ปซี่  เมื่อหนังเริ่มดำเนินเรื่องยูชอนก็เงยหัวขึ้นมาดูตามคนปกติทั่วไป แต่พอผีโผล่ดันกระโจนมากอดคนตัวเล็กซะงั้น


    “เฮ่ย ไอ้ปาร์ค ออกไปนะโว้ย”


    “งื่ออ  ผมกลัวๆ”  ยิ่งเสียงกรี๊ดในหนังดังเท่าไหร่ไอ้ปาร์คก็ซุกอกเขาแน่นขึ้นเท่านั้น มือเล็กพยายามดันหัวอีกคนออกอย่างยากลำบาก ...มันจะกลัวอะไรนักหนาเนี่ย...สาวๆยังไม่ซุกถึงอกเลย...แล้วแกเป็นใครวะไอ้ปาร์ค!!!..


    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด   แฮ่!!!!”  เสียงในจอภาพยังคงเรียกความน่ากลัวต่อไป


    “ไอ้ปาร์ค แหกตาดูดีๆสิ มันก็แค่หนัง!!!  ไอ้ปาร์ค ลุกสิวะ!!  บอกให้ลุก!!”  มัดเน้นๆต่อยเข้าที่ใบหน้าคม  จุนซูไม่ได้ใส่แรงเข้าไปเต็มที่แต่ก็ทำให้กระเด็นได้เหมือนกัน  ยูชอนนิ่งคาพื้นไปสองนาทีก่อนจะลุกขึ้นมากุมแก้มตัวเองพร้อมกับน้ำตาไหลปริ่มๆ  แม้จะอยู่ในความมืดแต่ก็พอมีแสงส่องให้เห็นใบหน้าเจ็บปวดสุดขีดของคนโดนต่อย  


    “เฮ่ย ปาร์ค”  


    “เจ็บ.....”


    “เฮ้ย ขอโทษ อ้าว”  ชายปาร์ครีบหดตัวลงหันหลังหนีจอ อุดหูปิดเสียงเต็มที่ด้วยความกลัว ถึงจุนซูจะนึกสงสารมันขนาดไหนก็เสียดายตังค์(ที่ไม่ใช่ของตัวเอง)มากกว่า จึงนั่งให้ไอ้ปาร์คทนอยู่จนจบ  เมื่อหลุดออกมาจากโรงหนังแสนน่ากลัวนั้นได้ ยูชอนก็รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จุนซูเดินตามอย่างอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำไปบ้าง  ร่างเล็กหยุดที่หน้ากระจกแล้วทำเป็นเปิดก๊อกน้ำล้างมือก่อนจะมองไปรอบๆ   ช่องโถปัสวะแบบผู้ชายมีคนยืนอยู่เกือบเต็ม หนึ่งในนั้นก็มีไอ้ปาร์คด้วย  ...ให้ตายเถอะ ออกมาจากห้องหนาวๆมันก็ต้องปวดเป็นธรรมดา แต่ผมอายครับ...ยืนยันนะว่าผมเป็นผู้ชายทั้งแท่ง...แต่เรื่องแบบนี้ขอบายดีกว่า...  จุนซูตัดสินใจเข้าห้องเล็กๆแล้วล็อคประตูแทน มันมีความเป็นส่วนตัวดี


    “จุนซูครับ ปวดอุจาระหรอ!! ท้องเสียหรือเปล่า!!” เสียงทุ้มซุปเปอร์จะคุ้นหูตะโกนดังลั่น ....จะตะโกนทำห่าอะไร!!!...


    ร่างเล็กไม่ตอบอะไรกลับไปแล้วรีบๆจัดการให้เสร็จ มือเรียวปลดล็อคแล้วเปิดออกล้างมือด้วยความเร็วแสงก่อนจะกระชากยูชอนให้เดินตามออกจากห้องน้ำ


    “ปาร์ค  โทษฐานที่แกทำฉันขายหน้า แกต้องพาไปเลี้ยงข้าวด้วย” โมเมเฉไฉเป็นเรื่องเป็นราว สุดท้ายชายปาร์คก็ต้องยอม


    ....ไม่น่าเป็นห่วงเลย==”....


    “แต่ผมขอดูหนังก่อนนะครับ”


    “จะดูอีกแล้วหรอ==” คราวนี้ยูชอนเป็นคนเลือกหนังเองบ้าง  ซื้อตั๋วปุ๊บก็เดินเข้าไปปั๊บ


    “ดูเรื่องไรวะ”


    “อัพ”


    “การ์ตูนนี่หว่า  ไอ้ปัญญาอ่อน” การ์ตูนค่อยๆดำเนินเรื่อง จุนซูมองอย่างเบื่อหน่าย สิ่งที่ทำให้เค้าทนอยู่ตรงนี้ได้ก็มีแต่ขนมกับน้ำแปปซี่ข้างๆที่จะหยิบเท่าไหร่ก็ไม่ต้องเสียดาย(เพราะเป็นเงินปาร์ค)     ดูไปดูมา คนที่เพิ่งบอกว่าปัญญาอ่อนไปหยกๆเริ่มอินกับการ์ตูนจนน้ำตาเล็ด  เสียงสะอื้นน้อยๆทำให้ยูชอนหันไปสนใจ ...อ้าว..ไหนว่าปัญญาอ่อน..


    “ยู..ชอน” เสื้อของจุนซูเต็มไปด้วยคราบน้ำตา  เรียกได้.ว่า เช็ดจนโชกนั่นเอง มือเล็กดึงเสื้ออีกคนมาซับแทนทำให้หัวกลมลงไปซุกตรงบ่ากว้างพอดี


    “ทำไมต้องตายด้วยวะ..ฮึกก..อยากมีลูกก็มีไม่ได้..ฮืออ”  


    “ดูดีๆสิ มันก็เป็นแค่การ์ตูนน่ะครับ”  ...คำนี้คุ้นๆว่าเคยใช้ไปแล้วนี่หว่า....จุนซูทุบอกไอ้คนซื่อกวนทีนไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้


    “ฮึกก ปาร์ค อย่าเอาไปบอกใครนะ...ว่าฉันร้องไห้น่ะ...” ยูชอนลูบหัวกลมอย่างอ่อนโยน  ทั้งที่ทำไปเพราะเวลานั้นสมควรจะทำ แต่คนถูกกระทำกลับรู้สึกไปเสียมากมาย


    “ปาร์ค พอแล้ว ฉันไม่ใช่เด็กนะ ลูบอยู่ได้”  ยูชอนเอามือออก  เมื่อการ์ตูนเริ่มเข้าสู่ความตลกก็เปลี่ยนบรรยากาศรอบๆ จุนซูนั่งดูปราศจากความเบื่อหน่ายโดยไม่รุ้ตัว    เมื่อการ์ตูนจบทุกคนก็พากันทยอยออก


    ทั้งคู่พากันไปทานอาหารโดยมีเจ้ามือเจ้าเก่าเป็นยูชอนคนหล่อ  เมื่อนำอาหารมาวางบนโต๊ะและนั่งคนละฝั่งเสร็จเรียบร้อย  คนตัวเล็กก็ถามคำถามคาใจ


    “ปาร์ค ถามไรหน่อยดิ ฉันคิดไว้นานละ” สีหน้าจุนซูดูจริงจังมากจนยูชอนตั้งใจฟังอย่างแน่วแน่


    “อะไรหรอครับ”


    3...


    2...


    1...


    “แกชอบฉันใช่มะ” กินข้าวอยู่ดีๆแทบพุ่ง  


    “เปล่าครับ ผมไม่ได้ชอบ!!!”  ยูชอนปฎิเสธพัลวัน ...อะไรทำให้คิดแบบนี้ครับ!!.... จู่ๆจุนซูก็ลุกขึ้นมาตบโต๊ะเสียงดัง


    “แปลว่าแกเกลียดฉันหรอ!”  


    “เปล่าครับ!!”


    “อย่าอาย ถ้าชอบก็บอกมา ฉันไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”


    “เปล๊า!!”  ยูชอนเหงื่อแตก ถูกยัดเยียดความชอบให้  บอกไม่ชอบก็หาว่าเกลียด


    ....คนอะไรน่ากลัวจริงๆ==”....


    “ถ้าไม่ชอบ แล้วแกจะจูบฉันทำไมวะ”   ....อันนั้นมันเป็นเหตุสุดวิสัย...


    “ถ้าไม่ชอบ แล้วแกจะมาตามนัดทำไมวะ  ไม่มาก็ได้นี่”   ...ถ้าไม่มาจะโดนฆ่าไหมครับ...


    “ถ้าไม่ชอบ แล้วแกจะยอมซื้อกระเป๋าแพงๆให้ฉันทำไม”   ...ได้ข่าวว่าปาร์คโดนล้วงนะครับ...


    “ถ้าไม่ชอบ จะยอมดูหนังด้วยทำไม แล้วนี่ยังเลี้ยงข้าวอีก”    ...ผมโดนบังคับ!!...เข้าใจผิดไปหมดแล้วท่านหัวหน้าคิม จุนซู๊!!!..


    “ผมไม่ได้ช...”


    “ตกลงจะชอบไม่ชอบวะ!!!”


    “ชอบครับ!!”   เสียงแปดหลอดอันทรงอิทธิพลบวกกับกำปั้นเล็กแต่หนักที่ชิมมาสองรอบแล้วทำให้ชายปาร์คตอบโดยไม่ลังเล เงยหน้าเพียงนิดก็สบกับสายตาน่ากลัวทำให้ยูชอนหดหัวกินเอาๆ  เพราะเป็นซะแบบนี้จึงอดเห็นแก้มแดงๆของคนตัวเล็กตรงหน้าล่ะสิ  จุนซูเองก็รีบกินแล้วลุกออกจากโต๊ะโดยไม่บอกไม่กล่าว ทิ้งให้ยูชอนนั่งกินอยู่ผู้เดียว   


    “เฮ้ย ยูชอน” จุ่ๆเสียงอันคุ้นหูก็ดังขึ้นจากฝั่งตรงข้าม  เมื่อจุนซูลุกปุ๊บ เด็กตัวสูงที่มาจากไหนไม่รุ้ก็วิ่งมาเสียบปั๊บ


    “อ้าว ชางมิน มาได้ไงครับเนี่ย”


    “ก็เดินมาดิวะ  เห็นนั่งรถตุ๊กๆมาหรือไง.......เออ  ปาร์ค มึงชอบจุนซูหรอ”


    “เปล่า แต่ได้ยินด้วยหรอครับ”


    “ก็แหกปากซะลั่นขนาดนั้น ใครจะไม่ได้ยินวะ”  


    “ผมไม่ได้ชอบนะครับ  ผมถูกบังคับ  คุณชางมินเชื่อผมเถอะ!”  ยูชอนลุกขึ้นมาเขย่าไหล่เด็กตัวสูงหาคนเชื่อ เพราะตอนนี้มันเป็นอะไรที่อึดอัดจากมากถึงมากที่สุด  ยังไงยูชอนคนนี้ก็ขอย้ำ


    ....ว่าคิม จุนซูน่ะ...เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆT T....


    “เออ เชื่อๆ...ค่าเชื่อ เลี้ยงข้าว 2 จานดิ”


    = =”

    .

    .

    .

    .

    วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ท่านหัวหน้าแก๊งค์นั่งเช็ค อัตตราการสูญหาย? ของลูกน้อง  ในมือเรียวมีบัญชีรายชื่อการเข้าออกและการเฝ้าเวรยามในแต่ละวัน   และปาร์ค ยูชอนก็ยังมีชั่วโมงเป็น 0  อยู่เช่นเดิม  


    ...ไม่เคยโผล่หัว...ไม่เคยใส่ใจ...  จุนซูโยนบัญชีรายชื่อลงกับโต๊ะอย่างเซ็งๆ  


    ...นี่เห็นว่าวันนั้นซื้อกระเป๋าให้หรอกนะ...ยกยอดไปก่อนแล้วกัน...


    “คิม จุนซู  ให้ไปพบอาจารย์ซูยองที่ห้องพักครูในเวลานี้ด้วยค่ะ”  เสียงหญิงสาวในลำโพงของโรงเรียนดังขึ้น จุนซูสบถอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเดินไปห้องพักครู  ทันทีที่ประตูเปิดออก ปรากฎภาพอาจารย์ซูยองกับยูชอนและคิม แจจุงกำลังนั่งคุยกันอยู่  คนตัวเล็กก้าวเข้าไปยืนด้านหลังของร่างสูงแล้วเอ่ยตามมารยาท


    “สวัสดีครับ”  ยูชอนแหงะไปข้างหลังอย่างตกใจ ไม่รู้ตัวเลยว่าอีกคนมายืนตั้งแต่ตอนไหน


    “สวัสดีจ้ะ  จุนซู...เอ่อ แจจุงเค้าจะ..”


    “เพราะผลสอบเมื่อเช้าของยูชอนเป็นศูนย์  ฉันคิดว่าฉันคงจะติวดีกว่านาย” คนสวยเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งผิดกับสายตาที่จ้องจิกจุนซูจนแทบทะลุ   คนตัวเล็กที่เข้ามาใหม่ขบกรามแน่นด้วยความโมโห ถึงจะดีใจที่ไม่ต้องติวไอ้โง่นี่ แต่ด้วยความที่เป็นหัวหน้าแกงค์ เขาจะยอมไม่ได้


    “อันที่จริง  ผมเพิ่งสอนเขาแค่พื้นฐานน่ะครับ  อีกไม่กี่วันคงจะไล่ทันที่อาจารย์สอนแน่ๆ”  จุนซูตอบอย่างมีชั้นเชิง ยูชอนหันไปมองอีกครั้งด้วยความเหนื่อยใจ ...อยากถามจังเลยว่า...


    ...เราไปติวกันตอนไหน?....


    “สอนช้าแบบนี้ คะแนนเก็บของยูชอนไม่เป็นศูนย์ไปหมดหรอครับ”  ศึกชิงนาง(?)ครานี้ นางเท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสิน!!


    “ยูชอนล่ะจ๊ะ อยากติวกับใคร” อาจารย์หันไปถามเจ้าตัวตัดปัญหาทิ้งซะเลย  ยูชอนอึกอักเลือกไม่ถูก ..บอกตรงๆว่าปาร์คไม่อยากติวกับท่านหัวหน้าเลยล่ะครับT T...   เมื่อสายตาเผลอไปปะทะกับสายตาที่แสนน่ากลัวก็ต้องรีบหลบก้มหัวงุดๆ


    “...เอ่อ...จุนซูก็ได้ครับ..”  ริมฝีปากบางแสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ  แจจุงเก็บอาการนิ่งพร้อมส่งสายตาอาฆาตใส่จุนซูไม่หยุดหย่อน  เมื่อปล่อยพลังทางสายตาได้พักหนึ่ง คนตัวเล็กก็จัดการกระชากร่างสูงให้เดินตามออกไปด้านนอก  


    “พาผมมาทำไมครับ?” ผู้ถูกลากขัดขืนและด้วยแรงที่เยอะกว่าจึงทำให้กายเล็กหยุดชะงัก


    “ไม่รู้  ที่รู้ๆไม่ให้อยู่กับไอ้หน้าสวย  เข้าใจป่ะ?”  สีหน้าจริงจังและน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าอารมณ์ของจุนซูเดือดแค่ไหน ทั้งที่อยากตอบเต็มปากเต็มคำว่า ‘ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง’  แต่ก็ต้องทำเป็นพยักหน้าเออออไป


    “แจจุงอะไรนั่น  เป็นเพื่อนสนิทแกหรอ?”


    “ไม่รู้สิครับ แต่ผมมีเพื่อนคนเดียว”


    “เออ ต่อไปนี้ ฉันจะเป็นเพื่อนกับแกเอง  วันนี้ หลังเลิกเรียนเจอกันที่รัง  เข้าใจป่ะ?” จุนซูโยนกระเป๋านักเรียนส่งให้ร่างสูง  ยูชอนกอดรับไว้อย่างงงๆ  


    “เอาไปวางไว้ที่โต๊ะเรียนฉันด้วย”  ยูชอนเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจ  


    “โต๊ะเรียน?”


    “ก็ที่ข้างๆแกนั่นแหละ  ถ้าใครมาแตะกระเป๋าแม้แต่ปลายนิ้ว แกตายแน่!”  


    “คะ...ครับ!!”  คนตัวเล็กสะบัดเอสไลน์อันงอนงามเดินจากไป  เหตุผลที่ฝากกระเป๋าไว้กับไอ้โง่นี่ก็เพราะขี้เกียจถือ  ..อีกอย่าง..โง่ๆอย่างมัน เย็นนี้คงจะวิ่งเอากระเป๋ามาคืนเป็นแน่ ต่อให้ไม่อยากมาก็เถอะ..

    .

    .

    .

    .

    ตกเย็น



    ในห้องที่เต็มไปด้วยอยากไย่และของเก่าแก่อาทิเช่น เก้าอี้เก่าๆ หนังสือเก่าๆ บอร์ดเก่าๆ ซึ่งร่างเล็กผู้เป็นเจ้าของ(?)ในเวลานี้ดูอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย  จุนซูนั่งดึงหยากไย่ออกทีละนิดเพื่อนับวินาทีรอมนุษย์ผู้ที่เขาบอกว่าโง่นักหนา  ตอนนี้เลยเวลาเรียนมานานมากแล้ว ไม่มีวี่แววของคนที่นัด  คล้ายๆว่า คนที่โง่คือตัวเขาเอง  คิดว่าไอ้บ้านั่นจะเอากระเป๋ามาคืน   


    ...ไม่เป็นไรน่า..รออีกนิด... จู่ๆสายตาเรียวก็ไปปะทะกับร่างอันแสนคุ้นเคยกำลังกอดกระเป๋าเดินเลยตึกนี้ไป  


    “อ้าว..นั่นมันจะไปไหน” เสียงใสพูดอยู่คนเดียวเรียกให้ลูกน้องคนสนิทหูผึ่ง


    “กลับบ้านมั้งครับ” เสียงทุ้มต่ำดังจากด้านหลัง หัวกลมหันไปตามเสียงอย่างรวดเร็ว


    “แกรู้ได้ยังไง ยุนโฮ”


    “ก็..เดาๆเอาน่ะครับ” ยุนโฮตอบเหมือนไม่ใส่ใจอะไรผิดกับร่างเล็กรีบลุกพรวดวิ่งออกนอกประตูไป  จุนซูวิ่งมาจนถึงพื้นด้านล่างสุดของตึก  หัวกลมหันมองซ้ายขวาพบกับร่างสูงกำลังเดินไปทางประตูโรงเรียน


    “ไอ้บ้าเอ๊ย”  สบถเบาๆพร้อมกับวิ่งตามไป  จากระยะ4เมตร  3เมตร 2เมตร 1เมตร ร่างเล็กชะงักนิ่งอยู่หน้าประตูโรงเรียน


    ..มันไปแล้ว..มันขึ้นรถไปแล้ว...ไอ้เอ๋อเอ๊ยย!!!...


    จุนซูไม่ยอมแพ้ง่ายๆ  เพราะไอ้ตัวปัญหานี่ไม่เคยโผล่หัวมาที่รังสักครั้ง  แล้วครั้งนี้ อะไรๆก็ผิดจากที่คิดไว้หมด  


    ...ให้ตายสิโรบิน!!...กระเป๋าก็อยู่กะมัน==...


    จุนซูตัดสินใจวิ่งไปเอามอเตอร์ไซด์ฟีโน่สีชมพูลายดอกคู่ใจจัดการใส่หมวกกันน็อคบึ่งรถออกไปด้วยความรวดเร็ว  ขนาดรถเขาเองนั้นแต่งเครื่องมาเองยังตามแทบไม่ทัน  เมื่อถึงที่หมาย รถสีดำที่เขาตามมานั้นเลี้ยวเข้าไปจอดบริเวณบ้านหลังใหญ่ดูโอ่อ่าจนต้องตาโต  


    ทางด้านยูชอนก็เดินกอดกระเป๋าเข้าบ้านแล้วอาบน้ำเตรียมตัวนอนตามปกติ  ร่างสูงเปลี่ยนเป็นชุดนอนสีเหลืองลายลูกหมีและนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องนอนก่อนจะจับดินสอขึ้นมาวาดรูปลงกระดาษA4 เวลาล่วงเลยไปจน1ทุ่ม  ยูชอนก็เอาแต่จดจ่อกับสิ่งที่อยู่บนโต๊ะ  


    “วาดสวยดีนี่”  เสียงใสอันไม่พึงประสงค์ดังจากด้านหลังจนเจ้าของห้องสะดุ้งหันไปมองและร้องอย่างตกใจ


    “อ๊ากกก..อุ๊บ”  มือเล็กตะปบปิดปากคนเอ๋อ สายตาคมมองไปยังบานหน้าต่างที่เปิดไว้ก็เข้าใจเรื่องที่มาที่ไปของคนตรงหน้า


    “เงียบๆสิ  ฉันแอบมานะเว้ย”  จุนซูยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้เสียจนเห็นทุกสัดส่วนและดวงตากลมน่ารัก  คนตกใจเปลี่ยนเป็นหน้าแดงทันที  


    ...มองใกล้ๆแบบนี้ทีไร..ใจต้องเต้นทุกทีสิน่า...  


    มือเล็กค่อยๆคลายออกแล้วเปลี่ยนมาตบใบหน้าหล่ออย่างแรง


    “โอ๊ย!!  ตบผมทำไมครับT T”


    “หมั่นไส้!”  ยูชอนก้มหน้าหนีเพราะกลัวสายตาอันน่ากลัวนั้น ร่างเล็กถือวิสาสะนั่งลงบนเตียงนุ่มแล้วขย่มไปมาด้วยความสนุกเล็กๆ  ไหนจะห้องแสนหรูหราที่คนแบบเขาไม่มีวันได้อยู่นี่อีก  เหมือนอยู่บนสวรรค์


    ..เห็นทีต้องมาบ่อยๆ..  


    “นี่ เจ้าโง่  ถ้าแกสอบได้ศูนย์อีก  ฉันก็แพ้แจจุงอะไรนั่น!!  แล้วฉัน ก็เกลียดการแพ้  เพราะฉะนั้น ฉันหวังกับแกไว้มาก คงจะเข้าใจนะปาร์ค ยูชอน” ใบหน้าคมพยักรับหงึกหงัก คำที่ได้ฟังเมื่อกี้เพิ่มแรงกดดันเป็นเท่าตัว


    ..อุตส่าห์หนีมาแล้วแท้ๆเชียวT T..


    จุนซูลากเก้าอี้อีกตัวไปนั่งข้างๆร่างสูงก่อนจะจัดการหยิบหนังสือที่เตรียมติวทั้งหมดออกมาและเริ่มการสอน  สอนไปทำร้ายร่างกายไป เพราะอะไรน่ะหรอ...


    “ไอ้โง่ ตรงนี้ สี่คูณสองได้หก?”


    ผลัวะ!


    มือเล็กฟาดเน้นๆที่กระบาลอันจุไปด้วยขี้เถ้าดำๆ หม่นๆ ก่อนจะชี้ไปยังบรรทัดที่ผิด ยูชอนแทบน้ำตาเล็ดเพราะโดนตบไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้ว  มือหนาบรรจงเขียนเลขที่ถูกลงไป


    “นี่ ทำไมเขียนสวยนัก  เสียเวลา ช้าๆได้พร้าเล่มงามอยู่นั่นแหละ!”


    “ก็..ก็ผมถนัดนี่ครับ  แล้ว..จุนซู..เอ้ย หัวหน้าไม่กลับบ้านหรอครับ  ดึกแล้ว”


    “จะกลับเมื่อไหร่มันก็เรื่องของฉัน ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!” ..เอ้า..หาว่ายุ่งอีก..ปาร์คคนนี้เคยทำอะไรถูกใจบ้างไหมT T...





    เวลาผ่านไป2ชั่วโมง  สอนมาจนถึงวิชาเคมีแล้ว ยูชอนรู้สึกเข้าใจขึ้นเยอะ  จะว่าจุนซูเก่งจริงๆก็ได้ หรือไม่ก็เพราะครีบโลมากายสิทธิ์นั่น


    “แล้วธาตุนี้มันชื่อเต็มว่าอะไรนะครับ?” มือหนาชี้ไปยังชื่อธาตุภาษาอังกฤษแล้วหันไปถามคนด้านข้าง


    ..อ้าว..


    ใบหน้าหวานแนบกับเรียวแขนเล็ก เปลือกตาบางหลับพริ้มอย่างน่ารัก ลมหายใจถ่ายเทเข้าออกเบาๆอย่างปกติ  ยูชอนยิ้มน้อยๆก่อนจะเอานิ้วจจิ้มแก้มเนียนเบาๆ


    “จุนซูครับ” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบ  ยูชอนทดสอบว่าหลับจริงๆหรือเปล่า อันที่จริงก็ไม่ได้อยากให้ตื่นขึ้นมาสักเท่าไหร่


    ...คนน่ากลัวแล้วนอนน่ารักแบบนี้ปล่อยให้นอนดีกว่า...


      คนที่ตื่นอยู่หยิบกระดาษวาดรูปขึ้นมาแล้วลงดินสอวาดภาพคนข้างๆอย่างบรรจง  นับว่าเป็นเรื่องที่ยากแต่ก็ไม่เกินความสามารถเพราะยูชอนวาดเป็นแต่รูปการ์ตูนญี่ปุ่นเท่านั้น  

       
         ถือว่าเป็นพรสวรรค์ที่พระเจ้าให้มา  ภายในเวลา30นาทีเขาสามารถวาดจนเสร็จ  มือหนายกขึ้นมาเชยชมผลงานของตนเองแล้วบันทึกวันเดือนปีเอาไว้ก่อนจะคว่ำลงสอดเข้าไปใต้กองสมุดบนโต๊ะ


    นาฬิกาบอกเวลาว่าสี่ทุ่มครึ่งแล้ว  ร่างสูงจัดแจงปิดไฟ อุ้มคนหลับลึกวางลงบนเตียงให้เบาที่สุด เสียงหวานครางเบาๆในลำคอก่อนจะพลิกตัวหันตะแคงทั้งที่ยังหลับอยู่  ยูชอนผงะเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจโล่งอกแล้วล้มตัวลงนอนบ้าง  ความไม่คุ้นชินทำให้ต้องหันตะแคงหนีไปอีกทาง ทำใจหลายนาทีและหลับตาลงไปจนได้




    กลางดึก เวลาตีสอง ซึ่งเป็นวเลาที่ขัยับใกล้คำว่า ‘เช้า’ ขึ้นทุกทีๆ  ชายหนุ่มเบิกตาโพลงขึ้นมาในคนใหม่  กายแกร่งเด้งตัวลุกขึ้นเตรียมอาบน้ำอีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนอีกคนนอนคุดคู้อยู่บนเตียงนุ่ม ร่างสูงยืนคิดอยู่นาน  


    ...จุนซู?...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...    เขาพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ทั้งที่ ตัวเขาสมควรจะเห็นภาพที่ผ่านมาทั้งวัน   


    ริมฝีปากแดงเผยออ้าเล็กน้อยเพื่อใช้หายใจอย่างน่ารักเพิ่มความสะใจขึ้นมาเล็กน้อย  ยูชอนเลิกคิดเรื่องที่คิดไม่ออก


    ที่รู้ๆ คนตัวเล็กอวดดีที่ต่อยหน้าเขาไปเมื่อวันนั้นมาอยู่ตรงหน้าแล้ว


    ..คนที่ทิ้งโอกาสต่างหาก..คือคนโง่..


    ...จำไว้จุนซู...




    --------------------------------------------------------


    มาช้ามากมาย   ขอโต๊ดดดดดดดดด


    ปารองเท้า ปาส้นตึกมา  (อ้าปากรับ)


    ตอนนี้ จบแบบจิ้นๆ   จิ้นกันต่อไป  

    ยังไงก็จบอยู่แล้วเรื่องนี้  อาจมีการดองบ้าง อะไรบ้าง=="

    (หลบรองเท้า)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×