คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : something twelve : Relation
topic : Relation
couple : chanyeol x sehun ft.joonmyun
warning : PG-15
“ไม่ ได้โปรด อย่า..” ริมฝีปากสีชมพูอ่อนแผดร้องสุดเสียงเมื่อข้อมือบางทั้งสองข้างถูกรวบเอาไว้เหนือหัว แผ่นหนังเล็กกระทบเข้ากับพื้นถนนเย็นเฉียบอย่างในเวลาดึกของซอยเปลี่ยวย่านสถานบันเทิงของกรุงโซล
“ปล่อยผมไป ไมมมมมม่!!” น้ำตาที่ไหลอาบข้างแก้มเนียนไม่ได้ช่วยให้นักเรียนม.ปลายที่ยืนล้อมอยู่สามสี่คนมีความรู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อยเมื่อกำปั้นหนักๆต่อยลงไปที่ท้องน้อยจนอีกคนจุก
“หุบปากซักทีสิวะ เด็กอะไรดื้อชิบหาย” มือกร้านบีบเข้าที่โครงหน้าขาวที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำเพราะฝีมือของเขาอย่างเหลืออด โดนซ้อมไปขนาดนี้ยังจะพยายามขัดขืนอีก
“อย่า ผมกลัว ฮึก..ไม่” ขาเล็กที่โดนฟาดด้วยขวดแก้วมีเลือดไหลออกมาเป็นทางค่อยๆถูกชันขึ้นอย่างหื่นกระหายก่อนจะตามด้วยร่างของคนอายุมากกว่าที่แทรกตัวเข้ามา
เสื้อผ้าที่ถูกฉีกกระจัดกระจายเผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดของเด็กชายอายุสิบสองปีราวกับไม่เคยแปดเปื้อนสิ่งใดมาก่อน ใบหน้าหวานที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาถูกตบด้วยมือหนาอีกครั้งเมื่อเด็กใต้ร่างกำลังพยายามขัดขืนด้วยการดิ้นไปมาสุดแรงเกิดกับเสียงร้องน่ารำคาญ
“กูบอกให้เงียบๆไง!”
“ฮึก..อึก ไม่เอา ปล่อย” เสียงหวานดังขึ้นทั้งที่สติใกล้จะหลุดลอยเต็มทีเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสน่ารังเกียจที่บริเวณแผ่นอกบาง เล็บสั้นจิกลงบนมือของตัวเองจนเลือดซิบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาไม่หยุดราวกับเขื่อนแตก
ใครก็ได้.. ได้โปรด ช่วยเอาคนพวกนี้ออกไปที น่าขยะแขยง จะอ้วก เอาออกไปที... ฮึก ช่วยผมด้วย
หนังสือเล่มไม่หนนามากในมือถูกปิดลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆดังออกมาจากซอยเปลี่ยวซึ่งเป็นทางกลับคอนโดของเขา ขายาวๆก้าวเข้าไปหาอย่างเร่งรีบเพราะคำพูดอ้อนวอนน่าสงสารกำลังถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะแสนชั่วร้ายไม่ซ้ำกัน ฟันซี่สวยกดลงบนริมฝีปากอิ่มอย่างร้อนรน
“ขาวเหี้ยๆ เจอของดีแล้วมึง” สายตาหื่นกระหายที่โลมเลียไปทั่วช่วงขาขาวจนแทบจะเสียดแทงเข้ามา เรียกให้เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงอย่างยอมรับชะตากรรมแสนอุบาทว์นี้เมื่อเสียงหวีดร้องเกือบจะหายไปเพราะลำคอแห้งผาก
“จะทำอะไรวะ!!” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสน่ารังเกียจที่ถูกกระชากออกไปแทบจะทันที เสียงร้องโวยวายแข่งกับจังหวะการแลกหมัดเรียกให้เด็กชายค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างมีความหวัง
ใบหน้าของเด็กม.ปลายกลุ่มนั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำไม่ต่างจากเขากำลังหอบหายใจอยู่บนพื้นอย่างหัวเสียเมื่อโดนเข้ามาขัดจังหวะ แต่หมัดหนักๆที่ชกลงบนหน้าท้องของหัวหน้ากลุ่มจนสลบทำให้เพื่อนๆต้องรีบพาตัวเองหนีออกไปอย่างช่วยไม่ได้
“ไอ้พวกเด็กเลว” ร่างสูงของนักศึกษาปีหนึ่งสบถอย่างหัวเสียก่อนจะรีบตรงเข้าไปหาเด็กชายที่กำลังกอดตัวเองแน่นและสั่นไม่หยุด เสียงสะอื้นแบบเดียวกับที่เค้าได้ยินทำให้อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือเข้าไปลูบผมอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่มาช่วยแล้ว..” ร่างบอบบางโถมกอดอีกคนทันทีก่อนจะกดใบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างแล้วปล่อยโฮออกมาจนสุดเสียง แขนเล็กกระชับกอดร่างเจ้าของเสียงทุ้มแน่นราวกับกลัวจะหายไป
“อึก..ช่วยผมด้วย ผมกลัว ช่วยด้วย” มือเรียวลูบผมของคนในอ้อมกอดอย่างปลอบโยน ดวงตาเรียวอ่อนแสงลงก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกออกมาคลุมร่างกายที่เปลือยเปล่าของเด็กน้อยเอาไว้
“ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่แล้ว ไม่ร้องนะครับ” นิ้วยาวเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหวานและคราบเลือดที่ตรงมุมปากออกอย่างเบามือ เสียงร้องที่ดูจะไม่หยุดลงง่ายๆทำให้ต้องกระชับกอดแน่นขึ้นไปอีก
เด็กตัวเล็กเริ่มหยุดสะอื้นเหลือไว้เพียงความรู้สึกเปียกชื้นบริเวณเสื้อเชิ้ตนักศึกษากับร่างกายที่สั่นเทาเท่านั้นเมื่อเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ข้อมือเรียวถูกยกขึ้นมาดูนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว
“บอกชื่อเราหน่อยได้มั้ย หืม?” น้ำเสียงอ่อนโยนเรียกใบหน้าที่ซบอยู่กับแผ่นอกกว้างให้เงยหน้าขึ้นมามอง ยังเด็กอยู่เลยแท้ๆแต่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้..
“ซะ..เซฮุน โอเซฮุนครับ” ก้อนสะอื้นถูกกลืนลงไปในคออย่างยากลำบากพร้อมกับเสียงสั่นๆที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
“บ้านอยู่ที่ไหน เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”
“ผม..ฮึก ผมหนีออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า” น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วกลับมารื้นขอบตาบวมแดงอีกรอบพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่นอย่างพยายาม
“แล้วทำไม..”
“คุณลุงผู้ดูแล อึก..จะพาผมไปทำงานกับคุณป้าสวยๆที่ผับ บอกว่าได้เงินดี ที่นั่นน่ากลัว ฮึก..ไม่เอา ผมขอโทษ ผมหนีออกมา” มือบางกำชายเสื้อของเขาแน่นจนยับยู่ยี่ด้วยความหวาดกลัวจนอดที่จะลูบแผ่นหลังเล็กๆอย่างปลอบประโลมไม่ได้
จะเอาไปขายให้แม่เล้างั้นสินะ.. ไอ้พวกเศษขยะสังคม
“ผมไม่รู้จะไปที่ไหนดีแล้ว ผมไม่รู้..” เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะการร้องไห้หนักมาหลายชั่วโมง แต่มือเล็กยังคงจับมือของเขาไว้แน่นราวกับต้องการรับรู้ถึงการมีตัวตน
นักศึกษาปีหนึ่งมองเด็กในอ้อมกอดอย่างใช้ความคิดก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เค้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเหลืออีกคนยังไงดีเหมือนกัน.. ทั้งอายุที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือความมั่นคงในชีวิตเองก็ไม่มีซักอย่าง ทั้งที่มีแต่ความยุ่งยากมากมายแต่เค้าก็ไม่อยากจะปล่อยมือนุ่มนี้ไป
บางสิ่งบางอย่างบอกว่า ปาร์คชานยอลไม่ควรจะปล่อยมือคู่นี้ไป..
เงินเก็บส่วนตัวในธนาคารถูกนำมาใช้เป็นค่าเทอมของโรงเรียนมัธยมและของใช้ส่วนตัวของเด็กตัวขาวอย่างไม่นึกเสียดาย การทำงานพิเศษหลายๆอย่างถือเป็นประสบการณ์ในชีวิตที่ดีไม่น้อยเพราะเค้าเป็นฝ่ายเลือกที่จะเก็บเรื่องที่รับเซฮุนมาอยู่ด้วยเป็นความลับต่อครอบครัว เมื่อลำพังแค่ค่าใช้จ่ายของเขาคนเดียวก็เยอะพออยู่แล้ว
คอนโดที่เคยกว้างเกินไปตอนนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มหวานของใครอีกคนต่างจากวันแรกที่เจอ การเป็นผู้ปกครองของโอเซฮุนมาตลอดสามปีไม่ใช่เรื่องยากเลยซักนิด ไม่ว่าจะนิสัยน่ารักๆหรือกิริยาว่านอนสอนง่ายก็ทำให้นึกเอ็นดูเด็กคนนี้ยิ่งขึ้นไปอีก ถึงจะโดนคนอื่นมองด้วยสถานะแปลกๆแต่เค้าก็ไม่ได้ใส่ใจอยู่ดี..
แกร๊กก
“ดึกแล้วทำไมยังไม่นอนอีกเซฮุน” เสียงทุ้มดังขึ้นมาเบาๆเมื่อเห็นแผ่นหลังบางแสนคุ้นเคยกำลังนั่งคุดคู้อยู่บนโซฟาในเวลาห้าทุ่มครึ่งซึ่งเลยเวลานอนทั่วไปของเด็กม.สามไปแล้ว
มือเล็กยกขึ้นมาขยี้ตาอย่างงัวเงียก่อนจะหันใบหน้าหวานที่เกยอยู่บนหมอนมาหาเจ้าของร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยรอยยิ้มบางๆ
“มานั่งรอพี่ชานยอลอา” น้ำหนักตัวที่โถมลงมาพร้อมกับแรงกอดรัดเรียกรอยยิ้มบนริมฝีปากอิ่มได้เป็นอย่างดี หัวทุยสวยถูเข้าแผ่นอกกว้างอย่างออดอ้อนจนชานยอลต้องกดจมูกลงไปสูดกลิ่นหอมจากแชมพูกลิ่นผลไม้อย่างหมันเขี้ยว
“ใกล้จบแล้วเลยต้องเคลียร์งานที่คณะน่ะ ขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไม ก็ไม่ได้ว่า..” เซฮุนก้มหน้างุดทันทีแต่มือกลับไม่ยอมปล่อยคนตรงหน้าไปง่ายๆราวกับกลัวว่าจะหายไป
“แล้วพรุ่งนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนรึไง หืม เดี๋ยวตื่นสายนะ”
“พี่ชานยอลอาพาโบ พรุ่งนี้มันเป็นวันเสาร์” ริมฝีปากบางเบ้ออกจากกันอย่างน่ารักก่อนจะตามด้วยมือบางที่ยกขึ้นมาดึงแก้มคนตัวสูงกว่าอย่างงอนๆ
“แก่แล้ว แก่แล้ว อายุยี่สิบสองก็ขี้ลืมซะแล้ว ฮะๆ” เสียงหัวเราะสดใสดังตามมาติดๆก่อนคนถูกกล่าวหาจะทิ้งตัวเองลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วดึงเด็กตัวขาวมาไว้บนตัก
“ว่าใครแก่ นี่ยังหล่ออยู่เลยนะ” ชานยอลพูดติดตลกพร้อมกับกระชับเอวบางเข้ามาหาแน่น มือเล็กๆไล่แตะตั้งแต่ดวงตาเรียวสีน้ำตาลเข้มมายังสันจมูกโด่งที่กดลงบนแก้มเค้าบ่อยๆแล้วมาหยุดที่ริมฝีปากอุ่นนุ่มเหมือนต้องการจะแกล้ง ใบหน้าหล่อคมยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะรับเอานิ้วเรียวสวยเข้ามาไว้ในโพรงปากแล้วกัดเบาๆ
“อย่ากัดสิครับ” เซฮุนยู่ปากอย่างขัดใจเมื่อรู้สึกถึงฟันซี่สวยที่กดลงบนนิ้วของพร้อมเขากับลิ้นชื้นที่วนเวียนไปมาไม่ห่าง
“แล้วว่าใครแก่ล่ะ?”
“ไม่ได้ว่าซักหน่อย พี่ชานยอลยอมรับเองต่างหาก”
“เดี๋ยวนี้เจ้าเล่ห์นะเรา ไปเอามาจากไหนเนี่ย”
“เอามาจากปาร์คชานยอลครับ”
ร่างสูงระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังทันทีเมื่อได้ยินคำตอบก่อนเซฮุนจะรีบดึงนิ้วออกมาจากปากของอีกฝ่ายเมื่อได้โอกาส หัวหยิกหยอยชนเข้ากับคนตัวเล็กกว่าบนตักอย่างเอ็นดู บางทีอาจจะจริงอย่างที่เซฮุนว่า..
นี่เค้าแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ไปนอนได้แล้วครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งเข้านอนนะ” เสียงหาวยาวๆกับดวงตาปรือปรอยเรียกให้แขนเรียวยกคนตัวบางขึ้นก่อนจะพาเดินไปยังห้องนอนทันทีเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงเที่ยงคืน
“พี่ชานยอลอานอนพร้อมกันสิ ห้ามอยู่ทำงานต่อ..นะ” น้ำเสียงงอแงกลับมาอีกครั้งพร้อมกับมือที่ดึงชายเสื้อของเค้าแน่น แสงจากโคมไฟสีส้มอ่อนบนหัวเตียงสะท้อนแววตากลมโตที่ออดอ้อนเหมือนลูกแมวซึ่งทำให้ร่างสูงต้องใจอ่อนทุกครั้งไป
“โอเคครับ ถ้าอาบน้ำเสร็จแล้วจะรีบมานอนด้วยเลย” ชานยอลลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเบามือก่อนจะก้มลงไปกระซิบที่ข้างใบหูโดยไม่ลืมที่จะฝังจมูกลงบนแก้มขาวนั้น
เซฮุนเป็นห่วงเค้าเสมอ เด็กตัวบางมักจะทำหน้าบึ้งทุกครั้งเวลาที่พบว่าอีกคนนั่งทำงานอยู่หน้าโน้ตบุ๊คคู่ใจจนถึงเวลาเช้ามืดของอีกวัน ด้วยเหตุผลที่ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพและจะทำให้ไม่สบาย จนคนฟังต้องเผลอยิ้มออกมาทันทีกับความน่ารักปนเอาแต่ใจนั้น
“อื้อ เร็วๆด้วย..”
ขายาวเดินออกจากห้องน้ำในอีกสิบห้าต่อมาในชุดเสื้อยืดสีเทาและกางเกงขายาวสบายๆแล้วตรงไปที่เตียงกว้างซึ่งมีร่างของเด็กน้อยม.สามหลับอยู่ ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มบางๆก่อนจะกดลงไปบนหน้าผากเนียนสวยเหมือนที่ทำทุกคืนก่อนนอนเพื่อเป็นการบอกฝันดี
“ฝันดีนะเซฮุน” ร่างสูงแทรกตัวลงไปใต้ผ้าห่มผืนนุ่มอย่างระมัดระวังเพราะกลัวอีกคนจะตื่น และไม่นานเปลือกตาก็ค่อยๆปิดลงพร้อมรอยยิ้มเมื่อคนตัวเล็กเริ่มบดเบียดเข้าหาตัวของเขาเพื่อหาความอบอุ่น..
ถึงจะไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนสนิท ไม่ใช่คนที่รู้จักกันมาก่อน แต่เค้าก็จะไม่ยอมปล่อยเด็กคนนี้.. ไม่ว่าอีกกี่ปีหรือกี่สิบปี ปาร์คชานยอลก็จะยินดีที่จะเลี้ยงโอเซฮุนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่อีกฝ่ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตจนไม่สามรถปฏิเสธได้ว่าเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
นิ้วเรียวกดลงบนแป้นพิมพ์ของโน้ตบุ๊คอย่างชำนาญในเวลาบ่ายแก่ๆของวัน กระดาษเอสี่จำนวนหลายร้อยหน้าที่เต็มไปด้วยภาษาเยอรมันถูกวางเกะกะไว้ด้านข้างพร้อมกับดิกชันนารีสองสามเล่ม ตัวอักษรภาษาเกาหลีถูกเพิ่มเข้าไปในหน้าเวิร์ดอย่างรวดเร็วเมื่อจับใจความประโยคได้
ชานยอลกดเซฟเอกสารที่แปลเสร็จแล้วเอาไว้ก่อนขายาวจะลุกออกจากเก้าอี้เดินตรงเข้าไปในห้องนอนทันที เสียงหอบหายใจหนักๆเพราะพิษไข้ที่ดังมาจากเตียงหลังใหญ่ทำให้ต้องวางมือลงบนหน้าผากเล็กเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย
“ไข้ไม่ยอมลดแบบนี้ต้องไปหาหมอนะเซฮุน”
“ไม่เอา ผมไม่อยากไป” เสียงหวานแหบพร่าตอบกลับมาพร้อมกับการส่ายหน้าแรงๆ แก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะอุณหภูมิที่สูงเกินกว่าปกติมาสองวันแล้ว
“งั้นเดี๋ยวเช็ดตัวให้แล้วก็กินยาซะนะ” ร่างสูงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อเด็กดื้อดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าทันทีเมื่อได้ยินคำว่าหมอ เซฮุนไม่ชอบโรงพยาบาล กลิ่นยาเหม็นๆ รวมไปถึงพยาบาลที่ถือเข็มฉีดยาน่ากลัวแบบนั้น เค้ารู้ดี
แต่ถ้าจะปล่อยให้คนตัวตัวเล็กนอนซมไปตลอดก็คงไม่ใช่เรื่อง แถมอาการข้างเคียงที่ทำให้ไม่อยากอาหารก็ยิ่งทำเอาชานยอลจะเป็นบ้า เด็กม.ห้าที่มีส่วนสูงร้อยแปดสิบเซนติเมตรแต่น้ำหนักแปรผกผันกันคือสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด มือเรียวบิดผ้าชุบน้ำในอ่างให้หมาดๆก่อนจะซับไปเบาๆตามใบหน้าและลำคอชื้นเหงื่อ
ลมหายใจอุ่นร้อนและเปลือกตาบางที่ปิดสนิทเพราะความอ่อนเพลีย ทำให้เค้าต้องกดโทรศัพท์หาเพื่อนที่จบคณะแพทย์อย่างเร่งด่วนเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง เด็กตัวขาวเอาแต่ใจได้ทุกเรื่องแต่ต้องไม่ใช่เรื่องนี้..
“ว่างคุยมั้ยจุนมยอน?” น้ำเสียงทุ้มกรอกลงแทบจะทันทีที่ปลายสายกดรับ ดีแค่ไหนแล้วที่คุณหมอชื่อดังไม่กดตัดสายของเขาในเวลาเข้าเวรแบบนี้
“ก็นิดหน่อย ตอนนี้เช็คประวัติคนไข้อยู่”
“เด็กดื้อป่วย ไข้สูงมาสองวันกินยาไม่ยอมลด เบื่ออาหาร ทำยังไง?” ชานยอลพูดรัวๆอย่างนึกร้อนใจแทนคนที่นอนซมอยู่บนเตียง ทำเอาคุณหมอหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง
“อ๋อ เออ..ฮะๆ ๆ ไข้หวัดใหญ่น่ะ ช่วงนี้เด็กๆเป็นกันเยอะ ลูกอายุเท่าไหร่แล้ว?” คำถามในตอนท้ายทำเอาคิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความหงุดหงิด เพื่อนๆมักจะล้อว่าเซฮุนเป็นลูกของเขาเสมอ
“สิบเจ็ด..ผอมมาก” ร่างสูงเน้นคำพูดด้านหลังชัดๆเมื่อครั้งที่แล้วคุณหมอที่คลินิกให้กินยาแรงเกินขนาดจนต้องกลับมานอนปวดท้องอีกรอบ
“โอเค เดี๋ยวลดปริมาณยาลงนิดหน่อยละกัน..สี่โมงเย็นออกเวร จะมารับเองหรือยังไง?”
“เอามาส่งได้มั้ยล่ะ เช็ดตัวอยู่” โทรศัพท์เครื่องสวยถูกแนบไว้กับหูโดยไหล่กว้าง มือเรียวค่อยๆปลดกระดุมเสื้อชุดนอนออกก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาบ่ายสามโมงครึ่งแล้ว
“ก็ได้ แล้วเอกสารแปลเสร็จรึยัง จะได้รับมาด้วยเลย”
“อืม เพิ่งเสร็จเมื่อกี้..ไว้เจอกัน บาย” ชานยอลกดตัดสายทันทีแล้วโยนทิ้งไว้บนเตียงอย่างเกะกะ ผ้าชุบน้ำค่อยๆลากไปตามแผ่นอกเนียนสวยและหน้าท้องแบนราบช้าๆจนอีกคนครางอือในลำคอเหมือนถูกรบกวน
ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มน้อยๆก่อนจะดึงร่างบางบนเตียงขึ้นมาพิงไว้กับแผ่นอกกว้างแล้วเช็ดแผ่นหลังเล็กนั้นอย่างเบามือพร้อมเสียงหวานที่ละเมอเป็นชื่อเค้าในลำคอ อุณหภูมิร่างกายที่ดูจะเย็นลงเล็กน้อยทำให้ต้องรีบวางคนป่วยลงที่เดิมแล้วติดกระดุมให้เข้าที่เพราะไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อน แขนขาวๆถูกยกขึ้นมาเช็ดอย่างทะนุถนอมก่อนจะกดจูบหนักๆลงบนหลังมือนุ่มอย่างเว้าวอน
“กินยาอีกไม่กี่วันก็หายแล้วนะครับ..นะ”
เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นมาพร้อมแผ่นหลังกว้างที่วางลงบนพนักพิงของเก้าอี้ก่อนเปลือกตาจะค่อยๆปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน ศัพท์เฉพาะของภาษาเยอรมันกำลังให้สมองเค้าเต้นตุบๆจนรู้สึกปวดเมื่อไม่รู้จะหาคำใดในภาษาเกาหลีมาอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ
เอกสารเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่รับมาแปลคือหนทางเดียวที่จะหารายได้จำนวนมากในระยะเวลาอันสั้นเพราะต้องอาศัยความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนั้นและภาษาที่ซับซ้อนของยุคสมัยจนหลายๆคนต้องโบกมือลา แต่คงจะไม่ใช่ปาร์คชานยอลที่กำลังวางแผนการต่อมหาลัยของเด็กตัวขาวนี้เป็นแน่
ช่วงปิดเทอมของนักเรียนม.ห้าเทอมสองคือการเริ่มเก็บเงินของเขาอย่างจริงจังเพื่อจะให้อีกฝ่ายเอาไว้ใช้ในอนาคตอันใกล้ ประสบการณ์การทำงานและเงินเก็บตลอดสองปีทำให้นึกขอบคุณตัวเองไม่น้อยที่สามรถเลี้ยงอีกคนมาได้โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
สถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก้ำกึ่งหลายๆอย่างระหว่างคำว่าพ่อลูก พี่น้อง ผู้ปกครอง หรือคนรัก ซึ่งเค้าก็ยังหาคำตอบไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ เด็กหนุ่มผิวขาว ร่างกายผอมบาง หน้าตาดี จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีชมพูอ่อน และรอยยิ้มหวานคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไปซะแล้ว
หรือบางทีเค้าอาจกำลังรอ รอว่ากำแพงที่ขวางกั้นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองนี้จะพังลงเมื่อไหร่..
“พี่ชานยอลครับ ยังไม่นอนอีกเหรอ” น้ำเสียงงัวเงียดังขึ้นพร้อมกับคนตัวเล็กในชุดนอนขายาวสีครามที่นอนอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้มาตลอดสองสามวัน
เวลาตีสองและหน้าจอโน้ตบุ๊คที่เปิดค้างไว้เรียกให้ริมฝีปากบางยู่เข้ากันอย่างขัดใจก่อนจะโดนร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รวบเอวเข้าไปกอด ใบหน้าหล่อคมกดเข้ากับหน้าท้องแบนราบพร้อมกับสูดกลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวอย่างโหยหา มือเล็กที่ลูบอยู่บนเส้นผมหยิกหยอยถูกดึงลงมาแล้วแตะริมฝีปากอิ่มลงไปแผ่วเบา
“ไข้ลดแล้วเหรอเรา?” คำถามใหม่ถูกเปิดประเด็นขึ้นมาทันทีเมื่อกลีบปากอิ่มสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิอุ่นๆจากร่างกาย
“ดีขึ้นเยอะแล้วครับ” เซฮุนค่อยๆนั่งลงบนตักเพราะแรงฉุดของอีกคนก่อนที่ปลายคางสวยจะถูกวางลงบนไหล่ของเขา
“ทำให้ตื่นรึเปล่า ขอโทษนะ”
“ผมนอนมาจนเบื่อแล้ว” ริมฝีปากบางยกยิ้มหวานพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างน่ารักจนชานยอลอดที่จะบีบจมูกโด่งๆนั้นอย่างหมันเขี้ยวไม่ได้
“ก็เลยมากวนพี่ ว่างั้น?” ข้อมือเล็กทั้งสองข้างถูกรวบเอาไว้ด้วยมือใหญ่ของอีกคนก่อนจะตามด้วยริมฝีปากอิ่มที่ไล่แตะมาตั้งแต่หน้าผากเนียน เปลือกตาบาง ปลายจมูกรั้น..
“ไม่ได้กวน แค่จะมาหา...อือ” ริมฝีปากอิ่มกดลงไปบนกลีบปากบางทันทีทั้งที่ยังพูดไม่จบ ความรู้สึกหอมหวานกับอุณหภูมิอุ่นๆเพราะไข้ที่ยังไม่หายดีจนแทบละลายเรียกให้ต้องดันลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็กอย่างเอาแต่ใจ
ลิ้นชื้นไล่กวาดไปจนทั่วแนวฟันสวยก่อนจะดึงลิ้นเล็กที่กำลังถอยหนีมาเกี่ยวอย่างหยอกล้อ การตอบรับสัมผัสนั้นแต่โดยดีเรียกให้ชานยอลยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ คนตัวสูงค่อยๆละเลียดชิมความหวานที่ดูท่าจะหยุดไม่ได้ง่ายๆเมื่อสมองเริ่มเสียการควบคุมไปเพราะเสียงครางอื้ออึงในลำคอของอีกคน
“อึก..อืม” มือเรียวดันท้ายทอยบางขึ้นมารับจูบที่ร้อนแรงยิ่งขึ้นก่อนจะกดริมฝีปากลงไปหนักๆเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่างและไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยความอ่อนโยนแบบที่เจ้าตัวมักจะได้รับเสมอๆ
ความอดทนของปาร์คชานยอลค่อยๆหมดลงไปเรื่อยๆพร้อมกับกาลเวลา..
เซฮุนโอบรอบคอของคนด้านล่างแน่นเมื่อรู้สึกเหมือนร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆเพราะรสชาติหอมหวานที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้พร้อมกับเสียงหัวใจเต้นถี่รัวจนหายใจไม่ทัน
“อะ อือ..” ชานยอลค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดายแล้วจูบซับน้ำลายที่มุมปากให้แผ่วเบา คนตัวบางบนตักเอาแต่นั่งหอบและกำเสื้อของเขาแน่นด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ร่างสูงหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินเสียงบ่นงุ้งงิ้งอยู่ข้างหูก่อนมือเรียวจะยีเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มนั้นอย่างเอ็นดู
“ถ้าติดไข้ไปก็ไม่ต้องมาโทษผมเลยนะ”
วันปฐมนิเทศของนักศึกษาปีหนึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมายในหอประชุมขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัย มือเล็กถือเอกสารระเบียบการเอาไว้อย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันมายิ้มให้คนตัวสูงข้างๆ ผู้ปกครองยังหนุ่มวัยยี่สิบหกปีดูจะเป็นสิ่งแปลกตาไม่น้อยในสถานที่แห่งนี้ซึ่งเต็มไปด้วยคุณพ่อคุณแม่อายุสี่สิบต้นๆ
มือเรียวยกขึ้นมายีผมของเด็กตัวเล็กกว่าอย่างเคยชินพร้อมรอยยิ้มบางที่ทำเอาคนเห็นนึกอิจฉาไปตามๆกัน ถ้าไม่ติดว่าบนนิ้วนางสวยนั้นถูกประดับด้วยแหวนสีเงินไปซะก่อน..
“พี่ชานยอลอา ผมต้องใส่มันไว้ตลอดเลยเหรอ” เซฮุนยกมือข้างซ้ายที่ถูกสวมด้วยแหวนเงินเรียบๆแบบเดียวกับของอีกคนขึ้นมาดู
“แน่นอน ห้ามถอดด้วยนะ” คนโดนถามหัวเราะเบาๆเมื่อเด็กตัวขาวดูจะไม่ชินเท่าไหร่นักที่มีวัตถุบางอย่างอยู่บนร่างกายตลอดเวลา
“อะไรเล่า..” ริมฝีปากบางที่ยู่เข้ากันอย่างขัดใจพร้อมเสียงบ่นงุ้งงิ้งในลำคอเรียกให้สันจมูกโด่งต้องไล้ไปตามข้างแก้มใสอย่างหมันเขี้ยว
“เป็นของพี่แล้วก็ต้องเป็นของพี่ตลอดไปครับ” ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อทันทีเมื่อในหัวนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ได้แหวนเงินวงนี้มาในวันเกิดอายุครบสิบเก้าปีซึ่งผ่านมาไม่กี่วัน
“อย่าแกล้งกันจะได้มั้ยครับ” เขี้ยวเล็กๆสีขาวขู่ฟ่ออย่างน่ารักพร้อมกับมือเล็กที่พยายามผลักคนตัวสูงออกแต่ก็ไม่เป็นผล น้ำเสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหูแผ่วเบาก่อนจะตามด้วยการกดจูบหนักๆเป็นเชิงล้อเลียน
“หือ ชอบให้พี่แกล้งบนเตียงก็ไม่บอกนะเรา”
ความคิดเห็น