คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 25/08/14
25/08/14
วันนี้ตื่นกันเช้ากว่าปกติเพราะโฮสต์บอกว่าจะพาฉันไปเที่ยว แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาต้องไปส่งงานก่อน ทริปนี้มี โฮสต์พ่อ โฮสต์แม่ มอริท แล้วก็ฉัน ไม่รู้ว่าเฟลิคไปไหน แต่ให้เดาคือไม่ยอมตื่นแน่ๆ
จุดหมายปลายทางแรกคือหมู่บ้านเล็กๆบนเขา ไม่ใช่พวกชาวเขาอะไรอย่างนั้นนะ แต่เป็นหมู่บ้านน่ารักๆแบบดูเป็นท้องถิ่นๆดี เราต้องเอาของมาส่งให้ลูกค้าที่นี่
ก็นั่งไปเรื่อยๆ ฉันยังไม่เบื่อนะ นั่งดูวิวเพลินๆไประหว่างทาง แถวนั้นคือบรรยากาศได้อารมณ์ออสเตรียมาก ภูเขา ต้นไม้ ธรรมชาติจัดๆ
แถมยังแดดแรงจนฉันร้อน(ถึงจะไม่เท่าไทยก็เถอะนะ) ตอนที่นั่งอยู่บนรถ ที่นั่งฝั่งของฉันโดนแดดส่องหน้าพอดี ฉันจึงเอาเสื้อคลุมหัวเอาไว้
“ร้อนหรอ” มอริทที่นั่งข้างๆฉันหันมาถาม
“อื้อ นิดหน่อย ไม่เป็นไร”
“สลับทีนั่งกันไหม ฉันไม่ได้อะไรกับแดดเท่าไหร่” เขาเสนอ ตอนแรกฉันลังเลใจอยู่พักหนึ่งแต่มอริทก็ปลดสายนิรภัยของเขาออกมากแล้ว
อะ…โอเค เปลี่ยนที่นั่งก็ได้
“ขอบใจนะ” เขาหันมายิ้มให้แล้วบอก “ไม่เป็นไร”
ทำไมถึงเป็นสุภาพบุรุษได้ขนาดนี้ เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ ฮือ
ไปถึงจุดหมายที่สอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยว คือให้ล่องเรือชมวิว โชคดีที่วันนั้นฟ้าเปิดก็เลยได้ภาพสวยๆมาเต็ม
ที่ตรงนั้น ฉันคิดว่าเป็นทะเลสาบนะ น้ำนิ่งแล้วก็ดูสะอาด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใสแจ๋วเหมือนทะเลบางที่ก็ตาม ฉันได้นั่งถ่ายรูปถ่ายวีดิโอจนเพลินตอนนั่งอยู่ในเรือ
เรือที่ว่าเป็นเรือเล็กๆ ขนาดปรับเร็วสุดแล้วยังช้ากว่าเป็ดว่ายน้ำเลยสาบานได้ ตอนแรกฉันยังไม่กล้าเป็นคนขับเรือ(เพราะกฏของนักเรียนแลกเปลี่ยนคือ ห้ามขับขี่ยานพาหนะใดๆยกเว้น…จักรยาน) จึงให้มอริทขับไปก่อน หลังจากล่องวนไปวนมาซักพักฉันก็เลยมาขับบ้าง คิดว่าคงไม่เป็นไรเพราะเรือมันเอื่อยจนนึกว่านั่งบนกะละมังที่ไม่มีมอเตอร์ลอยไปลอยมา ขอบคุณพระเจ้าที่อย่างน้อยฉันก็บังคับทิศทางได้
ขากลับ พวกเราแวะกินอาหารกลางวันที่ร้านเคบับเล็กๆ ที่จริงพวกเรากะจะไปกินที่ร้านอาหารออสเตรียน แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงไม่เปิดทั้งๆที่ก็เป็นวันจันทร์แท้ๆ
ร้านเคบับพวกนี้จะหาได้ทั่วไปในออสเตรีย โดยเฉพาะเวียนนา เพราะคนตุรกีย้ายมาที่นี่เยอะมาก จนบางส่วนเขาเรียกกันว่าเป็นมินิตุรกีกันเลยทีเดียว แต่สำหรับฉัน ฉันไม่ได้ชอบกินเคบับนะแต่ชอบที่มันเป็นแป้งแผ่นบางๆไส้เหมือนเคบับ(น่าจะเรียกว่า ดูรุม?)
ขณะที่ฉันค่อยๆเล็มดูรุม(?)ไปได้ประมาณครึ่งอัน มอริทก็เดินไปซื้อเคบับมาเป็นชิ้นที่สอง ฉันมองด้วยความทึ่งเพราะฉันนี่เริ่มอิ่มแล้ว เหมือนเขาจะเห็นหน้าอึ้งๆของฉันเลยหันมายักคิ้วใส่ทีหนึ่ง
คนที่นี่โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย เวลาหิวทีหนึ่งเหมือนพายุ สูบทุกอย่างลงกระเพาะได้ภายในชั่วพริบตา
26/08/14
“เฮ้อ…” ฉันนั่งหน้าม่อยคนเดียวอยู่ในห้องนอน ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไรมันทำให้ฉันรู้สึกเบื่อมากกกก เนื่องจากวันนี้เป็นวันอังคาร แต่ยังอยู่ในช่วงปิดเทอมอยู่ ทำให้ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครตื่น ฉันยังปรับเวลาไม่ค่อยเต็มร้อยจึงตื่นเช้าอยู่ อีกทั้งโฮสต์พ่อกับโฮสต์แม่ทำงานรับซ่อมแซมของเก่าอยู่ที่บ้าน ดังนั้นจึงตื่นสายเท่าไหร่ก็ได้
เนื่องจากตอนเช้าฉันดื่มน้ำไปเยอะมาก พอสายๆเลยปวดชิ้งฉ่องมากเหมือนกัน ฉันเดินลงไปเข้าห้องน้ำข้างล่าง ห้องน้ำทีนี่มีสองห้อง ห้องแรกเป็นแค่ห้องเล็กๆ กว้างไม่ถึง1x1ตารางเมตรด้วยซ้ำ แต่ก็มีแค่โถส้วม ฮีตเตอร์เล็กๆข้างชักโครกกับที่ใส่ทิชชู่ ส่วนอีกห้องเป็นห้องเอาไว้อาบน้ำ แต่ก็มีโถส้วมอีกโถหนึ่งเหมือนกัน(แต่ฉันหาที่กดชักโครกไม่เจอ เลยไม่เคยใช้มันเลย)
แล้วฉันก็ลงไปเข้าห้องน้ำ ทุกอย่างยังคงเรียบร้อยปกติดีไม่มีอะไร แต่พอกดชักโครกนี่สิ
“เฮ้ย!”
มือของฉันดันไปปัดขวดน้ำยาดับกลิ่นที่วางอยู่บนแทงก์น้ำตกลงไปด้วย และคงไม่ซวยมากเท่าไหร่ถ้าขวดน้ำยาดับกลิ่นทั้งขวดโดนดูดลงไปที่ไหนไม่รู้อย่างไร้ร่องรอย
ฉันคิดในใจแล้วล่ะ เอาแล้วสิ ล้วงกลับมาก็ไม่ได้ หายไปไหนก็ไม่รู้ ฉันยืนทำใจอยู่ในห้องน้ำนานมาก ไม่รู้ว่าจะบอกโฮสต์ดี ไหม หรือแกล้งทำเนียนๆไม่รู้เรื่องดี
สุดท้ายฉันก็ออกมา คิดในใจว่า ถ้าไม่มีใครทัก…ก็ไม่บอกก็แล้วกัน (ทำดี)
ช่วงบ่ายๆ เฟลิคกับมอริทก็พาฉันไปดูโรงเรียน พวกเขาบอกว่า วันไปโรงเรียนปกติ พวกเราต้องไปขึ้นรถบัสเพื่อไปลงที่สถานีรถไฟ ต่อจากนั้นก็รอรถไฟอีกสิบนาที นั่งไปหนึ่งสถานีแล้วก็ถึงโรงเรียน วุ่นวายสุดๆ ปกติที่ไทย ป๊าของฉันจะเป็นคนขับรถไปส่งที่โรงเรียน เพราะที่ทำงานป๊าก็อยู่ละแวกนั้น
โรงเรียนที่ออสเตรียของฉันค่อนข้างดูดีเลยทีเดียว มันไม่ใช่ตึกแบบสถาปัตยกรรมเก่าๆหรอกนะ แต่ว่าค่อนข้างโมเดิร์นแล้วก็ดูใหม่ ดูภายนอกก็ตึกสี่เหลี่ยมธรรมดา แต่ข้างในก็ธรรมดาเหมือนกัน อิ_อิ โรงเรียนนี้มีทั้งหมดหมดห้าชั้น ไล่จากชั้นบนสุดคือ ชั้นสี่ มีห้องศิลปะ ชั้นสาม มีห้องดนตรี ชั้นสอง มีห้องพักครู,ห้องพยาบาล,และธุรการ ชั้นหนึ่ง มีโรงอาหาร และก็ชั้นใต้ดิน มีโรงยิม ทุกชั้นจะมีห้องเรียนอยู่ซึ่งฉันเองก็เป็นหนึ่งในห้องใต้ดิน ห่างไกลไวไฟแถมหนาวอีกต่างหาก
อีกทั้งข้างหลังโรงเรียนจะมีซุเปอร์มาเก็ต เรียกว่าSpar อารมณ์เหมือนกับฟู้ดแลนด์ในไทย มอริทบอกว่าตอนช่วงเบรคก็เดินมาซื้อได้ ซึ่งต่างกับที่ไทย โรงเรียนส่วนมากจะไม่อนุญาตให้นักเรียนย่างกรายออกจากโรงเรียนเลย
โรงเรียนที่นี่มีตั้งแต่เกรด 1-8 โดยเกรด8ก็เทียบเท่ากับ ม.6 ของที่ไทย ถึงแม้ว่าฉันเองก็ ม.6แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเรียนเกรด8นะ
ทีแรกโฮสต์ส่งฉันไปอยู่เกรด8เท่าเฟลิค แต่ฉันไม่เอา มีคนเคยบอกมาว่าเกรดสุดท้ายจะจบเร็วกว่าแถมบางทีจะเครียดเรื่องมหาลัย ที่สำคัญ เรียนยากกว่าแน่นอน ฉันจึงขอย้ายไปเกรด6เท่ามอริทแทน
แต่สิ่งที่ยากกว่าเลือกชั้นเรียนคือเลือกห้อง ซึ่งเกรดหกมีอยู่ทั้งหมดสามห้อง ห้องAเป็นห้องศิลป์ เรียนภาษาฝรั่งเศสกับละติน ห้องBเรียนเลขกับสเปน และสุดท้ายห้องCเรียนเลขกับละติน
ฉันตัดห้องAออกห้องแรกเลย เพราะฉันไม่รู้เรื่องภาษาฝรั่งเศสกับละตินเลย ฉันจึงเลือกห้องB อย่างน้อยฉันก็เรียนศิลป์คำนวณมานะ น่าจะช่วยอะไรได้บ้าง… หวังว่านะ
ก่อนออกจากบริเวณนั้น ฉันก็ต้องไปซื้อบัตรโดยสารก่อน มันเป็นบัตรสำหรบเยาวชนโดยที่จะใช้ขึ้นรถสาธารณะอะไรก็ได้ตลอดทั้งปี ทั้งรถไฟ รถไฟใต้ดิน รถราง รสบัส แต่ราคาก็ไม่ถูกนะ ตั้ง60ยูโร แต่ถ้าเทียบกันทั้งปีแล้วก็ถือว่าคุ้มมาก แค่ไปโรงเรียนสองเดือนก็เกินราคาบัตรไปตั้งเยอะแล้ว
บัตรของฉันมันเริ่มใช้ได้เดือนกันยา มอริทจึงให้บัตรของเขากับฉันเพราะไหนๆเขาก็จะไปฝรั่งเศสอยู่แล้ว
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็พาฉันไปที่ Auhof center คล้ายๆกับเซนทรัลเลย แต่วันนั้นส่วนตรงกลางระหว่างสองฝั่งกำลังปิดปรับปรุง ทำให้ห้างดูกระจิ๋วหลิวไปหน่อย
และแน่นอน สองพี่น้องคู่นี้เป็นพวกบ้ากีฬามากโดยเฉพาะเทนนิส เขาเลยพาฉันไปที่ร้านขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา ไม่เชิงพาฉันมาหรอก เหมือนพวกเขาจะอยากมาดูเสื้อกีฬาใหม่ๆด้วยล่ะมั้ง…
ปิดท้ายด้วยการไปร้านไอศกรีม ดีเลย เพราะฉันชอบแถมร้านนั้นมีไวไฟฟรีด้วย เข้าทางฉันล่ะ
ฉันกับมอริทก็นั่งเล่นโทรศัพท์ ส่วนเฟลิคนั่งอ่านแบทแมน เหมือนมอริทจะเคยแซวๆพี่ชายเขาว่าเป็นพวกกลัวโทรศัพท์ ขนาดชาร์ทตอนกลางคืนยังชาร์ทไว้ห้องนั่งเล่นชั้นล่างเลย . . .
ความคิดเห็น