คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Welcome&Farewell party
หมานี่ชื่อออตโต้
'OTTO'
24/08/14
ฉันลืมตาตื่นแล้วก็ยังงงว่าตัวเองอยู่ที่ไหน นี่มันไม่ใช่ห้องนอนฉันซักหน่อย ฉันควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา แอบเดาอยู่ในใจแล้วล่ว่าต้องเช้ามากแน่ๆ
‘6:30 AM’
โอเค นี่มันก็เช้าไปนะ
เหตุการณ์ประมาณนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่ฉันไปต่างประเทศ ฉันจะตื่นเช้ามากๆโดยอัติโนมัติเพราะฉันไม่รู้ว่าวันนี้ฉันต้องตื่นกี่โมง หรือต้องมาเตรียมของอะไรบ้าง เมื่อวานโฮสต์แม่บอกฉันว่าวันนี้มีปาร์ตี้ที่บ้าน เป็นปาร์ตี้ต้อนรับฉันและเลี้ยงส่งมอริทที่กำลังจะไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศฝรั่งเศสเหมือนกัน
พอซักเก้าโมงฉันก็เริ่มได้ยินเสียงกุกกักมาจากข้างล่าง (ห้องนอนฉันอยู่ชั้นสอง) คือโฮสต์แม่เป็นคนแรกที่ตื่น ฉันจึงได้โอกาสเดินลงไปล้างหน้าแปรงฟันซะที
“Guten Morgen(อรุณสวัสดิ์)”
“อรุณสวัสดิ์ นอนหลับสบายดีไหม”
ทุกเช้าจะต้องมีคนมาถามฉันว่านอนหลับสบายดีไหม ไม่ต่ำกว่าสองครั้ง ไม่ก็ถามว่าฝันอะไรไหม
แอ๊ดดด
มีคนเปิดประตูเข้ามา แต่นี่มันดันเป็นคนที่ฉันไม่คาดคิดวาจะเจอตอนเช้าน่ะสิ
เฟลิคเดินทำหน้าง่วงเข้ามาในห้องครัวที่ฉันกับโฮสต์แม่นั่งอยู่ คือแหม ช่วยใส่กางเกงดีๆได้ไหม นี่เดินมาทั้งบ๊อกเซอร์ ฉันนี่หัวใจแทบวาย เอ้ย เปลี่ยนเรื่องๆ ที่ฉันไม่คิดว่าจะเจอ ก็เพราะว่าเมื่อวาน มอริทพูดว่าปกติแล้วเขาจะตื่นเช้าส่วนเฟลิคน่ะชอบตื่นสายโด่ง พอเฟลิคเจอหน้าฉันเขาเลยทำเสียงจุ๊ๆๆพร้อมกับส่ายหน้า
“มอริทว่าฉันตื่นสาย แล้วดูสิ ป่านนี้เขายังไม่ตื่นด้วยซ้ำ”
ฉันก็ได้แต่ยิ้มๆ สนุกดีเวลาได้ยินพี่น้องบลัฟกัน ฉันยังไม่ค่อยกล้าออกความเห็นเพราะยังไม่สนิทมาก แต่ในใจนี่คิดไปแล้วว่า คอยดูต่อไปสิ จะเป็นไง
“พรีม อีกสักพักฉันจะพาออดโต้(หมา)ไปเดินเล่น เธออยากไปด้วยหรือเปล่า” โฮสต์พี่ถามฉัน และด้วยความเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน(อีกละ) ฉันจึงตอบตกลงอย่างไม่ต้องสงสัย
โอย! คิดผิดมากที่ตกลงมาด้วย
ตอนแรกฉันนึกว่าพาหมาไปเดินเล่นคือเดินเลียบตามถนน แต่นี่อะไรคะ พามาปีนเขาหรอ ตอบ! สรุปคือมีเฟลิคกับมอริทเป็นคนพาฉันพาเจ้าหมาออตโต้มาเดินเล่น แต่นึกสภาพเด็กผู้ชายวัยรุ่นสองคนเดินเล่นมันก็ย่อมไม่ใช่ทางธรรมดาน่าเบื่อๆแน่นอน
ฉันเดินตามพวกเขาไปเรื่อยๆจนถึงทางลาดชันที่ต้องไต่ลงไป เฟลิคซึ่งเป็นคนจูงออตโต้ก็ปีนไปถึงอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว เหลือแค่ฉันที่ยังหาทางลงไม่ได้กับมอริทที่ยืนรอฉันอยู่ข้างล่าง
“ลงมาเถอะ ไม่ต้องกลัว ถ้าเธอตกเดี๋ยวฉันรับเอง” ฉันขอเวลากรี๊ดซักห้าวิได้ไหม ฉันรู้สึกอย่างกับตัวเองเป็นนางเอกนิยายรักหวานแหววอะไรประมาณนั้น แต่ไม่ใช่
มอริทยื่นมือมาให้ฉันจับเผื่อลื่นตก ที่จริงก็แอบเขิน ไม่กล้าจับ แต่ด้วยความเป็นกุลสตรีไทยเต็มร้อย ฉันจึง
.
.
.
จับค่ะ แน่นอน กุลสตรีไทยกลัวล้มก้นจ้ำเบ้าอ่ะบอกเลย
หลังจากกลับมาจากปีนเขา เอ้ย พาหมาไปเดินเล่น ก็เจอโฮสต์แม่กำลังทำอาหารสำหรับปาร์ตี้บ่ายนี้ (ที่จริงคือปาร์ตี้อาหารกลางวัน แต่ไม่ใช่12.00น.นะ เที่ยงตรงที่นี่เรียกVormittag คือก่อนเที่ยง ฉันล่ะงง)
ฉันไปล้างไม้ล้างมือ พักซักแปป ก่อนจะเข้าไปถาม(อีกละ)ว่ามีอะไรให้ช่วยไหม โดยที่มอริทก็ตามมาสมทบ ช่วยกันทำอาหาร โฮสต์แม่บอกว่ามอริทต้องหัดทำเพราะจะได้เอาไปทำให้โฮสต์ของเขาที่ฝรั่งเศสกิน อันที่จริงแล้วแม่ของฉันก็บอกให้หัดทำนะ แต่ฉันไม่ทำ มัวแต่ผัดวันประกันพรุ่ง รู้ตัวอีกทีก็เดินทางซะแล้ว เพราะฉันนั้นความสามารถในการทำอาหารไทยของฉันจึงอยู่ในเลเวลสำหรับไข่เจียวกับมาม่าเท่านั้น
อาหารที่จะทำวันนี้เป็นอาหารท้องถิ่น(มั้ง)ของออสเตรีย เรียกว่าStrudel(อ่านว่า ชะ-ตรู-เดิล) มันคือแผ่นแป้งบางๆคล้ายๆพายแล้วสอดไส้ข้างใน ปกติแล้วstrudelทีขึ้นชื่อของออสเตรียคือ Apfelstrudel(หรือว่า Apple Strudel) นั่นเอง แต่วันนี้พวกเราทำStrudelสองชนิด คือไส้เนื้อบดหนึ่งอันและแอปเปิ้ลอีกหนึ่ง
เอาเป็นว่าฉันจะข้ามตรงส่วนขั้นตอนการทำไปก็แล้วกัน เพราะอย่างที่บอก สกิลการครัวของฉันมันไม่ค่อยจะมีเอาซะเลย
พอปาร์ตี้เริ่ม ญาติๆของโฮสต์กับเพื่อนๆของมอริทก็ทยอยกันมา ทุกคนพูดกันเป็นภาษาเยอรมัน ฉันก็ได้แต่เดินตามมอริทไม่ก็โฮสต์แม่ เขาจะคอยแนะนำฉันให้รู้จักคนนู้นทีคนนี้ที แต่บอกตามตรงว่าคนไม่สามารถจำได้ทั้งหมดหรอก โดยเฉพาะคนเอเชียที่ไม่ค่อยคุ้นกับคนตะวันตกอย่างฉันแล้ว ทุกคนจึงไม่ค่อยต่างกับฝาแฝดเท่าไหร่
เพื่อนของมอริทมีทั้งหมดสี่คน นาเดีย อิลวา รีเบคก้า และซีอาโก้ นาเดียกับอิลวาเป็นสาวผมบลอนด์ตาฟ้า โดยเฉพาะอิลวา เรียกได้ว่าสวยเลยแหละ หุ่นก็ดี (นี่ไม่ได้อิจเลย)
เมื่อบรรดาเพื่อนๆมาเจอกัน คลื่นภาษาเยอรมันก็สาดใส่ฉันอีกครั้ง ฉันยื่นมองพวกเขาคุยกัน ก็ได่แต่ทำใจ ก็คนมันฟังไม่ออก
แต่แล้วอยู่ๆก็มีแขนหนักๆมาโอบไหล่ฉันและตบเบาๆ
“ขอโทษทีนะทีพวกเขาคุยกันเป็นภาษาเยอรมัน คุณฟังไม่ออกใช่ไหม เหงาหรือเปล่า” มอริทเดินมาข้างๆฉันแล้วถาม
“เอ่อ… ไม่ ไม่ ฉันโอเค” ความจริงแล้วก็เบื่อนิดหน่อย แต่ก็ทนได้นี่
“ป่ะ เข้าไปคุยพร้อมฉัน”
“เอ่อ…” เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งลาก
“เฮ้พวกนาย คุยกันเป็นภาษาอังกฤษไหม พรีมจะได้เข้าใจด้วย” มอริทลากฉันเข้าไปร่วมในวงสนทนาด้วย ฉันรู้สึกเก้อเล็กน้อยเพราะยังไม่ชิน แถมเจอผู้หญิงผมบลอนด์ตาฟ้าทีไรฉันก็ออกจะเกร็งๆทุกที อาจจะเป็นเพราะหนังอเมริกันบางเรื่องละมั้งที่ส่วนมาสาวบลอนด์จะออกหยิ่งๆ แต่เอาจริงๆแล้วก็ไม่ แล้วแต่คนซะมากกว่า
เมื่อท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ด้วยความที่แถวบ้านโฮสต์ออกแนวCountry sideเล็กน้อย (ประมาณยี่สิบนาทีจากตัวเมืองเวียนนา) ทำให้รอบๆมีแต่ทุ่งหญ้าและก็ค่อนข้างมืดสนิทจนเห็นดาวได้ชัดเจนเลย
เฟลิคกับมอริทก็เริ่มหยิบฟืนมากองๆเป็นซุ้มไม้สูงๆ เอากระดาษยัดข้างใต้แล้วจุดไฟ ฉันนึกอยากจะเอาไม้เสียบมาร์ชเมลโล่แล้วมาปิ้งกินกับโกโก้ร้อนอุ่นๆคงจะสบายน่าดู
ฉันกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกองไฟ แต่พอยกโทรศัพท์ขึ้นมาเท่านั้นแหละ
“อ่ะแฮ่ม No phone” เฟลิคกระแอมแล้วบอกยิ้มๆ
“ก็…” กำลังจะเถียง
“เฟลิค เธอแค่จะถ่ายรูปหรอกน่า”
กรี๊ดเลย มอริทช่วยฉันตลอดอ่ะบอกเลย เพราะเขาช่วยฉันเลยได้รูปกองไฟมาสองสามรูป
“เฮ้พรีม นาเดียอยากคุยกับเธอน่ะ” มอริทบอกฉัน
“อ่อ ว่าไง มีอะไรหรอ” ฉันหันไปถามเป็นภาษาอังกฤษ
“ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากคุยกับเธอ แต่ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร” โถ อาการเดียวกัน ฉันก็อยากคุยนะ แต่ก็เข้าใจว่าคนเพิ่งมาเจอกัน ถึงจะมีเรื่องเยอะแยะให้ถาม แต่ก็ยากที่จะหาหัวข้อเรื่องดีๆสักเรื่องมาคุยกันยาวๆ เวลาฉันนั่งกินข้าวกับเพื่อนที่สนิทๆ บางครั้งเราต่างคนต่างก็เล่นโทรศัพท์ ไม่ได้คุยกันมากนักแต่มันก็ไม่ได้อึดอัดเหมือนกับต้องมานั่งเงียบๆเพื่อนึกหาเรื่องคุยกับคนอื่น
แต่ก็เอาเถอะ การจะทำความรู้จักคนสักคนมันก็ต้องให้เวลากับมันหน่อย อีกสิบเดือนข้างหน้าเราอาจจะสนิทกันก็ได้ ใครจะรู้
Diary part
24/08/14
-มีปาร์ตี้ต้อนรับแล้วก็บายมอริท
-เริ่มรู้สึกว่ามานานแล้ว?
-วันๆทำอาหาร พาหมาไปเดิน อยู่บ้าน ว่างอ่ะ จะเล่นโทรศัพท์ตลอดก็เกรงใจ555
ความคิดเห็น