คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 4 (ต่อ) ~ Pair loves
บทที่ 4 (ต่อ)
~ Pair loves
“คุณใช้พลังวิเศษยกนั่นได้หรือเปล่า”
ทิฟฟานีที่ยืนอยู่ตรงบานหน้าต่างเอ่ยถามคนข้างๆด้วยรอยยิ้ม
“ได้สิ แต่ถ้าผมยก คนข้างล่างคงได้สลบกันเป็นแถวแน่”
ลู่หานพูดบอกก่อนจะจ้องมองใบหน้าของทิฟฟานีที่ประดับรอยยิ้มสวยอยู่
“นั่นสิคะ พวกเขาคงจะมองตาค้าง... ว่าแต่ว่าคุณใช้พลังวิเศษยกตัวฉันได้หรือเปล่าคะ”
ทิฟฟานีเอ่ยถามก่อนจะเอียงคอมองลู่หานที่จ้องมองเธออยู่ข้างๆเพื่อรอคำคอบ
“ไม่ต้องใช้พลังวิเศษผมก็ยกได้ครับ”
ยังไม่ทันที่ทิฟฟานีที่กำลังจ้องมองหน้าลู่หานอยู่จะได้เอ่ยถามอะไรออกไป ลู่หานก็ยกตัวเธอขึ้นจากพื้นด้วยการอุ้มเรียบร้อยแล้ว
“คุณทำอะไรคะ! ปล่อยฉันลงนะคะ ตัวฉันหนักอ่ะ อีกอย่างถ้าคนอื่นมาเห็นพวกเขาคงแซวฉันแน่”
ทิฟฟานีบอกอย่างร้อนรน ก่อนที่เธอจะเหลียวหลังไปมองเพื่อนๆของเธอที่นั่งอยู่บนโซฟาซึ่งเหลือเพียงแค่ยุนอาเ ซึ่งยุนอาก็กำลังหันหลังให้เธออยู่ แต่จะมีเพียงชายหนุ่มร่างสูงที่เธอจำได้ว่าเขาชื่อชานยอลนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยุนอา ซึ่งพวกเขาก็เอาแต่มองคนตรงหน้าโดยไม่สนใจเธอ
“ไม่มีใครเห็นหรอกครับ คุณตัวเบาจัง ผมคิดว่าคุณจะหนักกว่านี้ซะอีก”
ลู่หานบอกก่อนจะวางทิฟฟานีลงบนพื้น
“อย่าโกหกซิคะ แล้วก็อย่าเล่นอะไรแบบนี้อีกนะคะ”
ทิฟฟานีบอกหน้ามุ่ย
“ตกลงครับ วันหลังผมจะให้คุณขี่หลัง”
ลู่หานบอกก่อนจะเผยรอยยิ้มหวาน ทิฟฟานีที่ทำหน้ามุ่ยอยู่ตรงหน้าอมยิ้มเล็กๆก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมากับความขี้เล่นของชายหนุ่มน่ารักตรงหน้า
“นี่ นายอย่าขี้โกง ต้องกินให้หมดสิ”
ยุนอาบอกก่อนจะยื่นไวท์แดงส่งให้ชานยอลซึ่งเขากำลังพยายามซดโซจูจากขวดให้หมดอยู่
“นี่... เธอ! อึก ฉันกำลังซดไอ้นี่อยู่เลยนะ เธอยังจะให้ฉันกินไอ้นั่นอีกเหรอ”
ชานยอลที่กระดกโซจูเข้าปากไปจนหมดบอกก่อนจะวางขวดลงแล้วชี้หน้ายุนอาที่กำลังยื่นแก้วไวท์ส่งให้เขาอยู่
“ก็นายแพ้นี่ เพราะฉะนั้นกินเข้าไปเลย”
ยุนอาบอกก่อนจะยื่นแก้วไวท์ไปแตะริมฝีปากของชานยอล ชานยอลขยับหน้าหนีก่อนแยกเขี้ยวใส่แต่เขาก็หยิบแก้วแล้วซดมันเข้าปากเหมือนเดิม
“วันนี้เธอจะต้องเมากลับไปแน่นอน เริ่มใหม่”
ชานยอลบอกก่อนจะเทโซจูใส่แก้วไวท์เต็มแก้ว ก่อนที่เขาจะเริ่มนับเลข
“1 2”ยอล
“3”ยุน
“4 5 6”
“7 8 9”
“10”
“11 12 13”
“14”
“จำไว้ ฉันแพ้นายแค่ครั้งเดียวเท่านั้นล่ะ ฮึ่ย”
“ดื่มซะ”
ชานยอลบอกก่อนจะยื่นแก้วโซจูให้ยุนอา ยุนอารับมันมาก่อนจะกระดกรวดในครั้งเดี๋ยว โดยที่สายตาเธอยังคงมองชานยอลที่ยิ้มหน้าระรื่นด้วยความเคียดแค้นอยู่
“นายเคยหยุดเวลาบ้างหรือเปล่า”
ซูยองเอ่ยถามเทาที่เดินอยู่ข้างๆ
“อืม... ถ้าบนโลกนี่ผมไม่เคยหยุด แต่ในดาวของผม ผมเคยหยุดมันสักสี่ห้าครั้งเห็นจะได้”
เทาบอกก่อนจะกัดไอศกรีมรสวานิลลาเข้าปาก
“งั้นเหรอ ดีเนอะฉันเองก็อยากหยุดเวลาได้เหมือนกัน”
ซูยองบอกก่อนจะตักไอศกรีมช็อกโกแลตเข้าปาก
“แล้วทำไมคุณถึงอยากหยุดเวลาล่ะ”
เทาเอ่ยถามก่อนจะจ้องมองหน้าซูยองที่ตอนนี้หยุดเดิน
“ฉันอยากหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้ ตรงที่พวกเราทั้งเก้าคนอยู่ด้วยกันจนครบ เพราะกว่าพวกเราจะมาเป็นเราแบบนี้เราต้องใช้เวลาเกือบสิบปีเลยล่ะ”
ซูยองบอกก่อนที่เธอจะก้าวเดินไปข้างหน้า
“งั้นผมหยุดเวลาให้เอาไหม”
เทาบอกก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้างๆซูยอง
“งั้นเหรอ... แต่ว่าไม่เอาดีกว่าฉันยังอยากรู้ว่าวันใหม่ๆของพวกเราจะเป็นยังไงบ้าง และฉัน... จะเจอเนื้อคู่หน้าตาดีหรือเปล่า”
ซูยองพูดด้วยรอยยิ้มก่อนที่เธอจะเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“นี่นายรีบเดินมาซิ เดี๋ยวไอศกรีมที่ซื้อมาก็ละลายหมดหรอก”
ซูยองบอกเทาที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ เทาพยักหน้าก่อนจะวิ่งตรงไปหาซูยองและพวกเขาสองคนก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกับแสงไฟสีส้มที่ส่องสว่างข้างทาง
“คุณบินได้จริงๆเหรอคะ”
ยูริที่ก้าวเท้าออกมาจากห้องเอ่ยถามชายหนุ่มร่างสูงที่อยู่ตรงหน้า เขายิ้มเล็กก่อนจะเอ่ยปากตอบ
“อืม ผมบินได้ แต่พลังของผมไม่พิเศษเหมือนคนอื่นๆหรอก”
คริสบอกก่อนจะเดินไปข้างหน้า
“เขาก็ชอบโกหกแบบนี้ล่ะ พลังของเขาน่ะทำให้พวกเราบินได้”
เฉินที่ยืนอยู่ข้างหลังยูริเอ่ยบอก
“ใช่เขาทำให้พวกเราบินได้ แต่เราช่วยให้ใครมีพลังเหมือนเราได้เลยสักคน”
ไคสมทบ
“แต่ดูท่าเขาจะไม่ค่อยชอบพลังวิเศษของตัวเองเลยนะ”
ฮโยยอนที่เดินมากับยูริพูดก่อนจะมองตรงไปยังร่างสูงโปร่งที่หันหลังให้เธอตรงหน้า
“คงจะเป็นเพราะพลังวิเศษของเขาไม่สามารถช่วยสิ่งที่มีค่าสำหรับเขาไว้ได้นะสิ”
ซิ่วหมินบอก
“หมายความว่ายังไงคะ”
ยูริเอ่ยถามก่อนจะจ้องมองซิ่วหมิน
“เรื่องแบบนี้ผมคงพูดไม่ได้หรอกถ้าไม่ใช่ตัวเขาพูดเอง”
ซิ่วหมินบอกก่อนจะเดินตามคริสไป ยูริพยักหน้าน้อยๆก่อนที่เธอจะเดินตามซิ่วหมินไปเช่นกัน
“พวกคุณนี่มีอะไรที่เป็นความลับเยอะจังนะคะ”
ฮโยยอนบอกก่อนจะจ้องมองหน้าไค
“มันแล้วแต่คนครับ”
ไคบอกพร้อมกับรอยยิ้ม
“งั้นเหรอคะ แต่ฉันว่าคุณน่าจะเป็นคนมีความลับเยอะสุดเลยนะคะ”
ฮโยยอนบอกพร้อมกับรอยยิ้ม
“ไม่ใช่นะครับ! สำหรับผมความลับ... ไม่มีอยู่เลยสักนิด”
ไคบอกพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ฮโยยอนพยักหน้าช้าๆอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เอาเป็นว่าความลับของผมไม่มี งั้นเรา... รีบไปให้ทันพวกเขากันเถอะครับ เดี๋ยวถ้าเราไปช้าเราจะไม่ได้ซื้อของที่เราชอบนะครับ”
ไคบอกก่อนจะจับมือฮโยยอนให้เดินตามเขามา โดยที่ใบหน้าของเขาตอนนี้เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อคนข้างๆของเขายังคงจับมือเขาอยู่เช่นกันกับที่เขากำมือเธอไว้แน่น
“โห ห้องของพวกคุณน่าอยู่กว่าที่ฉันคิดซะอีกนะเนี่ย”
เจสสิกาที่เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนกว้างเอ่ยบอก
“นั่นสิ เตียงนอนสองชั้นแบบนี้เราน่าจะมีบ้าง แต่นั่น...น่ารักจังเลย”
แทยอนที่เดินตามเจสสิกาเข้ามาเอ่ยบอกก่อนที่เธอจะกระโจนเข้าไปหาตุ๊กตาถั่วสีชมพูที่วางอยู่บนเตียงในทันที
“นั่นมันตุ๊กตาของแบคฮยอนครับ”
ซูโฮที่ยืนอยู่ข้างๆบานประตูเอ่ยบอก
“เอ่อ... คือ... ผมพึ่งซื้อมาน่ะครับเห็นมันน่ารักดี คุณชอบมันเหรอครับ”
แบคฮยอนที่ยืนอยู่ข้างซูโฮเอ่ยถามแทยอน
“ค่ะ มันน่ารักมากเลย ฉันเคยเห็นแต่ตัวสีเขียว แต่นี่เป็นสีชมพู”
แทยอนบอกก่อนจะจ้องมองตุ๊กตาถั่วสีชมพูด้วยความหลงใหล
“งั้น ผมให้ครับเอาไปได้เลยครับ”
แบคฮยอนบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง
“จริงเหรอคะ ฉันจะนอนกอดมันทุกวันเลยค่ะ”
แทยอนบอกก่อนจะหอมตุ๊กตาถั่วสีชมพูด้วยความรัก แบคฮยอนจ้องมองเธอก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาเช่นกัน
“ไอ้นี่มันคือรูปอะไรคะ”
เจสสิกาที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งสีขาวเอ่ยถามพร้อมกับสร้อยรูปร่างประหลาดที่อยู่ในมือ
“นั่นสร้อยผมเองครับ มันเป็นรูปหยดน้ำน่ะ”
ซูโฮบอกก่อนจะเดินเข้าไปหาเจสสิกาที่พยักหน้าให้เขา
“ผมมีเส้นเล็กๆด้วยนะครับ นี่ไง”
ซูโฮที่เดินเข้าไปหาเจสสิกาบอกก่อนจะหยิบสร้อยเส้นเล็กจากลิ้นชักยื่นให้เจสสิกา
“โห สวยกว่าอันเมื่อกี้อีกค่ะ คุณได้พวกนี้มาจากไหนเหรอคะ”
เจสสิกาเอ่ยถามโดยที่สายตาของเธอยังคงจ้องมองสร้อยเส้นเล็กที่มีจี้หยดน้ำประหลาดอยู่อย่างชื่นชม
“พ่อของผมให้มาน่ะครับ แต่พวกเราทุกคนก็มีสร้อยติดตัวสองเส้นมาเหมือนกันทั้งนั้น เส้นหนึ่งเป็นของพวกเราและอีกเส้น... ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นของใคร”
ซูโฮบอกก่อนที่เขาจะหยิบสร้อยที่วางอยู่ขึ้นมาสวม เจสสิกาพยักหน้าก่อนที่เธอจะยื่นสร้อยเส้นนั้นให้ซูโฮเก็บไว้ในลิ้นชักเช่นเดิม
“ให้ผมเหรอครับ”
ดีโอเอ่ยถามเมื่อน้ำส้มถูกยื่นมาตรงหน้าเขา
“ค่ะ ลองชิมดู ฉันไม่ค่อยได้ทำมันบ่อยไม่รู้ว่ามันจะอร่อยหรือเปล่า”
ซันนี่ที่ถือน้ำส้มมาอีกแก้วเอ่ยบอกก่อนที่เธอจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่วางอยู่หลายตัวรอบโต๊ะอาหาร
“ห้องครัวของคุณสวยดีนะคะ ดูเรียบร้อยมากๆเลย”
ซันนี่บอกก่อนจะไล่มองรอบๆห้องอย่างชื่นชม
“คือ พวกเราเพิ่งมาอยู่ที่นี่สองวันน่ะครับ ก็เลยไม่ได้ใช้อะไรมากมันก็เลยยังเรียบร้อยอยู่”
ดีโอบอกก่อนจะนั่งลงข้างๆซันนี่
“งั้นเหรอคะ แต่ว่าพวกคุณอยู่ที่นี่ครบสิบสองคนเลยเหรอคะ”
ซันนี่เอ่ยถาม
“ครับ แต่บางครั้งพวกเราบางคนก็ออกไปสำรวจรอบๆที่นี่พวกเราก็เลยไม่ค่อยได้อยู่กันครบสิบสองคนเท่าไร”
ดีโอบอกก่อนจะยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม
“มันอร่อยไหมคะ”
ซันนี่เอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้ม
“น่ารักครับ... เอ่อคือ... อร่อยครับ มันหวานดีน่ะครับ”
ดีโอบอกก่อนจะยกน้ำส้มขึ้นจิบด้วยความอายในสิ่งที่ตนพูด โดยเขาไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าอมยิ้มกับความน่ารักของเขาแค่ไหน
“งั้นสายลมที่พัดแรงวันนั้นก็ฝีมือคุณเหรอคะ”
ซอฮยอนที่ยืนเกาะขอบระเบียงเอ่ยถามคนข้างๆ
“ใช่”
เซฮุนที่ยืนข้างๆซอฮยอนตอบสั้นๆ
“คุณใช้มันเพื่ออะไรเหรอคะ”
ซอฮยอนเอ่ยถามก่อนจะจ้องมองเซฮุนด้วยรอยยิ้ม
“... ผมใช้มันเพื่อหาพลังร้ายที่อยู่บนโลกแล้วก็... ใช้มันเพื่อให้รู้สึกสบายใจ”
เซฮุนนิ่งเงียบก่อนจะเอ่ยปากตอบ พร้อมกับที่เขาหันหน้ามองซอฮยอนที่ก็กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน
“คุณใช้พลังวิเศษเพื่อให้ตัวเองสบายใจ แต่คุณทำให้ที่นี่เกิดพายุและทุกคนก็เดือดร้อน”
“...”
เซฮุนนิ่งเงียบเมื่อซอฮยอนพูดออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ไม่พอใจเขา
“ฉันคิดว่าคุณใช้พลังในทางที่ดีกว่าพลังร้ายพวกนั้นซะอีก”
ซอฮยอนบอกก่อนจะหันหลังเอื้อมมือไปเปิดบานประตู
“ผมไม่ได้ใช้พลังในทางที่ผิดเหมือนกับพวกนั้น”
เซฮุนพูดบอกพร้อมกับเอื้อมมือกระชากซอฮยอนเข้าหาตัว
“คุณไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้”
เซฮุนบอกแค่นั้นก่อนที่เขาจะปล่อยแขนซอฮยอนให้เป็นอิสระ และไม่ทันที่ซอฮยอนจะได้พูดอะไรออกไปเซฮุนก็ใช้พลังวิเศษหายตัวไปพร้อมกับสายลมที่ปะทะโดนตัวซอฮยอนวูบหนึ่ง
………………………………
ความคิดเห็น