ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO & SNSD มหัศจรรย์รักข้ามดวงดาว

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 3 ลม ไฟ คืออะไร?

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 56



    บทที่ 3

    ลม ไฟ คืออะไร?

     

              เมื่อหญิงสาวทั้งเก้าเหยียบเท้าเข้ามาภายในห้องกว้าง ภาพตรงหน้าก็ปรากฏเป็นงานปาร์ตี้วันเกิดสุดหรู รอบห้องถูกประดับตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีที่ตอนนี้มันกำลังลอยอยู่บนเพดานสูงมากกว่าสามสิบลูก ริบบิ้นสีส้มและสีขาวที่ห้อยละโยงละยางอยู่เต็มห้อง หลอดไฟเล็กๆหลากสีถูกม้วนอยู่กับสิ่งของทุกอย่างภายในห้อง ซึ่งข้างๆห้องทางด้านซ้ายมีป้ายใหญ่สีขาวที่ถูกเขียนไว้ด้วยตัวอักษรสีส้มว่า ‘HAPPY BIRTHDAY SEHUN’ โดยเค้กก้อนโตถูกวางอยู่บนโต๊ะสูง รูปร่างของมันคล้ายปราสาทในนิยายรัก แต่สีของมันคือสีน้ำตาลช็อกโกแลต และมันถูกประดับด้วยเยลลี่หลากหลายสี อาหารและเครื่องดื่มวางเรียงอยู่บนโต๊ะยาวขนาดสองเมตร และมันเต็มไปด้วยอาหารราคาแพงที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี แทยอนและคนอื่นๆมองทุกสิ่งทุกอย่างในห้องด้วยความตื่นตะลึงเพราะปาร์ตี้วันเกิดเบื้องหน้านี้ดูสวยงามกว่าปาร์ตี้วันเกิดของพวกเธอเป็นไหนๆ

              “มันดูแปลกเหรอครับ”

              ซิ่วหมินเอ่ยถามขึ้นเมื่อเธอทั้งเก้าคนเอาแต่ยืนนิ่ง

    “เอ่อ... เปล่าค่ะ”

    แทยอนที่ยืนอยู่หน้าสุดเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ซิ่วหมินพยักหน้าก่อนจะบอกให้แทยอนและคนอื่นๆนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ยาวสีขาวสะอาดที่วางอยู่สองตัวกลางห้อง ซึ่งมันถูกตั้งอยู่คนละฝั่งโดยมีเค้กวางคั่นกลางอยู่

    “อนนี่ทำไมมันดูอลังการจังเลยคะ”

    ซอฮยอนสะกิดถามฮโยยอนที่อยู่ข้างๆด้วยน้ำเสียงเบา

    “ไม่รู้สิ พวกเขาคงจะรักมักเน่มากละมั้ง”

    ฮโยยอนบอกก่อนจะหันไปมองหนุ่มๆที่นั่งและยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งกำลังหยอกล้อกันด้วยรอยยิ้มอยู่

    “งั้นอนนี่ไม่รักหนูเหรอคะ”

    ซอฮยอนเอ่ยถามด้วยใบหน้าน้อยใจ

    “ไม่”

    ฮโยยอนบอกก่อนจะหัวเราะ

    “พวกเขาดูสนิทกันมากเลยเนอะ”

    ซันนี่ที่นั่งอยู่ข้างๆซอฮยอนเอ่ยขึ้น

    “นั่นสิ ดูสนิทกันเหมือนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดเลย”

    ทิฟฟานีที่นั่งข้างๆซันนี่เอ่ยสมทบก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มทั้งสิบสองที่กำลังจัดเตรียมอาหารและน้ำด้วยกันอย่างสนิทสนม

    “หรือพวกเขาจะเป็นพี่น้องกัน”

    เจสสิกาที่นั่งอยู่ข้างๆฮโยยอนพูดขึ้น

    “เจสสิกาเธอใช้สมองคิดจริงๆหรือเปล่า ดูหน้าตาพวกเขาก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่ใช่พี่น้องกัน”

    ยูริที่นั่งอยู่ข้างๆเจสสิกาบอก

    “นี่ ฉันก็แค่ลองเดาดูเท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องว่าฉันโง่เลย”

    เจสสิกาบอกพลางทำหน้ามุ่ยเล็กๆ

    “ก็อนนี่พูดออกมาเหมือนไม่ใช้สมองเองนี่”

    ยุนอาซึ่งนั่งถัดจากซูยองบอกจะยิ้มน้อยๆ

    “นี่ เธออยากตายหรือไงยัยมักเน่คนที่สอง เดี๋ยวก็ตีตูดสั่งสอนซะเลยนี่”

    เจสสิกาบอกก่อนจะชี้หน้ายุนอา

    “อนนี่อ่ะ หนูก็แค่พูดเล่นเท่านั้นเอง”

    ยุนอาบอกด้วยใบหน้าเศร้าก่อนที่เธอจะเอียงคอไปวางบนไหล่ซูยอง

    “พูดแบบนี้เป็นฉันก็โกรธ”

    ซูยองบอกก่อนจะเขกหัวยุนอาเบาๆ เจสสิกาที่นั่งมองอยู่จึงหัวเราะน้อยๆ

     

    “ฉันตื่นเต้นว่ะ”

    เสียงของไคที่ดังขึ้นเรียกความสนใจของคนที่ยืนอยู่ข้างๆทันที

    “นายตื่นเต้นอะไร”

    ดีโอที่ยืนอยู่ข้างๆไคเอ่ยถาม

    “ก็ฉันเห็นสาวๆมานั่งมองอยู่แบบนี้ก็ตื่นเต้นดิวะ นายไม่ตื่นเต้นหรือไง”

    ไคเอ่ยถามก่อนที่เขาจะหันสายตาไปมองสาวสวยหนึ่งคนที่เขารู้สึกถูกใจสุดๆ

    “ตื่นเต้นดิ แต่ยัยนั่นเอาแต่จ้องฉันเหมือนจะฆ่าให้ได้”

    ชานยอลที่ยืนอยู่ด้านหลังไคเอ่ยสมทบก่อนที่เขาจะจ้องมองสาวสวยที่กำลังมองเขาอย่างไม่เป็นมิตร

    “สมควร เป็นฉันๆก็โกรธทั้งเสียงดังแถมยังไปโกหกเธออีก”

    ลู่หานที่ยืนอยู่ข้างๆชานยอลบอกก่อนจะที่เขาจะหันไปมองรอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่มันดูสวยซะจนเขาแทบจะละลาย

    “ใช่ นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอเกรงใจพี่ๆแล้วก็พวกเรานะ ฉันว่านายโดนเตะก้านคอชัวร์”

    ซูโฮบอกก่อนที่เขาจะมองหญิงสาวหน้าเรียวที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่

    “จริง เพราะดูจากใบหน้าเธอแล้ว ถ้าอยู่กับเธอสองคนคงไม่รอด”

    เลย์ที่ยืนข้างๆลู่หานบอก

    “ไม่รอดที่ว่านี่หมายความว่ายังไง”

    ชานยอลเอ่ยถามเลย์

    “ก็หมายความว่า นายจะตายด้วยน้ำมือเธอไง”

    แบคฮยอนที่นั่งอยู่บนโซฟาบอกเสียงเบา

    “นายพูดถูก”

    เทาบอกก่อกจะไฮไฟว์กับแบคฮยอน

    “เอาน่า เลิกทับถมชานยอลได้แล้ว รีบไปจุดเทียนก่อนดีกว่า เพราะไม่งั้นเซฮุนคงได้อารมณ์เสียแล้วหนีเข้าห้องไปแน่”

    ซิ่วหมินเอ่ยบอกก่อนที่ทุกคนจะหันสายตาไปยังเซฮุนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่พวกเขารู้ดีว่าเซฮุนกำลังอารมณ์เสียสุดขีด

    “งั้นก็ไปจุดไฟสิ เอาแต่พูดอยู่ได้”

    คริสที่นั่งอยู่บนโซฟาเอ่ยบอกก่อนจะหันสายตามองไปยังหญิงสาวหน้าสวยที่กำลังหัวเราะอยู่

    “ชานยอลนายไปจุดสิ”

    ซิ่วหมินบอก ชานยอลพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเดินตรงไปยังเค้กก้อนโตที่วางอยู่ตรงหน้า ก่อนที่เขาจะใช้พลังจุดเทียน

    พรึบ

    แสงไฟจากเทียนทั้งหมดสว่างขึ้นในทันที ชานยอลยิ้มเล็กกับแสงไฟที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่เขาจะหันหน้าไปคุยกับไคโดยที่เขาไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งมองเห็นการกระทำที่เขาทำเมื่อสักครู่

    “ซูยองเธอเห็นนั่นไหม”

    เจสสิกาที่นั่งข้างๆซูยองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนที่เธอจะชี้นิ้วไปยังเค้กก้อนโตที่มีเทียนสิบเก้าเล่มถูกจุดอยู่

    “เห็นอะไร”

    ซูยองเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ

    “ก็... ก็เขาคนนั้น เขาใช้มือจุดไฟนะสิ”

    เจสสิกาบอกก่อนที่จะชี้ไปยังชานยอลที่หันหลังให้พวกเธออยู่

    “อนนี่พูดอะไรแปลกๆ คนเราจะใช้มือจุดไฟได้ยังไง”

    ยุนอาที่นั่งฟังอยู่บอกด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจ ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปมองแสงไฟจากเทียนที่ถูกจุดสลับกับมองชานยอลที่หันหลังให้เธออยู่

    “คงจะตาฝาดละมั้ง”

    “นั่นสิ อนนี่ก็เป็นอย่างนี้ทุกทีไม่ใช่หรือไง”

    ซูยองและยุนอาบอกเจสสิกาก่อนที่เธอสองคนจะหันหน้าไปคุยกันสองคน

    “แต่ฉันไม่ได้ตาฝาดจริงๆนะ”

    เจสสิกาพูดเสียงเบาก่อนที่เธอจะหันสายตามองไปยังชานยอลที่กำลังคุยอยู่กับเพื่อนๆของเขาด้วยความสนุกสนานอยู่ เจสสิกาคิดในใจ พวกนายเป็นใครกันแน่

     

    ~happy birthday to you ~happy birthday to you ~happy birthday happy birthday… happy birthday to you…

    เสียงร้องเพลงจากเก้าสาวดังขึ้นเมื่อไฟดับลง ชายหนุ่มทั้งสิบสองที่ยืนล้อมเค้กอยู่ถึงกับนิ่งค้าง เสียงพวกเธอใสกังวานเพราะจับใจ พวกเขาไม่ได้รับรู้อะไรนอกจากเสียงใสและใบหน้าขาวใสงดงามที่เปล่งประกายความงามยิ่งกว่าแสงเทียน เซฮุนที่ตอนแรกรู้สึกอารมณ์เสียตอนนี้เขารู้สึกดีกับมันมากๆ ใบหน้านิ่งเฉยค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเล็กๆที่ถ้าไม่สังเกตไม่มีวันได้เห็นมัน

    “อธิษฐานสิ”

    แทยอนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดกับทิฟฟานีและซอฮยอนเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม เซฮุนพยักหน้าก่อนที่เขาจะหลับตาลงอธิฐาน

    “เป่าเทียนเลยสิ เอาให้ดับในครั้งเดียวนะเพราะคำอธิฐานของเธอจะได้เป็นจริง”

    ทิฟฟานีบอกก่อนจะยิ้มเล็กๆให้เซฮุน เซฮุนพยักหน้าก่อนที่เขาจะขยับไปใกล้เทียนมากกว่าเก่า

    พรึบ

    แสงไฟดับในพริบตาก่อนที่ไฟจะสว่างในห้องจะสว่างขึ้นมา เค้กก้อนโตยังคงสวยงามเช่นเดิมแต่ตอนนี้มีเทียนที่แสงไฟดับลงปักอยู่ ทุกคนต่างเผยรอยยิ้มออกมา จะยกเว้นก็แต่แทยอน ซอฮยอนและทิฟฟานียืนนิ่งงันแม้แสงไฟจะสว่างแล้วก็ตาม

    “แทยอน ซอฮยอน ทิฟฟานีเป็นอะไร”

    ฮโยยอนที่ยืนอยู่ด้านหลังสะกิดถามแทยอนด้วยน้ำเสียงเบา แทยอนยังคงยืนนิ่งและมองหน้าเซฮุนเหมือนๆกับทิฟฟานีและซอฮยอน

    “ทำไม.. ทำไมนายถึงทำแบบนั้นได้”

    ซอฮยอนที่ยืนอยู่ข้างๆทิฟฟานีเอ่ยถามด้วยใบหน้าตื่นตกใจ

    “...”

    เซฮุนยืนนิ่ง

    “เขาทำไมซอฮยอน”

    เจสสิกาที่ยืนอยู่ด้านหลังเดินมายืนอยู่ข้างๆซอฮยอนก่อนจะเอ่ยปากถาม

    “เขา... เขาใช้มือดับไฟ เขาแค่วางมือเหนือเทียนแค่นั้นไฟก็ดับลง นายทำได้ยังไง”

    ซอฮยอนเอ่ยบอกเจสสิกาก่อนจะเอ่ยปากถามเซฮุนอีกครั้ง

    “เอ่อ.... คง... คงจะมีอะไรที่เข้าใจกันผิดแน่ๆ เซ... เซฮุนคงทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก”

    ซูโฮเอ่ยบอกทุกคนด้วยน้ำเสียงลนลานน้อยๆ

    “นั่นสิ พวกคุณคงจะตาฝาดกันไปละมั้งครับ”

    ไคเอ่ยสมทบก่อนจะหันไปมองชานยอลและทุกคนที่ยืนนิ่งอยู่

    “ฉันว่าซอฮยอนคงไม่ได้ตาฝาดไปหรอกค่ะ เพราะนอกจากเซฮุนที่ใช้มือดับไฟแล้ว...คุณ!

    เจสสิกาพูดก่อนจะชี้ไปยังชานยอล เขาถึงกับสะดุ้งโหยง

    “คุณใช้มือจุดไฟ”

    เจสสิกาบอกเสียงเรียบ

    “พวกคุณเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงทำแบบนั้นได้”

    เจสสิกาเอ่ยด้วยใบหน้าสงสัย

    “เอ่อ...คือ คือว่า...”

    ซูโฮ

    “การกระทำของพวกคุณมันดูประหลาดซะจนฉันคิดว่าตัวเองอาจจะฝันไป อธิบายให้พวกเราเข้าใจได้หรือเปล่าคะ มันเป็นมายากลหรือพวกคุณมีอะไรบางอย่างที่สามารถเรียกลมหรือไฟได้”

    แทยอนเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย

    “พวกคุณจะอยากรู้มันไปทำไม”

    คริสที่ยืนอยู่หลังสุดเอ่ยบอก

    “จะเป็นมายากลหรือพลังวิเศษอะไรผมก็ไม่มีวันเกี่ยวข้องกับพวกคุณหรอก วางใจเถอะ”

    คริสบอกก่อนจะจ้องมองแทยอนด้วยใบหน้าเรียบเฉย

    “ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา แต่อย่างน้อยพวกเราก็สมควรได้รู้ว่ามันคืออะไร”

    ซันนี่ที่อยู่ด้านหลังแทยอนเอ่ยบอก

    “ใช่ เพราะพวกคุณคือคนที่อยู่ข้างๆห้องพวกเรา ถ้าคุณได้อยู่ข้างๆห้องที่มีอะไรประหลาดๆแบบนี้คุณจะยังอยู่เฉยไม่สงสัยอะไรได้งั้นเหรอ”

    ฮโยยอนเอ่ยสมทบ

    “จริงด้วย ก็แค่บอกพวกเรามาว่าสิ่งที่คุณทำมันมาจากอะไรก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นว่าคุณจะต้องกลัวอะไรเลย”

    ยูริบอกก่อนจะจ้องหน้าคริสที่ยังคงใบหน้าเรียบเฉยอยู่

    “อนนี่พวกเขาจะใช้มือดับไฟแล้วก็จุดไฟได้จริงๆเหรอ”

    ยุนอาที่ยืนอยู่ข้างซูยองกระซิบถามเสียงเบา

    “ไม่รู้สิ แต่ถ้าแทยอนกับซอฮยอนเห็นก็แสดงว่าพวกเขาทำมันจริงๆละมั้ง”

    ซูยองบอกก่อนจะไล่มองหน้าชายหนุ่มทั้งสิบสองคนที่เอาแต่นิ่งงันอยู่

     

    “ความแตกจนได้”

    แบคฮยอนที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดเอ่ยบอกเสียงเบา

    “เพราะพวกนายไง”

    เทาพูดก่อนจะมองหน้าแบคฮยอน

    “เป็นอย่างนี้แล้วเราจะทำยังไงดี”

    ลู่หานเอ่ยถามขึ้น

    “จะทำอะไรได้ ความลับครั้งนี้ก็คงจะปิดไม่มิดอีกแล้วล่ะ”

    เฉินบอก

     

    ........................................................

    ติดตามตอนต่อไป

    ความลับที่ถูกเปิดเผย...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×