คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 3 ลม ไฟ คืออะไร?
บทที่ 3
ลม ไฟ คืออะไร?
เมื่อหญิงสาวทั้งเก้าเหยียบเท้าเข้ามาภายในห้องกว้าง ภาพตรงหน้าก็ปรากฏเป็นงานปาร์ตี้วันเกิดสุดหรู รอบห้องถูกประดับตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีที่ตอนนี้มันกำลังลอยอยู่บนเพดานสูงมากกว่าสามสิบลูก ริบบิ้นสีส้มและสีขาวที่ห้อยละโยงละยางอยู่เต็มห้อง หลอดไฟเล็กๆหลากสีถูกม้วนอยู่กับสิ่งของทุกอย่างภายในห้อง ซึ่งข้างๆห้องทางด้านซ้ายมีป้ายใหญ่สีขาวที่ถูกเขียนไว้ด้วยตัวอักษรสีส้มว่า ‘HAPPY BIRTHDAY SEHUN’ โดยเค้กก้อนโตถูกวางอยู่บนโต๊ะสูง รูปร่างของมันคล้ายปราสาทในนิยายรัก แต่สีของมันคือสีน้ำตาลช็อกโกแลต และมันถูกประดับด้วยเยลลี่หลากหลายสี อาหารและเครื่องดื่มวางเรียงอยู่บนโต๊ะยาวขนาดสองเมตร และมันเต็มไปด้วยอาหารราคาแพงที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี แทยอนและคนอื่นๆมองทุกสิ่งทุกอย่างในห้องด้วยความตื่นตะลึงเพราะปาร์ตี้วันเกิดเบื้องหน้านี้ดูสวยงามกว่าปาร์ตี้วันเกิดของพวกเธอเป็นไหนๆ
“มันดูแปลกเหรอครับ”
ซิ่วหมินเอ่ยถามขึ้นเมื่อเธอทั้งเก้าคนเอาแต่ยืนนิ่ง
“เอ่อ... เปล่าค่ะ”
แทยอนที่ยืนอยู่หน้าสุดเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ซิ่วหมินพยักหน้าก่อนจะบอกให้แทยอนและคนอื่นๆนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ยาวสีขาวสะอาดที่วางอยู่สองตัวกลางห้อง ซึ่งมันถูกตั้งอยู่คนละฝั่งโดยมีเค้กวางคั่นกลางอยู่
“อนนี่ทำไมมันดูอลังการจังเลยคะ”
ซอฮยอนสะกิดถามฮโยยอนที่อยู่ข้างๆด้วยน้ำเสียงเบา
“ไม่รู้สิ พวกเขาคงจะรักมักเน่มากละมั้ง”
ฮโยยอนบอกก่อนจะหันไปมองหนุ่มๆที่นั่งและยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งกำลังหยอกล้อกันด้วยรอยยิ้มอยู่
“งั้นอนนี่ไม่รักหนูเหรอคะ”
ซอฮยอนเอ่ยถามด้วยใบหน้าน้อยใจ
“ไม่”
ฮโยยอนบอกก่อนจะหัวเราะ
“พวกเขาดูสนิทกันมากเลยเนอะ”
ซันนี่ที่นั่งอยู่ข้างๆซอฮยอนเอ่ยขึ้น
“นั่นสิ ดูสนิทกันเหมือนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดเลย”
ทิฟฟานีที่นั่งข้างๆซันนี่เอ่ยสมทบก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มทั้งสิบสองที่กำลังจัดเตรียมอาหารและน้ำด้วยกันอย่างสนิทสนม
“หรือพวกเขาจะเป็นพี่น้องกัน”
เจสสิกาที่นั่งอยู่ข้างๆฮโยยอนพูดขึ้น
“เจสสิกาเธอใช้สมองคิดจริงๆหรือเปล่า ดูหน้าตาพวกเขาก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่ใช่พี่น้องกัน”
ยูริที่นั่งอยู่ข้างๆเจสสิกาบอก
“นี่ ฉันก็แค่ลองเดาดูเท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องว่าฉันโง่เลย”
เจสสิกาบอกพลางทำหน้ามุ่ยเล็กๆ
“ก็อนนี่พูดออกมาเหมือนไม่ใช้สมองเองนี่”
ยุนอาซึ่งนั่งถัดจากซูยองบอกจะยิ้มน้อยๆ
“นี่ เธออยากตายหรือไงยัยมักเน่คนที่สอง เดี๋ยวก็ตีตูดสั่งสอนซะเลยนี่”
เจสสิกาบอกก่อนจะชี้หน้ายุนอา
“อนนี่อ่ะ หนูก็แค่พูดเล่นเท่านั้นเอง”
ยุนอาบอกด้วยใบหน้าเศร้าก่อนที่เธอจะเอียงคอไปวางบนไหล่ซูยอง
“พูดแบบนี้เป็นฉันก็โกรธ”
ซูยองบอกก่อนจะเขกหัวยุนอาเบาๆ เจสสิกาที่นั่งมองอยู่จึงหัวเราะน้อยๆ
“ฉันตื่นเต้นว่ะ”
เสียงของไคที่ดังขึ้นเรียกความสนใจของคนที่ยืนอยู่ข้างๆทันที
“นายตื่นเต้นอะไร”
ดีโอที่ยืนอยู่ข้างๆไคเอ่ยถาม
“ก็ฉันเห็นสาวๆมานั่งมองอยู่แบบนี้ก็ตื่นเต้นดิวะ นายไม่ตื่นเต้นหรือไง”
ไคเอ่ยถามก่อนที่เขาจะหันสายตาไปมองสาวสวยหนึ่งคนที่เขารู้สึกถูกใจสุดๆ
“ตื่นเต้นดิ แต่ยัยนั่นเอาแต่จ้องฉันเหมือนจะฆ่าให้ได้”
ชานยอลที่ยืนอยู่ด้านหลังไคเอ่ยสมทบก่อนที่เขาจะจ้องมองสาวสวยที่กำลังมองเขาอย่างไม่เป็นมิตร
“สมควร เป็นฉันๆก็โกรธทั้งเสียงดังแถมยังไปโกหกเธออีก”
ลู่หานที่ยืนอยู่ข้างๆชานยอลบอกก่อนจะที่เขาจะหันไปมองรอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่มันดูสวยซะจนเขาแทบจะละลาย
“ใช่ นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอเกรงใจพี่ๆแล้วก็พวกเรานะ ฉันว่านายโดนเตะก้านคอชัวร์”
ซูโฮบอกก่อนที่เขาจะมองหญิงสาวหน้าเรียวที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่
“จริง เพราะดูจากใบหน้าเธอแล้ว ถ้าอยู่กับเธอสองคนคงไม่รอด”
เลย์ที่ยืนข้างๆลู่หานบอก
“ไม่รอดที่ว่านี่หมายความว่ายังไง”
ชานยอลเอ่ยถามเลย์
“ก็หมายความว่า นายจะตายด้วยน้ำมือเธอไง”
แบคฮยอนที่นั่งอยู่บนโซฟาบอกเสียงเบา
“นายพูดถูก”
เทาบอกก่อกจะไฮไฟว์กับแบคฮยอน
“เอาน่า เลิกทับถมชานยอลได้แล้ว รีบไปจุดเทียนก่อนดีกว่า เพราะไม่งั้นเซฮุนคงได้อารมณ์เสียแล้วหนีเข้าห้องไปแน่”
ซิ่วหมินเอ่ยบอกก่อนที่ทุกคนจะหันสายตาไปยังเซฮุนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่พวกเขารู้ดีว่าเซฮุนกำลังอารมณ์เสียสุดขีด
“งั้นก็ไปจุดไฟสิ เอาแต่พูดอยู่ได้”
คริสที่นั่งอยู่บนโซฟาเอ่ยบอกก่อนจะหันสายตามองไปยังหญิงสาวหน้าสวยที่กำลังหัวเราะอยู่
“ชานยอลนายไปจุดสิ”
ซิ่วหมินบอก ชานยอลพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเดินตรงไปยังเค้กก้อนโตที่วางอยู่ตรงหน้า ก่อนที่เขาจะใช้พลังจุดเทียน
พรึบ
แสงไฟจากเทียนทั้งหมดสว่างขึ้นในทันที ชานยอลยิ้มเล็กกับแสงไฟที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่เขาจะหันหน้าไปคุยกับไคโดยที่เขาไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งมองเห็นการกระทำที่เขาทำเมื่อสักครู่
“ซูยองเธอเห็นนั่นไหม”
เจสสิกาที่นั่งข้างๆซูยองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนที่เธอจะชี้นิ้วไปยังเค้กก้อนโตที่มีเทียนสิบเก้าเล่มถูกจุดอยู่
“เห็นอะไร”
ซูยองเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็... ก็เขาคนนั้น เขาใช้มือจุดไฟนะสิ”
เจสสิกาบอกก่อนที่จะชี้ไปยังชานยอลที่หันหลังให้พวกเธออยู่
“อนนี่พูดอะไรแปลกๆ คนเราจะใช้มือจุดไฟได้ยังไง”
ยุนอาที่นั่งฟังอยู่บอกด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจ ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปมองแสงไฟจากเทียนที่ถูกจุดสลับกับมองชานยอลที่หันหลังให้เธออยู่
“คงจะตาฝาดละมั้ง”
“นั่นสิ อนนี่ก็เป็นอย่างนี้ทุกทีไม่ใช่หรือไง”
ซูยองและยุนอาบอกเจสสิกาก่อนที่เธอสองคนจะหันหน้าไปคุยกันสองคน
“แต่ฉันไม่ได้ตาฝาดจริงๆนะ”
เจสสิกาพูดเสียงเบาก่อนที่เธอจะหันสายตามองไปยังชานยอลที่กำลังคุยอยู่กับเพื่อนๆของเขาด้วยความสนุกสนานอยู่ เจสสิกาคิดในใจ พวกนายเป็นใครกันแน่
~happy birthday to you ~happy birthday to you ~happy birthday happy birthday… happy birthday to you…
เสียงร้องเพลงจากเก้าสาวดังขึ้นเมื่อไฟดับลง ชายหนุ่มทั้งสิบสองที่ยืนล้อมเค้กอยู่ถึงกับนิ่งค้าง เสียงพวกเธอใสกังวานเพราะจับใจ พวกเขาไม่ได้รับรู้อะไรนอกจากเสียงใสและใบหน้าขาวใสงดงามที่เปล่งประกายความงามยิ่งกว่าแสงเทียน เซฮุนที่ตอนแรกรู้สึกอารมณ์เสียตอนนี้เขารู้สึกดีกับมันมากๆ ใบหน้านิ่งเฉยค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเล็กๆที่ถ้าไม่สังเกตไม่มีวันได้เห็นมัน
“อธิษฐานสิ”
แทยอนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดกับทิฟฟานีและซอฮยอนเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม เซฮุนพยักหน้าก่อนที่เขาจะหลับตาลงอธิฐาน
“เป่าเทียนเลยสิ เอาให้ดับในครั้งเดียวนะเพราะคำอธิฐานของเธอจะได้เป็นจริง”
ทิฟฟานีบอกก่อนจะยิ้มเล็กๆให้เซฮุน เซฮุนพยักหน้าก่อนที่เขาจะขยับไปใกล้เทียนมากกว่าเก่า
พรึบ
แสงไฟดับในพริบตาก่อนที่ไฟจะสว่างในห้องจะสว่างขึ้นมา เค้กก้อนโตยังคงสวยงามเช่นเดิมแต่ตอนนี้มีเทียนที่แสงไฟดับลงปักอยู่ ทุกคนต่างเผยรอยยิ้มออกมา จะยกเว้นก็แต่แทยอน ซอฮยอนและทิฟฟานียืนนิ่งงันแม้แสงไฟจะสว่างแล้วก็ตาม
“แทยอน ซอฮยอน ทิฟฟานีเป็นอะไร”
ฮโยยอนที่ยืนอยู่ด้านหลังสะกิดถามแทยอนด้วยน้ำเสียงเบา แทยอนยังคงยืนนิ่งและมองหน้าเซฮุนเหมือนๆกับทิฟฟานีและซอฮยอน
“ทำไม.. ทำไมนายถึงทำแบบนั้นได้”
ซอฮยอนที่ยืนอยู่ข้างๆทิฟฟานีเอ่ยถามด้วยใบหน้าตื่นตกใจ
“...”
เซฮุนยืนนิ่ง
“เขาทำไมซอฮยอน”
เจสสิกาที่ยืนอยู่ด้านหลังเดินมายืนอยู่ข้างๆซอฮยอนก่อนจะเอ่ยปากถาม
“เขา... เขาใช้มือดับไฟ เขาแค่วางมือเหนือเทียนแค่นั้นไฟก็ดับลง นายทำได้ยังไง”
ซอฮยอนเอ่ยบอกเจสสิกาก่อนจะเอ่ยปากถามเซฮุนอีกครั้ง
“เอ่อ.... คง... คงจะมีอะไรที่เข้าใจกันผิดแน่ๆ เซ... เซฮุนคงทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก”
ซูโฮเอ่ยบอกทุกคนด้วยน้ำเสียงลนลานน้อยๆ
“นั่นสิ พวกคุณคงจะตาฝาดกันไปละมั้งครับ”
ไคเอ่ยสมทบก่อนจะหันไปมองชานยอลและทุกคนที่ยืนนิ่งอยู่
“ฉันว่าซอฮยอนคงไม่ได้ตาฝาดไปหรอกค่ะ เพราะนอกจากเซฮุนที่ใช้มือดับไฟแล้ว...คุณ!”
เจสสิกาพูดก่อนจะชี้ไปยังชานยอล เขาถึงกับสะดุ้งโหยง
“คุณใช้มือจุดไฟ”
เจสสิกาบอกเสียงเรียบ
“พวกคุณเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงทำแบบนั้นได้”
เจสสิกาเอ่ยด้วยใบหน้าสงสัย
“เอ่อ...คือ คือว่า...”
ซูโฮ
“การกระทำของพวกคุณมันดูประหลาดซะจนฉันคิดว่าตัวเองอาจจะฝันไป อธิบายให้พวกเราเข้าใจได้หรือเปล่าคะ มันเป็นมายากลหรือพวกคุณมีอะไรบางอย่างที่สามารถเรียกลมหรือไฟได้”
แทยอนเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย
“พวกคุณจะอยากรู้มันไปทำไม”
คริสที่ยืนอยู่หลังสุดเอ่ยบอก
“จะเป็นมายากลหรือพลังวิเศษอะไรผมก็ไม่มีวันเกี่ยวข้องกับพวกคุณหรอก วางใจเถอะ”
คริสบอกก่อนจะจ้องมองแทยอนด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา แต่อย่างน้อยพวกเราก็สมควรได้รู้ว่ามันคืออะไร”
ซันนี่ที่อยู่ด้านหลังแทยอนเอ่ยบอก
“ใช่ เพราะพวกคุณคือคนที่อยู่ข้างๆห้องพวกเรา ถ้าคุณได้อยู่ข้างๆห้องที่มีอะไรประหลาดๆแบบนี้คุณจะยังอยู่เฉยไม่สงสัยอะไรได้งั้นเหรอ”
ฮโยยอนเอ่ยสมทบ
“จริงด้วย ก็แค่บอกพวกเรามาว่าสิ่งที่คุณทำมันมาจากอะไรก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นว่าคุณจะต้องกลัวอะไรเลย”
ยูริบอกก่อนจะจ้องหน้าคริสที่ยังคงใบหน้าเรียบเฉยอยู่
“อนนี่พวกเขาจะใช้มือดับไฟแล้วก็จุดไฟได้จริงๆเหรอ”
ยุนอาที่ยืนอยู่ข้างซูยองกระซิบถามเสียงเบา
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าแทยอนกับซอฮยอนเห็นก็แสดงว่าพวกเขาทำมันจริงๆละมั้ง”
ซูยองบอกก่อนจะไล่มองหน้าชายหนุ่มทั้งสิบสองคนที่เอาแต่นิ่งงันอยู่
“ความแตกจนได้”
แบคฮยอนที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดเอ่ยบอกเสียงเบา
“เพราะพวกนายไง”
เทาพูดก่อนจะมองหน้าแบคฮยอน
“เป็นอย่างนี้แล้วเราจะทำยังไงดี”
ลู่หานเอ่ยถามขึ้น
“จะทำอะไรได้ ความลับครั้งนี้ก็คงจะปิดไม่มิดอีกแล้วล่ะ”
เฉินบอก
........................................................
ติดตามตอนต่อไป
ความลับที่ถูกเปิดเผย...
ความคิดเห็น