คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 1 แรกพบ... >3 (ปวดใจ)
บทที่ 1
แรกพบ... >3 (ปวดใจ)
“นายทำให้ที่นี่ปั่นป่วน”
ลู่หานเอ่ยขึ้นเมื่อเขาเห็นพายุลมที่เกิดขึ้นโดยการใช้พลังวิเศษของเซฮุนกำลังพัดไม่หยุด โดยตอนนี้เขา เลย์และเซฮุนกำลังยืนอยู่บนตึกสูงที่ประดับด้วยแสงไฟ ซึ่งมันสว่างพอที่จะทำให้เขาสามารถมองเห็นวิวทั่วโซลได้อย่างดีเยี่ยม
“แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าพวกมันอยู่ที่นี่”
เซฮุนบอกโดยที่ตอนนี้สายตาของเขาเหม่อมองไปยังห้องใหญ่บนตึกสูงที่อยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าเป็นกังวล แสงไฟจากในห้องส่องลอดผ้าม่านผืนบางเล็กๆออกมา เงาของคนตัวเล็กที่กำลังเดินวนเวียนอยู่ภายในห้องสะท้อนให้เขาเห็นลางๆ
“แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าพวกมันอยู่ที่นี่จริงๆ”
เลย์เอ่ยถามก่อนที่เขาจะใช้พลังวิเศษให้ต้นไม้ที่ตายอยู่ข้างๆถนนกลายเป็นต้นไม้ที่กำลังแตกใบอ่อนสีเขียวเล็กๆอยู่ เขามองมันด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปมองเซฮุนที่อยู่ข้างๆตัวเขาเพื่อรอคำตอบ
“มองด้านบนตึกนั่นสิ”
เลย์และลู่หานหันสายตามองไปยังคำบอกของเซฮุน ภาพตรงหน้าปรากฏเงามืดสีดำใหญ่ซึ่งลอยวนเวียนเหนือตึกใหญ่ มันดูน่ากลัวกว่าท้องฟ้าสีดำมืดมิดเมื่อยามมีพายุเป็นไหนๆและมันดูคล้ายกำลังวนเหมือนกับสายน้ำวน
“ในที่สุดก็หาเจอสินะ”
เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังปรากฏคนทั้งสามซึ่งคือ ไค เจ้าของเสียง ซานยอลและเฉิน ซึ่งพวกเขากำลังมองเงามืดสีดำที่กำลังวนไปมาไม่หยุดอยู่ด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่ติดกังวลอยู่เล็กน้อย
“พวกมันมาถึงหลังเราใช่หรือเปล่า”
เสียงของแบคฮยอนที่ดังขึ้นข้างๆชานยอล ส่งผลให้ชานยอลที่กำลังมองเงามืดถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ และเมื่อเขามองแบคฮยอนที่ยืนอยู่ข้างๆก็เห็นดีโอและซิ่วหมินกำลังยืนหัวเราะเขาอยู่
“ใช่ แต่ไม่รู้ทำไมพวกมันถึงเลือกที่จะอยู่ที่นี่”
เซฮุนตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่เข้าใจน้อยๆ
“เพราะที่นี่มีสิ่งที่พวกมันต้องการนะสิ”
คริสเอ่ยขึ้นโดยที่เขายังยืนอยู่บนอากาศ ทุกคนมองเขาด้วยใบหน้าที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะเอ่ยถามออกไป คริสค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เงามืดที่อยู่เหนือตึกสูง ก่อนที่พวกมันจะค่อยๆสลายไปเมื่อเขาเข้าไปใกล้มัน และเมื่อเขาค่อยๆเคลื่อนตัวออกมาพวกมันก็กลับมารวมตัวกันและวนไปมาอีกครั้ง
“คริสหมายความว่าถ้าเราจะทำอะไรมักจะต้องมีเหตุผล และที่พวกมันเลือกที่จะอยู่ที่นี่ก็ต้องมีเหตุผลแน่นอน”
ซูโฮเอ่ยบอกเมื่อเขาปรากฏกายข้างๆเซฮุนพร้อมๆกับเทา ทุกคนพยักหน้าว่าเข้าใจก่อนที่พวกเขาทุกคนจะมองไปที่คริสซึ่งกำลังเคลื่อนตัวขึ้นลงระหว่างเงามืดและตึกสูงนั้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง
“มันหาโลกเจอแล้วแล้วทำไมยังไม่ทำลาย พวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่”
ซิ่วหมินเอ่ยขึ้นเมื่อเขาจ้องมองเงาสีดำมืด โดยที่ทุกคนได้แต่ยืนนิ่งเพราะพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าผู้ที่ทำลายโลกสวรรค์กำลังคิดจะทำอะไรกับโลกมนุษย์แห่งนี้กันแน่
“เคาะเลย”
“ไม่เอาอ่ะ ไม่กล้า”
“จะกลัวอะไรเล่า”
“ใช่ เคาะเลย ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“ไม่เอาอ่ะ อนนี่ก็เคาะเองสิ หนูเด็กที่สุดในนี้นะ”
“ใช่ อนนี่เคาะสิ”
“อ้าว... เฮ้อ... ก็ได้ ฉันเคาะก็ได้”
มือเรียวสวยที่กำลังจะเอื้อมไปสัมผัสบานประตูไม้ราคาแพงต้องหยุดลงในทันที เมื่อบานประตูถูกเปิดออกจากคนในห้องเสียก่อน หญิงสาวทั้งสามสูดหายใจเข้าด้วยความหวาดหวั่นก่อนจะเงยหน้ามองผู้ที่อยู่ในห้องด้วยใจที่กล้าๆกลัวๆ ภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาว ผมสีน้ำตาลอ่อนของเขาสะท้อนแสงไฟดูสวยงามราวกับเปลวเพลิง บนใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มจางๆที่ดูมีเสน่ห์
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
น้ำเสียงนุ่มเอ่ยถามเมื่อเขาพบกับหญงสาวแสนสวยสามคน
“คือห้องของคุณส่งเสียงดังนิดหน่อยน่ะค่ะ แล้วฉันกับน้องๆ...”
“ห้องผมน่ะเหรอครับ เป็นไปไม่ได้แน่นอน”
ยังไม่ทันที่สาวผิวเข้มอย่าง ยูริ จะพูดจบ คนในห้องก็เอ่ยออกมาตัดบทเธอเสียก่อน
“คะ”
ยุนอาเอียงคอพูดด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่เธอจะหันไปมองคนข้างๆสองคนที่มีใบหน้าไม่เข้าใจไม่ต่างกับเธอ
“ผมอยู่ที่นี่คนเดียวครับ แล้วจะให้ผมส่งเสียงดังโวยวายได้ไง หรือว่าจะให้ผมคุยกับตัวเองครับ ผมไม่ได้บ้านะครับ”
คนในห้องบอกด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มเช่นเคย แต่รอยยิ้มในครั้งนี้ยูริ ซูยองและยุนอารู้สึกรังเกียจมันมากจริงๆ อีตานี่กวนประสาทขั้นเทพ ทั้งสามคนคิดในใจ
“งั้นถ้าคุณอยู่คนเดียว แล้วแก้วที่วางอยู่ตรงนั้นทำไมถึงเป็นสิบอย่างนั้นละคะ”
ซูยองเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้มเมื่อเธอมองเห็นแก้วหลายใบวางบนโต๊ะใสหน้าโซฟา
“เอ่อ... คือ... คือผมชอบกินแล้วเปลี่ยนแก้วไปเรื่อยๆ เพราะแก้วแต่ละใบให้ความรู้สึกแตกต่างกันดีน่ะครับ”
คนในห้องเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ซูยองยกคิ้วขึ้นแล้วพูด อ๋อ ก่อนที่เธอกับยุนอาจะมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม โดยที่ยูริกำลังยืนจ้องคนตัวสูงด้วยสายตาจับผิด และไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ฝีเท้าเล็กของคนทั้งสองที่อยู่ข้างหลังยูริก็วิ่งผ่านชายหนุ่มเข้ามาภายในห้องอย่างรวดเร็ว โดยที่ชายหนุ่มเองได้แต่ยืนนิ่ง หน้าเอ๋อ ไม่ทันสถานการณที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“อนนี่ไม่เห็นมีอะไรเลย”
ยุนอากระซิบถามซูยองเมื่อพวกเธอทั้งสองก้าวเข้ามาอยู่กลางห้อง
“นั่นสิ... แต่ว่าอาจจะอยู่ในห้องก็ได้”
“อืมใช่ เราไปเข้าไปดูในห้องดีหรือเปล่า”
“จะดีเหรอ”
“ดีสิ เราจะได้รู้ไงว่านอกจากอีตากวนประสาทนี่จะมีใครอยู่อีกหรือเปล่า ไม่สิ... จะมีคนอยู่กี่คนกันแน่”
ยุนอาบอกซูยองก่อนที่เธอและซูยองจะรีบวิ่งตรงไปยังห้องที่ปิดประตูสนิททางด้านขวาอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ไม่เร็วเท่าชายหนุ่มที่ก้าวขายาวมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องพอดี ใบหน้าของเขาตอนนี้ดูเกรี้ยวกราดอย่างน่ากลัว
“ออกไปจากห้องผมได้แล้วครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่เรียบเฉย
“แต่ว่าห้องของคุณส่งเสียงดังจริง...”
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ใช่!
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงดังจนยุนอาและซูยองถึงกับสะดุ้งโหยง
“เอ่อ... ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงกับคุณ แต่ผมอยู่ที่นี่คนเดียวจริงๆ... เพราะฉะนั้นกรุณาออกไปด้วยครับ”
ชายหนุ่มบอกด้วยเสียงเรียบ ก่อนที่เขาจะผายมือไปยังประตูไม้ที่เปิดกว้างซึ่งมียูริยืนมองเขาอยู่ด้วยสายตาจับผิดเช่นเคย ซูยองและยุนอารีบก้าวเท้าและวิ่งออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว
“ไปกันเถอะอนนี่ อีตานี่ดุยังกับแมว”
ยุนอาบอกก่อนที่เธอจะดึงยูริและซูยองวิ่งตรงไปยังห้องที่อยู่ข้างๆทันที
“เป็นไงบ้างพวกเขายอมลดเสียงแล้วใช่หรือเปล่า”
แทยอนเอ่ยถามเมื่อยูริ ยุนอาและซูยองเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“หึ เจ้ากร๊วกนั่น... มันบอกว่ามันอยู่คนเดียว!!”
ยุนอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงดังเคียดแค้นจนแทยอนและทิฟฟานีที่นั่งอยู่บนโซฟาถึงกับหน้าเหวอทันที
“อยู่คนเดียว เป็นไปได้เหรอ เสียงเมื่อกี้ดังเหมือนพวกเขาอยู่กันเป็นสิบๆเลยนะ”
ซันนี่ที่เดินออกมาจากห้องครัวเอ่ยถาม
“ก็ไม่รู้สิ ในห้องมีแค่เขาคนเดียว”
ยูริบอกก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆแทยอน
“แต่แก้วที่วางอยู่บนโต๊ะมีเป็นสิบ ฉันว่านายนั่นต้องหลอกเราแหงเลย”
ซูยองบอกก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้สีขาวข้างๆประตู
“ใช่ แต่ทำไมถึงเห็นแต่อีตาแมวนี่คนเดียวนะ”
ยุนอาพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม
“พวกเขาซ่อนตัวอยู่หรือเปล่าคะ”
ซอฮยอนเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เธอนั่งฟังบทสนทนา
“นั่นสิ เสียงเมื่อกี้ฟังยังไงก็สิบคนขึ้นไป เป็นไปได้ที่พวกเขาจะซ่อนตัวอยู่ในห้อง”
ฮโยยอนพูด
“จริงด้วย เพราะพอฉันกับยุนอาจะเข้าไปในห้อง นายนั่นก็เข้ามาขวางซะก่อน อย่างนี้แสดงว่าพวกเขาอีกหลายๆคนต้องอยู่ในห้องนั้นแน่เลย”
ซูยองบอก
“แต่ทำไมเขาจะต้องปิดบังตัวเองด้วย”
ทิฟฟานีเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ก็พวกเขาคงจะหน้าเหมือนแมวเหมือนกับอีตานั้นล่ะมั้ง เลยอายต้องเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้อง อย่างนี้นะขอแช่งให้หาปลากินไม่ได้ทั้งชาติเลยคอยดูสิ หึ่ย”
ยุนอาบอกก่อนจะเดินตึงตังโกรธแค้นแมวเข้าห้องไป
“ฉันว่านายแมวอะไรนั่นควรพิจารณาตัวเองได้แล้วล่ะ เพราะคนอย่างเขาทำให้ยุนอาอารมณ์เสียได้จนถึงขนาดนี้”
ฮโยยอนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นยุนอาอารมณ์เสียอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“นั่นสิคะ”
ซอฮยอนเอ่ยสมทบ
“นายแกล้งพวกเธอทำไมวะ”
เสียงของซูโฮดังขึ้นกลางห้องโดยที่น้ำในแก้วใสซึ่งอยู่บนโต๊ะหายวับไปกับตา หลังจากที่ยูริ ซูยองและยุนอาออกจากห้องไป ชานยอลยิ้มน้อยๆก่อนที่เขาจะนั่งลงบนโซฟาและทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ต่อคำพูดของซูโฮ
“นั่นสิ พวกเราเป็นคนผิดแท้ๆที่ส่งเสียงดัง”
ลู่หานพูดสมทบซูโฮ
“นายทำให้พวกเธอไม่ได้รู้จักเรา นายคิดจะกีดกันพวกเธอจากเราใช่ไหม”
ไคเอ่ยถามเมื่อเขานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับชานยอล และตอนนี้เขากำลังจ้องมองชานยอลด้วยสายตาจับผิดอยู่ แต่ชานยอลไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับการรุมของเพื่อนๆเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เขาเอาแต่ยิ้มและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเคย
“นายชอบพวกเธอล่ะสิ ใช่หรือเปล่า”
ซิ่วหมินเอ่ยถามโดยที่เขากำลังมองหิมะที่โปรยลงมาจากนอกหน้าต่างอยู่
“นายทำให้พวกเธอโกรธ แถมตอนนี้พวกเธอกำลังด่านายอยู่อีกด้วย ฉันได้ยินล่ะ”
เลย์บอกหลังจากที่เขาเปิดประตูออกมาจากห้องซึ่งเป็นห้องที่สองสาวสวยกำลังจะเปิดมันออก แต่ถูกหนุ่มขี้เล่นอย่างชานยอลหยุดมันไว้ซะก่อน
“คงไม่ใช่แค่ด่าหรอก เพราะตอนนี้พวกเธอแช่งนายอยู่”
คริสเอ่ยสมทบด้วยรอยยิ้มเยาะน้อยๆ
“โอ้ พวกเธอคงเกลียดนายเข้าเส้นเลือดเพราะเธอถึงกับให้นายเป็นสัตว์เลยล่ะ พวกเธออยากฆ่านายจริงๆ”
เฉินบอกด้วยรอยยิ้มเมื่อเขาก้าวเท้าออกมาจากห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องที่เลย์ออกมา
“อย่างนี้ก็ดีน่ะสิเพราะถ้าฉันให้เธอเห็นหน้าและได้รู้จักนิสัยสุภาพบุรุษของฉันเมื่อไร พวกเธอต้องหลงฉัน...”
แบคฮยอนพูด
“ไม่มีทางหรอก”
เซฮุนตัดบทแบคฮยอนในทันทีเมื่อเขาพูดจบ แบคฮยอนหันมองเซฮุนด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ แต่เซฮุนก็หันหน้าไปอีกทางและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในความไม่พอใจของแบคฮยอน
“ใช่ ไม่มีทาง เพราะพวกเธอคือคนที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้”
เทาเอ่ยบอกก่อนที่เขาจะยื่นหนังสือเล่มหนึ่งส่งให้แบคฮยอน โดยที่ทุกๆคนที่อยู่โดยรอบก็รุมล้อมหนังสือเล่มนั้นทันทียกเว้นก็แต่เซฮุนและเทาที่นั่งลงบนโซฟาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“โซนยอชิแด เกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติ โด่งดังไกลทั่วโลกทั้งเอเชีย อเมริกา และยุโรป”
ดีโออ่านออกเสียงเมื่อแบคฮยอนเปิดหน้าแรก โดยรูปบนหน้าปกคือภาพหญิงสาวทั้งเก้าคนที่มีหญิงสาวทั้งสามที่ย่างกรายเข้ามาในห้องอยู่ด้วย
“แทยอน เจสสิกา ซันนี ทิฟฟานี ฮโยยอน ยูริ ซูยอง ยุนอา ซอฮยอน”
ซูโฮไล่อ่านชื่อในรูปแต่ละใบก่อนที่เขาจะเปิดมาเจอรูปรวมของทั้ง 9 คนซึ่งถูกเขียนไว้ว่า ‘โซนยอชิแด’ หรือ ‘Girl Generation’ เก้าสาวที่เปรียบเสมือนนางฟ้าของเกาหลี
“ฉันอยากตายว่ะ”
ไคบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนราบบนพื้น
“พวกเธออยู่สูงเกินไป”
แบคฮยอนบอกเสียงเศร้า
“หญิงสาวระดับชาติ...”
ชานยอลพูดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“พวกเธอสวยกันจริงๆ”
ลู่หานบอกด้วยรอยยิ้ม
“พวกเธอเหมือนนางฟ้าจริงๆนั่นล่ะ”
ซิ่วหมินเอ่ยก่อนจะจ้องมองพวกเธอจากหนังสือด้วยสายตาชื่นชม
“หญิงสาวระดับชาติ...”
ชานยอลเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“หญิงสาวระดับชาติ...”
อีกครั้งที่สาม
“ฮือๆ... ทำไมต้องเป็นหญิงสาวระดับชาติ... แล้วอย่างนี้ฉันจะมีโอกาสได้ไงวะ”
อีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลออกมา
“ชานยอล ช่างน่าสมเพช”
ดีโอบอกก่อนจะตบหลังชานยอลเบาๆเพื่อปลอบใจ
..........................................
ความคิดเห็น