ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO & SNSD มหัศจรรย์รักข้ามดวงดาว

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 9 ความจริง

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 56


    บทที่ 9

    ความจริง

     

            “พวกคุณกำลังทำอะไร”

    ซอฮยอนเอ่ยถามด้วยใบหน้าไม่พอใจ ก่อนที่เธอจะเดินตรงไปหาแทยอนที่ยืนอยู่ข้างๆคริส

    “...”

    ทุกคนได้แต่ยืนนิ่งกับคำถามของซอฮยอน

    “ไม่เป็นไรใช่ไหมคะอนนี่?”

    ซอฮยอนเอ่ยถาม แทยอนส่ายหน้าแทนคำตอบ

    “พวกคุณจะให้คำตอบฉันได้หรือยังคะ ว่าพวกคุณทำอะไรกันอยู่”

    ซอฮยอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม

    “...”

    “พวกเราอยากรู้ว่าเธอคือใคร”

    เซฮุนเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนยืนเงียบมานาน โดยสายตาของเขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ยืนข้างๆคริสด้วยใบหน้าไม่ไว้ใจเช่นเคย

    “อนนี่ก็คืออนนี่ พวกคุณสงสัยอะไร”

    ซอฮยอนเอ่ยบอก

    “คือ... คุณจำเรื่องที่พวกเราเล่าให้คุณฟังได้หรือเปล่าครับ แทยอนดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น”

    เฉินเอ่ยบอก

    “ใช่ครับ เราแค่ต้องการคำตอบว่าเธอเป็นใคร เพราะทุกครั้งที่เกิดเรื่องขึ้นแทยอนมักเป็นคนเดียวที่ดูจะเกี่ยวข้องและมีความลับมากที่สุด”

    ลู่หานพูดสมทบ

    “คุณทำให้เราระแวง”

    เทาบอกแทยอนที่ยืนนิ่งอยู่

    “แต่จากเมื่อกี้ คุณคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรจริงๆ เพราะถ้าคุณเกี่ยวข้องคุณคงจะรีบจัดการพวกผมที่อยู่ไม่ครบทั้งสิบสองคนทันที เพราะมันเป็นเรื่องง่าย”

    ซิ่วหมินบอก

    “พวกเราต้องขอโทษด้วยที่ทำอะไรวู่วามและไม่ทันคิด”

    ซูโฮบอก

    “ไม่เป็นไรค่ะ”

    แทยอนพูด

    “แต่ฉันไม่เชื่อ”

    เซฮุนที่ยืนนิ่งมานานพูดขึ้น

    “เซฮุน?”

    ซูโฮเอ่ยชื่อเซฮุน ซึ่งเขาไม่เข้าใจใจสิ่งที่เซฮุนกำลังทำอยู่

    “วันแรกที่ฉันมาที่นี่ฉันเห็นมันตามเธออยู่ วันที่เราหาแหล่งกำเนิดเงาเธอก็แอบดูเราที่ดาดฟ้านี่ ฉันมองเห็นการกระทำของเธอทุกอย่าง แล้วอย่างนี้มันจะไม่มีอะไรได้ยังไง!

    เซฮุนบอก

    “...”

    แทยอนยังคงเงียบ

    “มันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ใช่ไหมคะอนนี่?”

    ซอฮยอนบอกเซฮุนก่อนจะหันมาถามแทยอนที่ก้มหน้าอยู่

    “...”

    แต่แทยอนก็เงียบเหมือนเคย ทุกคนยังคงจ้องมองแทยอนอยู่อย่างนั้น เพราะคำตอบจากปากของเธอจะทำให้ความสงสัยที่มีอยู่ในตัวทุกคนหมดไป

    “ใช่ ฉันแอบดูพวกนาย ดูการกระทำทุกอย่างที่พวกนายทำ”

    แทยอนเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้านิ่งสงบ

    “...”

    ทุกคนยืนนิ่งและฝังคำพูดของแทยอน ไม่เว้นแม้แต่ซอฮยอน

     “ฉันเฝ้าดูพวกนายว่าจะทำอะไรกับเงาพวกนั้น ดูการกระทำทุกอย่างที่พวกนายใช้จัดการสิ่งที่จะทำลายโลก”

    แทยอนยังคงพูดต่อ

     “ฉันเดาเธอไม่ผิดจริงๆ”

    เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ

    “ฉันจะจัดการเธอเอง”

    เซฮุนบอกก่อนที่เขาจะถลาตัวไปจับแขนแทยอนอย่างรวดเร็วจนคริสที่ยืนอยู่ข้างๆต้องถอยไปข้างหลัง

    “ใจเย็นๆก่อนเธอยังพูดไม่จบ”

    คริสที่อยู่ใกล้รีบจับตัวเซฮุนไว้ก่อนที่เขาจะลงมือจัดการกับแทยอนที่ยังพูดไม่จบ

    “แต่ฉันไม่ได้เฝ้าดูพวกนายเพราะจะทำลายพวกนาย แต่ฉันจะช่วยพวกนาย เพราะพวกมันมีพลังที่ล้นหลามเกินกว่าที่พวกนายสิบสองคนจะต้านทานมันได้”

    แทยอนบอก

    “แล้วคุณจะช่วยเราได้ยังไง ในเมื่อคุณไม่ได้มีพลังวิเศษเหมือนพวกเรา?”

    ลู่หานถามขึ้นด้วยความสงสัย แทยอนที่แสดงสีหน้านิ่งสงบในตอนแรกค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา

    “ฉันก็ไม่ได้บอกนี่คะว่าฉันมีพลังวิเศษ”

    แทยอนพูด

    “แล้วคุณจะช่วยพวกเราได้ยังไง?”

    ไคเอ่ยถามด้วยความสงสัยเหมือนกับทุกๆคน

    “อนนี่”

    ซอฮยอนเรียกแทยอนด้วยน้ำเสียงเบา แทยอนหันใบหน้ามายิ้มให้ซอฮยอนน้อยๆ

    “มันถึงเวลาแล้วล่ะซอฮยอน เราต้องช่วยพวกเขา”

    แทยอนบอกก่อนที่เธอจะหลับตาลง ชายหนุ่มทุกคนมองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่แทยอนพูด แต่เพียงไม่นานที่พวกเขาสงสัย เพราะเมื่อแทยอนหลับตาลงและพึมพำคำบางคำกับตัวเอง ร่างเล็กขาวใสของแทยอนก็หลุดออกจากการเกาะกุมของเซฮุนเพราะตัวของเธอลอยขึ้นเหนือพื้นดาดฟ้า แสงสีขาวสว่างแสบตาเรืองทั่วเรือนร่างและใบหน้าของเธอ จนเมื่อเวลาผ่านไปขณะหนึ่งแสงสีขาวก็ค่อยๆจางลงเรื่อยๆก่อนที่มันจะเลือนหายไป ภาพเบื้องหน้าจึงปรากฏแก่สายตาทุกคน ร่างเล็กของแทยอนถูกสวมด้วยชุดกระโปรงสีขาวสวยสง่าแทนที่ชุดเก่าที่เธอใส่ก่อนหน้านี้ ปีกสีขาวสวยงามโผล่ออกมาจากด้านหลังพัดไปมาไม่หยุด มงกุฎสีขาวสว่างส่องแสงระยิบระยับเหนือหัวของเธอสีคล้ายกับแสงสีทองที่ออกจากตัวของเธอในขณะนี้

    “นางฟ้า!!

    พวกเขาทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าของทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นไม่น้อยเลย จะยกเว้นก็แต่ซอฮยอนที่ยืนนิ่งอยู่ เธอถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปใกล้แทยอน

    “มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอคะ”

    ซอฮยอนเอ่ยถามแทยอนด้วยใบหน้าหนักใจ

    “มันถึงเวลาที่เราต้องช่วยพวกเขาแล้วซอฮยอน เวลาของโลกเหลือน้อยเต็มที”

    แทยอนบอกก่อนจะเหม่อมองบนท้องฟ้าที่มืดมิด ซอฮยอนเองก็เหม่อมองเช่นกัน แต่จะยกเว้นเพียงชายหนุ่มทั้งแปดคนที่ยังคงอ้าปากค้างอยู่เช่นเดิม

     

    “เจสสิกา!

    เสียงเรียกที่ดังขึ้นส่งผลให้คนบนโซฟาสะดุ้งโหยงทันที

    “อะไรเนี่ย”

    เจสสิกาที่นอนอยู่บนโซฟาเด้งตัวลุกนั่งก่อนจะเอ่ยตอบเจ้าของเสียงเรียกด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์

    “รีบลุกขึ้นเร็ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

    เจ้าของร่างสูงได้สัดส่วนเอ่ยบอกก่อนเจ้าตัวจะวิ่งเข้าห้องด้วยความรีบร้อน

    “เกิดเรื่อง? เกิดเรื่องอะไร?”

    เจสสิกาเอ่ยถามด้วยความสงสัย

    “รีบลุกขึ้นเร็วเหอะน่า ทุกคนเขาไปที่นั่นกันหมดแล้ว”

    ยูริตะโกนบอกมาจากในห้อง

    “ที่ไหนอ่ะ?”

    เจสสิกาเอ่ยถามอีกครั้ง

    “โอ๊ย! ฉันละเบื่อเธอจริงๆเลย รีบลุกได้แล้ว เร็วๆไม่ต้องถามมาก ไปถึงก็รู้เองนั่นล่ะ ลุกสิ!

    ยูริเอ่ยบอกก่อนจะตะโกนซ้ำเมื่อเห็นว่าคนบนโซฟายังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เจสสิกาตอบรับสั้นๆก่อนจะลุกขึ้นวิ่งตามยูริออกไปด้วยความเร่งรีบ

     

    “แน่ใจนะว่าเรามาถูกที่”

    ซูยองที่นั่งอยู่บนเบาะด้านหลังเอ่ยถาม ด้านหน้าเธอคือทุ่งกว้างไร้ซึ่งสิ่งก่อสร้างและแสงไฟใดๆ ซึ่งมันดูเปล่าเปลี่ยวและน่ากลัวมากจริงๆ

    “แน่ใจสิ ฉันก็ขับมาตามทางที่พวกนั้นบอกเปะเลยนะ”

    ฮโยยอนที่นั่งอยู่ที่คนขับเอ่ยบอก เธอไล่สายตามองรอบๆบริเวณอย่างไม่รู้สึกกลัว

    “ฮโยยอน เธอมาผิดที่แน่ๆ พวกเขาจะนัดเรามาที่น่ากลัวๆแบบนี้ได้ยังไง”

    ทิฟฟานีที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น

    “นี่เธอ ก็บอกแล้วไงว่าฉันขับมาตามที่พวกเขาบอก เอาเถอะเรารีบลงไปก่อนดีกว่า เผื่อพวกนั้นจะรออยู่ข้างนอก”

    ฮโยยอนบอกก่อนจะปลดที่รัดเข็มขัดออก

    “เดี๋ยวสิ!

    ทิฟฟานีร้องห้าม

    “เดี๋ยวค่อยลงไป ขอเวลาทำใจอีกหน่อยนะ ฉันกลัว”

    ทิฟฟานีบอก

    “เฮ้อ... งั้นเธอเลิกกลัวเมื่อไรก็บอกฉันด้วยแล้วกัน”

    ซูยองบอกก่อนจะทิ้งตัวนอนราบไปกับเบาะอย่างสบายใจ

    ก๊อก ก๊อก

    “กรี๊ด!!

    เสียงบานกระจกที่ถูกเคาะส่งผลให้ทิฟฟานีที่หวาดกลัวอยู่ถึงกีบกรี๊ดออกมาสุดเสียง

    “มาดีๆไม่ได้หรือไง”

    ฮโยยอนที่ลดกระจกลงเอ่ยบอกคนข้างนอก ไคส่งยิ้มหวานมาให้ก่อนที่เขาจะเคลื่อนตัวมาหยุดอยู่ทางฝั่งฮโยยอน

    “ผมไม่คิดว่าทิฟฟานีจะกลัวขนาดนี้นี่”

    ไคบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันสายตามองยังทิฟฟานีที่นั่งก้มหัวแทบจะถึงเท้า

    “รีบลงมาเถอะครับ ทุกคนรออยู่แล้ว”

    ไคบอกก่อนที่เขาจะเบี่ยงตัวหลบให้ฮโยยอนลงจากรถ

    “เธอหลับแล้ว”

    เทาที่เปิดบานประตูด้านหลังบอกหลังจากที่เขาได้ยินเสียงหายใจของร่างสูงบนรถที่สม่ำเสมอ

    “เธอทำงานหนักเกินไป”

    ทิฟฟานีบอกก่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้ร่างสูงพอเหมาะที่ปลดเข็มขัดให้เธอเสร็จ

    “รีบตามมาละกันนะ ไปครับ”

    ลู่หานเอ่ยบอกเทาก่อนจะพูดกับทิฟฟานีและดึงเธอให้ลุกจากที่นั่ง

    “คนขี้เซา”

    เทาเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงไปอุ้มคนตัวสูงที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนและเดินตามทุกคนไปอย่างรวดเร็ว

    .......................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×