คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 7 ~ ความรู้สึก
บทที่ 7
~ ความรู้สึก
“ยูริเขาเป็นไงบ้าง”
ทิฟฟานีที่เดินมากับแทยอนและซูยองเอ่ยถาม ยูริส่ายหัวน้อยๆก่อนจะมองตรงไปยังห้องฉุกเฉินที่ยังปิดอยู่เช่นเดิม
“ดูท่าเขาอาการหนัก บางครั้งเขาอาจจะ...”
ซันนี่ที่กำลังจะเอ่ยปากพูดออกมาต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อบานประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก ชายหนุ่มทั้งสิบเอ็ดคนรีบวิ่งกรูเข้าไปยังผู้ที่เปิดบานประตูออกมา
“เขาเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”
ยุนอาเอ่ยถามด้วยความร้อนรนเหมือนๆกับทุกๆคนที่ยืนล้อมรอบเธอ
“ภายในร่างกายของเขาบอบช้ำไปหมด เหมือนกับถูกกระแทกอย่างแรง บางครั้ง...เขาอาจจะไม่รอด”
หมอเอ่ยบอกทุกคนด้วยสีหน้าเศร้าใจ ชายหนุ่มทั้งสิบเอ็ดคนต่างมองหน้ากันไปมา เหมือนกับหญิงสาวทั้งเก้าเช่นกัน พวกเธอได้แต่เงียบ
“ที่เขาพูด หมายความว่าเขาจะไม่ช่วยชานยอลงั้นเหรอ”
เซฮุนเอ่ยถามซอฮยอนที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งเธอมีใบหน้าที่เศร้าในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของคนในชุดกราว
“เขาจะช่วยชอนยอลอย่างถึงที่สุด แต่ชานยอลอาการหนักการที่จะช่วยให้เขากลับมาเป็นปกติอาจเป็นเรื่องยาก”
ซอฮยอนบอกก่อนจะจ้องมองเซฮุน เธอรู้ว่าเขารู้สึกยังไงเพราะถ้าเป็นเธอเองก็คงมีอาการไม่ต่างกัน
“ช่วยเขาด้วยนะคะหมอ ช่วยให้เขาปลอดภัยด้วยนะคะ”
ยุนอาที่ยืนนิ่งอยู่นานเอ่ยบอกหมอด้วยใบหน้าเศร้าใจ หมอพยักหน้าน้อยๆก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปในห้อง แม้เธออาจมองไม่เห็นความเจ็บปวดที่ชานยอลได้รับ แต่เธอมั่นใจว่าคนอย่างเขาจะต้องสู้กับความเจ็บปวดนั้นได้แน่นอน
“ยุนอา”
เสียงของแทยอนส่งผลให้ยุนอาที่นั่งจ้องประตูห้องฉุกเฉินอยู่ต้องละสายตามาจากมันทันที แทยอนทิ้งตัวนั่งลงข้างเธอ ใบหน้าของแทยอนบ่งบอกว่าเธอรับรู้สิ่งที่อยู่ในใจของยุนอาดี
“ชานยอลต้องปลอดภัย ตอนนี้เลย์กำลังรวบรวมพลังของเขา เขาสามารถรักษาชานยอลได้ถ้าพลังเขากลับมา”
แทยอนบอกก่อนจะเผยยิ้ม
“เพราะฉะนั้นเลิกกังวลได้แล้ว”
เจสสิกาบอกก่อนจะลูบหัวน้องเล็กคนที่สองที่มักจะร่าเริงด้วยความเอ็นดู เธอรู้สึกแปลกใจกับอาการของยุนอาที่ห่วงคนในห้องฉุกเฉิน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดที่จะถามความรู้สึกของยุนอาที่มีต่อชานยอล เพราะอย่างน้อยมันอาจจะทำให้ยุนอากล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของเธอเอง
“นายจะไปไหน”
เฉินเอ่ยถามไคที่กำลังลุกขึ้นยืน
“ฉันนั่งรอแบบนี้ไม่ได้หรอก ฉันจะไปหาอะไรทำ”
ไคบอกก่อนจะเดินไปยังทางข้างหน้า มือเล็กจากสาวผมทองที่เขาชอบทุกส่วนในตัวเธอแตะแขนของเขาอย่างเบามือ
“ไปด้วยคนสิ”
ฮโยยอนบอกก่อนจะเผยยิ้มบางๆ ไคพยักหน้าก่อนจะเดินนำหน้าฮโยยอนออกไปข้างนอก
“พวกนายช่วยโลกเอาไว้ เลยทำให้ชานยอลเป็นแบบนี้ซินะ”
ฮโยยอนพูดหลังจากที่เธอและไคนั่งอยู่บนม้านั่งกลางสวนของโรงพยาบาล
“ฉันอยากให้หมอรู้จังว่าคนที่เขากำลังรักษาคือคนที่ปกป้องโลกแห่งนี้เอาไว้”
“อยากให้เขารู้ว่าพวกนายเป็นฮีโร่”
ฮโยยอนบอกด้วยรอยยิ้ม
“อะไรคือฮีโร่”
ไคเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย
“ฮีโร่ก็คือคนที่คอยปกป้องโลกไง นายสำคัญกับพวกเรามากรู้ไหม”
ฮโยยอนบอก
“ฮโยยอน”
ไคเรียกชื่อฮโยยอนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ชานยอลเขาจะปลอดภัยใช่ไหม”
ไคเอ่ยถามพร้อมกับที่สายตาของเขาจ้องมาที่ฮโยยอน
“ปลอดภัยสิ หมอจะต้องตอบแทนความดีของพวกนายด้วยการทำให้ชานยอลปลอดภัย เชื่อฉันนะ”
ฮโยยอนบอกก่อนจะเอื้อมมือแตะบ่าของไค ไคพยักหน้าก่อนจะเผยยิ้มบางๆซึ่งเป็นรอยยิ้มแรกของวันนี้ที่เธอเห็นมัน
“นี่นายช่วยลดเสียงทีวีหน่อยได้ไหม เพื่อนของนายกำลังพักผ่อนอยู่นะ”
ซูยองที่นั่งปอกผลไม้อยู่บอกเทาที่กำลังดูโทรทัศน์ในห้องพักผู้ป่วยของชานยอล
“โธ่ ผมก็เงียบมานานแล้วนี่ ไม่แน่ถ้าผมเปิดไอ้นี่เสียงดังแบบนี้อาจทำให้เขาตื่นขึ้นมาก็ได้”
เทาบอกซูยองด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้
“ความคิดของนายนี่มันเข้าข้างตัวเองจริงๆเลยนะ”
คริสที่เปิดประตูเข้ามาบอกก่อนจะวางอาหารกลางวันที่เขาซื้อมาไว้บนโต๊ะอาหารที่มีลู่หานนั่งอยู่ เทาบ่นคริสกลับก่อนจะเดินมาหยิบอาหารไปกินหน้าโทรทัศน์เหมือนเดิม
“ชานยอลยังไม่ตื่นเลยงั้นเหรอ”
คริสเอ่ยถามลู่หาน
“อืม เห็นหมอบอกว่าเขาจะหลับไปอีกสองหรือสามวัน”
ลู่หานบอกก่อนจะลงมือแกะอาหารที่คริสซื้อมาอย่างเบามือ
“ซูยองฉันซื้อขนมมาให้แล้ว”
ยูริที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับดอกไม้ในมือเอ่ยบอกพร้อมกับยื่นถุงขนมในมือให้ซูยอง
“เธอมากับเขาเหรอ”
ซูยองกระซิบถามยูริที่นั่งลงข้างๆเธอ
“อืม เธอคงไม่อยากเห็นข่าวหน้าหนึ่งว่ามีหนุ่มหล่อหน้าตาดีกางปีกโผบินอยู่บนฟ้าคล้ายเทวดาหรอกนะ”
ยูริบอกก่อนจะเผยยิ้ม
“แต่ฉันอยากเห็น”
ซูยองบอกด้วยรอยยิ้มทะเล้นน่ารัก ยูริบ่นเธอสองสามคำก่อนที่เธอจะเดินตรงไปยังแจกันบนหัวเตียงของชานยอล เธอนำดอกไม้เก่าที่เหี่ยวซึ่งแทยอนซื้อมาใส่ให้ทิ้งลงถังขยะก่อนจะเอาดอกไม้ช่อใหม่ที่เธอเลือกใส่แทน
“แล้วนี่เธอไม่ทำงานเหรอ สายแล้วไม่ใช่หรือไง”
ยูริเอ่ยถามก่อนจะทิ้งตัวลงข้างๆซูยอง
“บอกแต่ฉันเธอเองก็งานยุ่งยิ่งกว่าฉันซะอีก แต่ว่า...ฉันก็ว่าจะไปแล้วล่ะ ฉันรอให้พวกเขามาอยู่เป็นเพื่อนชานยอลก่อนน่ะ”
ซูยองบอกยูริก่อนจะหันไปมองหนุ่มๆทั้งสามคนที่กำลังหยอกล้อกันอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยความสนิทสนม
“แล้วอีกอย่าง... ฉันรอยุนอาน่ะ”
ซูยองบอกก่อนที่เธอหันไปมองยุนอาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆเตียงของชานยอลด้วยใบหน้าเรียบสงบ
“เธอคงจะพบคนที่ใช่แล้วสินะ”
ยูริเอ่ยขึ้นหลังจากที่เธอจ้องมองยุนอาอยู่นาน
“ยุนอาไปกันเถอะ”
ซูยองบอกยุนอา ยุนอาหันมาพยักหน้าก่อนจะจ้องมองใบหน้ามองชานยอลที่มีสีแดงระเรื่อขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย ยุนอาลุกขึ้นก่อนที่เธอจะหันหลังเดินมาหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆตัวยูริอย่างเชื่องช้า
“ฉันไปก่อนนะแล้ววันหลังฉันจะมาเยี่ยมเขาใหม่”
ซูยองเอ่ยบอกคริส ลู่หานและเทาด้วยรอยยิ้ม
“โชคดีนะครับ”
ลู่หานและคริสก่อนจะส่งยิ้มกลับไปให้ซูยอง
“เดี๋ยวผมเดินไปส่ง”
เทาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงมายังซูยองที่กำลังก้าวเท้าเดินออกไปจากห้อง
“ฉันไปนะคะ”
ยุนอาบอกด้วยใบหน้านิ่งสงบ
“ครับ”
ลู่หานและคริสตอบรับยุนอาพร้อมกันอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วงนะยุนอา ถ้าเขาฟื้นเมื่อไรฉันจะโทรไปบอกเธอทันที”
ยูริบอกด้วยรอยยิ้มก่อนที่เธอจะเดินไปส่งยุนอาหน้าห้องซึ่งมีซูยองและเทายืนรออยู่
ก๊อก ก๊อก
เสียงบานประตูที่ถูกเคาะส่งผลให้คนทั้งสามที่อยู่ในห้องจ้องมองหน้ากัน
“ฉันเปิดเองค่ะ”
ยูริบอกก่อนที่เธอจะรีบลุกขึ้นเดินไปยังประตู บานประตูถูกเปิดออกปรากฎร่างของหญิงสาวที่ยูริลืมไปเลยว่าเธอด้วย
“ยูริเธอลืมรอฉัน ไหนบอกว่าจะรอไง แล้วทำไมให้ฉันเดินมานี่คนเดียวแถมหลงอีกต่างหาก”
ทิฟฟานีบอกยูริด้วยน้ำเสียงน้อยใจน้อยๆ
“ฉันขอโทษ ฉันมัวแต่รีบน่ะ”
ยูริหัวเราะในความซื่อบื้อของตัวเองที่ลืมเพื่อน ก่อนที่เธอจะอ้าประตูให้ทิฟฟานีเข้ามา
“คราวหลังถ้าเธอลืมฉันอีกฉันโกรธเธอแน่”
ทิฟฟานีบอกด้วยใบหน้างอนเต็มที่
“สวัสดีค่ะ ฉันมาช้าไปนิดเดียวพวกคุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ นี่ค่ะผลไม้ฉันซื้อมาฝากเขาแต่ดูท่าเขาคงยังกินไม่ได้ พวกคุณก็กินแทนละกันนะคะ”
ทิฟฟานีบอกก่อนจะยื่นถุงผลไม้ส่งให้ชายหนุ่มทั้งสอง
“ขอบคุณครับ แล้ว...คุณไม่ทานด้วยกันเหรอครับ”
ลู่หานเอ่ยขอบคุณก่อนจะถามเธอออกไป
“ไม่ล่ะคะ ฉันทานมาแล้ว ตามสบายค่ะ”
ทิฟฟานีบอกก่อนที่เธอจะเดินมานั่งข้างๆยูริ
“ฉันงอนเธออยู่นะยูริ เพราะฉะนั้นตอนกลับพาฉันแวะทานไอศกรีมด้วย ไม่งั้นฉันจะไม่ยกโทษให้เธอ”
ทิฟฟานีบอกยูริ และนั่นทำให้คนในห้องถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาตามๆกัน
“นี่เธองอนฉันจริงๆหรือเห็นแก่กินกันแน่เนี่ย”
ยูริเอ่ยถาม”
“ไม่รู้ รู้แต่ว่าเธอต้องพาฉันไป”
ทิฟฟานีบอกแค่นั้นก่อนที่เธอจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านโดยไม่สนใจเสียงของยูริและสายตาของลู่หานที่มองเธอด้วยความเอ็นดูอยู่ห่างๆ
“ชานยอล”
เสียงใสของใครบางคนดังขึ้นข้างๆหูของผม มันฟังดูขนลุกแปลกๆ
“ชานยอล หลับตาไว้อย่างนี้ล่ะ ไม่ต้องตื่นขึ้นมานะเชื่อฉัน”
เสียงนั้นพูดกับผมอีกครั้ง
“หลับตาไว้แล้วนายจะได้ไปนรกกับฉัน”
มันขู่ผมด้วยน้ำเสียงที่น่าหวาดกลัว และเมื่อเสียงนั้นหายไปผมก็สะดุ้งตื่นทันที
“ไม่!!”
ชานยอลสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำพูดปฏิเสธที่แข็งกร้าว ยุนอาที่จดจ้องใบหน้าของเขาอยู่ไม่ห่างตกใจแต่เธอก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว เธอรีบลุกขึ้นจากโซฟาตรงมาที่เขาทันที ชานยอลจ้องมองใบหน้าของยุนอาที่ขยับเข้ามาใกล้ แม้จะดูเลือนลางแต่เขารู้ว่าเธอคือใคร รอยยิ้มของเธอเผยออกมาเมื่อเห็นว่าเขาตื่นขึ้นมาจริงๆ ชานยอลรีบสวมกอดเธอทันทีเมื่อรู้ว่ายุนอาคือคนที่เคียงข้างเขาคนที่ปลอดภัยไม่เหมือนเสียงจากความฝันที่น่าหวาดกลัวนั้น
“ยุนอา... ได้โปรดอยู่เคียงข้างฉันอย่างนี้ตลอดไปเถอะนะ”
น้ำเสียงของชานยอลที่แม้จะแผ่วเบาแต่ยุนอาก็รับรู้คำพูดนั้นได้เป็นอย่างดี เพราะการได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาทำให้น้ำเสียงที่อ้อนวอนของเขาชัดเจนยิ่งกว่าเสียงใด
............................................................
ขอบคุณสำหรับการติดตาม
ตอนต่อไปจะพยายามแต่งให้สนุกกว่าเดิมแน่นอนค่ะ
รอติดตามด้วยนะคร๊าๆๆๆๆๆๆ
(>_<)
(>_<)
(>_<)
ความคิดเห็น