คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 6 ชานยอล
บทที่ 6
ชานยอล
“ฉันพบมันแล้ว”
สิ้นเสียงดีโอร่างทั้งสิบเอ็ดก็ปรากฏตรงกลุ่มเมฆสีดำที่ปกคลุมอย่างหนาแน่น ซึ่งเงาดำสนิทที่อยู่บนเมฆขยายออกไปโดยไม่มีท่าทีว่ามันจะหยุด
“พร้อมแล้วใช่ไหม”
ซิ่วหมินเอ่ยถามก่อนจะมองหน้าทุกคน พวกเขาพยักหน้าพร้อมกันก่อนที่เทาจะใช้พลังหยุดเวลาลง ทุกส่งทุกอย่างบนโลกเงียบสนิท ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวยกเว้นพวกเขาทั้งสิบสองและเงามืด เทายกยิ้มก่อนจะมองตรงไปยังเงามืด
“ลงมือ”
สิ้นเสียงซูโฮพลังของทุกคนก็ส่งตรงไปยังเงามืดนั้นทันที กลุ่มแสงหลากสีปรากฏทั่วทิศทางจากการยืนล้อมรอบของพวกเขาทั้งสิบสอง พลังวิเศษของพวกเขาดูเหมือนจะทำให้เงานั้นแผ่ช้าลง พวกเขายกยิ้มก่อนจะใช้พลังตรงไปยังเงานั้นไม่หยุด เนิ่นนานที่พวกเขายังคงใช้พลังทำลายเงานั้น แม้มันจะไม่หายไปในทันทีแต่ก็แผ่ช้าลงกว่าเก่ามาก
“อีกนานหรือเปล่าที่เราจะหยุดเงานี่สำเร็จ”
แบคฮยอนเอ่ยถามก่อนจะหันไปมองหน้าทุกคน
“เราต้องใช้เวลานาน”
เซฮุนบอกก่อนจะจ้องมองเงานั้นซึ่งกำลังเคลื่อนตัวช้าลงทุกที
“นานแค่ไหน”
ชานยอลเอ่ยถาม
“นานพอที่จะทำให้เราเมื่อยขนาดนี้ไง”
เฉินบอก
“เมื่อไรจะหยุดซะทีวะ”
ไคพูดก่อนที่เขาจะเพิ่มพลังตรงไปยังเงาจนแสงของเขาสะท้อนปะทะกับแสงทุกคนอย่างเจิดจ้า
“พวกนายใจร้อนทุกทีสินะ มันกำลังช้าลงเรื่อยๆไม่เห็นหรือไง อีกแป๊ปเดียวมันก็จะหยุดแล้ว”
ลู่หานบอกก่อนจะเปิดเปลือกตาออกหลังจากที่แสงของไคทำให้เขาแสบตา เนิ่นนานที่พวกเขายังคงใช้พลังมุ่งตรงไปยังเงามืดอย่างไม่หยุดยั้ง เงานั้นถึงแม้จะแผ่ออกอย่างช้าลงเรื่อยๆแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเช่นเดิม
“ลู่หานไหนนายบอกอีกแป๊ปเดียวมันจะหยุดไง แล้วนี่อะไรผ่านมาตั้งนานทำไมมันยังขยายไปอีก”
ชานยอลพูดก่อนที่เขาจะหยุดพลังลง และนั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ของเขา เพราะมันทำให้แรงจากเงามืดสะท้อนกลับมายังตัวเขาจนทำให้แรงทั้งหมดพุ่งมาที่เขาจนทำให้ร่างสูงของเขาร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว
“ชานยอล!”
คริสและทุกๆคนเอ่ยชื่อชานยอลพร้อมกับที่ร่างชาลยอลร่วงลงไป พวกเขาทุกคนค่อยๆลดพลังลงอย่างช้าๆซึ่งทำให้เงานั้นไม่สะท้อนแรงกลับ คริสรีบกางปีกออกเผยให้เห็นปีกงามสง่าสีขาวสะอาดที่สะท้อนแสงสีเงินออกมาอย่างสวยงาม เขารีบบินตรงไปยังชานยอลที่กำลังร่วงลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว และในที่สุดเขาก็คว้าตัวของชานยอลได้ทันเวลา
ภายในตึกใหญ่ใจกลางโซลทุกห้องล้วนมืดสนิท แต่มีเพียงห้องหนึ่งห้องที่เปิดไฟสว่าง ชายหนุ่มทั้งสิบเอ็ดต่างมองร่างไร้สติของคนตัวสูงที่อยู่บนเตียงด้วยความวิตก ใบหน้าของเขาซีดเผือด ลมหายใจของเขาแผ่วเบา ร่างกายของเขาแม้จะดูปกติแต่ข้างในแบบช้ำ
“เลย์นายทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”
แบคฮยอนเอ่ยถามเมื่อเขายืนมองร่างของชานยอลที่ลมหายใจแผ่วเบาลงแทบทุกนาทีมานาน
“พลังของฉันมีไม่มากพอที่จะรักษาเขาได้”
เลย์บอกด้วยความรู้สึกผิด
“พวกเราทุกคนต่างใช้พลังเยอะ ไม่แปลกที่พลังของนายจะไม่มีผลกับชานยอล”
ซูโฮบอกก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆชานยอล
“แล้วอย่างนี้ชานยอลจะไม่เป็นอะไรเหรอ”
ดีโอเอ่ยถาม
“ฉันมั่นใจว่าเขาจะต้องไม่เป็นอะไร”
ไคบอกก่อนจะนอนลงข้างๆชานยอล เขาจ้องมองใบหน้าซีดเผือดของชานยอลด้วยความเป็นห่วง
“แล้วเราจะทำยังไงต่อ”
เซฮุนเอ่ยถามทุกคนซึ่งมีสีหน้าวิตกไม่ต่างกัน
“อย่างน้อยเงานั้นมันก็หยุดแผ่ออกแล้ว ช่วงนี้คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก”
เทาบอก
“เราไม่ควรประมาท ความคิดที่จะทำลายโลกของพวกมันไม่มีวันหยุด ฉันจะออกไปสำรวจรอบๆเมืองนี่ ใครอยากไปก็ตามมาละกัน”
คริสบอกก่อนที่เขาจะเดินไปยังระเบียง ปีกขาวสะอาดโผบินขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันสะท้อนแสงสีทอง
“ไปไวมาไวสมกับมีปีกจริงๆ งั้นฉันจะไปสำรวจนอกเมืองแล้วกัน พวกนายก็อยู่ดูอาการชานยอลไปนะ ฉันไปล่ะ”
ไคบอกก่อนจะหายไปในทันที
“พวกนายไปกันเถอะฉันจะอยู่เฝ้าชานยอลเอง เผื่อว่าพลังของฉันจะกลับมาและช่วยชานยอลได้”
เลย์บอก
“ฉันอยู่ด้วยละกัน ยังไงพลังของฉันอาจจะพอช่วยอะไรนายได้บ้าง”
ลู่หานบอก
“ก็ดี งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ เผื่อว่าสิ่งที่คริสบอกจะเป็นจริง”
ซิ่วหมินบอกลู่หานก่อนจะหันมาบอกคนที่เหลือ และเขาก็จะหายไปพร้อมกับทุกๆคนทันที
“ฉันจะอยู่แถวๆนี้มีอะไรก็เรียกหาฉันได้นะ”
ซูโฮที่ยืนมองชานยอลอยู่บอกก่อนที่เขาจะหายไป ลู่หานและเลย์ถอนหายใจก่อนที่ทั้งสองจะจ้องมองชานยอลที่นอนหมดสติพร้อมกับลมหายใจที่แผ่วเบา เลย์จ้องมองหน้าลู่หานก่อนที่เขาจะหลับตาลงและลองใช้พลังเพื่อช่วยชานยอลอีกครั้ง
“มีใครเห็นแทยอนหรือเปล่า”
ทิฟฟานีที่เดินงัวเงียออกมาจากห้องนอนเอ่ยถามทุกคนที่อยู่ในครัว
“ไม่นี่ค่ะ หนูตื่นตอนเช้าแต่ก็เห็นมีใครเลยนะคะ”
ซอฮยอนที่กำลังยกข้าวมาไว้บนโต๊ะเอ่ยบอก
“แทยอนอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”
ยูริที่ตักไข่เจียวใส่จานบอก
“ไม่มี ฉันกับยุนอาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ”
ซูยองบอกก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆซันนี่ซึ่งกำลังหั่นผักอยู่
“แล้วแทยอนไปไหน เมื่อคืนก็ไม่เห็น มีอะไรเกิดขึ้นกับแทยอนหรือเปล่า”
ทิฟฟานีพูดด้วยใบหน้าเป็นกังวล
“นั่นสิ”
ฮโยยอนที่นั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าวพูดเสริมด้วยความกังวล
“ฉันว่าเราลองไปหาแทยอนข้างล่างดีไหม เผื่อเธออาจจะลงไปออกกำลังกาย”
เจสสิกาบอกก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้
“งั้นเราแยกกันลงไปหา แล้วก็โทรหาผู้จัดการแล้วก็แม่ของแทยอนด้วย เผื่อว่าแทยอนไปทำธุระแล้วพวกเราไม่รู้ ยุนอาโทรหาแม่แทยอนให้ที”
ฮโยยอนบอกทุกคนก่อนจะตะโกนให้ยุนอาซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟาโทรหาแม่ของแทยอน ทุกคนในห้องต่างแยกย้ายกันไปตามหาแทยอนข้างล่างด้วยความเป็นห่วง จะเหลือเพียงแต่ยุนอาและซูยองที่กำลังโทรติดต่อแม่แทยอนและผู้จัดการ
“โทรติดแล้ว”
ซูยองเอ่ยบอกยุนอา
“ซูยอง ยุนอาทุกคนไปไหนกันหมดอ่ะ”
ร่างเล็กในชุดนอนที่แสนคุ้นตาก้าวเท้าออกมาจากห้องนอนด้วยท่าทางงัวเงีย ซูยองที่กำลังคุยกับผู้จัดการอยู่ถึงกับชะงักก่อนที่เธอจะบอกผู้จัดการว่าเจอแทยอนแล้วและวางหูในทันที
“แทยอน”ซูยอง
“อนนี่!”ยุนอา
อีกด้านที่ไม่มีใครรู้ว่าคนในห้องพบกับแทยอนแล้วเจสสิกา ซันนี ฮโยยอน ยูริ ทิฟฟานีและซอฮยอนรีบวิ่งออกมาจากห้องอย่างแตกตื่นตรงไปยังลิฟต์ และความเร่งรีบของพวกเธอทำให้ไม่มีใครทันระวัง
พลั่ก
ร่างเล็กของเจสสิกาล้มลงไปกองกับพื้นในทันทีเมื่อร่างของเธอปะทะเข้ากับร่างสูง
“เจสสิกา!!”
“อนนี่!”
ทุกคนหันมามองเจสสิกาก่อนจะเอ่ยชื่อเธอเมื่อเห็นเธอล้มลงไปกองกับพื้น ชายหนุ่มในชุดไปรเวตเจ้าของร่างสูงเพรียวใบหน้าหล่อเหลาที่พวกเธอรู้จักเป็นอย่างดีกำลังยืนมองเจสสิกาด้วยความงงงวยอยู่
“เจสสิกาเป็นอะไรหรือเปล่า”
ซันนีที่ตั้งสติได้ก่อนใครรีบวิ่งตรงไปหาเจสสิกาก่อนจะดึงเธอที่นอนราบไปกับพื้นให้ลุกนั่ง
“ฉันเจ็บก้นอ่ะ”
เจสสิกาบอกก่อนจะพยายามยันตัวลุกขึ้น
“อนนี่เป็นอะไรอ่ะ”
ยุนอาที่วิ่งออกมาจากห้องพุ่งตรงมายังเจสสิกาก่อนจะมองสภาพของเจสสิกาที่ดูเจ็บปวดสุดๆด้วยใบหน้าสงสัย
“ขอโทษครับ คือผมไม่ทันระวัง”
คริสที่ยืนมองเจสสิกาอยู่นานเอ่ยขอโทษก่อนจะโค้งตัวให้
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ไม่ทันระวัง”
เจสสิกาบอก
“งั้นก็ดีแล้ว เรารีบไปตามหาแทยอนกันดีกว่า”
ฮโยยอนบอกก่อนจะเตรียมวิ่งลงบันได้ด้วยความร้อนใจ
“เดี๋ยว! อนนี่ๆ”
ยุนอารีบวิ่งมาดักหน้าฮโยยอน
“แทยอนอยู่ในห้อง อนนี่เพิ่งออกมาจากห้องนอนเมื่อกี้”
ยุนอาบอกก่อนจะหอบหายใจด้วยความเหนื่อย
“อ้าว ไหนอนนีบอกว่าไม่เห็นแทยอนไง”
ซอฮยอนเอ่ยถามก่อนจะจ้องมองหน้าทิฟฟานี
“ก็... ก็... ก็ฉันไม่ได้มองบนเตียงนี่ ทุกทีแทยอนก็มานอนกับฉันพอมาวันนี้ฉันก็คิดว่า...”
ทิฟฟานีพูดด้วยความรู้สึกผิด
“เฮ้อ เอาเถอะไม่มีใครหายไปก็ดีแล้ว รีบกลับห้องไปกินข้าวแล้วเข้าบริษัทก่อนที่จะสายดีกว่า”
ยูริบอกก่อนจะหันหลังเตรียมเดินกลับไปยังห้อง
“คริสชานยอลแย่แล้ว”
บานประตูห้องข้างๆของเธอเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มอารมณ์ดีอย่าง ไค ที่ใบหน้าของเขาตอนนี้ไม่มีความขี้เล่นอีกต่อไป คริสรีบวิ่งเข้าไปในห้องอย่างร้อนรนจนสาวๆที่ยืนอยู่ถึงกับแสดงใบหน้าสงสัยออกมา
“ถ้าพวกคุณป่วย พวกคุณจะทำยังไง”
ไคเอ่ยถามเมื่อเขามองเห็นใบหน้าของสาวๆที่กำลังสงสัยอยู่
“ไปโรงพยาบาลสิ ที่นั่นมีหมอที่จะช่วยรักษาเราได้”
ฮโยยอนบอกก่อนจะจ้องมองใบหน้าของไคที่มีเหงื่อไหลอยู่
“แล้วชานยอลจะไปได้เหรอ เขาไม่ใช่คนบนโลกนี่”
ไคกระซิบกับตัวเอง
“พวกคุณ พอจะรู้ไหมว่าถ้าเขามีอาการแบบนี้หมอจะรักษาได้หรือเปล่า”
หญิงสาวทั้งเจ็ดคนเข้ามาในห้องนอนซึ่งบัดนี้มีร่างสูงโปร่งของชานยอลที่ใบหน้าซีดเผือดนอนอยู่พร้อมกับหนุ่มหล่ออีกสิบเอ็ดคนอยู่เต็มห้อง พวกเธอจ้องมองชานยอลที่นอนหายใจอยู่อย่างแผ่วเบาปานคนจะขาดใจ จนพวกเธอทุกคนถึงกับแสดงใบหน้าวิตกออกมาทันที
“เขาเป็นอะไร ทำไมอาการของเขาดูหนักหนาสาหัสแบบนี้”
ยุนอาเอ่ยถามก่อนจะมองชานยอลที่อาการดูแย่ซะจนไม่อาจรอด
“เรื่องมันยาว แต่ตอนนี้พวกคุณคิดว่ามีใครที่พอจะช่วยชานยอลได้บ้างไหม”
ซิ่วหมินเอ่ยถามก่อนจะจ้องมองหน้าหญิงสาวแสนสวยทีละคนเพื่อรอคำตอบ
“พาเขาไปโรงพยาบาลสิคะ หมออาจจะช่วยเขาได้”
ซอฮยอนบอก
“งั้นพวกคุณช่วยพาเขาไปที่นั่นได้ไหมครับ”
ซูโฮเอ่ยถาม
“ได้สิคะ ซอฮยอนไปเอากุญแจให้ที แล้วพวกคุณรีบพาเขาตามฉันลงมาเลยค่ะ”
ยูริบอกก่อนจะรีบเดินออกมาจากห้องตรงไปยังลิฟต์ คริสและไครีบพยุงร่างของชานยอลที่หมดสติลุกขึ้นจากเตียงและรีบตามยูริไปในทันที
.........................................................
ความคิดเห็น