ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO & SNSD มหัศจรรย์รักข้ามดวงดาว

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 5 ความมืด

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 56


    บทที่ 5

    ความมืด

     

    “แกจะบอกได้หรือยังว่าพวกแกจะทำลายโลกทำไม”

    ซิ่วหมินเอ่ยถามร่างสูงใหญ่ที่นิ่งงันอยู่ตรงหน้าของเขาด้วยใบหน้าเรียบสงบ มันยกยิ้มมุมปากก่อนจะหลับตาลงอย่างไม่สนใจคนตรงหน้าที่กำลังจ้องมองมันเพื่อรอคำตอบอยู่

    “ถามมันไปก็เท่านั้น มันเป็นพวกพูดภาษาคนดีไม่รู้เรื่อง”

    ไคบอกก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา

    “แต่ถ้ามันไม่พูดอะไร เราก็หาทางกำจัดพวกของมันไม่ได้”

    แบคฮยอนพูดบอกก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหาซิ่วหมิน

    “เราพอจะมีวิธีอะไรไหมที่จะทำให้มันปริปากพูดได้ อย่างเช่นการสะกดจิตอะไรประมาณนั้น”

    ดีโอเอ่ยถาม

    “นั่นสิ ลู่หาน... นายทำได้หรือเปล่า”

    ซูโฮเอ่ยถามลู่หานที่ยืนอยู่ข้างๆ ลู่หานมองหน้าซูโฮก่อนจะเลื่อนสายตามองไปยังร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งอยู่ในน้ำแข็ง มันยกยิ้มมุมปากโดยที่สายตาของมันมองตรงมาที่เขาด้วยความท้าทาย

    “ฉันไม่รู้ แต่จะลองดู”

    ลู่หานบอกก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงใหญ่ เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของมันเพื่อสะกดจิตเหมือนกับที่เขามองสิ่งของแล้วให้มันทำในสิ่งที่เขาอยากให้เป็น แต่ร่างสูงนั้นยังคงนิ่งและมองมาที่เขาด้วยความท้าทายเช่นเดิม

    “ไม่ได้ผล”

    ชานยอลเอ่ยออกมา

    “พวกมันมีพลังที่แข็งแกร่ง เราเข้าไปในความคิดของมันไม่ได้หรอก”

    เซฮุนบอกก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างๆไค

    “ลองใหม่สิ”

    คริสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บอกลู่หาน ลู่หานพยักหน้าก่อนที่เขาจ้องเข้าไปในดวงตาสีแดงน่ากลัว คราวนี้ใบหน้าของมันไม่ปรากฏรอยยิ้มหรือแสดงทีท่าใดๆ ลู่หานยกยิ้มก่อนที่เขาจะยืนนิ่งและเพ่งไปในความคิดของมัน คำพูดต่างๆที่พวกเขาอยากได้ยินหลั่งไหลออกมาจากปากของร่างสูงไม่หยุด การทดลองครั้งนี้สำหรับพลังวิเศษของลู่หานเป็นผลสำเร็จ

    “พวกมันต้องการอย่างนี้นี่เอง”

    เลย์พูด

    “การทำลายโลกจะทำให้พวกมันมีพลังที่แข็งแกร่งขึ้น มันจะสามารถต่อกรกับพระเจ้าได้”

    เทาพูด

     “มันอยากครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างและสร้างดาวดวงใหม่ที่มีเพียงความชั่วอยู่”

    เฉินบอก

    “พวกมันจะไม่มีวันได้ทำแบบนั้น”

    ซิ่วหมินบอกก่อนจะจ้องมองร่างสูงใหญ่ตรงหน้าที่ยังคงนิ่งเนื่องจากพลังวิเศษของลู่หาน

    “พวกมันจะต้องได้รับโทษในสิ่งที่พวกมันทำลงไป”

    ชานยอลบอกก่อนจะจ้องมองร่างสูงด้วยความโกรธ

    “รีบไปเคลียร์เรื่องนี้ให้มันจบๆลงกันเถอะ”

    ซูโฮเอ่ยบอกก่อนจะจ้องมองหน้าของทุกคน

     

    เวลาบ่ายสามโมงที่ท้องฟ้ามักจะสว่างจ้าด้วยแสงแดด บัดนี้กลับมืดมนคล้ายกับเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน วี่แววของพายุก่อตัวขึ้นมาในทันทีโดยไม่มีการรายงานข่าว ผู้คนในกรุงโซลต่างสงสัยในท้องฟ้ามืดมิดและลมพายุที่กำลังพัดเพิ่มกำลังเรื่อยๆ สายฟ้าที่ตอนแรกเงียบสงบบัดนี้กลับส่งเสียงดังสนั่นอย่างน่าหวาดเสียว ผู้คนที่อยู่ตามทางเดินต่างเร่งรีบสู่จุดหมายของตนโดยละความสนใจกับความแปรป่วนของธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกะทันหัน

    อีกด้านที่ไร้ซึ่งผู้คนบนดาดฟ้าของตึกสูงใหญ่ ชายหนุ่มทั้งสิบสองต่างมองไปยังท้องฟ้าที่บัดนี้มีเงามืดปกคลุมอยู่ พวกเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ หากแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาตามหาและคิดจะทำลายลง ใบหน้าของแต่ละคนมีความวิตกกังวลไม่แตกต่างกัน เงามืดที่คลืบคลานก่อตัวขยายไปเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อผู้คนแน่ พวกมันกำลังจะทำในสิ่งที่ต้องการ ทำในสิ่งที่จะทำให้สรรพสิ่งทุกอย่างบนโลกดับสลายโดยไม่มีคำกล่าวลาใดๆ

    “ฉันควบคุมมันไม่ได้”

    เฉินเอ่ยบอกเมื่อเขาใช้สายฟ้ามุ่งตรงไปยังเงามืดใหญ่น่ากลัวนั้นหลายต่อหลายครั้ง

    “ลมก็ด้วย”

    เซฮุนบอกด้วยใบหน้าหนักใจ

    “เราจะทำยังไงดี”

    แบคฮยอนเอ่ยถามก่อนจะมองไปยังเงามืดที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้า

    “...”

    ทุกคนต่างนิ่งเงียบ

    “เราต้องหาจุดกำเนิดเงา”

    ซูโฮเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเขาทั้งหมดเอาแต่นิ่งเงียบมานาน

    “นายพูดถูก แต่ตอนนี้มันขยายไปกว้างใหญ่กว่าเดิม เราไม่มีเวลาพอที่จะตามหาจุดกำเนิดเงาได้ทันเวลา”

    ซิ่วหมินพูดก่อนจะจ้องมองหน้าซูโฮที่ใบหน้ากลับมาวิตกเหมือนเดิม

    “แต่ฉันว่าเราพอจะมีวิธีนะ”

    คริสเอ่ยบอก

    “ยังไง”

    ไคเอ่ยถามก่อนจะจ้องมองใบหน้าคริสเพื่อรอคำตอบไม่ต่างจากคนอื่นๆ

    “กำเนิดเงา มืดมิด ยิ่งกว่า”

    “นายพูดอะไรคริส”

    ชานยอลเอ่ยถาม

    “ฉันรู้นายหมายความว่า จุดกำเนิดเงาจะมีเงาที่มืดยิ่งกว่าเงาที่แผ่ปกคลุมและขยาย ดังนั้นถ้าเราเห็นเงาที่มืดยิ่งกว่าเงาไหนๆ นั่นก็น่าจะคือแหล่งกำเนิดเงา ใช่ไหมคริส”

    ลู่หานที่แปลความหมายเอ่ยถามคริส คริสพยักหน้า

    “งั้นเราจะรออะไรอยู่ รีบไปจัดการก่อนที่มันจะแผ่ออกไปอีกดีกว่า”

    เทาบอกก่อนที่เขาจะหายไปในทันที

    “งั้นเราก็รีบตามหากันเถอะ ก่อนที่จะไม่ทันเวลา”

    เลย์บอกก่อนที่เขาจะหายไปอีกคน ทุกคนพยักหน้าก่อนที่พวกเขาแต่ละคนจะค่อยๆหายไปจากตึกสูงทีละคน จนในที่สุดดาดฟ้ากว้างบนตึกใหญ่ก็ว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้ใด และการหายไปของพวกเขานั้น พวกเขาไม่มีวันได้รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองการกระทำของพวกเขาด้วยใบหน้าเรียบสงบอยู่

     

    “วันนี้เกิดพายุอีกแน่เลย”

    ฮโยยอนบอกก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากที่เธอออกกำลังกายไปเกือบชั่วโมง

    “นั่นสิคะ วันนี้ดูท่าจะแรงกว่าอาทิตย์ก่อนเยอะเลย”

    ซอฮยอนที่นั่งอ่านหนังสือบนโต๊ะข้างๆโซฟาเอ่ยบอกยูริก่อนที่เธอจะมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีเพียงแสงไฟจากฝั่งตรงข้ามส่องมา ผิดกับท้องฟ้าที่ตอนนี้กลับมืดมิดยิ่งกว่าเก่า

    “ฉันเกลียดพายุ”

    ซูยองที่เดินออกมาจากห้องน้ำบอกก่อนจะทิ้งตัวนอนทับฮโยยอน โดยไม่สนใจคำพูดของคนข้างล่างที่บอกให้เธอลุกออกไป

    “นั่นสิ วันนี้พวกเราเลยไม่ได้ไปเที่ยวเลย”

    ยูริบอกก่อนจะนั่งลงข้างๆซูยองและฮโยยอนที่เล่นกันอยู่

    “แล้วนี่แทยอนไปไหน”

    ยูริเอ่ยถามเมื่อเธอมองไม่เห็นแทยอนในห้อง

    “แทยอนออกไปข้างนอกตั้งแต่บ่ายแล้ว”

    ซันนี่ที่อยู่ในห้องครัวพร้อมกับเจสสิกาและยุนอาเอ่ยบอก

    “ไปทั้งๆที่พายุอย่างนี้เนี่ยนะ”

    ทิฟฟานีที่เดินออกมาจากห้องนอนเอ่ยถาม

    “ก็ใช่นะสิ เห็นบอกว่าจะไปทำธุระอะไรสักอย่างเนี่ยล่ะ”

    เจสสิกาบอกก่อนจะหยิบแอปเปิ้ลเข้าปาก พร้อมกับป้อนให้ยุนอาที่กำลังปอกแอปเปิ้ลอยู่ ยุนอารีบคายมันออกหลังจากที่ซันนีบอกว่ามันตกพื้น

    “อนนี่!!!

    ท่ามกลางการใช้ชีวิตในห้องกว้างที่ดูเหมือนไม่มีอะไรของหญิงสาวทั้งแปด ไม่มีใครรู้มีว่ามีสิ่งหนึ่งกำลังจะเกิดขึ้น สิ่งที่ทำให้พวกเธอทุกคนต้องผิดหวังและเสียใจ ซึ่งมันเปรียบเสมือนมหันตภัยครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครล่วงรู้ นอกจากใครคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิดที่กำลังยืนมองเงามืดเบื้องบนด้วยความเงียบงัน

    …………………………………

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×