คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 5 ความมืด
บทที่ 5
ความมืด
“แกจะบอกได้หรือยังว่าพวกแกจะทำลายโลกทำไม”
ซิ่วหมินเอ่ยถามร่างสูงใหญ่ที่นิ่งงันอยู่ตรงหน้าของเขาด้วยใบหน้าเรียบสงบ มันยกยิ้มมุมปากก่อนจะหลับตาลงอย่างไม่สนใจคนตรงหน้าที่กำลังจ้องมองมันเพื่อรอคำตอบอยู่
“ถามมันไปก็เท่านั้น มันเป็นพวกพูดภาษาคนดีไม่รู้เรื่อง”
ไคบอกก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา
“แต่ถ้ามันไม่พูดอะไร เราก็หาทางกำจัดพวกของมันไม่ได้”
แบคฮยอนพูดบอกก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหาซิ่วหมิน
“เราพอจะมีวิธีอะไรไหมที่จะทำให้มันปริปากพูดได้ อย่างเช่นการสะกดจิตอะไรประมาณนั้น”
ดีโอเอ่ยถาม
“นั่นสิ ลู่หาน... นายทำได้หรือเปล่า”
ซูโฮเอ่ยถามลู่หานที่ยืนอยู่ข้างๆ ลู่หานมองหน้าซูโฮก่อนจะเลื่อนสายตามองไปยังร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งอยู่ในน้ำแข็ง มันยกยิ้มมุมปากโดยที่สายตาของมันมองตรงมาที่เขาด้วยความท้าทาย
“ฉันไม่รู้ แต่จะลองดู”
ลู่หานบอกก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงใหญ่ เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของมันเพื่อสะกดจิตเหมือนกับที่เขามองสิ่งของแล้วให้มันทำในสิ่งที่เขาอยากให้เป็น แต่ร่างสูงนั้นยังคงนิ่งและมองมาที่เขาด้วยความท้าทายเช่นเดิม
“ไม่ได้ผล”
ชานยอลเอ่ยออกมา
“พวกมันมีพลังที่แข็งแกร่ง เราเข้าไปในความคิดของมันไม่ได้หรอก”
เซฮุนบอกก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างๆไค
“ลองใหม่สิ”
คริสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บอกลู่หาน ลู่หานพยักหน้าก่อนที่เขาจ้องเข้าไปในดวงตาสีแดงน่ากลัว คราวนี้ใบหน้าของมันไม่ปรากฏรอยยิ้มหรือแสดงทีท่าใดๆ ลู่หานยกยิ้มก่อนที่เขาจะยืนนิ่งและเพ่งไปในความคิดของมัน คำพูดต่างๆที่พวกเขาอยากได้ยินหลั่งไหลออกมาจากปากของร่างสูงไม่หยุด การทดลองครั้งนี้สำหรับพลังวิเศษของลู่หานเป็นผลสำเร็จ
“พวกมันต้องการอย่างนี้นี่เอง”
เลย์พูด
“การทำลายโลกจะทำให้พวกมันมีพลังที่แข็งแกร่งขึ้น มันจะสามารถต่อกรกับพระเจ้าได้”
เทาพูด
“มันอยากครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างและสร้างดาวดวงใหม่ที่มีเพียงความชั่วอยู่”
เฉินบอก
“พวกมันจะไม่มีวันได้ทำแบบนั้น”
ซิ่วหมินบอกก่อนจะจ้องมองร่างสูงใหญ่ตรงหน้าที่ยังคงนิ่งเนื่องจากพลังวิเศษของลู่หาน
“พวกมันจะต้องได้รับโทษในสิ่งที่พวกมันทำลงไป”
ชานยอลบอกก่อนจะจ้องมองร่างสูงด้วยความโกรธ
“รีบไปเคลียร์เรื่องนี้ให้มันจบๆลงกันเถอะ”
ซูโฮเอ่ยบอกก่อนจะจ้องมองหน้าของทุกคน
เวลาบ่ายสามโมงที่ท้องฟ้ามักจะสว่างจ้าด้วยแสงแดด บัดนี้กลับมืดมนคล้ายกับเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน วี่แววของพายุก่อตัวขึ้นมาในทันทีโดยไม่มีการรายงานข่าว ผู้คนในกรุงโซลต่างสงสัยในท้องฟ้ามืดมิดและลมพายุที่กำลังพัดเพิ่มกำลังเรื่อยๆ สายฟ้าที่ตอนแรกเงียบสงบบัดนี้กลับส่งเสียงดังสนั่นอย่างน่าหวาดเสียว ผู้คนที่อยู่ตามทางเดินต่างเร่งรีบสู่จุดหมายของตนโดยละความสนใจกับความแปรป่วนของธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกะทันหัน
อีกด้านที่ไร้ซึ่งผู้คนบนดาดฟ้าของตึกสูงใหญ่ ชายหนุ่มทั้งสิบสองต่างมองไปยังท้องฟ้าที่บัดนี้มีเงามืดปกคลุมอยู่ พวกเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ หากแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาตามหาและคิดจะทำลายลง ใบหน้าของแต่ละคนมีความวิตกกังวลไม่แตกต่างกัน เงามืดที่คลืบคลานก่อตัวขยายไปเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อผู้คนแน่ พวกมันกำลังจะทำในสิ่งที่ต้องการ ทำในสิ่งที่จะทำให้สรรพสิ่งทุกอย่างบนโลกดับสลายโดยไม่มีคำกล่าวลาใดๆ
“ฉันควบคุมมันไม่ได้”
เฉินเอ่ยบอกเมื่อเขาใช้สายฟ้ามุ่งตรงไปยังเงามืดใหญ่น่ากลัวนั้นหลายต่อหลายครั้ง
“ลมก็ด้วย”
เซฮุนบอกด้วยใบหน้าหนักใจ
“เราจะทำยังไงดี”
แบคฮยอนเอ่ยถามก่อนจะมองไปยังเงามืดที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้า
“...”
ทุกคนต่างนิ่งเงียบ
“เราต้องหาจุดกำเนิดเงา”
ซูโฮเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเขาทั้งหมดเอาแต่นิ่งเงียบมานาน
“นายพูดถูก แต่ตอนนี้มันขยายไปกว้างใหญ่กว่าเดิม เราไม่มีเวลาพอที่จะตามหาจุดกำเนิดเงาได้ทันเวลา”
ซิ่วหมินพูดก่อนจะจ้องมองหน้าซูโฮที่ใบหน้ากลับมาวิตกเหมือนเดิม
“แต่ฉันว่าเราพอจะมีวิธีนะ”
คริสเอ่ยบอก
“ยังไง”
ไคเอ่ยถามก่อนจะจ้องมองใบหน้าคริสเพื่อรอคำตอบไม่ต่างจากคนอื่นๆ
“กำเนิดเงา มืดมิด ยิ่งกว่า”
“นายพูดอะไรคริส”
ชานยอลเอ่ยถาม
“ฉันรู้นายหมายความว่า จุดกำเนิดเงาจะมีเงาที่มืดยิ่งกว่าเงาที่แผ่ปกคลุมและขยาย ดังนั้นถ้าเราเห็นเงาที่มืดยิ่งกว่าเงาไหนๆ นั่นก็น่าจะคือแหล่งกำเนิดเงา ใช่ไหมคริส”
ลู่หานที่แปลความหมายเอ่ยถามคริส คริสพยักหน้า
“งั้นเราจะรออะไรอยู่ รีบไปจัดการก่อนที่มันจะแผ่ออกไปอีกดีกว่า”
เทาบอกก่อนที่เขาจะหายไปในทันที
“งั้นเราก็รีบตามหากันเถอะ ก่อนที่จะไม่ทันเวลา”
เลย์บอกก่อนที่เขาจะหายไปอีกคน ทุกคนพยักหน้าก่อนที่พวกเขาแต่ละคนจะค่อยๆหายไปจากตึกสูงทีละคน จนในที่สุดดาดฟ้ากว้างบนตึกใหญ่ก็ว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้ใด และการหายไปของพวกเขานั้น พวกเขาไม่มีวันได้รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองการกระทำของพวกเขาด้วยใบหน้าเรียบสงบอยู่
“วันนี้เกิดพายุอีกแน่เลย”
ฮโยยอนบอกก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากที่เธอออกกำลังกายไปเกือบชั่วโมง
“นั่นสิคะ วันนี้ดูท่าจะแรงกว่าอาทิตย์ก่อนเยอะเลย”
ซอฮยอนที่นั่งอ่านหนังสือบนโต๊ะข้างๆโซฟาเอ่ยบอกยูริก่อนที่เธอจะมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีเพียงแสงไฟจากฝั่งตรงข้ามส่องมา ผิดกับท้องฟ้าที่ตอนนี้กลับมืดมิดยิ่งกว่าเก่า
“ฉันเกลียดพายุ”
ซูยองที่เดินออกมาจากห้องน้ำบอกก่อนจะทิ้งตัวนอนทับฮโยยอน โดยไม่สนใจคำพูดของคนข้างล่างที่บอกให้เธอลุกออกไป
“นั่นสิ วันนี้พวกเราเลยไม่ได้ไปเที่ยวเลย”
ยูริบอกก่อนจะนั่งลงข้างๆซูยองและฮโยยอนที่เล่นกันอยู่
“แล้วนี่แทยอนไปไหน”
ยูริเอ่ยถามเมื่อเธอมองไม่เห็นแทยอนในห้อง
“แทยอนออกไปข้างนอกตั้งแต่บ่ายแล้ว”
ซันนี่ที่อยู่ในห้องครัวพร้อมกับเจสสิกาและยุนอาเอ่ยบอก
“ไปทั้งๆที่พายุอย่างนี้เนี่ยนะ”
ทิฟฟานีที่เดินออกมาจากห้องนอนเอ่ยถาม
“ก็ใช่นะสิ เห็นบอกว่าจะไปทำธุระอะไรสักอย่างเนี่ยล่ะ”
เจสสิกาบอกก่อนจะหยิบแอปเปิ้ลเข้าปาก พร้อมกับป้อนให้ยุนอาที่กำลังปอกแอปเปิ้ลอยู่ ยุนอารีบคายมันออกหลังจากที่ซันนีบอกว่ามันตกพื้น
“อนนี่!!!”
ท่ามกลางการใช้ชีวิตในห้องกว้างที่ดูเหมือนไม่มีอะไรของหญิงสาวทั้งแปด ไม่มีใครรู้มีว่ามีสิ่งหนึ่งกำลังจะเกิดขึ้น สิ่งที่ทำให้พวกเธอทุกคนต้องผิดหวังและเสียใจ ซึ่งมันเปรียบเสมือนมหันตภัยครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครล่วงรู้ นอกจากใครคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิดที่กำลังยืนมองเงามืดเบื้องบนด้วยความเงียบงัน
…………………………………
ความคิดเห็น