"ฮัลโหลพลอย ทำไมทำกับเราแบบนี้ เราทำอะไรผิดมีอะไรคุยกันก่อนสิ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็บอกเลิกกันแบบนี้"
ไม้ตัดพ้อแฟนสาวที่คบกันมากว่าห้าปี แต่อยู่ๆเธอก็ขอตัดความสัมพันธ์แบบไม่ทันได้ตั้งตัว
"ไม้ไม่ต้องถามหาเหตุผลกับพลอยหรอก พลอยก็ไม่รู้จะบอกยังไง แค่รู้สึกว่าเราไม่ใช่แค่นั้นเอง ขอร้องเถอะ อย่าโทรมาอีก" คลึก!! ตู๊ด..ตู๊ด..ตู๊ด..
พลอยพูดแค่นั้นก็วางสายไป ไม้พยายามติดต่อกลับไปหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ปลายสายไม่สามารติดต่อได้
"แค่นี้เหรอวะ!! แค่นี้เองเหรอกับเวลาหลายปีที่คบกัน ง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ"
ไม้นั่งร้องไห้น้ำตาไหลนองหน้า นึกถึงแต่เรื่องเก่าๆยิ่งนึกก็ยิ่งทำให้ภายในหัวใจปวดร้าวจนแทบบ้า จากนั่งก็เปลี่ยนเป็นนอน และยังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนหลับไป
กริ๊ง.... กริ๊ง... เสียงโทรศัพท์ปลุกไม้ให้งัวเงียลุกขึ้นนั่ง
"ฮัลโหล" ไม้รับสายด้วยอาการมึนงง
"มึงอยู่ไหนวะ ทำไมสายป่านนี้แล้วยังไม่มาทำงาน แล้วไหงเสียงเป็นแบบนี้วะยังไม่ตื่นเหรอ เหลวไหลนะมึงเนี่ย เมื่อคืนเมาหนักรึไง งานการไม่ทำแล้วใช่มั๊ย "
เสียงปลายสายยิงคำถามรัวเป็นชุดราวกับปืนกล แถมด่าต่อท้ายแบบไม่คิดจะฟังคำตอบ
"พลอยทิ้งกูแล้วว่ะ กูไม่อยากทำอะไรเลยตอนนี้ โฮ....." ไม้ตอบกลับปลายสายได้เพียงเท่านั้นก็ปล่อยโฮดังลั่น จนปลายสายถึงกับเหวอ
"อ้าว อ่ะ เออๆ งั้นเดี๋ยวกูบอกหัวหน้าให้ว่ามึงไม่สบาย ขอลาป่วย ตอนเที่ยงก็เดี๋ยวกูแวะเข้าไปหาละกัน มึงอย่าเสือกคิดสั้นล่ะ แค่นี้นะ"
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ไม้ยังคงนั่งที่เดิมไม่ขยับไปไหน ในหัวคิดวกวนแต่เรื่องแฟนสาว และคำถามว่าทำไม ทำไม อยู่แบบนั้น สุดท้ายก็นั่งกอดเข่าสะอื้นตัวโยนอีกครั้ง
ประมาณเที่ยงกว่าๆ ฝ้าย เพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่เด็กของไม้ก็เดินทางมาถึงห้อง พร้อมหอบหิ้วอาหารมาเต็มสองมือ
"โอ้โห เพื่อนกู ไหงสภาพมึงดูแย่แบบนี้วะ นี่ถ้ามีปืนกูยิงแสกหน้ามึงทันทีเลยนะ นึกว่าซอมบี้"
ฝ้าย พูดขึ้นเมื่อเห็นสภาพเพื่อนรัก ที่ในเวลานี้ไม่เหลือเค้าความเป็นหนุ่มออฟฟิศที่แสนสมาร์ท ผมที่เคยหวีเรียบร้อย ยุ่งเหยิงเป็นรังนก ปากซีดริมฝีปากแห้ง ลอกเป็นแผ่น ตาคล้ำบวมเปล่งมีน้ำตาคลอ ใบหน้ามีแต่คราบน้ำตาและความทุกข์
"เอางี้ ก่อนอื่นมึงลุกไปอาบน้ำอาบท่า แล้วมากินข้าวก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน"
ฝ้าย บอกเพื่อนพลางเดินเข้าไปในครัว จัดแจงเอาอาหารที่นำมาจัดใส่จาน
"วันนี้กูลาครึ่งวัน กะมาอยู่เป็นเพื่อนมึงนี่แหละ"
"กูไ่ม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น กูอยากตา...โอ๊ย!!"
ไม้ พร่ำเพ้อยังไม่ทันจบ หัวก็สะบัดด้วยแรงฝ่ามือที่ลงกลางหัวอย่างหนักหน่วง
"ไอ้ห่านี่ กูบอกให้ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว อย่างอื่นค่อยว่ากัน เดี๋ยวปั๊ด"
ฝ้าย บอกเพื่อนหลังจากตบกบาลไปหนึ่งที พร้อมกับเงื้อมือขึ้นหมายจะซ้ำอีกรอบ
"ทำเชี่ยไรเนี่ย กูเศร้าอยู่นะโว้ย มือผู้หญิงรึเปล่าวะ หนักหยั่งกะอุ้งตีนหมี" ไม้โอดครวญพลางเอามือลูบหัว
"มึงเศร้าแต่กูหิว ไปอาบน้ำซะให้ไว ก่อนที่กูจะฟิวส์ขาด" ฝ้ายตีหน้านิ่งแล้วบอกเพื่อนด้วยเสียงนิ่งๆแต่เฉียบขาด
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ไม้ก็กลับออกมาในสภาพที่ดูดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
"มาๆ กินข้าวก่อน แล้วค่อยคุยกัน" ฝ้ายพูดพลางเลื่อนจานอาหารไปตรงหน้าเพื่อน
"กูไม่อยากกิน กูกินไม่ลง เฮือก!! เออกินก็ได้วะ" ไม้พูดไม่ทันจบประโยค ก็ต้องสะดุ้งและยอมกินอาหารตรงหน้าอย่างฝืนทน เพราะสายตาเพื่อนสาวที่แลมานั้นแฝงความมาดร้ายอย่างที่สุด หากขัดคำสั่งแม่คุณคงประเคนฝ่ามือยมฑูตใส่หัวเค้าอีกอย่างไม่ต้องสงสัย
"ดีมาก ทนๆกินไปเหอะ ไม่อยากก็ต้องกิน" ฝ้ายพูดพลางตักอาหารของตัวเองใส่ปากบ้าง
เมื่อจัดการอาหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็ย้ายไปนั่งที่โซฟา หลังจากเงียบไปสักพักฝ้ายก็เอ่ยขึ้น
"แล้วแบบนี้มึงจะเอายังไงต่อ"
"กูก็ยังไม่รู้เลย ตอนนี้กูทั้งมึน ทั้งไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น" ไม้ตอบเพื่อนสาว
กริ๊ง.... กริ๊ง.......เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ทั้งสองชะงัก ไม้มองดูชื่อผู้โทรเข้าก็น้ำตาคลออีกครั้ง
"ครับแม่" ไม้รับโทรศัพท์พยายามทำเสียงให้เป็กปกติ พร้อมลุกออกไปคุยตรงระเบียง ฝ้ายได้แต่มองตามด้วยสายตาเป็นห่วง
ประมาณสิบนาที ไม้กลับเข้ามานั่งที่โซฟาข้างๆฝ้าย พร้อมเอื้อนเอ่ยประโยคที่พอเพื่อนสาวได้ยินถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
"กูจะบวช" ไม้พูดด้วยใบหน้านิ่ง แต่สายตายังคงเต็มไปด้วยความเศร้า
"ดะ เดี๋ยวๆ เดี๋ยวนะ อะไรกูชักตามไม่ทัน เมื่อเช้ามึึงบอกว่าอกหักอยากตาย พอตอนเที่ยงก็ยังบอกอยากตาย ล่าสุดเมื่อกี้มึงบอกยังคิดไม่ออก พอคุยกับแม่แป๊บเดียวกลับเข้ามาบอกกูว่าจะบวช ยังไงเนี่ย" ฝ้ายละล่ำละลักถามเพื่อนหนุ่มออกไป
"เออน่ะ พรุ่งนี้กูจะเข้าไปแจ้งหัวหน้า มึงด้วยนะ"ไม้พูดพร้อมชายตามองเพื่อนสาว
"อะไร กูจะลาทำไม กูบวชไม่ได้ กูเป็นสตรีนะสตรี!!" ฝ้ายแหวใส่ไม้เมื่อได้ยินเพื่อนเอ่ยปากว่าตนก็ต้องลาด้วย
"บ้าแล้ว ที่ให้ลาเพราะมึงต้องไปช่วยงานบวชกู และอีกอย่างมึงต้องไปถือหมอนให้กูด้วย แม่กูบอกมา เดี๋ยวแม่กูก็โทรหามึงเองแหละ" พูดจบ โทรศัพท์ฝ้ายก็สั่นดัง อืด อืด เมื่อดูว่าใครโทรเข้ามา เพื่อนสาวก็โพล่งขึ้น
"โห้ ยังกะนัดกันไว้บอกปุ๊บโทรปั๊บ"ฝ้ายบ่นเสร็จก็กดรับสาย
"ค่ะ คุณป้า..ค่ะ ว่างคุยค่ะ...คะ!!อะไรนะคะ!! เปล่าค่ะๆ สะดวกค่ะ ค่าๆได้ค่ะ ค่ะสวัสดีค่ะ"
ฝ้ายวางโทรศัพท์พร้อมทำหน้าเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ด้วยความที่สนิทกันตั้งแต่เด็ก ฝ้ายจึงมิอาจปฎิเสธคำขอของอีกฝ่ายได้ ซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นหญิงที่เธอเคารพเสมือนแม่อีกคนด้วย
สามวันต่อมาหลังจากที่ทำเรื่องลากับทางต้นสังกัดเรียบร้อย ทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งถือว่าเป็นบ้านเกิดของคนทั้งสอง ตอนนั้นเวลาประมาณตีสอครึ่ง บริเวณสถานีรถไฟไม่ค่อยมีคนเท่าใดนัก นั่งรออยู่ที่สถานีรถไฟประมาณครึ่งชั่วโมง รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ก็แล่นเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าสถานี ไม้เห็นก็จำได้ทันที สะกิดบอกเพื่อนสาวแล้วลุกเดินเข้าไปหาชายแก่ที่กำลังก้าวลงจากรถ
"ลุงทอง สวัสดีครับ"ไม้เอ่ยทักพร้อมยกมือขึ้นสวัสดีตามมารยาท
"สวัสดีค่ะลุงทอง" ฝ้ายเองก็ปฎิบัติเช่นเดียวกัน
"เออ ๆ ไหว้พระ เถอะลูก มาถึงกันนานแล้วเรอะ ขอโทษทีรถมันเก่าไปหน่อยเลยวิ่งเร็วไม่ได้"
ชายแก่ รับไหว้พร้อมขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
"โธ่ลุงทองคะ ตีสองแบบนี้จะให้หนูไปไหว้พระที่ไหนกันคะ ถ้าจะให้ไหว้คงต้องรอหกโมงเช้านู่นแหละค่า คิคิ" ฝ้าย พูดหยอกลุงทองอย่างทะเล้น
"ไอ้เด็กคนนี้นี่ เดี๋ยวจับตีก้นซะเลย แม่พอโตเป็นสาวเข้าหน่อยห่างก้านมะยม ทำเป็นทะลึ่งนะเรา"
ชายแก่เอ็ดตะโรใส่หญิงสาวดังลั่น แต่มิใช่เพราะโกรธเคืองแต่อย่างใด หากเป็นไปด้วยความเอ็นดู
พูดจาทักทายกันพอหอมปากหอมคอ คนทั้งสามก็พากกันขึ้นรถ เพื่อออหเดินทางไปยังที่หมายนั่นคือบ้านของไม้นั่นเอง
เวลาเกือบๆหกโมงเช้า ทั้งหมดก็ถึงทางเข้าหมู่บ้าน แสงอรุโณทัยค่อยๆ ฉาบขอบฟ้าทีละนิด เบื้องล่างเป็นภาพทุ่งนาตัดกับหมอกยามเช้าทั้งสองข้างทาง เป็นภาพที่ไม่ว่ามนุษย์ผู้ที่แบกรับความทุกข์ระทมไว้แค่ไหน ก็สามารถปลดเปลื้องความทุกข์นั้นออกจากใจได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แม้กระทั่งไม้ ชายหนุ่มที่เมื่อไม่กี่วันที่แล้วยังบ่นว่าอยากตายอยู่ก็ตาม
สายของวันนั้น ป้าละไมแม่ของไม้ก็พาลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เข้าไปหาเจ้าอาวาสเพื่อเรียนให้ท่านทราบถึงจุดประสงค์ที่ต้องการ เจ้าอาวาสมองดูชายหนุ่มอย่างพินิจพิเคราะอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยกัยชายหนุ่มด้วยเสียงอันเปี่ยมด้วยเมตตา
"บวชหนีรักล่ะสิฮึ" ท่านเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่กลับทำให้ชายหนุ่มหน้าเจื่อนลง
"แล้วคิดว่าจะบวชกี่วันกันล่ะ" ท่านอ่ายถามต่อ
"คือผมว่าจะบวชซักเก้าวัน.."ไม้พนมมือขึ้นแล้วเอ่ยตอบไปแต่ยังไม่ทันจบประโยค ท่านเจ้าอาวาสก็พูดสวนขึ้นทันควัน
"บางคนก็บวชเจ็ดวัน บางคนก็บวชเก้าวัน คิดแค่ว่าบวชให้พ่อแม่แค่นั้นก็พอแล้ว แค่นั้นท่านก็ได้เกาะชายผ้าเหลืองแล้ว แต่ไม่เคยคิดว่าบวชแล้วตนเองได้อะไร หากบวชเพียงเวลาสั้นๆ บางคนยังครองผ้าไม่เป็นด้วยซ้ำ ไม่ต้องไปถามถึงบทสวดมนต์ต่างๆเลยว่าสวดได้มั๊ย" เจ้าอาวาสเอ่ยพลางรินน้ำชาในกา ไม้นิ่งไปสักครู่ท่านก็เอ่ยต่อ
"เอาอย่างนี้มั๊ยล่ะ บวชไปก่อน ลองอยู่ในผ้าเหลืองไป ดูซิว่าผ้าเหลืองจะช่วยกำจัดความทุกข์ที่โยมยึดอยู่ได้มั๊ย เวลาน่ะช่วยบรรเทาได้ทุกอย่างนั่นแหละ แต่อยู่ที่เราจะใช้เวลานั้นเพื่อทำอะไร หากใช้เวลานั้นหมดไปกับการคิดถึงแต่อดีต จวบจนวันสุดท้ายของชีวิต ก็มิอาจตัดความทุกข์นั้นพ้นหรอกนะ ลองกลับไปคิดดูอีกที พรุ่งนี้ค่อยกลับมาหาอาตมาใหม่ เรื่องจะบวชนั้น อาตมาไม่ห้ามหรอกนะ บวชกี่วันก็ถือว่าบวชทั้งนั้น แต่ที่ให้กลับไปคิด คือบวชแล้วโยมได้อะไรจากการบวชนั้น"
หลังจากกราบลาเจ้าอาวาสแล้ว ทั้งป้าละไมและไม้ก็เดินทางกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ห่างจากวัดเท่าใดนัก
เมื่อถึงบ้านก็พบกับฝ่ายมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว ไม้ยิ้มให้แล้วเดินขึ้นบ้านไปโดยไม่พูดอะไร
"เป็นไงบ้างคะคุณป้า" ฝ้ายเอ่ยปากถามป้าละไม
"ท่านให้เจ้าตัวเค้ากลับมาคิดดูอีกคืนนึง ว่าจะบวชกี่วัน เออว่าแต่เรื่องของไอ้หนูกับแฟนมันนี่ยังไง เล่าให้ป้าฟังหน่อย" ไอ้หนู คือชื่อที่ป้าละไมใช้เรียกไม้
"คือ...ที่จริงพลอยเค้ารักไม้มากนะคะ แต่มีความจำเป็นบางอย่าง พลอยเค้าเลยต้องทำแบบนี้"
ฝ้ายเล่าเรื่องทุกอย่างให้ป้าละไมฟังโดยไม่ปิดบัง แน่ล่ะที่บอกว่าเรื่องทุกอย่าง เพราะฝ้ายนั้นรู้ดีถึงสาเหตุที่พลอยต้องบอกเลิกไม้ และฝ้ายก็ไม่สามารถบอกไม้ได้เช่นกัน
"โธ่หนูพลอย.."เมื่อรัััับรู้เรื่องทั้งหมดป้าละไมได้แต่ถอนหายใจแล้วรำพึงกับตนเอง
ทางด้านไม้ ได้แต่นั่งอยู่ในห้องเงียบๆ ในหัวคิดวนเวียนถึงคำพูดของเจ้าอาวาส กับเหตุการที่ตนเองถูกบอกเลิกสลับกันไปมา นั่งคิดวนเวียนอยู่แบบนั้นจนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็นโดยไม่รู้ตัว
"ไอ้หนู ไอ้หนูลูกมากินข้าวได้แล้วลูกแม่ทำเสร็จแล้วเดี๋ยวจะเย็นซะก่อนลูกมา" เสียงป้าละไมร้องเรียกไม้ให้ไปกินข้าวเย็น
"ผมไม่.."ไม้ตั้งใจจะปฎิเสธผู้เป็นแม่ไปแต่กลับหวนคิดถึงคำพูดของฝ้ายที่บอกเค้าตอนนั่งรถไฟมาด้วยกัน
"ไม้ ตอนนี้มึงจะทำตัวโศกเศร้าเคล้าน้ำตาแค่ไหนก็ได้ก็ไม่ว่า กูเข้าใจมึง แต่ถ้ามึงถึงบ้านแล้วอย่าแสดงอาการแบบนี้ให้ป้าละไมแกเห็น แกจะไม่สบายใจเอา ยังไงก็คิดถึงแม่มึงเอาไว้หน่อย กูขอแค่นี้มึงให้กูได้มั๊ย" คำพูดนั้นทำให้ไม้เปลี่ยนใจ
"ครับแม่เดี๋ยวผมลงไปครับ"
เมื่อเดินลงมาข้างล่าง ไม้ต้องแปลกใจเมื่อเห็นกับข้าวหลายอย่างอยู่บนโต๊ะ แต่ที่แปลกใจกว่าคือมีจานข้าววางอยู่สามชุด
"อ้าว ใครมากินข้าวกับเราหรือครับแม่ ลุงทองเหรอ" ไม้เอ่ยถามพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้เพื่อนั่งลง
"ไม่ใช่ลุงทอง ลุงฝ้ายเองหลานรัก" เสียงตอบเจื้อยแจ้วแกมยียวนทำให้ไม้ต้องหันไปทางต้นเสียงอย่างแปลกใจ
"อ้าว ไหงมากินข้าวบ้านกูอ่ะที่บ้านมึงไม่มีข้าวกินว่างั้น โอ๊ยแม่ตีผมทำไมเนี่ย"
ไม้ตั้งคำถามได้แค่นั้นก็โดนทัพทีเขกหัว
"เอ้..ไอ้หนูนี่แม่สอนตั้งกี่ครั้งแล้วว่าให้พูดจากับเพื่อนให้ดีๆหน่อย หนูฝ่ายน่ะเค้าเป็นผู้หญิงนะ เรานี่เดี๋ยวเหอะ"
"เดี๋ยวเหอะไอ้หนู เดี๋ยวเหอะ คิกคิก"ฝ้ายล้อเพื่อนหนุ่มอย่างสนุกสนาน แต่แล้ว โป้ก!!
"คุณป้า.." ฝ้ายเองก็โดนทัพพีสยบลิงเช่นกัน
"ทั้งสองคนนี้นี่ จริงๆเล้ย มาๆกินข้าวๆ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน" ป้าละไมพูดพร้อมตักข้าวให้คนทั้งสอง
ค่ำนั้น ที่บ้านของไม้ มีเสียงพูดคุยกันเฮฮา เป็นภาพที่ไม่ได้เกิดขึ้นนานหลายปีตั้งแต่ทั้งไม้และฝ้ายเรียนจบ
ความคิดเห็น