คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พบเจอ 100% ค๊าบบบบ ผม
" เมื่อครู่คุณเรียกผมเหรอครับ "
" เป็นนายนั้นแหละชั่งกล้านักนะ ถึงกับสาดน้ำใส่รถคุณชายเชว ชีวอน ของพวกเรา นายคงไม่อยากมี
ชีวิตอยู่แล้วล่ะมั้ง ! " เสียงคังอินตวาดลั่น
" ขอโทษจริง ๆ ผมเพิ่งมาที่นี้เป็นครั้งแรก วันนี้เป็นวันแรกที่ผมเริ่มทำงาน ในร้านข้าวผัด เมื่อครู่ผมกำลังเก็บกวาด ไม่ทราบว่ามีคนผ่านมาจึงทำให้พวกคุณและคุณชายอะไรนั้นของพวกคุณสกปรกเลอะเทอะล้วนเป็นความผิดของผมเอง ให้อภัยผมด้วยเถอะครับ "
เขาเพิ่งจะมาโซลเป็นครั้งแรก ไม่ทราบว่าคนที่นี้มีอารมณ์รุนแรงถึงขนาดนี้ เพียงแค่สาดน้ำเลอะรถก็ทำเสีย
กับว่าเขาทำความผิดร้ายแรง อะไรจะขนาดนั้น
" นี้...นาย ! " คังอินทำท่าอย่างจะฆ่าเขาให้ตายอยู่ตรงนั้น
" เอาอย่างนี้ดีไหม ผมจะช่วยพวกคุณเช็ดรถจนสะอาดเอี่ยม ถ้าหากไม่พอ แม้เสื้อผ้าของพวกคุณผมก็
จะซักให้ ตกลงหรือ..ไม่ แต่ถ้าเป็นการแสดงความเสียใจของผมไม่พอล่ะก็...เอาเถอะ แต่ขอ
บอกพวกคุณว่าผมไม่เงินทองพอจะชดใช้รถคันหรูให้แก่คุณชายของคุณหรอกนะ ถ้าอาจคิดจะ
รีดไถผมล่ะก็ พวกคุณมาผิดที่แล้ว เอาอย่างนี้ผมทำงานอยู่ร้านข้าวผัด หากพวกคุณไม่รังเกียจผมเชิญพวกคุณ ทุกคนเลยนะครับ มาทานข้าวผัดของร้านของผมคนล่ะจาน ถือว่าเป็นการขอโทษก็แล้วกันดีไหมครับ "
ดูจากสีหน้าท่าทางจะโมโหเขาน่าดู ฮันเกิงจึงได้แต่ยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง จำนวนคนกลุ่มนี้นับไปถึงคนในรถอีกหลายสิบกว่าคัน อย่างน้อยก็ประมาณสามสิบสี่สิบคน ผ่านเลยคราวนี้ไปเขาไม่ขาดทุน ก็แปลกเกินไปแล้ว
ดูท่าทางฮันเกิงยังไม่รู้ตัวว่าไปทำอะไรให้คนกลุ่มนี้โกรธเข้า ทั้งยังกล่าวพวกเขาว่าจะมารีดไถเงิน ทำให้ทุกคนพากันส่ายหน้ามองอย่างสมเพช ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตล่ะคราวนี้
" นี้ นายจะบ้าหรือไง คิดว่าคุณชายของเราเป็นใครกัน ถึงให้มากินอาหารหยาบ ๆ ที่
นายทำแบบนี้นะ ห๊า ! " คังอินปวดหัวอย่างยิ่งเพราะดันมาเจอคนบ้าคนบอแบบนี้ แล้วยังมาให้คุณชายของเขาทานอาหารข้างถนนเสียอีก
" อาหารหยาบ ๆ ? หรือข้าวผัดของฉันปรุงมีรสชาติขึ้นชื่อที่บ้านเกิดของฉันที่จีนเลยนะจะบอกให้
เชื่อได้เลยคนใหญ่คนโตที่ได้ลิ้มลองชิมรสจะต้องชมเชยไม่หยุดปากแน่ ๆ แต่พวกนายกลับคิดว่าข้าวผัดเป็นฉันทำเป็นอาหารหยาบ ๆ อย่างนั้นหรอ "
คำพูดนั้นสะกิดอารมณ์ของเขาอย่างไม่คาดฝัน หลังจากเมื่อครู่เสียงเบาถ่อมเนื้อถ่อมตัว ตอนนี้น้ำเสียงสูงปรี๊ดดังกลบเสียงตวาดของคังอินจนหมด มันน่าโมโหนัก เขาเป็นคนรับฟังได้ทุกเรื่อง
แต่ถ้ามีคนมาวิจารณ์ฝีมือให้การทำอาหารของเขาแล้วล่ะก็ เขาก็เตรียมพร้อมที่จะสู้ทันที ต่อให้ใครคนนั้นยิ่งใหญ่มาจากที่ไหนก็ต้องที เขาจะด่าให้ไม่เลี้ยงเลย ข้อหารู้จักเขาน้อยเกินไป
คังอินตะลึงจนตาค้าง ขณะจะขยับปากจะแผดเสียงออกมาอีกครั้ง แต่คนที่อยู่ในรถก็เปิดประตูพร้อมกับเอ่ยว่า
" คังอิน ฉันอยากกินข้าวผัดของเขา "
" คุ..คุณชาย คุณชายต้องการทานข้าวผัดของเขาหรือครับ ? " คังอินเอ่ยเสียงออกมาอย่างไม่เชื่อหู คุณชายเป็นอะไรไปแล้ว คิดอย่างไรถึงยอมลดตัวไปกินอาหารธรรมดาของชาวบ้าน คุณชายถือว่าเป็นมหาเศรษฐีระดับต้น ๆ ที่รวยที่สุดในตอนนี้ก็ว่าได้ และยามรับประทานอาหารก็จะใส่ใจพิถีพิถันเป็นพิเศษ ที่คฤหาสน์มีพ่อครัวที่ขึ้นชื่อหลายสิบคนทำกันสุดฝีมือ ถึงขนาดนั้นก็ยังไม่เคยเอ่ยปากชมเลยสักครั้ง แต่วันนี้คุณชายกลับมาอยากทานข้าวผัดร้านข้างถนน การกระทำเช่นนี้ทำเอาเขาและลูกน้องทุกคนงงเป็นไก่ตาแตก
" ไม่ได้หรืออย่างไร " ชีวอนยืนอยู่นั้นเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ
" เปล่าครับ ไม่ใช่ไม่ได้ครับ ถ้าหากคุณชายต้องการทานข้าวผัด ผมจะรีบไปจัดการให้ "
" ไม่ต้องเราจะไปเพียงคนเดียว "
เมื่อเขาไปในร้านหย่อนตัวนั่งลง กวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างใจเย็นจากนั้นก็มาหยุดสายตาลงที่ชายหนุ่มผู้โชคร้าย ภาพที่เห็นนั้นคงอายุเท่า ๆ กันกับเขาหรือถ้าห่างก็คงจะห่างกันเพียงไม่กี่ปี
โครงหน้ารูปไข่ ริมฝีปากแดงระเรื่อ ผิวกายเปล่งปลั่งอมเลือดฝาดแสดงถึงสุขภาพแข็งแรงดี นอกจากนี้สิ่งที่เขาต้องปลายตามองอีกหลายครั้งก็คือดวงตาโตกลมคู่นั้น มิใช่ว่าหวานหยาดเยิ้มเชิญชวนตาแต่อย่างไร กลับตรงกันข้าม...สองตาของเขากับสุกใสเป็นประกาย ทั้งยังแฝงไปด้วยความคึกคักห้าวหาญมิใช่คนขี้ขลาดประเภทนั้น
ดูถ้าท่าทางคงไม่ได้ตั้งใจสาดน้ำใส่รถเขาจริง ๆ
" นายน่ะชื่ออะไร " หลังจากที่เขาประเมินดูอีกฝ่ายจนเป็นที่พอใจแล้ว
" ผมเหรอ " ฮันเกิงเองก็ตื่นเต้นจนอ้าปากค้างต่อการปรากฏตัวของชีวอนเช่นกัน ช่างเป็นคุณชายที่สง่างามอะไรขนาดนั้น ที่บ้านเกิดเขายังไม่เคยเจอผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาดูมีราคีแบบนี้มาก่อน เมื่อเห็นเขาตะลึงอยู่เช่นนั้นอยู่นาน คังอินจึงตวาดขึ้นว่า
" จะจ้องอยู่แบบนั้นอีกนานไหม คุณชายถามแล้วยังไม่รีบตอบมาอีก "
" ไม่เป็นไร " ชีวอนยกมือห้ามคังอินไว้ น่าแปลก เวลานี้จิตใจเขากับไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อยนี้
จึงไม่ใส่ใจกับท่าทีที่เสียมารยาทของฮันเกิงแม้แต่น้อย
" นายชื่ออะไร " ชีวอนเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
" ฮันเกิง ชื่อของผม ฮาน ฮันเกิง "
คราวนี้เขาหายตะลึงแล้ว แต่กลับมองไปที่คังอิน อย่างอารมณ์เสีย
" นายมันนิสัยแย่จริง ๆ ควรจะดูท่าทางคุณชายของนายไว้บ้างนะ ปฏิบัติต่อผู้อื่นต้องรู้จักเกรงอกเกรงใจและนุ่มนวลเข้าไว้บ้าง "
เมื่อฮันเกิงกล่าวจบ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์อยู่ด้านนอกต่างพากันสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับชีวอนมาก่อนนะสิ
. ทุกคนจึงพากันดูปฏิกิริยาของคุณชายชีวอน แต่กลับเห็นว่าเขาแหงนหน้าหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
" นายกล่าวได้ถูกต้อง ฉันออกจะ ดีขนาดนี้ นุ่มนวลขนาดนี้ เกรงใจคนขนาดนี้
มีเพียงนายเท่านั้นล่ะมั้งที่มองออก " ชีวอนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
" นี่แสดงว่าคุณนะมีเพื่อนน้อยเกินไป จึงมีน้อยคนที่เข้าใจคุณยังไงล่ะ "
" จริงเหรอ " ชีวอนคิดอยู่นานเหมือนว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ
________________________________________________________________________________
" นายบอกว่าชื่อฮาน ฮันเกิง เพิ่งจะมาโซลครั้งแรกใช่ไหม " ชีวอนเอ่ยถามฮันเกิงอีกครั้ง
" อืม..ถูกต้องแล้ว ใครมันรู้ล่ะว่ามาทำงานวันแรกกับดันมาเจอเรื่องแบบนี้ ผมต้องขอโทษด้วยล่ะกัน " ฮันเกิงโค้งพร้อมกับกล่าวขอโทษชีวอนหลายครั้ง
" ในเมื่อนายเพิ่งจะเคยมาโซลครั้งแรก คงไม่เคยรู้ว่าที่นี้ต้องทำตัวอย่างไร แล้วก็ไม่รู้จักใครมาก่อนใช่ไหมล่ะ "
" ใช่แล้ว...ผมกำลังคิดอยู่ว่าคุณคือใคร แต่ดูจากรถที่ขับแล้ว กับจำนวนคนคงไม่ใช่พวกที่หาเช้ากินค่ำแบบผมแน่นอน หากคิดว่าคุณคือประธานาธิบดีล่ะก็ ผมคงเชื่อคุณแน่เลย 555+ " ฮันเกิงหัวเราะร่วนกล่าวด้วยท่าทางอารมณ์ดี
" อย่างนั้นหรอ " ชีวอนเพียงยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับเอ่ยอีกครั้งว่า
" นี้..ฮาน ฮันเกิง " ยังไม่ทันที่ชีวอนจะพูดจบ ฮันเกิงก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
" 55+ นี้คุณ...ชื่ออะไรนะ "
" ชีวอน " ชีวอนเอ่ยออกมาเรียบ ๆ
" ใช่ ๆ คุณชีวอนไม่ต้องเรียกชื่อผมซะเต็มยศขนาดนั้นก็ได้ เรียกว่าฮันเกิงก็พอแล้ว เรียกเต็มแบบนั้นฟังแล้วดูแปลก ๆ ชอบกล 555+ "
เวลาที่ฮันเกิงหัวเราะนั้นเผยให้ลักยิ้มที่แก้ม ดูน่ารักน่าจับตามอง ชีวอนมองดูใบหน้านั้นรู้สึกตะลึงไปเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ ผู้ชายคนนี้ทำไมทั้ง ๆ การกระทำของเขานั้นไร้มารยาทถึงขนาดนี้แต่กับทำให้ชีวอนนั้นรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย ไม่เสียแรงที่เขายอมลงมาจากรถเพื่อทานข้าวผัดซึ่งเป็นอาหารธรรมดา ๆ แบบนี้
" อืม...ฮันเกิง ในเมื่อนายทำรถของฉันสกปรกก็ต้องรับชอบใช่ไหม " ฮันเกิงพยักหน้ารับอย่างรุนแรง จนคนที่มองดูอยู่นั้นกลัวว่าศีรษะเขาจะหลุดลงมาจากบ่าเสียจริง ๆ
ชีวอนเห็นดังนั้นจะเอ่ยต่ออย่างยิ้มแย้ม
" ในเมื่อเป็นแบบนี้ คำพูดของนายคงเชื่อได้ใช่ไหม " ฮันเกิงก็พยักหน้ารับอีกครั้ง
" ดีมาก ถ้าอย่างนั้นนายไปทำข้าวผัดมา สามร้อยจาน แบบนี้พวกเราคงอิ่มท้องแล้ว " ชีวอนนับจำนวนคนของเขาแล้วพวกที่มุงดูอยู่ด้านนอกอีกก็คงประมาณสามร้อยสามจานพอดี
" อะ..อะไรนะ สาม..สามร้อยจาน " นี้ชีวอนคงไม่ได้หมายความว่า จะเล่นงานเขาหมดตัวเลยหรอกเหรอเนี้ย
" เป็นอะไรมาเสียใจตอนนี้ไม่สายไปหน่อยหรอ " ชีวอนเปลี่ยนสีหน้าเริ่มไม่พอใจฮันเกิงทันที
" เสียใจ...อะไรไม่เลย คนอย่างฮาน ฮันเกิง คนอย่างฮันเกิงพูดไม่คืนคำอยู่แล้วแค่นี้สบาย ๆ " ฮันเกิงรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่เพราะความไม่ยากจะเสียหน้าจึงได้แต่เอ่ยออกไปอย่างนั้น
" ช่วยไม่ได้ในเมื่อนายเป็นคนพูดเองนะ " ชีวอนเอ่ยน้ำเสียงยียวนเล็กน้อย
" ok ในเมื่อคุณต้องการแบบนั้นผมก็จะทำอย่างที่พูดไว้ เชิญคุณนั่งรอต้องนี้ก่อนแล้วเดี๋ยวผมจะไปทำข้าวผัดมาให้ "
" เดี๋ยวก่อน " ชีวอนเรียกฮันเกิงอีกครั้ง
" ฮื้อ... " ฮันเกิงหันมามองว่าเขาต้องการอะไร
" นายบอกว่าข้าวผัดที่นายเป็นคนทำอร่อยมากใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้อร่อย ๆ ล่ะ ไม่อย่างนั้นนายโดยดีแน่ ๆ "
" อะไรนะ O_O "
" นายกลัวว่าฉันจะทำอะไรนายหรือไง " ชีวอนมองไปที่ฮันเกิงอย่างเจ้าเหล์ ริมฝีปากเหยียดเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย
" กลัว ? ไม่เลย ใครจะไปกลัวกัน ข้าวผัดของผมอร่อยที่สุดในจักรวาลอยู่แล้ว " ฮันเกิงยิ้มออกมาอย่างถือดี ทำให้เผยลักยิ้มออกมาอีกครั้ง
" ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปทำสิ " ชีวอนรู้สึกไม่พอใจกับท่าทางมั่นใจของฮันเกิง และโมโหตัวเองที่ดันไปรู้สึกแปลก ๆ กันร่างที่อยู่ตรงหน้านี้
ฮันเกิงขยับสะบัดกระทะได้ว่องไวมาก ไม่นานก็มีข้าวผัดหอมน่ากินออกมาคราวเดียวเจ็ดแปดจาน และแน่นอนว่าจานแรกต้องเป็นของชีวอนก่อน ฮันเกิงเดินเข้าไปทำข้าวผัดต่อโดยไม่ฟังคำ
ติชมจากเขา แสดงว่าฮันเกิงมั่นใจในการปรุงอาหารของตัวเองเป็นอย่างมาก
ชีวอนมองจานข้าวผัดที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา กลิ่นที่หอมเครื่องที่อยู่บนหน้าข้าวผัดก็สีสันสวยงาม มองดูแล้วน่าชวนให้อยากลองทาน ซึ่งชีวอนนั้นคิดจะกล่าวหาว่าร่างบางโกหกนั้นคงจะยากเสียแล้ว
เขายื่นมือไปรับช้อนที่คังอินเอามาให้ เมื่อชีวอนตักคำแรกเข้าปาก ทำให้เขาตะลึงในรสชาติทันที
ไม่ว่าจะเป็นรสที่ไม่เค็มไปแล้ว ทุกอย่างก็ยังพอเมาะไม่ขาดไปเกิน อร่อยจริง ๆ
" คังอิน พวกนายก็กินด้วยสิ " ชีวอนเอ่ยขึ้น แน่นอนว่าถ้าเขาไม่สั่งไม่มีใครกล้าที่จะแตะข้าวผัดแน่นอน เมื่อทุกคนกินข้าวผัดคำแรกก็แอบคิดว่าข้าวผัดจานนี้อร่อยจริง ๆ
ฮันเกิงตั้งใจทำข้าวผัดที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ ถึงจะเหนื่อยขนาดไหนแต่เขาก็ไม่เคยบ่น แถมยังทำด้วยอารมณ์ที่ยิ้มแย้ม รอยยิ้มนั้นทำให้ชีวอนแอบมองหน้าฮันเกิงจนแทบไม่อยากจะละสายตา
ในที่สุดฮันเกิงก็ทำข้าวผัดสามร้อยจานจนเสร็จ ทุกคนที่กินข้าวผัดนั้นมีแต่คำชมออกมาอย่างไม่ขาดสาย แต่มีเพียงชีวอนเท่านั้นที่กินเหลือไว้เพียงครึ่งจาน ทำให้ฮันเกิงเอ่ยถามอย่าง งง ๆ
" ไม่อร่อยหรือไง ถึงกินเพียงครึ่งเดียวน่าเสียดายชะมัดเลย " ฮันเกิงเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ แต่ใจจริง ๆ แล้วนั้นกลัวจนสั่นเป็นเจ้าเข้าไปแล้ว
" แล้วที่เห็นนายคิดว่ายังไงล่ะ "
" ใครจะไปรู้ล่ะ กินไม่หมดแบบนี้แสดงว่าข้าวผัดของผมไม่อร่อยหรือไง "
" ผิดแล้ว คุณชายชอบมากตั้งหากถ้าไม่อร่อยนะคุณชายจะตักเพียงแค่ทำเดียว... " แต่เมื่อคังอิน
เห็นท่าทางของชีวอนจึงรีบหุบปากทันที
" แสดงว่าคุณชอบข้าวผัดของผมใช่ไหมล่ะ 555+ ของมันแน่อยู่แล้ว " ฮันเกิงเอ่ยพร้อมกับหัวเราะร่า
" อืม... " ว่าแล้วเขาก็เอ่ยอีกครั้ง
" งานต่อไป "
" เอ๊ะ...งาน..งานอะไรอีกล่ะเนี้ย " ฮันเกิงคิด
ยังจะมีอีกเหรอเนี้ย TOT, =_=
" งานต่อไปคือ...ล้างรถให้ฉัน " ชีวอนเอ่ยยิ้มมุมปาก เท้าคางอย่างอารมณ์ดี ที่ได้สนุกกับการแกล้งร่างที่อยู่ตรงหน้า
ขอบคุณทุกคอมเม้นนะครับ ผมจะพยายามเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้
ถามกระชู่ ว่าควรจะใช้สำนวนแบบไหนถึงจะถูก ยัยเพื่อนผู้แสนจะน่ารัก
ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย "บอกว่าฟิคชั้นยังไม่รอดเลย " เซ็ง =_= ครับพี่น้อง
โอ๊ย !!!!!
ถ้ามันยุ่งยากนักไปแปลนิยายเหมือนเดิมดีไหมเนี้ย 555+ แต่งเองเนี้ย
ยากเหมือนกันน่าเคยแต่ใช่คำว่า ข้า, เจ้า ,ท่าน , ขอรับ 555+ ในการแปลนิยาย
ของจีน แต่ตอนนี้ต้องมาใช่ นาย , ผม,เขา,เรา,เธอ ผมเลยงงเป็นไก่ตาแตกไปเลย 55+
ยังขอบคุนที่ติชมมาทุกเม้นเลยนะครับ จะแก้ไขปรับปรุง ให้กระชู่มันแต่ง NC หื่น ๆ
เป็นการแถมด้วย 555+
ความคิดเห็น