คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 1 # The First Time To Meet # Complete
Chapter 1 : The First Time To Meet
วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 25XX เมืองนามิโมริ ประเทศญี่ปุ่น
‘ซาวาดะ สึนะโยชิ’ กำลังนั่งรอคนนัดอยู่ในร้านกาแฟร้านหนึ่งในย่านช้อปปิ้งของเมือง เขาจิบกาแฟมอคค่าขึ้นดื่มนิดๆ สายตาสอดส่องมองไปที่บานกระจกที่เผยให้เห็นถึงผู้คนที่กำลังเดินไปมาในถนนของย่าน เด็กสาวหลายคนหันหน้ามามองเขา ด้วยความที่ถือว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษ เขาจึงส่งยิ้มกลับไป นั่นทำให้เด็กสาวที่หันมามองอยู่นั้นเบือนหน้าหลบทันที
‘ทำไม? เราหน้าตาไม่ดีขนาดนั้นเลยหรือไง = =’ เขาคิดกับตัวเองในใจ ก่อนที่จะถอนหายใจ แล้วก้มมองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ‘นี่มันเลยเวลามาเกือบสิบนาทีแล้ว เจ้ารีบอร์นมัวทำอะไรอยู่กันแน่’
รีบอร์นนัดเขามาร้านนี้เป็นการส่วนตัวนี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เขาไม่มีผู้ติดตามเหมือนอย่างเคย เพราะนั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นบอสมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ถึงต้องคอยระวังตัวแทบตลอดเวลา แต่วันนี้เขาเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น
กรุ๊งกริ๊ง~
สึนะมองไปยังประตูหน้าร้านทันทีที่มีเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ประตูเปิดอ้าค้างนิดหนึ่ง ก่อนที่จะมีหญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาล หน้าตาน่ารักเดินเข้ามาในร้าน
เมื่อเห็นว่า คนนัดยังไม่มาเขาก็ถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมกับหลับตาแล้วยกกาแฟแก้วเดิมขึ้นดื่มอีก จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงพลังอะไรบางอย่างที่แผ่กระจายมาจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามของตัวเอง เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ เขาลืมตาขึ้นจากนั้นก็เห็นภาพตรงหน้า
“รีบอร์น!” เขาตะโกนออกมาสุดเสียงอย่างแปลกใจ จนกระทั่งมองไปรอบๆ ในร้านก็เห็นผู้คนกำลังส่งสายตาอำมหิตมาให้เขาอยู่ เขาจึงส่งรอยยิ้มแห้งๆ พร้อมกับใบหน้าที่แดงด้วยความอาย ไปให้ผู้คนที่อยู่รอบๆ จากนั้นก็ถอนหายใจ พร้อมกับหันไปพูดกับคู่นัดฝ่ายตรงข้าม “มาเมื่อไหร่น่ะ?”
“นายก็ยังเป็นสึนะจอมห่วยเหมือนเดิมละสินะ ไม่ไหวๆ” รีบอร์นบ่น ก่อนจะตอบคำถามที่สึนะถามมาเมื่อกี้ “มาเมื่อกี้”
“แต่ฉันไม่เห็นแกเลยนะ”
“นั่นเพราะว่าที่นั่งมันบังอยู่ไงเฟ้ย!” รีบอร์นพูดออกมาด้วยความละเหี่ยใจ บอสวองโกเล่ยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ
“อะ อ้าว งั้นเหรอ แฮะๆ” เขาหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะถามรีบอร์นถึงสิ่งที่เขาสงสัยมานาน “แกนัดฉันมาทำไม”
“มาดูตัว” รีบอร์นตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความทำให้คนข้างหน้าช็อกได้ทันทีที่ได้ยินคำตอบ “นี่คือผู้หญิงที่แกต้องดูตัวด้วย” รีบอร์นชี้ไปยังหญิงสาวผมสีน้ำตาลคนเดียวกับที่เดินเข้ามาในร้านเมื่อครู่ ตอนนี้เธอคนนั้นกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะข้างๆ กับโต๊ะของเขา สึนะหันไปมองตามนิ้วของรีบอร์น จากนั้นก็พูดอย่างตกใจสุดๆ
“นี่แกคิดจะทำอะไรฟระรีบอร์น! อย่ามาล้อเล่นนะเฟ้ย =[ ]=”
“ไม่ได้ล้อเล่น นี่ล่ะของจริง” รีบอร์นพูด จากนั้นคนที่เขาพูดถึงอยู่ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินมาหยุดตรงข้างๆ โต๊ะของสึนะ พร้อมกับโค้งให้เขา
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อฮิราคิ เคกิค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณซาวาดะ สึนะโยชิ ^ ^”
ชายหนุ่มสองคนเดินมาหยุดที่หน้าบ้านญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง เมื่อพวกเขากดกริ่งที่หน้าบ้าน ไม่นานบุคคลที่ใส่ชุดสูทสีดำก็เดินออกมาจากบ้านอย่างสุภาพ เขาเดินมาเปิดประตูให้แขกผู้มาใหม่พร้อมกับโค้งให้แขกผู้มาเยือนอย่างสุภาพ จากนั้นก็กล่าวกับชายหนุ่มสองคนว่า
“คุณโกคุเดระ กับคุณยามาโมโตะ คุณเคียวเพิ่งจะออกไปข้างนอกเมื่อสักครู่เองครับ แต่คิดว่าไม่นานก็จะกลับมาแล้วล่ะครับ เชิญเข้าไปรอข้างในก่อนได้ครับ” ชายชุดสูทสีดำพูดขึ้นก่อนจะพาแขกเดินเข้าไปในบ้าน
“นัดมาเองแท้ๆ แต่ดันปล่อยให้พวกเรารอ เฮอะ ไอ้เจ้าฮิบารินี่คิดจะทำอะไรของมัน” โกคุเดระกล่าวอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับทำสีหน้าที่เพื่อนๆ ของเขาเห็นจนชิน ก่อนที่จะเดินตามเข้าไป
“น่าๆ รอหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร เดินดูบ้านฮิบาริหน่อยก็ได้ สวนสวยจะตาย เห็นไหม” ยามาโมโตะ ชายหนุ่มผมสีดำเอ่ยขึ้น พลางชี้ไปยังนอกระเบียงทางเดินที่มีสวนญี่ปุ่นขนาดย่อมอยู่ข้างนอก ที่มีกระบองไม้ไผ่ที่ทำให้เกิดเสียงขึ้นมาเป็นระยะๆ
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ” คุซาคาเบะกล่าวอีกครั้ง พร้อมกับเดินนำยามาโมโตะและฮายาโตะไปยังห้องพักแขกรับรอง ระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้น สายตาของยามาโมโตะเหลือบไปเห็นบุคคลคนหนึ่งข้างในห้องพักรับรองอีกห้องหนึ่งซึ่งมีประตูเลื่อนเปิดค้างอยู่เล็กน้อย
เขาหยุดเดิน ทำเอาฮายาโตะและคุซาคาเบะที่กำลังเดินอยู่นั้นชะงัก ก่อนจะหันมามองอย่างงงๆ สายตาของยามาโมโตะกำลังจ้องมองข้างในห้องพักอย่างสงสัย แต่สีหน้าของเขาดูเหมือนจะยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้พร้อมกับหันหน้ามามองฮายาโตะและคุซาคาเบะ
“เอ่อ ขอโทษที” เขากล่าวอย่างยิ้มๆ คุซาคาเบะสังเกตสีหน้านั้นอย่างเงียบๆ ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก แล้วก็พูดออกมาว่า
“จริงด้วยสิครับ ห้องพักรับรองแขกอีกห้องหนึ่งกำลังอยู่ในช่วงทำความสะอาดครับ ผมเกรงว่าจะทำให้คุณทั้งสองไม่สะดวก เลยขอให้พวกคุณไปพักผ่อนที่ห้องพักห้องนี้ก่อนนะครับ” เขากล่าวด้วยเสียงนอบน้อม พลางผายมือเข้าไปในห้องที่ประตูเปิดเล็กน้อย ห้องเดียวกับที่ทำให้ยามาโมโตะหยุดเดิน
คุซาคาเบะหันหน้าไปพูดกับคนในห้องพักรับรองอย่างนอบน้อมว่า “คุณสุมิเระครับ ขออนุญาตนะครับ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากบุคคลภายในห้อง คุซาคาเบะนิ่งอยู่สักหนึ่งวินาทีก่อนที่จะเลื่อนประตูให้เผยให้เห็นถึงห้องพักรับรองที่ถูกปูไปด้วยเสื่อ เครื่องเรือนญี่ปุ่นเล็กๆ ไม่กี่ชิ้น ตรงกลางห้องมีโต๊ะน้ำชาโต๊ะเล็กๆ ตั้งอยู่ บนโต๊ะมีกาน้ำชาและถ้วย ข้างๆ นั้นปรากฏหญิงสาวผมสีดำใส่ชุดยูคาตะคนหนึ่ง กำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ ไม่นานนักหญิงสาวคนนั้นก็รู้สึกตัวและหันหน้ามามองผู้มาใหม่อย่างสงสัยใคร่รู้
“แขกเหรอคุซาคาเบะ” เธอกล่าวก่อนจะวางถ้วยน้ำชาแล้วลุกขึ้นจากหมอนรองนั่งที่เธอกำลังนั่งอยู่เมื่อครู่นี้ แล้วเดินมาทางที่ชายหนุ่มทั้งสามยืนอยู่
“...” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่มาใหม่ ฮายาโตะกำลังทำหน้าตาอึ้งกิมกี่ ส่วนยามาโมโตะยิ้มบางๆ ทั้งสองคนต่างก็คิดเหมือนกันอย่างหนึ่ง แต่ยังไม่ได้พูดออกมา
‘เอาล่ะไง มีผู้หญิงในบ้านของฮิบาริด้วย’
“ขอแนะนำให้รู้จักก็แล้วกันนะครับ” คุซาคาเบะสังเกตสีหน้าของทั้งฝ่ายแล้วก็กลัวว่าจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ จึงพูดแก้ให้ “นี่คือคุณสุมิเระ เป็นน้องสาวของคุณเคียวครับ”
เป็นเรื่องที่น่าอึ้งมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้จริงๆ
ส่วนเจ้าของบ้านที่นัดชายหนุ่มทั้งสองเอาไว้ตอนนี้กำลังอยู่ที่สนามบิน ทั้งนี้เพราะบอสของเขาโทรมาบอกให้ไปรับคนคนหนึ่งซึ่งเป็นคนสำคัญของบอสหนุ่ม ซึ่งนั้นทำให้เขาหงุดหงิดมากเพราะว่าตัวเองกำลังจะผิดนัดที่ให้ไว้ แต่เมื่อเดินมาถึงจุดที่นัดเอาไว้ เขาก็สะดุดตากับหญิงสาวเรือนผมสีแดงเลือดหมูที่ปล่อยผมให้ปลิดไปตามแรงลมอย่างตกตะลึ่งในความน่ารักของเธอ และเมื่อเธอหันหน้ามาหาเขา
ชั่ววูบนั้น หัวใจที่ไม่เคยเต้นผิดปกติเลยสักครั้งกลับเต้นระรัวออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ความคิดนั้นก็ต้องรีบเก็บลงไปทันทีที่เห็นเธอยิ้มเหมือนรู้ทันและเดินมาหาเขาด้วยท่าทีสบายๆ ส่วนเขาก็ได้ยืนนิ่งๆและปิดบังไว้ด้วยท่าทีเย็นชาเหมือนเคย จนผู้หญิงคนนั้นมายืนตรงหน้าเขา และก็เอ่ยเสียงของเธอออกมา
“คุณ...คงเป็นคนที่ทูน่าจังบอกให้มารับฉันใช่มั้ย?” เธอพูดพร้อมกับยิ้มสดใสออกมา แต่เขาก็ยังยืนเฉยจนผู้หญิงคนนั้นเริ่มจะยิ้มหวานขึ้นเรื่อยๆ และเสียงของเธอที่เอ่ยออกมาก็ยังหวานมากกว่าเดิมด้วย
“ตกลงคุณใช่คนที่ทูน่าจังให้มารับฉันใช่มั้ยคะ? คุณหน้าเป็ด~”
เพราะคำสุดท้ายทำให้ชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่นั้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าขนลุกมากๆออกมา
“ใช่ ยัยสัตว์กินพืชหัวแดง”
แต่หญิงสาวที่ถูกเรียกแบบนั้นกลับไม่โกรธแถมยังยิ้มออกมาด้วยท่าทีสดใสกว่าเดิมด้วยพร้อมกับลากกระเป๋าแล้วก็เขาพร้อมกับเดินไปที่รถ และเริ่มแนะนำตัวกับเขาด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า
“ว่าแต่นายชื่ออะไรอ่ะ? ฉัน เอลลิโอรา เซอร์เคน หรือจะเรียกว่าเอลลี่ก็ได้นะ ยินดีที่ได้รู้จักล่ะ ว่าแต่ทำไมทูน่าจังถึงมารับฉันไม่ได้อ่ะ นายรู้มั้ย? แล้วรถของนายจอดอยู่ไหนเนี่ย เฮ้! อย่ายืนนิ่งสิ คุณหน้าเป็ด”
แต่คนที่ถูกลากกลับมองเธอด้วยสายตาอึ้งนิดๆแต่ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆตามแบบฉบับของเขาว่า
“แล้วเธอให้ฉันพูดด้วยงั้นหรอ?” เขาพูดพร้อมกับมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่าและเก็บอาการของตัวเองได้แล้ว แล้วพอเธอจะเปิดปากพูดออกมา เขาก็ชิงตัดหน้าพูดออกมาก่อน “ฉันชื่อฮิบาริ เคียวยะ แล้วก็ที่สัตว์กินพืชนั้นมาไม่ได้เพราะต้องไปธุระกับเจ้าตัวเล็ก แล้วเธอก็หยุดพูดได้แล้ว เพราะฉันรำคาญ!” พูดจบเขาก็สะบัดมือของเธอออกและจับมือของเธอแทนและลาก (ย้ำว่าลากจริงๆ) เธอออกไปจากสนามบินด้วยความเร็วเหนือที่มนุษย์ (เวอร์แล้วเจ๊~) จะทำได้ ทิ้งให้คนถูกลากงงเป็นไก่โดนยาเบื่อที่อยู่ดีๆคนที่เธอคิดว่าเป็นใบ้พูดออกมาพร้อมกับจับเธอลากไปโดยไม่พูดอะไรด้วยความรวดเร็ว จนเธอได้แต่อึ้งอย่างเดียวและคิดในใจว่า
‘ว๊าว! สงสัยมาญี่ปุ่นครั้งนี้คงจะต้องสนุกแน่ๆเลย’
ค่ำวันเดียวกัน ณ คลับ WW
เจ้าหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินสว่างกำลังนั่งดื่มเหล้าที่เคาน์เตอร์ด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างสูง ด้วยเพราะเรื่องเมื่อบ่ายที่บ้านของฮิบาริ และเรื่องที่รุ่นที่สิบใช้เจ้าฮิบาริแทนเขาให้ไปทำธุระ ทั้งที่เขาเป็นมือขวาของรุ่นที่สิบแท้ๆ นั้นทำให้เขายิ่งดื่มเหล้าด้วยความเศร้ามากขึ้นกว่าเดิม แต่เสียงร้องเพลงในเวทีก็สามารถดึงสายตาของเขาให้หันไปมองได้ และพอหันไปมอง เขาก็เห็นชายหนุ่มผมสีฟ้าอ่อนกำลังยืนร้องเพลงบนเวทีด้วยน้ำเสียงแหบห้าว และเนื้อเพลงที่เขาร้องนั้นก็ใกล้เคียงกับความรู้สึกเขาแบบสุดๆ เพราะเนื้อเพลงนั้นเป็นแบบนี้
ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นยังไง
แต่ขอให้เธอรู้ไว้ ว่าฉันยังรอเธออยู่ตรงนี้
รอแม้ว่าเธอจะไม่เคยมองเห็นฉันเลยก็ตาม
และ
จะรอตลอดไป
เพลงนั้นทำให้เขาถึงกับลุกขึ้นยืนไปเดินไปหน้าเวทีทันทีและขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับพลักไมค์ของคนที่กำลังร้องทิ้ง ทำให้ทุกคนหันมามองเขาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะชายหนุ่มผู้ร้องเพลงที่ตอนนี้ทำหน้าไม่พอใจจนแทบจะเข้ามาฆ่าเขาแล้ว แต่เขาไม่สนใจและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง
“ฉันไม่ชอบเพลงนี้
เพราะฉะนั้นเลิกร้องซะ!!!”
แต่ชายหนุ่มที่กำลังอดกลั้นอารมณ์อยู่นั้นกลับเข้ามาชกเขาทันที!!
พลั้ก!!!
“นายไม่มีสิทธิมาสั่งพวกฉัน! ปลาหมึกบ้า!!!”
ชายหนุ่มคนนั้นพูดพร้อมกับจะเข้ามาชกเขาอีกทีแต่ว่าชายหนุ่มที่ยืนเฉยอยู่ตรงกลองชุดกลับลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับจับมือที่กำลังจะชกหน้าเขาอีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า
“ผมต้องขอโทษแทนคนในวงของผมด้วยนะครับที่เขาชกคุณ คุณลูกค้า”
แต่ชายหนุ่มที่ถูกจับมืออยู่นั้นกลับตระโกนออกไม่อย่างไม่พอใจพร้อมกับจะเข้ามาชกเขาอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้กลับมีชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบมาล็อกตัวของเขาเอาไว้และลากไปหลังร้าน
“พี่ไปขอโทษปลาหมึกบ้านี่ทำไมฮะ! หน้าอย่างมันมีสิทธิอะไรมาพังไมค์ของผม! ปล่อยสิ พี่ซัคส์! ผมจะต่อยมัน”
“ใจเย็นน่ะ! ซัม ฝากเคลียร์ทางนี้ด้วยน่ะ ซิล”
ลับหลังชายหนุ่มทั้งสองไปแล้ว ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าซิลก็พูดแกมไล่เขาออกไป
“ต้องขอโทษแทน’น้องสาว’ผมจริงๆนะครับ แล้วก็
เชิญคุณกลับไปเถอะนะครับ เพราะไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องกันอีกแน่ -_-” พอชายหนุ่มพูดจบก็เดินไปหลังร้านทิ้งให้เขายืนนิ่งและพูดอะไรไม่ทันเพราะความอึ้งอยู่ ‘น้องสาวงั้นหรอ
งั้นนั้นก็เป็นผู้หญิงน่ะสิ’ เขาพูดพร้อมกับจับรอยแผลตรงมุมปากที่โดนหญิงสาวหน้าหล่อชกเอาเมื่อกี้นี้ และเดินออกจากที่นั้นพร้อมกับนึกในใจด้วยความสนุกว่า ‘น่าสนใจดีนี่
เธอหนีฉันไม่พ้นแน่ ซัม’
โรคุโด มุคุโร่กำลังขับรถด้วยอารมณ์ที่ไม่แน่นอน ในใจของเขาคิดถึงแต่เรื่องที่อัลโกบาเลโน่อรุณกล่าว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าเขาจะเชื่อหรอกนะว่าเจ้าตัวเล็กอรุณนั้นจะสามารถทำให้เขามีความรักได้ ชีวิตของเขามีแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่น
“คุฟุฟุฟุ คุณพูดเรื่องอะไรของคุณกันนะครับอัลโกบาเลโน่อรุณ ผมไม่มีทางที่จะมีความรักกับใครเขาได้หรอกนะครับ” เขาพูดพลางแสยะยิ้ม พลางมองทัศนียภาพข้างหน้า มุคุโร่ตัดสินใจที่จะขับรถกลับไปยังโกคุโยแลนด์ สถานที่ที่เขาเริ่มต้นใช้ชีวิตในญี่ปุ่น
เส้นทางที่เขาใช้นั้นเป็นเส้นทางชนบทมาก เพราะที่นี่อยู่นอกเมือง แทบไม่เห็นผู้คนเดินไปมาหรือรถวิ่งผ่านเลย มีเพียงชายชราที่เดินผ่านรถของเขาไปเท่านั้น ด้านข้างมีร้านค้าเพียงร้านเดียว ซึ่งตั้งอยู่ที่เดิมมาตั้งแต่สิบปีที่แล้ว เขามองผ่านมันไปแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย ปรายตามองสองข้างทางที่มทุ่งหญ้าเล็กๆ ที่หญ้านั้นมีสีเหลืองกรอบแล้ว เขามองไปไกลๆ พลางคิดถึงเรื่องเมื่อสิบปีก่อน มันเป็นความรู้สึกที่น่าคิดถึงจริงๆ ตอนนี้เคนกับจิคุสะอยู่อิตาลีไม่ได้ติดตามเขามาที่นี่ แต่ก็เป็นเพื่อนเพียงกลุ่มเดียวของมุคุโร่
ด้วยความที่มุคุโร่เริ่มเหม่อลอย จึงไม่ทันสังเกตเห็นบุคคลที่กำลังจะเดินข้ามถนนอยู่ไกลๆ คนคนนั้นคงคิดว่าเขากำลังมองมทาข้างหน้าอยู่ละมั้ง ถึงได้ตัดสินใจข้าม มุคุโร่พยายามที่จะเลิกความคิดเกี่ยวกับในอดีต ก่อนจะหันมาสนใจกับถนนตรงหน้า และแล้วเขาก็มองเห็นผู้หญิงที่ข้ามถนน และถ้าไม่หยุดรถตอนนี้มีหวังเธอคนนั้นตายแน่ๆ!
เอี๊ยด!!
“อ่า!” เสียงร้องของผู้หญิงคนนั้นดังขึ้น จากนั้นก็ล้มลงไปบนพื้น ถุงใส่ของที่เธอเพิ่งไปซื้อมาจากร้านเมื่อครู่ก็หล่นกระจายเต็มพื้น เธอมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อขยับขาก็พบว่าเธอเป็นแผลแค่เล็กน้อยที่ขาเท่านั้น แผลเหมือนกับเวลาหกล้ม
มุคุโร่รีบเปิดประตูรถของตัวเองแล้วเดินลงมาตรงหน้ารถ เมื่อมองเห็นว่าคนที่ตัวเองจะขับรถชนเป็นผู้หญิงก็แสยะยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะถามเธอคนนั้นว่า “เป็นอะไรรึเปล่าครับ คุฟุฟุฟุ”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ...อ่า” เธอตอบพลางมองที่แผลตรงเข่าของตัวเอง เลือดออกซีมจางๆ จากเข่าเธอ ถึงแม้จะเป็นแผลไม่มากแต่ก็พอทำให้แสบได้ทีเดียว เธอรู้สึกแสบมากจนน้ำตาเริ่มซึม เธอพยายามลุกขึ้นยืนขึ้น แล้วก็ปาดน้ำตาออกไป
มุคุโร่ช่วยเธอโดยการพยุงให้เธอยืนขึ้น ผมและดวงตาสีเขียวน้ำทะเลนั้นดึงดูดเขาให้เข้าใกล้เธอ แต่ว่าผิวสีซีดนั้นทำให้เธอดูอ่อนแอ ขัดกับดวงตาและสีผมที่ทำให้เธอดูร่าเริง ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มสนใจเธอแล้วสินะ
“คุฟุฟุฟุ เธอชื่ออะไร?”
“คะ...คะ??” หญิงสาวตอบมาอย่างงงๆ แต่ยังไม่ลืมความแสบของแผล เธอจึงพยายามกระพริบตาเพื่อไล่น้ำตาออกไป
“ชื่อคุณน่ะ” เขาถามย้ำอีกครั้ง พลางหยิบขวดน้ำออกมาจากรถ จากนั้นก็ใช้สำลีที่มีอยู่ในรถอยู่แล้ว ชุบน้ำแล้วทำความสะอาดแผลของหญิงสาวคนนั้นเบาๆ จนเธอไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“อ่อ เอ่อ ฉันชื่อโฮชิ ชูเง็นค่ะ” เธอตอบอย่างอายๆ จากนั้นก็มองเขาที่กำลังทำแผลให้เธออยู่
“อ่อ อย่างนั้นเหรอ” เขาตอบโดยไม่หันหน้ามามองเธอ สักพักก็ทิ้งสำลีลงในถังขยะข้างๆ ที่นั่ง “อืม ผมชื่อโรคุโด มุคุโรนะ”
“เอ่อ ค่ะ” เธอตอบพลางมองเขาอย่างสงสัย ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้แลดูเย็นชาออกจะเจ้าเล่ห์นะ มุคุโร่หันมาสบตากับดวงตาสีเขียวน้ำทะเลพอดี ทำให้เธอรีบเบือนหน้ากลับไปด้วยความอาย มุคุโร่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ก่อนที่จะพูดว่า
“เพื่อเป็นการขอโทษ ผมจะขอเลี้ยงกาแฟเป็นการขอโทษนะครับ” เขายิ้ม
“เอ่อ ค่ะ” ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีแรงดึงดูดมหาศาลกันนะ ดูเหมือนว่าเธอจะปฏิเสธผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ
PS. 0จบแล้วจ้าสำหรับตอนนี้ อาจจะยืดเยื้อกันจนเบื่อนะคะ ขอโทษด้วยน้า
ความคิดเห็น