ตอนที่ 9 : TOSHI
ลมเย็นพัดโชยมาพร้อมกลิ่นพื้นดินตามธรรมชาติ ท้องฟ้าเคลื่อนต่ำลงเปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม ดวงตาสีแดงทับทิมมองเมฆที่ลอยตัวต่ำ ฝนจะตกอีกแล้ว ช่วงนี้ฝนตกบ่อยคล้ายพายุจะเข้าทั้งที่เป็นฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะอบอุ่นประจำทุกปี
เด็กหญิงถอนหายใจ อยู่ๆความทรงจำเก่าๆก็ผุดขึ้นมาตอกย้ำตราบาปที่ติดตัวตลอดเวลา เธอเหยียบย้ำ ขุดมันลงไป เก็บซ่อนทุกเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นภายในใจ ฉีกยิ้มทำตัวว่าง่ายต่อทุกคนเพื่อไม่ให้มีใครรู้ว่ามือคู่นี้เปื้อนเลือดมาก่อน
และเพราะเป็นเรื่องนั้นล่ะมั้งถึงได้ออกเดินทุกครั้งในวันที่ฝนตก ช่วยเหลือชีวิตคนเท่าที่ทำได้เพื่อลบล้างตราบาปออกจากตัวแต่กลับกัน ยิ่งทำมากเท่าไรมันยิ่งตอกย้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอคร่าชีวิตคนบริสุทธิ์
แต่น่า..เรื่องมันนานแล้ว เธอควรลืมมันไปได้สักที
"หวดแรงอีก!"
ร่างเล็กๆสะดุ้งตัวโหยง เธอดึงสติกลับมาได้เพราะเสียงตระโกนดุดันของคอนโด้ พอรู้ตัวอีกทีก็โผล่มาถึงโรงฝึกดาบแล้ว นัตสึมิมองการฝึกดาบของหน่วยชินเซ็นงุมิบางส่วน มีคอนโด้เป็นคนนำ คราบคนใจดีหายวับไปกับตากลายเป็นหัวหน้าที่ลูกน้องเคารพ ริมฝีปากยกยิ้มยามที่จ้องมองไปยังคนเป็นอา เขาดีเสมอ ถึงบางครั้งจะบ้าๆบอๆไปบ้างแต่คอนโด้ อิซาโอะเป็นคนดีและเป็นคนที่นับถือได้
และเป็นคนที่หยิบยื่นชีวิตที่มีแต่ความสนุกให้เธอ
บางทีคอนโด้ อิซาโอะอาจจะไม่ได้เป็นดอกทานตะวันอย่างที่คิด
เขาอาจจะเป็นพระอาทิตย์ที่ดอกไม้อย่างพวกเธอหันหน้าเข้าหาตลอดเวลา ถ้าเปรียบได้ก็เหมือนที่ซินเซ็นงุมิรักและปกป้องคอนโด้ตลอดคล้ายกับดอกทานตะวันที่หันหน้าเข้าหาแสงอาทิตย์เสมอ
"เอ้า พักได้!อีก 10 นาทีมาฝึกต่อด้วย"
เสียงร้องอวดครวญมาจากลูกน้องแต่ละหน่วย นัตสึมิกลั้วหัวเราะ มองความวุ่นวายแสนอบอุ่น คอนโด้เป็นมิตรกับทุกคนเสมอ เที่ยวเล่นกับใครก็ได้ไม่ขัดข้อง ไม่แปลกใจนักถ้าเขาจะทีคนที่คอยรักและสนับสนุนเขามากขนาดนี้
"แอบมองกันแบบนี้ฉันก็เขินแย่เลยนะนัตสึ"แต่บางครั้งคอนโด้ก็หลงตัวเองไปซะหน่อย ลุงเดินเข้ามาหา ค้ำดาบไม้ลงกับพื้น ตามตัวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อแต่เจ้าตัวยังคงมีรอยยิ้มประดับเอาไว้เสมอ
"เขินทำไมกัน ฉันไม่ใช่พี่โอทาเอะซะหน่อย"
"นั้นสินะ ถ้าคุณโอทาเอะมองมาฉันคงทำตัวไม่ถูกแน่เลย"
"ลุงเคยทำตัวถูกบ้างไหมล่ะ"แต่ละทีก็โคตรจะสโต๊กเกอร์ โคตรจะโรคจิต คอนโด้หัวเราะตามฉบับแบบเจ้าตัว
"จะมาฝึกด้วยกันไหมล่ะแต่ต้องไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ พวกนี้คงมีแรงบันดาลใจมากที่มีสาวๆสวยๆมาฝึกด้วย"นิ้วกร้านชี้ไปยังคนที่เหลือ นัตสึมิมองตาม บางคนในหน่วยมีแอบชำเลืองเธอ พอสบตาก็รีบกุจีกุจอหันหน้าหนี ตลกดี
"ฉันเป็นแค่เด็กนะ คนพวกนั้นไม่สนใจเด็กกระโปกๆแบบฉันหรอก"นัตสึมิโบกมือปฎิเสธ เธออายุยังไม่ถึงเกณฑ์เลยด้วยซ้ำ หน้าตา ส่วนสูง รูปร่างก็เหมือนเด็กมัธยมต้นธรรมดาๆ"อีกอย่างมีเวรตรวจเมืองคงฝึกด้วยไม่ได้"
"โอ้ งั้นเรอะ เอ้า!ได้ยินไหมพวกแก คุณหนูเขาไม่อยากฝึกร่วมกับคนแบบพวกแกอ่ะ ฮ่าๆ"คอนโด้ตระโกนดังลั่น พวกคนที่เหลือโวยวายที่หัวหน้าพูดกันแบบนั้น
"โอ้โห คุณคอนโด้ครับ! คนแบบพวกผมมันก็คนแบบคุณนั้นแหละค้าบบบ"
"โห่ยยย นึกว่าจะได้เห็นนัตสึมิจังหวดดาบบ้างอ่ะ!"
"เดี๋ยวได้หวดแน่"
"นัตสึมิจังหวดดาบ?"
"ข้าเนี่ยแหละหวดเอ็งงงง!!"
นัตสึมิเริ่มงงนิดหน่อยว่ามันหมายความว่ายังไงแต่เห็นหน้าเสียอกเสียดายของลูกน้องหน่วยก็พอเข้าใจได้ เธอหัวเราะเสียงใสที่ลูกน้องในหน่วยต่างพากันเถียงเรื่องเธอ เสียงค่อนข้างดังตามประสาพวกเอะอะโวยวายแต่มันกลับอบอุ่นเสมอยามที่ได้มอง
เหมือนกับโรงเรียนของเธอ
"?"เด็กหญิงเอียงคอ มองสบตากับดวงตาสีเฉกเดียวกัน โอคิตะตัวท่วมไปด้วยหยาดเหงื่อเหมือนกับคนอื่น อีกฝ่ายจับด้ามไม้ไว้ไม่ปล่อยแถมยังมองมาทางเธอกับคอนโด้ตาไม่กระพิบพออีกฝ่ายรู้ตัวว่ามองนานเกินไปก็หลบสายตาไปนั่งพักกับคนอื่นๆ อะไรของเขา? หรือว่าหวงคอนโด้ หวงหัวหน้าตัวเองได้เหรอวะหรือเธอพลาดอะไรไป มีรักร่วมชายคาในนี้เหรอ? บ้าน่าพวกเขาเป็นผู้ชายกันหมดเลยน้า เอ้ะ แต่สมัยนี้ผู้ชายก็คบกันได้นี่หว่า
นัตสึมิบอกลาคอนโด้และให้กำลังใจคนอื่นๆ เวลาล่วงเลยจนหมดเวลาพัก คนในหน่วยเริ่มอวดครวญอีกครั้งแต่พอได้ยินคอนโด้บอกว่าเธอให้กำลังใจก็เริ่มเสียงดังเถียงกันเรื่องเธออีกรอบ
"เอ้อ นัตสึ"เจ้าของชื่อหยุดเดิน เธอหันหน้ามามองคอนโด้"เจ้าโทชิน่ะ"
"..?"
"ช่วยดูแลมันหน่อยนะ แค่วันนี้ก็ได้"
เด็กหญิงมองคนไหว้วาน คอนโด้เดินกลับไปฝึกต่อแล้วทิ้งให้เธอยืนอยู่ตรงนั้นที่เดิม
สุดท้ายเรื่องที่เธอไม่อยากยุ่งก็ชอบเข้ามาหาเองตลอดเลยสินะ
ถึงจะไม่รู้ว่าฮิจิคาตะเป็นอะไรแต่ถูกยัดงานมาขนาดนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เธอเองก็ต้องรับงานไปแบบช่วยไม่ได้ วันนี้คุณรองหัวหน้าปีศาจขี้บ่นได้กลายเป็นคนที่เธอต้องคุ้มครอง? อืม..ดูแล ไม่ถนัดปากเลยเชียว จะมีอะไรให้ดูแลอีก เขาเองก็ออกจะเก่ง โตขนาดจะแต่งงานได้แล้วให้เธอไปดูแลอะไรอีกฟะ มีคนลอบโจมตี? ก็ไม่ใช่อีก อีกคนอย่างกับหมาบ้าถ้ามีคนคิดลอบสังหารก็ฟันคอได้ไม่ลังเลแน่ๆ เฮ้อ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว
ทำไมคิดอะไรไร้สาระขนาดนี้นะ
คอนโด้คงมีเหตุผลที่ให้งานเธอมาแบบนั้นล่ะมั้ง
แหมะ!
"โอ๊ะ?"
นัตสึมิกระพริบตา เมื่อกี้เหมือนมีอะไรผ่านหน้าไปแถมยังรู้สึกเปียกข้างแก้มอีก เธอยกมือขึ้นมาลูบ เป็นหยดน้ำที่ล่วงมาจากท้องฟ้า ยังไม่ทันได้เงยหน้ามองต้นเหตุสายฝนก็พากันกระหน่ำลงมา
นัตสึมิกางร่มกันหยาดน้ำฝนในขณะที่ฝีเท้าก็ย้ำไปทางข้างหน้า ร่มคันสีดำสนิทถูกกางออกมาป้องกันเธอจากหยาดน้ำ ให้ความรู้สึกเดิมๆกลับมา ความรู้สึกที่ต้องเดินแบบนี้ท่ามกลางสายฝนแต่ก็ช่างมันเถอะ หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตอนนี้สำคัญกว่า
ก่อนอื่นต้องทำตามเป้าหมายแรกนั้นคือการลาดตระเวน ดูจากเมืองคร่าวๆแล้วชีวิตทุกคนก็ยังดูปกติดี ไม่มีการก่อความวุ่นวาย การชิงทรัพย์ก็ไม่มี ไม่มีคดีก่อมันก็ดีอยู่หรอกแต่ได้ออกมาลาดตระเวนทั้งทีอยากให้มีเรื่องมากกว่าอ่ะ เจอแบบนี้มันจะไปสนุกอะไร๊
หือ?
ขาทั้งสองข้างหยุดเดิน สายน้ำเอื่อนเอื่อยขยับพริ้วไหวตามแรงของหยาดน้ำที่ตกกระทบ พื้นหญ้าเปียกแซะยามที่ก้าวเดิน กลิ่นดินเปียกลอยเข้ามาติดจมูกที่แห่งนั้นถูกปกคลุมด้วยผู้ชายเพียงคนเดียว ไม่มีสิ่งอื่นป้องกันจากฝนบนฟ้านอกจากชุดที่สวมใส่ เขายอมโดนฝนกระหน่ำแบบไม่ขัดขืน
นัตสึมิมองแผ่นหลังกว้างขวางของรองหัวหน้า ความรู้สึกอ้างว้างและโศกเศร้าลอยปะเดเข้ามา แผ่นหลังแข็งแกร่งนี้แบกรับอะไรบางอย่างที่หนักอึ้ง ไม่ใช่ในฐานะรองหัวหน้าของหน่วยแต่เป็นฐานะของผู้ชายธรรมดาคนนึงเท่านั้น
เพราะแบบนี้เองสินะ คอนโด้ถึงให้เธอออกมาดูแลเขา
"เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก"
คนที่ปล่อยตัวให้เนื้อตัวเย็นเฉียบไม่แม้แต่หันมามองขนาดไปยืนอยู่ข้างๆก็ยังไม่แม้แต่ชำเลือง นัตสึมิกางร่มกันสายฝนที่พากันตกให้ทั้งตัวเองและคนข้างกาย ถึงจะเป็นถึงรองหัวหน้าที่สู้ได้กับทุกอย่างแต่คงสู้กับไข้หวัดไม่ได้แน่นอน
เธอลอบมองใบหน้าด้านข้างของอีกคน แอบสังเกตอารมณ์และท่าทางแต่พบเพียงแต่ใบหน้านิ่งเรียบไม่แสดงอะไรออกมา
"มีอะไร..ไม่สบายใจรึเปล่า?"
เขายังคงเงียบ
เธอถอนหายใจออกมาแผ่วเบา เหมือนในหัวฮิจิคาตะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ อะไรบางอย่างที่เขาไม่อยากให้เธอรับรู้ นัตสึมิคิดว่าคงเป็นเรื่องส่วนตัว เธอไม่คิดจะก้าวก่ายอะไร หน้าที่ของเธอมาเพียงแค่ดูแลเท่านั้น
"นี่เธอ? จะทำอะไร"
กว่าฮิจิคาตะจะพูดออกมาได้ก็ปาไปตอนที่เธอตัดสินใจลากเขาออกจากตรงนั้น เด็กหญิงจับท่อนแขนอีกฝ่ายไว้แน่น เสียงฮิจิคาจะแหบแห้งจนน่ากลัวว่าจะไม่สบาย อีกฝ่ายปากซีดตามประสาคนตากฝนเป็นเวลานาน
"วันนี้ฉันมีหน้าที่ดูแลนาย"จะดูแลทั้งกายและใจเท่าที่ทำได้ ริมฝีปากอิ่มยกยิ้ม มองคนที่เริ่มตัวเปียกเพราะฝนอีกครั้ง"เอาตำแหน่งกับหน้าที่การงานออกไปก่อน วันนี้ฉันจะมาดูแลในฐานะเพื่อนคนนึงเท่านั้น"
"เพื่อนงั้นเหรอ?"
"อืมมม..เพื่อนก็ต้องดูแลเพื่อนใช่ไหมล่ะ ถึงอายุจะห่างกันแต่นายก็ถือว่าเป็นเพื่อนฉันคนนึง วันนี้ก็ถือว่าลืมเรื่องสถานะการงานไป มาเที่ยวเล่นผ่อนคลายบ้าง"คำสั่งคอนโด้ล้วนๆไม่มีอะไรผสมถึงแม้ตอนแรกจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแต่สภาพฮิจิคาตะตอนนี้ก็อดที่จะยื่นมือมาช่วยไม่ได้
"นัตสึมิ ฉันอยากอยู่--"
"พูดอะไรไม่ได้ยินเลยแฮะ วันนี้มันวันฟรีเดย์นะ"เธอออกแรงลากแขนฮิจิคาตะอีกครั้งแม้เขาจะฝืนหน่อยๆก็ตาม นัตสึมิถอนหายใจกับความดื้อดึง เธอเลื่อนมือจากลำแขนแกร่งมากอบกุมมือใหญ่ สัมผัสที่ได้รับเย็นเฉียบไม่ต่างจากที่คิด
"ฉันไม่รู้ว่านายไปเจออะไรมาหรือมีเรื่องรบกวนจิตใจมากขนาดไหนแต่การปล่อยให้ตัวเองแย่ก็ไม่ใช่เรื่องดี นายอ่อนแอได้แต่อย่าปล่อยให้ตัวเองแย่จะได้รึเปล่า"เธอหันไปสบตากับคนข้างหลัง มอบรอยยิ้มบางเบาให้คนที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน
สายฝนยังคงตกประปราย ดูจากสภาพอากาศและเมฆที่ลอยตัวต่ำแล้วนัตสึมิคิดว่าฝนคงไม่หยุดตกง่ายๆ คงจะตกแบบนี้ทั้งวัน หนักบ้าง เบาบ้างสลับกันไปแต่การค้าและการใช้ชีวิตอยู่ของชาวคาบูกิโจก็อยู่ดีมีสุข ตอนเดินผ่านมาก็มีพ่อค้าบางคนที่ขายตามแผงลอยที่ใช้เสื่อยื่นในการบังฝนไม่ให้ของเปียก ทุกคนก็ดูดำเนินชีวิตตัวเองต่อไปไม่มีอะไรน่าห่วงนัก
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ
"เอาไปเปลี่ยน ฉันไม่อยากใส่ชุดสีชมพูหวานแววนี้"
"ฉันไม่ชอบสีฟ้า"
"ชุดทุเรศจริง ฉันจะใส่ชุดนี้ ไม่เปลี่ยนมันอะไรทั้งนั้น"
ฮิจิคาตะปฎิเสธทุกชุดที่พยักงานหยิบยื่นมาให้ นัตสึมิกอดอกมองอยู่เฉยๆ พออีกคนให้ความร่วมมือโดยการเดินตามมาเงียบๆแล้วเธอก็ผลักส่งมาร้านเสื้อผ้าทันที เสื้อผ้าเปียกปอย ผมเผ้ายุ่งเหยิง สภาพเหมือนหมาตกน้ำใครจะยอมทน นัตสึมิก็ต้องจัดการแปลงสภาพกันซะหน่อยแต่ไม่คิดว่าฮิจิคาตะจะดื้อถึงขนาดนี้
พนักงานส่งสายตาเว้าวอนมา ท่าทางดูไม่รู้จะทำยังไงกับคุณผู้ชายที่ไม่สนใจแม้แต่ชุดเดียว เธอถอนหายใจออกมาแผ่วเบา สุดท้ายตัวเองก็เป็นคนตัดสินใจ เธอมองฮิจิคาตะตั้งแต่หัวจรดเท้าและเท้าจรดหัว
เขายังอยู่ในชุดยูนิฟอร์มซินเซ็นงุมิเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเริ่มอับซื้นเพราะตากฝนและมาเจอห้องแอร์ถ้าอยู่ต่อในสภาพแบบนี้มีหวังไข้หวัดถามหาไม่ต้องสงสัย
นัตสึมิเดินไปเลือกชุดที่พอเหมาะให้กับเจ้าตัวโดยมีสายตาจับจ้องอยู่ตลอด ฮิจิคาตะดูจะไม่ค่อยพอใจก็ไม่เชิง อารมณ์เหมือนเบื่อหน่ายและไม่รู้ควรทำอะไร เธอจัดแจงเลือกชุดออกมาให้กับพนักงาน ทุกตัวเป็นสีขาวและดำ
"เอาไปลอง"ฮิจิคาตะมองชุดในมือพนักงานสลับกับมองเธอ"อย่าให้ฉันพูดเป็นครั้งที่สอง"
กร็อบ~!
พร้อมกับหักนิ้วโชว์เป็นพร็อบเจ้าตัวถึงได้ยอมไปเปลี่ยนชุดแต่โดยดี ได้ยินเสียงบ่นงึมงำว่าจะมาดูแลแต่ทำไมดูเหมือนข่มขู่เขามากกว่า นัตสึมิหัวเราะกับประโยคบ่นงุบงิบนั้นแต่ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้เขาเปลี่ยนชุดไปในห้องลอง
"เอาใจยากจังเลยนะคะ"เธอเลิกคิ้ว มองพนักงานสาวที่วิ่งวุ่นไปเลือกเสื้อให้ฮิจิคาตะแทบทุกนาที นัตสึมิหัวเราะเห็นด้วยกับประโยคของเจ้าหล่อน
"ถ้ารู้ทริคเขาก็จะอ่อนให้นะคะ"พูดพร้อมขยิบตาข้างนึง อย่างเมื่อกี้ที่ฮิจิคาตะยอมก็เพราะเธอหักนิ้วโชว์แล้วส่งสายตาว่าถ้าไม่ลองได้ตายแน่อีกฝ่ายก็ยอมโดยไร้ข้อกังขา
"แต่เขาก็ดูดีจริงนะคะ ใส่ชุดอะไรก็ดูเหมาะไปหมดทั้งที่สภาพเปียกปอนขนาดนั้นยังดูหล่อเลยล่ะค่ะ"พนักงานสาวกระซิบกระซาบ เธอแอบเห็นสายตาเพ้อฝันจากดวงตาของเจ้าหล่อน นัตสึมิเองก็ไม่เถียง ฮิจิคาตะเป็นคนดูดีมากในระดับนึง ใบหน้าคมสัน จมูกสันทัด ริมฝีปากบางเฉียบไหนจะดวงตาคมกริบที่ใช้เป็นอาวุธพิชิตใจสาวๆได้อีกถึงแม้เจ้าตัวจะไม่รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์แต่สภาพเปียกๆที่ลากมาที่นี่ได้ก็มีคนมองเยอะพอสมควร
หน้าตาดี รูปร่างดีแต่สติไม่มี
มายองเนส..
ลอยเข้ามาในหัวเลยแฮะ
"อิจฉาคุณหนูจังที่มีแฟนหล่อแบบนี้ เป็นตำรวจด้วยนี่ค่ะ เท่จัง"
ห๊ะ?
นัตสึมิดึงสติกลับมาได้เพราะคำพูดของพนักงานสาว เจ้าหล่อนยังพูดเกี่ยวกับฮิจิคาตะไปเรื่อย ปากก็บอกว่าอิจฉานู้นนี่แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้หล่อนบอกว่าฮิจิคาตะเป็นแฟนเธองั้นเหรอ? เฮ้ย..เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
ยังไม่ทันจะได้แก้ตัวคนที่อยู่ในห้องก็เดินออกมา ทิ้งเธอให้อ้าปากค้างเตรียมจะแก้ข่าวไว้คนเดียวเพราะเจ้าหล่อนกุจีกุจอไปเก็บชุดเก่าของฮิจิคาตะ
คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง แค่คนเดียวเข้าใจผิดคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นัตสึมิมองคนตรงหน้าด้วยความภูมิใจ เธอเดินเข้าไปใกล้คนตัวโตกว่ามากขึ้น จับแปลงเสื้อให้เข้าที่ กะอีแค่เสื้อเชิ้ตธรรมดาสวมด้วยเสื้อกั๊กกับกางเกงแสลคสีดำนี่ทำให้พนักงานผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดได้ขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย
เธออมยิ้ม กระแซะแขนเขาเป็นการหยอกล้อ
"หล่อนะเนี่ย สาวกรี๊ดใหญ่เลยนะเรา"
ฮิจิคาตะทำหน้าเหม็นเบื่อแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี นัตสึมิหัวเราะเสียงใส ลากแขนเขาไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ เธอวานให้พนักงานช่วยซักอบแห้งแล้วส่งไปที่หน่วยแทนวันพรุ่งนี้ซึ่งทางร้านก็รับทราบ ไม่มีข้อขัดแย้งเพราะเธอซี้ปึกกับร้านนี้พอสมควร
ชุดกิโมโนเกินครึ่งที่เธอมีซื้อจากร้านนี้ไปแล้ว 70% จะบอกให้
"จะพาไปไหนอีกเนี่ย"ฮิจิคาตะเริ่มบ่นเสียงกระปอดกระแปด เธอหยุดเดิน มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่สื่อว่าไม่รู้จริงดิก่อนที่จะเอือมมือไปปัดผมหน้าม้าทรงวีเชฟของท่านรอง
"ผมเปียกขนาดนี้จะให้ไปไหนได้ถ้าไม่ใช่ร้านทำผม"เธอว่า ฮิจิคาตะเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาเอือมมือไปจับๆหัวตัวเองตาม
เหมือนเด็กเลยแฮะ
"แต่เดี๋ยวมันก็แห้งเองน่า"
"ไม่ได้หรอก ไม่สบายขึ้นมาเดี๋ยวจะแย่เอา"ฮิจิคาตะทำท่าจะอ้าปากเถียงอีกรอบแต่นัตสึมิยกมือขึ้นมาชี้หน้าว่าห้ามพูดซะก่อน"ห้ามดื้อด้วย!"
เป็นอันจบข่าว ฮิจิคาตะอ้าปากพะงาบเพราะน่าจะไม่เคยโดนแบบนี้ เธอจัดการออกแรงลากฮิจิคาตะไปยังร้านทำผมที่รู้จักทันทีด้วยท่าทางอารมณ์ดี ฮิจิคาตะเหมือนเด็กมาก พอเป็นแบบนี้ไม่มีลุคของท่านรองหัวหน้าเลยสักนิด ก็ดูน่ารักดีเนอะ
"ยินดีต้อนรับครับ"เสียงพนักงานดังขึ้นพร้อมกับกระดิ่งหน้าร้านที่ติดห้อยกับประตู นัตสึมิยิ้มทักทายคนที่อยู่ด้านใน เด็กหนุ่มพนักงานร้องเอ้า"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะนัตสึจัง"
"คิก นานมากเลยล่ะ"เธอหัวเราะคิกคัก ร้านนี้ก็รู้จักกันดีพอสมควรเพราะชอบมาสระผมกับนั่งตากแอร์อ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ที่นี่(ส่วนใหญ่มาเพราะเหตุผลข้างหลัง) มัตสึไดระก็ชอบมาสระผมที่นี่บ่อยๆเพราะติดพวงเสน่ห์ของสาวแซ่บเจ้าของร้าน ใครก็รู้ว่าป๋าเธอนิสัยเป็นแบบไหน เรื่องผู้หญิงต้องยอมให้เขาเลยล่ะ
"วันนี้มาทำอะไรล่ะ สระไดร์? หนีบผม?"เขาว่า มองเลยไปข้างหลังที่ฮิจิคาตะยืนเกาหัวอยู่"หรือจะให้บริการแฟนเธอ?"
"ย่าห์ ไม่ใช่แฟนซะหน่อย"เธอแกล้งต่าง ทำไมมีแต่คนคิดว่าเธอเป็นแฟนกับฮิจิคาตะนักนะ เจ้าตัวก็ไม่แก้ต่างอะไรด้วยเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรมากกว่า พนักงานที่รู้จักกันดีพยักหน้าขึ้นลงได้แบบโคตรเสแสร้ง มองลงที่มือที่จับกันอยู่แล้วทำหน้าล้อเลียน
"ไม่ใช่แฟนแต่จับมือกันแน่นเลยหนา"
จะอ้าปากเถียงก็ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องจริง พอโดนแซวแบบนั้นนัตสึมิก็รีบปล่อยมือหนาทันทีที่เธอจับเอาไว้ก็เพราะให้ฮิจิคาตะเดินตามต่างหาก! เดี๋ยวดื้อไม่ยอมตามเธองี้ไง
พนักงานหนุ่มหัวเราะขำเสียงดังที่เห็นสาวเจ้าหน้าบูดบึ้ง นัตสึมิดันหลังฮิจิคาตะให้เดินไปนั่งเก้าอี้
"ฝากหมอนี่ด้วย สระผมกับไดร์ก็พอ"
"อือๆ จะดูแลแฟนเธออย่างดีเลย"
"ไม่ใช่แฟน!"
ฮึ่ย! เธอเกลียดสายตาล้อเลียนกับรอยยิ้มขำนั้นซะจริง!
แล้วฮิจิคาตะ! ไม่คิดจะแก้ต่างหน่อยเรอะ!
เป็นอีกครั้งที่นัตสึมิได้แต่กัดฟันกรอดเพราะเถียงไปยังไงก็ไม่มีทางชนะเสียงหัวเราะดังลั่นด้วยความสะใจของพนักงานหนุ่มไม่ได้ พอมองลงที่ตัวต้นเหตุที่ถูกหาว่าเป็นแฟนก็พบกับรอยยิ้มขบขันที่มุมปาก ดวงตาสีดำสนิทเงยสบตาสะท้อนจากบานกระจก เธอแอบเห็นแววตาเป็นประกายในดวงตาคมคู่นั้น
หมอนี่จงใจแกล้งเธอ!
มิน่าถึงได้ไม่ตอบโต้เลยสักนิด!
"โทชิ! นาย--"
"อะไร? เขินเหรอที่คนอื่นรู้ว่าเราคบกัน?"นัตสึมิอ้าปากพะงาบ ชี้หน้าใส่คนที่เอนหลังนอนลงกับเบาะนั่งเตรียมตัวสระผม ฮิจิคาตะเงยหน้ามองพนักงานหนุ่มที่อมยิ้มอยู่ก่อน"เธอก็เป็นแบบนี้แหละครับ เขินแล้วเป็นแบบนี้ทุกที"
ว้อยยยยยยยยยย
หมอนี่แกล้งเธอ!แถมยังตีบทเนียนตามน้ำพนักงานนี้ไปอีก แค้นกันนักใช่ไหมฮิจิคาตะ เป็นคนแบบนี้ใช่ไหมโทชิ๊ เธอแค่ลากไปไหนมาไหนด้วยเพราะหวังดีนะเว้ยยย
"ครับ ผมก็ว่างั้น รบกวนช่วยดูแลนัตสึจังด้วยนะครับ เธอค่อนข้างเอาแต่ใจ"
"ไม่บอกก็ดูแลอยู่แล้วครับ เนอะนัตสึ?"
นัตสึมิไม่ถูกใจสิ่งนี้
อยากกรีดร้องงงงง
หลังจากนั้นพนักงานหนุ่มก็หัวเราะร่าเสียงใสจนน่าฟ้องผู้จัดการให้มาตักเตือนกับความซ้ำเติมด้วยความสะใจนี้ นัตสึมิฟึดฟัดออกนอกหน้า เธอสะบัดหน้าหนีสายตาขบขันของฮิจิคาตะไปนั่งกระแทกหลังที่เบาะรองนั่งของร้านแทน
ฮึ่ย ฝากไว้ก่อนเถอะ!
เวลาล่วงเลยผ่านไปไม่นานฮิจิคาตะก็ถูกจัดทรงด้วยไดร์เป่าผมให้แห้ง กระจกสีใสสะท้อนภาพชายหนุ่มใบหน้าคมสัน ฮิจิคาตะมองตัวเองในกระจกนิ่งงัน มุมปากยกยิ้มที่เห็นภาพสะท้อนเด็กหญิงที่อาสามาดูแลตัวเองกำลังมองทาทางนี้ นัตสึมิเบะปาก สะบัดหน้าหนีอ่านนิตรสารในมือแทนสบตาแวววับของคนในกระจก
หมั่นไส้ซะจริงแต่ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
เธอทำปากขะมุบขะมิบบ่นกระปอดกระแปดคนที่นั่งอยู่หน้ากระจก ไม่นานเกินรอพนักงานร้านที่รู้จักกันดีก็บอกว่าเสร็จแล้ว นัตสึมิเงยหน้าจากภาพแฟชั่นที่ฮิตกันอยู่ในช่วงนี้เงยหน้าขึ้นมองหน้าคนที่สะท้อนในกระจกอีกครั้ง
ก็เหมือนเดิม ฮิจิคาตะคนเดิม เพิ่มเติมแค่แปลกต่างเพราะชุดที่ใส่
เด็กหญิงลุกขึ้น วางนิตรสารไว้ที่เดิม เดินไปหาคนที่มองเธอในกระจกอยู่แล้ว นัตสึมิก้มๆเงยๆมองหน้าฮิจิคาตะสักพัก เธอค่อนข้างเบื่อทรงผมธรรมดาๆของฮิจิคาตะซะจริง แค่โผล่มาแค่วีเชฟก็รู้แล้วว่าเป็นท่านรอง
ฮิจิคาตะยังคงมอง เริ่มคิดไม่ตรงกับทรงผมตัวเอง มองตามนิ้วเล็กๆที่เกลี่ยเข้าที่ปอยผมด้านหน้า นัตสึมิจับๆปัดๆสักพักก่อนที่ตัวเองจะนึกอะไรขึ้นมาได้
"ช่วยเปลี่ยนทรงผมนิดนึงได้ไหม?"
"ฉันไม่ตัดผมนะ"ฮิจิคาตะแย้งทันที เธอไม่ได้ตอบรับคำขอของคนที่อยู่ด้านล่าง เด็กหญิงสางเส้นผมหนานุ่มของคนที่ขึ้นชื่อว่าน่ากลัวที่สุดในชินเซ็นงุมิ
"ไม่ตัดหรอกแค่จะเอาไอ้นี่ขึ้นเฉยๆ"
ว่าเพียงแค่นั้นก็พยักเพยินให้พนักงานจัดการเสยผมหน้าฮิจิคาตะขึ้นผลที่ได้ออกมาดีกว่าที่คิด ใบหน้าคมสันดูสว่างขึ้นทันตาเห็นแถมยังดูเพิ่มเสน่ห์ให้ฮิจิคาตะน่ามองมากกว่าเก่า เธอผิวปาก นับถือความคิดตัวเองที่ไม่เคยมองพลาด อีกฝ่ายดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรแต่ก็บอกว่าก็ไม่ได้แย่ ดูย้อนแย้งดีเนอะ
"คิก.."
นัตสึมิหัวเราะคิกคัก ยอมรับเลยว่าฮิจิคาตะตอนนี้ไม่มีลุคท่านรองอยู่เลย เป็นเพียงผู้ชายหน้าตาดีคนนึงเท่านั้น เสื้อผ้าที่สวม ทรงผมที่แต่งทำให้เขาโดดเด่นท่ามกลางผู้คนที่เริ่มเบียดเสียดออกมาจับจ่ายซื้อของ
ภารกิจแปลงรูปสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีพร้อมกับฟ้าหลังฝนที่เริ่มโผล่มาให้เห็น แสงแดดสาดส่องมาไม่แรงมากเป็นเพียงแสงอ่อนๆให้ความรู้สึกอุ่นๆดีเท่านั้น ตามพื้นมีนองน้ำหลังจากที่ฝนหายตกอยู่แต่ก็นั้นแหละ ทุกอย่างเหมือนวางมาให้เป็นวันของฮิจิคาตะ
"ขำอะไรของเธอน่ะห๊ะ"
สภาพอากาศก็เริ่มดีแล้วแต่เขาก็ยังติดอาการเหวี่ยงๆไม่ค่อยพอใจอยู่ดี เด็กหญิงส่ายหัวจนปลายผมพริ้วไหว
"ก็ไม่มีอะไร สาวๆมองเต็มเลยน้าโทชิจังง"เธอกระทุ้งศอกเข้าที่สีข้างคนตัวหนา"ฮึ่ย ฮอตเว่อร์อ่ะ"
"รำคาญตาจะตายชัก"เขาบ่น มือหนาล้วงเข้าไปหาของที่อยากได้ในเวลานี้ตามตัว นัตสึมิได้ยินเสียงสบถแผ่วตามลมประสาคนหูดี เธอหัวเราะคิกคัก พอเดาออกว่าฮิจิคาตะหาอะไรอยู่
ผู้ชายอย่างเขาน่ะขาดไม่ได้อยู่ 2 อย่าง ไม่มายองเนสก็บุหรี่
"วันนี้ก็เลิกวันนึงซี่ เห็นสูบทุกวันก็พักปอดบ้างซะเถอะ"
แต่ละวันนัตสึมิเห็นฮิจิคาตะสูบบุหรี่วันหลายม้วน ขั้นต่ำ 2 มากสุดเกิน 4 เธอเกรงว่าก่อนที่เจ้าตัวจะได้แต่งงาน ตกลงปลงใจกับสาวได้เป็นโรคมะเร็งปอดตายก่อนแน่
"แล้วมีอะไรมาแลก?"
ฮิจิคาตะเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ
"ฉันติดบุหรี่ ให้เลิกกระทันหันมันยาก"เขาเสริม
"แล้วจะเอาอะไรล่ะ? เลิกแค่วันเดียวก็ไม่ได้เหรอ"เอียงคอถามประกอบ เธอไม่เคยติดบุหรี่เลยไม่รู้ว่าเวลาเลิกมันเป็นยังไงแต่รู้แค่ว่าสูบมากๆมันไม่ดีต่อสุขภาพถ้าให้เปรียบว่าบุหรี่เหมือนช็อคโกแลคนี่ก็พอเข้าใจอยู่ ถ้าเธอโดนขอให้เลิกกินช็อคโกแลตไปตลอดชีวิตก็เจ็บปวดไม่น้อย นัตสึมิอาจจะได้ขาดใจตายแน่ๆ
เริ่มจะเข้าใจฮิจิคาจะขึ้นมานิดๆแล้วแฮะ
"อืม.."ฮิจิคาตะนิ่งคิดไปสักพัก"ลองเรียกฉัน"
"ห๊ะ?"นัตสึมิร้องออกมาแปลกใจแค่เรียกชื่อก็เลิกได้แล้วเหรอ ปกติก็เรียกอยู่ทุกวัน คำขอพิลึกจังแหะ
"โทชิคุง"
เรียกไปแบบปกติ ฮิจิคาตะส่ายหัว
"ไม่ใช่"
คราวนี้นัตสึมิขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
"โทชิจัง?"นอกจากลงท้ายด้วยคุงกับจังก็ไม่เคยเรียกว่าอะไรอีก ไม่เคยเรียกเขาว่าฮิจิคาตะเฉยๆด้วย ท่านรองเรียกแค่ในใจแต่ดูท่าคนที่ถูกดัดแปลงลุคก็ยังไม่ชอบใจ
"ไม่ใช่แบบนี้"
แล้วแบบไหนวะ..หรือว่า
"โทชิจางงง"เรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนเสียงหวาน เธอดัดเสียงให้เล็กแล้วเขาไปกระแหนะกระแนนผู้ชายตรงหน้า ได้ยินเสียงฮิจิคาตะถอนหายใจ มือหนารวบมือเธอที่เกาะแขนออก
"ไม่ใช่สิ ไม่ใช่แบบนี้"ยิ่งขมวดคิ้วมากกว่าเดิมซะอีก นัตสึมิกอกอก มองด้วยความไม่เข้าใจว่าจะให้เรียกแบบไหนกันแน่"เรียกชื่อฉัน"
"ก็โทชิไง"
ฮิจิคาจะยังดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรกับการเรียกชื่อนี้
"เธอบอกเองว่าให้ผ่อนคลาย"
แล้วโทชิจังไม่ผ่อนคลายตรงไหน?
เธอยืนนิ่วคิ้วขมวด ยังไม่เข้าใจเท่าไรว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ฮิจิคาตะถอนหายใจหน่ายใจเหมือนปลงสุดขีด เอ้า ก็เขาไม่บอกอะไรเลยแล้วเธอจะไปรู้เรอะ เรียกงู้นเรียกนี่ก็ไม่พอใจแล้วจะให้เรียกอะไรอ่ะถามจริ๊ง
"หิวจังแหะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่าน่าพี่โทชิ"นัตสึมิตัดบท ถ้าให้เดาต่อไปคงไม่ได้อะไรขึ้นมาแน่ เด็กหญิงจับแขนลากอีกฝ่ายแต่พอออกเดินกลับยืนนิ่งซะงั้น
จะหันไปถามก็ได้แต่ซะงัก นัตสึมิสังเกตุเห็นความพึงพอใจในดวงตาคู่นั้น
"เรียกอีกรอบสิ"
"พี่..โทชิ?"พูดเสียงแผ่วเบา
"หึ"เธอได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ แอบเห็นมุมปากหยักยันขึ้นคล้ายยิ้มบางเบาพร้อมกับเสียงคลอตอบกลับมา
ฮิจิคาจะเดินนำหน้าแทนทิ้งให้นัตสึมิยืนนิ่งงันอยู่ข้างหลัง เธอมองแผ่นหลังหนาภายใต้เสื้อที่เลือกให้ นึกถึงคำพูดที่เขาเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้
"ก็น่ารักดี"
หมายความว่าไงนะ?
ยังไม่ทันได้คิดอะไรคนที่เดินนำไปไกลลิ่วก็หันกลับมาอีกรอบ
"จะกินไหมข้าวน่ะ?"
นัตสึมิเกาหัว พยักหน้าขึ้นลงแล้วรีบไปเดินข้างคนตัวสูง ไม่รู้ว่าฮิจิคาตะเดินเร็วไปหรือว่าช่วงขาเธอมันสั้นถึงได้เดินตามไม่ทัน กว่าจะได้ตีคู่ก็ต้องพาตัวเองก้าวยาวๆไปหลายก้าวได้
เราสองคนตัดสินใจเลือกกินข้าวข้างทางแทน เป็นร้านที่ประกอบขึ้นด้วยไม้ธรรมดาทั่วไป ดูมีอายุอานามยาวนาน ฮิจิคาตะบอกว่านี่เป็นร้านโปรดของเขาเลยก็ว่าได้เพราะที่นี่ทำอาหารอร่อยถูกปากมาก นัตสึมิก็ทำเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น ไม่ได้เอออออะไรเพราะเธอเองก็ยังไม่เคยลองชิมฝีมือร้านนี้เหมือนกัน
นั่งรอไม่นานของที่สั่งไปก็ถูกวางไว้ตรงหน้า นัตสึมิสั่งอาหารง่ายๆอย่างข้าวแกงกะหรี่(เมนูสิ้นคิดที่ไม่รู้จะสั่งอะไรกิน) กลิ่นหอมอบนวลไปด้วยเครื่องเทศผสมกับกลิ่นหวานเปรี้ยวของมายองเนส
ใช่ มายองเนสของฮิจิคาตะ
"ฮิจิคาตะสเปเชี่ยลได้แล้วจ๊ะ"ป้าคนขายดูสนิทกับฮิจิตาตะจริงๆพอเห็นเจ้าตัวก็ทำให้โดยไม่ต้องออกปากสั่ง ข้าวอะไรสักอย่างที่ถูกปกคลุมด้วยมายองเนสจนไม่เห็นหน้าถูกวางเสิร์ฟตรงหน้าฮิจิคาตะ
เธอมองมันด้วยความแหยงพร้อมกับความหลังที่มีต่อของเหลวสีขาวเหลือง จะอ้วก--
"อันนี้ก็กินโทกิสเปเชี่ยลจ้า"
พร้อมกับข้าวหน้าถั่วแดงเหนียวเหนอะถูกวางไว้ตรงหน้าพื้นที่ข้างเธอ
"เฮ้ย--"
นัตสึมิหันไปมองตามเสียงแบบเชื่องช้า เห็นชามูไรผมขาวหยักศกที่มีคนเดียวในโลกกำลังสวาปามข้าวหน้าถั่วแดงอย่างเอร็ดอร่อยพอหันไปมองคนที่อยู่ข้างๆก็กำลังสวาปามข้าวหน้ามายองเนสแบบเอร็ดอร่อยเช่นกัน
เธอแค่นหัวเราะในลำคอ ยิ่งเห็นของเหลวสีขาวเหลืองไหลเข้าคอฮิจิคาตะไม่หยุดก็ยิ่งรู้สึกพะอืดพะอม
ฮิจิคาตะหันมามอง โชว์ขวดที่พกติดตลอดมาแล้วพูดว่า"สักหน่อยไหม มายอง"
มายอง(ติ๊ด)อะไรเล่า!
นัตสึมิส่ายหัว ลงมือกินของตรงหน้าบ้างแต่ก็ต้องชะงักกับข้าวที่กำลังตักเข้าปาก ทำไมแกงกะหรี่เธอถึงมีถั่วแดงเหนียวๆอยู่ในจานไปครึ่งนึง?
"รู้อะไรไหมโทชิคุง นัตจังน่ะชอบถั่วแดงรู้ไว้ซะด้วย"
ไม่--เธอไม่ได้ชอบถั่วแดงเลยสักนิด
"สารพัดรับจ้าง? แกสะเออะมาทำไมที่นี่"
ปากพูดออกไปแบบนั้นแต่ทำไมถึงบีบมายองเนสใส่ข้าวครึ่งซีกเธอล่ะ โทชิคุง..
"แล้วทำไมฉันจะมาไม่ได้ นี่ร้านประจำคุณกินเลยนะ"
แล้วข้าวหน้าถั่วแดงก็ถูกประกบมาอีกครึ่งซีก มาแบบทั้งข้าวทั้งถั่วเหนียวๆ
"แล้วนั้นทรงผมบ้าอะไรอย่างกับบ๋อย เอ้า ขอเครื่องดื่มหน่อยค้าบๆๆ"กินโทกิปิดปากดัดจริตพูด ชี้นิ้วใส่ทรงผมของฮิจิคาจะที่อยู่อีกฟาก เด็กหญิงที่นั่งอยู่ตรงกลางมองจานข้าวของตัวเองด้วยความอาลัยไม่ได้สนใจเสียงเส้นประสาทที่แตกไปอีกเส้นของฮิจิคาตะเลยสักนิด หมดกันแกงกะหรี่สิ้นคิดของเธอ
"แกอิจฉาล่ะซี่กับทรงผมใหม่ฉันน่ะ หน้าอย่างแกมีปัญญาไปทำผมเท่ๆแบบนี้ได้รึเปล่าล่ะ"
"ห๊า? ใครจะไปอิจฉาทรงผมห่วยๆนั้น ละดูการแต่งตัวของแกจะไปเสิร์ฟน้ำที่ไหนล่ะบ๋อยจ๋า"
"ว่าไงนะ ไอ้ถั่วแดงโสโครก"
"ก็ว่าอย่างนั้นแหละ ไอ้มายองเนสเน่า"
เปรี้ยะ
แล้วก็มีสายฟ้าแล่นสู่สายตาจากทั้งคู่มาปะทะกันอย่างรุนแรงโดยมีนัตสึมิสั่งข้าวแกงกะหรี่จานใหม่อยู่ตรงกลาง เธอเทข้าวหมา เอ้ย ข้าวที่ถูกผสมปนเปจนแยกไม่ออกว่าคืออะไรใส่จานชามของทั้งคู่อย่างละครึ่ง
ใส่ซีกมายองเนสใส่ชามของกินโทกิ
ใส่ซีกข้าวถั่วแดงใส่ชามของฮิจิคาตะ
"ถามจริงเหอะแกไปทำผมไรมา ทุเรศ"
ฉึก!
เหมือนนัตสึมืขะรู้สึกเหมือนโดนอะไรแทงสักอย่าง
"แต่งตัวก็เชย"
ฉึก!
"ไร้รสนิยมเป็นบ้า"
ฉึก!
"เฮ่ย..สารพัดรับจ้าง"เสียงฮิจิตาตะแผ่วเบา เหล่ตามองเด็กสาวที่นั่งอยู่คั่นกลางให้รู้ความหมายที่กำลังสื่อแต่คงลืมไปสนิทว่ากินโทกิโง่เกินกว่าที่จะรู้เรื่อง
"อะไรของแกวะ เรียกร้องความสนใจจากคุณกินรึไง--ฉันน่ะพูดถูกทุกอย่างอยู่แล้ว เนอะ นัตสึ"
กินโทกินิ่งเงียบไป ก้มมองเด็กสาวก็เห็นว่าหน้ามืดกันไปข้าง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เงยหน้ามองฮิจิคาตะที่เหงื่อท่วมพอก้มมองนัตสึมิอีกทีก็เห็นดวงตาสีแดงนั้นตวัดมองมา
"อะ เอ่อ..ฉันมะ หมายถึงมันดูดีมะ--อ้ากก!!!"
แก้ตัวยังไม่ทันได้ครบประโยคมือเล็กๆนั้นก็กอบกุมใบหน้าเขาด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนที่หัวเขาจะโดนทุ่มใส่ชามข้าวอันเป็นที่รักจนแตกกระจาย
เพล้ง!/เพล้ง!
"แล้วทำไมฉันถึงโดนไปด้วยเนี่ยยย!!"
"กินเข้าไปอย่าให้เหลือซาก ไม่งั้นพวกแกเละแน่"
และหลังจากนั้นทั้งกินโทกิและฮิจิคาตะก็สวาปามข้าวที่หน้าตาไม่พิษมัยเข้าไปจนหน้าขึ้นสีม่วงโดยมีเด็กผู้หญิงนั่งคั่นกลางด้วยรอยยิ้มเย็นเฉียบ
กินโทกิและฮิจิคาตะมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ทั้งคู่โก่งคออ้วกเอาอาหารที่กินไปเมื่อครู่ออกมาจนหมด พวกเขาทำท่าจะว่าเธอที่เอาอะไรไม่พิษมัยมาให้กินแต่พอเห็นสายตาเฉือดเฉือนของเด็กสาวก็พากันหุบปากฉับ
สายฝนสาดลงมาอีกครั้งถึงจะไม่หนักมากเท่าเมื่อเช้าแต่หากตากฝนนานก็พากันเป็นหวัดได้ง่ายๆ นัตสึมิกางร่มที่พกมาขึ้นกันตัวเองพร้อมกับความรู้สึกอัดแน่นสองข้างตัวที่ถูกขยับมาโดยอัตโนมัติ
"เฮ้ย แกจะมาเบียดอะไรวะสารพัดรับจ้าง ร่มคันนี้มันทีที่ให้แค่ฉันกับนัตสึเท่านั้นเว้ย"
"นัตสึ? นี่แกสนิทถึงขั้นเรียกชื่อสั้นๆแบบนั้นได้ละเรอะไอ้บ๋อย แล้วฉันจะยืนอยู่ร่มคันเดียวกับน้องสาวสุดน่ารักของฉันไม่ได้รึไง"
"ฉันสนิทมากกว่าแกสักทีไอ้หัวหยิก"นัตสึมิได้ยินเสียงอะไรกระตุก คล้ายจะเป็นเส้นประสาทของคุณรองหัวหน้า"แกอยู่ร่มคันเดียวกับน้องแกได้แต่กับลูกสาวฉันไม่ยอมแน่"
ลูกสาว? นี่เธอกลายเป็นลูกสาวเขาละเรอะ?
"โอ้โห! ลูกสาว! ยังไม่มีเมียเลยมีลูกละเหรอท่านร๊อง"กินโทกิขึ้นเสียงสูง ท่าทางไม่เชื่อแจ่มแจ้ง
ปี๊ด
เป็นอีกครั้งที่นัตสึมิได้ยินเสียงเส้นประสาทของฮิจิคาตะอีกรอบ
"แล้วจะทำไม นัตสึก็เหมือนลูกฉันแหละโว้ย"
"หาเมียให้ได้ก่อนเถ๊อะ อายุปูนนี้แล้วอย่ามัวแต่เล่นพ่อแม่ลูกเล๊ย"
"บอกตัวเองเถอะไอ้หัวหยิก แกก็อายุไม่ต่างจากฉันล่ะวะ"
"นี่แกกำลังบอกว่าฉันไม่มีใครเอาเรอะ!"กินโทกิแค่นเสียง"อย่างคุณกินน่ะเป็นฝ่ายเลือกเว้ยจะบอกให้"
นัตสึมิกรอกตา ไม่ทนฟังเสียงกัดกันเหมือนสุนัขตัวโตของฮิจิคาตะและกินโทกิ เธอออกเดินตัวปลิวทิ้งให้ทั้งคู่เปียกปอย
ไม่นานนักก็เป็นกินโทกิที่วิ่งหน้าตั้งฝ่าฝนมาหาเธอ ปอยผมเปียกลู่ลงไม่เป็นทรงเดิม เขาพยายามจะเบียดตัวเองเข้ามาภายใต้ร่มคันเล็กๆ ไม่ทันได้ป้องตัวเองออกจากห่าฝนก็ล้มหน้าคะมำด้วยฝ่าเท้าของฮิจิคาตะที่วิ่งมาถีบเข้ากลางหลัง
ดวงตากลมหลับลงไล่ภาพสมัยเด็กที่ฉายซ้อนทับในหัวสมอง นัตสึมิตั้งสติแล้วออกเดินอีกครั้ง ตีคู่กับพวกกินโทกิและฮิจิคาตะที่ตีกันไม่เลิก เธอหลุบมองฝ่ามือตัวเอง ไม่มีความอบอุ่นที่ผู้ชายคนนั้นกอบกุมคือสิ่งเด่นชัดว่าตัวเองผ่านอะไรมา
"ออกไปเลยน่ะแก เบื่อขี้หน้าจะตายซัก"
"ทำไมทำหน้าแบบนั้น"เธอถาม งุนงงกับสายตาเคืองแอบน้อยใจของกินโทกิ
กินโทกิไม่ตอบ ใบหน้าคมนั้นสะบัดหนีแสนง้องอน
"น่าหมั่นไส้นัก"
เป็นครั้งแรกที่นัตสึมิเห็นด้วยกับฮิจิคาตะ
เธอแอบเห็นเรียวตาคมนั้นเหล่มอง คล้ายอยากให้เธอง้อแต่นัตสึมิก็คิดทบทวนดูแล้วก็ไม่พบความผิดที่เธอทำ
แล้วนั้น ท่าทางสุนัขหูลู่นั้นคืออะไร เรียกร้องความสนใจเรอะ?
เธอสบตากับดวงตาลูกหมาของกินโทกินิ่งงัน
และตัดสินใจ
หันหลังเดินกลับแบบไม่คิด
"ไปกันเถอะพี่โทชิ"
ฮิจิคาตะทำตามแทบทันที
"พี่โทชิ!? ฉันเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กเธอไม่เห็นเรียกฉันพี่สักครั้งง--แล้วนั้น! ฉันงอนหล่อนนะเว้ย ง้อน่ะง้อ นัตสึจางงงงง!"
นัตสึมิไม่สนใจเสียงร้องโหยหวนของกินโทกิ เธอแสร้งแคะขี้หูออก ทำท่าไม่อยากจะฟังคนที่เอาแต่โวยวายอยู่ข้างหลังเลยสักนิด
เห็นจากหางตาว่าฮิจิคาตะหันกลับไปทำหน้าเขม้นใส่ด้วย
ไปๆมาๆสองคนนี้ก็ตลกดีชะมัด
"ยิ้มอะไร"คนข้างตัวถาม นัตสึมิเพิ่งรู้สึกตัวว่ามุมริมฝีปากทั้งสองข้างยกขึ้น เธอแตะมันเบาๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะหุบยิ้มได้ในเร็วๆนี้
"แล้วพี่ยิ้มอะไร"
ฮิจิคาตะเองก็ยิ้มไม่ต่างจากเธอนัก
เราสองคนมองหน้ากันสักพักก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะแผ่วเบาออกมาทั้งคู่
คลับคล้ายว่าอุณหภูมิเย็นเฉียบของสายฝนไม่ได้ทำให้เราหนาวเหน็บนักหากมีความอบอุ่นแปลกๆที่เริ่มก่อตัวขึ้นมารอบตัว
"หายเครียดหรือยัง"
หลังจากที่พอตั้งสติกันได้ก็เอ่ยถาม ฮิจิคาตะเลิกคิ้วขึ้น ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าข้างนึงก่อนจะยื่นมือมาจับด้ามร่มเป็นเชิงว่าจะถือให้ นัตสึมิปล่อยมือให้กับอีกฝ่าย
"ก็นิดหน่อย"
เพียงแค่นั้นก็โล่งใจ
อย่างน้อยรองหัวหน้าหน่วยก็ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าตอนเจอกันครานั้น
"ฉันไม่รู้จะเขียนจดหมายถึงหมอนั้นยังไง"อยู่ๆเขาก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงทุ้มจับได้ถึงความกังวล นัตสึมิเห็นแววตาวูบไหวของฮิจิคาตะ
คนสำคัญ เธอรู้ได้จากแววตาของเขา
"ก็เขียนตามที่ตัวเองรู้สึก"
สองขาหยุดเดินส่งผลให้ฮิจิคาตะหยุดลง สายฝนยังคอยโปรยปรายไม่หยุด นัตสึมิมองไปยังสุสานข้างทาง รู้ตัวว่าถูกจับจ้องอยู่
"เข้าไปกันไหม"
นัตสึมิไม่ได้เอ่ยปากถาม มันเป็นเพียงประโยคบอกเล่า เธอเดินเข้าไปอย่างคุ้นชิน มีฮิจิคาตะรีบเดินตามมาเพราะกลัวว่าเธอจะเปียก
"เดี๋ยวสินัตสึมิ!"
สถานที่คุ้นเคย
ผ่านหลุมแล้วหลุมเล่า
เธอหยุดยืนอยู่สุดทางของสุสาน ป้ายไม้สลักถูกตอกอยู่ข้างกัน
เธอเห็นตัวเองเมื่อก่อนยืนอยู่ตรงนั้น
ริมฝีปากเม้มแน่น มองป้ายหลุมฝังศพที่สลักชื่อด้วยตัวบรรจง เรียบง่าย ไม่หวือหวาแต่มีแรงดึงดูดทุกครั้งที่สองเท้าก้าวเข้ามา
"นี่มัน.."
มือเย็นเฉียบแตะเข้าที่เนื้อผิวของป้ายชื่อ สัมผัสคุ้นเคยที่ได้รับมาตลอดหลายปี ดวงตากลมข่มลงเพียงครู่เดียวก็ลืมตามองมันใหม่อีกครั้ง
"พี่รู้สึกยังไงก็ควรบอกไปแบบนั้น"นัตสึมิเว้นช่วง"ก่อนที่จะไม่มีโอกาส"
ดวงตากลมวูบไหว ฮิจิคาตะดูช็อคไปไม่น้อยกับสุสานตรงหน้า
"และช่วย..เก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะคะ"
เธอหันไปสบตากับคนตัวโตกว่า ฮิจิคาตะมองเธอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เขาเห็นความกลัวอยู่ในแววตาคู่นั้นแต่เพียงครู่เดียวกลับกลายเป็นเพียงความเรียบเฉย
ลูกชายเพียงคนเดียวของขุนนางชั้นสูง อิทธิพลเหนือกว่าสิ่งใด เป็นรองเพียงโชกุนผู้เดียว
เพื่อนคนแรกเพียงคนเดียวของนัตสึมิ
พลบค่ำ พวกเราทั้งคู่กลับมาถึงหน่วยชินเซ็นงุมิด้วยสภาพไม่ต่างจากกันเท่าไรนัก มีเพียงความเงียบและอึดครึมเป็นเพื่อนประสานเราทั้งคู่เข้าด้วยกัน อ้อ และร่มเล็กๆหนึ่งคันด้วย
นัตสึมิไม่รู้ว่าฮิจิคาตะคิดยังไง หัวสมองของรองหัวหน้ากำลังประมวลผลอะไรอยู่ เธอไม่อาจรู้ ถึงแม้จะอยากรู้มากเท่าไร นัตสึมิก็เลือกที่จะไม่สุ่มสี่สุ่มห้าถาม
เราแยกกันตรงทางเดิน ท้องฟ้ายังกลายเป็นสีมืดเพราะสายฝน ไม่รู้เวลา ฮิจิคาตะขอแยกตัวกลับไปชำระล้างตัวและไปทำงานต่อที่ห้องทำงาน เธอเพียงแค่พยักหน้ารู้เรื่องเท่านั้น
นัตสึมิกลับมาถึงห้องโดยไม่มีใครก่อกวน โอคิตะไม่อยู่หรืออาจจะอยู่แต่เธอไม่เห็น ในสุดของห้องรับรองไม่มีแสงไฟเปิดอยู่ นั้นบอกได้ดีว่าไม่มีใครอยู่สักคน
เธอเห็นถุงกระดาษของร้านที่พาฮิจิคาตะไปเปลี่ยนชุด จำได้ว่าตัวเองบอกให้ทางร้านส่งมาให้พรุ่งนี้แต่ไหงดันมาวางอยู่กลางห้องได้ซะนี่
ละใครเป็นคนเอามาวาง นั้นก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสงสัย
นัตสึมิไม่ได้มีปัญหากับเสื้อผ้าของฮิจิคาตะที่ถูกซักรีดจนหอมฟรุ้ง ถือว่าทางร้านทำงานเร็วและดีก่อนกำหนด เธอจัดแจงดูว่าของครบไหม เครื่องแบบทุกอย่างมีพร้อมแต่สิ่งที่ร่วงลงมาจากถุงใบใหญ่เป็นไฟแช็คกับซองบุหรี่ที่ดูจะบ๊องแบ๊วไม่สมกับเป็นรองหัวหน้า
ลายมายองเนส? อันนี้ก็พอเป็นเขาอยู่ นัตสึมิคิดสงสัยว่าคนแบบนั้นเป็นสาวกมายองเนสหนักขนาดไหน อะไรทำให้เขาเป็นได้ขนาดนั้น
พอคิดถึงคำตอบที่ได้รับก็คงหนีไม่พ้น ก็มันอร่อย พร้อมกับหน้าตาฟินๆของท่านรองอะไรแบบนั้น
"เหอะๆ"แค่นหัวเราะกับความคิดตัวเอง
นัตสึมิตัดสินใจหอบถุงกระดาษไปให้กับฮิจิคาตะ ถึงตอนนี้อีกฝ่ายก็คงเตรียมตัวเคลียร์งานอยู่ที่ห้องที่ทำงานของรองหัวหน้า เธอเดินไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย มีแสงไฟจากโคมไฟด้านนอกและจากโคมไฟเพดานเป็นช่วงๆทำให้มองเห็นทางเดินได้
หยุดเดินเมื่อหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงดังกุกกักจากหัวเลี้ยว นัตสึมิกอดถุงกระดาษไว้แน่น ตั้งใจว่าหากมีตัวอะไรไม่พิศมัยโผล่มาจะซัดให้หน้าหงาย
ยิ่งอากาศเริ่มเย็นชื้น ฝนตกไม่ขาดสาย ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา
หัวสมองหมุนติ้ว คิดไปๆต่างๆนาๆว่าเป็นตัวอะไรที่จับต้องไม่ได้แล้วลมก็แทบจับ ยังดีที่มีสติประคองอันน้อยนิดเหลืออยู่พอจะต่อกรกับตัวอะไรบางอย่าง
แกร็ก..
นัตสึมิเห็นอะไรบางอย่างกลิ้งมาจากหัวมุมโค้งพร้อมกับมือเรียวยาวขาวซีด ถึงตัวเองจะไม่ได้คิดเชื่อเรื่องผีสางอะไรมากขนาดนั้นแต่พอมาเจอกับตัวแล้วนัตสึมิไม่ปฎิเสธเลยสักนิดว่าขาตัวเองสั่นมากขนาดไหน
แต่เดี๋ยวนะ ทำไมปลายแขนเสื้อมันคุ้นๆ
กึก
มันออกมาจากหัวมุมเลี้ยว มองเธอด้วยสายตาเรียบเฉยไม่ต่างจากที่ตัวเองยิ้มแหยะให้กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง
ไม่มีคำพูดหรือคำจิกกัดกันเหมือนที่เคย โอคิตะเพียงแค่มองนิ่งๆแล้วเดินผ่านไปแบบไม่เลียวมอง บรรยากาศไม่คุ้นชินจู่โจมมากระทันหัน นัตสึมิมองตามแผ่นหลังที่ออกห่างไปเรื่อยๆ
รู้สึกแปลกๆแหะ
เธอเกาหัวตัวเอง งงกับการกระทำของอีกคน ปกติถ้าโอคิตะเห็นเธอเปิดช่องโหว่(น่าอับอาย)จะหาเรื่องเล่นงานกันทุกครั้ง ถ้าให้สมมุติเหตุการณ์นัตสึมิคงได้ยินเสียงหัวเราะกับหน้าตาน่าเกียจแล้วบอกเธอว่า 'อุ้ยๆ กลัวอะไรอ่ะ คิดอะไรอยู่เหรอนัตสึมิ' อะไรแบบนั้น(/ทำหน้าเบื่อหน่ายตอนได้ยินเสียงโอคิตะในหัว)
แต่ช่างมันเถอะ--ไม่น่ามีอะไรหรอกมั้ง
นัตสึมิก้าวเดินต่ออีกครั้ง กว่าจะถึงห้องทำงานฮิจิคาตะก็ทำระแวงได้ไม่น้อย(เสียงฝนกับฝีเท้าดังกึกๆไม่ใช่เรื่องน่าล้อเล่น) ในขณะที่เปิดบานประตูนัตสึมิเห็นฮิจิคาตะนั่งอยู่บนชานระเบียงอีกฝั่ง เขาไม่หันมาแม้แต่น้อยแม้ว่าเธอจะเลื่อนประตูปิดแล้วก็ตาม
โต๊ะเตี้ยเล็กๆมีซองจดหมายวางอยู่พร้อมกับภู่กันและหมึก ทุกอย่างถูกวางเก็บไว้เรียบร้อย ฮิจิคาตะคงเขียนจดหมายถึงคนนั้นเสร็จแล้ว
เธอหย่อนตัวนั่งข้างรองหัวหน้า สายฝนตกปอยลงมาให้ความเย็นอยู่ไม่น้อย มีบางส่วนที่ตกมากระทบผิวเนื้อ
"มีอะไร?"
"แค่เอาชุดมาคืน"
เกิดความเงียบขึ้น
นัตสึมิยื่นของบางอย่างไป ของที่ฮิจิคาตะขาดไม่ได้
"ต้องการใช่ไหม?"
เขาไม่ตอบ เพียงแค่คว้ามันไปแล้ววางไว้ข้างตัว นัตสึมิแปลกใจนิดหน่อยที่ฮิจิคาตะไม่คิดจุดสูบมันตอนนี้ทั้งที่ขาดนิโคตินมาทั้งวันแล้ว
เธอมองเสี้ยวใบหน้าคมคาย ริมฝีปากแย้มรอยยิ้มบางเบา ตัดสินใจเลื่อนมือไปหยิบบุหรี่มาม้วนนึงแล้วคาบไว้ที่ริมฝีปากบาง ฮิจิคาตะทำท่าจะโวยวายแต่ก็ต้องหุบไว้เมื่อเธอยัดบุหรี่อีกม้วนเข้าที่ริมฝีปากหนานั้น
"ทำอะไรของเธอ"
"ก็อยากลองดูบ้าง"นัตสึมิว่า พยายามจุดไฟแช็ค
"เธอยังไม่พ้นวุติภาวะด้วยซ้ำ มาสูบบุหรี่แบบนี้มันไม่ดี--"
"หนวกหูจริง ลองเฉยๆแหละน่า"กว่าจะจุดไฟได้ก็ปาไปหลายนาที นัตสึมิค้นพบว่ามันยากในการจุดไฟแช็คแถมยังเจ็บนิ้วหน่อยๆด้วย เธอจัดการจ่อเปลวไฟดวงเล็กเข้าที่ปลายม้วนบุหรี่สีขาว กลิ่นนิโคตินตีเข้าจมูกพร้อมกับควันสีเทารอยฟุ้ง ทำท่าเลียนแบบฮิจิคาตะที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ใช้นิ้วกลางกับนิ้วนางคาบบุหรี่ไว้แล้วสูบอัดเอานิโคตินเข้าปอด..
"แค่กๆๆ"
"ฮ่าๆ สมน้ำหน้า"
นัตสึมิสำลักนิโคตินจนหูดำตาแดง เด็กหญิงเอาม้วนบุหรี่ออกจากปาก ไอคอกแคกออกมาจนน้ำตาไหลในขณะที่ฮิจิคาตะหัวเราะร่วนกับการปล่อยไก่แบบไม่ได้ตั้งใจ โอเค นัตสึมิคิดว่าการสูบบุหรี่มันเท่ดีแต่ไม่คิดว่าการอัดเข้าปอดจะแย่ขนาดนี้ ไม่เข้าใจว่าฮิจิคาตะทนความขมปร่าที่เข้าคอแบบนี้ได้ยังไง
นัตสึมิเช็ดน้ำตาที่เอ่อร้นรอบขอบดวงตาทั้งสองข้าง ม้วนบุหรี่ถูกฮิจิคาตะดับไปแล้ว เธอไม่ขัดขืน เข็ดหลาบจำจนไม่กล้าแหยม
มายองเนส สกีและบุหรี่
เพิ่มลิสต์เข้าไปในส่วนที่ไม่ต้องการแตะต้องทันที
"หยุดเลย"
นัตสึมิชกเข้าที่ไหล่ของรองหัวหน้าดังปั่กแต่เขายังไม่หยุดรอยยิ้มขบขันนั้น
"เอาคืนไปเลย"เธอโยนไฟแช็คไป ฮิจิคาตะรับมันได้แบบจับวาง มือหนานั้นกอบกุมไฟแช็คจนมิด เขาจุดสูบเข้าที่ปลายม้วนด้วยท่าทางคล่องแคล่ว อัดนิโคตินเข้าปอดแล้วปล่อยควันสีขาวออกมาทางริมฝีปาก กริยาบททุกอย่างเหมือนเยาะเย้ยว่าความจริงมันทำกันยังไง--ยิ่งน่าหมั่นไส้เข้าไปใหญ่
"งอนเหรอเนี่ย"เย้าแหย่ เธอแยกเขี้ยว
"ไม่ได้งอน!"
"เด็กหัดสูบบุหรี่ ครั้งแรกก็เป็นแบบนี้"
เธอล่ะเกลียดน้ำเสียงที่ดูเหมือนสอนเด็กกันนั้นซะจริง นัตสึมิคิดหาคำตอบที่จะตอกกลับแต่ความคิดนั้นกลับลอยหายวับเมื่อมือหนาที่เพิ่งจัดการจุดไฟแช็คนั้นวางแหวะเข้าที่กลุ่มผมนุ่ม
เลื่อนมันไปมาแผ่วเบา คล้ายจะเอ็นดู
"ขอบคุณ"
พร้อมกับน้ำเสียงอบอุ่นที่ถูกมอบมาให้กับดวงตาทอประกายแสงอ่อนโยนไม่เหมือนกับรองหัวหน้าขี้บ่น
ไม่ชินเลยแหะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุณเขียนโดยยังคงเอกลักษณ์ของเรื่อง นั้นคือ ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ไหน ก็จะยังคงความตลกไว้เสมอ
การดำเนินเรื่องโดยมีตัวหลักเป็นนัทสึมิ มันทำให้มีมุมมองต่างไปจากทุกที ถือเป็นสเน่ห์ที่ดี
เราอยากอ่านไปเรื่อยๆ จนรอคามุอิ ออกมามีบทบาทแล้วค่าาาาา ชอบคามุอิมากกกกกก