ตอนที่ 6 : BLONDE BOY
เมื่อเข้าสู่ช่วงธันวาคมอากาศจะเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนพร้อมใจกันใส่เสื้อแขนยาว ผ้าพันคอ ถุงมือ อื่นๆจิปาถะเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ตอนนี้มันยังไม่เย็นถึงขนาดที่ว่าหิมะจะตกแต่ก็เย็นพอที่ทำให้คนขี้เกียจ ขี้เกียจยิ่งขึ้นไปอีก
นัตสึมิซุกตัวเข้าที่ผ้านวมพื้นหนา โต๊ะโคทัตสึยังทำหน้าที่ได้ดีไม่ตกขาดบกพร่ง ความอบอุ่นแผ่กระจายทั่วร่างกาย รองจากของหวานทั้งปวงเธอชอบการนอนที่สุด
"นี่เธอจะนอนอีกถึงเมื่อไรเนี่ย"
เสียงฝ่านรกดังขึ้น นัตสึมิพลิกตัวนอนหงาย ลืมตาสะลืมสะลือมองคนที่ยืนท้าวเอวค้ำหัว
กินโทกิทำหน้าตาบอกบุญไม่รับและยิ่งทำหน้าแบบนั้นขึ้นไปอีกเมื่อเธอถอนหายใจเบื่อหน่ายแล้วกลับไปนอนต่อ
"อย่ามานอนหลับบ้านคนอื่นนะเว้ยย ตำรวจประสาอะไรมานอนอู้งานตรงนี้วะเนี่ยย"กินโทกิยังคงแหกปากโวยวายไม่เลิก เธอยกมือขึ้นอุดหู
"เงียบหน่อยกินโทกิ ฉันต้องใช้สมาธิในการนอน"
"คนบ้าอะไรใช้สมาธิในการนอน เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทำงานเยอะขนาดไหนกว่าจะมีเงินเสียภาษีให้ตำรวจแบบพวกเธอน่ะห้ะ! ค่าเช่าบ้านก็ยังไม่จ่าย ไหนจะค่าของใช้ส่วนตัว ค่าจ้างเจ้าพวกนั้น ค่าข้าวซาดาฮารุอีก เยอะแยะไปหมดแต่ตำรวจแบบเธอกลับนอนอิ่มสบายใจแบบนี้เหรอ เธอติดนิสัยเจ้ามายองเล่อนั้นมาใช่ไหม โอ้ ไม่นะน้องสะ--แอ่ก!"คนที่กำลังโวยวายอยู่หัวฟาดพื้นทันทีทั้งที่ยังพูดไม่จบ นัตสึมิปล่อยมือที่ข้อเท้าหนาออก เธอรำคาญเสียงทุ้มที่โหวกเหวกโวยวายนั้นตลอดเวลา ร่างบางผลิกตัวไปกอดเจ้าสุนัขยักษ์ที่นอนข้างกัน ใบหน้าซุกเข้าที่ขนปุ้ยนุ้ย ซาดาฮารุกระดิกหูอย่างน่ารัก ยอมให้เธอกอดแต่โดยดี
"เงียบเถอะกินโทกิ ฉันกับซาดาฮารุต้องการพักพ่อน เนอะซาดาฮารุ"
"โฮ่ง!"
"เข้าเป็นปี่เป็นขลุ่ยกันเชียวนะ"
ได้ยินเสียงกัดฟันอย่างเครียดแค้นลอยมาเข้าหูก่อนที่นัตสึมิจะจมลงสู่ห้วงนินทราไปด้วยรอยยิ้ม
กินโทกินั่งมองเด็กสาว เขาไม่สบอารมณ์นิดหน่อยที่ไม่ได้ดั่งใจ นัตสึมิมาที่นี่ตั้งแต่เช้าแถมมาปุ๊บก็ล้มตัวลงนอนในโต๊ะโคมัตสึปั๊บ กินโทกิได้แต่มองตามปริบๆ
แต่เพราะเขาไม่ได้สนใจอะไรตอนนั้นก็เพิ่งตื่นเพราะถูกปลุกด้วยเสียงออด คางุระก็ไม่มีท่าทางที่จะตื่นง่ายๆ ชินปาจิก็ยังไม่มาที่ร้านเขาเลยต้องออกไปรับแขกด้วยสภาพตื่นนอน
เออ ออกไปด้วยสารรูปชุดนอนนั้นแหละ
เขากลับไปนอนต่ออีกรอบถึงเวลาที่ต้องทำงานเปิดร้านก็ยังเห็นนัตสึมินอนอยู่ที่เดิม ท่าเดิมแถมยังกรนอีก! เป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนผู้หญิงเลยแม้แต่เซนเดียว พอปลุกก็เป็นอย่างที่เห็น เป็นเขาที่เจ็บตัวกลับมาตลอดแล้วซาดาฮารุก็ดูชอบใจยัยปีศาจนั้นด้วย!
"อากินจัง อานัตตี้ยังไม่ตื่นอีกเหรอน้อ"คางุระเดินอ้าปากหาวออกมาจากห้องน้ำ
"เออ ตื่นมารอบนึงก็หลับต่อ"สุดจะเพลีย
"อั้วว่าน่า อานัตตี้ต้องเหนื่อยมากแน่ๆเลยถึงมาหาพวกเรา"กินโทกิหันไปมองคางุระแบบจังๆ หัวก็คิดตามที่เด็กสาวเผ่ายาโตะว่า"ปกติจะอยู่แต่ชินเซ็นตลอดเลยน้อ หรือว่ามีใครรังแกอานัตตี้กัน!"
"เห่ยๆ ไม่มีทางหรอก ยัยนี่ใครมันจะกล้าหือ"
แรงอย่างกับช้าง
แถมดวงตาคมกริบที่ตวัดมองเขาตอนนั้นยังจำได้ชัดเจน
"แต่อั้วว่าน้า.."กินโทกิลุกขึ้นยืน ลากคอเด็กสาวออกจากห้องตัดบทสนทนาที่คางุระจะพูดต่อ พอพ้นประตูร้านถึงได้ปล่อยมือจากคอเสื้อ
"วันนี้ไม่น่าจะมีงาน เดินเที่ยวหน่อยดีไหม"
ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลเป็นประกาย เด็กสาวแย้มยิ้ม
"เอาน้อ!"
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลงบันได ชินปาจิก็เดินขึ้นมาก่อนแล้ว หนุ่มแว่นทำหน้าแปลกใจถามด้วยความสงสัย
"จะไปไหนกันเหรอครับคุณกิน"
"ออกไปเดินเล่นน่ะสิ้ ว่าจะแวะซื้อจั๊มของเดือนนี้ด้วย"เขาแคะขี้มูกแล้วดีดไปอีกทาง ชินปาจิพยักหน้าเล็กน้อยแต่แทนที่เขาจะเดินผ่านไปกลับยืนมองอยู่ที่เดิม กินโทกิพิจารณาความกังวลของเด็กหนุ่มที่บอกออกนอกหน้า
"มีอะไรรึเปล่า ชินปาจิ"
"คือท่านพี่.."
นัตสึมิตื่นมาด้วยความมึนงงถึงจะหลับสบายเพราะมีอุปกรณ์ทำความอบอุ่นอยู่แต่พอตื่นมารับรู้ว่าตัวเองถูกลากออกจากโต๊ะโคมัตสึแสนรักก็ขนลุกเกรียวทั้งหัว เด็กหญิงยังคงอยู่ในชุดชินเซ็นงุมิ ผมเผ้ายุ่งเหยิงตอนนี้ถูกหวีสางให้เรียบตึง
เธอกระพริบตามองกระจกที่สะท้อนภาพตัวเอง นิ้วเล็กถูกยกขึ้นมาหมายจะขยี้ตาก็ถูกตีเบาๆด้วยพี่ผู้หญิงที่ทำการเกล้าผมเธอขึ้นเป็นมวย
"อย่าขยี้ตาเชียวเดียวเครื่องสำอางค์จะเลอะเอานะจ้ะ"หล่อนว่า
งั้นแสดงว่าคนในกระจกนี้คือเธองั้นเหรอ
โห่ อย่างกับเปลี่ยนปีศาจให้กลายเป็นนางฟ้า
นัตสึมิไม่รู้ตัวว่าควรทำยังไง เธอถูกปลุกด้วยกินโทกิ ไม่สิ ไม่เชิงปลุกด้วยซ้ำ เจ้าพี่บ้านั้นฉุดเธอออกจากสวรรค์เล็กๆ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ยัดเธอมากับพี่สาวสุดสวยสองสามคน ชินปาจิกับคางุระก็ทำแค่ยืนมองไม่พูดอะไร
เรื่องทั้งหมดเลยมาถึงตอนนี้ ตอนที่เธอตื่นเต็มตาเห็นหน้าตัวเองแปลกไปเนี่ย!
ดวงตาสีแดงคมเฉียบลงเพราะถูกขีดด้วยดินสอแท่งดำๆ หัวคิ้ว สันจมูก พวงแก้มและริมฝีปากบางกระจับที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีอ่อนๆอีก เธอเหมือนเปลี่ยนไปคนละคน เปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยก็ว่าได้
"นัตสึมิจ้ะ"
เธอหันไปหาคนพูด พี่สาวคนสวยยกชุดกิโมโนตัวนึงให้ เธอมองมันอย่างชั่งใจแต่ก็ถูกสายตาออดอ้อนนั้นให้ทำใจเปลี่ยนชุดแต่โดยดี
เธอไม่มีปัญหาเรื่องการใช่ชุดกิโมโนแต่ที่มีปัญหาคือมันค่อนข้างใส่ยาก โดยเฉพาะที่ต้องใส่หลายๆชั้น เธอค่อนข้างที่จะขี้เกียจจัดแจงนู้นนี่ กว่าจะตัดการร่างตัวเองเสร็จก็ใช้เวลาไปหลายนาที
"พี่ว่าแล้วว่าต้องเหมาะกับเรา"หล่อนพูดพร้อมกับทำท่าดีใจ ช่วยพยุงไม่ให้เธอสะดุดชายกิโมโนที่ยาวลากพื้นออกไปข้างนอก
กริ๊ง~
ท่วงท่าที่ขยับเดินเสียงกระดิ่งที่ข้อมือมักจะส่งเสียงแต่ครั้งนี้กลับผิดแปลกเมื่อมันดังมาจากบนหัวเธออีกที่ เด็กหญิงคล้ำจับที่มาถึงได้รู้ว่ามันห้อยกับปิ่นปักผมที่พี่สาวปักให้ไว้และเพราะเสียงกระดิ่งที่ดังเป็นจังหวะผู้คนมากมายถึงได้หันมามองละคนสนใจ
นัตสึมิหาได้สนใจไม่กับสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมา สถานที่ที่เธออยู่คือแหล่งอภิรมย์รื่นเริงใจ โต๊ะบางส่วนถูกจับจองด้วยผู้ชายมากหน้าหลายตาข้างกันมีหญิงสาวนั่งประกบคอยรินของมึนเมาสีใสไม่ขาดตกบกพร่อง
เห็นแบบนั้นเธอถึงได้รู้ว่าเจ้ากินโทกิถีบหัวส่งให้เป็นเด็กนั่งดริ้งค์ซะแล้ว
นัตสึมิส่งสายตาเคียดแค้นไปให้คนที่จิบสาเกอย่างสบายใจ เธอนั่งลงพื้นที่ตรงข้ามกัน เบาะโซฟายุบลงตามน้ำหนักตัว ชินปาจิมองเด็กสาวไม่วางตา
"วันนี้คุณนัตสึมิสวยมากเลยนะครับ"เขาเอ่ยชม มือจับท้ายทอย แก้มแดงปรั่ง
"อานัดตี้เหมือนองค์หญิงเลยน้อ!"คางุระว่า ดวงตาเป็นประกาย เธอเพิ่งเห็นว่าเด็กสาวเองก็ถูกจับแต่งตัว
"ทำไมอั้วแต่งแล้วไม่เป็นแบบนั้นบ้างน้ออาเจ๊ใหญ่!"
"แหม ก็คางุระจังคนละแนวกับนัตสึมิจังเลยนี่น่า"
อาเจ๊ใหญ่คือพี่สาวที่จับองค์ลงเครื่องเธอ นัตสึมิก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ตรงนี้ถึงพอจะเดาได้ลางๆก็ตาม เธอสบเจ้ากับดวงตาที่มองมา กินโทกิมองเธอด้วยสายตาที่ยากจะเดาออก นัตสึมิมองกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เราสองคนเล่นเกมส์จ้องตาอยู่อย่างนั้นท่ามกลางเสียงผู้คนที่คุยกันก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปด้วยอาการเกร็ง
นัตสึมิไม่เคยแต่งหน้าแต่งตัวพอถูกจ้องเลยรู้สึกจักกะจี้
ถ้าเป็นคนอื่นเธอจะไม่สนใจแต่นี่เป็นคนที่รู้จักกันดีเลยกังวล อีกอย่างตอนเด็กๆกินโทกิเคยจ้องเธอแบบนี้สักที่ไหน หมอนั้นเอาแต่จ้องท้าเธอลูกเดียว ท่าทางจ้องไม่บอกอารมณ์อะไรนั้นยากจะชิน
"สวยดี"เธอเงยหน้าจากนิ้วที่เกลี่ยกันเล่น กินโทกิไม่ได้มองมาที่เธอแล้ว หูแดงๆของรุ่นพี่ที่ชอบแกล้งมาตลอดทำอุณหภูมิในร่างกายร้อนขึ้น
"อือ"เธอรับคำ
"โทษทีที่ลากมาที่นี่ พอดีเราถูกจ้างวานมา"กินโทกิว่า ชี้ไปทางพี่สาวคนสวย
"ช่วงนี้ร้านนี้ค่อนข้างไม่เป็นที่นิยมนัก พูดง่ายๆว่าอาจจะเจ๊งภายในไม่ช้านี้ อั่ก!"ยังพูดไม่ทันจบก็โดนมือเล่มงามตบเข้าให้ พี่สาวยังคงยิ้มเหมือนเช่นเคย นัตสึมิพึ่งได้มองหน้าพี่เขาชัดๆ เธอรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
"ก็อย่างที่คุณกินว่า คือร้านเราช่วงนี้ขาดคน คนเก่าๆบางคนก็ถยอยกันลาออกแถมช่วงนี้เราก็ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้ามา ที่มีก็มีแต่หน้าเดิมๆ พี่ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหนเพราะต่างคนก็ย้ายไปเข้าร้านตรงข้ามกันหมด"พี่สาวทำหน้าเคร่งเครียด"พี่เองก็ไม่อยากตกงานนักหรอก พี่คนเดียวน่ะพอไหวแต่เพื่อนๆพี่น่ะสิ"
"พี่เลยอยากได้คนช่วยเรียกแขก?"นัตสึมิตั้งข้อสงสัย การตอบรับคือการพยักหน้าแต่ก่อนที่จะได้ทำงานเธอยังไม่รู้ชื่อพี่เขาเลยสักนิด"ว่าแต่พี่ชื่ออะไร?"
หญิงสาวทำท่าเหมือนเพิ่งนึกได้"โอทาเอะจ้ะ พี่ลืมแนะนำตัวจนได้"
เธอโคลงหัว"ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่ามันต้องทำหน้าที่ยังไง"
โอทาเอะยิ้มหวาน"ก็แค่เอาใจลูกค้า ไม่ถึงขั้นสาวขายบริการหรอกรู้ใช่ไหม? เราเป็นแค่คนที่คอยรับฟังและให้คำปรึกษาเขาเท่านั้น การที่เขาก้าวเข้ามาในนี้อาจจะเป็นคนที่มีทุกข์ใจหรือไม่มีใครรับฟัง เราต้องอยู่ข้างเขาให้กำลังใจก็พอ"
เธอร้องโห่ ไม่คิดว่าสาวนั่งดริ๊งค์จะเป็นแบบนี้ ฟังดูดีนะ
"แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่มีค่าจ้างให้เธอ"กินโทกิเอ่ยปาก"เพราะยัยแม่มดนี้ไม่จ่ายมาสักกะแดงเดียว"
"คนกันเองน่าคุณกิน ช่วยๆกันนะคะ"
นัตสึมิยิ้มแห้ง เธอเห็นโอทาเอะยิ้มหวานก็จริงแต่ออร่าความโหดเหี้ยมแผ่ออกมากดดันไม่หยุด
"แล้วเราจะทำยังไงให้ลูกค้าเข้า"
"อ้อ พี่--"
"คุณโอทาเอะะะ!!"นัตสึมิจำเสียงฌหวกเหวกแปดปรอดนั้นได้ดีไม่มีใครเสียงน่าหนวกหูเท่าลุงเธอแล้ว คอนโด้กระโจนเข้าหาโอทาเอะแบบไม่คิดและถูกโอทาเอะเสยเข้าที่คางแบบไม่คิดด้วยเช่นกัน
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริงๆ
"ช่างหมอนั้นไปเถอะเดี๋ยวพี่จะไปเรียกลูกค้ามาเอง นัตสึมิจังนั่งอยู่ตรงนี้ดูแลลูกค้าเอานะจ้ะ"โอทาเอะพูดรัวเร็วแล้วเดินหนีไปนอกร้านทันที นัตสึมิได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เธอได้แต่นั่งตัวทื่อ พวกกินโทกิก็หายไปไหนไม่รู้ ตรงนี้เลยเหลือแค่เธอเพียงคนเดียว ย้ำ! คนเดียว!
"ขออนุญาตนะครับ"
แก้วสีใสที่ถูกบรรจุด้วยของเหลวสีม่วงมาพร้อมกับเสียงนุ่มลึก เด็กหญิงมองตามมือไล่ไปตั้งแต่ข้อมือขาว แขนแข็งแรงตามประสาผู้ชายและหยุดที่ใบหน้าติดจะสำอางค์
"ขอนั่งด้วยคนจะได้ไหมครับ?"เขาว่า เธอพยักหน้าให้เพราะยังไงหน้าที่ที่ถูกยัดมาคือเอาใจลูกค้า เธอคงไม่มีสิทธิไล่ให้เขาไปนั่งที่อื่น
เบาะข้างกายยุบลง กลิ่นน้ำหอมจางลอยเข้ามาในจมูกให้ความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม "กลิ่นหอมดีนะคะ"เธอเอ่ยชม
ผู้ชายผมทองที่เซ็ตมาอย่างดียกยิ้ม กล่าวขอบคุณ"ของขวัญจากคุณแม่ ผมนึกว่ามันไม่ดีเพราะกลิ่นคล้ายผู้หญิง"
เธอโคลงหัว เห็นด้วยกับคำพูดเขา
"ไม่ใช่ไม่ดีหรอกค่ะ ฉันว่ามันเหมาะกับคุณดี กลิ่นหอมอ่อนคล้ายกับคนที่ไม่มีพิษมีภัย ให้ความรู้สึกสบายใจและเคลิบเคลิ้มได้ง่ายดีนะคะ"นิ้วเรียวลูบผิวแก้วที่อยู่บนมือเล่น เธอพูดออกไปตามตรงกับคนแปลกหน้าและหน้าที่ค้ำคอทำให้เด็กสาวพูดจามีหางเสียง
นัตสึมิได้ยินเสียงหัวเราะ
"ชมแบบนี้ก็เขินแย่สิครับ"
"ฉันหมายถึงน้ำหอม"
"ฮ่าๆนั้นแหละครับ ผมไม่ค่อยแน่ใจกับกลิ่นเท่าไรแต่ตอนนี้ก็มั่นใจขึ้นเยอะเลย"ผู้ชายผมทองว่า เขามีดวงตาสีฟ้าใสสุกวาวไม่ปิดแม้แต่ความรู้ภายใน เป็นผู้ชายที่ไม่มีพิษมีภัยอย่างที่เธอว่า เขาทำท่านึกบางอย่างขึ้นได้"ผมชื่อคาโอรุ ฟุรุคาว่า คาโอรุครับ"
"นัตสึมิค่ะ"เธอไม่ได้สนใจที่จะจำชื่อผู้ชายข้างตัวเท่าไรนักแค่มาทำงานชั่วคราวอีกหน่อยก็ลืม"เป็นชื่อที่โหลดีว่าไหม"
"ไม่นะครับ ผมว่าก็เหมาะกับคุณดี"
คาโอรุยกไวน์ในแก้วขึ้นมาจิบ
"ความสวยของฤดูร้อน..?แต่ผมว่าฤดูไหนคุณก็สวยนะ"
ดวงตาเขาแพรวพราวไปด้วยประกายแสง ริมฝีปากที่เคลือบไปด้วยลิปสติกแย้มยิ้ม เป็นผู้ชายที่คารมดีเสียจริง
"นี่ฉันกำลังโดนลูกค้าหว่านเสน่ห์ใส่เหรอคะเนี่ย"นัตสึมิเทของเหลวเติมเต็มแก้วที่ว่างเปล่า ลอบมองใบหน้าของชายหนุ่ม"มีอะไรอยู่ในใจรึเปล่าคะ"
เขาเงยหน้าขึ้นมอง เราสบตากันระยะประชิด นัตสึมิไม่ได้หลบตา คาโอรุเองก็เช่นกัน กลิ่นหอมอ่อนๆผสมปนเปกับกลิ่นมึนเมาชวนน่าหลงใหล สิ่งที่ได้จากดวงตาสีฟ้าคือความลังเลและหนักใจ
นัตสึมิกลับมานั่งยืดตัวตรง"ถ้ามีอะไรไม่สบายใจพูดออกมาได้นะคะ มีคนเคยบอกว่าการที่มีคนเข้าที่มีเหมือนกับต้องการเพื่อนคุยและรับฟังปัญหา"ใบหน้าของโอทาเอะยามพูดประโยคนี้ลอยขึ้นมาในหัว ผู้หญิงคนนั้นทอประกายอ่อนโยนยามเอื่อนเอย เธอไม่สงสัยเท่าไรที่คอนโด้จะลงคารมหญิงงามเข้า
คาโอรุยังคงเงียบ ดวงหน้าติดหวานหมองลง เธอพอจะเดาได้ว่าอาจจะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก อย่างเช่น"ครอบครัวเหรอคะ?"
เป็นไปตามคาด ชายหนุ่มเงยหน้ามองด้วยความตกใจแล้วยอมรับแต่โดยดี"ครับ ก็คุณแม่นั้นแหละ.."
นัตสึมิเงียบลง เธอเลื่อนจานขนมไปตรงหน้าผู้ชายที่เอาแต่นั่งเงียบไม่เหมือนเจ้าสำอางค์ที่เข้ามาทักทาย
"ลองทานดูค่ะ เขาว่าของหวานจะช่วยคลายเคลียด"
เธอโกหกล่ะแต่ตอนเธอกินก็หายเครียดจริงๆนะ!
"ขอบคุณครับ"
ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมกินแม้แต่ชิ้นเดียว บรรยากาศเริ่มเงียบลงอีกครั้งนัตสึมิเองก็เริ่มอึดอัด เธอเริ่มกลายเป็นไม่สบายใจไปเป็นเพื่อนแล้ว
นัตสึมิอัดนิดหน่อย ไม่รู้ว่าควรทำยังไงแต่บางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว ชั่งใจครู่เดียวก็ตัดสินใจที่จะเอือมมือไปสัมผัสใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม เขาดูตกใจนิดหน่อยที่ถูกเธอสัมผัสแต่ก็แปรเปลี่ยนเป็นโอนอ่อนโดยง่ายเมื่อเธอเริ่มลูบแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบา
'สบายใจรึเปล่า'
เธอเลื่อนมือไปลูบเรือนผมสีทอง สื่อผ่านความอบอุ่นเข้าหา แย้มยิ้มยามที่ดวงตาสีฟ้ามองมา
'สบายใจแล้วบอกอาจารย์หน่อยว่าเธอคิดอะไรอยู่'
"ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไรแต่ถ้าเป็นเรื่องครอบครัวอย่าปล่อยให้มันเลยเถิดเลยนะคะ คุณเก่งอยู่แล้ว ลองคุยกับท่านดีๆคงจะเข้าใจ"นัตสึมิปล่อยมือจากเรือนผมสีทอง คาโอรุมองเธอแบบอึ้งๆแต่ท้ายที่สุดเจ้าตัวก็พยักหน้าขึ้นลง เธอเห็นน้ำตาสีใสที่คลออยู่รอบเบ้าแต่เขาก็ยังกลั้นเสียงสะอื้นทำตัวเป็นชายหนุ่มกล้าหาญ
'ถ้าไม่ไหวก็อย่าทำเหมือนไหวสินัตสึมิ'
"จะอ่อนแอบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกนะคะ"เธอว่า ปราการขั้นสุดท้ายพังทลายลง คาโอรุปล่อยโฮออกมาแบบไม่อายใคร ชายหนุ่มโผล่เข้ามากอดเธอแม้จะตกใจแต่นัตสึมิเข้าใจความรู้สึกนั้นดิ เด็กหญิงกอดประโลม ยกมือลูบหัวที่ซบอยู่บนบ่า
'อาจารย์อยู่ตรงนี้ ได้โปรดอย่าร้องไห้เลยนะ'
"ร้องออกมาจนกว่าพอใจได้เลยนะคะ"ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน เธอบอกคาโอรุแต่น้ำตากลับรื้นไหลขึ้นมาเองซะงั้น เด็กหญิงปาดน้ำตาออกรวดเดียว พับความทรงจำที่แทรกซ้อนขึ้นมาลงไปส่วนลึกที่สุด
คาโอรุเงยหน้าขึ้นมอง เขาผละตัวออกจากเธอ เช็ดหน้าที่เลอะไปด้วยน้ำตาออก ชายหนุ่มที่ทรงเสน่ห์คนนั้นกลายเป็นเด็กขี้แยจนได้
"ข ขอโทษด้วยสำหรับเมื่อกี้"
นัตสึมิส่ายหัว"มันเป็นเรื่องที่สมควรทำ เราไม่ควรมองข้ามคนที่มีปัญหาในใจโดยเฉพาะคนที่ไม่ไหวจนกลายเป็นแบบคุณ"หญิงสาวกลั้วหัวเราะ คาโอรุใบหน้าแดงก่ำ ไม่รู้เป็นเพราะเขินอายที่เธอหัวเราะเยาะรึเปล่า
"แต่ก็ขอบคุณนะ เธอทำให้ฉันสบายใจขึ้นเยอะเลย"คาโอรุแย้มยิ้มขึ้นอีกหน เขาลุกขึ้นยืน หมดเวลาก็ควรจะต้องไป"ฉันจะกลับไปทำแบบที่เธอบอก ขอบคุณสำหรับวันนี้เจ้าหญิงน้อย"
นัตสึมิเบิกตากว้าง คาโอรุคว้ามือเล็กขึ้นจุมพิตลงบนหลังมือขาว สายตาแพรวพราวถูกส่งมาอีกครั้งก่อนที่เขาจะหันหลังเดินออกจากร้านไป ทิ้งสัมผัสร้อนลุ่มบนหลังมือไว้กับเด็กผู้หญิง
"ก็ว่าหายไปไหนที่แท้ก็มาหว่านเสน่ห์อยู่ที่นี่"
นัตสึมิหันไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา โอคิตะล้มตัวนั่งลงข้างกัน ยกแขนฟาดพนังโซฟา ใบหน้าไม่สบอารมณ์ทำให้เธอไม่อยากจะอ้าปากด่านัก
"ลูกพี่บอกมาหมดแล้ว"เธอได้ยินเสียงถอนหายใจ โอคิตะหงุดหงิดปิดไม่มิด"ฉันนึกว่าเธอจะแค่เสริฟน้ำทำไมกลายเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ได้"
ดวงตาสีแดงคกครุ่น นัตสึมิไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด
"ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ถูกจับแต่งตัวแบบนี้แล้ว"เธอยกนิ้วขึ้นมาเกาแก้มอย่างไม่รู้จะทำอะไร มองโอคิตะที่ยังอยู่ในชุดเครื่องแบบข้างกัน"แล้วนายมาทำอะไรที่นี่"
ชายหนุ่มหันขวับมามอง คำว่าหงุดหงิดแปะเต็มหน้าผาก
"ฉันเป็นลูกค้า"
ห้ะ?
"ทำให้อารมณ์ดีขึ้นหน่อย"ว่าพร้อมอ่อนเสียงลง เธอมองแบบไม่เชื่อสายตา คิดจะขัดใจก็เกรงว่าจะทำให้หงุดหงิดกว่าเดิมอีกแม้จะอยากทำแบบนั้นแต่ด้วยร่างกายที่ถูกแต่งไปเต็มยศแบบนี้ทำให้ไม่สะดวกที่จะปะทะได้
นัตสึมิจำใจที่จะเทไวน์ลงบนแก้วสีใสของตัวเอง เด็กหญิงยื่นให้กับชายหนุ่มข้างกาย
โอคิตะรับไปแต่ไม่ดื่ม
และระหว่างเราก็เกิดอากาศเดตแอร์
นัตสึมิลอบมองใบหน้าอีกฝ่าย โอคิตะยังคงเงียบ แววตาคกกรุ่นไปด้วยโทสะซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เด็กหญิงตัวแข็งทื่อ ควรจะเริ่มอะไรก่อนดีล่ะ?
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ใจกล้าขยับเข้าไปนั่งชิดกับโอคิตะ ตัดสินใจแล้วถ้าโอคิตะโมโหร้ายใส่จะทุบให้จมดินแต่ผิดคาดนอกจากจะไม่กลั่นแกล้งเธอเหมือนแต่ก่อน แววตาอีกฝ่ายปรากฏความแปลกใจขึ้นมาเบียดเสียดความหงุดหงิดก่อนหน้า
มือเล็กๆถูกวางลงบนหลังมือหยาบกระด้างที่จับคมดาบมาหลายปี เธอเอ่ยถามเสียงอ่อนนุ่ม การที่จะทำให้ลูกค้าพอใจคือหน้าที่ของสาวนั่งดริ๊งค์
"เป็นอะไรมาคะ"สาบานด้วยความสัตย์จริงถ้าไม่ใช่เพราะอยากช่วยโอทาเอะ นัตสึมิจะไม่มีทางพูดดีเป็นอันขาด จะอ้วก"หงุดหงิดอะไรมา"
เธอลูบเข้าที่หลังมือหนา ไล่นวดฝ่ามือหยาบกระด้างไปสักพักเจ้าของมือก็กอบกุมมือเล็กๆเอาไว้ ความรู้สึกหนักอึ้งตรงหัวไหล่มาแทนที่ เรือนผมสีน้ำตาลเกลี่ยมาโดนพวงแก้มใสให้ความรู้จักกะจี้แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้นโอคิตะไม่มีท่าทียกหัวออกจากไหล่เธอเลย
ถึงจะแปลกใจแต่เธอก็ไม่ชินกับการทำตัวแบบนี้ สัมผัสเปียกชื้นรื้นมาจากฝ่ามือใหญ่ โอคิตะเหงื่อออกมือแต่ไม่ยอมปล่อยมือที่กุมไว้อยู่
ผิดแปลก..
เธอระแวงมากที่โอคิตะอาจจะแว้งกลับมาแกล้งกันแต่การที่อีกฝ่ายอยู่นิ่งๆซบไหล่เธอนี่กลับไม่มีท่าทีมุ่งร้าย
เด็กสาวเม้มปาก"โอคิตะ?"เจ้าของชื่อไม่มีการตอบสนองนอกจากกระชับมือที่จับกันอยู่
นัตสึมิตัดสินใจเลื่อนมือออกจากฝ่ามือใหญ่แต่โอคิตะกลับรั้งข้อมือไว้ เธอยิ้มเล็กน้อยกับท่าทีเอาแต่ใจคล้ายเด็ก เด็กสาวเปลี่ยนเป็นคนกุมมือฝ่ามือหนาแทน
"เหนื่อยเหรอคะ"เธอเอ่ยถาม เล่นมือหนาของคนที่เอาแต่ไม่พูดไม่จามาตั้งแต่เมื่อกี้ เขาขยับเขยื้อนใบหน้าเล็กน้อย
เป็นครั้งแรกที่เห็นโอคิตะเป็นแบบนี้ บางทีการเป็นหัวหน้าหน่วยอาจจะหนักอึ้งสำหรับเด็กอายุ 18 เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโอคิตะเลยนอกจากที่อีกฝ่ายเล่ามา
"นัตสึมิ.."
"หือ?"
เธอเอ่ยขานในลำคอ โอคิตะขยับใบหน้าออกห่างเพียงนิดเดียว นัตสึมิพึ่งรู้ว่าเราห่างกันเพียงไม่กี่มิลเท่านั้น เราสองคนใกล้กันมากถึงขนาดที่ได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน
เราสบตากันอีกครั้งหากแต่ครั้งนี้ใกล้กันกว่าครั้งไหนๆ ดวงตาสีเดียวกับเธอแต่กลับแข็งแรงและน่าดึงดูดกว่า ความปราภนาฉายชัด สัมผัสอุ่นตรงเอวทำให้เธอรู้ว่ามืออีกฝ่ายใหญ่มากเพียงใดเมื่อมันโอบรอบเอวเธอได้หมด
"ไอ้โอคิต้าาาา!!!"
"ไอ้โซโกะ!!"
ตู๊ม!
เกิดการตะหลุมบ่อนขึ้น นัตสึมิเด้งตัวออกห่างเขตความวุ่นวาย ข้าวของกระจัดกระจาย สมองประมวลผลเสร็จก็ตอนที่คางุระเอาตัวมาบังเธอพร้อมกับชี้ร่มใส่หน้าโอคิตะที่โดนฮิจิคาตะกับกินโทกิไล่กระทึบ
"ลื้อคิดจะล่วงเกินอานัตตี้เหรอน้อ!!"
ห้ะ?
"แกกล้าดียังไงมายุ่งกับลูกสาวฉันห้ะ คู๊มแม่ไม่ย๊อมม"
เอ้ะ?
"ยัยนั้นแค่ 15 แกพร้อมจะเข้าคุกแล้วใช่ไหมโซโกะ"
อะไรนะ?
นัตสึมิได้แต่ยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้และไม่อยากจะยุ่งเกี่ยว กินโทกิแทบจะฆ่าโอคิตะให้ตายคาเท้าในขณะที่ฮิจิคาตะก็ยุยง ทั้งคู่เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยแบบไม่น่าเชื่อสายตา
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
COMMENT PLZ♡
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อืมมมมคุณพ่อคุณแม่หวงลูก?