ตอนที่ 3 : A CAT (1/2) [100%]
-3-
A CAT
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่รอคอยมาถึง เด็กทุกคนดีใจที่ได้หยุดเรียน พนักงานบางคนยังได้หยุดพักงานไปเที่ยวชิลๆได้แต่มันกลับไม่ใช่สำหรับเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษติดอาวุธอย่างชินเซ็นงุมิ ทุกคนนั่งทำงานหลังค่ดหลังแข็งเหมือนพนักงานออฟฟิต หัวหน้าของที่นี่ได้ตายในหน้าที่แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ สภาพของกอลิล่าที่นอนตายคากองเอกสารยังอยู่เบื้องหน้า
พวกหน่วยย่อยยังคงทำงานตามที่ได้รับมอบหมายแต่หัวหน้าแต่ละหน่วยกลับถูกกองเอกสารต่างๆนับพันทับตาย เป็นเวลาหลายวันกว่าจะเคลียร์ทั้งหมดเสร็จและได้นอนเล่นอย่างสบายใจ
นัตสึมิแทบกระอักเลือดทุกครั้งที่จรดปลายพู่กันเขียนลงไป เธอเหมือนได้เกิดใหม่หลังจากที่โลกที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือถูกพับลงไป
โอคิตะมีสภาพไม่ต่างจากกัน วิญญาณของหัวหน้าหน่วยที่ 1 แทบออกจากร่างล่ำล่อ ผู้ชายคนนี้เหมาะกับหน้าที่ปฎิบัติงานมากกว่านั่งตอบเอกสาร ดาบที่อยู่ในฝักมีสภาพไม่ต่างจากเจ้าของ มันอาจจะฝืดนิดหน่อยตอนที่คว้าออกมาใช้เพราะถูกปล่อยไว้นาน
ด้วยความที่นัตสึมิเป็นคนดีและเห็นใจญาติมนุษย์ เธอจัดการดึงวิญญาณที่ลอยล่อแลเหนือหัวของหัวหน้าหน่วยยัดลงกลับไปในร่างตามเดิมตามด้วยสะบัดข้อมือตบหัวทุยในคราวเดียวกัน นัตสึมิรีบกลับมานั่งที่เดิม เธอทำท่าปกติทุกอย่างหลังจากที่โอคิตะสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมา
หมอนั่นมองเธอเป็นอย่างแรกและเธอก็ไม่คิดที่จะหลบสายตา เราจ้องตากันเพียงสักพักก่อนที่โอคิตะจะเป็นฝ่ายหลบไป
คร่อก
โอคิตะล้มลงไปนอนอีกครั้งเพราะทนพิษง่วงไม่ไหว เห็นแบบนั้นเธอก็หาวออกมาบ้าง ใจจริงก็อยากนอนตามที่คอนโด้กับโอคิตะทำแต่เห็นฮิจิคาตะยังนั่งทำงานอยู่ก็ได้แต่นั่งมองไปพลางขยี้ตาไปพลาง
จนแล้วจนรอดทุกอย่างก็เสร็จ ฮิจิคาตะเดินออกไปสูบบุหรี่ด้านนอก สองสามวันมานี้ฮิจิคาตะไม่ได้สูบบุหรี่เพราะงานที่ทับตัวจนกระดิกไปไหนไม่ได้
นัตสึมิไม่อยากคิดว่าถ้าตัวเองไม่โผล่มาที่นี่คนพวกนี้จะทำงานเสร็จกี่วัน ที่รู้ๆน่าจะนานกว่าตอนที่มีเธอ
ความเงียบเข้ามาปกคลุม ฮิจิคาตะไม่พูดเธอก็ไม่พูด ปกติฮิจิคาตะก็เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดค่อยจาอยู่แล้ว อารมณ์ท่านรองสุขุม เธอก็ไม่เถียงซะด้วยว่าบุคลิกแบบนี้เหมาะกับเขามากกว่าผู้ชายที่บ้ามายองเนสมากกว่าอะไรดี ท่านรองยืนสูบบุหรี่เงียบๆ ควันสีเทาลอยฟุ้งทุกครั้งที่เขาปล่อยออกมาในขณะเดียวกันเธอก็แอบย่องไปหาหัวหน้าหน่วยที่ 1 ที่หลับเพลิ้ม
ดวงหน้าของโอคิตะจัดถือว่าดี คิ้วเรียว จมูกโด่ง ริมฝีปากกระจับ หน้าเขาติดหวานนิดๆถ้าเป็นผู้หญิงนัตสึมิไม่ปฏิเสธเลยว่าโอคิตะจะมีความสวยแบบไร้ทิติ เวลาที่หลับก็ดูไม่มีพิษมีภัยแต่ทำไมตอนตื่นขึ้นมาถึงได้ร้ายกาจขนาดนั้นนะ
อยู่ๆเรื่องสนุกๆก็ลอยเข้ามาในหัว ถือว่าเป็นการแก้แค้นในขณะที่ศัตรูเผลอตัว เธอหยิบปลายพู่กันขึ้นมา จุ่มกับน้ำหมึกแล้วจรดวาดลงบนใบหน้าหล่อ วาดวงกลมเข้าที่ดวงตาข้างซ้ายของโอคิตะ หัวเราะคิกคักกับตัวเอง
ฮิจิคาตะไม่ได้สนใจอะไรนักกับการแกล้งเล่นเป็นเด็กของนัตสึมิ ไม่คิดจะห้ามเพียงแค่มองมาเฉยๆ ในเมื่อท่านรองไม่คิดห้ามทุกอย่างก็ถูกเปิดทาง นัตสึมิไม่มีความเกรงใจกับใบหน้าของโอคิตะอีกต่อไป
`ไอ้เจ้าจิ้งจอกซาดิสต์'
เธอเขียนแบบนั้นลงบนหน้าผาก นิ้วเรียวปัดปอยผมของโอคิตะให้เข้าที่ ทำทุกอย่างให้เบาและเงียบเชียบที่สุดแล้วผละตัวออกมา
"อุ๊บ"นัตสึมิกลั้วหัวเราะ เคลื่อนตัวเองออกห่างใบหน้าตลกๆของโอคิตะไปทางคอนโด้ ฮิจิคาตะหันหลังอยู่เลยจัดการเขียนใบหน้าของลุงด้วยความเร็วแสงเหมือนกับโอคิตะ เธอวาดหนวดเพลิ้มให้กับผู้ชายที่นอนน้ำลายไหลไม่รู้เรื่องรู้ราว เขียนหน้าผากว่า'กอลิล่าโรคจิต'
สาบานจากใจ วันนี้เธอมีความสุขจริงๆกับการได้กลั่นแกล้งคนแก่ ถ้าฮิจิคาตะหลับเหมือนพวกนี้เธอก็ตั้งใจที่จะทำแบบนี้กับเขา ข้อความที่อยู่บนหน้าผากก็คงจะเป็น'เจ้ามายองสติไม่ดี'
"เฮ้ย คิดอะไรชั่วๆอยู่"นัตสึมิสะดุ้ง ดีที่เธอวางพู่กันไปแล้วหมึกมันเลยไม่หกเลอะเทอะพื้นเสื่อ เธอขำแห้ง ปัดมือไปมาเป็นพัลวัน
"ใครคิด ไม่มี๊"
"คนที่หัวเราะโรคจิตตอนแกล้งคนอื่นเนี่ยนะไม่คิด?"
อะไร เธอทำแบบนั้นเหรอ ไม่เห็นจำได้เลย นัตสึมิทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ มองฮิจิคาตะที่ขยี้บุหรี่แล้วถอนหายใจออกมา ใจเธอเต้นรัวเร็วกับประโยคที่ได้ยิน
"ฉันมีงานให้เธอทำ"
"งาน? งานอะไร"
ฮิจิคาตะเหมือนเห็นหูกับหางออกมาจากตัวของนัตสึมิ มันแกว่งไปมาด้วยท่าทางมีความสุข
"หาแมว"แล้วหางกับหูก็ลู่ลงพร้อมกับใบหน้าของเด็กผู้หญิงที่หมองลง ฮิจิคาตะจะขำอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าต้องเก๊กขรึมให้เด็กมันกลัว"เสียใจด้วยที่ไม่ใช่งานเสี่ยงตาย"
"ให้คนอื่นทำแทนซี่ ฉันง่วงแล้ว รู้อะไรไหมว่าเด็กดีต้องนอนวันละสามช่วง"เธออ้างค้างๆคูๆออกไปเตรียมตัวที่จะนอนถ้าไม่ติดว่าประโยคที่ท่านรองพูดต่อมาทำเธอตาสว่าง
"มันเป็นแมวของขุนนางชั้นสูง ฉันไม่ไว้ใจใครเท่าไร"เขาว่า"อีกอย่างมีแค่เธอที่ดูเหมาะกับงานนี้ที่สุด”
เขาเอาอะไรมาวัดว่าเธอเหมาะกับงานแบบนี้กัน?
*.❅· °。·❆
สุดท้ายก็รับงาน(ที่โดนยัดเยียด)มาอย่างปลงๆ นัตสึมิเดินออกมาข้างนอกเพื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ไหนๆเธอก็ไม่มีอะไรทำ การหาแมวก็คงไม่ยากอะไร
รูปถ่ายที่ฮิจิคาตะให้มาก็ไม่จำเป็นเพราะจำได้ขึ้นใจแล้ว เป็นแมวธรรมดาๆ ตัวดำ ปลอกคอแดงกระดิ่งทอง แมวของขุนนางชั้นสูงแต่คิดสั้นหนีออกมาเนี่ยเธอก็ไม่เข้าใจความคิดมันซะเท่าไร อาจจะไม่ชอบการที่อยู่แต่ที่หรูๆหรืออะไรเถือกนั้นแต่ถ้าเธอเป็นแมว เธอยอมนั่งๆนอนๆให้คนเลี้ยงจนตายเลยดีกว่ามาวิ่งวุ่นเผชิญโลกแบบนี้
นัตสึมิยกยิ้ม เมืองซามูไรที่มีชาวสวรรค์เกินครึ่งของประเทศ ออกจะน่าตลกไปหน่อยที่การสูญเสียในการทำสงครามกลับกลายเป็นแบบนี้ เธอไม่ได้รังเกียจพวกชาวสวรรค์แต่ถ้าทำไม่ดีกับเธอแน่นอนว่ามันต้องได้รับผลกระทบมากกว่าที่ทำมา
ยกตัวอย่างเช่น
"อ๊ะ"ตัวเซไปเล็กน้อยหลังจากที่โดนชาวสวรรค์คนนึงชน กลิ่นเหล้าที่แผ่หึ่งออกมาบ่งบอกได้ดีว่าเขากินเยอะไปขนาดไหน เธอย่นจมูก กลิ่นมันแรงกว่าบุหรี่ของฮิจิคาตะ
"ไปกับพี่ไหมจ้ะน้องสาว”
ท่อนแขนของชาวสวรรค์ตนนั้นถูกยกขึ้นมาวางบนไหล่ ออกแรงให้ร่างกายเซไปทางเขา นัตสึมิสะอิดสะเอียดกับกลิ่นนิดหน่อย พรรคพวกมันที่หน้าตาคล้ายๆกันส่งเสียงโห่แซวลั่น ชาวเมืองเอโดะแทบไม่กล้าเข้ามายุ่งด้วย
"เอาแขนออกไป"เธอบอก
"ไม่ไปสนุกกับพี่งั้นเหรอจ้ะ"
วาจาสกปรกถูกพ่นออกมาพร้อมกับมือที่เลื่อนต่ำจากฟาดบ่าไปยังเอวเล็ก นัตสึมิกลั้นใจเพราะกลิ่นเหล้าที่หึ่งออกมา ยิ่งอยู่ตรงนี้ยิ่งประสาทเสียและเธอเองก็ไม่ชอบที่จะโดนล่วงเกิน
ริมฝีปากเธอยังคงแย้มยิ้ม จดจ้องไปยังคนที่สูงกว่า
"ไปสนุกกับผีไป!!!"
เธอตวัดขาสกัดขาคนที่อยู่สูงกว่า ดึงมือที่อยู่ตรงเอวออกจากตัว จับชาวสวรรค์ที่อยากไปสนุกนักสนุกหนาทุ่มลงพื้นอย่างไม่ใยดี พวกลูกกระจ๊อกปรี่เข้ามาหาทันทีที่ลูกพี่ตัวเองถูกโค่นลง นัตสึมิจัดการคว้าตัวต้นเหตุขึ้นมาแล้วเหวี่ยงออกไปโดนพวกที่เหลือจนล้มละเนละนาด
นัตสึมิสะบัดมือไล่ความสกปรก ใบหน้ายังคงยิ้มอยู่ตลอด ย่างกายเข้าไปหาชาวสวรรค์ที่นอนเละ บางตัวมองเธอด้วยสายตาหวาดกลัวยามที่เธอหักนิ้วตัวเองดังกร๊อบแก
"ไหนจ้ะ ใครจะไปสนุกกับหนูต่อเหรอจ้ะ"
เธอพูดเสียงเหี้ยม ตั้งใจจะเตะอัดสักหน่อยให้หน่ำใจแต่เสียงหวอของตำรวจก็ดังขึ้นมาซะก่อน
"กะ แก! รู้รึเปล่าว่าพวกเราเป็นใคร โดนเข้าตารางแน่!"
ท่าทางขี้ฟ้องไม่เหมาะกับตอนที่พุ่งจะมาต่อยเธอเลยสักนิด
นัตสึมิแค่นหัวเราะ เหล่มองด้วยสายตาเหยียดจนถึงที่สุด คนที่กล้าพูดออกมาแบบนั้นทั้งที่หัวหน้าตัวเองกำลังลวนลามเด็กผู้หญิงที่ยังไม่พ้นวุฒิภาวะนี่ต้องเป็นคนแบบไหนนะ เธอไม่ได้กลัวที่จะเข้าตารางเพราะชุดที่เธอใส่ก็บ่งบอกอำนาจได้ในระดับนึง จากหางตาเธอเห็นโอคิตะเดินออกมาจากรถ ด้วยชุดเดียวกัน ทำเอาพวกนั้นหน้าซีดไปนิดหน่อย โอคิตะเดินมาทางนี่ด้วยท่าทางนิ่งๆ
"ฮะ เฮ่ย แกน่ะจับยัยนี้ไปทีสิ้"
"เก่งจังเลยนะงั้นมาดูกันหน่อยว่าคนบริสุทธิอย่างฉันจะโดนจับข้อหาอะไร"
แกร่ก
เอ้ะ?
นัตสึมิมองกุญแจมือที่คล้องข้อมือตัวเองไปข้างนึง เธอมองตามลำแขนของคนที่ล็อคกุญแจมือด้วยความไม่เข้าใจ โอคิตะมองมาด้วยท่าทางนิ่งเรียบก่อนจะหันไปสั่งการคนที่มาด้วยและคนที่เหลือ
"เอ้าๆ แยกย้ายกันได้แล้วค้าบ เราจับตัวคนที่ก่อความชุลมุนได้แล้ว"
ไอ้..!
เธอบริสุทธ์นะโว้ยยยย
ผู้คนแยกย้าย เจ้าพวกนั้นหิ้วหัวหน้าตัวเองออกห่างจากเธอ ไม่วายหันมาถุยน้ำลายใส่ลงพื้น นัตสึมิคิ้วกระตุกแทบจะตามไปกระทึบอีกรอบถ้าไม่ติดว่าโอคิคะดึงกุญแจมือจนตัวเธอปลิวไปชนกับหน้าอกเขา
"โดนข้อหาก่อความวุ่นวายยังไม่วายจะไปหาเรื่องเขาอีกเหรอเธอเนี่ย"
"หุบปากไปเลยน่า! นายไม่เห็นที่หมอนั้นทำเหรอ มันถุยน้ำลายเหยียดฉัน!"
นัตสึมิโวยวาย เธอกระทึบเท้าเป็นเด็กแต่โอคิตะกลับลากเธอออกจากตรงนั้น สัมผัสเหล็กที่ติดกับเนื้อหนังทำเธอขัดใจแม้จะข้างเดียวก็ตามก็ทำเอาหงุดหงิด
"เมื่อไรนายจะปล่อย"เธอหมายถึงกุญแจมือ มันงุ่นง่านใจ มันขัดใจไปหมด
"ถ้าบอกว่าไม่ปล่อยจนกว่าเธอจะเรียกฉันว่านายท่านล่ะ?"
แกร๊ก
"งั้นก็ไม่ต้องไปไหนเพราะฉันก็ไม่มีทางเรียกนายแบบนั้น"นัตสึมิกดเสียงต่ำพร้อมกับกดกุญแจมือให้เข้าล็อคข้อมือหนา รอยยิ้มชัยชนะผุดขึ้นมาบนริมฝีปากของเด็กหญิง
เธอออกแรงกระซากลากถูหัวหน้าหน่วยที่ 1 ให้เดินตาม ภารกิจยังไม่เสร็จไม่มีทางที่เธอจะกลับไปมือเปล่าแน่ ถ้าทำแบบนั้นมีหวังฮิจิคาตะได้ปาดคอให้อีกาแทะเล่น เน้นย้ำเน้นหนาว่าต้องหาแมวตัวนั้นให้เจอให้ได้ ขุนนางชั้นสูงที่ว่ามันมีดีอะไร ถ้ารักแมวขนาดนั้นไม่สมควรที่จะปล่อยมันออกมาให้เจ้าหน้าที่วุ่นวายขนาดนี้ไหม
"เฮ่ยๆ จะไปไหนของเธอเนี่ย"
นัตสึมิไม่สนใจเสียงโวยวายที่ดังมาจากคนข้างๆ เธอออกแรงลากถูโอคิตะให้มาทางเดียวกัน เดินไปได้สักพักอีกคนก็เดินตามมาอย่างง่ายดาย
"นายเคยเห็นแมวสีดำปลอกคอแดงไหม"
หลังจากที่สอดส่องสายตาตามที่ต่างๆไม่พบเจอ นัตสึมิเอ่ยปากถามคนข้างกาย โอคิตะร้องโอ๊ะออกมาก่อนจะชี้มาทางเธอ
"เธอไง"หมอนี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด"ใส่ชุดชินเซ็นงุมิก็เหมือนแมวดำขึ้นมาเลย"
"แต่ฉันไม่มีปลอกคอแดง ตั้งสติหน่อยโอคิตะ นี่คนเว้ย"
แกร๊ก
"เท่านี้ก็ครบเครื่อง จับส่งให้ขุนนางเลยดีไหม"
เธอก้มมองเหล็กที่เข้ามาคล้องคอตัวเอง รูปร่างคล้ายปลอกคอ มีสีแดง มองแวบเดียวความทรงจำที่โอคิตะเคยโชว์ปลอกคอแมวก็ลอยผุดขึ้นมา นัตสึมิรู้ทันทีว่าปลอกคออันนี้คืออันเดียวกับเมื่อตอนนั้น ถ้าจำไม่ผิด เธอจำได้ว่ามันสลักชื่อเธอไว้!
ไอ้บ้านี่ ตั้งใจหาเรื่องเธอชัดๆ!!
นัตสึมิยกมือเตรียมจะทุบหัวคนที่อยู่ข้างกันแต่พอออกเต็มแรงกลับพบแต่เพียงความว่างเปล่ากับตัวเองที่เซไปด้านข้างเล็กน้อย โอคิตะกระโดดหลบทันท่วงทีแต่เขาคงลืมไปว่ามือถูกล็อคเชื่อมกันไว้อยู่เธอเลยติดห้อยสอยไปด้วย
ลำบากจริงๆ
"เลิกเล่นได้แล้ว ไขกุญแจนี่ออกซะ ฉันจะไปทำงาน"แล้วจะกลับไปนอน เริ่มง่วงแล้วด้วย เด็กๆอย่างเธอสมควรได้นอนสามเวลาอย่างที่พูดจริงๆนะ
"อ่า ก็ได้ ฉันเองก็เบื่อแล้ว"
โอคิตะรับคำอย่างโดยง่าย เขาค้นตัวเองหากุญแจดอกเล็กสักพัก
"เอ่ะ.."
นัตสึมิเริ่มรู้สึกไม่ดีเท่าไร เธอมองโอคิตะที่ค้นตัวเองแล้วสบตาเข้ากับดวงตาสีเดียวกัน ไม่น่า..อย่าทำหน้าแบบนั้นสิโอคิตะ บอกเธอว่ามันไม่ใช่แบบที่คิด กุญแจมันไม่ได้หายหรือตกอะไรเถือกนั้น ใช่ไหม..
"ฉันทำกุญแจหาย"
เหมือนมีฟ้าผ่ากลางคาบูกิโจเข้ามากลางตัวของนัตสึมิ หากุญแจไม่เจอเท่ากับว่ากุญแจหาย งั้นแสดงว่าเธอต้องติดแหง็กกับเจ้าหมอนี่ ให้แบกหน้าไปขอให้ฮิจิคาตะช่วยก็มีหวังได้เฉกหัวออกมาแน่ คนอย่างฮิจิคาตะคงหาทางแก้แค้นโอคิตะเป็นแน่ มีความเสี่ยงสูงที่ฮิจิคาจะจะไม่ให้กุญแจไปแล้ว 80%
"ลุง!"
เหมือนสวรรค์จะไม่กลั่นแกล้งเธอเท่าไรถึงได้ส่งคอนโด้มาทางนี้ เธอกวักมือเรียกแต่คอนโด้ดันไม่เห็น นัตสึมิตั้งใจจะเดินไปหาเองแล้วแต่ข้อมือที่ถูกล็อคด้วยกุญแจกลับรั้งเอาไว้
"อย่าเข้าไป"
"ทำไม---"
ตู๊ม!
วินาทีที่หันไปมองโอคิตะเป็นจังหวะเดียวกับที่คอนโด้ อิซาโอะตัวปลิวผ่านเธอไปแบบฉิวเฉียด ร่างกายกำยำอยู่ในสภาพที่บอกเลยว่าโคตรเละท่ามกลางกองขยะมากมาย เธอว่าจะอ้าปากถามอีกรอบแล้วถ้าไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าของผู้เป็นอา
รอยหมึกเธอเขายังไม่ลบออก...
"ค คุณโอทาเอะ"
"ไอ้โรคจิต!"
แล้วผู้หญิงที่ชื่อว่าโอทาเอะก็กระโดดเตะคอนโด้อีกครั้งจนตัวแนบไปกับกองขยะ อ่า เธอไม่แน่ใจแล้วว่าขยะที่ถูกมัดถุงอยู่ตรงนั้นกับอาของตัวเองอะไรมันจะขยะกว่ากัน
"ฉันว่าเราไปที่อื่นดีกว่า"นัตสึมิรีบเดินออกจากตรงนั้นโดยพัลโดยที่โอคิตะเองก็ให้ความร่วมมือ
เมี๊ยว~
"เจอแล้ว!"
สองขาหยุดเดิน ได้ยินเสียงร้องของแมว เธอสอดส่องสายตามองหาตามเสียงก่อนที่ริมฝีปากจะฉีกยิ้มกว้าง นัตสึมิไม่รีรอที่จะรีบวิ่งไปหาเจ้าแมวสีดำที่นั่งเลียอุ้งมือตัวเองอยู่ในซอกลีบแต่พอมันเห็นเธอกลับวิ่งหนีเข้าไปในซอกลึกกว่าเดิม ไอ้แมวเวรรรร
"เร็วเข้าโอคิตะ เราจะต้องจับแมวตัวนั้นให้ได้!"
เธอลั่นวาจา พยายามเบียดตัวเองผ่านซอกลีบไม่สนใจคนที่ตามหลังมาแบบช่วยไม่ได้ จนแล้วจนรอดก็ออกมาจากซอกจนได้ ตรงหน้าคือถนนซอยเล็กๆ เป้าหมายกำลังเคลื่อนกายไปยังอีกซอยที่เลี้ยวตรงหัวมุมตรงนั้น!
เกร้ง!
นัตสึมิหันไปตามเสียง โอคิตะติดอยู่กับเสาไฟฟ้า แขนข้างนึงโผล่พ้นมาได้แต่ลำตัวชายชาติทหารไม่สามารถผ่านพ้นที่แคบๆที่ถูกคั่นด้วยเสาไฟฟ้าต้นใหญ่ได้ เธอลืมไปสนิทว่าตรงนี้มีเสาไฟฟ้า
เธอผ่านมาได้เพราะตัวเล็กกว่าเกณฑ์ทั่วไปและเธอเป็นเด็กอายุไม่ถึง 16 เลยด้วยซ้ำ การออกมาจากช่องแคบเลยง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก
"เน้ ฉันติดอยู่ตรงนี้"
"รู้แล้วเว้ย!"
เด็กหญิงขบริมฝีปากใช้ความคิดอันน้อยนิดก่อนจะตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
"เอาดาบนายมา"
"เอาไปทำไม"
"ตัดแขนนายแล้วไปหาแมวนั่นต่อไง"นัตสึมิทำหน้าใสซื่อ เธอน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกถ้าตัดแขนของคนใดคนนึงออกอีกคนก็ย่อมได้อิสรภาพ จริงๆมันตัดข้อมือก็ไปได้แต่คิดไปคิดมา เธออยากตัดทุกส่วนของโอคิตะเลยว่ะ
"เพิ่งรู้ว่ามีรสนิยมแบบนี้ เอสหรือเอ็มล่ะเจ้าแมวน้อย?"
หมอนี่ไม่สะถกสะท้านเลยสักนิด เธอกรอกตา โอคิตะพิงหลังกับกำแพงบ้านแบบไม่ได้สนใจเป้าหมายที่เธอต้องตาม
"ฉันไม่มีรสนิยมพิลึกแบบนายแต่ถ้าให้เลือก ฉันจะเลือกแนวเอสเอาไว้ทารุณคนแถวนี้"
"โห่ แต่ฉันอยากให้เธอเป็นเอ็มมากกว่าเผื่อเราจะได้เข้าขากันขึ้นอีกสักนิด"โอคิตะลูบคาง รอยยิ้มถูกประดับขึ้นมา"หรือจะเข้าอย่างอื่นดีล่ะ"
ปั่ก!
เสาไฟฟ้าถูกโค่นลงจนงอ มันล้มระเนระนาดคั่นถนนเล็กๆ ควันลอยฟุ้งจากนิ้วมือทั้งห้า เธอสะบัดมือเพื่อไล่ความเมื่อยไปเล็กน้อย
"ถ้ายังพูดมากอยู่อีกไอ้นั้นของนายได้งอแบบเสาไฟฟ้านี่แน่"นัตสึมิพูดทั้งที่ยังยิ้มอยู่
พวกเราออกวิ่งกันอีกครั้ง โชคยังดีที่ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านหรือรถแล่น เสาไฟฟ้าที่ถูกโค่นไปเลยไม่ส่งผลกระทบหรือทำอะไรเสียหายมากนักนอกจากรอยพื้นที่แตกออกเพียงเล็กน้อย นัตสึมิสอดส่องหาเป้าหมายตัวเองอีกครั้งแต่กลับไม่พบเจอ เลี้ยวตรงหัวโค้งก็ไม่พบสิ่งที่ตามหา
โอคิตะทำเธอพลาดจากไอ้แมวนั่น
"เราพลาดเป้าหมายจนได้เพราะนายแท้ๆเลย!"เธอโวยวายในขณะที่โอคิตะไม่มีสีหน้ารู้สึกผิดเลยสักนิด
"ก็มันไม่เกี่ยวกับฉัน หน้าที่ฉันมันก็แค่ตามจับคนที่ก่อเรื่องเข้าตารางก็เท่านั้น"
หน็อยแน่!
"แล้วแกจะสะเออะมาจับฉันทำไมห๊าา!"
นัตสึมิหัวเสียอย่างที่สุดจะหาได้ ที่เขาพูดเมื่อกี้มันต้องเย้ยเธอแน่ๆไอ้ประโยคที่ว่า'หน้าที่ฉันคือตามจับคนที่ก่อเรื่อง'อาจจะส่ออีกแง่ว่า'หน้าที่ฉันดีกว่าเธอที่ตามจับแมวไปวันๆ'ต้องใช่แน่ๆ หมอนี่ต้องเย้ยเธอแน่ๆ
"ก็เธอก่อเรื่อง ทำร้ายขุนนางในกระทรวงแถมยังทำของรัฐเสียหาย"
"นั้นก็เพราะเจ้าพวกนั้นคิดจะลวนลามฉันต่างหาก มันเป็นการป้องกันตัวด้วยซ้ำ! อีกอย่างเมื่อกี้ถือว่าโมฆะกันไปเลย ฉันต้องการต่อยนายแต่เสาไฟฟ้ามันมาบังเอง ฉันไม่เกี่ยว"
"เสาไฟฟ้ามันอยู่เฉยๆ เธอตั้งใจโค่นมันลงสร้างความเสียหายให้กับรัฐบาล ฉันต้องจับกุมเธอในฐานะตำรวจในหน่วยชินเซ็นงุมิ"
เธอก็เป็นชินเซ็นงุมิโว้ยยยย!!!
"หุบปากของนายไปเลยโอคิตะ ถ้ายังไม่หยุดดาบที่อยู่บนเอวนายได้สะบัดคอเจ้าของแน่"
"โอ้ น่ากลัวจัง กลัวจนฉี่จะราดเลยล่ะ แม่จ๋าๆๆช่วยลูกช้างด้วย"
ไอ้เจ้านี่มันตั้งใจจะกวนเธอชัดๆ!!
มีคนเคยบอกไว้ว่าถ้าโมโหหรือโกรธใครสักคนให้นับหนึ่งถึงร้อยในใจ นัตสึมิสูดหายใจเข้าลึกๆพยายามตั้งสติไม่สตั้นหน้าโอคิตะอย่างที่พูดแต่ยิ่งทำดันยิ่งเพิ่มโทสะให้ซะงั้น
เมี้ยว~
เด็กสาวหูผึ่ง เธอได้ยินเสียงแมวดังจากไม่ใกล้ไม่ไกลนี้ ความโกรธเมื่อกี้หายวับ ใช้เวลาออกตามหาเสียงแมวไม่นานนักก็พบว่ามันกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจในสวนเด็กเล่นอยู่
เธอเพิ่งรู้ว่าตรงนี้มีสวนเด็กเล่นอยู่ พูดให้ถูกเธอไม่เคยมาแถวนี้ โอคิตะเดินตามมาอย่างว่าง่ายซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ถ้าหมอนี่พูดอะไรไม่เข้าหูเธออีกสักนิดแม่ได้ส่งไปยมโลกจริงๆแน่
แมวที่ตามหามาตลอดเดินอย่างเอื่อยเฉื่อย มันหันมามองเธออย่างใคร่รู้ว่ามีใครตามมา มันยอมนั่งอยู่เฉยๆตรงหน้า ท่าทางสงบเสงี่ยมไม่เหมือนตัวที่วิ่งหนีเธอเมื่อเช้า
นัตสึมินั่งลงต่อหน้าแมวสีดำสนิท ดวงตาสีแดงทับทิมมองสบมา หางสีดำแกว่งไปมาบ่งบอกอารมณ์ของเจ้าตัว
นัตสึมิจ้องลึกเข้าไปดวงตาสีเดียวกัน
น่าแปลกที่เธอรู้สึกถูกซะตากับสิ่งทีชีวิตสี่ขานี่
"เธอร้องเมี้ยวๆดูดิเผื่อจะสื่อสารกันรู้เรื่อง"โอคิตะออกความเห็นแสนจะไร้สาระ เด็กหญิงไม่ได้พูดอะไร
เธอมองสบตากับเจ้าแมวตัวปัญหาเงียบๆ
ถ้าบอกว่ามันเหมือนเธอจะมีใครเชื่อรึเปล่านะ
ดวงตาสีแดงแสนใคร่รู้นั่นทำถูกใจอยู่ไม่น้อย ได้ข่าวว่ามันหนีออกมาแต่สภาพตอนนี้เหมือนมาเที่ยวเล่นมากกว่าหนีด้วยซ้ำเหมือนกับเธอที่ดื้อดึงจะมาชินเซ็นงุมิ ทิ้งชีวิตเรียบหรูมาอยู่กับเจ้าพวกบ้าที่นี่
เจ้าแมวร้องเมี้ยวอีกครั้ง มันครางในลำคอ เดินมาถูหัวเข้ากับมือเล็กๆที่ยื่นไปอยู่ก่อนแล้ว นัตสึมิลูบหัวเจ้าแมวขนเรียบ กระดิ่งที่ห้อยอยู่ที่คอส่งเสียงออกมาเหมือนกับตอนที่เธอสะบัดข้อมือ
"โห่"โอคิตะร้องออกมาอย่างเหลือเชื่อ ท้ายที่สุดนัตสึมิก็ตัดสินใจอุ้มแมวสีดำมาแนบอก มันไม่ขัดขืนเพราะขี้เกียจถ้าในฉบับที่เธอมองน่ะนะ มันอาจจะขี้เกียจขัดขืนหรือไม่ก็หมดแรงที่จะทำ คงวิ่งเล่นจนแรงหมด
"ฉันอยากให้แมวตัวเองเชื่องแบบนี้บ้าง"
นัตสึมิเลิกคิ้ว"นายเลี้ยงไว้?"
"อ่า แต่มันพยศ"สายตาที่มองมาบ่งชัดได้เลยว่าเขาหมายถึงอะไร"ทำดีก็แล้ว ทรมาณก็แล้ว ก็ยังไม่เชื่อฟังอยู่ดี"
"หึ"เขาหมายถึงเธอ
นัตสึมิลูบเจ้าขนดำ"สงสัยแมวตัวนั้นจะไม่ค่อยชอบเจ้าของสักเท่าไร ไปเก็บได้มาจากไหนล่ะ"
โอคิตะเงียบลง ไม่รู้ว่าสรรหาคำตอบไม่ได้หรือกำลังคิดคำตอบดีๆอยู่ก็ไม่รู้ สุดท้ายก็ตอบคำถามของเธอด้วยเสียงที่ราวกับกระซิบ
"หรืออาจจะเป็นฉันเองที่ถูกแมวเก็บมาก็ไม่รู้เหมือนกัน"
คำตอบกำกวนแบบนั้นเธอจะทำเป็นไม่รู้เรื่องละกัน
"แมวบ้าอะไรจะเก็บคนมาเลี้ยงได้"นัตสึมิว่า หันไปมองคนที่ตัวติดกับเธอ"หรือจะเป็นแมวปีศาจที่เลี้ยงมนุษย์ไว้เป็นอาหาร"
โป๊ก
"โอ๊ย"เธอย่นหน้า จะลูบหัวที่โดนเขกก็ไม่ได้อีกเพราะไม่มีมือที่จะลูบได้
"ยัยบ๊อง เพ้อเจ้อเก่ง"และเป็นอีกครั้งที่โอคิตะทำเธอแปลกใจ สัมผัสอุ่นร้อนนาบมากับหน้าผาก หัวนิ้วโป้งถูวนกับที่โดนเขก บริการให้อย่างรู้ใจ
อะไรของเขา
นัตสึมิเม้มปาก สะบัดหน้าหนีสัมผัสที่ว่าและดูเหมือนโอคิตะจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
!?
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากคุยกับโอคิตะอีกครั้งทุกอย่างก็ถูกหยุดนิ่ง เจ้าแมวเหมียวที่อยู่ในอ้อมอกร้องออกมาอีกครั้งมันกระโดดลงจากกอดเธอแล้วหนีออกไปท่ามกลางคนมากมายที่ล้อมรอบ
เหล่าซามูไรนับสิบคนล้อมพวกเราเอาไว้ นัตสึมิมองหน้าคนที่ล้อมรอบพวกเธออย่างไม่เข้าใจ มันเยอะจนนับไม่หมดแต่ที่แน่ๆพวกเขาพร้อมใจหันปลายดาบมาทางพวกเรา
"แกคือโอคิตะ โซโกะใช่ไหม"
อ่า น้ำเสียงเคียดแค้นนั่นทำเธอรู้คำตอบแล้ว
ยิ่งเสียงสบถดังมาจากคนข้างๆก็รู้ชัดเลย
พวกนี้มันอริโอคิตะชัดๆ!!!
แล้วทำไมนายมีศัตรูเยอะขนาดนี้เนี่ยยยย!!
_______________________________
น้องเหมาะกับแมวที่สุดแล้วเท่าที่ดูมา5555
มาต่อแล้วนะคะ♡
ช่วยอ่านแล้วรบกวนช่วยกันคอมเมนต์หน่อยนะค้าบ
1 เม้น = 1 กำลังใจฮับบบบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ความวุ่นวายนี้คืออะไร~