ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {IKON} Bjin #พี่จินโครตแมน

    ลำดับตอนที่ #4 : คนแมน 3 : แมนๆ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 758
      5
      26 มิ.ย. 59








    3.




            “งื้อ..”จากที่มืดๆอยู่กลับกลายเป็นสว่างขึ้น จินฮวานหรี่ตาหลบแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่ตรงหน้า คนตัวเล็กขยี้ตาตัวเอง หัยไปมองหัวถุยๆของเพื่อนสนิทที่นอนฟุบอยู่ตรงข้างเตียง

            มองสำรวจรอบๆห้องถึงได้รู้ว่านี่คือห้องของตัวเอง

            มาที่นี่ได้ไง? นึกสงสัยได้แปบเดียวก็ร้องอ้อที่นึกขึ้นได้ว่าอยู่ๆตัวเองก็หน้ามืดขึ้นมากระทันหัน ต่อหน้าคนที่ชอบด้วยไงประเด็น จินฮวานถอนหายใจ หลุบตาลงตํ่าแต่พอเห็นใบหน้าหลับปุ่ยของบ็อบบี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

            มีแต่ผู้ชายคนนี้คนเดียวนี่แหละที่เป็นห่วงเขา


            “จินฮวานฟื้นแล้ว!!”เจ้าของชื่อสะดุ้ง หันไปมองประตูห้องก็เห็นแจบอมยืนยิ้มร่าอยู่ตรงหน้าประตูห้องพร้อมชามข้าวต้ม เสียงของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูดังลั่นพอที่จะปลุกคนที่หลับข้างๆให้ตื่นได้ บ็อบบี้ขยี้ตา หน้ามุ่ย มองแจบอมด้วยสายตาที่ค่อนข้างหงุดหงิดกลับการรบกวนเวลานอนของตัวเอง

            แหงล่ะ บ็อบบี้ไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลาตัวเองนอนที่สุด


            “เสียงดังถึงข้างล่างเลยนะมึง”จินฮวานยิ้มกว้าง มองคนมาใหม่ที่เดินมาเขกหัวแจบอม จินยองยิ้มให้คนตัวเล็กแล้วเดินมายีหัวจินฮวานอย่างเอ็นดู“หลับเต็มอิ่มไหมฮึ หลับไปหนึ่งวันเต็มๆเลยนะรู้รึเปล่า?”

            จินฮวานส่ายหัวดิก

            “เด็กเอ้ย”จินยองหลุดขำกับความน่ารักของคนที่นั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าหวานหันไปมองแจบอมที่ยืนปากยื่นมองแฟนตัวเองยีหัวจินฮวานด้วยความอิจฉาปนน้อยใจ

            งี้ไง กับเพื่อนทำเป็นดูแมน ยีหัวยีนั้น ทีเขาล่ะแทบจะใช้ตีนสกิด

            /ความในใจของอิมแจบอม


            “ยืนทำหน้าโง่อยู่ได้ เอาข้าวมาให้จินกินสิ”

            นั้นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ ใช้เขาเยี่ยงทาสอีกละ /ยิ้มทั้งนํ้าตา


            “แจบอม”

            จ้า เมียจ๋าว่าไงผัวจ๋าว่างั้นจ้าาา

            แจบอมแทบจะคลานเข่าวางชามข้าวต้มให้จินฮวานบนเตียงเล็ก สองมือประสานกันบนหน้าตัก ยืนข้างเมียอันเคารพรักแล้วทำหน้าสงบเสงียมประหนึ่งไม่เคยตบตีทำร้ายใครรักสัตว์มีเมตตาทำบุญทำวัดทำวาทุกวัน

            ต่อหน้าเมีย ผัวจะไม่ขัดขืนอะไรจ๊ะ ._.

            /ความอิมแจบอม



            “แล้วนี่ตายังไม่สร่างพอเหรอ ต้องเอานํ้าสาดไหมถึงจะลุกขึ้นออกไปได้เนี่ย เกะกะจริง”

            เหมือนมีก้อนสะอึกจุกที่คอของคนเพิ่งตื่น บ็อบบี้จำใจต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นอนเฝ้าจินฮวานไปยืนข้างแจบอม ใบหน้าง่วงชุนมีความงงงวยปิดไม่มิด หันมามองผัวของคนหน้าหวานปากร้ายที่ยิ้มแหยก็ได้แต่ทำหน้าหน่าย

            มันไปรักกับคนแบบนี้ได้ไงเนี่ย -_-

            หลังมือของคนหน้าหวานแปะลงที่หน้าผากของจินฮวาน คนตัวเล็กกลืนข้าวต้มลงคอแล้วมองเจ้าของมือด้วยสายตาสงสัยไม่แพ้กับสองคนข้างหลังเหมือนกัน จินยองผลิกมือไปมา วางมือลงที่ต้อคอของจินฮวานบ้าง แก้มบ้างก่อนที่จะจบลงที่เอาหน้าผากชนกับจินฮวานจนแจบอมทำตาโตประหนึ่งมึงทำเหี้ยไร


            “อื้มม.. ตัวอุ่นดี ช่วงนี้ก็นอนเยอะๆหน่อยนะเดี๋ยวหน้ามืดอีก”จินฮวานพยักหน้าแล้วตักข้าวต้มคำโตเข้าปากไป แก้มทั้งสองข้างยังคงทำหน้าเคี้ยวตุ้ยๆเหมือนเด็กอนุบาลไม่หยุด มันอดไม่ได้ที่จินยองจะยีหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดูอีกรอบ

            “พอเลยๆ ยีอยู่นั้นแหละ ถ้าอยากมากนักมาทำกับฉันนี่”คนที่ยืนอยู่มานานสุดท้ายความหึงหวงก็เข้าครอบงำ แจบอมดึงมือสวยออกจากหัวของจินฮวานแล้วทำหน้าดุใส่จินยองแต่อีกฝ่ายกลับทำหน้านิ่งแล้วตอบกลับมาด้วยประโยคที่เจ็บจี๊ด

            “มึงไม่น่ารักเหมือนจินกูไม่ยีหัวให้เสียเวลาหรอก”


            ทำกับผัวได้ลงคอ /ทรุด




    III




    BOBBY PART


            “นี่”

            บ็อบบี้หันมามองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเตียง กลืนขนมลงคอก่อนที่จะเลิกคิ้วมองจินฮวานที่หันมามองเขา

            “เบื่ออ่ะ”ริมฝีปากสีอ่อนถูกเบ้ออกมาน้อยๆ บ็อบบี้ขำกับท่าทางของจินฮวาน กวาดซองขนมลงถังขยะเล็กแล้วยืนขึ้น

            “แล้วอยากไปไหนไหมล่ะ”

            คำพูดของเพื่อนสนิทตัวโตทำเอาจินฮวานยิ้มกว้าง คนตัวเล็กรีบหันไปมองหน้าบ็อบบี้ตรงๆทันที ท่าทางของจินฮวานช่างดูน่ารักน่าชั่งไม่น้อยในสายตาของคิมจีวอนคนนี้ แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของเพื่อนตัวเล็กกลับทิ่มแทงใจคนตัวโตกว่า มันบีบรัดแน่นจนแทบแตกสลาย

            แต่ถึงอย่างนั้นบ็อบบี้ก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น

            “ไปหาฮันบินได้ปะ”
     
            ก็รู้ว่าชอบกันมาก.. แต่ทำไมต้องถามหากันตลอดด้วยล่ะ

            “ได้ดิ ถ้านายอยากไปก็ไปได้ ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

            ทั้งๆที่ใจมันอยากจะรั้งไว้แทบใจจะขาด

            “จริงเหรอ! งั้นไปกัน”จินฮวานดี๊ด๊า รีบลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าแล้วหายเข้าไปในห้องนํ้าทันที บ็อบบี้ยังคงยิ้มไล่ตามแผ่นหลงเล็กจนสุดสายตา พอเห็นประตูห้องนํ้าปิดลง ขาทั้งสองมันก็อ่อนแรงขึ้นมาซะเฉยๆ มือหนายกขึ้นมาก่ายหน้าผาก

            ทำดีมากแค่ไหน เขาก็ยังแพ้คนในใจจินฮวานเสมอ ทุกเวลาที่จินฮวานเอาแต่เรียกชื่อฮันบินหัวใจบ็อบบี้มันเหมือนจะแหลกสลายคามือที่มองไม่เห็นเสมอ อยากจะโผล่พูดออกไปว่าไม่ให้ไปนะ ห้ามไปหามันนะ อยู่กับฉันเถอะ ปากมันก็ไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิด พูดออกไปก็ได้แต่คำว่า อือ ไปกันเถอะ แค่นี้เท่านั้น..

            บ็อบบี้เองก็อยากที่จะเป็นที่หนึ่งในใจจินฮวานบ้างเท่านั้น..

            ทำไมจินฮวานถึงไม่หันมามองเขาที่อยู่ข้างหลังบ้างล่ะ.. ถ้ามือมันเอื้อมไปหาฮันบินไม่ถึงก็หันมาจับมือเขาก็ได้..

            มือเขา อกเขา ไหล่เขา อ้อมกอดเขา หัวใจของเขาเป็นของจินฮวานหมดแล้ว

            เป็นของคนที่ไม่เคยหันมามองเขาเลย..

            น่าเศร้าเนอะ

            ทำไมเขาถึงเป็นได้แค่ตัวสำรองนะ ทำไมถึงเป็นได้แค่คนที่โอบกอดจินฮวานได้ในฐานะแค่เพื่อน ทำไมนะทำไม...

            ตึง!

            บ็อบบี้หลุดจากภวังค์ รีบลุกขึ้นหันไปตามเสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องนํ้า ไม่รอช้า หัวสมองมันก็สั่งการให้ขาทั้งสองข้างวิ่งเข้าไปในห้องนํ้าทันที ในใจมันภาวนาให้คนตัวเล็กที่เพิ่งเข้าไปไม่เป็นอะไรมากเกินไปมากกว่าเจ้าตัวเผลอทำของตกเท่านั้น

            แต่พอเปิดประตูเข้าไปแล้วเห็นร่างเล็กคุ้นตานอนสลบคาพื้นอยู่ใจมันก็แหลกสลายมากกว่าตอนที่เจ้าตัวบอกจะไปหาฮันบิน

             อ้อมแขนหนาประคับประคองร่างเล็กเข้ามาอยู่ในอก บ็อบบี้เรียกชื่อจินฮวานซํ้าๆ นํ้าเสียงที่ใช้เรียกมันตระกุกตระกักจนไม่ใช่ตัวเขาเอง ไม่รู้เป็นเพราะอะไร วิสัยทัศน์ตรงหน้าเขาถึงได้เบลอไปหมด รู้ตัวอีกทีหยดนํ้าสีใสก็หล่นกระทบแก้มเล็กของคนที่นอนอยู่ในอ้อมอก

             “อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ ฉันจะพานายไปหาหมอเดี๋ยวนี้”




             “อาการกำเริบ?”

             บ็อบบี้พยักหน้ารับ ก้มมองจินฮวานนี่นอนนิ่งอยู่บนเตียง จินยองวางมือที่ไหล่ของเขาแล้วลูบไปมาเหมือนเป็นการปลอบประโลม เห็นหน้าคนตัวเล็กที่นอนซ่มอยู่บนเตียงแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะส่งมือไปลูบเรือนผมของจินฮวานเบาๆ

     
             “เดี๋ยวจินก็ฟื้น”

             ยิ่งได้ยินคำบอกเล่าของจินยองชายหนุ่มก็เม้มปากแน่น มือหนากำเข้าหากันแน่น ไม่รู้ว่าควรจะวางไว้ตรงไหนแล้ว สมองของบ็อบบี้ตอนนี้มันว่างเปล่าไปหมด

             “แล้วถ้าจินฮวานไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะ..”

             จินฮวานมีโรค โรคประจำตัวที่รักษาไม่ได้ มีอาการหน้ามืดทุกครั้ง มักดับวูบตลอดเวลา เดาทางไม่ได้ว่าอีกคนจะวูบตอนไหนและหลับนานมากเท่าไร มากสุด.. ที่โรคนี้กำเริบแล้วร้ายแรงสุดๆจินฮวานหลับยาวไปถึงสองเดือนเต็มๆ ข้าวปลาก็ไม่ได้กินนอกจากต้องเจาะนํ้าเกลือให้เป็นประจำ

             พอฟื้นขึ้นมาก็เป็นเขาที่ดีใจโลดเต้น พุ่งไปกอดอีกคนด้วยความคิดถึง หวังว่าอะไรมันจะเหมือนเดิมแต่มันกลับตรงกันข้าม วันนั้น.. เหมือนเขาถูกฆ่าแล้วตายทั้งเป็นด้วยนํ้ามือของคนที่มองไม่เห็น

             จินฮวานหันมามองหน้าเขาด้วยสายตางุนงงแล้วถามออกมาด้วยนํ้าเสียงที่เหมือนจะกระซิบ แต่เพราะตอนนั้นมีแค่เขากับจินฮวานสองคน คำพูดของคนตัวเล็กเลยดังสะท้อนไปทั่ว








    ‘ เรารู้จักกันด้วยเหรอ? ’






             เจ็บไม่น้อยเลยล่ะ..


             “มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น”จินยองพูดเสียงกระซิบ บีบไหล่หนาให้เพื่อนหนุ่มผ่อนคลายลงแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรบ็อบบี้เลยสักนิด
    “พอจินฟื้นขึ้นมา เขาต้องจำมึงได้”


             “แน่ใจได้แค่ไหนกันเชียว”บ็อบบี้นั่งลงกับเก้าอี้เยี่ยมผู้ป่วย ขาทั้งสองมันไม่มีแรงแม้แต่จะขยับเขยื้อน มือหนาสั่นจนควบคุมไม่อยู่“ถ้ามันเป็นแบบนั้นอีกกูจะทำยังไงดีวะ จินยอง”


             “กูกลัว..”

             “กลัวว่าจินฮวานที่กูรู้จักจะไม่เหมือนเดิม”

             “กลัวว่าเขาจะระแวงกูเหมือนคราวนั้น”

             “กลัวว่าเขาจะกลายเป็นคนอื่นที่กูไม่รู้จัก”






    III




             เด็กหนุ่มมองลอดผ่านบานประตูห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล ดวงตาคมมองไปยังคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรรู้สึกยังไงดี ข้างในมันหนึบๆบีบกันแน่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มองคนที่ทำตัวตามติดเขามาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาที่นอนเป็นเจ้าชายนินทราก็ได้แต่บังคับให้ทำหน้านิ่งตามฉบับแบบคิมฮันบิน

             ทั้งๆที่ข้างในมันเต้นลงช้าๆ..

             จะบอกว่าเป็นห่วงไหม เขาไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ หลังจากที่เห็นคนตัวเล็กทรุดไปต่อหน้าต่อตาร่างกายมันก็เข้าไปรับร่างจินฮวานโดยอัตโนมัติ แต่หลังจากนั้นเพื่อนร่างโตของคนตัวเล็กก็อุ้มจินฮวานไปที่ไหนสักแห่ง.. ที่เขาไม่ได้ตามไป
    และตั้งแต่วันนั้น เขาก็ไม่ได้เจอกับคนตัวเล็กอีกเลย

             ไม่มีใบหน้าน่ารักที่ชอบพองแก้ม ทำท่าเขินอายที่อยู่ต่อหน้าเขา

             ไม่มีเสียงใสที่คอยกรอกหูเป็นประจำว่าจะอยู่เป็นเพื่อน

             ไม่มีคนตัวเล็กที่คอยมาดักรออยู่ที่หน้าบ้านและหน้าโรงเรียน

             ไม่มีข้อความจากคิมจินฮวานที่คอยบอกฝันดีตลอด

             ไม่มี...

             จนมาถึงวันนี้ ยองแจกับยูคยอมวิ่งมาบอกเขาว่าจินฮวานเข้าโรงพยาบาล เหมือนทุกอย่างมันหยุดนิ่งและถูกใครสักคนควบคุมร่างกายให้ก้าวขาและวิ่งไปหาจุดมุ่งหมายที่อยู่ในหัว สิ่งเดียวที่ฮันบินคิดคือเขาต้องไปหาจินฮวานให้ได้

              และพอเป็นแบบนี้เขาถึงได้รู้ใจตัวเอง..

              รู้ว่าเขาเป็นห่วงคนตัวเล็กมากแค่ไหน

             พอเห็นประตูผู้ป่วยที่เขียนชื่อของคนที่คุ้นเคยก็อยากจะผลักประตูเข้าไปหาแล้ววิ่งไปเกาะราวเตียงเหมือนในหนังที่พระเอกชอบทำตอนที่นางเอกป่วยแต่ความเป็นจริงเขากลับทำได้แค่เปิดแง้มประตูออกแล้วมองคนสองคนจูบกันอย่างเงียบๆ

             ใช่.. เขาเห็น ใครสักคนที่กำลังโน้มตัวลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากของรุ่นพี่ตัวเล็กที่ทำเขาหัวหมุนอยู่ในตอนนี้

             นั้นคือสาเหตุที่ทำคิมฮันบินคนนี้ไม่กล้าที่จะเยี่ยงกายเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยของจินฮวาน

             เขารู้ดีว่าเพื่อนของจินฮวานที่ชื่อบ็อบบี้แอบชอบคนตัวเล็กที่ตามจีบเขา เพราะรู้ไงถึงได้ทำเป็นไม่รู้สึกอะไรเวลาคนตัวเล็กทำตัวน่ารักใส่ ทำเป็นตีหน้านิ่ง มองอีกคนด้วยสายตาเมินเฉย ทั้งๆที่ในใจแม่งอยากจะดึงจินฮวานเข้ามากอดให้สมกับความหมั่นเขี้ยวในใจ

             แต่นั้นแหละ..

             ก็เพราะว่าเป็นคิมฮันบินคนขี้เก๊ก.. เขาเลยทำเพียงแค่เดินผ่านคนตัวเล็กไปเท่านั้น..

             “บ็อบบี้ กลับได้แล้ว”ฮันบินวิ่งไปแอบหลังกำแพงตรงทางเลี้ยว เหล่มองคนตัวบางหน้าหวานที่เดินไปเปิดประตูห้องผู้ป่วยของจินฮวานแล้วตระโกนเรียกคนที่อยู่ในนั้น ไม่สิ มันไม่เชิงตระโกนเรียก ก็แค่แถวนี้มันเงียบเกินไป แค่คนคนนึงพูดออกมาก็อาจจะได้ยินกันทุกคนในบริเวณนี้

             ฮันบินมองร่างหนาของบ็อบบี้ที่เดินออกจากห้องไปก่อนที่จะพาตัวเองเดินกลับไปที่หน้าห้องผู้ป่วย ดวงตาคมมองเข้าไปในห้องก่อนที่จะตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่นอนอยู่โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูตามท้าย

             “...”

             เขาไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่ส่งมือตัวเองไปลูบเรือนผมสีดำที่เป็นไปตามธรรมชาติของจินฮวานที่ครั้งนึงเขาเคยวางคางไว้ตอนที่กอดปลอบเจ้าตัว ฮันบินปล่อยตัวปล่อยใจให้ทำตามใจตัวเองและเป็นไปตามคาดมือของเขามันลูบเข้าที่แก้มเล็กเบาๆ

              มองริมฝีปากเล็กที่เผลยออกก็ได้แต่คิดถึงภาพเมื่อกี้ ก็เพราะเป็นแบบนี้ล่ะมั้งผู้ชายคนนั้นถึงได้ขัดใจตัวเองมาแอบจูบจินฮวานแบบนั้นและเพราะเป็นแบบนั้นเขาถึงควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

              ฮันบินก้มจูบคนที่นอนอยู่ ริมฝีปากหนาทาบแตะลงที่ริมฝีปากเล็กเบาๆ มองสำรวจใบหน้าของจินฮวานที่หลับตาเพริ้มไม่รู้สึกตัวในตอนนี้ก่อนที่จะหลับตาลง ปล่อยใจและความต้องการผ่านรสจูบครั้งนี้ ริมฝีปากหนาทาบลงทันที กดจูบหนักๆและดูดดุนริมฝีปากเล็กจนบวมเจ่อ เหมือนจะลบล้างรอยจูบของบ็อบบี้ที่เพิ่งประทับไปเมื่อกี้

              “จำเอาไว้นะ..”

              เสียงแหบพร่าที่เอ่ยออกมาเหมือนไม่ใช่ของคิมฮันบิน

              “ว่าพี่เป็นของผมคนเดียว”

              ไม่รู้ว่าอีกคนจะได้ยินรึเปล่าแต่เขาก็จะพูด พูดในสิ่งที่เขาคิด

              “ไม่ว่าจะเป็นตา หู จมูก ปากและตัวของพี่ ทุกอย่างที่เป็นของพี่คือของผม

              และครั้งนี้เขาจะทำตามใจตัวเองจะไม่สนใครหน้าไหนอีกต่อไป

              “เพราะผมหวงของผม ผมชอบพี่นะ









              “มองตาหมอนะครับคนตัวเล็กทำตามคำสั่งของผู้ชายที่ใส่ชุดกาวน์สีขาวตรงหน้า มองตาคู่สวยภายใต้กรอบแว่น ปล่อยผ่านให้แสงไฟจากไฟฉายกระทบตาเขาไป พออีกฝ่ายลดไฟสายลงก็ปรี่ตาหรี่มองอีกคน เพราะสภาพการปรับตัวของจินฮวานยังไม่ลงตัวอะไร การมองเห็นของเขาในตอนนี้เลยเห็นแค่มัวๆเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน

     

              ก่อนที่จะค่อยๆชัดขึ้นจนเป็นปกติ

              “แล้วจำญาติได้ไหมครับคุณหมอหน้าหล่อหันมาถามเขาหลังจากที่จดอะไรยิกๆลงกระดานถือสีดำ จิ นฮวานหันไปมองบุคคลสามคนที่ยืนเรียงเป็นแนวระนาบอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย จินยองเม้มปากแน่น แจบอมทำหน้าเครียด บ็อบบี้.. ไม่มีแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเขา


              “จำได้ครับ

              จินฮวานพยักหน้า ยิ้มตอบอีกฝ่ายตามมารยาท ไม่รู้ว่าสามคนที่ยืนแข็งทื่อในตอนแรกจะแสดงท่าทีดีใจโอเวอร์ออกมาทำไม ก็แค่เขาจำทุกคนได้มัน่าดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ? ความสงสัยทั้งหมดมันถูกกส่งออกมาจากสีหน้าของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเตียง จินฮวานเลิกคิ้วด้วยความงุนงง


              “งั้นแสดงว่าทุกอย่างปกติดี เดี๋ยวต้องให้คนไข้นอนพักฟื้นสักวันสองวันนะครับคุณหมอหันไปบอกพวกแจบอม สามหน่อพยักหน้าหงึกหงัก หลังพ้นคุณหมอหน้าหล่อออกไปบ็อบบี้คือคนแรกที่วิ่งพรวดเข้ามากอดเขาซะเต็มรัก

     

              “ฉันคิดว่านายจะจำฉันไม่ได้แล้ว


              จินฮวานกระพริบตาปริบ มองคนตัวหนาที่กอดรัดเขาให้จมอยู่ในอก มือทั้งสองข้างมันเผลอโอบรัดปลอบร่างสูงโดยอัตโนมัติ เป็นครั้งแรกที่เห็นเพื่อนสนิทคนนี้เป็นแบบนี้ บ็อบบี้ไม่คิดที่จะเงยหน้าจากซอกไหล่ของคนตัวเล็กที่กอดเขางงๆในตอนนี้เลย


               ยิ่งทำแบบนี้จินฮวานก็ยิ่งงง


               พอหันไปมองขอคำอธิบายจากจินยองกับแจบอมคำตอบที่ได้มามีแค่


               “เราควรไปว่ะเมีย ปล่อยให้เขาจู๋จี๋กันไปละกันเนอะ


               อ้าว.. ไหงงั้น 


               “แล้วทำไมฉันจะจำนายไม่ได้?”จินฮวานลูบหลังเพื่อนสนิท ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าถึงได้รู้สึกถึงแรงสั่นๆจากตัวของบ็อบบี้ เขาอาจจะคิดไปเองล่ะมั้ง เพราะอยู่ๆแรงสั่นที่ว่าก็หายไป

               “กะ ก็.. นายหลับไปนานมากอ่ะบ็อบบี้พูดเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยิน แต่เพราะหน้าของอีกคนอยู่ที่ไหล่ของเขา จินฮวานจึงได้ยินเต็มสองหูฉันก็นึกว่า.. เออ ช่างมันเถอะ


               “ห๊ะ??”อยู่ๆก็ตัดบทออกมาเห็นๆ คนที่รอฟังอยู่ก็ถึงกับงง บ็อบบี้ถอนกอด ก้มมองคนตัวเล็กกว่าที่เงยหน้ามองเขา มือหนาหยาบกร้านตามฉบับผู้ชายถูกยกขึ้นมาแนบแก้มใส ไม่รู้เพราะอะไรคนตรงหน้าถึงได้ทำกับเขาแบบนี้


               “ฉันชอบ..

               ก๊อก

     

               จินฮวานหันไปมองคนที่มาใหม่ สิ่งที่บ็อบบี้กำลังพูดเมื่อกี้ถูกตัดจบเพราะเสียงเคาะประตูห้อง อยู่ๆหัวใจมันก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ยิ่งเห็นคนหน้านิ่งเดินมาหาเขาความรู้สึกที่เรียกว่าดีสุดๆก็ปะทุขึ้นมา

     

               อะไร อะไรน่ะ อะไร ฮันบินมาเยี่ยมเขาเหรอ? จริงเหรอ 

     

              หัวสมองมันวนเวียนอยู่แต่คำพวกนี้ไปหมด ตาทั้งสองข้างมันโฟกัสอยู่ที่เด็กหนุ่มหน้านิ่งที่เดินมาทิ้งกระเป๋าตรง เก้าอี้เยี่ยมผู้ป่วย ฮันบินหันมามองหน้าบ็อบบี้แล้วลากสายตามาที่มือหนาที่กุมแก้มเขาอยู่ พอเห็นอย่างนั้นจินฮวานก็เอามือบ็อบบี้ออกโดยอัตโนมัติ

     

               โดยไม่รู้ว่าคนที่ถูกทำอย่างนั้นหันมามองเขาด้วยสายตาแบบไหน

     

               “มีคนมาเยี่ยมนาย ฉันไปก่อนนะเดี๋ยวแวะมาหาตอนเย็นบ็อบ บี้หันมาบอกคนตัวเล็กแล้วเดินตรงดิ่งไปยังประตูทันที ไม่คิดจะหันมาโบกมือให้จินฮวานที่กำลังยกมือขึ้นมาโบกเหมือนทุกที แต่พอก้าวยังไม่พ้นจากเส้นของประตู นํ้าเสียงนิ่งๆตามแบบฉบับคิมฮันบินก็ดังขึ้นให้ร่างกายของคนตัวโตหยุดไปทุก ส่วน

     

               “ไม่ต้องแวะมา คืนนี้กูเฝ้าคนคนของกูเอง

     

               เป็นอีกครั้งที่ก้อนเนื้อด้านซ้ายมันเต้นไม่เป็นจังหวะ มันอึกเหิมเหมือนมีคนมารัวตีกลองอยู่ข้าง สิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้ถ้าเขาไม่ได้หูฝาดฮันบินบอกว่าเขาเป็นของฮันบินใช่ ไหม? ให้ตายเถอะ แค่คิดแบบนั้นหน้ามันร้อนขึ้นมาซะเฉยๆ

     

               บ็อบบี้เดินออกไปแล้ว ตอนนี้มีแค่ฮันบินกับเขาแค่สองคนในห้องนี้ จินฮวานก้มหน้างุด มองมือตัวเองที่จับกันอยู่บนผ้าห่มสีขาวของโรงพยาบาล ปล่อยให้เสียงหัวใจที่เต้นโครมครามดังต่อไป มันไม่คิดจะหยุดหรือช้าลงเลยสักนิด คนตัวเล็กเม้มปากกลัวว่าเสียงก้อนเนื้อตัวเองเต้นมันจะดังไปสร้างความรำคาญ ให้แก่ร่างสูง

     

               “เบื่อ

     

               คำบอกเล่าของฮันบินทำจินฮวานเม้มปากแน่นขึ้นไปอีก แค่นี้ตัวเองก็ทำอีกคนเบื่อแล้วแล้วทีนี้เขาควรจะทำตัวยังไงต่อไปดี? ทำตัวไม่น่าเบื่อ ไม่ให้ฮันบินรำคาญเขา..

     

               หัวสมองมันคิดสารพัดแต่อยู่ๆมันก็ผุดหายไปเพราะคำประโยคที่ดูเชิงชวนของอีก คนที่หันมามองหน้าเขา

     

               “ไปเดินเล่นกัน

     

               เหมือนหัวใจรู้สึกพองโตอีกครั้ง พองจนจินฮวานรู้สึกว่าตัวเองสามารถลอยขึ้นมาได้

     

               จินฮวานไม่ได้ตอบอะไรฮันบินเพียงแค่อมยิ้มแล้วพยักหน้าน้อยๆในขณะที่อีกคนก็ เอือมมือมาจับเขาให้ลุกขึ้น สายนํ้าเกลือที่เชื่อมกับหลังมืออีกข้างถูกคนตัวโตยกถุงนํ้าเกลือห้อยติดกับ เสาเก้าอี้เข็ญ เป็นอีกครั้งที่จินฮวานรู้สึกอบอุ่นอย่างไม่ถูก หัวใจตอนนี้มันชุ่มฉํ่าเหมือนดอกไม้ที่ได้รับการดูแล ตาทั้งสองข้างมองตรงไปยังภาพข้างหน้าที่ค่อยๆเข้าไปใกล้ๆ ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าเขาจะถูกฮันบินเข็ญรถให้แบบนี้

     

                แถมเจ้าตัวยังชวนไปเดินเล่นด้วยกันอีก

     

                “เบื่อไหมฮันบินหยุดเข็ญรถหลังจากที่พาเขามาถึงสวนหย่อมของโรงพยาบาล จินฮวานไม่รู้ว่าอีกฝ่ายสื่อว่าอะไรแต่ก็เลือกที่จะส่ายหัวไว้ก่อน ถ้าอีกคนสื่อว่าเบื่อเขาที่ทำตัวเฉยชาแบบนี้ไหม จินฮวานตอบได้เลยว่าไม่ เพราะเขาชอบฮันบิน ชอบทุกอย่างที่เป็นฮันบิน ไม่ว่าอีกคนจะนิสัยเป็นแบบไหนก็จะชอบ

     

                ก็เพราะว่าชอบไปแล้วจะให้หยุดง่ายๆก็ไม่ใช่ 

     

               “เหนื่อยไหม

     

                จินฮวานทำหน้างงกับสิ่งที่ฮันบินพูด เด็กหนุ่มเดินอ้อมมาหาเขา มือหนาตะบบเข้าที่เรือนผมดกของคนตัวเล็กที่นั่งหน้างงอยู่บนเบาะรถเข็ญ

     

                “ไม่ต้องวิ่งตามผมแล้ว

     

                ยิ่งได้ยินคำพูดที่แทนตัวเองว่าผมก็ยิ่งรู้สึกงงเข้าไปอีก จินฮวานตอนนี้ดูสนใจไม่น้อยว่าฮันบินกำลังจะพูดอะไร ทำไมถึงได้แทนตัวเองได้สุภาพแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเจ้าตัวแทบไม่นับถือเขาเลย
    และเหมือนจะมีอะไรสักอย่างมาทำให้หัวใจเขาพองตัวเข้าไปอีก

     

                “เพราะผมจะเป็นคนไล่ตามพี่เอง


                “จะเป็นคนวิ่งตามพี่

     

                “พี่แค่ยืนอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร


                “ปล่อยให้ผมวิ่งมาหาพี่เอง


                “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..มือหนาเลื่อนจากเรือนผมสีดำมากุมมือของคนตัวเล็ก ที่อยู่บนตัก ฮันบินนั่งยองๆอยู่ตรงหน้า สื่อสายตาที่มีความหมายบางอย่างให้คนตัวเล็กผมจะไม่ปล่อยมือพี่


                “ถ้าพี่ยังรู้สึกดีกับผมอยู่


                “ให้ผมเป็นคนดูแลพี่นะ

     

                “รวมถึงหัวใจพี่ด้วย

     

     

     

     


    จบตอน เย้ จบแล้วววววว
    แต่งเองฟินเอง ฮื่อออ//-//
    อย่าลืมติดสกีนแท็ค #พี่จินโครตแมน และเม้นนะแจ้ะ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×