ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Hanchul] My Mummy? อยากเป็นคุณแม่ใหม่ พิชิตใจเราให้ได้สิ

    ลำดับตอนที่ #4 : My Mummy? Chapter 4

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 56


     

     





                   “เกิดอะไรขึ้นคะคุณ!!” แม่บ้านลีคือคนแรกที่วิ่งเข้ามาหา ทันทีที่เธอได้ยินเสียงร้อง เธอปล่อยงานทุกอย่างแล้วรีบมาดูที่ห้องน้ำ ก็เจอฮีชอลทรุดลงนั่งตัวสั่นงันงกอยู่ที่พื้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาปิดหน้าปิดตา ส่วนอีกข้างชี้นิ้วมายังร่างตรงหน้า

     

    “ผะ..ผะ..ผี ผีฮะคุณแม่บ้าน!! ผีหลอกผม!! ฮืออออออ” ฝ่ายฮีชอลผู้ที่ดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว พูดเสียงสั่นน้ำตานองหน้า โอ้วมายก๊อดดด!! ตั้งแต่ฮีชอลเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยเจอผีแบบจะๆอย่างนี้เลยนะ บทจะมาก็มาชนิดที่ว่าทีวี 3Dยังอายอ่ะ

    “ผีอะไรกันคะคุณตั้งสติก่อนค่ะ” แม่บ้านเข้ามาจับไหล่ฮีชอลแล้วพูดเรียกสติ ฮีชอลเงยหน้าขึ้นมามองคุณแม่บ้านลี และหันไปมองตรงหน้าอีกที

    ทว่ามันก็เป็นอย่างเดิม

     

    “นี่ไงฮะผี..อยู่ตรงหน้าผมเลยเนี่ย ฮือออออ” ฮีชอลซุกเข้าหาคุณแม่บ้านลีเหมือนเด็ก ก่อนจะรับประทานเงิบเมื่อได้ยินคุณแม่บ้านลีอธิบาย

    “ผีที่ไหนกันคะคุณ นี่คุณหนูฮานึลค่ะ เป็นลูกคนกลางของคุณฮันคยองไงคะ”

    “หะ...เห?

     

    “ตายแล้วคุณหนู!นั่นมือไปเลอะอะไรมาคะ ป้าเพิ่งอาบน้ำให้เมื่อกี้นี้เอง” ผีน้อย(?)ของฮีชอลไม่ได้ตอบคำถาม ร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้คุณแม่บ้านลี ฮีชอลทำจมูกฟุดฟิดๆก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เปื้อนมือเด็กน้อยคือซอสมะเขือเทศ หาใช่เลือดอย่างที่คิด คุณแม่บ้านลีอุ้มเด็กน้อยขึ้นบนเก้าอี้ที่คงจะวางไว้เพื่อให้เด็กๆส่องกระจกถึงแล้วเปิดน้ำให้ล้างมือ พอมือสะอาดเอี่ยมแล้วเด็กน้อยก็ยกมือขึ้นมาปัดผมที่ปิดหน้าปิดตาออก

     

    ฮีชอลรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าบ่าวและเด็กน้อยฮานึลเป็นเจ้าสาวที่กำลังเปิดผ้าคลุมหน้า พอเห็นหน้าฮานึลชัดๆ ฮีชอลก็อยากตะโกนคำๆนี้ออกมาให้ดังลั่น

     

    น่ารักอ๊า~~

     

    ผิวของฮานึลขาวอมชมพูไปทั้งตัว บ่งบอกถึงสุขภาพ แก้มของเธอพองออกมาน้อยๆเหมือนซาลาเปาทำให้ฮีชอลนึกถึงนักร้องที่ตนเคยชอบมากสมัยเรียน ดวงตากลมๆใสๆฉายแววไร้เดียงสาสมวัยมองมาที่ฮีชอลเหมือนจะสื่อว่า คุณเป็นใคร?’

    “เอ่อ สวัสดีจ้า ฉันชื่อฮีชอลนะ ฉันขอโทษจริงๆที่ฉันเห็นว่าหนูเป็น เอ่อผี ฉันขอโทษจริงนะจ๊ะ” พูดพลางส่งยิ้มจริงใจให้ อีกฝ่ายก็โค้งหัวให้นิดๆแล้วหันกลับไปล้างมือต่อ ไม่ยอมพูดอะไร ฮีชอลยิ้มเก้อก่อนจะค่อยๆหุบยิ้มลง

     

    ดูท่าเธอจะโกรธแฮะอะไรกัน ลูกของเฮียไม่ชอบเราสองคนแล้วนะ

     

    “เอาล่ะ คุณหนูคะ เดี๋ยวคุณฮีชอลคนนี้จะไปเล่านิทานให้ฟังนะคะ คุณหนูฮานึลอยากฟังไหมคะ?” แววตาของเด็กน้อยเป็นประกายเมื่อได้ยินคุณแม่บ้านลีพูดคำว่าเล่านิทาน ฮานึลเผยยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าแรงๆ

    “ถ้างั้นคุณหนูก็ขึ้นไปเลยนะคะ เดี๋ยวป้าคุยกับคุณฮีชอลแป๊บหนึ่ง” ฟังจบเด็กน้อยก็กระโดดลงจากเก้าอี้ด้วยตัวเองและ รีบวิ่งออกไปจากห้องน้ำทันทีตามคำสั่ง

     

     

    ~~~My mummy??~~~

     

     

    “เธอไม่ยอมพูดแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่คุณฮันทะเลาะกับภรรยาเก่าแล้วค่ะ ตอนนั้นน่ะป้าจำได้ว่า คุณหนูฮานึลเข้าไปห้ามตามประสาเด็ก แต่โดนคุณแม่ของเธอผลักออกมาอย่างแรงเลยค่ะ ทั้งๆที่ตลอดมาคุณแม่ของเธอรักเธอจะตาย มันก็เลยเหมือนกับว่า เธอช็อคจากเหตุการณ์ตอนนั้นแล้วไม่ยอมเปิดใจให้ใครน่ะค่ะ ทำให้เราไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกลึกๆของเธอได้เลย...แต่เมื่อก่อนเธอเป็นเด็กที่นิสัยดีและร่าเริงมากเลยนะคะ” ระหว่างเดินขึ้นบันไดมาที่ห้องเด็กๆ คุณแม่บ้านลีก็เล่าให้ฟังถึงสาเหตุที่ฮานึลทำท่าเย็นชาใส่ฮีชอล

     

    “น่าสงสารจังเลยนะฮะ แล้วทำไมเฮียฮันไม่พาไปรักษาล่ะฮะ พวกหมอจิตวิทยาอาจจะทำให้เธอดีขึ้น” ฮีชอลออกความเห็น ฮานึลน่าสงสารจริงๆ วัยเด็กที่แสนสดใสของฮานึลโดนพวกผู้ใหญ่ทำลายด้วยการทำตามใจตัวเองในเวลาไม่กี่นาที เขาเพิ่งรู้จากคุณแม่บ้านลีด้วยว่า การทะเลาะกันที่ว่าไม่ใช่แค่พูดคำแรงๆใส่กัน แต่ถึงขั้นปาข้าวของใส่กันเลยทีเดียว ถ้าฝ่ายภรรยาเก่าของเฮียไม่ขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าก่อน คุณแม่บ้านลีบอกว่าอาจจะถึงขั้นคว้ามีดมาแทงกันเลยด้วยซ้ำ

     

    “คุณหนูฮานึลเธอกลัวพวกหมอค่ะ คุณฮันคยองเองก็ไม่ค่อยมีเวลามากนัก กระทั่งตอนนี้คุณหนูฮานึลก็ไม่ได้ไปโรงเรียน ไม่ได้มีเพื่อนเยอะ เหมือนเด็กวัยเดียวกันคนอื่นๆนะคะ เพราะว่าเพื่อนๆมองว่าเธอแปลก ก็มีแค่คุณหนูโฮซูที่พยายามคุยพยายามเล่นกับเธอค่ะบางครั้งก็สำเร็จ บางครั้งก็ล้มเหลว” ทั้งสองคนขึ้นมาถึงหน้าห้องของเด็กๆแล้ว แต่เมื่อฮีชอลเอื้อมมือมาแตะลูกบิด คุณแม่บ้านลีก็ยื่นมือไปจับมือฮีชอลไว้

    “ถ้าคุณไม่ลำบากจนเกินไป ป้าอยากให้คุณมาที่นี่บ่อยๆนะคะ เพื่อคุณหนูฮานึล” คุณแม่บ้านลีพูดเชิงขอร้อง ฮีชอลยิ้มให้บางๆไม่ตอบรับหรือไม่ปฏิเสธ ฮานึลเป็นเด็กน่าสงสารแต่เขาเองก็ไม่รู้จะได้มาที่นี่บ่อยไหม แต่การยิ้มของฮีชอลเหมือนเป็นการตอบรับว่า

     

    เด็กทั้งสามคนเนี้ยะ...เข้ามาอยู่ในใจเขาเรียบร้อยแล้ว

     

     

    ~~~My mummy??~~~

     

     

    ฮีชอลให้เด็กๆหลับตาและจินตนาการถึงนิทานที่ร่างบางเล่า เด็กทั้งสองเชื่อฟังดีมาก แม้แต่โฮซูที่เมื่อตอนกลางวันจะซนเป็นลิง แต่พอจะเล่านิทานให้ฟัง ให้ทำอะไรก็ทำตามไปเสียทุกอย่าง

     

    ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย...นิทานก็สามารถชนะใจเด็กๆได้เสมอ

     

     

    ...แล้วทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

     

    ฮีชอลอ่านประโยคสุดท้ายพลางเงยหน้าจากหนังสือนิทานเล่มโต ร่างบางปิดหนังสือเก็บที่ตู้ข้างเตียงเล็กดังเดิม  ก่อนจะเบนสายตามามองเด็กทั้งสองที่กำลังหลับปุ๋ย ได้ยินเสียงหายใจเบาๆใบหน้าของฮานึลและโฮซูที่กำลังหลับ มองเผินๆเหมือนเทวดาและนางฟ้าตัวน้อยๆ ฮีชอลเลยอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุ๊บหน้าผากของทั้งสอง

     

    “ฝันดีนะเด็กๆ” กระซิบถ้อยคำราตรีสวัสดิ์ข้างๆหู มือก็ลากผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาห่มให้ว่าที่ลูกชายและลูกสาวจนถึงคอ แล้วผละออกมา

     

     

    หมับ!

     

                ทว่ามือเล็กของคนที่คิดว่าหลับไปแล้วกลับคว้าข้อมือเอาไว้ พลางส่งสายตาออดอ้อนมาให้ฮีชอล ร่างบางจึงตอนกลับมานั่งข้างเตียงอีกครั้ง

     

                “ทำไมยังไม่นอนล่ะ หืม?” ลูบหัวเด็กน้อยเบาๆด้วยความเอ็นดู

                “...โฮซูอยากกอดป๊ะป๋าแต่ป๊ะป๋าไม่ชอบให้โฮซูกอด”เด็กน้อยหรุบตาลงต่ำ มืองเล็กที่จับข้อมือฮีชอลไว้ก็เปลี่ยนมาเล่นนิ้วเรียวสวย เหมือนกำลังตัดสินใจ

                “...”

                “ขอกอดฮีชอลนอนได้ไหม?”พูดออกมาเบาๆ ไม่รู้ว่ากลัวฮีชอลหรือกลัวพี่สาวตื่น ฮีชอลเองก็อึ้งไปเมื่อได้ยิน ไม่คิดว่าเด็กน้อยโฮซูจะขอแบบนี้

                “...” ฮีชอลเงียบ

                “...” โฮซูก็เงียบ

     

     

                “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ฮีชอลยิ้มและล้มตัวลงบนเตียง สองมือโอบรัดร่างเด็กน้อยไว้แน่น ส่วนโฮซูก็ซุกหน้าเข้ากับอกบาง ฮีชอลตบหลังเด็กน้อยเบาๆเหมือนจะกล่อม พลางกระซิบเบาๆ

                “นอนได้แล้วนะ..” แรงขยับเบาๆที่อก บอกให้รู้ว่าโฮซูรับรู้ ไม่นานนักฮีชอลก็ได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดดังขึ้นอีกครั้ง ฮีชอลถอนหายใจเบาๆ แค่มองก็รู้แล้ว ว่าโฮซูต้องการความอบอุ่น  ฮีชอลรู้สึกผิดที่ตลอดสามปีที่ผ่านมา ฮันคยองตามใจเขาตลอด อยากไปไหนก็ไป อยากซื้ออะไรก็ซื้อ อยากดูอะไรก็ได้ดู

     

                อยากเจอเมื่อไหร่...ก็ว่างเสมอสำหรับฮีชอล

               

                ฮีชอลเองก็ชอบอ้อนให้ฮันคยองค้างด้วยบางครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่อยากจาก อยากให้อยู่ด้วยกันนานๆ แต่เขาไม่ได้นึกเลย ทั้งโฮซูฮานึล และซอลลี่อาจจะมีเวลาอยู่กับพ่อมากขึ้น ถ้าเขาไม่เอาแต่เรียกร้องหาแต่ฮันคยอง

     

                “...ขอโทษนะเด็กๆ”

     

    ~~~My mummy??~~~

     

     

                “...ฝากจัดการตามนั้นด้วยนะเลขาโจว อ่า ขอบคุณ” ฮันคยองวางสายพลางสาวเท้าไปที่ห้องของลูกชายและลูกสาวคนเล็กที่ร่างหนาไม่ค่อยได้ไปเยือนบ่อยนักเพื่อไปรับฮีชอล ดึกมากแล้ว เค้าเพิ่งโทรไปขอโทษคุณแม่ของฮีชอลที่พาลูกชายเค้ามาไม่ได้บอกได้กล่าว แถมยังพากลับดึกอีก จะโดนตัดคะแนนความพิศวาสเอาได้

     

    แต่ทันทีที่เดินเข้าไปในห้อง ภาพตรงหน้าทำเอาฮันคยองอมยิ้ม

     

    ฮานึลลูกสาวของเขาเอาใบหน้าเล็กๆนั่นซุกกับมือของฮีชอลที่ดูเหมือนก่อนนอนจะกอดโฮซูไว้ แล้วนอนๆไปมือก็แบราบไปกับฟูก ส่วนโฮซูตัวแสบน่ะไม่ต้องพูดถึง รายนั้นกอดเอวฮีชอลแน่นแล้วยังซุกหน้าหาความอบอุ่นกับอกบาง

     

    “จะมาเล่านิทานให้เด็กหลับ ไหงคนเล่าหลับไปด้วยล่ะ” ฮันคยองเดินเข้ามามองใกล้ๆแล้วพูดเบาๆ เห็นฮีชอลเข้ากับเด็กๆได้เขาก็ดีใจ แต่จะทนได้หรือเปล่านี่สิที่เขาไม่แน่ใจ ขนาดตัวเขาเองยังต้องหนีไปอยู่ที่อื่นเพราะทนไม่ได้เลย แต่เขาก็ไม่ได้ทอดทิ้งลูกนะ เขาน่ะส่งค่าเทอมและเงินค่าเบ็ดเตล็ดอื่นๆมาให้แทน ถ้าอยากได้อะไรเขาก็ซื้อให้โดยไม่อิดออด

     

    นี่ยังไม่ใช่พ่อที่ดีอีกหรือไง??

     

    ยังไงก็ตาม คำว่าทอดทิ้งลูกไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของฮันคยองหรอก แม้เด็กทั้งสามจะมีเลือดของคนที่เขาเกลียดที่สุดอยู่ครึ่งก็ตามเถอะ เขาพยายามหาคนที่ดีพร้อมสำหรับเขาและเด็กๆแต่ที่ผ่านๆมาก็มีฮีชอลคนเดียวที่แหละที่เขากล้าพามาเจอลูกๆของที่บ้านหลังนี้

                ฮีชอลเป็นคนที่เขาเลือกเอง เป็นคนที่เขาอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกันตลอดไป จะเป็นเรื่องที่ดีมากถ้าร่างบางทนลูกๆของเขาได้

     

                “เบียดกันจนจะตกเตียงอยู่แล้วเนี้ยะป๊ะป๋าของตัวฮีชอลไปนอนสบายๆก่อนนะเด็กๆ” ไม่รอให้เด็กตื่นขึ้นมาให้อนุญาตหรอก ฮันคยองจัดการขโมยอุ้มฮีชอลขึ้นมาอย่างช้าๆเพราะกลัวจะไปขัดห้วงนิทราที่แสนมีความสุขของร่างบางเข้า

     

     

                สงสัยต้องโทรไปขออนุญาตคุณแม่ยายอีกรอบแล้วซิ ^^

     

     

    ~~~My mummy??~~~

     

     

                “แง้!!!!

                -.,- เสียงเด็กที่ไหนมาแหกปากตรงนี้อ่า คนจะนอน

               

                “แง้!!!!!!!

                โว๊ะ! จะเพิ่มโวลุ่มเพื่ออาร๊ายยยยยย!

               

    ฮีชอลคิดในใจพลางยกผ้าขึ้นมาคลุมโปง อีกมือก็ยกหมอนขึ้นมาทับหัวทุยๆของตัวเองเอาไว้ สงสัยคุณนายแม่คงไปอุ้มเอาเด็กที่ไหนมาเลี้ยงเล่นอีกแน่ๆ ทำไมคุณนายแม่ไม่ทำให้เงียบบบ

     

                >_0??

                เดี๋ยวนะ..

     

                พรึ่บ!

                ฮีชอลสะบัดผ้าห่มทิ้งทันทีที่นึกได้ กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องนี้ไม่ใช่ห้องของเขานี่! ยังไงๆก็ไม่ใช่อ่ะ เขาไม่เคยมีโถใส่ดอกไม้ลายจีนโบราณแบบนี้อยู่ในห้องแน่ๆอ่ะ กวาดตาไปอย่างหวาดๆก่อนจะพบเจ้าของห้องใส่เสื้อกล้ามขาวโชว์แขนล่ำๆนอนกรนอยู่ข้างๆเขาเลย

     

               

     

                “แง้!!!!!!!” เสียงร้องนั้นดังขึ้นเรื่อยๆแต่คนข้างๆฮีชอลยังจะหลับลึกได้อีก จนฮีชอลต้องเป็นฝ่ายลุกขึ้นจากเตียงนุ่มๆและเดินออกตามหาเสียงร้องนี้

     

                เสียงนี้ดังมาจากห้องโฮซู...

                มีใครมาทำอะไรลูกชายเขา!!

     

                “แง้!! ฮือฮึก แงงงงงงงงงงงงงงงงTT[]TT

                “หยุดร้องนะโฮซู แกเป็นอะไรเนี่ยห๊า!

     

                มีคนไปถึงที่เกิดเหตุก่อนเขาแฮะ

    เสียงสิบแปดหลอดแบบนี้ซอลลี่แน่นอน  -*-

     

    “ฮะ..ฮี..ชอล อยู่หนายยยยยยยยย แงงงงงง” อย่างที่รู้กันดี โฮซูเชื่อฟังใครซะที่ไหนกัน

    “ฉันจะไปรู้ไหมห๊า! เงียบเดี๋ยวนี้ อึ้บ!!!” อีกคนก็ใช่ย่อย ยอมใครที่ไหน ซอลลี่ย่อตัวลงจับไหล่โฮซู แล้วบอกให้อึ้บ!

    “อึก...อือออ แงงงงงงง จะหาฮีชอลลล” ตอนแรกก็อึ้บได้ตามที่ซอลลี่บอก แต่มันก็ล่ม ==* ร้อนถึงเจ้าของชื่อผู้เป็นต้นเหตุ ต้องเดินมาอุ้มพลางปลอบ

     

    “ฮีชอลอยู่นี่ๆ โอ๋~~~ อย่าร้องนะ”

     

     

    ซอลลี่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่ชอบใจ โฮซูแหกปากร้องตั้งนานแล้ว คนๆนี้เพิ่งโผล่มาปลอบ คงจะทำเพื่อเอาหน้าสินะ ไอ้น้องชายทรยศก็อีกคนพอฮีชอลอะไรนั่นมาจากแหกปากร้องอยู่มะกี้ก็เปลี่ยนมาเป็นสะอื้นและค่อยๆสงบลง

     

    เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยเชียวล่ะ!

     

    “ฮานึลไปกินข้าวกินเหอะ!” ชวนน้องอีกคนลงไป เมื่อความหมั่นไส้เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฮานึลเด็กน้อยผู้ว่าง่ายเดินมาจับมือพี่สาวตนไว้

     

    “ได้เวลากินข้าวแล้วหรอ?” ฮีชอลถาม ตอนนี้มันยังเช้ามากอยู่เลยนะ

    “ไม่รู้!!!” ตวัดเสียงตอบ  ก่อนจะจูงมือพาฮานึลเดินลงไปข้างล่างโดยไม่สนใจอีกคนที่มองตามตาปริบๆ

     

    เค้าทำอะไรผิดหรอ??

     

    “เอ่อ..งั้นเราไปปลุกป๊ะป๋ากันนะโฮซู”ฮีชอลเอ่ยชักชวนเด็กน้อย แต่กลับได้รับการส่ายหน้าปฏิเสธกลับมา

    “ทำไมล่ะ?

    “ป๊ะป๋าไม่ชอบให้โฮซูปลุก...โฮซูกลัวโดนป๊ะป๋าดุ” เด็กน้อยก้มหน้างุดพูดเสียงอู้อี้ ท่าทางดูกลัวๆ ฮีชอลรู้ได้ในทันทีว่าฮันคยองห่างเหินกับลูกมากจริงๆ ไม่ได้การล่ะ เขาต้องเชื่อมสัมพันธ์พ่อลูกโดยด่วน ฮีชอลคิดพลางยกมือขึ้นลูบหัวกลมๆของเด็กน้อย ก่อนจะพูดว่า

     

    “ไปกับฮีชอลไม่ต้องกลัวนะ ถ้าป๊ะป๋าดุโฮซูล่ะก็ ฮีชอลจะซัดป๊ะป๋ากลับให้หงายหลังเลย”

     

    แค่จะปลุกให้มากินข้าว ก็ให้มันรู้ไปสิว่าฮันคยองจะก่อสงครามกับโฮซูอีก!

     

     

    ~~~My mummy??~~~

     

     

     

    แหม่..บรรยากาศที่บ้านตอนเช้านี่มันดีจริงจริ๊ง

    เสียงนกร้อง เสียงไก่ขัน หรือแม้แต่แสงอาทิตย์ ไม่ได้สร้างความรำคาญให้ฮันคยองที่กำลังนอนหลับสบายเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับชอบด้วยซ้ำ ฟังแล้วมันเพลินๆดี ที่คอนโดเขาไม่มีแบบนี้หรอก

     

    ตุ๊บ!!

    “อ๊ากกกกกก” ความเพลินยามเช้าถูกทำลายลงเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรมากระโดดทับเขาอย่างแรง ทับถูกจุดแผลเก่าซะด้วยนะ ดวงตาของฮันคยองเปิดกว้าง จะหันไปดูก็โดนสับไหล่อย่างแรงดังปึก คนจีนปวดกายยยย T^T

     

    “โอ๊ยยยย!! เจ็บนะโว้ยยยยยยยย!!! อ๊ากกกกก!!! อย่านะ!! ยอมยอมแล้ววววววว”

     

    ฮีชอลที่แอบดูความเคลื่อนไหวอยู่หน้าห้อง ทำตัวลีบจนแทบจะติดประตู บ่นพึมพำออกมาว่าไม่น่าเล๊ย ไม่น่าเล๊ย  พลางตีมือของตัวเองที่ก่อนหน้านี้ใช้ดันหลังโฮซูเข้าไปให้ห้องยกใหญ่

     

     

    ฮีชอลรู้แล้วล่ะ...ว่าทำไมฮันคยองถึงไม่ชอบให้โฮซูปลุก -*-

    เฮียฮันอ่าฮีชอลขอโทษนะ (-/|\-)

    “อะไรเนี่ย!! มาทุบป๊าทำไมโฮซู!!!!!!!” คนเจ็บลุกขึ้นมาตวาดลั่น สองมือหนาจับไหล่เด็กน้อย เขย่าซะแรงเหมือนกังเสี่ยงเซียมซี เสียงดังขนาดที่ว่าคนที่แอบอยู่หลังประตูยังสะดุ้ง

     

    เข้าใจว่าโกรธแต่เสียงดังแบบนี้ มันจะ

     

    สาม..

    สอง..

    หนึ่ง

     

    “แง้!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    เฮ้อออออ~

     

     

    ~~~My mummy??~~~

     



    Talkative :3
    ครบร้อยแล้วน๊าาา >< สงสารน้องฮานึลจุงเบย T3T 
    เด็กสามคนสามแบบ ฮีชอลลำบากแย่
    ไว้คอยติดตามกันนะว่าฮีชอลจะจัดการกับเด็กได้ไหม
    แล้วป๋าฮันจะเปลี่ยนทัศนคติบ้างไหม สำหรับวันนี้บ๊ายบายค่าา ^0^

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×