คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : My Mummy? Chapter 4
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณ!!” แม่บ้านลีคือคนแรกที่วิ่งเข้ามาหา ทันทีที่เธอได้ยินเสียงร้อง เธอปล่อยงานทุกอย่างแล้วรีบมาดูที่ห้องน้ำ ก็เจอฮีชอลทรุดลงนั่งตัวสั่นงันงกอยู่ที่พื้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาปิดหน้าปิดตา ส่วนอีกข้างชี้นิ้วมายังร่างตรงหน้า
“ผะ..ผะ..ผี ผีฮะคุณแม่บ้าน!! ผีหลอกผม!! ฮืออออออ” ฝ่ายฮีชอลผู้ที่ดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว พูดเสียงสั่นน้ำตานองหน้า โอ้วมายก๊อดดด!! ตั้งแต่ฮีชอลเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยเจอผีแบบจะๆอย่างนี้เลยนะ บทจะมาก็มาชนิดที่ว่าทีวี 3Dยังอายอ่ะ
“ผีอะไรกันคะคุณ…ตั้งสติก่อนค่ะ” แม่บ้านเข้ามาจับไหล่ฮีชอลแล้วพูดเรียกสติ ฮีชอลเงยหน้าขึ้นมามองคุณแม่บ้านลี และหันไปมองตรงหน้าอีกที
ทว่า…มันก็เป็นอย่างเดิม
“นี่ไงฮะผี..อยู่ตรงหน้าผมเลยเนี่ย ฮือออออ” ฮีชอลซุกเข้าหาคุณแม่บ้านลีเหมือนเด็ก ก่อนจะรับประทานเงิบเมื่อได้ยินคุณแม่บ้านลีอธิบาย
“ผีที่ไหนกันคะคุณ นี่คุณหนูฮานึลค่ะ เป็นลูกคนกลางของคุณฮันคยองไงคะ”
“หะ...เห?”
“ตายแล้วคุณหนู!นั่นมือไปเลอะอะไรมาคะ ป้าเพิ่งอาบน้ำให้เมื่อกี้นี้เอง” ผีน้อย(?)ของฮีชอลไม่ได้ตอบคำถาม ร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้คุณแม่บ้านลี ฮีชอลทำจมูกฟุดฟิดๆก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เปื้อนมือเด็กน้อยคือซอสมะเขือเทศ หาใช่เลือดอย่างที่คิด คุณแม่บ้านลีอุ้มเด็กน้อยขึ้นบนเก้าอี้ที่คงจะวางไว้เพื่อให้เด็กๆส่องกระจกถึงแล้วเปิดน้ำให้ล้างมือ พอมือสะอาดเอี่ยมแล้วเด็กน้อยก็ยกมือขึ้นมาปัดผมที่ปิดหน้าปิดตาออก
ฮีชอลรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าบ่าวและเด็กน้อยฮานึลเป็นเจ้าสาวที่กำลังเปิดผ้าคลุมหน้า พอเห็นหน้าฮานึลชัดๆ ฮีชอลก็อยากตะโกนคำๆนี้ออกมาให้ดังลั่น
น่ารักอ๊า~~
ผิวของฮานึลขาวอมชมพูไปทั้งตัว บ่งบอกถึงสุขภาพ แก้มของเธอพองออกมาน้อยๆเหมือนซาลาเปาทำให้ฮีชอลนึกถึงนักร้องที่ตนเคยชอบมากสมัยเรียน ดวงตากลมๆใสๆฉายแววไร้เดียงสาสมวัยมองมาที่ฮีชอลเหมือนจะสื่อว่า ‘คุณเป็นใคร?’
“เอ่อ สวัสดีจ้า ฉันชื่อฮีชอลนะ ฉันขอโทษจริงๆที่ฉันเห็นว่าหนูเป็น เอ่อ…ผี ฉันขอโทษจริงนะจ๊ะ” พูดพลางส่งยิ้มจริงใจให้ อีกฝ่ายก็โค้งหัวให้นิดๆแล้วหันกลับไปล้างมือต่อ ไม่ยอมพูดอะไร ฮีชอลยิ้มเก้อก่อนจะค่อยๆหุบยิ้มลง
ดูท่าเธอจะโกรธแฮะ…อะไรกัน ลูกของเฮียไม่ชอบเราสองคนแล้วนะ
“เอาล่ะ คุณหนูคะ เดี๋ยวคุณฮีชอลคนนี้จะไปเล่านิทานให้ฟังนะคะ คุณหนูฮานึลอยากฟังไหมคะ?” แววตาของเด็กน้อยเป็นประกายเมื่อได้ยินคุณแม่บ้านลีพูดคำว่าเล่านิทาน ฮานึลเผยยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าแรงๆ
“ถ้างั้นคุณหนูก็ขึ้นไปเลยนะคะ เดี๋ยวป้าคุยกับคุณฮีชอลแป๊บหนึ่ง” ฟังจบเด็กน้อยก็กระโดดลงจากเก้าอี้ด้วยตัวเองและ รีบวิ่งออกไปจากห้องน้ำทันทีตามคำสั่ง
~~~My mummy??~~~
“เธอไม่ยอมพูดแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่คุณฮันทะเลาะกับภรรยาเก่าแล้วค่ะ ตอนนั้นน่ะป้าจำได้ว่า คุณหนูฮานึลเข้าไปห้ามตามประสาเด็ก แต่โดนคุณแม่ของเธอผลักออกมาอย่างแรงเลยค่ะ ทั้งๆที่ตลอดมาคุณแม่ของเธอรักเธอจะตาย มันก็เลยเหมือนกับว่า เธอช็อคจากเหตุการณ์ตอนนั้นแล้วไม่ยอมเปิดใจให้ใครน่ะค่ะ ทำให้เราไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกลึกๆของเธอได้เลย...แต่เมื่อก่อนเธอเป็นเด็กที่นิสัยดีและร่าเริงมากเลยนะคะ” ระหว่างเดินขึ้นบันไดมาที่ห้องเด็กๆ คุณแม่บ้านลีก็เล่าให้ฟังถึงสาเหตุที่ฮานึลทำท่าเย็นชาใส่ฮีชอล
“น่าสงสารจังเลยนะฮะ แล้วทำไมเฮียฮันไม่พาไปรักษาล่ะฮะ พวกหมอจิตวิทยาอาจจะทำให้เธอดีขึ้น” ฮีชอลออกความเห็น ฮานึลน่าสงสารจริงๆ วัยเด็กที่แสนสดใสของฮานึลโดนพวกผู้ใหญ่ทำลายด้วยการทำตามใจตัวเองในเวลาไม่กี่นาที เขาเพิ่งรู้จากคุณแม่บ้านลีด้วยว่า การทะเลาะกันที่ว่าไม่ใช่แค่พูดคำแรงๆใส่กัน แต่ถึงขั้นปาข้าวของใส่กันเลยทีเดียว ถ้าฝ่ายภรรยาเก่าของเฮียไม่ขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าก่อน คุณแม่บ้านลีบอกว่าอาจจะถึงขั้นคว้ามีดมาแทงกันเลยด้วยซ้ำ
“คุณหนูฮานึลเธอกลัวพวกหมอค่ะ คุณฮันคยองเองก็ไม่ค่อยมีเวลามากนัก กระทั่งตอนนี้คุณหนูฮานึลก็ไม่ได้ไปโรงเรียน ไม่ได้มีเพื่อนเยอะ เหมือนเด็กวัยเดียวกันคนอื่นๆนะคะ เพราะว่าเพื่อนๆมองว่าเธอแปลก ก็มีแค่คุณหนูโฮซูที่พยายามคุยพยายามเล่นกับเธอค่ะบางครั้งก็สำเร็จ บางครั้งก็ล้มเหลว” ทั้งสองคนขึ้นมาถึงหน้าห้องของเด็กๆแล้ว แต่เมื่อฮีชอลเอื้อมมือมาแตะลูกบิด คุณแม่บ้านลีก็ยื่นมือไปจับมือฮีชอลไว้
“ถ้าคุณไม่ลำบากจนเกินไป ป้าอยากให้คุณมาที่นี่บ่อยๆนะคะ เพื่อคุณหนูฮานึล” คุณแม่บ้านลีพูดเชิงขอร้อง ฮีชอลยิ้มให้บางๆไม่ตอบรับหรือไม่ปฏิเสธ ฮานึลเป็นเด็กน่าสงสารแต่เขาเองก็ไม่รู้จะได้มาที่นี่บ่อยไหม แต่การยิ้มของฮีชอลเหมือนเป็นการตอบรับว่า
เด็กทั้งสามคนเนี้ยะ...เข้ามาอยู่ในใจเขาเรียบร้อยแล้ว
~~~My mummy??~~~
ฮีชอลให้เด็กๆหลับตาและจินตนาการถึงนิทานที่ร่างบางเล่า เด็กทั้งสองเชื่อฟังดีมาก แม้แต่โฮซูที่เมื่อตอนกลางวันจะซนเป็นลิง แต่พอจะเล่านิทานให้ฟัง ให้ทำอะไรก็ทำตามไปเสียทุกอย่าง
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย...นิทานก็สามารถชนะใจเด็กๆได้เสมอ
“...แล้วทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
ฮีชอลอ่านประโยคสุดท้ายพลางเงยหน้าจากหนังสือนิทานเล่มโต ร่างบางปิดหนังสือเก็บที่ตู้ข้างเตียงเล็กดังเดิม ก่อนจะเบนสายตามามองเด็กทั้งสองที่กำลังหลับปุ๋ย ได้ยินเสียงหายใจเบาๆใบหน้าของฮานึลและโฮซูที่กำลังหลับ มองเผินๆเหมือนเทวดาและนางฟ้าตัวน้อยๆ ฮีชอลเลยอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุ๊บหน้าผากของทั้งสอง
“ฝันดีนะเด็กๆ” กระซิบถ้อยคำราตรีสวัสดิ์ข้างๆหู มือก็ลากผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาห่มให้ว่าที่ลูกชายและลูกสาวจนถึงคอ แล้วผละออกมา
หมับ!
ทว่ามือเล็กของคนที่คิดว่าหลับไปแล้วกลับคว้าข้อมือเอาไว้ พลางส่งสายตาออดอ้อนมาให้ฮีชอล ร่างบางจึงตอนกลับมานั่งข้างเตียงอีกครั้ง
“ทำไมยังไม่นอนล่ะ หืม?” ลูบหัวเด็กน้อยเบาๆด้วยความเอ็นดู
“...โฮซูอยากกอดป๊ะป๋าแต่ป๊ะป๋าไม่ชอบให้โฮซูกอด”เด็กน้อยหรุบตาลงต่ำ มืองเล็กที่จับข้อมือฮีชอลไว้ก็เปลี่ยนมาเล่นนิ้วเรียวสวย เหมือนกำลังตัดสินใจ
“...”
“ขอกอดฮีชอลนอนได้ไหม?”พูดออกมาเบาๆ ไม่รู้ว่ากลัวฮีชอลหรือกลัวพี่สาวตื่น ฮีชอลเองก็อึ้งไปเมื่อได้ยิน ไม่คิดว่าเด็กน้อยโฮซูจะขอแบบนี้
“...” ฮีชอลเงียบ
“...” โฮซูก็เงียบ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ฮีชอลยิ้มและล้มตัวลงบนเตียง สองมือโอบรัดร่างเด็กน้อยไว้แน่น ส่วนโฮซูก็ซุกหน้าเข้ากับอกบาง ฮีชอลตบหลังเด็กน้อยเบาๆเหมือนจะกล่อม พลางกระซิบเบาๆ
“นอนได้แล้วนะ..” แรงขยับเบาๆที่อก บอกให้รู้ว่าโฮซูรับรู้ ไม่นานนักฮีชอลก็ได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดดังขึ้นอีกครั้ง ฮีชอลถอนหายใจเบาๆ แค่มองก็รู้แล้ว ว่าโฮซูต้องการความอบอุ่น ฮีชอลรู้สึกผิดที่ตลอดสามปีที่ผ่านมา ฮันคยองตามใจเขาตลอด อยากไปไหนก็ไป อยากซื้ออะไรก็ซื้อ อยากดูอะไรก็ได้ดู
อยากเจอเมื่อไหร่...ก็ว่างเสมอสำหรับฮีชอล
ฮีชอลเองก็ชอบอ้อนให้ฮันคยองค้างด้วยบางครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่อยากจาก อยากให้อยู่ด้วยกันนานๆ แต่เขาไม่ได้นึกเลย ทั้งโฮซูฮานึล และซอลลี่อาจจะมีเวลาอยู่กับพ่อมากขึ้น ถ้าเขาไม่เอาแต่เรียกร้องหาแต่ฮันคยอง
“...ขอโทษนะเด็กๆ”
~~~My mummy??~~~
“...ฝากจัดการตามนั้นด้วยนะเลขาโจว อ่า ขอบคุณ” ฮันคยองวางสายพลางสาวเท้าไปที่ห้องของลูกชายและลูกสาวคนเล็กที่ร่างหนาไม่ค่อยได้ไปเยือนบ่อยนักเพื่อไปรับฮีชอล ดึกมากแล้ว เค้าเพิ่งโทรไปขอโทษคุณแม่ของฮีชอลที่พาลูกชายเค้ามาไม่ได้บอกได้กล่าว แถมยังพากลับดึกอีก จะโดนตัดคะแนนความพิศวาสเอาได้
แต่ทันทีที่เดินเข้าไปในห้อง ภาพตรงหน้าทำเอาฮันคยองอมยิ้ม
ฮานึลลูกสาวของเขาเอาใบหน้าเล็กๆนั่นซุกกับมือของฮีชอลที่ดูเหมือนก่อนนอนจะกอดโฮซูไว้ แล้วนอนๆไปมือก็แบราบไปกับฟูก ส่วนโฮซูตัวแสบน่ะไม่ต้องพูดถึง รายนั้นกอดเอวฮีชอลแน่นแล้วยังซุกหน้าหาความอบอุ่นกับอกบาง
“จะมาเล่านิทานให้เด็กหลับ ไหงคนเล่าหลับไปด้วยล่ะ” ฮันคยองเดินเข้ามามองใกล้ๆแล้วพูดเบาๆ เห็นฮีชอลเข้ากับเด็กๆได้เขาก็ดีใจ แต่จะทนได้หรือเปล่านี่สิที่เขาไม่แน่ใจ ขนาดตัวเขาเองยังต้องหนีไปอยู่ที่อื่นเพราะทนไม่ได้เลย แต่เขาก็ไม่ได้ทอดทิ้งลูกนะ เขาน่ะส่งค่าเทอมและเงินค่าเบ็ดเตล็ดอื่นๆมาให้แทน ถ้าอยากได้อะไรเขาก็ซื้อให้โดยไม่อิดออด
นี่ยังไม่ใช่พ่อที่ดีอีกหรือไง??
ยังไงก็ตาม คำว่าทอดทิ้งลูกไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของฮันคยองหรอก แม้เด็กทั้งสามจะมีเลือดของคนที่เขาเกลียดที่สุดอยู่ครึ่งก็ตามเถอะ เขาพยายามหาคนที่ดีพร้อมสำหรับเขาและเด็กๆแต่ที่ผ่านๆมาก็มีฮีชอลคนเดียวที่แหละที่เขากล้าพามาเจอลูกๆของที่บ้านหลังนี้
ฮีชอลเป็นคนที่เขาเลือกเอง เป็นคนที่เขาอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกันตลอดไป จะเป็นเรื่องที่ดีมากถ้าร่างบางทนลูกๆของเขาได้
“เบียดกันจนจะตกเตียงอยู่แล้วเนี้ยะป๊ะป๋าของตัวฮีชอลไปนอนสบายๆก่อนนะเด็กๆ” ไม่รอให้เด็กตื่นขึ้นมาให้อนุญาตหรอก ฮันคยองจัดการขโมยอุ้มฮีชอลขึ้นมาอย่างช้าๆเพราะกลัวจะไปขัดห้วงนิทราที่แสนมีความสุขของร่างบางเข้า
สงสัยต้องโทรไปขออนุญาตคุณแม่ยายอีกรอบแล้วซิ ^^
~~~My mummy??~~~
“แง้!!!!”
-.,- เสียงเด็กที่ไหนมาแหกปากตรงนี้อ่า คนจะนอน
“แง้!!!!!!!”
โว๊ะ! จะเพิ่มโวลุ่มเพื่ออาร๊ายยยยยย!
ฮีชอลคิดในใจพลางยกผ้าขึ้นมาคลุมโปง อีกมือก็ยกหมอนขึ้นมาทับหัวทุยๆของตัวเองเอาไว้ สงสัยคุณนายแม่คงไปอุ้มเอาเด็กที่ไหนมาเลี้ยงเล่นอีกแน่ๆ ทำไมคุณนายแม่ไม่ทำให้เงียบบบ
>_0??
เดี๋ยวนะ..
พรึ่บ!
ฮีชอลสะบัดผ้าห่มทิ้งทันทีที่นึกได้ กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องนี้ไม่ใช่ห้องของเขานี่! ยังไงๆก็ไม่ใช่อ่ะ เขาไม่เคยมีโถใส่ดอกไม้ลายจีนโบราณแบบนี้อยู่ในห้องแน่ๆอ่ะ กวาดตาไปอย่างหวาดๆก่อนจะพบเจ้าของห้องใส่เสื้อกล้ามขาวโชว์แขนล่ำๆนอนกรนอยู่ข้างๆเขาเลย
“แง้!!!!!!!” เสียงร้องนั้นดังขึ้นเรื่อยๆแต่คนข้างๆฮีชอลยังจะหลับลึกได้อีก จนฮีชอลต้องเป็นฝ่ายลุกขึ้นจากเตียงนุ่มๆและเดินออกตามหาเสียงร้องนี้
เสียงนี้ดังมาจากห้องโฮซู...
มีใครมาทำอะไรลูกชายเขา!!
“แง้!! ฮือฮึก แงงงงงงงงงงงงงงงงTT[]TT”
“หยุดร้องนะโฮซู แกเป็นอะไรเนี่ยห๊า!”
มีคนไปถึงที่เกิดเหตุก่อนเขาแฮะ …
เสียงสิบแปดหลอดแบบนี้ซอลลี่แน่นอน -*-
“ฮะ..ฮี..ชอล อยู่หนายยยยยยยยย แงงงงงง” อย่างที่รู้กันดี โฮซูเชื่อฟังใครซะที่ไหนกัน
“ฉันจะไปรู้ไหมห๊า! เงียบเดี๋ยวนี้ อึ้บ!!!” อีกคนก็ใช่ย่อย ยอมใครที่ไหน ซอลลี่ย่อตัวลงจับไหล่โฮซู แล้วบอกให้อึ้บ!
“อึก...อือออ แงงงงงงง จะหาฮีชอลลล” ตอนแรกก็อึ้บได้ตามที่ซอลลี่บอก แต่มันก็ล่ม ==* ร้อนถึงเจ้าของชื่อผู้เป็นต้นเหตุ ต้องเดินมาอุ้มพลางปลอบ
“ฮีชอลอยู่นี่ๆ โอ๋~~~ อย่าร้องนะ”
ซอลลี่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่ชอบใจ โฮซูแหกปากร้องตั้งนานแล้ว คนๆนี้เพิ่งโผล่มาปลอบ คงจะทำเพื่อเอาหน้าสินะ ไอ้น้องชายทรยศก็อีกคนพอฮีชอลอะไรนั่นมาจากแหกปากร้องอยู่มะกี้ก็เปลี่ยนมาเป็นสะอื้นและค่อยๆสงบลง
เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยเชียวล่ะ!
“ฮานึลไปกินข้าวกินเหอะ!” ชวนน้องอีกคนลงไป เมื่อความหมั่นไส้เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฮานึลเด็กน้อยผู้ว่าง่ายเดินมาจับมือพี่สาวตนไว้
“ได้เวลากินข้าวแล้วหรอ?” ฮีชอลถาม ตอนนี้มันยังเช้ามากอยู่เลยนะ
“ไม่รู้!!!” ตวัดเสียงตอบ ก่อนจะจูงมือพาฮานึลเดินลงไปข้างล่างโดยไม่สนใจอีกคนที่มองตามตาปริบๆ
เค้าทำอะไรผิดหรอ??
“เอ่อ..งั้นเราไปปลุกป๊ะป๋ากันนะโฮซู”ฮีชอลเอ่ยชักชวนเด็กน้อย แต่กลับได้รับการส่ายหน้าปฏิเสธกลับมา
“ทำไมล่ะ?”
“ป๊ะป๋าไม่ชอบให้โฮซูปลุก...โฮซูกลัวโดนป๊ะป๋าดุ” เด็กน้อยก้มหน้างุดพูดเสียงอู้อี้ ท่าทางดูกลัวๆ ฮีชอลรู้ได้ในทันทีว่าฮันคยองห่างเหินกับลูกมากจริงๆ ไม่ได้การล่ะ เขาต้องเชื่อมสัมพันธ์พ่อลูกโดยด่วน ฮีชอลคิดพลางยกมือขึ้นลูบหัวกลมๆของเด็กน้อย ก่อนจะพูดว่า
“ไปกับฮีชอลไม่ต้องกลัวนะ ถ้าป๊ะป๋าดุโฮซูล่ะก็ ฮีชอลจะซัดป๊ะป๋ากลับให้หงายหลังเลย”
แค่จะปลุกให้มากินข้าว ก็ให้มันรู้ไปสิว่าฮันคยองจะก่อสงครามกับโฮซูอีก!
~~~My mummy??~~~
แหม่..บรรยากาศที่บ้านตอนเช้านี่มันดีจริงจริ๊ง
เสียงนกร้อง เสียงไก่ขัน หรือแม้แต่แสงอาทิตย์ ไม่ได้สร้างความรำคาญให้ฮันคยองที่กำลังนอนหลับสบายเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับชอบด้วยซ้ำ ฟังแล้วมันเพลินๆดี ที่คอนโดเขาไม่มีแบบนี้หรอก
ตุ๊บ!!
“อ๊ากกกกกก” ความเพลินยามเช้าถูกทำลายลงเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรมากระโดดทับเขาอย่างแรง ทับถูกจุดแผลเก่าซะด้วยนะ ดวงตาของฮันคยองเปิดกว้าง จะหันไปดูก็โดนสับไหล่อย่างแรงดังปึก คนจีนปวดกายยยย T^T
“โอ๊ยยยย!! เจ็บนะโว้ยยยยยยยย!!! อ๊ากกกกก!!! อย่านะ!! ยอม…ยอมแล้ววววววว”
ฮีชอลที่แอบดูความเคลื่อนไหวอยู่หน้าห้อง ทำตัวลีบจนแทบจะติดประตู บ่นพึมพำออกมาว่าไม่น่าเล๊ย ไม่น่าเล๊ย พลางตีมือของตัวเองที่ก่อนหน้านี้ใช้ดันหลังโฮซูเข้าไปให้ห้องยกใหญ่
ฮีชอลรู้แล้วล่ะ...ว่าทำไมฮันคยองถึงไม่ชอบให้โฮซูปลุก -*-
เฮียฮันอ่า…ฮีชอลขอโทษนะ (-/|\-)
“อะไรเนี่ย!! มาทุบป๊าทำไมโฮซู!!!!!!!” คนเจ็บลุกขึ้นมาตวาดลั่น สองมือหนาจับไหล่เด็กน้อย เขย่าซะแรงเหมือนกังเสี่ยงเซียมซี เสียงดังขนาดที่ว่าคนที่แอบอยู่หลังประตูยังสะดุ้ง
เข้าใจว่าโกรธแต่เสียงดังแบบนี้ มันจะ…
สาม..
สอง..
หนึ่ง…
“แง้!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เฮ้อออออ~
~~~My mummy??~~~
Talkative :3
ครบร้อยแล้วน๊าาา >< สงสารน้องฮานึลจุงเบย T3T
เด็กสามคนสามแบบ ฮีชอลลำบากแย่
ไว้คอยติดตามกันนะว่าฮีชอลจะจัดการกับเด็กได้ไหม
แล้วป๋าฮันจะเปลี่ยนทัศนคติบ้างไหม สำหรับวันนี้บ๊ายบายค่าา ^0^
ความคิดเห็น