คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 ศึกกลางเวหา (รีไรท์)
THE SOLE OF SECLAD ความลับของจิตวิญญาณ
ภาค เส้นทางแห่งราชัน
บทที่ 7 ศึกกลางเวหา
บันทึกเล่มที่ 7 : ครั้งที่ 4
ทุกการกระทำย่อมต้องได้รับการชดเชย
ไม่ว่าจะเป็นการทำดีหรือทำชั่วก็ตาม
……………………………………..…………………………………………………………..
ร้านค้ามากมายที่ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าไม่ต่างจากย่านการค้าในเมืองหลวงมากนัก ต่างเพียงว่าผู้คนที่เดินไปมานั้นมีบางตาเสียจนเกือบร้าง ร้านค้ามากกว่าครึ่งปิดตัวลงชั่วคราวเนื่องจากผู้โดยสารนั้นมีน้อยไม่คุ้มกับการลงทุนเปิดร้าน เด็กหนุ่มกระชับโฮเวอร์บอร์ดในมือแน่น ก่อนจะเดินหาของมาเติมเต็มกระเพาะอาหารที่กำลังครวญครางเสียงดังจนเขานึกอาย โจ๊กเห็ดหอมหมูสับของแม่ไม่ได้อยู่ท้องมากนักทำให้เขาหิวก่อนเวลาเล็กน้อย
เมื่อเห็นร้านอาหารทำให้เด็กหนุ่มยิ้มออก ร้านอาหารเล็กๆที่ตกแต่งด้วยโทนสีธรรมชาติดูแล้วสบายตา แฝงด้วยความอบอุ่นเป็นกันเองเหมือนกับทานอาหารในบ้าน แสงที่ส้มนวลตาส่องมาจากโคมไฟบนเพดานร้านเหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงน้อยที่ให้ความอบอุ่นแก่ทั้งร้าน
“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ” เมื่อเด็กหนุ่มผลักประตูเข้าไปในร้านพนักงานต้อนรับก็กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสดใสและเป็นมิตรตามที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี โซลเดินไปที่โต๊ะที่อยู่ชิดหน้าต่าง หากมองจากมุมนี้จะเห็นชั้นดาดฟ้าได้ทั้งหมด หญิงสาวเดินถือเมนูมาให้ลูกค้าคนแรกของวันนี้เลือก เธอยิ้มอย่างเป็นมิตรเมื่อมองเห็นหน้าโซลชัดๆ ใบหน้าหวานละมุนราวกับเด็กสาวแต่กลับมีดวงตาสีบลูเฮเซลที่หายากยิ่งกว่ายาก ดวงตาคมสวยสีฟ้าส่องประกายราวกับมีเวทย์มนต์อยู่ภายในสะกดสายตาของเธอจนละไปไหนไม่ได้ รูปร่างโปร่งบางแบบบุรุษที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ทำให้เขาดูน่ารักมากกว่าจะเรียกว่าหล่อเหลา แต่ก็ทำให้เด็กหนุ่มคนนี้มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจเลยเชียว
“คือ มีอะไรติดหน้าผมหรือเปล่า” เมื่อถูกจ้องหน้านานๆเข้าโซลก็รู้สึกประหม่าไม่น้อย เขายิ้มแห้งๆให้กับพนักงานสาว แต่ไม่ทันสังเกตเห็นริ้วแดงๆที่แก้มของเธอ
“เปล่าค่ะ คุณลูกค้าจะสั่งอะไรดีคะ” เธอยื่นเมนูให้กับโซล แอบดีใจที่ตกลงรับหน้าที่เฝ้าร้านในช่วงเปิดภาคเรียนที่คนน้อยมากจนค่าจ้างที่ได้พลางน้อยไปด้วย แต่มันก็คุ้มแสนคุ้มทีเดียวที่ได้มาเห็นเทวดาตัวน้อยๆแบบนี้
“ขอเป็นสเต็กปลากับสลัดชามขนาดกลาง ส่วนเครื่องดื่มก็เป็นน้ำเปล่าแล้วกันครับ” โซลยื่นเมนูคืนให้พนักงานสาวก่อนจะมองไปที่ชั้นดาดฟ้าอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นคนขึ้นมาบ้างประปราย
“ค่ะ กรุณารอซักครู่นะคะ”
เพียงไม่นานอาหารที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ อาหารหน้าตาน่าทานส่งกลิ่นหอมกรุ่นจนเด็กหนุ่มอดน้ำลายสอไม่ได้ ถึงแม้ราคาจะค่อนข้างสูงแต่คุณภาพที่ได้มาถือว่าเกินคุ้ม
“คือ บนดาดฟ้ามีงานอะไรกันครับ คนมาเยอะแยะเลย” โซลถามอย่างสงสัย ระหว่างที่รออาหารเขาก็สังเกตความเคลื่อนไหวของผู้คนไปพลางๆ ผู้คนเริ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับมาชุมนุมกันเพื่อฉลองอะไรบางอย่าง
“วันนี้นักเรียนสายต่อสู้ชั้นปี 4 เดินทางกลับเซมโพรเนอุสค่ะ ช่วงนี้ของทุกปีจะมีการแข่ง BS หรือก็คือการแข่งขับโฮเวอร์บอร์ด รายละเอียดจะแตกต่างไปจากเดิมทุกปี เรามีการจัดมานานแล้วนับตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนจนเรียกว่าเป็นประเพณีก็ได้ คุณสนใจหรือคะ” เธอตอบอย่าฉะฉาน
“ครับ พี่สาวพอจะรู้รายละเอียดการแข่งขันไหมครับ” เด็กหนุ่มถามเสียงใส แต่มันส่งดาเมจที่รุนแรงใส่เธออย่างจังจนหญิงสาวแทบสลบคาที่ ‘โอ๊ย!!! เจ๊จะเป็นลมคนอะไรจะน่ารักได้ขนาดนี้’ เธออยากตะโกนออกมาดังๆแต่ต้องสูดหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อไม่ให้เป็นลมเป็นแล้งไปจริงๆ
“รู้สิจ๊ะ การแข่งขันจะเริ่มตอนบ่ายโมงตรง ปีนี้เป็นการแข่งขันความเร็วกับเทคนิคการขับโฮเวอร์บอร์ดล้วนๆ รู้สึกจะเปิดให้ลองซ้อมกันตั้งแต่ตอนเช้าแล้วนะ เส้นทางการแข่งขันก็คือทั้งกอลโดลนี่ล่ะ ปีนี้มีคนเข้าร่วมการแข่งขันเยอะมากเพราะว่าของรางวัลใหญ่ คือ ทริปท่องเที่ยวสุดหรูที่หมู่บ้านตะวันฉายประเทศไทยเชียวนะ หมู่บ้านที่มีบรรยากาศแสนสงบท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเพียงปีละไม่กี่คน แต่ปีนี้มีทูตสวรรค์เข้าร่วมถึงสองคนถ้าจะชนะก็คงยากเลยล่ะ”
“ทูตสวรรค์คือใครครับ” พนักงานสาวถึงกับอ้าปากค้าง ไม่มีไซคลิกคนไหนไม่รู้จัก 12 ทูตสวรรค์ ไซคลิกทั้ง 12 คนที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของเซมโพรเนอุส
“12 ทูตสวรรค์ คือ ไซคลิกทั้ง 12 คนที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของเซมโพรเนอุส เป็นนักเรียนที่มีความสามารถสูงจนเป็นที่น่าจับตามอง นักเรียนที่รับตำแหน่งนี้ทุกคนมักจะได้รับตำแหน่งสูงมากในปัจจุบัน อย่างเช่นศาสตราจารย์ลีโอนาโด โฟสเตอร์ผู้อำนวยการคนปัจจุบันของเซมโพรเนอุส ท่านก็เคยรับตำแหน่งราชันแห่งความตาย มีข่าวลือกันมาว่าทุกที่ที่ท่านก้าวไปจะกลายเป็นดินแดนแห่งความตายเลยล่ะ พี่ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหนะ เท่าที่เห็นท่านก็ดูเหมือนคุณลุงใจดีคนหนึ่ง ถึงจะมีความคิดแปลกๆอยู่บ้างก็เถอะ” สองประโยคสุดท้ายหญิงสาวแอบกระซิบกับโซลเบาๆราวกับกลัวใครมาได้ยินเข้า โซลพยักหน้ารับ เขาเริ่มอยากรู้ตัวตนจริงๆของศาสตราจารย์ลีโอนาโดแล้ว คนๆนี้เหมือนกับมีหลายๆบุคลิกซ่อนอยู่ภายใต้ตัวตนเดียว หลอมรวมและกลมกลืนราวกับภาพลวงตาทั้งหลอกหลอนปนเปไปกับความน่าพรั่นพรึงจนชวนถอยห่าง
“ขอบคุณครับ” โซลเริ่มจัดการอาหารที่อยู่ตรงหน้า เขาสนใจการแข่งขัน BS แล้ว ไม่ใช่เพราะของรางวัลแต่เพราะเขาอยากลองทดสอบฝีมือการขับโฮเวอร์บอร์ดมากกว่า แต่ปัญหาที่ยังกังวลใจคือเขายังไม่ได้ทดลองขับโฮเวอร์บอร์ดอันใหม่ที่ได้มาเลยนี่สิ
………………………………………………………………………………………………..
ท่ามกลางผู้คนที่กำลังฝึกขับโฮเวอร์บอร์ดขนาดเล็ก โซลนั่งมองอยู่ข้างสนามฝึกซ้อมอย่างสนใจ เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน โฮเวอร์บอร์ดหลายสีหลายรูปแบบบินฉวัดเฉวียนไปมาด้วยความเร็วเกินมาตรฐานที่โฮเวอร์บอร์ดทั่วไปจะทำได้ ผู้ขับขี่มีทั้งชายหญิงปะปนกันไปจนดูเหมือนงานเลี้ยงเต้นรำ แต่ว่าพวกเขาบินอยู่บนฟ้าแค่นั้นเอง อีกกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น โซลเองก็อยากฝึกซ้อมแต่จำนวนคนเยอะจนเขาหาที่แทรกเข้าไปไม่ได้เลยนี่สิ
เมื่อเป็นแบบนี้เด็กหนุ่มจึงจำเป็นต้องหาที่ซ้อมใหม่ เขาเดินสำรวจจนทั่วเรือแต่ยังหาที่ว่างกว้างๆไม่ได้เลย เหมือนสวรรค์ทรงโปรดหลังห้องน้ำชายมีลานกว้างๆสำหรับใช้เก็บของ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่คนเดียวที่ค้นพบสถานที่แห่งนี้
ชายหนุ่มคนหนึ่งพยายามทรงอยู่บนโฮเวอร์บอร์ดที่ลอยนิ่งบนอากาศด้วยท่าทางไม่มั่นคง ก่อนจะบังคับให้มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแต่ดูเหมือนจะมีการผิดพลาด โฮเวอร์บอร์ดกลับทะยานขึ้นสูง เหวี่ยงไปซ้ายทีขวาทีอย่างน่าหวาดเสียว มันม้วนตีลังกาสามตลบก่อนจะเสียการควบคุมจนร่างของผู้ขับร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว โซลรีบเดินเครื่องโฮเวอร์บอร์ดก่อนจะขับไปรับร่างที่กำลังร่วงลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว โซลรับทันก่อนที่ร่างนั้นจะร่วงลงพื้นดับอนาถ เด็กหนุ่มร่อนลองพื้นอย่างนุ่มนวลก่อนจะสำรวจอาการผู้ที่ตนช่วยเอาไว้
“คุณๆ เป็นอะไรไหม” ใบหน้าของคนๆนั้นซีดขาวจนเหมือนกระดาษ การหายใจของเขาขาดเป็นห้วงๆโซลจึงคลายกระดุมเสื้อสองเม็ดบนออกเพื่อให้เขาหายใจได้สะดวก ก่อนจะวิ่งไปที่ห้องน้ำชายเพื่อนำผ้าไปชุบน้ำมาเช็ดหน้าตาของผู้ป่วยให้สดชื่นขึ้น อาการแบบนี้คงเป็นอาการเมาเรือไม่ผิดแน่นอน กล่องปฐมพยาบาลที่แม่ให้มานั้นได้ใช้ประโยชน์เร็วเกินคาด โซลหยิบยาแก้เมาพาหนะออกมา มันมีลักษณะเป็นแผ่นสีส้มติดด้วยพลาสเตอร์สีขาวที่ทำหน้าที่ปกป้องเข็มฉีดยาขนาดจิ๋วที่อยู่ภายใน เด็กหนุ่มลอกพลาสเตอร์ออกก่อนจะติดแผ่นยาสีส้มตรงบริเวณลำคอที่มีเส้นเลือดใหญ่อยู่ใต้ผิวหนัง วิธีนี้ทำให้ร่างกายดูดซึมยาได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานชายคนนั้นก็ฟื้นเขาดูมีท่าทีมึนหัวอยู่ไม่น้อย
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว” เขาลุกพรวดขึ้นจนโซลตกใจ แถมคำถามที่ออกมายังไม่เกี่ยวกับอาการของตัวเองแม้แต่นิดเดียว
“เอ่อ 12.50 นาฬิกาครับ คุณช่วยนั่งลงก่อนได้ไหม พึ่งดีขึ้นเองเดี๋ยวก็เป็นลมไปอีกหรอก” พูดยังไม่ทันขาดคำเขาก็ทรุดฮวบลงกับพื้นหมดสภาพไปอีกรอบ “ผมเตือนแล้วนะ ผมอานันท์ แสงปัญญา คุณชื่ออะไรครับ” โซลแนะนำตัวเพื่อแสดงความจริงใจ
“ธัน ธันวา ทิพย์วารี” ธันเลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างแปลกใจ เด็กผมทองตาฟ้ากลับมีชื่อไทย แถมพูดภาษาไทยได้ชัดถ้อยชัดคำอีกต่างหาก
“ผมเป็นลูกครึ่งครับ ไม่ต้องแปลกใจหรอก คุณธันวาขับโฮเวอร์บอร์ดไม่เก่งเลย แถมยังเมาพาหนะมากด้วย ทำไมต้องฝืน” โซลพูดตรงๆ
“รู้ แต่อยากได้รางวัล” ธันตอบสั้นๆอย่างเหนื่อยอ่อน อาการเมาพาหนะที่บินได้ทุกชนิดเล่นงานเขาจนไม่เป็นท่า อย่าว่าแต่จะขี่โฮเวอร์บอร์ดเลยแค่ขึ้นกอนโดลเฉยๆก็แย่แล้ว แต่ว่ารางวัลนั้นเขาอยากได้จริงๆต่อให้ฝืนแค่ไหนก็ต้องทำ ธันเลยทำท่าจะลุกขึ้นอีกรอบแต่ถูกมือเล็กๆที่แรงไม่เล็กเลยกดไหล่ไว้จึงต้องยอมนอนลงไปตามเดิม
“เพราะอะไรถึงอยากได้ครับ” โซลถามคนหัวดื้อที่ไม่ยอมดูสภาพตัวเอง
“น้องสาวฉันอยากไปเที่ยวที่นั่น” เหตุผลง่ายๆแต่ทรงพลังพอที่จะทำให้ชายคนหนึ่งฝืนตัวเองขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นมาบนใบหน้าของโซล ที่จริงโซลไม่สนของรางวัลหรอกแค่อยากเข้าร่วมสนุกๆเท่านั้นเอง แต่ถ้ามีเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวด้วยมันก็มีค่าพอให้อยากเอาชนะ
“ผมมีข้อเสนอ 1 ข้อสนใจไหม” รอยยิ้มของภูติปรากฏบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม รอยยิ้มที่เพียงโซลที่ครอบครองทั้งบริสุทธิ์งดงามจนชวนหลงใหลแต่ก็เคลือบแฝงด้วยเล่ห์มายานับร้อยพันจนเหยื่อหลง แล้วเผลอเข้ามาสู่วังวนของกับดักจนไม่อาจถอนตัวได้ เหมือกับการยื่นข้อเสนอของปีศาจร้ายในคราบของเทวา
“ว่ามา” ธันเผลอถอยห่างจากโซลโดยไม่รู้ตัว เขากลัวอะไรบางอย่างในดวงตาสีฟ้านี้ ถึงแม้ว่าจะใสกระจ่างราวกับท้องฟ้าแต่ก็ลึกล้ำราวกับผืนน้ำที่ไม่อาจหยั่งถึง ตัวตนของคนตรงหน้าราวกับไม่ใช่มนุษย์
“ผมจะลงแข่งแทนและรางวัลจะตกเป็นของคุณแลกกับที่คุณธันวาต้องพักผ่อน ตกลงไหมครับ” จิตอาสามันกำเริบต้องช่วยผู้ที่เดือดร้อนเสมอ ข้อเสนอของโซลทำเอาธันอยากโวยวายขึ้นมาดังๆ ไอ้มาดเหมือนปีศาจร้ายที่ลวงคนทำสัญญาเมื่อครู่มันคืออะไร ทั้งๆที่ข้อเสนอเขาได้ประโยชน์ทุกทาง
“...” ‘ขอตั้งสติก่อนได้ไหม เปลี่ยนตามไม่ทัน’
“ตกลงไหมครับ” โซลเริ่มใจเสียเมื่อคิดว่าธันจะไม่ตกลง เด็กหนุ่มทบทวนสัญญาอีกรอบก็เห็นว่าธันยังได้ประโยชน์มากอยู่ดี แต่ธันยังคงนิ่งเหมือนกันครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนาทีเป็นนานเข้าจนโซลเริ่มร้อนใจเมื่อใกล้ถึงเวลาแข่งเข้ามาทุกขณะ
“ตกลง” ทันทีที่คำตอบออกมาจากปากธันโซลก็ลากธันไปที่สนามซ้อมโฮเวอร์บอร์ดทันที “ทำไมต้องช่วย”
“ผมก็แค่อยากช่วย ไม่มีอะไรน้อยกว่านั้น แล้วก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น มันก็แค่นี้ล่ะ” เป็นเหตุผลที่แปลกสำหรับธัน ไม่มีใครยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อคนอื่นหรอก ทุกคนรักชีวิตของตัวเองทั้งนั้น
“ไม่รักชีวิตตัวเองหรือไง”
“รักสิ รักมากด้วย แค่รักษาชีวิตให้รอดก็พอไม่เห็นเป็นไรเลย” โซลตอบเสียงใส “นี่กล่องปฐมพยาบาลครับ ข้างในมียาแก้มาพาหนะเหลืออีก 3 ชุด คงใช้ได้จนถึงพรุ่งนี้” โซลยัดกล่องปฐมพยาบาลใส่มือธัน
“...” ธันเลือกที่จะเงียบ แค่รักษาชีวิตให้รอด มันไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดเลยนะ คนแบบนี้มักจะตายเร็วแต่ก่อนตายพวกเขาจะเปล่งประกายเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ ‘จะไปได้ไกลเท่าไหร่กันนะ เจ้าเด็กประหลาด’
……………………………………………………………………………………………….
“จะปิดรับสมัครแล้วนะครับ” กรรมการผู้ทำหน้าที่รับสมัครตะโกนผ่านเครื่องคอร์เซอร์ที่ปรับเป็นโหมดขยายเสียง
“เดี๋ยวๆ เหลือหนึ่งคนอย่าพึ่ง ปิด” ลานกว้างนั้นห่างจากลานฝึกขับโฮเวอร์บอร์ดกว่าครึ่งลำเรือ กว่าจะมาถึงก็เล่นเอาหอบขึ้นเลยทีเดียว สาเหตุหนึ่งก็เพราะเขาต้องลากธันที่กำลังเมาเรือมาด้วยเลยต้องเหนื่อยกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“เอาเครื่องคอร์เซอร์มาลงทะเบียนเร็วเข้า เขาจะเริ่มแข่งแล้วเจ้าหนู” เจ้าหน้าที่รีบทำการลงทะเบียนให้กับโซลจนไม่ได้ดูเลยว่าคนที่เด็กหนุ่มพามาด้วยเป็นใคร โซลถูกส่งตัวไปยังห้องเตรียมตัวสำหรับผู้เข้าแข่งขันทันที ส่วนธันก็ขึ้นไปนั่งที่นั่งสำหรับผู้ชมตรงส่วนที่มีผู้คนอยู่บางตา แล้วก็ไม่มีใครสนใจเขาแม้แต่คนเดียว เพราะทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่พิธีกรผู้สวมชุดสีสันแสบตาท้าทายแสงแดดจ้า
“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่การแข่งขัน BS ปี 35 ผมเรแวนรับหน้าที่พิธีกรอีกเช่นเคย ปีนี้เป็นปีที่พิเศษสุดๆ เพราะเรามีรางวัลใหญ่เป็นถึงทริปทัวร์หมู่บ้านตะวันฉายเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน” เรแวนหยุดพักเพื่อรับฟังเสียงโห่ร้องของผู้ชม เขายกมือขึ้นเพื่อให้ผู้ชมสงบก่อนจะพูดต่อ “และปีนี้มีผู้เข้าแข่งขันที่แสนพิเศษมาเข้าร่วมกับเราถึง 50 คนถ้วน โอ้ไม่ใช่สิครับมีผู้เข้าสมัครใหม่ 1 คนรวมเป็น 51 ครับผม แต่ผู้ที่น่าจับตามองและถือว่าเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งของการแข่งขันครั้งนี้คือ ท่านเฮลมิน เรสแจ๊คเกอร์ หรือราชันเวหาหนึ่งในทูตสวรรค์ของเรานั่นเอง” สิ้นสุดประโยค เสียงโห่ร้องยินดีของผู้ชมก็ดังกระหึ่ม
“เอาล่ะครับผมจะอธิบายเส้นทางการแข่งขันนี้ก่อนโดยจุดเริ่มต้นและเส้นชัยคือสนามฝึกแห่งนี้ ต่อไปคือลานตรงดาดฟ้าที่จะวัดความเร็วกันแบบตรงๆ แล้วก็อุปสรรคใหญ่ของเราคือห้องเก็บของใต้กอลโดลที่มีสิ่งกีดขวางอยู่มากมาย และที่สำคัญเราปรับระดับระบบรักษาความปลอดภัยให้อยู่ในระดับสูงที่สุด ถ้าหากผู้เข้าแข่งขันคนใดไม่ระวังเจ็บตัวแน่นอนครับ เท่านี้อาจจะยังน้อยไปเราจึงเตรียมด่านคัดกรองสุดโหด ใบจักร 10 ชั้นรวดเพื่อวัดเทคนิคการควบคุมโฮเวอร์บอร์ดกัน ก่อนจะถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่เหลือรอดใช้ความเร็วได้อย่างเต็มที่ในการแข่งขันเพื่อหาผู้ชนะที่แท้จริง” ผู้ชมโห่ร้องตอบรับอย่างยินดี
“ต่อไปเราจะมาฟังกติกาของการแข่งขันครั้งนี้กัน เพื่อตอบรับกับธีมโลกแห่งความมืด เราจะไม่จำกัดการใช้ไซต์เหมือนเช่นทุกปี สามารถกำจัดผู้เข้าแข่งขันคนอื่นได้ ข้อห้ามมีเพียงสองข้อ คือ หนึ่งห้ามเอาถึงตาย และห้ามทำให้ผู้แข่งขันตกกอลโดล เชิญทุกท่านรับชมการต่อสู้ต่อจากนี้ด้วยความสุข ผมเรแวนจะรับหน้าที่ผู้บรรยายร่วมกับดวงเนตรเทวาท่านชินยะ คาซึโอกะหนึ่งในทูตสวรรค์แห่งเซมโพรเนอุสผ่าน เพอร์เฟคเตอร์ครับ”
เสียงโห่ร้องของผู้ชมรอบข้างไม่ได้เข้าหูของธันเลยแม้แต่น้อย เส้นทางที่เรแวนพูดมานั้นมันโหดร้ายเกินไป ดีไม่ดีเด็กคนนั้นอาจจะเจ็บตัวฟรีด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาช่วยอะไรโซลไม่ได้เลย ความร้อนใจอยู่ได้ไม่นานเมื่อสัญญาณเริ่มการแข่งดังขึ้น
“ผู้เข้าแข่งขันทุกคนเตรียมตัวนะครับ 3 2 1 ไป” สิ้นสุดเสียงของเรแวนนักแข่งทุกคนก็ทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ละคนต่างสาดพลังของตนเองใส่คู่แข่งไม่ยั้งจนหลายคนร่วงลงพื้นหมดสิทธิแข่งไปโดยปริยาย โซลมองเหตุการณ์ข้างหน้าตาปริบๆ จากที่คิดว่าเป็นการแข่งขับโฮเวอร์บอร์ดธรรมดาๆกลับกลายเป็นสรภูมินองเลือดแทน ความโลภของมนุษย์นี้ช่างน่ากลัวดีแท้ เขายังไม่เริ่มออกจาเส้นชัยด้วยซ้ำไป จนเรแวนต้องตรวจสอบข้อมูลของผู้เข้าแข่งขันคนนี้
“ผู้เข้าแข่งขันหมาเลข 151 ออกตัวได้แล้วครับ เดี๋ยวคุณจะถูกตัดสิทธิ หรือถ้ากลัวถอนตัวไปเดี๋ยวนี้เลย การแข่ง BS ไม่ต้องการคนขี้ขลาด” ผู้ชมที่เดือดดาลขว้างปาขยะลงมาที่ลานฝึกอย่างเย้ยหยัน เพราะคิดว่าผู้เข้าแข่งขันคนนี้กลัวจนก้าวขาไม่ออก
โซลหลับตาสูดหายใจเข้าออกลึกๆตั้งสมาธิให้อยู่กับทุกการเคลื่อนไหวต่อจากนี้ ไม่สนใจเศษขยะที่ถูกขว้างลงมาราวกับเม็ดฝน หน้าที่ของเขาในครั้งคือการชนะแล้วเอารางวัลมาเท่านั้น
ดวงตาสีฟ้าลืมตาขึ้นอีกครั้ง ประกายในดวงตาทอประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าครั้งไหนๆ จิตสมาธิเข้าสู่ขั้นสูงสุดที่โซลทำได้ในเวลานี้ โซลขยับแว่นกับลมให้เข้าที่ก่อนจะพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่โซลเรียกว่าปกติ
แต่สำหรับผู้ชมนั้นเห็นเป็นเพียงเส้นสีเงินประกายทองที่ปรากฏเพียงชั่วครู่ก่อนจะเลือนหายไปท่ามกลางแสงแดดจ้ายามบ่าย เหมือนกับร่องรอยของภูติพรายที่ไม่มีตัวตนจริง “ภูติสีเงินเริ่มเคลื่อนไหวแล้วครับ ไม่น่าเชื่อจริงๆความเร็วของเขา แม้แต่ผมเองก็มองไม่ทัน ตอนนี้เราจะมาดูเหตุการณ์ใต้ท้องเรือกัน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างมาชมกันเลยครับ”
ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่เข้ามาถึงใต้ท้องเรือแล้ว ตรงจุนี้จะเป็นจุดที่เสี่ยงที่สุดไม่ว่าจะเป็นทั้งสิ่งกีดขวางมากมาย ระบบรักษาความปลอดภัยที่สุดแสนร้ายกาจ แถมยังสามารถลอบโจมตีได้อย่างดีด้วย โซลลดเพดานบินลงต่ำจนเลียบกับพื้นข้างล่าง ก่อนจะกระโดดลงจากโฮเวอร์บอร์ดเพื่อหลีกเลี่ยงกับดักที่มักถูกสร้างเพื่อกำจัดสิ่งที่บินบนอากาศและการโจมตีที่มั่วซั่วไปหมด แถมยังเป็นการหลบสายตาจากเหล่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆด้วย แต่ท้องเรือไม่ได้เป็นพื้นราบที่เดินได้สบายๆ มันมีสิ่งกีดขวางมากมายแต่ก็ยังไม่มากเท่ากับข้างบน
เด็กหนุ่มใช้เสื้อกันหนาวมัดโฮเวอร์บอร์ดติดกับร่างของตัวเอง จากนั้นก็ใช้พลังทำให้ตัวเบาขึ้นเพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนไหว จากที่ตอนแรกคิดว่าต้องวิ่งบนพื้นก็กลายเป็นว่าโซลกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางไปได้สบายๆ แม้ความเร็วจะไม่เท่ากับการขับโฮเวอร์บอร์ด แต่ก็ลดความเสี่ยงไปได้มากโข ซ้ำยังอาจจะเร็วกว่าผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ที่มัวแต่ตีกันเองหรือระวังตัวแจจากระบบรักษาความปลอดภัย หรือไม่ก็มัวแต่กลัวการถูกลอบโจมตี
“ท่านผู้ชมครับตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดเลยล่ะครับ ตอนนี้ดูเหมือนการเข้าเส้นชัยจะกลายเป็นเรื่องรองไปแล้วครับ ทุกคนกำลังสู้กันอย่างเมามันเลยล่ะครับ แต่นั่นครับท่านผู้ชมดูนั่น ภูตสีเงินใช้ทางราบในการเดินทาง เขาไม่ใช้แม้กระทั่งโฮเวอร์บอร์ดเลยครับ ถึงแม้จะดูขี้ขลาดแต่ก็เป็นวิธีที่ฉลาดมากสำหรับการหลบลูกหลงและระบบรักษาความปลอดภัยครับ”
“โห่ๆ มันทำผิดกติกานี่ แข่งโฮเวอร์บอร์ดแต่กลับไม่ใช้ ตัดสิทธิมันไปเลย” ผู้ชมโห่ร้องอย่าไม่พอใจ พวกเขาอยากดูราชันเวหาทูตสวรรค์ที่ขับโฮเวอร์บอร์ดเก่งที่สุด ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้
“ไม่มีกฎว่าการที่ไม่ใช้โฮเวอร์บอร์ดผิด ดังนั้นเราตัดสิทธิเขาไม่ได้ครับ เอาล่ะครับเรามาดูราชันเวหากันดีกว่า โอ้!!!ท่านเฮลมินกำลังถล่มกับดักแล้วไปต่อเรื่อยๆเลยครับ ไม่มีใครสามารถขัดขวางเขาได้เลย” ภาพบนจอแสดงภาพชายหนุ่มผมสีแดงสดกำลังต่อสู้กับไซคลิกจำนวนมากที่ขวางทางไว้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองตามการโจมตีที่เข้ามา เขาใช้บาเรียกันการโจมตีพลังบางส่วนถูกเสริมเข้ามาในบาเรียเละบางส่วนถูกสะท้อนกลับไป ก่อนจะสวนกลับด้วยบาเรียที่ถูกบีบจนเรียวแหลมไม่ต่างจากหอก ทุกอย่างที่ปะทะกับหอกนี้จะถูกดีดกระเด็นไปไกลคล้ายกับตอนที่ปะทะกับบาเรีย ด้านหลังเลเซอร์ตรวจจับตรวจพบผู้บุกรุก กับดักจึงเริ่มทำงาน ปืนพลังจิตนับ 10 กระบอกโผล่มาจากผนังก่อนจะรัวกระสุนออกมาไม่ยั้ง กระสุนจิตไม่ได้ทำให้ร่างกายบาดเจ็บแต่หากถูกยิงเข้าจะรู้สึกเหมือนถูกยิงจริงๆ และยังสามารถปรับระดับความเจ็บปวดได้ซึ่งมีตั้งแต่ 10% จนถึงระดับสมจริงที่สุด
เฮลมินกางบาเรียทรงกลมครอบร่างตนเองไว้ ทำให้กระสุนพลังจิตถูกสะท้อนออกไป ผู้เข้าแข่งขึ้นที่ล้อมเฮลมินอยู่จึงได้รับไปเต็มๆจนร่วงลงไปนับ 20 คน
ใช่ว่ากับดักที่ใช้กำจัดผู้บุกรุกภาคพื้นดินจะไม่มี ขณะที่โซลกำลังกระโดดข้ามตู้เก็บของขนาดใหญ่ ลูกตุ้มยักษ์ที่ซ่อนอยู่บนพื้นก็ดีดตัวออกมา มันชนร่างของโซลเต็มๆแต่ด้วยน้ำหนักตัวที่ถูกปรับจนเบาหวิว โซลจึงถูกซัดปลิวไปบนอากาศ เขาปะทะกับบาเรียของเฮลมินกระเด็นไปอีกด้าน ก่อนจะชนโครมใหญ่กับโครงเหล็กที่เอาไว้ใช้พยุงโครงสร้างของเรือ
“อะไร ช่างมันเถอะ” เฮลมินรู้สึกเหมือนกับมีอะไรบางอย่างชนเข้ากับบาเรียแต่ก็ไม่ได้สนใจนัก เขารีบไปจากบริเวณนั้นก่อนที่ปืนจะชาจต์พลังงานเสร็จแล้วทำการโจมตีอีกครั้ง
จะด้วยความโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่ทราบเสื้อกับหนาวของโซลดันไปเกี่ยวกับเหล็กที่ทำไว้สำหรับห้อยของ จึงรอดจากการดิ่งพสุธาจากความสูง 6 เมตรไปได้อย่างเฉียดฉิว ขณะเดียวกับปืนพลังจิตนับสิบกระบอกเมื่อไม่มีเหยื่อเหลือให้กำจัด มันจึงเล็งมาที่โซลทั้งหมด พลังที่ถูกปรับจนเต็มทำให้ตอนถูกยิงนั้นไม่ต่างจากระสุนจริงเลยแม้แต่น้อย
“โอ้!!! เจริญจริง” แสงสีฟ้าสัญญาณการบรรจุกระสุนเรืองรองขึ้นทำเอาโซลเสียวสันหลังวาบ ถ้าหากขยับตัวหลบก็ตกลงโหม่งพื้นดับอนาถ แต่ถ้าไม่หลบก็รอรับความเจ็บปวดของการถูกยิงร่างกายจนพรุนได้เลย “เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งยิง!!!” ร่างเล็กพยายามดิ้นให้หลุดจากเหล็กที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ตอนนี้มันกำลังจะฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น
แควก!!! แรงที่ดิ้นไปมาบวกกับน้ำหนักตัวทำให้เสื้อกันหนาวไม่อาจรับน้ำหนักต่อไปได้ มันเลยขาดออก ร่างของโซลร่างลงพื้นพ้นรัศมีการโจมตีของปืนพลังจิตไป โซลจึงหลบหนีจากชะตากรรมการถูกยิงพรุนได้เฉียดฉิว แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่ทั้งหมดมีปืนกระบอกหนึ่งที่รัศมีการโจมตีกว้างกว่าปกติ มันยิงโซลทันที ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดโซลพลิกตัวเอาแขนขวาเข้ารับเพื่อปกป้องจุดสำคัญของร่างกาย
“อ๊าก!!!” ความเจ็บปวดเท่ากับการถูกระสุนจริงยิงทำเอาแขนขวาทั้งแขนชาจนขยับไม่ไม่ได้ สมาธิที่คิดจะใช้พลังควบคุมแรงโน้มถ่วงช่วยลดแรงกระแทกตอนตกปลิวหายไปทันที เมื่อความเจ็บปวดเข้าโจมตี โฮเวอร์บอร์ดของโซลกระเด็นไปไกลจนคว้าไว้ไม่ทัน ร่างของโซลดิ่งลงพื้นไม่ต่างจากก้อนหินเมื่อไม่อาจใช้แรงโน้มถ่วงได้
ภาพที่เห็นเริ่มเลือนรางก่อนที่มันจะช้า ช้าจนเหมือนกับภาพทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่ง พื้นเบื้องล่างราวกับห่างไกลกิโลเมตรกว่าจะลงไปถึง กระสุนจากปืนพลังจิตที่กระหน่ำยิงผู้บุกรุกกลุ่มใหม่ดูช้าจนน่ารำคาญ ความเจ็บปวดที่ได้รับดูห่างไกลออกไปทุกที โซลกำมือซ้ายแน่นแต่สัมผัสที่ได้รับมันกลับไม่ใช่สัมผัสของเนื้อหนังมนุษย์ มันเป็นเหมือนผ้าผสมกันผิวเย็นๆของโลหะ
ถุงมือ!!! โซลทาบมือซ้ายไปกับผนังก่อนจะสั่งปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาสร้างแรงโน้มถ่วงเทียมขึ้น มือซ้ายของโซลจึงยึดติดกับผนังร่างของโซลจึงหยุดอยู่กับที่ ซึ่งมันอยู่ห่างจากพื้นดินเพียงครึ่งเมตรเท่านั้น สภาวะการมองเห็นของเขากลับมาเป็นปกติ
“โอ๊ย!!! เกือบตายแล้วไหมล่ะ” โซลปล่อยมือออกร่วงของเขาร่วงลงกับพื้นทันที เด็กหนุ่มกุมแขนข้างขวาไว้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด แม้จะไม่มีแผลให้เสี่ยงเสียเลือดตายแต่ความเจ็บปวดนี่ไม่ต่างจากของจริงเลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นเกมที่โหดจริงๆ โซลไม่รู้ว่าความเจ็บปวดนี้จะหายภายในสามนาที เด็กหนุ่มเดินไปเก็บโฮเวอร์บอร์ดที่ตกอยู่บนพื้นห่างออกไป แต่ต้องคอยหลบสิ่งที่ร่วงลงมาจากข้างบนทำให้ช้าไม่น้อย เขาคงเลี่ยงการปะทะไม่ได้แล้วจริงๆ
โซลหยิบฝาหม้อขนาดใหญ่ 2 ฝา มาจากกล่องเครื่องครัวที่โฮเวอร์บอร์ดกระแทกกล่องจนแตก เขาใช้ถุงมือยึดกับฝาหม้อเพื่อที่จะใช้มันเป็นโล่กันกระสุนจิตที่โหดร้ายเกินคาด ความเจ็บปวดหายไปแล้วเด็กหนุ่มขับโฮเวอร์บอร์ดขึ้นด้านบนซึ่งเป็นเส้นทางการแข่งขันตามปกติ การขับโฮเวอร์บอร์ดตามเส้นทางนี้จะเร็วกว่าด้านล่าง
ปืนพลังจิตก็ยังโหดร้ายได้เสมอต้นเสมอปลาย ทันทีที่โซลเข้าไปในระยะยิงมันก็กระหน่ำกระสุนใส่ร่างของโซลทันที แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกันครั้งก่อนโซลยกฝาหม้อขึ้นกันก่อนจะตั้งเป็นโล่พร้อมกับลดน้ำหนักตัวเองลง ยืมแรงปะทะของกระสุนให้เสริมกับแรงขับโฮเวอร์บอร์ดทำให้โซลพุ่งไปด้วยความเร็วสูง
โซลตั้งฝาหม้อเป็นมุมแหลมเพื่อลดแรงปะทะและกันกระสุนจิตที่มีมาเป็นระยะๆ ร่างของโซลจึงมุ่งไปข้างหน้าราวกับหุ้มเกราะ ทางข้างหน้าแคบลงเพราะมีตู้ขนาดใหญ่สองตู้ขวางทางอยู่ มันบังคับให้โซลต้องเข้าไปในตรอกแคบๆตรงกลาง
แต่จู่ก็มีอะไรบางอย่างหล่นลงมาจากข้างบน โซลชะลอความเร็วแล้วเพิ่มน้ำหนักเพื่อรับการปะทะก่อนจะใช้ฝาหม้อปาดสิ่งนั้นอย่างแรงจนกระเด็นไปติดผนัง สิ่งที่โซลฟาดไปเต็มแรงคือผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งที่คิดจะโจมตีโซลนั่นเอง ร่างนั้นสลบคาที่ก่อนจะหล่นลงพื้นด้วยสภาพน่าอนาถเกินบรรยาย
“ผมขอโทษ” โซลรีบชิ่งหนีทันที แต่คราวนี้บินสูงกว่าเดิมเพราะอาจมีการลอบโจมตีจากผู้เล่นที่ไม่คิดจะเข้าเส้นชัยแต่อยากจะขัดขวางคนอื่นอีก แล้วก็เป็นดังที่คาดมีอีกสองคน โซลบินหลบในเงามืดเลี่ยงการถูกจับได้ เมื่อขึ้นไปอยู่เหนือกลุ่มนั้นโซลก็ปล่อยฝาหม้อทันทีก่อนจะเพิ่มแรงโน้มถ่วงฉับพลัน ฝาหม้อเลยกระแทกหัวชายที่ตัวสูงที่สุดร่วงลงพื้นสลบเหมือดคาที่
“เฮ้ย!!! ฝาหม้อมาจากไหน” ไม่ต้องรอให้สงสัยนาน คนที่ท้วงก็ร่วงลงพื้นตามกันไปติดๆ โซลเก็บฝาหม้อกลับมาก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นเพื่อบินตามกลุ่มผู้นำให้ทัน
…………………………………………………………………………………………………….
“เรนงานของเราต้องทำอะไรบ้าง” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาขณะที่กำลังเข้าสู่เขตอับแสงใต้ท้องเรือ ทำให้โซลต้องหยุดฟังอย่างสนใจ
“งานง่ายๆแค่ตัดไฟที่ไปเลี้ยงใบจักรให้ใบจักรหยุดทำงาน ให้เฮลมินผ่านไปได้ผ่านไปได้สบายๆ ถ้าผ่านใบจักรนั่นไปได้ทางตรงไม่มีใครสู้เฮลมินได้หรอก”
“แต่ๆ เรน ถ้าทำแบบนั้นกอนโดลอาจรวนเลยนะ” ชายคนเดิมแย้งขึ้นมา โซลฟังจากเสียงโฮเวอร์บอร์ดน่าจะมีประมาณ 10 คน
“ช่างมันสิ แต่ตัดไฟนิดหน่อยเองไม่รวนหรอกน่า ลองคิดดูสิตั๋วนั่นมันราคาสูงลิบลิ่ว ถ้าเราเอาไปขายเงินที่ได้มาก้อนโตแน่ๆ พวกเราจะได้มีเงินดำเนินการในภาคีเพิ่ม การแข่งครั้งนี้เราชนะแน่ ชื่อราชันเวหาของเฮลมินไม่ได้ตั้งขึ้นมาเล่นๆหรอกนะ หมอนั่นน่ะอัจฉริยะด้านการขับโฮเวอร์บอร์ดตัวจริง” ‘เฮลมินน่าจะเจอกันซักตั้ง แต่ก่อนอื่นก็คงต้องขวางพวกนี้ก่อน’
ฝาหม้อพิฆาตอันเดิมถูกใช้งานอีกครั้งแรงขว้างเสริมด้วยแรงที่โน้มถ่วงทำให้ชายคนหนึ่งที่มัวแต่เหม่อสลบคาที่ร่วงลงพื้นอย่างง่ายดาย อีกฝาหนึ่งก็ทำเช่นเดียวกันจนกำจัดเหยื่อได้สองราย ก่อนจะเร่งโฮเวอร์บอร์ดให้ถึงขีดสุดเพื่อไปเก็บอาวุธกลับมา
คราวนี้กลุ่มผู้แข่งนั้นเริ่มหวาดระแวงการโจมตีที่ไม่รู้ที่มา ต่างคนก็เตรียมรอรับการโจมตีเต็มที่ โซลเองก็เหนื่อยไม่น้อยการโจมตีเมื่อครู่ไม่กินพลังงานมากก็จริงแต่มันเปลืองสมาธิอย่างเหลือเชื่อ การควบคุมแรงโน้มถ่วงสองที่พร้อมกันมันยากกว่าที่คิดมาก ทั้งการคุมแรงโน้มถ่วงที่กระทำกับร่างจนเบาคล้ายไร้น้ำหนักทำให้โฮเวอร์บอร์ดเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วที่ตามนุษย์มองตามไม่ทัน และการควบคุมแรงโน้มถ่วงที่ทำกับฝาหม้อโดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัวว่าแรงโน้มถ่วงผิดปกติ
โซลกลับเข้ามาในมุมมืดอีกครั้งก่อนจะทำการโจมตีระรอกใหม่ โซลขว้างฝาหม้อจากมุมอับสายตาของทั้งกลุ่ม ด้วยแรงที่เยอะผิดจากร่างบางๆทำให้เก็บไปได้อีกสองราย สถานการณ์ในกลุ่มตึงเครียดเมื่อเพื่อนร่วมกลุ่มถูกเก็บไปถึง 4 คนในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที แต่ละคนเป็นนักเรียนสายต่อสู้ที่มีฝีมือค่อนข้างสูง ผู้ที่สามารถทำได้มีเพียงนักเรียนระดับทอปของสายต่อสู้เท่านั้น แค่คิดเหงื่อเย็นๆก็ซึมออกมาจากร่างทันที เมื่อไม่ใช่ราชันเวหา คำตอบที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวคือ จักรพรรดิน้ำแข็ง
“จักรพรรดิน้ำแข็ง!!! อะ ออกมานะ” เซนที่เป็นเป็นหัวหน้ากลุ่มตะโกนเสียงดัง เขาพยายามมองผ่านแสงสลัวและจับสัมผัสทางจิตตามไซต์ลูมินัสอายเพื่อหาตัวศัตรู แต่สิ่งที่เห็นผ่านดวงตาจิตคือความว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ที่นี่นอกจากพวกเขา ยิ่งมองยิ่งหาไม่พบความตึงเครียดยิ่งทวีคูณ
“ผมไม่ใช่จักรพรรดิน้ำแข็งหรอก คุณเข้าใจผิดแล้ว” แรงกดดันมหาศาลที่มาพร้อมกับจิตสังหารหนักหน่วงทำเอาคนทั้งหกที่เหลือรอดแทบล้มทั้งยืน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวเมื่อร่างของศัตรูเผยตัวออกมาจากมุมมืดที่อยู่ห่างจากกลุ่มของพวกเขาไม่มาก การที่ซ่อนตัวจนประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของนักสู้เช่นพวกเขาจับไม่ได้แสดงว่าฝีมือย่อมไม่ธรรมดา ดวงตาสีบลูเฮเซลเห็นเลือนรางในแสงน้อยกับรอยยิ้มที่ดูเมตตาปราณีแต่เย็นเยียบจับขั้วหัวใจยิ่งพาให้หวาดกลัว ทุกครั้งที่ร่างของศัตรูใกล้เข้ามาจิตสังหารก็ยิ่งรุนแรงขึ้นจนรู้สึกเหมือนกับทั้งร่างกายถูกถ่วงด้วยตะกั่วหนัก
“แก!!!” คนในกลุ่มซัดลูกไฟใส่ร่างของศัตรูที่เข้ามาใกล้ แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อไฟที่เขาภูมิใจนักหนาถูกปัดกระเด็นด้วยมือเพียงข้างเดียว ความกลัวเริ่มครอบงำจิตใจอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อเซนถูกอัดติดผนังด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวในชั่วพริบตาราวกับร่างตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์
“จริงๆพวกคุณก็ไม่ได้ทำผิดอะไรหรอก แต่ผมหมั่นไส้นิดหน่อย ขอโทษที่อาจรุนแรงไปบ้างนะครับ” เสียงอบอุ่นแต่หนาวสะท้านไปถึงหัวใจของผู้ฟัง ร่างที่เป็นเจ้าของดวงตาสีบลูเฮเซลหายไปจากความมืดก่อนจะปรากฏตัวพร้อมๆกับร่างของผู้โชคร้ายที่ต้องร่วงลงพื้นเป็นรายถัดไป
คนที่เหลือต่างร่วงลงพื้นไปทีละคนๆ โดยไม่มีโอกาสได้รู้ด้วยซ้ำว่าศัตรูใช้วิธีไหน สิ่งที่เห็นเลือนรางสำหรับคนที่เหลือสติอยู่คือเงาดำมืดทะมึน กับความกลัวจับจิตที่เหลืออยู่
ผู้คนไม่ได้หวาดกลัวความมืด แต่กลัวความไม่รู้ในสิ่งที่อยู่ในความมืดที่จินตนาการไว้ ซึ่งตอนนี้เองก็ด้วย ความไม่รู้นั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้ว่าศัตรูคือใคร ไม่รู้ว่ามีอะไร มีเพียงความน่ากลัวที่ยังจับอยู่ในใจ
เมื่อออกมาจากตรอกแคบๆนั้นได้โซลก็ถึงกับหอบไม่น้อย ละครฉากนั้นกินทั้งพลังจิต พลังกายและพลังสมาธิอย่างมาก จิตสังหารนั้นไม่ใช่ของจริง โซลจำความรู้สึกจากจิตสังหารของจริงจากพ่อ มันรู้สึกอึดอัด เวียนหัว หายใจลำบาก และเหมือนถูกอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นกดร่างกายไว้
โซลใช้แรงโน้มค่อยๆเพิ่มแรงโน้มถ่วงที่พวกเซนได้รับอย่างไม่ให้พวกเขารู้ตัว ก่อนจะทำการโจมตีคนที่ไม่ค่อยระวังตัว จากแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นทำให้การตั้งรับช้าลงจนการโจมตีสัมฤทธิ์ผลและยังเป็นการโจมตีทางจิตวิทยาเพื่อชิงความได้เปรียบไปด้วยในตัว
เด็กหนุ่มซ่อนตัวอีกครั้งเพื่อสร้างแรงกดดันให้แก่ผู้ตั้งรับ กดดันจิตประสาทให้ตึงขึงจนถึงขึ้นคิดอะไรไม่ออก อาศัยความกลัวในความไม่รู้ของมนุษย์ให้เป็นประโยชน์ สร้างตัวตนของศัตรูที่ดูเก่งกาจเกินกว่าจะสู้ไหวขึ้นในใจของพวกเซน
แล้วเผด็จศึกด้วยการปรากฏตัวออกจากที่ซ่อนพร้อมกับเพิ่มแรงโน้มถ่วงอย่างฉับพลัน จนเหมือนกับโซลมีจิตสังหารที่รุนแรงแล้วยังเป็นการจำกัดการเคลื่อนไหวของคนในกลุ่มไปในตัว ใช้ภาษากายแสดงออกในด้านการข่มขู่ทำให้ดูเหมือนเก่งกาจกว่าในทุกๆด้าน ก่อนจะยืนยันตัวตนนั้นให้ชัดเจนขึ้นในจิตใจอีกด้วยการแสดงการปัดลูกไฟที่คนในกลุ่มโจมตีมาด้วยมือเพียงข้างเดียว ตรงจุดนี้โซลโชคดีไม่น้อยที่มีความมืดช่วยอำพรางถุงมือไว้จนเหมือนกับเขาฟัดลูกไฟทิ้งด้วยเปล่า แต่มันก็ร้อนมากจนผิวของโซลลวกไปบางส่วน
ส่วนการโจมตีเซนนั้นโซลใช้โฮเวอร์บอร์ดพุ่งข้าชนร่างของเซนด้วยความเร็วสูงจนกระเด็นชนผนังสลบไป สร้างความกลัวให้กับลูกน้องเพิ่มขึ้นอีกต่อหนึ่งก่อนจะใช้ความเร็วระดับเดียวกันชนคนที่เหลือร่วงลงพื้น ก่อนจะรีบหนีออกมาเพราะพลังใกล้หมด
หลังจากออกจากตรอกนั้นมาใบจักรขนาดใหญ่ ก็รออยู่ตรงหน้ามันหมุนเร็วจนไม่น่าจะผ่านไปได้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งถูกปัดกระเด็นออกมาหลังจากพยายามฝ่าใบจักรใบแรกไป
ตอนนี้เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียง 5 คนเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือโซล และชายหนุ่มผมแดงที่ยังคงยืนนิ่งราวกับรออะไรบางอย่าง ผู้เข้าแข่งขันสามคนที่เหลือพยายามฝ่าใบจักรไปก่อนจะถูกอัดจนสลบหลังจากผ่านใบที่ 3 ไป คนที่ไปไกลที่สุดไปได้เพียงใบที่ 6 เท่านั้น
“คุณเฮลมินไม่ต้องรอหรอกครับ พวกเขาทำหน้าที่ไม่ได้แล้ว” เฮลมินหันกลับไปมองผู้พูดซึ่งเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ไม่น่ามีอายุเกิน 15 ปี ใบหน้ายิ้มเป็นมิตรนั้นไม่น่าไว้ใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับเขา และคำพูดที่ราวกับอ่านใจได้สร้างความหวาดระแวงให้อย่างร้ายกาจ
“หมายความว่าไง” หนุ่มผมแดงถามเสียงเรียบแม้จะเดาได้อยู่แล้ว แต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้กำลังรบสูงสุดที่เขาส่งไปไม่น่าจะถูกเก็บได้ง่ายขนาดนั้น
“คุณน่าจะรู้นะครับ” กระแสเย็นเยียบที่แฝงมากับเสียงนุ่มนวล ยืนยันคำตอบได้เป็นอย่างดี จิตสังหารหนักหน่วงที่แผ่ออกมาจากร่างเล็กๆนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้ เด็กคนนี้มีดี “แต่ผมว่าใบจักรพวกนี้มันโหดไปนะครับ เราน่าจะมาร่วมมือกันดีกว่า ผมทำคนเดียวคงไม่ไหว” โซลเริ่มเจรจาเมื่อวิเคราะห์การทำงานของใบจักรได้ มันหมุนเร็วก็จริงแต่ยังมีช่องว่างให้ขับทะลุผ่านได้ แต่ติดตรงใบที่ 7 ซึ่งมีจังหวะขัดกับ 9 ใบที่เหลือ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่จะไม่รู้และทะลวงผ่านไปก่อนจะถูกเก็บได้ง่ายๆที่ใบจักรที่ 7
เฮลมินเองก็คงไม่รู้ตรงจุดนี้ เพราะเขาคิดวิธีที่ง่ายกว่าได้ โดยการตัดไฟที่มาเลี้ยงเครื่องจักร หลังจากที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นหมดสภาพแล้ว
“ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องร่วมมือกับคนที่ทำร้ายเพื่อนของผม” ราชันเวหาตอบด้วยความทระนงตน ถึงแม้จะไม่ได้ผ่านสบายๆแต่ฝีมือขนาดเขาผ่านไปได้แน่นอน
“ใบจักรที่ 7 คุณจะถูกเก็บที่นั่น ใบนั้นมันหมุนผิดกับใบอื่น” คำพูดของโซลทำให้เฮลมินวิเคราะห์การหมุนของใบจักรอย่างจริงจังก่อนจะพบว่ามันเป็นดังที่เด็กหนุ่มพูดจริง เขาอดสะพรึงไม่ได้การวิเคราะห์การทำงานของใบจักรได้โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีแสดงถึงอัจฉริยะภาพทางความคิดของผู้วิเคราะห์ได้อย่างดี
“ผมมีวิธีทำให้ใบจักรทุกใบหมุนช้าลงได้ แต่คุณต้องใช้พลังของคุณหยุดการทำงานของใบจักรใบที่ 7 ให้ได้ แล้วเราจะผ่านไปด้วยกันการตัดสินทุกอย่างจะอยู่ในช่วงสุดท้าย” โซลยื่นข้อเสนออย่างยุติธรรม เด็กหนุ่มต้องการแข่งขันกับผู้ครองนามราชันเวหาอัจฉริยะด้านการขับโฮเวอร์บอร์ดแห่งเซมโพรเนอุส
“ตกลง” เมื่อไม่มีทางอื่นให้ใช้เฮลมินจึงจำใจต้องตอบตกลง แม้ว่าจะไม่รู้วิธีที่ผู้ยื่นเสนอทำให้ใบจักรช้าลงได้ แค่หยุดการทำงานใบจักรซักใบเขาทำได้สบายแต่จะเสียสมาธิจนถูกใบจักรใบอื่นอัดจนปลิวแน่นอน
“ 3 2 1 ไป” โซลใช้พลังเพิ่มแรงโน้มถ่วงกับใบจักรจนช้าลงเป็นอย่างมาก ก่อนที่เฮลมินและโซลจะขับโฮเวอร์บอร์ดด้วยความเร็วสูงทะลุผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราชันเวหาสร้างบาเรียยึดปลายใบจักกับขอบผนังไว้จนมันหยุดหมุนราวๆ 10 วินาทีก่อนที่บาเรียจะแตกและใบจักรก็กลับมาหมุนเช่นปกติ แต่มันก็มากพอให้ทั้งสองผ่าน 10 ใบจักรมรณะมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วน
โซลเก็บอาการเหนื่อยไว้อย่างแนบเนียน เขาฝืนใช้พลังมากเกินไปทั้งๆที่ยังไม่เคยฝึก ตอนนี้เหลือพลังที่จะควบคุมแรงโน้มถ่วงอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต่างจากเฮลมินที่มีพลังเหลือมากกว่าครึ่ง
การตัดสินนับจากนี้ไป ไม่ได้วัดเพียงฝีมือการขับโฮเวอร์บอร์ดเท่านั้น แต่เป็นการใช้ทุกอย่างที่ตนเองมีเข้าต่อสู้กันอย่างถึงที่สุดเพื่อคว้าชัยชนะมา
ศักดิ์ศรีของผู้ครองนามราชันเวหาที่ไม่เคยแพ้ กับ ความต้องการช่วยเหลือทันของโซล
ใครกันที่จะเป็นผู้คว้าชัยในศึกนี้
……………………………………………………………………………………………………….
ยาวมากค่ะ 20 หน้า หวังว่าคงเต็มอิ่มกันนะ อัพช้าหน่อยเพราะเน็ตมีปัญหา 555
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ความคิดเห็น