คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ๗.อุปสรรค
+weenza
samurai
+ |
๗.อุปสรรค
“มินอยากให้ณัฏฐ์อ่อนโยนกับมินเหมือนเดิม เป็นอย่างที่ณัฏฐ์เป็น...แค่นี้ได้ไหม?” มินตราร้องขอน้ำเสียงวิงวอน
ณัฏฐ์ลูบหัวมินตราเบาๆแล้วคว้าร่างบางมากอดแน่น
“ณัฏฐ์ เคยทำดีกับมิน แต่ตอนนี้มินกลับรู้สึกว่าอยู่กับใครไม่รู้...” คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากความรู้สึกในใจของมินตราทำให้ณัฏฐ์กอดกระชับแน่นกว่าเดิม
“โอเค...โอเค”
สาวผิวน้ำผึ้งพยายามลืบเลือนเรื่องราวเก่าๆที่คอยตอกย้ำใจซึ่งเป็นเหตุให้ต้องทำตัวเย็นชากับมินตราเช่นนี้...
เมื่อ 2 วันก่อน
สาวผิวน้ำผึ้งและมินตรากำลังเดินห้างสรรพสินค้าด้วยกัน ณัฏฐ์เดินไปหยุดอยู่ที่ร้านสโนบอลเล็กๆร้านหนึ่ง สาวหน้าหวานเดินเข้าไปดูด้วยอาการตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นแล้วหยิบสโนบอล 3-4 ลูกมาหมุนๆดู เธอยิ้มกว้างเมื่อเห็นทั้งไฟและตุ๊กตาที่อยู่ในสโนบอลนั้นหมุนตามเพลง
ตรงข้ามกับณัฏฐ์ที่จ้องเพียงสโนบอลลูกเล็กๆซึ่งตั้งวางอยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน มือเรียวยาวหยิบขึ้นมามองดูยิ้มๆเมื่อเห็นลูกหมีในสโนบอลมีหลากหลายแบบที่ต่างกันไป ดูเรียบๆแต่น่าสนใจ
“ณัฏฐ์” มินตราเรียกสาวผิวน้ำผึ้งแล้วส่งสโนบอลลูกหนึ่งที่มีเจ้าชายกับเจ้าหญิงกำลังกอดเอวอย่างน่ารัก เธอหมุนสโนบอลให้ณัฏฐ์ดู ฐานตุ๊กตาในสโนบอลนั้นก็หมุนตามพร้อมเสียงเพลงและแสงไฟวิบวับ สาวร่างเล็กมองนัยน์ตาเป็นประกายตรงข้ามกับณัฏฐ์ที่มองแล้วรู้สึกว่ามัน “เว่อร์” จนเกินไป
“ระหว่างสโนบอลเรียบๆ กับมีสีสันชอบแบบไหน?” ณัฏฐ์ถามเธอเสียงเรียบพร้อมหยิบสโนบอลลูกเล็กๆขึ้นมาดูเล่นๆเขย่าเบาๆ
“ชอบแบบมีสีสัน เรียบๆน่าเบื่อจะตายไป” มินตรารีบตอบอย่างมั่นใจ ขณะที่ณัฏฐ์สะอึกไปกับคำพูดของมินตราแล้วใจลอยไปคิดถึงเรื่องของพีรเพชร
....หลายวันก่อน ณัฏฐ์เจอพีรเพชรอย่างไม่ทันตั้งตัวขณะที่ตนเองเอางานเขียนบทไปให้ที่บริษัทภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ระหว่างที่ณัฏฐ์กำลังเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นดันเจอพีรเพชรลากตัวหล่อนออกมาเสียก่อน
“มึงปล่อยมินตราได้แล้ว” พีรเพชรกระชากคอเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลของสาวร่างโปร่งอย่างโกรธจัดแล้วลากตัวณัฏฐ์หลบเข้ามุมที่ปลอดคนสังเกตเห็น
ณัฏฐ์ปัดมือคนร่างสูงกว่าหล่อนออกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมองพีรเพชรสีหน้าเอาเรื่อง
“ทีมึงล่ะ ทุกอย่างที่มี ยังไม่พอใช่มั้ย”
“วอนนะมึง!” พีรเพชรตบหน้าณัฏฐ์อย่างแรงจนหล่อนหน้าหันไปอีกด้านหนึ่ง
สาวผิวน้ำผึ้งกุมใบหน้าด้วยความเจ็บแค้น จ้องพีรเพชรซึ่งกำลังชี้หน้าตนเองอยู่อย่างเขม็ง
“มินไม่อยู่กับมึงหรอก เพราะมึงเป็นคนไม่มีอะไร มินเขาจะกัดก้อนเกลือกินกับมึงทำไม”
“ควาย! ถ้ามึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างก็ทำต่อไปเถอะ” ณัฏฐ์ตะคอกเสียงใส่พีรเพชรและผลักออกอย่างแรงจนพีรเพชรเสียหลักไป
ดาราหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันแล้วเดินเข้าไปใกล้ ตะเบ็งเสียงหลบข้างหูของณัฏฐ์
“กูจะเอามินคืน ไอ้ลูกเมียน้อย”
ณัฏฐ์กำหมัดแน่นแววตามุ่งร้ายด้วยความโกรธแค้น...
“ณัฏฐ์คะ...ณัฏฐ์” มินตราเขย่าแขนของสาวร่างโปร่งเรียกซ้ำเสียงดัง เมื่อเห็นคนหน้าคมขบกรามแน่นแล้วใจลอยไปไกลเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด
ณัฏฐ์หันมาทางมินตราสีหน้างุนงง
“เป็นอะไรไป เมื่อกี้ก็กอดมินซะแน่น แถมไม่ยอมปล่อย มินจะขาดอากาศหายใจอยู่แล้ว...”
ณัฏฐ์รีบคลายกอดมินตราทันที
มินตราจับคอตนเองลูบไปลูบมาแล้วกระแอมเบาๆ
“ไปหาไรกินดีกว่า...” ณัฏฐ์เปลี่ยนเรื่องแล้วเดินหนีไปอีกทาง
ณ คอนโดห้องหนึ่ง พลอยใสเดินมาที่ตู้เย็น หยิบขวดน้ำมารินใส่แก้ว ยกขึ้นจิบนิดๆก่อนที่จะเอนหลังลงบนโซฟากดเปิดทีวีเปิดดูข่าว
พลอยใสดูข่าวบันเทิงของพีรเพชรในทีวีที่เดินกอดเกี้ยวกับสาวอื่นซึ่งปาปารัสซี่แอบถ่ายได้อย่างสนใจ ผู้สื่อข่าวได้นำมาเผยแพร่และทำการสัมภาษณ์ดาราหนุ่มกันให้วุ่น
“อ้อ เรื่องทั้งหมดก็แค่พี่น้องน่ะครับ พี่ๆนักข่าวก็น่าจะรู้ผมเป็นดารา ถ้าไม่มีข่าว ผมก็ไม่ดังสิครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่น้องกัน” พีรเพชรตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแล้วยักไหล่ไม่แคร์กับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เลวว่ะ เจ้าชู้ไม่เลิก เหมือนจะดูดี” พลอยใสกดปิดโทรทัศน์สีหน้าเอือมระอาพลางนึกถึงมินตราอย่างเป็นห่วง
“ป่านนี้มินจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้...” พลอยใสพึมพำแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง
“พี่พลอย...”
พลอยใสเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นน้องสาว “เพลินตา” หญิงสาวอายุ 22 ปีแต่งตัวเปรี้ยวจัด กรีดตาคมสวย ผิวขาวใส ร่างอวบ อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนกุดสีเขียวแสบตากับกระโปรงยีนมีรอยขาดตรงระบายนิดๆหน่อยๆเผยให้เห็นต้นขาที่ขาวเนียน
พลอยใสมองน้องสาวตาเขียวเมื่อเห็นกระโปรงที่ยาวเพียงแค่คืบฝ่ามือ
“แต่งตัวแบบนี้ จะไปล่อจระเข้มานอนกกเลยรึไง” พลอยใสบ่นพลางนึกในใจย้อนคิดถึงตนเองสมัยอายุเท่าน้องสาวเพื่อที่จะพยายามเข้าใจเลือดแรงวัยสาว สนใจการแต่งตัว และตัวเธอก็ยอมรับว่าเคยเปรี้ยวซ่าแบบเพลินตามาก่อนแต่ไม่ถึงขนาดนี้
พลอยใสจับตัวน้องสาวให้หันไปหันมาแล้วกุมขมับหน้าเครียด เมื่อเห็นการใส่ตุ้มหูของเพลินตาเจาะจนแทบจะรอบใบหู และตุ้มหูก็ไม่เหมือนกันทั้งสองข้าง ทาเล็บสีดำเพ้นท์สีเป็นลายดอกไม้สีขาวตัดกัน แต่งหน้าจัดจ้านจนดูโตเกินวัยที่เพลินตาควรจะเป็น
“จะไปไหน ไม่ไปทำงานรึไง”
“ไปหากิ๊กเก่าน่ะพี่ ขำๆ” เพลินตาขยิบตาให้พี่สาวอย่างทะเล้น
“ไปนะ” เพลินตาโบกมือให้น้อยๆ
พลอยใสพยักหน้าให้แบบขอไปที แต่กำชับผู้เป็นน้องสาวน้ำเสียงหนักแน่น “อย่าแสบให้มากนัก”
เพลินตายักไหล่เหมือนกับไม่ใส่ใจในคำพูดของพี่สาวแล้วเดินออกไปทำให้พลอยใสส่ายหน้าอย่างระอา
ในบริษัทขณะที่ณัฏฐ์ได้เข้าร่วมประชุมเรื่องการเขียนบทกับกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องหนึ่งอยู่นั้น ณัฏฐ์นั่งจดคำแนะนำเรื่องการปรับแต่งบทนิยายในกระดาษถ่ายสำเนาบทละครอย่างสั้นๆอย่างตั้งใจ โดยไม่สนสายตาของพีรเพชรซึ่งนั่งอีกฝั่งหนึ่ง เขามองมาที่ณัฏฐ์นั่งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ณัฏฐ์เงยหน้าหันไปสบตาพีรเพชรเพียงชั่วครู่แล้วส่ายหน้ากับความไม่เข้าท่าของพีรเพชรอย่างขันๆเมื่อเห็นเขากำมือบีบแน่นบริเวณที่วางแขนเก้าอี้อย่างแรง มองหล่อนตาแทบจะถลนออกมาข้างนอกแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ระหว่างการประชุม
“คุณพีรเพชร...คุณเล่นเรื่องนี้เป็นพระเอก คุณได้ฟังข้อติชมที่ผมพูดบ้างรึเปล่า” ชายร่างท้วมอายุราว 50 กว่าปียืนกอดอกมองพีรเพชรอย่างตำหนิ
“ฟังครับผู้กำกับ...” พีรเพชรตอบสีหน้าเจื่อน
ณัฏฐ์ขำในลำคอเบาๆกับท่าทางของพีรเพชรที่ตอนนี้ต้องทำตัวเชื่องเหมือนลูกแมว
...พีรเพชรจะเกเรต่อผู้กำกับไม่ได้ หล่อนรู้ดี... ณัฏฐ์คิดแล้วอมยิ้มเมื่อเห็นพีรเพชรต้องหงอไป ภาพของเขาจากที่เป็นคนบ้าอำนาจ เอาแต่ใจ และหยิ่งผยองถูกกลบด้วยอำนาจผู้กำกับไปเสียหมดสิ้น
แหงล่ะ...ผู้กำกับคนนี้แก่ราวรุ่นพ่อของเขาอยู่แล้ว และควรอย่างยิ่งที่จะเคารพรับฟัง ก็สินธร วงศ์พิทักษ์เป็นคนฝากให้พีรเพชรเข้าวงการกับ “ผู้กำกับ” คนนี้มาตั้งแต่สินธรยังหนุ่มแน่น และผู้กำกับก็คงเห็นความสามารถกับหน้าตาที่พอไปวัดไปวาอย่างพีรเพชรได้กระมัง จึงฉายแววรุ่งมาถึงทุกวันนี้
เมื่อเสร็จการประชุมณัฏฐ์จึงเดินสวนกับพีรเพชรแล้วพูดเสียงตะเบ็งหลบออกมาอย่างเย้ยหยัน
“เก่งแต่ในรู ออกจากรูก็แพ้คนอื่น”
“ไอ้ณัฏฐ์!” พีรเพชรพูดขึ้นมาเสียงดังด้วยความโมโห
คนในบริษัทอื่นหันมามองดาราหนุ่มเป็นตาเดียวรวมทั้งผู้กำกับด้วย พีรเพชรหันไปมองทุกคนตาขวาง หนุ่มร่างสูงขยี้ผมอย่างหงุดหงิดแล้วเดินผละออกไป
ณัฏฐ์ยิ้มขำๆอย่างสะใจแล้วปลีกตัวออกมาอีกทาง ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สาวผิวน้ำผึ้งหยิบขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นหมายเลขโทรศัพท์ไม่คุ้นตา “ฮัลโหล”
“พี่ณัฏฐ์ขา....”
คนร่างโปร่งสะดุ้งกับเสียงหวานทันที เมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาหาตนเองนั้นเป็นใคร
“เพลิน...”
“แหม ทำไมต้องทำเสียงซีเรียสอะไรแบบนั้นล่ะคะ เพลินโทรมาคุยดีๆนะคะ”
“เพลินจะเอาอะไรว่ามาเลยดีกว่า” ณัฏฐ์พูดเสียงเข้ม
“ใจเย็นสิคะ เพลินก็แค่อยากชวนพี่ณัฏฐ์ไปทานไอติมด้วยกัน...”
“แต่พี่...” หล่อนเริ่มอึกอัก
“เพลินรู้ว่าพี่ณัฏฐ์อาจจะรังเกียจเพลินที่เพลินทำไม่ดี...” เพลินตาเริ่มทำเสียงกระซิกเหมือนจะร้องไห้เรียกคะแนนความสงสาร
“เพลิน มันไม่ใช่แบบนั้น...”
“แค่เราเป็นพี่น้องกัน เพลินไม่อยากได้อะไรมากกว่านั้นพี่ณัฏฐ์ให้เพลินไม่ได้หรือคะ” เพลินตายังกระซิกทำเสียงสะอื้นให้หล่อนต้องใจอ่อน
“โอเคๆ เงียบเลยนะเพลิน ยอมไปด้วยก็ได้” ณัฏฐ์ถอนหายใจยาวตอบรับเพลินตาอย่างอ่อนใจ
เพลินตาวางสายโทรศัพท์จากณัฏฐ์แล้วเหยียดยิ้มมุมปากอย่างมีชัย
“แผนสำเร็จไปหนึ่งขั้น...เพลินต้องให้พี่ณัฏฐ์กลับมาให้ได้”
ที่ร้านไอศกรีมร้านหนึ่งในห้างสรรพสินค้า เพลินตากำลังนั่งคอยณัฏฐ์บริเวณที่ติดกับกระจกแล้วอมยิ้มบางๆอย่างมีความสุข เพียงชั่วครู่ณัฏฐ์ก็เดินมาด้วยท่าทีระแวดระวัง หล่อนทรุดตัวนั่งแล้วทำเสียงดุใส่เพลินตา
“นั่งซะติดกระจก เข้าไปข้างในดีกว่า”
“ก็เพลินชอบนี่คะ มันเป็นที่แรกที่พี่ณัฏฐ์พาเพลินมาเดทไม่ใช่หรือ?” เพลินตาพูดเหมือนจะเตือนความจำของสาวร่างโปร่งแล้วส่งยิ้มหวานตาเป็นประกายให้
ณัฏฐ์เบือนหน้าหลบนิ่งกับคำพูดของเพลินตาไปชั่วขณะ
“จะกินไอติมไม่ใช่หรือเพลิน สั่งสิ”
หล่อนชวนเปลี่ยนเรื่องแล้วกวักมือเรียกพนักงานคนหนึ่งให้มารับออเดอร์
คนร่างสูงสั่งไอศกรีมไปสองถ้วย เมื่อพนักงานเดินผ่านไปแล้วเพลินตาก็หันมายิ้มหวานให้ณัฏฐ์เช่นเดิม
“ดูเปลี่ยนไปนะพี่ณัฏฐ์” เพลินตามองใบหน้าและการแต่งตัวของสาวผิวน้ำผึ้งซึ่งดูมีภูมิฐานเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น หล่อนไว้ผมยาวประบ่าซอยเซอร์ๆและทะมัดทะแมงขึ้น ต่างกับเมื่อสองปีที่แล้วที่ยังไว้ผมซอยสั้นดูสดใสและยังคงแจ่มชัดในความทรงจำของเพลินตา
เพลินตามองตั้งแต่ใบหน้าเลื่อนลงมาที่เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลแขนสั้น กับเสื้อยืดข้างในสีเทาดูสุขุม น่าค้นหา หญิงสาวเอียงคอยิ้มให้ จนณัฏฐ์ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับดวงตาคู่สวยที่จ้องมาด้วยสายตาคมกริบ
หล่อนหยิบน้ำพั้นซ์ด้านขวามือขึ้นมาจิบเล็กน้อย “เพลินก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน” ณัฏฐ์พูดเสียงเรียบ แล้วมองใบหน้า “คนเคยรัก” ที่นั่งอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าของเพลินตาดูเป็นสาวขึ้น สวยขึ้น แต่ในเวลานี้ณัฏฐ์กลับรู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างหล่อนและเพลินตาเป็นเพียงความทรงจำไปเสียแล้ว
ทั้งสองนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ณัฏฐ์รับไอศกรีมที่พนักงานนำมาเสิร์ฟให้อย่างเงียบๆ พลางคิดถึงอดีตที่เคยปวดร้าว...
ครั้งหนึ่งหล่อนเคยรักเพลินตามาก ถึงขนาดทั้งลมหายใจหากมอบให้เพลินตาได้ ก็ยอมยกให้โดยไม่มีข้อแม้ใด หากแต่เหตุการณ์กลับเปลี่ยนไป เมื่อมีชายหนุ่มเป็นชายปริศนาที่ณัฏฐ์ก็ไม่รู้จักว่าเป็นใคร เข้ามาพัวพันในชีวิตของพวกเขาทั้งสอง จนกลายเป็นรอยร้าว...
ณัฏฐ์ไม่เจ็บใจหมอนั่น...แต่เจ็บใจเพลินตา ที่ทำเหมือนรัก ทำให้เชื่อใจแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ทิ้งไปโดยให้เหตุผลว่า......ณัฏฐ์ เติมเต็มให้เพลินไม่ได้.....
ใช่ หล่อนเป็นผู้หญิง...แล้วการรักแบบนี้มันผิดตรงไหน...สมองของสาวผิวน้ำผึ้งยังคงค้านขึ้นมา ณัฏฐ์พยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ หลับตาชั่วขณะเพื่อที่จะขจัดความทรงจำในอดีตให้หมดไป
“พี่ณัฏฐ์...”
“หืม...” ณัฏฐ์หันมามองเพลินตาตามเสียงเรียก
“ทำไมเงียบจัง กวนไอติมจวนจะละลายหมดแล้ว...” เพลินตาเอ่ยทัก
ณัฏฐ์มองถ้วยไอติมที่เละจนเป็นน้ำหมดแล้ว จึงเลื่อนถ้วยไอศกรีมออกห่างจากตัว
“อิ่มแล้ว...ไปเถอะ...” ณัฏฐ์ลุกออกไป
เพลินตารีบจ้วงตักไอศกรีมเข้าปากอีกสามคำที่เหลือจนหมดแล้วเดินตามณัฏฐ์ออกมานอกร้าน สาวร่างอวบรีบสาวเท้าก้าวตามไวๆ เพื่อที่จะได้เดินตามทันคนร่างสูงจนและคว้าชายเสื้อเชิ้ตด้านหลังเอาไว้
“เดี๋ยว นี่จะรีบไปไหนเนี่ยพี่ณัฏฐ์...” เพลินตาพูดออกมาพลางหอบน้อยๆ
ณัฏฐ์หันมามองใบหน้าของคนถามพร้อมกับขมวดคิ้วขุ่น
“เพลินมีอะไรอีกป่ะล่ะ”
“มีค่ะ เพลินจะชวนพี่ไปเที่ยวต่อ...”
ณัฏฐ์ถอนหายใจแรง หันมามองเพลินตาที่ส่งสายตากระพริบเป็นประกาย ก่อนหน้านี้หล่อนไม่ปฏิเสธว่าเคยมองสายตาแบบนี้ของเพลินตาแล้วเกิดอาการหวั่นไหว แต่เวลานี้กลับกลายเป็นความรู้สึกน่ารำคาญอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ไป จะกลับบ้าน...” ณัฏฐ์พูดเสียงเรียบ
“ พี่ณัฏฐ์ขา พี่ณัฏฐ์เคยตามใจเพลินนะ” เพลินตาเข้ามาคล้องแขนณัฏฐ์แน่น แล้วกระแซะตัวเข้ามาเบียดณัฏฐ์ชนิดที่ว่าตั้งแต่ช่วงหน้าอกลงไปถึงต้นขาของสาวร่างอวบติดกับคนร่างโปร่งราวกับปลิง
...โห!...นี่จะเอาให้ได้เลยใช่มะ... ตูไม่โง่นะเว่ย... ณัฏฐ์คิดในใจแล้วพยายามแกะมือของเพลินตาที่ล็อกตัวของหล่อนแน่นแต่แรงยื้อของเพลินตาก็พยายามจะกอดณัฏฐ์อยู่อย่างนั้นอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“ปล่อยได้แล้วเพลิน พี่ไม่อยากใช้กำลังกับเพลินนะ...” สาวผิวน้ำผึ้งพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ก็ไปเที่ยวกับเพลินต่อสิคะแล้วจะปล่อย...”
“ฐานะอะไรล่ะเพลิน!?” ณัฏฐ์ถามอย่างโมโหแล้วพยายามดันตัวของเพลินตาออกห่างแต่แรงยื้อของสาวร่างอวบก็มีมากจนแขนของหล่อนแดงเป็นปื้น
“ไม่อายคนบ้างรึไงเนี่ยฮะ!” ณัฏฐ์ผลักเพลินตาออกจากตัวเต็มกำลังจนล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ใบหน้าเหยเก
สาวผิวน้ำผึ้งส่ายหน้าไม่สนใจแล้วรีบเดินฉับๆไปจากเพลินตาจนไกลลิบ โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องใดๆแม้แต่น้อย
ปัง! เสียงปิดประตูห้องกระแทกลงอย่างเหลืออดทำให้สาวหน้าหวานยืนตัวเกร็งขนลุกซู่อย่างเสียวสันหลังเมื่อเหลียวมองณัฏฐ์ซึ่งอยู่ในอาการฉุนเฉียว
“ณัฏฐ์...”มินตราเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบาเมื่อเห็นคนร่างสูงผิวน้ำผึ้งอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด สีหน้าบูดบึ้ง ใบหน้าคมเข้มของหล่อนหันมองมินตราแววตาแข็งกร้าว
“ไปโมโหใครมาคะ กินขนมอบเนยดีกว่ามินเพิ่งทำเร็จนะ ห๊อมหอม” มินตราชวนเปลี่ยนเรื่องเสียงใสพลางยกจานกระเบื้องขาวที่มีขนมปังแผ่นตัดอย่างพอดีคำ สีเหลืองนวลส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้น้ำลายสอมาล่อณัฏฐ์ตรงหน้า
ณัฏฐ์ยังคงนิ่ง หล่อนหลับตาศีรษะพาดพนักพิงของโซฟาแล้วบีบนวดที่ขมับน้อยๆบรรเทาอาการปวดหัวกับเรื่องที่ตนเองประสบวันนี้
“ชิมฝีมือมินก่อนดีกว่า นะๆ” มินตราหยิบขนมไปชิ้นหนึ่งแล้วยื่นเข้าไปใกล้ปากณัฏฐ์จะป้อน
“เซ้าซี้จัง...” ณัฏฐ์พึมพำออกมาเบาๆ ทำให้คนที่ได้ยินถึงกับหน้างอ
สาวผิวน้ำผึ้งพยายามปรับอารมณ์ให้เย็นลงเป็นปกติแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะอ้าปากกินขนมที่มินตราป้อนอย่างว่าง่าย
“อร่อยไหม?...” มินตรานั่งข้างหล่อนสีหน้าลุ้น
ณัฏฐ์ส่ายหน้า
“หา...ไม่อร่อยหรอ นี่มินอุตส่าห์ทำสุดฝีมือเลยนะ” มินตราพูดพลางคว้าขนมในจานชิ้นหนึ่งขึ้นมากำลังจะใส่ปากตนเอง แต่เพียงเสี้ยววินาทีสั้นๆสาวร่างโปร่งกลับตวัดรอบเอวบางของสาวร่างบางเข้ามากอดกระชับพลางแย่งขนมที่มินตรางับอยู่คาปากอย่างรวดเร็ว ทำให้ริมฝีปากของคนสองคนบังเอิญแตะกันน้อยๆ ณัฏฐ์ถอนตัวออกจากมินตราแล้วเคี้ยวขนมอย่างอารมณ์ดีปล่อยใจหัวใจของเธอกระตุกนิ่งไปอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้สังเกต
“ไม่อร่อย แต่อร่อยมากไง” ณัฏฐ์หันมามองมินตราแววตาสดใสราวกับเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มินตราก้มหน้างุดรู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายพุ่งขึ้นสูงผิดปกติ หัวใจเต้นถี่รัวอีกทั้งใบหน้าร้อนผ่าวราวกับเจอแสงแดดจัดจ้าก็ไม่ปาน
“เป็นอะไรไป...” ณัฏฐ์ช้อนคนหน้าหวานขึ้นมาสบตาใกล้จนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจแรงของมินตรา
“เอ... หายใจติดขัดหรอ ณัฏฐ์ช่วยไหม?” พูดน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่แววตาที่ส่งประกายระยับทำให้มินตรารู้สึกหวั่นไหวเหมือนเป็นสัญญาณว่าจะตกหลุมรักคนๆนี้เข้าเสียแล้ว
“ไม่เอา” มินตราสั่นหน้าดิกด้วยความเขินจัด เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ใบหน้าแดงแค่ไหน รู้เพียงอย่างเดียวว่าหัวใจแทบจะออกมาเต้นอยู่ข้างนอกเสียให้ได้ ยิ่งเธอได้กลิ่นน้ำหอมเย็นๆที่ติดตัวของคนร่างโปร่งยามประชิดตัวแบบนี้กลับทำให้มินตรารู้สึกว่าไร้แรงต้านทานที่จะผลักไสออกห่าง
.....นี่เรารักเขาแล้วหรือมิน...หรือแค่หวั่นไหวแน่?...
เหมือนทุกอย่างจะหยุดเป็นเหมือนความฝัน ยามที่มินตรานิ่งแล้วหลบตาณัฏฐ์บ่อยๆกลับทำให้คนร่างสูงเริ่มรู้สึกอยากเข้าใกล้มินตรามากขึ้น...มากขึ้น จนหล่อนจูบประทับริมฝีปากของมินตราที่กำลังร้อนระอุอย่างแนบแน่น ปล่อยให้ปลายลิ้นเข้าไปสำรวจความหวานที่ซุกซ่อนอยู่ในริมฝีปากบาง
ริมฝีปากเย็นๆของสาวผิวน้ำผึ้ง จากการแอบดื่มน้ำไปตอนไหนนั้น มินตราก็ไม่ได้สังเกตเห็น
ณัฏฐ์ค่อยๆบดริมฝีปากของตนเองกับริมฝีปากของเธอให้ร้อนแรงขึ้นด้วยลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดพันกันในช่องปากจนทำให้มินตราเกือบหยุดหายใจ ปล่อยให้ความรู้สึกและสัญชาตญาณแห่งรักโอบกอดร่างกายของณัฏฐ์ไว้แน่นราวกับกลัวว่าเขาจะหลุดลอยไปไหน
เหมือนณัฏฐ์ตกอยู่ในอารมณ์โหยหาผู้หญิงคนที่ชื่อมินตรามานานแสนนาน คนร่างสูงช้อนคนตัวเล็กขึ้นจากโซฟานุ่มแล้ว ย้ายไปวางบนที่นอนในห้องอย่างทนุถนอม มินตรายังอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มราวกับคนไม่ได้สติ เธอมองณัฏฐ์ด้วยแววตาวาบหวามเหมือนยั่วเย้าปลุกอารมณ์พิศวาสของณัฏฐ์ให้เพิ่มขึ้นเป็นทวี
ณัฏฐ์ค่อยๆระดมจูบตามซอกคอขาวของหญิงสาวอย่างเร่งเร้า ไล่ลงมาตามเรือนร่างกายที่ขาวสะอาดของเธอ และมอบจูบไปทั่วร่างกาย...เพียงวินาทีสั้นๆเสื้อผ้าของทั้งสองก็ถูกปลดออกจากพันธนาการเหลือเพียงอ้อมกอดอุ่นๆของคนสองคนภายใต้ผ้าห่มผืนเดียว....
“มิน...”
“คะ...” มินตราเงยหน้ามองใบหน้าคมเข้มของณัฏฐ์ เวลานี้เธอซุกใบหน้าตรงช่วงหัวไหล่อันแข็งแรงของหล่อน ขณะที่มือณัฏฐ์ก็ยังคงโอบกอดเธอไม่ห่างตัว
“ณัฏฐ์ยอมเป็นคนเลว ถ้าจะได้อยู่กับมินแบบนี้นะ” หล่อนสบตามินตราอย่างจริงจัง ขณะที่มินตราหัวเราะเสียงใส
“ณัฏฐ์ไม่ใช่คนเลวซักหน่อย...” เธอแย้ง
“ณัฏฐ์ไม่อยากยกมินให้ใคร จริงๆนะ” สาวผิวน้ำผึ้งเอ่ยความในใจที่ปิดบังออกมาทำให้มินตราเงยหน้ามองแล้วบีบจมูกคนพูดด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่จะหลับตาซุกกายแนบชิดกับอ้อมกอดอุ่นๆอันแข็งแรงของเขาอีกครั้ง...ความรู้สึกปลอดภัยแล่นเข้ามาในหัวใจเธอจนแทบอยากจะหยุดเวลาไว้แบบนี้...เหลือเกิน
“มินก็ไม่อยากยกณัฏฐ์ให้ใครเหมือนกัน...” เธอพูดออกมาเสียงแผ่วเบา
“ว่าไงนะ...” ณัฏฐ์ถามออกมาน้ำเสียงตกตะลึง หล่อนประคองใบหน้าเนียนใสของมินตราแววตาบ่งบอกว่าอยากได้ยินชัดๆอีกครั้ง
“อื้อ...ไม่รู้แล้ว พูดแล้วพูดเลยไม่ได้ยินเอง...” มินตราเบือนหน้าหลบไปอีกทางด้วยความเขิน
“นี่...ไม่ได้หลอกณัฏฐ์ใช่ไหมมิน...” ณัฏฐ์ยังไม่คลายความสงสัย
“หลอกอะไร...”มินตราถาม
“ก็ที่ได้ยินเมื่อกี้...อุบ”
ณัฏฐ์กำลังจะพูดแต่ก็โดนมินตราประกบปากไปเสียก่อน ร่างบางพลิกตัวขึ้นมาทับคนร่างสูงก่อนที่ส่งยิ้มหวานให้เสียหยดเยิ้มเมื่อเห็นณัฏฐ์มีสีหน้าแดงจัด
“มาถึงขนาดนี้... ถ้ามินหลอกณัฏฐ์ก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ” มินตราพูดอย่างเก้อเขิน เมื่อมองไปที่ณัฏฐ์เห็นแววตาของเขาเป็นประกายวับส่งกลับมาก็ยิ่งเขินหนัก
“สนใจณัฏฐ์เมื่อไหร่...” สาวผิวน้ำผึ้งเอ่ยถาม
“ไม่รู้...” เธอส่ายหน้า
“เอ้า ง่ายอย่างนี้เลยหรอ”
มินตราจึงทุบคนร่างสูงไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ทำให้ณัฏฐ์ร้องเสียงหลง
“ก็ใครจะไปรู้ รัก...มันมีเหตุผลด้วยหรอ?” เธอเอียงคอถามเหมือนเด็กตัวเล็กๆจนทำให้ณัฏฐ์หัวเราะออกมาด้วยความพอใจ
“วันนี้มินสวยจัง...” สาวตาคมเอ่ยชมพร้อมส่งตาหวานให้ นัยน์ตาที่แฝงความหมายของณัฏฐ์ที่ลึกไปมากกว่านั้นทำให้คนถูกมองมีอาการใจสั่น
....ทำไมถึงมีอาการได้ขนาดนี้นะเรา...ตาคมของณัฏฐ์ดูมีเสน่ห์เหลือเกิน...
มินตรานึกในใจพลางซบหน้าลงกับบริเวณต้นคอของณัฏฐ์อย่างเอียงอาย
ณัฏฐ์ยังคงระบายยิ้มเป็นสุข แล้วเอื้อมมือจับมือเรียวสวยข้างที่โดนประตูหนีบของมินตราขึ้นมามอง สาวผิวน้ำผึ้งลูบไปลูบมาเบาๆแล้วเป่าลมช้าๆให้อย่างนิ่มนวล ทำให้มินตราลืมตามองปริบๆแล้วอมยิ้ม
“หายไวๆนะเพี้ยง!” ณัฏฐ์ทำท่าท่องคาถาแล้วลูบมือมินตราอีกครั้งอย่างปลอบโยน
สาวร่างเล็กลอบมองสีหน้าของคนร่างสูงอย่างเงียบๆ เธอเพิ่งรู้ว่ายามที่หล่อนมีความสุข อารมณ์ดีเช่นนี้ มันทำให้คนอย่างมินตรามีอาการหวั่นไหวและชอบมองแบบนี้เหลือเกิน...
มินตราลูบตามไรผมที่ชื้นเหงื่อของณัฏฐ์ให้ช้าๆแล้วบรรจงจูบแก้มของหล่อนเพื่อเป็นการขอบคุณ
ที่คอนโดของพลอยใส เธอกำลังโทรคุยโทรศัพท์กับมินตราอย่างสนุกสนาน เพลินตาก็เดินเข้ามาในห้องอย่างกระฟัดกระเฟียด แล้วโยนกระเป๋ากับถอดรองเท้าไปคนละทิศคนละทาง
“เฮ้ย มิน ยัยเพลินตัวแสบกลับมาแล้วท่าทางอารมณ์ไม่ดี...” พลอยใสเปลี่ยนอารมณ์พูดคุยกับมินตราเสียงเบาลง
“เออ พลอยเมื่อไหร่แกจะพาน้องสาวมาให้เห็นเนี่ย เจอตอนตัวกะเปี๊ยกแล้วไปเรียนเมืองนอกมาเป็นไง ลากมาให้เห็นบ้าง” มินตรากระเซ้าแหย่
“โอ๊ย รายนี้วันๆมัวแต่ไปหาก๊งกิ๊กอะไรมันนู่น ไว้ว่างๆเดี๋ยวก็เจอเองแหละ แค่นี้ก่อนนะ” พลอยใสรีบตัดบทเมื่อเห็นสถานการณ์ของห้องเริ่มอึดอัดเพราะเพลินตาหันมามองพี่สาวอย่างไม่สบอารมณ์
“เออๆ แค่นี้ก็ได้...” มินตรากดวางสายไป
“อะไร หงุดหงิดอะไรมาก็อย่ามาพาล” พลอยใสหันไปต่อว่าผู้เป็นน้องสาวทันทีเมื่อเห็นแววตาเขม็งจ้องมา
เพลินตาเงยหน้ามองพี่สาวนิ่งก่อนที่จะกรีดร้องและกระทืบเท้าออกมาอย่างโมโหจนพลอยใสต้องอุดหู
อ๊าย!!!!!!
“หยุด!” พลอยใสตะโกนแข่งกับเสียงกรีดร้องของเพลินตา
“ไม่หยุดเดี๋ยวจะตบให้หน้าช้ำก็วันนี้แหละ!” พลอยใสขึ้นเสียงดังแข่งกับเพลินตาเมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่ยอมหยุดกรีดร้องจนเสียงดังลั่นห้อง
เพลินตาหยุดทันทีแล้วมองพี่สาวหน้างอ
“อะไรเพลิน เป็นบ้าอะไรของแก นี่เราไม่ได้อยู่คนเดียวห้องข้างๆได้ยินกันหมดแล้ว ไปเรียนถึงเมืองนอกนะ หัดคิดบ้างสมองเนี่ยสมอง...” พลอยใสจิ้มไปที่ศีรษะของเพลินตาอย่างหงุดหงิด
____________________________
มาอัพตามคำขอที่อยากให้ไวๆฮะ ^^
สามารถติดตามผลงาน yuri อื่นๆของป๋มได้ที่ ลิงค์นี้
รับคนที่สนใจอ่านยูริ ทุกเพศ ทุกวัยฮะ
http://www.comeon-book.com/comeonv3/prof.php?WID=11466
ความคิดเห็น