ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เติมรักให้เต็มใจ(yuri)

    ลำดับตอนที่ #7 : ๗.อุปสรรค

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 53


    +weenza

    samurai

    +

    ๗.อุปสรรค

                “มินอยากให้ณัฏฐ์อ่อนโยนกับมินเหมือนเดิม เป็นอย่างที่ณัฏฐ์เป็น...แค่นี้ได้ไหม?” มินตราร้องขอน้ำเสียงวิงวอน

                ณัฏฐ์ลูบหัวมินตราเบาๆแล้วคว้าร่างบางมากอดแน่น 

    “ณัฏฐ์ เคยทำดีกับมิน แต่ตอนนี้มินกลับรู้สึกว่าอยู่กับใครไม่รู้...” คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากความรู้สึกในใจของมินตราทำให้ณัฏฐ์กอดกระชับแน่นกว่าเดิม

                “โอเค...โอเค”

    สาวผิวน้ำผึ้งพยายามลืบเลือนเรื่องราวเก่าๆที่คอยตอกย้ำใจซึ่งเป็นเหตุให้ต้องทำตัวเย็นชากับมินตราเช่นนี้...

     

                เมื่อ 2 วันก่อน

                สาวผิวน้ำผึ้งและมินตรากำลังเดินห้างสรรพสินค้าด้วยกัน ณัฏฐ์เดินไปหยุดอยู่ที่ร้านสโนบอลเล็กๆร้านหนึ่ง สาวหน้าหวานเดินเข้าไปดูด้วยอาการตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นแล้วหยิบสโนบอล 3-4 ลูกมาหมุนๆดู เธอยิ้มกว้างเมื่อเห็นทั้งไฟและตุ๊กตาที่อยู่ในสโนบอลนั้นหมุนตามเพลง

                ตรงข้ามกับณัฏฐ์ที่จ้องเพียงสโนบอลลูกเล็กๆซึ่งตั้งวางอยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน มือเรียวยาวหยิบขึ้นมามองดูยิ้มๆเมื่อเห็นลูกหมีในสโนบอลมีหลากหลายแบบที่ต่างกันไป ดูเรียบๆแต่น่าสนใจ

                “ณัฏฐ์” มินตราเรียกสาวผิวน้ำผึ้งแล้วส่งสโนบอลลูกหนึ่งที่มีเจ้าชายกับเจ้าหญิงกำลังกอดเอวอย่างน่ารัก เธอหมุนสโนบอลให้ณัฏฐ์ดู ฐานตุ๊กตาในสโนบอลนั้นก็หมุนตามพร้อมเสียงเพลงและแสงไฟวิบวับ สาวร่างเล็กมองนัยน์ตาเป็นประกายตรงข้ามกับณัฏฐ์ที่มองแล้วรู้สึกว่ามัน เว่อร์ จนเกินไป

                “ระหว่างสโนบอลเรียบๆ กับมีสีสันชอบแบบไหน?” ณัฏฐ์ถามเธอเสียงเรียบพร้อมหยิบสโนบอลลูกเล็กๆขึ้นมาดูเล่นๆเขย่าเบาๆ

                “ชอบแบบมีสีสัน เรียบๆน่าเบื่อจะตายไป” มินตรารีบตอบอย่างมั่นใจ ขณะที่ณัฏฐ์สะอึกไปกับคำพูดของมินตราแล้วใจลอยไปคิดถึงเรื่องของพีรเพชร

                ....หลายวันก่อน ณัฏฐ์เจอพีรเพชรอย่างไม่ทันตั้งตัวขณะที่ตนเองเอางานเขียนบทไปให้ที่บริษัทภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ระหว่างที่ณัฏฐ์กำลังเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นดันเจอพีรเพชรลากตัวหล่อนออกมาเสียก่อน

                “มึงปล่อยมินตราได้แล้ว” พีรเพชรกระชากคอเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลของสาวร่างโปร่งอย่างโกรธจัดแล้วลากตัวณัฏฐ์หลบเข้ามุมที่ปลอดคนสังเกตเห็น

                ณัฏฐ์ปัดมือคนร่างสูงกว่าหล่อนออกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมองพีรเพชรสีหน้าเอาเรื่อง

                “ทีมึงล่ะ ทุกอย่างที่มี ยังไม่พอใช่มั้ย”

                “วอนนะมึง!” พีรเพชรตบหน้าณัฏฐ์อย่างแรงจนหล่อนหน้าหันไปอีกด้านหนึ่ง

    สาวผิวน้ำผึ้งกุมใบหน้าด้วยความเจ็บแค้น จ้องพีรเพชรซึ่งกำลังชี้หน้าตนเองอยู่อย่างเขม็ง

                “มินไม่อยู่กับมึงหรอก เพราะมึงเป็นคนไม่มีอะไร มินเขาจะกัดก้อนเกลือกินกับมึงทำไม”

                “ควาย! ถ้ามึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างก็ทำต่อไปเถอะ” ณัฏฐ์ตะคอกเสียงใส่พีรเพชรและผลักออกอย่างแรงจนพีรเพชรเสียหลักไป

                ดาราหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันแล้วเดินเข้าไปใกล้ ตะเบ็งเสียงหลบข้างหูของณัฏฐ์

    “กูจะเอามินคืน ไอ้ลูกเมียน้อย

    ณัฏฐ์กำหมัดแน่นแววตามุ่งร้ายด้วยความโกรธแค้น...

     

                “ณัฏฐ์คะ...ณัฏฐ์” มินตราเขย่าแขนของสาวร่างโปร่งเรียกซ้ำเสียงดัง เมื่อเห็นคนหน้าคมขบกรามแน่นแล้วใจลอยไปไกลเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด

                ณัฏฐ์หันมาทางมินตราสีหน้างุนงง

                “เป็นอะไรไป เมื่อกี้ก็กอดมินซะแน่น แถมไม่ยอมปล่อย มินจะขาดอากาศหายใจอยู่แล้ว...”

                ณัฏฐ์รีบคลายกอดมินตราทันที

                มินตราจับคอตนเองลูบไปลูบมาแล้วกระแอมเบาๆ

                “ไปหาไรกินดีกว่า...” ณัฏฐ์เปลี่ยนเรื่องแล้วเดินหนีไปอีกทาง

     

                ณ คอนโดห้องหนึ่ง พลอยใสเดินมาที่ตู้เย็น หยิบขวดน้ำมารินใส่แก้ว ยกขึ้นจิบนิดๆก่อนที่จะเอนหลังลงบนโซฟากดเปิดทีวีเปิดดูข่าว

                พลอยใสดูข่าวบันเทิงของพีรเพชรในทีวีที่เดินกอดเกี้ยวกับสาวอื่นซึ่งปาปารัสซี่แอบถ่ายได้อย่างสนใจ ผู้สื่อข่าวได้นำมาเผยแพร่และทำการสัมภาษณ์ดาราหนุ่มกันให้วุ่น

                “อ้อ เรื่องทั้งหมดก็แค่พี่น้องน่ะครับ พี่ๆนักข่าวก็น่าจะรู้ผมเป็นดารา ถ้าไม่มีข่าว ผมก็ไม่ดังสิครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่น้องกัน” พีรเพชรตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแล้วยักไหล่ไม่แคร์กับสิ่งที่เกิดขึ้น

               

    “เลวว่ะ เจ้าชู้ไม่เลิก เหมือนจะดูดี” พลอยใสกดปิดโทรทัศน์สีหน้าเอือมระอาพลางนึกถึงมินตราอย่างเป็นห่วง

                “ป่านนี้มินจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้...” พลอยใสพึมพำแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง

                “พี่พลอย...”

                พลอยใสเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นน้องสาว “เพลินตา” หญิงสาวอายุ 22 ปีแต่งตัวเปรี้ยวจัด กรีดตาคมสวย ผิวขาวใส ร่างอวบ อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนกุดสีเขียวแสบตากับกระโปรงยีนมีรอยขาดตรงระบายนิดๆหน่อยๆเผยให้เห็นต้นขาที่ขาวเนียน

                พลอยใสมองน้องสาวตาเขียวเมื่อเห็นกระโปรงที่ยาวเพียงแค่คืบฝ่ามือ

                “แต่งตัวแบบนี้ จะไปล่อจระเข้มานอนกกเลยรึไง” พลอยใสบ่นพลางนึกในใจย้อนคิดถึงตนเองสมัยอายุเท่าน้องสาวเพื่อที่จะพยายามเข้าใจเลือดแรงวัยสาว สนใจการแต่งตัว และตัวเธอก็ยอมรับว่าเคยเปรี้ยวซ่าแบบเพลินตามาก่อนแต่ไม่ถึงขนาดนี้

                พลอยใสจับตัวน้องสาวให้หันไปหันมาแล้วกุมขมับหน้าเครียด เมื่อเห็นการใส่ตุ้มหูของเพลินตาเจาะจนแทบจะรอบใบหู และตุ้มหูก็ไม่เหมือนกันทั้งสองข้าง ทาเล็บสีดำเพ้นท์สีเป็นลายดอกไม้สีขาวตัดกัน แต่งหน้าจัดจ้านจนดูโตเกินวัยที่เพลินตาควรจะเป็น

                “จะไปไหน ไม่ไปทำงานรึไง”

                “ไปหากิ๊กเก่าน่ะพี่ ขำๆ” เพลินตาขยิบตาให้พี่สาวอย่างทะเล้น

                “ไปนะ” เพลินตาโบกมือให้น้อยๆ

    พลอยใสพยักหน้าให้แบบขอไปที แต่กำชับผู้เป็นน้องสาวน้ำเสียงหนักแน่น “อย่าแสบให้มากนัก”

    เพลินตายักไหล่เหมือนกับไม่ใส่ใจในคำพูดของพี่สาวแล้วเดินออกไปทำให้พลอยใสส่ายหน้าอย่างระอา

               

                ในบริษัทขณะที่ณัฏฐ์ได้เข้าร่วมประชุมเรื่องการเขียนบทกับกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องหนึ่งอยู่นั้น ณัฏฐ์นั่งจดคำแนะนำเรื่องการปรับแต่งบทนิยายในกระดาษถ่ายสำเนาบทละครอย่างสั้นๆอย่างตั้งใจ โดยไม่สนสายตาของพีรเพชรซึ่งนั่งอีกฝั่งหนึ่ง เขามองมาที่ณัฏฐ์นั่งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

                ณัฏฐ์เงยหน้าหันไปสบตาพีรเพชรเพียงชั่วครู่แล้วส่ายหน้ากับความไม่เข้าท่าของพีรเพชรอย่างขันๆเมื่อเห็นเขากำมือบีบแน่นบริเวณที่วางแขนเก้าอี้อย่างแรง มองหล่อนตาแทบจะถลนออกมาข้างนอกแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ระหว่างการประชุม

                “คุณพีรเพชร...คุณเล่นเรื่องนี้เป็นพระเอก คุณได้ฟังข้อติชมที่ผมพูดบ้างรึเปล่า” ชายร่างท้วมอายุราว 50 กว่าปียืนกอดอกมองพีรเพชรอย่างตำหนิ

                “ฟังครับผู้กำกับ...” พีรเพชรตอบสีหน้าเจื่อน

                ณัฏฐ์ขำในลำคอเบาๆกับท่าทางของพีรเพชรที่ตอนนี้ต้องทำตัวเชื่องเหมือนลูกแมว

    ...พีรเพชรจะเกเรต่อผู้กำกับไม่ได้ หล่อนรู้ดี... ณัฏฐ์คิดแล้วอมยิ้มเมื่อเห็นพีรเพชรต้องหงอไป ภาพของเขาจากที่เป็นคนบ้าอำนาจ เอาแต่ใจ และหยิ่งผยองถูกกลบด้วยอำนาจผู้กำกับไปเสียหมดสิ้น

                แหงล่ะ...ผู้กำกับคนนี้แก่ราวรุ่นพ่อของเขาอยู่แล้ว และควรอย่างยิ่งที่จะเคารพรับฟัง ก็สินธร วงศ์พิทักษ์เป็นคนฝากให้พีรเพชรเข้าวงการกับผู้กำกับ คนนี้มาตั้งแต่สินธรยังหนุ่มแน่น และผู้กำกับก็คงเห็นความสามารถกับหน้าตาที่พอไปวัดไปวาอย่างพีรเพชรได้กระมัง จึงฉายแววรุ่งมาถึงทุกวันนี้

                เมื่อเสร็จการประชุมณัฏฐ์จึงเดินสวนกับพีรเพชรแล้วพูดเสียงตะเบ็งหลบออกมาอย่างเย้ยหยัน

                “เก่งแต่ในรู ออกจากรูก็แพ้คนอื่น”

                “ไอ้ณัฏฐ์!” พีรเพชรพูดขึ้นมาเสียงดังด้วยความโมโห

    คนในบริษัทอื่นหันมามองดาราหนุ่มเป็นตาเดียวรวมทั้งผู้กำกับด้วย พีรเพชรหันไปมองทุกคนตาขวาง หนุ่มร่างสูงขยี้ผมอย่างหงุดหงิดแล้วเดินผละออกไป

    ณัฏฐ์ยิ้มขำๆอย่างสะใจแล้วปลีกตัวออกมาอีกทาง ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สาวผิวน้ำผึ้งหยิบขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นหมายเลขโทรศัพท์ไม่คุ้นตา “ฮัลโหล”

                “พี่ณัฏฐ์ขา....”

                คนร่างโปร่งสะดุ้งกับเสียงหวานทันที เมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาหาตนเองนั้นเป็นใคร

                “เพลิน...”

                “แหม ทำไมต้องทำเสียงซีเรียสอะไรแบบนั้นล่ะคะ เพลินโทรมาคุยดีๆนะคะ”

                “เพลินจะเอาอะไรว่ามาเลยดีกว่า” ณัฏฐ์พูดเสียงเข้ม

                “ใจเย็นสิคะ เพลินก็แค่อยากชวนพี่ณัฏฐ์ไปทานไอติมด้วยกัน...”

                “แต่พี่...” หล่อนเริ่มอึกอัก

                “เพลินรู้ว่าพี่ณัฏฐ์อาจจะรังเกียจเพลินที่เพลินทำไม่ดี...” เพลินตาเริ่มทำเสียงกระซิกเหมือนจะร้องไห้เรียกคะแนนความสงสาร

                “เพลิน มันไม่ใช่แบบนั้น...”

                “แค่เราเป็นพี่น้องกัน เพลินไม่อยากได้อะไรมากกว่านั้นพี่ณัฏฐ์ให้เพลินไม่ได้หรือคะ” เพลินตายังกระซิกทำเสียงสะอื้นให้หล่อนต้องใจอ่อน

                    “โอเคๆ เงียบเลยนะเพลิน ยอมไปด้วยก็ได้” ณัฏฐ์ถอนหายใจยาวตอบรับเพลินตาอย่างอ่อนใจ

    เพลินตาวางสายโทรศัพท์จากณัฏฐ์แล้วเหยียดยิ้มมุมปากอย่างมีชัย

                “แผนสำเร็จไปหนึ่งขั้น...เพลินต้องให้พี่ณัฏฐ์กลับมาให้ได้”

    ที่ร้านไอศกรีมร้านหนึ่งในห้างสรรพสินค้า เพลินตากำลังนั่งคอยณัฏฐ์บริเวณที่ติดกับกระจกแล้วอมยิ้มบางๆอย่างมีความสุข เพียงชั่วครู่ณัฏฐ์ก็เดินมาด้วยท่าทีระแวดระวัง หล่อนทรุดตัวนั่งแล้วทำเสียงดุใส่เพลินตา

                “นั่งซะติดกระจก เข้าไปข้างในดีกว่า”

                “ก็เพลินชอบนี่คะ มันเป็นที่แรกที่พี่ณัฏฐ์พาเพลินมาเดทไม่ใช่หรือ?” เพลินตาพูดเหมือนจะเตือนความจำของสาวร่างโปร่งแล้วส่งยิ้มหวานตาเป็นประกายให้

                ณัฏฐ์เบือนหน้าหลบนิ่งกับคำพูดของเพลินตาไปชั่วขณะ

                “จะกินไอติมไม่ใช่หรือเพลิน สั่งสิ”

    หล่อนชวนเปลี่ยนเรื่องแล้วกวักมือเรียกพนักงานคนหนึ่งให้มารับออเดอร์

                คนร่างสูงสั่งไอศกรีมไปสองถ้วย เมื่อพนักงานเดินผ่านไปแล้วเพลินตาก็หันมายิ้มหวานให้ณัฏฐ์เช่นเดิม

                “ดูเปลี่ยนไปนะพี่ณัฏฐ์” เพลินตามองใบหน้าและการแต่งตัวของสาวผิวน้ำผึ้งซึ่งดูมีภูมิฐานเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น หล่อนไว้ผมยาวประบ่าซอยเซอร์ๆและทะมัดทะแมงขึ้น ต่างกับเมื่อสองปีที่แล้วที่ยังไว้ผมซอยสั้นดูสดใสและยังคงแจ่มชัดในความทรงจำของเพลินตา

                เพลินตามองตั้งแต่ใบหน้าเลื่อนลงมาที่เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลแขนสั้น กับเสื้อยืดข้างในสีเทาดูสุขุม น่าค้นหา หญิงสาวเอียงคอยิ้มให้ จนณัฏฐ์ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับดวงตาคู่สวยที่จ้องมาด้วยสายตาคมกริบ

    หล่อนหยิบน้ำพั้นซ์ด้านขวามือขึ้นมาจิบเล็กน้อย  “เพลินก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน” ณัฏฐ์พูดเสียงเรียบ แล้วมองใบหน้า “คนเคยรัก” ที่นั่งอยู่ตรงหน้า

                ใบหน้าของเพลินตาดูเป็นสาวขึ้น สวยขึ้น แต่ในเวลานี้ณัฏฐ์กลับรู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างหล่อนและเพลินตาเป็นเพียงความทรงจำไปเสียแล้ว

                    ทั้งสองนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ณัฏฐ์รับไอศกรีมที่พนักงานนำมาเสิร์ฟให้อย่างเงียบๆ พลางคิดถึงอดีตที่เคยปวดร้าว...

                ครั้งหนึ่งหล่อนเคยรักเพลินตามาก ถึงขนาดทั้งลมหายใจหากมอบให้เพลินตาได้ ก็ยอมยกให้โดยไม่มีข้อแม้ใด หากแต่เหตุการณ์กลับเปลี่ยนไป เมื่อมีชายหนุ่มเป็นชายปริศนาที่ณัฏฐ์ก็ไม่รู้จักว่าเป็นใคร เข้ามาพัวพันในชีวิตของพวกเขาทั้งสอง จนกลายเป็นรอยร้าว...

                ณัฏฐ์ไม่เจ็บใจหมอนั่น...แต่เจ็บใจเพลินตา ที่ทำเหมือนรัก ทำให้เชื่อใจแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ทิ้งไปโดยให้เหตุผลว่า......ณัฏฐ์ เติมเต็มให้เพลินไม่ได้.....

                ใช่ หล่อนเป็นผู้หญิง...แล้วการรักแบบนี้มันผิดตรงไหน...สมองของสาวผิวน้ำผึ้งยังคงค้านขึ้นมา ณัฏฐ์พยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ หลับตาชั่วขณะเพื่อที่จะขจัดความทรงจำในอดีตให้หมดไป

                    “พี่ณัฏฐ์...

                หืม... ณัฏฐ์หันมามองเพลินตาตามเสียงเรียก

                ทำไมเงียบจัง กวนไอติมจวนจะละลายหมดแล้ว... เพลินตาเอ่ยทัก

    ณัฏฐ์มองถ้วยไอติมที่เละจนเป็นน้ำหมดแล้ว จึงเลื่อนถ้วยไอศกรีมออกห่างจากตัว

                อิ่มแล้ว...ไปเถอะ... ณัฏฐ์ลุกออกไป

    เพลินตารีบจ้วงตักไอศกรีมเข้าปากอีกสามคำที่เหลือจนหมดแล้วเดินตามณัฏฐ์ออกมานอกร้าน สาวร่างอวบรีบสาวเท้าก้าวตามไวๆ เพื่อที่จะได้เดินตามทันคนร่างสูงจนและคว้าชายเสื้อเชิ้ตด้านหลังเอาไว้

    เดี๋ยว นี่จะรีบไปไหนเนี่ยพี่ณัฏฐ์... เพลินตาพูดออกมาพลางหอบน้อยๆ

    ณัฏฐ์หันมามองใบหน้าของคนถามพร้อมกับขมวดคิ้วขุ่น

    เพลินมีอะไรอีกป่ะล่ะ

    มีค่ะ เพลินจะชวนพี่ไปเที่ยวต่อ...

    ณัฏฐ์ถอนหายใจแรง หันมามองเพลินตาที่ส่งสายตากระพริบเป็นประกาย ก่อนหน้านี้หล่อนไม่ปฏิเสธว่าเคยมองสายตาแบบนี้ของเพลินตาแล้วเกิดอาการหวั่นไหว แต่เวลานี้กลับกลายเป็นความรู้สึกน่ารำคาญอย่างบอกไม่ถูก

    ไม่ไป จะกลับบ้าน... ณัฏฐ์พูดเสียงเรียบ

                พี่ณัฏฐ์ขา พี่ณัฏฐ์เคยตามใจเพลินนะ เพลินตาเข้ามาคล้องแขนณัฏฐ์แน่น แล้วกระแซะตัวเข้ามาเบียดณัฏฐ์ชนิดที่ว่าตั้งแต่ช่วงหน้าอกลงไปถึงต้นขาของสาวร่างอวบติดกับคนร่างโปร่งราวกับปลิง

                ...โห!...นี่จะเอาให้ได้เลยใช่มะ... ตูไม่โง่นะเว่ย... ณัฏฐ์คิดในใจแล้วพยายามแกะมือของเพลินตาที่ล็อกตัวของหล่อนแน่นแต่แรงยื้อของเพลินตาก็พยายามจะกอดณัฏฐ์อยู่อย่างนั้นอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน

                ปล่อยได้แล้วเพลิน พี่ไม่อยากใช้กำลังกับเพลินนะ... สาวผิวน้ำผึ้งพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด

                ก็ไปเที่ยวกับเพลินต่อสิคะแล้วจะปล่อย...

                ฐานะอะไรล่ะเพลิน!? ณัฏฐ์ถามอย่างโมโหแล้วพยายามดันตัวของเพลินตาออกห่างแต่แรงยื้อของสาวร่างอวบก็มีมากจนแขนของหล่อนแดงเป็นปื้น

                ไม่อายคนบ้างรึไงเนี่ยฮะ!” ณัฏฐ์ผลักเพลินตาออกจากตัวเต็มกำลังจนล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ใบหน้าเหยเก

                สาวผิวน้ำผึ้งส่ายหน้าไม่สนใจแล้วรีบเดินฉับๆไปจากเพลินตาจนไกลลิบ โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องใดๆแม้แต่น้อย

                   

                ปัง! เสียงปิดประตูห้องกระแทกลงอย่างเหลืออดทำให้สาวหน้าหวานยืนตัวเกร็งขนลุกซู่อย่างเสียวสันหลังเมื่อเหลียวมองณัฏฐ์ซึ่งอยู่ในอาการฉุนเฉียว

                ณัฏฐ์...มินตราเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบาเมื่อเห็นคนร่างสูงผิวน้ำผึ้งอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด สีหน้าบูดบึ้ง ใบหน้าคมเข้มของหล่อนหันมองมินตราแววตาแข็งกร้าว

                ไปโมโหใครมาคะ กินขนมอบเนยดีกว่ามินเพิ่งทำเร็จนะ ห๊อมหอม มินตราชวนเปลี่ยนเรื่องเสียงใสพลางยกจานกระเบื้องขาวที่มีขนมปังแผ่นตัดอย่างพอดีคำ สีเหลืองนวลส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้น้ำลายสอมาล่อณัฏฐ์ตรงหน้า

                ณัฏฐ์ยังคงนิ่ง หล่อนหลับตาศีรษะพาดพนักพิงของโซฟาแล้วบีบนวดที่ขมับน้อยๆบรรเทาอาการปวดหัวกับเรื่องที่ตนเองประสบวันนี้

                ชิมฝีมือมินก่อนดีกว่า นะๆ มินตราหยิบขนมไปชิ้นหนึ่งแล้วยื่นเข้าไปใกล้ปากณัฏฐ์จะป้อน

                เซ้าซี้จัง... ณัฏฐ์พึมพำออกมาเบาๆ ทำให้คนที่ได้ยินถึงกับหน้างอ

                สาวผิวน้ำผึ้งพยายามปรับอารมณ์ให้เย็นลงเป็นปกติแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะอ้าปากกินขนมที่มินตราป้อนอย่างว่าง่าย

                อร่อยไหม?... มินตรานั่งข้างหล่อนสีหน้าลุ้น

                ณัฏฐ์ส่ายหน้า

                หา...ไม่อร่อยหรอ นี่มินอุตส่าห์ทำสุดฝีมือเลยนะ มินตราพูดพลางคว้าขนมในจานชิ้นหนึ่งขึ้นมากำลังจะใส่ปากตนเอง แต่เพียงเสี้ยววินาทีสั้นๆสาวร่างโปร่งกลับตวัดรอบเอวบางของสาวร่างบางเข้ามากอดกระชับพลางแย่งขนมที่มินตรางับอยู่คาปากอย่างรวดเร็ว ทำให้ริมฝีปากของคนสองคนบังเอิญแตะกันน้อยๆ ณัฏฐ์ถอนตัวออกจากมินตราแล้วเคี้ยวขนมอย่างอารมณ์ดีปล่อยใจหัวใจของเธอกระตุกนิ่งไปอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้สังเกต

                ไม่อร่อย แต่อร่อยมากไง ณัฏฐ์หันมามองมินตราแววตาสดใสราวกับเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    มินตราก้มหน้างุดรู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายพุ่งขึ้นสูงผิดปกติ หัวใจเต้นถี่รัวอีกทั้งใบหน้าร้อนผ่าวราวกับเจอแสงแดดจัดจ้าก็ไม่ปาน

                เป็นอะไรไป... ณัฏฐ์ช้อนคนหน้าหวานขึ้นมาสบตาใกล้จนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจแรงของมินตรา

                เอ... หายใจติดขัดหรอ ณัฏฐ์ช่วยไหม? พูดน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่แววตาที่ส่งประกายระยับทำให้มินตรารู้สึกหวั่นไหวเหมือนเป็นสัญญาณว่าจะตกหลุมรักคนๆนี้เข้าเสียแล้ว

                ไม่เอา มินตราสั่นหน้าดิกด้วยความเขินจัด เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ใบหน้าแดงแค่ไหน รู้เพียงอย่างเดียวว่าหัวใจแทบจะออกมาเต้นอยู่ข้างนอกเสียให้ได้ ยิ่งเธอได้กลิ่นน้ำหอมเย็นๆที่ติดตัวของคนร่างโปร่งยามประชิดตัวแบบนี้กลับทำให้มินตรารู้สึกว่าไร้แรงต้านทานที่จะผลักไสออกห่าง

    .....นี่เรารักเขาแล้วหรือมิน...หรือแค่หวั่นไหวแน่?...
                เหมือนทุกอย่างจะหยุดเป็นเหมือนความฝัน ยามที่มินตรานิ่งแล้วหลบตาณัฏฐ์บ่อยๆกลับทำให้คนร่างสูงเริ่มรู้สึกอยากเข้าใกล้มินตรามากขึ้น...มากขึ้น จนหล่อนจูบประทับริมฝีปากของมินตราที่กำลังร้อนระอุอย่างแนบแน่น ปล่อยให้ปลายลิ้นเข้าไปสำรวจความหวานที่ซุกซ่อนอยู่ในริมฝีปากบาง

                ริมฝีปากเย็นๆของสาวผิวน้ำผึ้ง จากการแอบดื่มน้ำไปตอนไหนนั้น มินตราก็ไม่ได้สังเกตเห็น  

    ณัฏฐ์ค่อยๆบดริมฝีปากของตนเองกับริมฝีปากของเธอให้ร้อนแรงขึ้นด้วยลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดพันกันในช่องปากจนทำให้มินตราเกือบหยุดหายใจ ปล่อยให้ความรู้สึกและสัญชาตญาณแห่งรักโอบกอดร่างกายของณัฏฐ์ไว้แน่นราวกับกลัวว่าเขาจะหลุดลอยไปไหน

                เหมือนณัฏฐ์ตกอยู่ในอารมณ์โหยหาผู้หญิงคนที่ชื่อมินตรามานานแสนนาน คนร่างสูงช้อนคนตัวเล็กขึ้นจากโซฟานุ่มแล้ว ย้ายไปวางบนที่นอนในห้องอย่างทนุถนอม  มินตรายังอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มราวกับคนไม่ได้สติ เธอมองณัฏฐ์ด้วยแววตาวาบหวามเหมือนยั่วเย้าปลุกอารมณ์พิศวาสของณัฏฐ์ให้เพิ่มขึ้นเป็นทวี

                ณัฏฐ์ค่อยๆระดมจูบตามซอกคอขาวของหญิงสาวอย่างเร่งเร้า ไล่ลงมาตามเรือนร่างกายที่ขาวสะอาดของเธอ และมอบจูบไปทั่วร่างกาย...เพียงวินาทีสั้นๆเสื้อผ้าของทั้งสองก็ถูกปลดออกจากพันธนาการเหลือเพียงอ้อมกอดอุ่นๆของคนสองคนภายใต้ผ้าห่มผืนเดียว....

               

    มิน...

                คะ... มินตราเงยหน้ามองใบหน้าคมเข้มของณัฏฐ์ เวลานี้เธอซุกใบหน้าตรงช่วงหัวไหล่อันแข็งแรงของหล่อน ขณะที่มือณัฏฐ์ก็ยังคงโอบกอดเธอไม่ห่างตัว

                ณัฏฐ์ยอมเป็นคนเลว ถ้าจะได้อยู่กับมินแบบนี้นะ หล่อนสบตามินตราอย่างจริงจัง ขณะที่มินตราหัวเราะเสียงใส

                ณัฏฐ์ไม่ใช่คนเลวซักหน่อย... เธอแย้ง

                ณัฏฐ์ไม่อยากยกมินให้ใคร จริงๆนะ สาวผิวน้ำผึ้งเอ่ยความในใจที่ปิดบังออกมาทำให้มินตราเงยหน้ามองแล้วบีบจมูกคนพูดด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่จะหลับตาซุกกายแนบชิดกับอ้อมกอดอุ่นๆอันแข็งแรงของเขาอีกครั้ง...ความรู้สึกปลอดภัยแล่นเข้ามาในหัวใจเธอจนแทบอยากจะหยุดเวลาไว้แบบนี้...เหลือเกิน

                มินก็ไม่อยากยกณัฏฐ์ให้ใครเหมือนกัน... เธอพูดออกมาเสียงแผ่วเบา

                ว่าไงนะ...ณัฏฐ์ถามออกมาน้ำเสียงตกตะลึง หล่อนประคองใบหน้าเนียนใสของมินตราแววตาบ่งบอกว่าอยากได้ยินชัดๆอีกครั้ง

                อื้อ...ไม่รู้แล้ว พูดแล้วพูดเลยไม่ได้ยินเอง... มินตราเบือนหน้าหลบไปอีกทางด้วยความเขิน

                นี่...ไม่ได้หลอกณัฏฐ์ใช่ไหมมิน... ณัฏฐ์ยังไม่คลายความสงสัย

                หลอกอะไร...มินตราถาม

                ก็ที่ได้ยินเมื่อกี้...อุบ

    ณัฏฐ์กำลังจะพูดแต่ก็โดนมินตราประกบปากไปเสียก่อน ร่างบางพลิกตัวขึ้นมาทับคนร่างสูงก่อนที่ส่งยิ้มหวานให้เสียหยดเยิ้มเมื่อเห็นณัฏฐ์มีสีหน้าแดงจัด

                มาถึงขนาดนี้... ถ้ามินหลอกณัฏฐ์ก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ มินตราพูดอย่างเก้อเขิน เมื่อมองไปที่ณัฏฐ์เห็นแววตาของเขาเป็นประกายวับส่งกลับมาก็ยิ่งเขินหนัก

                สนใจณัฏฐ์เมื่อไหร่... สาวผิวน้ำผึ้งเอ่ยถาม

                ไม่รู้... เธอส่ายหน้า

                เอ้า ง่ายอย่างนี้เลยหรอ

                มินตราจึงทุบคนร่างสูงไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ทำให้ณัฏฐ์ร้องเสียงหลง

                ก็ใครจะไปรู้ รัก...มันมีเหตุผลด้วยหรอ? เธอเอียงคอถามเหมือนเด็กตัวเล็กๆจนทำให้ณัฏฐ์หัวเราะออกมาด้วยความพอใจ

                วันนี้มินสวยจัง... สาวตาคมเอ่ยชมพร้อมส่งตาหวานให้ นัยน์ตาที่แฝงความหมายของณัฏฐ์ที่ลึกไปมากกว่านั้นทำให้คนถูกมองมีอาการใจสั่น

                ....ทำไมถึงมีอาการได้ขนาดนี้นะเรา...ตาคมของณัฏฐ์ดูมีเสน่ห์เหลือเกิน...

    มินตรานึกในใจพลางซบหน้าลงกับบริเวณต้นคอของณัฏฐ์อย่างเอียงอาย

                ณัฏฐ์ยังคงระบายยิ้มเป็นสุข แล้วเอื้อมมือจับมือเรียวสวยข้างที่โดนประตูหนีบของมินตราขึ้นมามอง สาวผิวน้ำผึ้งลูบไปลูบมาเบาๆแล้วเป่าลมช้าๆให้อย่างนิ่มนวล ทำให้มินตราลืมตามองปริบๆแล้วอมยิ้ม

                หายไวๆนะเพี้ยง!” ณัฏฐ์ทำท่าท่องคาถาแล้วลูบมือมินตราอีกครั้งอย่างปลอบโยน

    สาวร่างเล็กลอบมองสีหน้าของคนร่างสูงอย่างเงียบๆ เธอเพิ่งรู้ว่ายามที่หล่อนมีความสุข อารมณ์ดีเช่นนี้ มันทำให้คนอย่างมินตรามีอาการหวั่นไหวและชอบมองแบบนี้เหลือเกิน...

    มินตราลูบตามไรผมที่ชื้นเหงื่อของณัฏฐ์ให้ช้าๆแล้วบรรจงจูบแก้มของหล่อนเพื่อเป็นการขอบคุณ

     

                ที่คอนโดของพลอยใส เธอกำลังโทรคุยโทรศัพท์กับมินตราอย่างสนุกสนาน เพลินตาก็เดินเข้ามาในห้องอย่างกระฟัดกระเฟียด แล้วโยนกระเป๋ากับถอดรองเท้าไปคนละทิศคนละทาง

                เฮ้ย มิน ยัยเพลินตัวแสบกลับมาแล้วท่าทางอารมณ์ไม่ดี...พลอยใสเปลี่ยนอารมณ์พูดคุยกับมินตราเสียงเบาลง

                เออ พลอยเมื่อไหร่แกจะพาน้องสาวมาให้เห็นเนี่ย เจอตอนตัวกะเปี๊ยกแล้วไปเรียนเมืองนอกมาเป็นไง ลากมาให้เห็นบ้าง มินตรากระเซ้าแหย่

                โอ๊ย รายนี้วันๆมัวแต่ไปหาก๊งกิ๊กอะไรมันนู่น ไว้ว่างๆเดี๋ยวก็เจอเองแหละ แค่นี้ก่อนนะ พลอยใสรีบตัดบทเมื่อเห็นสถานการณ์ของห้องเริ่มอึดอัดเพราะเพลินตาหันมามองพี่สาวอย่างไม่สบอารมณ์

                เออๆ แค่นี้ก็ได้... มินตรากดวางสายไป

                อะไร หงุดหงิดอะไรมาก็อย่ามาพาล พลอยใสหันไปต่อว่าผู้เป็นน้องสาวทันทีเมื่อเห็นแววตาเขม็งจ้องมา

    เพลินตาเงยหน้ามองพี่สาวนิ่งก่อนที่จะกรีดร้องและกระทืบเท้าออกมาอย่างโมโหจนพลอยใสต้องอุดหู

    อ๊าย!!!!!!

    หยุด!” พลอยใสตะโกนแข่งกับเสียงกรีดร้องของเพลินตา

                ไม่หยุดเดี๋ยวจะตบให้หน้าช้ำก็วันนี้แหละ!” พลอยใสขึ้นเสียงดังแข่งกับเพลินตาเมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่ยอมหยุดกรีดร้องจนเสียงดังลั่นห้อง

                เพลินตาหยุดทันทีแล้วมองพี่สาวหน้างอ

    อะไรเพลิน เป็นบ้าอะไรของแก นี่เราไม่ได้อยู่คนเดียวห้องข้างๆได้ยินกันหมดแล้ว ไปเรียนถึงเมืองนอกนะ หัดคิดบ้างสมองเนี่ยสมอง... พลอยใสจิ้มไปที่ศีรษะของเพลินตาอย่างหงุดหงิด


    ____________________________

    มาอัพตามคำขอที่อยากให้ไวๆฮะ ^^

    สามารถติดตามผลงาน yuri อื่นๆของป๋มได้ที่ ลิงค์นี้
    รับคนที่สนใจอ่านยูริ ทุกเพศ ทุกวัยฮะ

    http://www.comeon-book.com/comeonv3/prof.php?WID=11466



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×