คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ๖.พิษรักแรงหึง
+
+ |
-
-
๕.พิษรัก แรงหึง!
มินตราส่ายหน้าผิดหวัง สาวร่างบางสวมกอดหล่อนไว้แน่นโดยที่ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปาก
“ไม่ต้องมากอดณัฏฐ์หอก ณัฏฐ์มันคนสกปรก” ณัฏฐ์พูดเสี่ยงเริ่มสั่นและพยายามดันสาวร่างเล็กออกห่างจากตัว
“ไม่ มินไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ...” มินตรายังยื้อคงกอดสาวหน้าคมไว้แน่น
สาวร่างโปร่งพยายามแกะมือเรียวเล็กของมินตราจนหลุดเป็นอิสระ มือเนียนของเธอจึงเปลี่ยนทำท่าจะเช็ดน้ำตาให้แต่ก็โดนปัดออกอย่างไว
“ณัฏฐ์ มินเป็นห่วงนะ ทำไมทำกับมินแบบนี้ล่ะ...” มินตราพูดด้วยอารมณ์น้อยใจ
“ไปห่วงแม่มินเถอะ ท่านคงยังไม่ทานข้าวเช้า ซื้อข้าวที่สะอาด จานสวยๆใส่ให้ทานหน่อยก็ดี” ณัฏฐ์เดินเลี่ยงออกมาจากมินตรา
ทันใดนั้นก็มีเสียงออดดังมาจากหน้าบ้าน เท้าที่สาวยาวๆของณัฏฐ์หยุดนิ่งไปชั่วขณะแล้วเดินไปทางประตูรั้วบ้านด้วยอารมณ์เดือด “อะไรกันนักหนาวะวันนี้”
ณัฏฐ์เกาหัวอย่างเซ็งๆแล้วเปิดประตูออก แต่ก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นร่างสูงที่คุ้นเคย “พีรเพชร” ชายหนุ่มผิวพรรณดี เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบ กางเกงขายาวสีขาวเข้ากัน บนอ้อมแขนประคองดอกกุหลาบสีแดงช่อเบ้อเริ่มและส่งยิ้มให้ณัฏฐ์อย่างมีชัย พลางไล่ระตับสายตามองมาที่หล่อนอย่างดูถูกในแต่งตัวเพียงเสื้อยืดธรรมดากับกางเกงยีนเท่านั้น
ณัฏฐ์มองพีรเพชรกลับ รู้ความหมายแฝงของสายตาที่จ้องมา
“มึงมาทำไม?” หล่อนคำรามใส่อย่างเหลืออด
“ชู่!” พีรเพชรจุ๊ปากเบาๆแล้วหัวเราะยั่วกวนประสาท
“ผู้ดี...เขาไม่พูดคำหยาบกันนะครับ” ร่างของพีรเพชรที่สูงกว่าณัฏฐ์ประมาณ 10 เซนเบียดณัฏฐ์เข้ามาในบ้านจนเจ้าของบ้านเสียหลักไปอีกทาง
พีรเพชรเดินตรงไปที่มินตราอย่างมั่นใจโดยที่ไม่สนใจว่าอดีตแฟนสาวกำลังยืนอึ้งกับการมาถึงของชายหนุ่มที่บ้านหลังนี้ เขายื่นช่อดอกไม้ให้พร้อมกับนัยน์ตาหวานฉ่ำ
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ คนสวย”
“เอ่อ...” มินตรามองตรงมาที่ณัฏฐ์สลับกับพีรเพชรแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สาวผิวน้ำผึ้งยืนทนดูเหตุการณ์ไม่ไหวจึงหันหลังเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
“ณัฏฐ์! เดี๋ยวสิ” มินตราตะโกนเรียก ก่อนจะปาดอกกุหลาบใส่หน้าชายหนุ่มอย่างไม่ไยดี
“มาทำไมล่ะ ไร้สาระตามตื้ออยู่ได้!” มินตราต่อว่าพีรเพชรแล้ววิ่งตามสาวร่างโปร่งเข้าไปในบ้าน
พีรเพชรมองดอกกุหลาบที่กองเกลื่อนบนพื้นด้วยความโมโห เขากำมือแน่นสีหน้าเต็มไปด้วยความแค้น
“พูดกันดีๆไม่รู้เรื่อง คงต้องใช้กำลังแล้วมั้ง....” พีรเพชรพึมพำกับตนเองแล้วเดินออกมาแววตาลุกด้วยความโกรธจัดราวกับเปลวเพลิง
“ณัฏฐ์! เดี๋ยว” มินตรายื้อประตูผลักกับแรงต้านของณัฏฐ์ที่อยู่ในห้องกำลังดันประตูปิดอย่างแรงไม่แพ้กัน
“ณัฏฐ์อย่าดัน ฟังมินอธิบายก่อน!” มินตรายังคงผลักแรงดันกับณัฏฐ์อยู่อย่างนั้นจนเธอหมดแรงยื้อประตูที่ณัฏฐ์ดันกลับมาจึงหนีบมือมินตราเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย! ”มินตราร้องออกมาเสียงหลงทำให้ณัฏฐ์ตกใจและรีบเปิดประตูออกมาดู
“มิน!” ดวงตาของหล่อนเบิกโพลงเมื่อเห็นบริเวณปลายนิ้วชี้ถึงนิ้วกลาง เป็นสีม่วงจัดจนเห็นได้ชัด
“เจ็บมากไหม...” สาวหน้าคมเอื้อมมือไปแตะมือเรียวเล็กของมินตราอย่างเป็นห่วง ความโกรธเมื่อครู่ดับหายเป็นปลิดทิ้ง
“โอ๊ยเจ็บ!” มินตราร้องเสียงดังหนักกว่าเดิมแล้วร้องไห้ออกมา
ณัฏฐ์หน้าเสียทันที หล่อนหันซ้ายแลขวาอย่างตกใจ “ไปหาหมอนะ เดี๋ยวณัฏฐ์พาไป” ณัฏฐ์พยุงมินตราไปที่รถขณะที่มินก็ยังร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ณัฏฐ์ไม่ฟังมินเลย” มินตราพูดขึ้นมาทั้งน้ำตาเมื่อนั่งอยู่ในรถแท็กซี่กับณัฏฐ์เพียงสองคน
สาวผิวน้ำผึ้งมองมินตราอย่างสำนึกผิด “ณัฏฐ์ขอโทษ...ทนหน่อยนะ จะพาไปหาหมอ...”
ที่โรงพยาบาล ขณะที่มินตรากำลังเข้าไปตรวจกระดูกอยู่นั้น สาวผิวน้ำผึ้งก็เดินกระวนกระวายอยู่หน้าห้องตรวจอย่างเป็นห่วง หล่อนชะเง้อมองหน้าประตูหลายๆครั้ง แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องตรวจ กุมขมับหน้าเครียด ระยะเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง มีหมอร่างท้วมคนหนึ่งเดินออกมาจากห้อง ณัฏฐ์รีบปรี่เข้าไปหา พลางถามอย่างรีบร้อน
“หมอๆๆ คนไข้เป็นอย่างไรบ้าง แล้วเจ็บมากมั้ย มือยังใช้การได้รึเปล่า ตอนนี้โอเครึยังหมอ?” คำถามรัวเป็นชุดแทบไม่ได้เว้นจังหวะหายใจจนคนฟังถึงกับนิ่งตอบไม่ถูก
“ใจเย็นครับคุณ คุณเป็นญาติคนไข้ใช่ไหมครับ” หมอวัยกลางคนรูปร่างท้วมถามเสียงเนิบ
ณัฏฐ์พยักหน้า “เป็นคนรู้จักกัน...เร็วๆสิหมอ บอกมาเร็วๆ” สาวร่างโปร่งเขย่าแขนหมออย่างแรงจนเขาต้องรีบพูดออกมา
“ครับๆ ปลอดภัยดีครับ”
“เฮ้อ!” ณัฏฐ์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“วันหลังคุณจะทะเลาะกันเนี่ย ถนอมคุณมินตราหน่อยแล้วกันนะครับ เท่าที่เอ็กซเรย์กระดูกของเธอมีมวลแคลเซียมน้อย แถมยังเป็นคนร่างเล็กอีกต่างหาก นี่ไม่หักก็อึดมากแล้วนะครับ”
ณัฏฐ์เกาหัวอย่างเจื่อนๆแล้วพยักหน้ารับ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หมอขอตัวนะครับ” หมอส่งยิ้มให้ณัฏฐ์บางๆ เดินเลี่ยงออกไปอีกทาง
ณัฏฐ์ชะเง้อคอมองไปที่ประตูคนไข้ สีหน้านิ่งไปเพียงชั่วครู่ มินตราเดินออกมาจากห้องตรวจ ยังคงเจ็บแผลอยู่ เธอลูบมือเบาๆ สาวหน้าคมเงยหน้ามองมินตราอย่างคนรู้สึกผิด เมื่อเห็นที่มือเรียวเล็กของเธอมีผ้าก็อตพันแผลจนหนา มินตราหันมองหน้าณัฏฐ์สีหน้าออกโกรธๆ ขณะที่ณัฏฐ์ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาเธอขึ้นมา
มินตราทรุดตัวนั่งข้างๆคนร่างสูง แล้วหันมองณัฏฐ์เหมือนจะรอฟังว่าหล่อนจะพูดอะไรหรือเปล่า หากแต่เธอกลับเห็นว่าณัฏฐ์เบือนหน้าหลบไปอีกทางจึงได้แต่นิ่งเงียบ
....ทำไมไม่พูดอะไรออกมาบ้างณัฏฐ์ มินรอฟัง รอฟังว่าณัฏฐ์เป็นห่วงมินบ้างรึเปล่า....เจ็บนะ...ใจร้ายจังเลย...
มินตราหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้ ส่วนสาวผิวน้ำผึ้งยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง มือข้างหนึ่งถือแก้วน้ำผลไม้ปั่นเอาหลอดกวนไปมาไม่ได้พูดอะไร
“อ่ะ...” หล่อนส่งแก้วน้ำให้ สีหน้าเรียบเฉย
มินตราออกฉุน เธอขมวดคิ้วไม่พอใจ “กินได้ที่ไหนเล่า มือขวาเจ็บอยู่...”
“มือขวากินไม่ได้ ก็กินมือซ้ายดิ” ณัฏฐ์ยื่นแก้วให้อีกรอบ แต่ก็ได้ยินเสียงพยาบาลเรียกให้มินตราไปรับยาเสียก่อน
ณัฏฐ์หันไปมองมินตราที่กำลังจะลุกเดินไปรับยา หล่อนรีบดึงมือซ้ายของมินตรามารับแก้วน้ำ
“อะไรที่ไม่เคย หัดซะบ้างจะได้เป็น...” ณัฏฐ์จ้องวงหน้าสวยของมินตราครู่หนึ่งแล้วรีบผละไปรับยาแทน
สายลมพัดมาอ่อนๆกระทบใบไม้จนสะบัดปลิวตามแรงลม ณัฏฐ์นอนราบบนสะพานไม้เล็กๆที่คลองหลังบ้านเงียบๆคนเดียว มองท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนๆกับแสงแดดที่กำลังคล้อยลับตา หล่อนจ้องมองนิ่งๆ มืออีกข้างหนึ่งทิ้งลงแตะน้ำในลำคลองเล่น ....ท้องฟ้า ไม่เหมือนกันสักเวลา........บางเวลาขาว.....บางเวลาแสด....บางเวลาครึ้ม...เอาแน่เอานอนไม่ได้...นับอะไรกับใจคน อาจจะเอาแน่เอานอนไม่ได้เหมือนกัน....
ณัฏฐ์หลับตานิ่ง ภาพของมินตราฉายชัดขึ้นมาในความทรงจำ
“มิน...ถ้าเพชรกลับมาขอคืนดี มินจะกลับไปหาเขามั้ย?”
คำถามของณัฏฐ์เพียงแค่ครั้งเดียวในวันนั้นยังคงเวียนไปวนมาชวนให้กังวลเล่นอยู่ในอก สาวผิวน้ำผึ้งกวักน้ำใสในคลองขึ้นมาแล้วค่อยๆเทรดใบหน้าอย่างช้าๆ หัวใจเหม่อลอย ความรู้สึกว้าเหว่ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง
....แม้แต่น้ำ ก็ไม่อาจจะจับต้องได้....แล้วมีอะไรให้ต้องได้บ้าง....คำถามยังคงวนในหัวสมองของหล่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่ไม่มีคำตอบใดๆให้คลายความวิตกนั้น
ณัฏฐ์ค่อยๆหลับตาลูบใบหน้าและคิ้วหนาให้น้ำที่เปียกเมื่อครู่จางหายไป
ระหว่างที่คนร่างสูงกำลังหลับตาอยู่เงียบๆ เพียงชั่วครู่ก็มีปากนิ่มๆของหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาประทับริมฝีปากของหล่อนสนิท ณัฏฐ์สะดุ้งเฮือกแล้วลืมตาตื่นทันที
“เพลิน” หล่อนอุทานออกมาอย่างตกใจแล้วรีบถอยตัวออกห่าง
หญิงสาวคนนั้นยังคงระบายยิ้มจนตาหยี ก้าวเข้าไปหาคนร่างโปร่งพยายามจะใกล้ชิดให้มากที่สุด
“ไม่เอาน่าเพลิน...” ณัฏฐ์พยายามเบี่ยงตัวหลบ สายตาของหล่อนตระหนกขึ้นมาทันที รีบชะเง้อคอมองหามินตรา พลางนึกแปลกใจว่าปล่อยให้หญิงสาวที่ชื่อเพลินตาคนนี้เข้ามาได้อย่างไร
“ใครให้เข้ามาน่ะเพลิน” ณัฏฐ์พยุงตัวยืนขึ้นเต็มร่างสูงแล้วก้มมองเพลินตาหัวเสีย
“แหม ทำอย่างกับไม่เคยไปได้ เพลินคิดถึงพี่ณัฏฐ์นี่คะ” เพลินตาพยายามจะโผเข้ากอดณัฏฐ์ แต่ณัฏฐ์ก็พยายามขืนตัวไม่เข้าใกล้
ณ ต้นไม้อีกฝั่งของบ้าน มินตราเห็นเหตุการณ์ของหญิงแปลกหน้ากับณัฏฐ์ที่ดูสนิทสนมกันมาก ภาพที่หญิงสาวคนนั้นก้มลงจูบริมฝีปากของณัฏฐ์ ทำให้เธอน้ำตาคลอแล้วจะเดินหนีไปอีกทางอย่างผิดหวัง
สาวร่างเล็กเดินเข้ามาในห้องนอนปาหมอนไปที่กำแพงที่มีรูปณัฏฐ์ถ่ายรูปอมยิ้มอยู่เม้มปากสนิทด้วยความโกรธ “ทำไมไม่บอกกันว่ามีใครแล้ว จะได้ไม่ยุ่มย่าม!” เธอพูดกับรูปถ่ายณัฏฐ์อย่างโกรธเกรี้ยว
หญิงสาวหายใจแรงอย่างหงุดหงิดใจแล้วรัวมือทุบลงกับหมอนจนเหนื่อย
“กริ๊งๆ” เสียงโทรศัพท์ของมินตราดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมารับ
“ฮาโหล” มินตราพูดเสียงแข็ง ยังไม่คลายความโกรธที่พุ่งขึ้นมา
“เฮ้ย มิน สุขสันต์วันเกิด!”
เสียงคนที่โทรศัพท์มาพูดน้ำเสียงร่าเริงอารมณ์ดี ตรงข้ามกับมินตราที่ทำหน้าเซ็งเหมือนโลกจะแตก
“เป็นไรไปวะ?” พลอยใสเพื่อนซี้ของเธอถามขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงถอนใจแรงของมินตราผ่านโทรศัพท์
“พลอย” มินตราเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนเสียงแข็ง
“จ๋า” พลอยใสขานรับเสียงใสเหมือนตั้งใจเย้าแหย่
“วันเกิดฉันมันเมื่อวาน” มินตราพูดโพล่งออกไปไม่สบอารมณ์
“อ้อหรอ ไม่เป็นไรหรอก ชิวๆเนอะ” พลอยใสหัวเราะกลบเกลื่อน
มีเพียงลมถอนหายใจแรงๆแทรกเข้ามาในโทรศัพท์อีกครั้งจนพลอยใสต้องยกมือถือของตนเองหนีห่างหู
“อะไรของแกวันนี้ เมนไม่มารึไง”
“เปล่า”
“แล้วทำไรอยู่ฮะ...” พลอยใสเริ่มชวนคุยเสียงเรียบ
“โกรธ อยากฆ่าคน...” มินตราตอบตรง
“ฮะ...แกเนี่ยนะ” พลอยใสอุทานออกมาอย่างแปลกใจ
“ฮื่อ”
“เฮ้ยๆๆ ใจเย็นๆ ใครทำอะไรวะ รึว่า...”พลอยใสชะงักหยุดไป
“ไอ่ที่ข่าว กิ๊กกั๊กกับสาวเท่...เป็นจริงหรือมิน”
“อะไร?” มินตราถามน้ำเสียงเรียบเฉย สะบัดห้วนจนคนถามสะอึกไปนิด
“ก็แกเปลี่ยนรสนิยมไปชอบ แบบ....แบบที่ฉันเป็นแล้วล่ะสิ” พลอยใสพูดออกมาเสียงขรึม
“ไม่รู้ ฉันไม่ได้ของขวัญจากเพื่อนต่างหากก็เลยโมโห แค่นี้นะ” มินตรากำลังจะกดสายวาง
“เฮ้ยเดี๋ยว บ้านอยู่ไหนไปหาได้มะ...”
มินตรากดวางสายเพื่อนสาวไปอย่างหงุดหงิด พลางหยิบหมอนขึ้นมาเก็บเข้าที่และจัดที่นอนให้เรียบร้อยดังเดิม พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีชมพูวางอยู่บนหัวเตียง มินตราหยิบขึ้นมาดูด้วยความฉงน คิ้วโก่งบางขมวดชนกันทันที มือเรียวเล็กถือวิสาขะเปิดออกมาโดยไม่อนุญาตเจ้าของ
ทันทีที่เห็นว่ามีเซรามิกรูปหัวใจแกะสลักเป็นนูนต่ำรูปใบหน้าตนเองอยู่ในกล่องสีหวาน ร่างบางระหงก็หยิบขึ้นมาดูด้วยความตกใจแล้วมองอย่างพินิจในสีสันสวยงามของมัน ภายใต้กล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางไว้ มือเรียวเล็กข้างขวาหยิบขึ้นมาอ่านอย่างตื่นเต้น
....หัวใจดวงนี้เป็นของเธอนะมินตรา...สุขสันต์วันเกิด…
มินตราชะงักค้างอยู่อย่างนั้น รู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด มุมปากบางสวยของเธอค่อยๆกระตุกยิ้มอย่างดีใจเป็นที่สุด สาวร่างเล็กเผลอจูบของขวัญแล้วฉีกยิ้มกว้างจนแก้มปริ...ของขวัญเล็กๆ แต่รู้สึกว่าอิ่มเอมใจเหลือเกิน
สาวร่างบางเดินยิ้มออกมาจากห้อง เห็นว่าณัฏฐ์นั่งหัวเสียอยู่บนโซฟา นัยน์ตาสวยของเธอสาดส่องไปทั่วห้องเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ นอกจากเธอกับหล่อนเพียงสองคน มินตราก็เดินมานั่งเบียดณัฏฐ์อย่างใกล้ชิด
คนที่ถูกเบียดถึงกับสะดุ้ง กำลังจะขยับตัวออกห่าง หากแต่สาวร่างเล็กถือโอกาสหนุนตักของสาวผิวน้ำผึ้งอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาทอประกายระยับมองใบหน้าของคนเบื้องบน
“มานอนอะไรตรงนี้...” หล่อนว่าอุบอิบอย่างขัดเขิน
“ก็จะนอน ไม่ได้หรือคะ” มินตรายังคงส่งตาหวานหยดเยิ้มให้หล่อน จนคนถูกมองปั้นหน้าไม่ถูกและเบือนหน้าไปอีกทาง เธอจึงถือโอกาสลุกขึ้นพรวดแล้วห้อมแก้มของหล่อนโดยไว
“เฮ้ย!” ณัฏฐ์ร้องออกมาเสียงหลงขณะที่มินตรากลับทำตาแป๋วเหมือนเด็กใสซื่อคนหนึ่ง จนแก้มของคนร่างสูงแดงปลั่งขึ้นมาเสียเอง
สาวหน้าหวานหัวเราะคิกคักชอบใจ “ณัฏฐ์ มินขอบคุณนะคะ...”
ณัฏฐ์หันมามองเสียงใสของมินตราอย่างแปลกใจ คิ้วหนาขมวดมองเธออย่างฉงน “เรื่อง?...”
มินตรายื่นกล่องสีชมพูให้ณัฏฐ์ดู ตาเป็นประกายวิบวับ หากแต่คนมองกล่องใบนั้นเบิกตาโพลงอย่างตกตะลึง สาวร่างเล็กยังคงเอียงคอยิ้มหวานให้ “อ่านการ์ดให้ฟังหน่อยสิคะ”
น้ำเสียงดูอ้อนๆใสๆของมินตราทำให้ณัฏฐ์มองวงหน้าสวยของเธอนิ่งราวกับหิน ใจเต้นราวกับเสียงกลองและถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง “อ่านไม่ออกอ่ะ...” หล่อนปฏิเสธไปแบบน้ำขุ่นๆทำให้มินตราหัวเราะชอบใจในท่าทางขัดเขินยิ่งนัก
“อ่านให้ฟังหน่อยนะคะ...” มินตราพูดออดอ้อนจนหล่อนถอนหายใจยาวออกมา
มือเรียวยาวหยิบการ์ดใบเล็กจากกล่องแล้วพยายามรวบรวมสติอ่านตามที่ตนเองเขียนอย่างขัดเขิน เลือดสูบฉีดแล่นไปทั่วร่างกาย ริมฝีปากหยักเข้ารูปค่อยๆอ่านกระดาษแผ่นเล็กอย่างสั่นๆด้วยความประหม่า
“หัวใจดวงนี้เป็นของเธอนะมินตรา...สุขสันต์วันเกิด”
ณัฏฐ์อ่านออกมาเสียงต่ำแล้วก้มหน้างุดด้วยความเขิน สาวร่างบางจ้องเข้าไปในนัยน์ตาของหล่อนอย่างมีความหมาย ความรู้สึกอบอุ่นใจเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
“ขอบคุณนะคะณัฏฐ์” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาอย่างจริงใจทำให้ณัฏฐ์พยักหน้าหงึกหงักรับ แล้วมินตราก็สวมกอดหล่อนแน่นทำให้สาวร่างโปร่งฉีกยิ้มออกมาอย่างดีใจ
รุ่งสาง ณัฏฐ์กำลังรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆอย่างอารมณ์ดี สักพักก็มีเสียงกดออดดังขึ้น ณัฏฐ์ชะเง้อคอมองด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะวางสายยางพาดกับจำปีต้นสูง แล้วเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน
“มาหาใครเอ่ย?” หล่อนถามด้วยความแปลกใจปนสีหน้าฉงน เมื่อเห็นสาวร่างเล็กกำลังยืนมองหล่อนด้วยความแปลกใจเช่นเดียวกัน
“เอ่อ....คือ ที่บ้านนี้ มีคนชื่อมินตราหรือเปล่าคะ?” หล่อนคนนั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจและเกาศีรษะอย่างเก้อเขิน เหมือนกลัวจะหน้าแตกก็ไม่ปาน
“อ่อ...มิน อยู่จ้ะ เป็นแฟนคลับดาราหรอกหรือ?” ณัฏฐ์เลิกคิ้วสูงแล้วมองสาวร่างเล็ก ผมสั้นยิ้มหวานจนนัยน์ตาหยี
“เปล่าค่ะ เพื่อน...” เธอตอบ พลางยิ้มหวานหยดเยิ้มให้คนร่างสูงผิวน้ำผึ้งที่ค้อมตัวให้ จนณัฏฐ์เกิดอาการร้อนๆหนาวๆต้องรีบถอยตัวออกห่าง
หญิงสาวคนนั้นยังคงจ้องสาวผิวน้ำผึ้งอย่างไม่วางตา เหมือนจะสำรวจร่างสวยเท่เข้มของณัฏฐ์ ใบหน้าคมคาย ดวงตามีเสน่ห์และรอยยิ้มแสนอบอุ่น จะว่าไปเพียงแวบแรกที่พบ บุคลิกที่ดูนิ่งๆแต่ซ่อนรอยยิ้มชวนมองและน่าค้นหา ทำให้พลอยใสอดที่จะส่งยิ้มหวานๆอีกครั้งให้เขาไม่ได้
“ก๊อกๆๆ มิน...” ณัฏฐ์รีบเดินนำสาวร่างเล็กคนนั้นเดินเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็วหลังจากรู้สึกตัวว่าถูกมองด้วยนัยน์ตาหวานหยดเยิ้มของสาวแปลกหน้าแล้วรู้สึกขนลุกจนไม่อยากจะเข้าใกล้ไปมากกว่านี้
มินตราลุกขึ้นมาเปิดประตูห้อง แต่ต้องผงะเมื่อเห็นเพื่อนสาวตัวแสบของเธอชะโงกหน้าเข้ามาจนประชิดตัว
“พลอย!”
ณัฏฐ์ยืนดูอยู่ครู่หนึ่งแล้วแยกตัวออกมาจากบ้าน ปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันตามลำพัง แต่พลอยใสก็ไม่วายโบกมือน้อยๆให้ณัฏฐ์ ยิ้มหวานนัยน์ตาวาว ทำให้ดาราสาวที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมด จึงฉุดข้อมือเพื่อนเข้ามาในห้องอย่างหงุดหงิด
“ตลอดเลยนะ!” มินตราต่อว่าพลอยใสเสียงดัง
พลอยใสยักไหล่แล้วอมยิ้มเล็กๆให้มินตรา
“แก คนนั้นเขาเป็นใครเหรอ...” พลอยใสกระแซะแขนเข้ามาใกล้มินตราแล้วส่งยิ้มให้
“นักเขียน...”มินตราตอบเสียงเรียบ
“ไม่ใช่ฉันหมายถึงชื่ออะไร?”
“ณัฏฐ์” มินตราตอบน้ำเสียงขุ่นๆเริ่มไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ณัฏฐ์...ชื่อก็ดี หน้าตาก็ดี บุคลิกก็ดูเท่ๆ แถมยิ้มแล้วก็ดูอบอุ่น....”พลอยใสทรุดตัวนั่งลงข้างๆมินตรามีอารมณ์ฝันเคลิบเคลิ้มไปไกล
“นี่จะมาหาฉันหรือจะมาหาณัฏฐ์” มินตราหันหน้ามามองพลอยใสแล้วพูดดักคอด้วยอารมณ์เดือดปุดๆเหมือนจะเอาเรื่องเสียให้ได้
“ณัฏฐ์ ...เฮ้ยมาหาแกสิ โธ่เพื่อนรัก”พลอยใสกอดมินตราอย่างเอาใจตรงข้ามกับมินตรามีสีหน้าเซ็งเต็มทน
“เป็นอะไรไป ช่วงนี้สุขภาพใจไม่สบายรึไง” มินตรากระเซ้าแหย่ทีเล่นทีจริง
“คงงั้น” มินตราฟุบหน้าลงกับหมอนแล้วถอนหายใจ
“ฉันว่าไม่ใช่เรื่องเพชร...”พลอยใสจับใบหน้าสวยของเพื่อนสาวให้หันมามองแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “แต่เป็นเรื่องของณัฏฐ์” พลอยใสเน้นคำอย่างหนักแน่น
มินตราปัดมือของพลอยใสออกแล้วเบือนหน้าหลบ
“คนพรรคนั้น ขึ้นๆลงๆ สนใจทำไม...”
พลอยใสหัวเราะเบาๆแล้วลูบศีรษะเพื่อนอย่างปลอบโยน
“เพื่อนฉัน เปลี่ยนรสนิยมซะแล้ว”
“เปล่าซะหน่อย...” เธอรีบเถียงทันควัน
“ถ้าเปล่าแล้วหงุดหงิดฉันทำไม?” พลอยใสสวนกลับ
มินตราลุกขึ้นนั่งบนที่นอนสีหน้านิ่งไม่ตอบคำ
“ฉันเป็นเพื่อนแกมานาน ข่าวที่ออกมากับเพชร แกก็ดูหนักแน่นดี ไม่ได้เขวว่าจะกลับไปคืนดีกัน แล้วฉันก็เห็นว่าแกแปลกๆไปตั้งแต่คุยกับฉันเรื่องพวกนี้ แกชอบณัฏฐ์หรือไงมิน?” พลอยใสหันหน้าถาม
มินตราเริ่มอึกอักอยู่ในอารมณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
พลอยใสดึงตัวของมินตราเข้ามากอดปลอบแล้วถอนหายใจเบาๆ
“ฉันเป็นเพื่อนแก ไม่แย่งของเพื่อนหรอกนะ”
“แต่ฉัน...” มินตราดันตัวออกจากอ้อมกอดของพลอยใส พยายามจะอธิบายให้พลอยใสฟังแต่ก็มีสีหน้าสับสนไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี
พลอยใสส่ายหน้า ยิ้มๆอย่างไม่ติดใจอะไรมากแล้วมองใบหน้าหวานของมินตราที่กำลังเม้มปากสนิทสีหน้าเครียด “บางทีฉันก็รู้สึกดี...แต่บางทีฉันก็รู้ว่ามันผิด...”มินตราเผลอสารภาพความในใจของตนเองออกมา
“มิน...บางทีความรักมันไม่เข้าใครออกใครหรอก ตอนนี้แกอาจจะสับสนหรือยังไง เดี๋ยวเวลา มันจะบอกทุกสิ่งเองแหละ”
ตกเย็นขณะณัฏฐ์กำลังดูทีวีอยู่เงียบๆส่วนมินตรากำลังเทกับข้าวอยู่ที่ห้องครัว ด้วยความที่แผลยังไม่หายดีทำให้หยิบจับอะไรแล้วไม่ถนัด ดูเก้ๆกังๆจนเธอทำจานแตกเสียงดังลั่น
“เพล้ง!”
ณัฏฐ์ตกใจรีบวิ่งไปหลังบ้านเห็นมินตรากำลังรีบเก็บเศษจานด้วยอาการลนลานแล้วเศษจานก็ดันบาดมือเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย!” มินตรากุมมือด้วยความเจ็บ เลือดไหลออกมาซิบๆ สาวผิวน้ำผึ้งจึงรีบเข้าไปดึงมือขึ้นมาดูอย่างหงุดหงิด
“มือที่เจ็บข้างนั้น ยังไม่พอใช่ป่ะ” ณัฏฐ์ต่อว่าเสียงกร้าว ทำให้คนฟังอย่างมินตราถึงกับหน้าเสียไป เธอเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาเสียงสั่นๆ
“ก็ณัฏฐ์เป็นคนบอกมินเองว่าหัดซะบ้างจะได้เป็นไม่ใช่เหรอ” มินตราเงยหน้ามองคนหน้าคมที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดใส่อย่างน้อยใจ
หล่อนชะงักไปชั่วขณะแล้วช้อนตัวมินตราขึ้นออกมาจากกองเศษแก้วเดินไปยังอีกห้องหนึ่ง
ณัฏฐ์คว้ากล่องปฐมพยาบาลจากตู้ยา แล้วเข้าไปดูแลมินตราอย่างเงียบๆ เธอนั่งเบะปากด้วยความเจ็บเมื่อณัฏฐ์ใส่ยาเบตาดีนให้
มินตราลอบมองใบหน้าคมเข้มของณัฏฐ์เงียบๆแล้วจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาของเขา สาวหน้าหวานรู้สึกเจ็บอย่างประหลาดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันวานยามที่ณัฏฐ์ใกล้ชิดเธอ ความอ่อนโยนทำให้เธอหวั่นไหวแต่วันนี้หล่อนกลับแข็งกร้าวกับเธอราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน
......ณัฏฐ์.......เกิดอะไรขึ้น............คำถามผุดขึ้นมาในหัวสมองของเธอเงียบๆ หยาดน้ำตาใสๆไหลลงอาบแก้มด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอได้รับและอารมณ์เปลี่ยนไปจนยากที่จะเข้าถึง
มินตราขยี้จมูกที่แดงก่ำเบาๆ ก้มหน้างุด ไม่ยอมสบตากับณัฏฐ์จนกระทั่งหล่อนแปะผ้าก็อตเสร็จแล้ว มือยาวราวจึงช้อนใบหน้าหวานของมินตราซึ่งตอนนี้เปรอะไปด้วยน้ำตาเหมือนเด็กหญิงขี้แยคนหนึ่ง
มือเรียวอีกข้างหนึ่งค่อยๆปาดน้ำตาด้วยนิ้วมืออุ่นๆเบาๆ มองนัยน์ตาหวานของมินตรานิ่ง ณัฏฐ์ค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าเนียนสวยของเธอจนมินตรารู้สึกแก้มร้อนระอุด้วยลมหายใจของสาวผิวน้ำผึ้ง หัวใจของมินตราจากที่เต้นช้าๆเหมือนขาดน้ำ กลับเต้นเร็วๆถี่รัวยามที่เห็นใบหน้าของณัฏฐ์ระยะประชิดเช่นนี้
มินตราหลับตาพริ้มปล่อยให้หัวใจล่องลอยเมื่อรู้ว่าหัวใจของตนเองในเวลานี้ชัดเจนยิ่งขึ้น เธอพร้อมให้ทุกอย่างกับคนที่ชื่อณัฏฐ์คนนี้ สาวผิวน้ำผึ้งค่อยๆโน้มตัวลงไปใกล้ใบหน้าหวานของมินตรามากขึ้น มากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วกลับถอนตัวเองออกห่างจากมินตราแล้วกำลังลุกขึ้นเดินหนี
“เดี๋ยว...” มินตราคว้าข้อมือของคนร่างสูงไว้ทัน
ณัฏฐ์หันหน้ามามองแววตาหวั่นไหวก่อนที่จะปรับสีหน้าเรียบเป็นปกติ
“ณัฏฐ์...”มินตราเรียกเบาๆแล้วจับมืออุ่นๆทั้งสองข้างของณัฏฐ์ให้กุมใบหน้าของเธอแววตาเศร้า
“ทำไมต้องเฉยชากับมิน บางทีก็ดูอ่อนโยน บางทีก็เย็นชา มินทรมานรู้ไหม” มินตราถามอย่างไม่เข้าใจ ขณะที่ณัฏฐ์เองก็มีอาการสะอึกกับคำพูดของมินตราที่กำลังจะร้องไห้ออกมา
ณัฏฐ์ไม่ตอบ ทำให้หล่อนนิ่งและเบือนหน้าหลบพยายามซ่อนความรู้สึกหวั่นไหวไว้ใต้ก้นบึ้งหัวใจอย่างเต็มที่
____________________________
ขอบคุณสำหรับทุกเม้นนะฮะ
จะตั้งใจเขียนให้ดีที่สุด ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ด้วยนะ
ความคิดเห็น