ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เติมรักให้เต็มใจ(yuri)

    ลำดับตอนที่ #5 : ๕.อะไร...หัวใจ

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 53


    -

    -+

    +

    ๕.อะไร...หัวใจ

     “ปลา... สินธรเรียกแม่ของณัฏฐ์อย่างเสียใจ เมื่อเห็นปาณิตาร้องไห้สะอึกสะอื้น

                คุณสินธร คุณไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า คุณโกหกฉัน!” ปาณิตาแผดเสียงกร้าวใส่

                ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้  ที่ผมเลือกเพราะผมอยากปกป้องคุณ... สินธรพูดหน้านิ่ง แววตาเต็มไปด้วยเสียใจเอ่อล้นออกมาแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับปาณิตาให้เธอหยุดร้องไห้

                คุณไปเถอะค่ะ ปลาไม่อยากเห็นหน้าคุณ แล้วปลาจะไม่รบกวนคุณอีกปาณิตาผละจากสินธรออกมาจากห้องและทำให้ณัฏฐ์ร้องไห้สะอึกสะอื้นตาม

                ณัฏฐ์หลับตาลงด้วยความปวดร้าว เพราะหลังจากนั้นมาสาวผิวน้ำผึ้งก็เห็นว่าร่างกายของแม่เริ่มโทรมลงเรื่อยๆและเจ็บไข้บ่อยๆ แต่ด้วยหัวใจของความเป็นแม่ทำให้ปาณิตายอมลุกขึ้นกัดฟัน อดทนเลี้ยงดูชีวิตของหล่อนมาจนเติบใหญ่ แม้จะมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก แต่แม่ก็ส่งให้ณัฏฐ์เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยจนได้ หลังจากนั้นปาณิตาจึงป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้วสิ้นลมหายใจจากไป

    ....แม่ ณัฏฐ์เหงา... หล่อนพูดพึมพำออกมาราวกับคนเพ้อ ไม่รู้ตัวว่ามินตราเดินเข้ามาในห้อง เธออ้อมมาที่เตียงแล้วนั่งข้างๆมองณัฏฐ์ซึ่งกำลังหลับสนิทอย่างฉงน

    ...อีกแล้วหรือเนี่ย...ละเมอทุกที... สาวหน้าหวานทรุดตัวนั่งกำลังจะปลุกเรียกแต่ก็ต้องชะงักมือเมื่อได้ยินเสียงพึมพำออกมาจากริมฝีปากหยักเข้ารูปของคนร่างสูงอีกครั้ง

    ...ณัฏฐ์เหงาอ่ะแม่ .........รับณัฏฐ์ไปที....

    มินตราชะงักแล้วก้มลงไปฟังด้วยความแปลกใจ แต่ต้นแขนของเธอก็สัมผัสโดนตัวของณัฏฐ์เสียก่อน ทำให้สาวร่างบางสะดุ้งโหยง ...ตัวร้อนอย่างกับฮีตเตอร์...ตายแล้ว... มินตราปิดปากตนเองด้วยความตกใจ มือเรียวเล็กเอื้อมไปจับหน้าผากของคนร่างสูง ลมหายใจที่แรงคล้ายหอบและความร้อนระอุในร่างกายของหล่อนทำให้เธอชักมือหดกลับอย่างรวดเร็ว

    ณัฏฐ์... มินตราสะกิดเรียก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล

    ณัฏฐ์... มินตราเขย่าตัวหล่อนแรงกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าณัฏฐ์ยังคงหลับไม่รู้ตัว แต่แขนแข็งแรงของคนร่างสูงกลับตวัดรัดมินตราลงไปนอนกอด

    ว้าย!” เธอกรีดร้องเสียงตกใจ

    .....แม่ แม่กอดณัฏฐ์นอนหน่อยสิ หนาวจัง... ณัฏฐ์ยังคงเพ้อด้วยพิษไข้

    มินตราได้ยินเสียงแหบพร่าของคนร่างสูงอย่างชัดเจน ถึงแม้มันจะ่ำจนเกือบจะเป็นเสียงกระซิบ หากแต่ใบหน้าของณัฏฐ์และมินตราที่ห่างกันไม่ถึงคืบทำให้สาวร่างบางใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดนั้น เมื่อรู้สึกตัวว่าร่างกายของสาวผิวน้ำผึ้งร้อนเกินไป แต่ยิ่งดิ้นหนีมากเท่าไหร่ตนเองก็ถูกกอดรัดมากขึ้นเท่านั้น

                ร่างบางเล็กทำหน้าเหยเก เธอดันบ่าของคนที่นอนหลับสนิทโดยอาศัยต้นแขนเรียวเล็กรับน้ำหนักทั้งตัวของตนเอง และอ้อมแขนของณัฏฐ์ที่ตอนนี้ยื้อกอดเธอไว้ประหนึ่งว่าเป็นหมอนข้างเสียอย่างนั้น

                ณัฏฐ์คะ ปล่อยมินหน่อยเร็ว... มินตราบีบจมูกหล่อนอย่างหมั่นไส้เมื่อมือข้างหนึ่งของเธอเป็นอิสระ หวังจะให้ณัฏฐ์ตื่นแต่มันไม่ง่ายอย่างที่เธอคาดไว้ เพราะคนกอดหลับลึกด้วยความอ่อนเพลีย

                โอ๊ย... มินตราร้องเมื่อณัฏฐ์ยังดึงร่างเธอเข้าหาตัวจนปากบางสวยของมินตราเผลอไปโดนแก้มของณัฏฐ์เข้าอย่างจัง

                มินตราสะดุ้งเฮือก เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ก่อนที่จะดิ้นขลุกขลักออกมาจากอ้อมแขนคนที่หลับสนิทอย่างสุดกำลังแรง ทำให้หล่อนกลิ้งไปชนกำแพงอีกฝั่งหนึ่ง

    มินตราปิดหน้าไม่อยากเห็นภาพที่เกิดขึ้น

    อื้อ...ณัฏฐ์ครางออกมาอย่างเจ็บศีรษะ หล่อนลูบเบาๆที่หน้าผากขณะที่ตนเองยังหลับอยู่ แล้วผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอดั่งเดิม

    โห...สุดยอดเลยอ่ะ ยังหลับได้สงสัยจะไข้ขึ้นไม่ไหวซะแล้ว มินตราส่ายหน้าก่อนที่จะปลีกตัวออกมา

     

                เพียงชั่วครู่ สาวร่างบางระหงก็เข้ามาในห้องพร้อมขันน้ำเย็นหนึ่งขันกับผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบน้ำเช็ดตามใบหน้าของสาวหน้าคมอย่างเบามือ มินตราแอบลอบมองเวลาณัฏฐ์หลับแล้วเผลอยิ้มออกมา สาวหน้าหวานเอื้อมมือหยิบยาพาราเซตามอลที่วางข้างๆขันน้ำฉีกออกมาเม็ดหนึ่ง

                ณัฏฐ์ ตื่นหน่อยเร็วกินยาก่อน... มินตราพยุงตัวร่างคนสูงโปร่งขึ้นมาอย่างทุลักทุเล มืออีกข้างเอื้อมหยิบหมอนข้างตัวดึงมารองคอคนป่วยให้สูงขึ้น

                อืม... ณัฏฐ์ยังคงสะลึมสะลือลืมตาปรือ ริมฝีปากแดงจัด แก้มมีเฉดสีชมพูแทรกขึ้นมาจากผิวน้ำผึ้งด้วยพิษไข้ หล่อนเห็นภาพของมินตราเลือนลางแล้วยิ้มให้

                กินยาก่อนนะ จะได้หาย อ้าปากหน่อยเร็ว มินตราป้อนยากับน้ำเข้าปากของหล่อน

    ณัฏฐ์หลับสนิทลงอีกครั้งอย่างอ่อนเพลีย

                เฮ้อ!” มินตราปาดเหงื่อบนหน้าผากอย่างเหนื่อยๆ

                สาวหน้าหวานค่อยๆเช็ดตัวของคนหน้าคมตามใบหน้าและลำคอ มือเรียวเล็กปลดกระดุมชุดนอนของคนร่างสูงออกทีละเม็ดอย่างช้าๆ เผยให้เห็นรูปร่างและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอย่างชัดเจน มินตรามองร่างของณัฏฐ์แล้วรู้สึกว่าใบหน้าตนเองร้อนผ่าวขึ้นมาเสียเฉยๆ ผิวน้ำผึ้งเนียนสะดุดตาของคนหลับมีเพียงชุดชั้นในสีดำที่ยังคงปกปิดร่างกายของหล่อนไว้ กล้ามเนื้อแขนและหน้าท้องที่เธอเห็นอย่างเต็มตา ดูเฟิร์มและทำให้เธอมีอาการหลงใหลอย่างประหลาด...

                ...ทำไมต้องสั่นล่ะ... คำถามผุดขึ้นมาในใจของมินตราจนเธอก็รู้สึกงุนงงในคำถามนั้น จริงอยู่...เธอกำลังเช็ดตัวให้ณัฏฐ์แต่ตอนนี้มันช่างจะยากเย็นสำหรับเธอเหลือเกิน...

                มินตราหลับตาลงแล้วรีบเช็ดตัวคนป่วยไข้อย่างเร่งรีบ จัดการใส่เสื้อผ้าและห่มผ้าให้ณัฏฐ์ตามเดิม ทันทีที่คนร่างเล็กรู้ว่าปรนนิบัติหน้าที่เสร็จแล้ว เธอจึงลืมตามองคนร่างสูงนอนขดตัวหนาวเหมือนดักแด้ ส่วนมินตราถอนหายใจอย่างโล่งอก

                จะหายไหม ไข้เนี่ย... มินตราส่ายหน้า

                แล้วทำไมเราต้องมีอาการ?...มินตราพึมพำ

                สักพักโทรศัพท์ของมินตราก็ดังขึ้น มินตราหยิบขึ้นมาดูก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนคนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีหลังจากจบมัธยมปลาย

                ไอ่พลอย ว่าไง? มินตราพูดน้ำเสียงใสอารมณ์ดีขึ้น

                เฮ้ย ฉันนึกว่าแกนอนแล้ว บุคคลทางปลายสายพูดตอบกลับ

                เฮ้ยยังๆๆ มินตรายิ้มกว้าง บรรยากาศกดดันเมื่อครู่เปลี่ยนไปให้เธอสดใสอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสาวที่เคยซี้ปึกไปไหนไปกันตั้งแต่เธอตัวเล็กๆ สาวร่างบางค่อยๆถดตัวออกมานอกห้องนอนให้เงียบที่สุดและปล่อยให้คนร่างสูงหลับสบายอยู่บนเตียง

    พลอยใส หรือพลอย สาวน้อยผมสั้นตาโต คุยเก่ง เที่ยวบ่อย อีกทั้งชอบอยู่ในแวดวงสังคมของสาวเท่สปอร์ตทั้งหลาย พูดคุยกับมินตราอารมณ์ดีท่ามกลางแสงสีของไฟที่สาดส่องในสถานที่บันเทิงเรียกว่า ผับ แห่งนี้ พลอยใสยังคงโยกสะโพกไปมาตามจังหวะของเพลงที่ดังอย่างอึกทึก

    เฮ้ยพลอย อยู่ไหนเนี่ย ไม่ได้ยินเลยนะ มินตราถือโทรศัพท์มาจ่อตรงปากแล้วพูดเสียงเน้นหลังจากอยู่คุยตามลำพังกันเพียงสองคน คนเป็นเพื่อนจึงเดินออกมาคุยข้างนอก เสียอารมณ์เลยแกนิ ฉันกำลังเต้นมันๆ

    แหม นานๆทีไม่ได้เลยเนอะ เที่ยวกับสาวเท่ตลอด มินตราหยอกแล้วหัวเราะออกมา

    เออเป็นไงบ้าง กลับมาแล้วไม่ส่งข่าวมาเลยนะ พลอยใสถามกลับ

    ก็...ยุ่งๆอ่ะแก มินตราพูดเสียงนิ่ง

    ยุ่งไรวะ งานหรือว่าหัวใจพลอยใสพูดแล้วยิ้มขำอย่างอารมณ์ดีแต่มินตรากลับสะอึกนิ่งไปกับคำพูดของเพื่อน

    เฮ้ยมินฮัลโหล...พลอยใสพูดขึ้นมาเสียงดังนึกว่าสายหลุดไป

    มิน เป็นไรเปล่า?

    ปะ เปล่า...ไม่เป็นไร มินตราตอบเสียงตะกุกตะกัก

    แล้วเรื่องพี่เพชรอ่ะเป็นไงบ้าง...

    ก็อยากเลิก แต่พี่เขาก็ยังตามตื้อ มินตราตอบพลางถอนหายใจยาวออกมา

    เฮ้ย! ทำไมอ่ะ แล้วนี่โอเคป่ะเนี่ย... พลอยใสร้องออกมาอย่างตกใจ ด้วยความที่ยังไม่รู้เรื่องราวและความเป็นไประหว่างพีรเพชรกับมินตรามากเท่าไรนัก

    ก็ระดับหนึ่ง ดีขึ้นแล้ว... มินตราตอบยิ้มๆ

    ทั้งสองสาวนิ่งไปชั่วครู่ ปล่อยให้สายลมพัดผ่านทำลายบรรยากาศความเงียบสงัด มินตราลูบริมฝีปากบางของตนเองแล้วเรียกชื่อเพื่อนสาวออกมาเสียงเข้ม

    พลอย

    อะไร พูดจาค่อยๆได้มั้ยพูดซะเสียงหนักเชียวพลอยใสโวยวายตกใจ

    คือ....

    เวลาแก...

    ภาพที่ณัฏฐ์จูบปากของเธอยามเวลาใกล้ชิดกันนั้นแล่นเข้ามาในหัวสมอง ทำให้มินตราสะดุดกึกไปด้วยความสับสน แต่มุมความอ่อนโยนของหล่อนทำให้เวลาเธอมีเรื่องไม่สบายใจ กลับรู้สึกผ่อนคลายและความรู้สึกนั้นกลับตราตรึงในหัวใจของเธอให้รู้สึกวาบหวิวยามนึกถึงยิ่งนัก สาวหน้าหวานเหมือนอยู่ในห้วงกำดักของหัวใจเสียแล้ว...ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่ไม่เคยประสบกับผู้หญิงคนใด...นอกจาก...สาวผิวน้ำผึ้งตาคมคนนี้

                เอ่อ...

    พลอยใสถือหูโทรศัพท์ฟังอย่างตั้งใจ พยายามลุ้นว่ามินตราจะพูดอะไรออกมาจนตัวโก่ง

    แบบว่า เวลาใกล้สาวเท่ๆของแก...รู้สึกยังไงบ้างอ่ะเธอกลั้นใจโพล่งถามออกมาทำให้คนฟังสะดุดนิ่งทันที ขณะที่สาวหน้าหวานเริ่มรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นดังถี่ๆอย่างตื่นเต้น

    ถามทำไม? พลอยใสเกาศีรษะยุกยิกด้วยความสงสัย

                    “ก็อยากรู้ไง... มินตราตอบแบบขอไปที

                    “นั่นแน่...แอบไปชอบสาวเท่เข้าล่ะสิ พลอยใสกระเซ้าแหย่ทำให้ดาราสาวพวงแก้มแดงปลั่งขึ้นมา เธอบอกปฏิเสธเป็นพัลวัน ทั้งที่ริมฝีปากบางเผลอผลิยิ้มอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

    พลอยใสหัวเราะขบขันในอาการของเพื่อน เพราะไม่ว่าเธอจะปิดบังอย่างไรก็ดูไม่มิด สาวเปรี้ยวซ่าอย่างพลอยใสทำท่านึกถึงอาการของตนเองยามที่เข้าไปคุยกับสาวเท่ๆที่เมืองนอกแล้วบอกความรู้สึกของตนเองออกมา

    ฉันก็จะรู้สึกดี ยิ่งเฉพาะคนที่ทำอะไรให้แล้วฉันจะรู้สึกว่าเขาน่ารัก อ่อนโยน ดู Smart จนใจของฉันมันจะล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอะไรอย่างเนี้ย...โอ้พ่อเทพบุตร

    หรอ....มินตราครางเสียงยาว

    อืม ถามทำไม...แกปิดบังไรฉัน? พลอยใสยังคงวกเข้าเรื่อง ซักมินตราด้วยความอยากรู้

    เอ่อน่าอยากรู้เฉยๆ ง่วงแล้ว วันหลังค่อยคุยกันนะ... มินตราชิ่งกดตัดสายพลอยใสไปแล้วมองเข้าไป

    ยังคนในบ้านสายตาเรียบนิ่งอย่างครุ่นคิด

               

    รุ่งเช้าณัฏฐ์ตื่นมาอย่างสะลึมสะลือ พลางส่ายศีรษะไปมาให้สร่างจากอาการมึนงง คนร่างสูงชันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหันมองรอบๆจึงเห็นว่ามินตรากำลังนอนหลับใกล้ๆ มือเรียวยาวเอื้อมไปลูบเส้นผมของสาวร่างเล็กเบาๆอย่างอ่อนโยนและอมยิ้มอย่างเอ็นดู  มินตราเริ่มรู้สึกตัวช้าๆ เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมอง เห็นว่าคนร่างสูงกำลังลูบผมของตนเอง ทันทีที่สาวผิวน้ำผึ้งเห็นนัยน์ตาสวยเปิด หล่อนจึงรีบชักมือกลับ ทำเป็นลูบผมของตนเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ตื่นแล้วหรือคะ หายไข้รึยัง มินตราพูดขณะที่ตนเองนอนงัวเงียอยู่

    ณัฏฐ์แปลกใจกับคำถามของคนร่างเล็ก จึงเอามือจับหน้าผากและตามตัวของตนเอง เห็นว่าไม่ได้เป็นอะไรจึงยักไหล่แบบงงๆ

    เมื่อคืน ณัฏฐ์ตัวร้อนมากเลยรู้เปล่า มินให้ณัฏฐ์กินยาแล้วก็เช็ดตัวให้ แต่ณัฏฐ์หลับไม่รู้เรื่องเลย... มินตราพลิกตัวจากการนอนตะแคงมาเป็นนอนหงาย

    เหรอ... ณัฏฐ์ครางออกมา พลางหน้าแดงก่ำขึ้นมาดื้อๆเมื่อรู้ว่ามินตราเป็นคนเช็ดตัวให้

    อืม มินเฝ้าไข้ณัฏฐ์ด้วยก็เลยง่วงมากเลย ขอมินหลับต่อนะคะ ถ้าณัฏฐ์ยังไม่หายก็...พักผ่อนก่อนนะ มินตราพูดเสียงแผ่วแล้วผล็อยหลับไป

    ณัฏฐ์อมยิ้ม ก่อนที่จะลุกจากที่นอนออกไปข้างนอก

     

                ณ บ้านของพีรเพชร ดาราหนุ่มมีอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉี่ยว เมื่อไม่เห็นใครมาช่วยถือของจึงพาลไปทั่ว

    ไปไหนกันหมดวะ!”

    ไอ่ทศ มารับของสิเว่ย พีรเพชรตะโกนเรียก

    ฮึ่ย! ไปไหนกันหมดวะ ป้าอุ่นมารับของที!” พีรเพชรหันซ้ายหันขวาอย่างโมโห

    อะไรกันลูก อะไรกัน? พีรดารีบเข้ามาปลอบลูกชายคนเดียวของบ้านอย่างเอาใจ

    คุณแม่ครับ! นังเด็กนั่น มันบังอาจชิ่งหนีกลับบ้านทั้งที่ผมเสียตังค์เลี้ยงข้าวเสียใหญ่โต พีรเพชรคำรามออกมาเสียงดังโมโหจัด

    เพชร ลูกใจเย็นๆนะ นั่งก่อนนะ พีรดาเข้าไปจูงมือพีรเพชรมานั่งตรงโซฟาให้ใจเย็นลง

    ผม มี-สิทธ์-เลือก พีรเพชรหันมามองใบหน้าผู้เป็นแม่ พูดน้ำเสียงหนักแน่น

    ดังนั้น มันไม่สนใจ ผมก็ไม่แคร์ ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีแล้วเอื้อมมือปลดไทด์ออกจากคอเหวี่ยงไปกองที่พื้น

    เพชร แม่ว่า ลูกเป็นผู้ชาย เรื่องแค่นี้เอง บ้านเราเงินก็มี จ้างใครก็ได้ แล้วเราเป็นผู้ชายก็คิดดู...ว่าจะทำยังไงให้ชนะมินตราได้ พีรดาพูดกลับด้วยสีหน้ามีเลศนัย

    คิดเอาเองแล้วกันนะ ว่าจะให้คนอื่นมองว่าเป็นไอ้ขี้แพ้หรือเปล่า...พีรดายิ้มให้ลูกชายก่อนที่จะเดินผละออกไปทิ้งให้พีรเพชรนั่งคิดอย่างนิ่งๆ

     

                ณัฏฐ์กำลังนั่งควงปากกาเพลินๆกับการคิดบทนิยายหน้าบ้านท่ามกลางบรรยากาศที่สดใส มินตราก็เดินเข้ามาชะเง้อคอมองยิ้มๆโดยที่ณัฏฐ์ยังไม่รู้ตัว เขียนอะไรอ่ะ...

    ณัฏฐ์รีบปิดสมุดลงทันทีแล้วเงยหน้ามองมินตราทันที

                หืม มินตราเลิกคิ้วสูงอย่างฉงนแล้วส่งยิ้มหวานให้

                ไม่มีอะไร... ณัฏฐ์ขยับตัวออกห่าง เมื่อเห็นว่ามินตราทรุดนั่งม้านั่งใกล้ๆ

                ณัฏฐ์... มินตราเรียกหล่อนเมื่อเห็นว่าณัฏฐ์เบือนหน้าไปทางอื่น

                คือว่าพรุ่งนี้พ่อกับแม่มินจะมาเยี่ยม ได้ไหมคะ มินตราเอ่ยถามเสียงค่อยเพราะเกรงว่าณัฏฐ์จะปฏิเสธ

                ได้จ้ะ... ณัฏฐ์ระบายยิ้มออกมาบางๆ

                ขอบคุณค่ะ มินตราโผเข้ากอดณัฏฐ์ด้วยความดีใจ

                ณัฏฐ์ชะงักตัวแข็ง ใบหน้าแดงซ่านขึ้นมาราวกับลูกตำลึงสุก

                เอ่อ...ปล่อยได้แล้วมิน... ณัฏฐ์แกะมือมินตราออกอย่างสุภาพ ซ่อนความขัดเขินไว้ในใจอย่างเต็มที่

                จะไปไหนคะ มินตราถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นณัฏฐ์กำลังเดินเข้าบ้าน

                ณัฏฐ์จะไปทำงานสิ ตรงนี้มันร้อนสาวผิวน้ำผึ้งเกาศีรษะอย่างเก้อๆ ปั้นหน้าไม่ถูก แล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจว่ามินตรายืนยิ้มกว้างอยู่ด้วยความชอบใจ

    สาวหน้าคมเดินเข้ามาในห้องแล้วกดล็อกประตูลง มือเรียวยาวลูบหน้าตนเองไปมา พลางคิดถึงใบหน้าสดใสของมินตราแล้วยิ้มออกมาอย่างเขินๆ คนร่างสูงเดินมาที่กล่องกระดาษขนาดเล็กสีชมพู อยู่ข้างหัวเตียง

    .....วันพรุ่งนี้......จะให้หรือไม่ให้ดี......

                ณัฏฐ์ล้มตัวนอนมองกล่องกระดาษกลางใบนั้นแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง

    ...ก็คิดกันแค่เพื่อน...ให้ไปจะแป้กเปล่าเนี่ย... ณัฏฐ์กุมขมับ

                หล่อนหลับตานิ่งอย่างทรมานเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ตนเองจูบปากกับมินตราในคืนนั้น สาวผิวน้ำผึ้งจับปากตัวเองไล้ไปมาด้วยอาการวาบหวิวในใจ คงมีแค่ครั้งนั้น...ณัฏฐ์ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ รู้สึกแปลบในหัวใจ

    ....เมื่อไหร่จะลืมได้...ในเมื่อเธอเองก็ไม่ต้องการรับความรู้สึกใช่มั้ยมิน.... คำถามผุดขึ้นในสมองของหล่อนสร้างความเจ็บในใจจี๊ดๆอย่างทรมาน ...ฉันต้องเก็บความรู้สึกนี้ไปอีกนานแค่ไหน มันอึดอัดมากเลยรู้มั้ย...

                น้ำตาแห่งความอัดอั้น ค่อยๆไหลลงอาบแก้มอย่างช้าๆ ความอ่อนแอเข้ามากัดกร่อนหัวใจของณัฏฐ์ทันที ยามที่อยู่ใกล้คนที่แอบรักเช่นมินตราแบบนี้ ยิ่งใกล้...ยิ่งปวดใจ

    ...ทำไมกัน... ณัฏฐ์ปล่อยน้ำตาไหลอย่างคนรู้สึกน้อยใจโชคชะตา หล่อนโตมาอย่างโดดเดี่ยว อีกทั้งยังไม่มีใครที่อยู่เคียงข้างหล่อนได้อย่างเต็มร้อย แม้แต่ตอนนี้สิ่งที่ตนเองต้องการโหยหาก็เหมือนพัดปลิวไปเสียไกลจนท้อ สาวผิวน้ำผึ้งกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้งด้วยจิตใจห่อเหี่ยว เห็นมินตรากำลังยืนหันหลังอุ่นกับข้าวอยู่ คนร่างสูงจึงเดินเข้าไปสวมกอดสาวร่างบางด้านหลัง คางเกยบนบ่าเล็กอย่างคนอ่อนแรงทำให้มินตราสะดุดกึกนิ่งอยู่อย่างนั้น

                ขอกอดหน่อยนะ... เสียงแหบพร่าที่ดังข้างใบหูของเธอทำให้มินตราไม่กล้าปฏิเสธและปล่อยให้ณัฏฐ์กอดกระชับด้านหลังอย่างนั้นนานเป็นนาที

                คนร่างสูงหลับตานิ่งพยายามซึมซับความอบอุ่นให้ถึงหัวใจมากที่สุดจนคนถูกกอดเริ่มมีอาการหวั่นไหว สาวร่างบางระหงค่อยๆแกะมือของคนร่างสูงออกอย่างสุภาพ เธอปิดแก๊สที่อุ่นกับข้าวและหันหน้ามาเผชิญกับคนร่างสูง

                เป็นอะไรไปคะ... มือเรียวเล็กประคองใบหน้าคนร่างสูงอย่างอ่อนโยนค่อยๆไล้มือไปตามแก้มของหล่อน มินตราสังเกตแววตาของคนตรงหน้าที่ฉายความทุกข์ชัดออกมา จนเธออดไม่ได้ที่จะกอดปลอบไว้แน่น

                ไม่เป็นไรนะ...มินอยู่ตรงนี้นะคะ สาวหน้าหวานลูบหลังปลอบทำให้ณัฏฐ์หลับตาลงอยากจะหยุดเวลาไว้เหลือเกิน...เพียงอ้อมกอดของเธอ ก็ช่างอบอุ่น...เพียงพอแล้ว...

                    “อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้ได้มั้ย มินรู้สึกไม่ดีไปด้วยเลยนะ... เธอลูบแก้มเนียนของณัฏฐ์อย่างปลอบโยน ความใกล้ชิดเพียงลมหายใจทำให้คนร่างสูงไม่สามารถห้ามหัวใจของตนเองได้อีกต่อไป ณัฏฐ์ค่อยๆโน้มใบหน้าลงต่ำหยุดมองที่ริมฝีบางบางเฉียบของเธอ เมื่อเห็นว่าสาวหน้าหวานไม่ผละตัวออกห่าง ริมฝีบางหยักเข้ารูปของสาวผิวน้ำผึ้งจึงประกบริมฝีบางบางสนิทแน่นเปี่ยมไปด้วยความโหยหา

                อำนาจของแรงปรารถนาของคนร่างสูงส่งผ่านมาถึงสาวร่างเล็กจนเธอแทบจะขาดอากาศหายใจ ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนหยุดลงฉับพลันมีเพียงเสียงลมหายใจที่หล่อนมอบให้...

                คนร่างสูงยังคงพร่ำจูบคนร่างเล็กด้วยความเสน่หา อ่อนโยน และเร่งเร้าความรู้สึกของมินตราให้หัวใจปั่นป่วนร้อนรุ่มไปตามไฟพิศวาสที่หล่อนมอบให้ มินตราลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของสาวหน้าคมเสมือนหาที่ยึดเหนี่ยวไว้แต่ความเสียวซ่านกลับเร่งเร้าในใจมากขึ้นราวกับน้ำผึ้งถูกไฟลนจนหลอมละลาย

                ณัฏฐ์ถอนริมฝีปากออกจากคนร่างบางเมื่อเห็นมินตราหายใจหอบแรง เหงื่อผุดเม็ดตามใบหน้า พวงแก้มสีชมพูระเรื่อจนหล่อนอมยิ้มให้บางๆอย่างเอ็นดูไม่ได้ แววตาความเศร้าที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ถูกระบายออกไปกับหญิงสาวร่างเล็กเสียเรียบร้อย....นี่รึเปล่าที่เขาเรียกว่าหากไม่กล้าที่จะบอก สักวันความทรมานจะบีบให้เรากล้าเอง....

                สาวผิวน้ำผึ้งยิ้มตาเป็นประกายอย่างมีความหวังเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหน้าหวานไม่แสดงความรังเกียจใดๆ มือขาวเนียนดึงคอเสื้อของคนร่างสูงให้โน้มตัวลงมาขณะที่ยังหายใจหอบ

                ณัฏฐ์คะ...มินหวั่นไหวจนจะรู้สึกว่าชอบณัฏฐ์แล้วรู้ไหม? แววตาที่ทอประกายเหมือนมีดวงดาวนับล้านในนัยน์ตาหวานคู่นั้นทำให้คนฟังเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อหูตนเอง

                ริมฝีปากหยักเข้ารูปยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจจนแลเห็นลักยิ้มบุ๋มด้านซ้าย ฟันเรียงตัวสวยทำให้มินตรามองด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม คนร่างสูงจึงกอดกระชับมินตราแน่นแนบอก

                รู้สึกยังไง...ทำไมไม่แสดงออกมาล่ะมิน... หล่อนพูดเสียงเรียบทิ้งไว้กับมินตราให้คิด

    สาวหน้าหวานกอดกระชับสาวผิวน้ำผึ้งตอบแน่นราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปไหน

     

    เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่ณัฏฐ์กำลังทำกับข้าวกับมินตราที่ห้องครัวกันอย่างง่ายๆ สักพักก็มีเสียงกดออดดังขึ้น

    สงสัยจะมาแล้วมั้ง... มินไปดูเองดีกว่า มินตราพูดกับณัฏฐ์ยิ้มๆ แล้วล้างมือก่อนที่จะเดินเร็วๆไปเปิดประตูบ้าน

                ที่หน้าประตูมีชายวัยกลางคนกับผู้หญิงสูงขาวคนหนึ่งกำลังส่งยิ้มกว้างให้ มินตรา ที่กำลังวิ่งมาเปิดประตูอย่างรีบร้อน ทันทีที่ประตูเปิดออกมินตราก็หอมแก้มคนเป็นพ่อแม่ทั้งสองด้วยความดีใจ

                สวัสดีพ่อ สวัสดีค่ะแม่ มินคิดถึงที่สุดเลย มินตราโผเข้ากอดพงศ์ศักดิ์แน่น คนเป็นพ่อจึงหัวเราะร่วนแล้วกอดลูกสาวตอบอย่างเอ็นดู

                ดูสิ ป่านนี่แล้วยังอ้อนพ่อเป็นเด็กๆ ศิรินทร์พูดกับลูกสาวอย่างดุๆ

                แหมก็มินคิดถึงนี่คะ ขอกอดหน่อยนะ มินตราโผเข้ากอดศิรินทร์กระชับแน่นเช่นกัน

                ไปๆ อยู่ข้างนอกนานผิวเสียหมด ศิรินทร์บ่น เนื่องจากไม่ชินกับอากาศในเมืองไทย มินตราจึงเดินนำเข้าไปในบ้าน

                ข้าวผัดที่ผัดเสร็จใหม่จากฝีมือของณัฏฐ์ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบ้าน ศิรินทร์ทำจมูกฟุตฟิต พอๆกับ

    พงศ์ศักดิ์กำลังลูบท้องที่ร้องโครกครากเสียงดังจนมินตราขำ

                พ่อกับแม่มาถึงแล้วหรือ มิน ณัฏฐ์เอ่ยถามก่อนที่จะถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินไปสวัสดีพ่อกับแม่ของมินตรา ขณะที่ทั้งสองคนส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

                นี่ณัฏฐ์ค่ะ เป็นนักเขียนนิยาย มินตราแนะนำให้พงศ์ศักดิ์และศิรินทร์รู้จัก

                เอ่อ กินข้าวกันก่อนมั้ยคะ นั่งที่โต๊ะดีกว่า เดี๋ยวณัฏฐ์ไปตักให้ ณัฏฐ์รีบกุลีกุจอไปที่ห้องครัวก่อนที่จะตักข้าวผัดใส่จานพลาสติกธรรมดา และหั่นแตงกวาวางไว้บริเวณขอบจานอย่างเรียบร้อย ทางด้านมินตราก็หยิบขวดน้ำในตู้เย็นกับแก้วพลาสติกสองใบไปเสิร์ฟให้คนเป็นพ่อกับแม่

                พงศ์ศักดิ์รีบตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆอย่างหิวโหย ต่างกับศิรินทร์ที่เหมือนจะเขี่ยๆข้าวในจานไปมาเสียมากกว่า พอจะหยิบแก้วน้ำดื่ม เห็นว่าเป็นแก้วพลาสติกเก่าๆก็วางลงแล้วหันมามองใบหน้าของลูกสาว

    อยู่ได้ด้วยหรือลูกแบบนี้... ศิรินทร์ถามขึ้น พลางหันมองบริเวณรอบๆบ้านแหยงๆ เมื่อเห็นบ้านชั้นเดียวของณัฏฐ์ซึ่งเก่ามากในสายตาของศิรินทร์ แก้วน้ำดีๆที่ควรจะนำมาเสิร์ฟแขกกลับเป็นแก้วพลาสติกซึ่งดูต่ำมากในสายตาศิรินทร์อีกเช่นกัน และยังต้องนั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นเพียงตัวเล็กๆทำให้ศิรินทร์เบะปากอย่างไม่พอใจ

    ณัฏฐ์มองสีหน้าของศิรินทร์แล้วเจื่อนไป

    พงศ์ศักดิ์หันมองหน้าณัฏฐ์แล้วหันหน้าส่งสายตาปรามศิรินทร์ลองชิมดูก่อนคุณ อร่อยนะ ชายร่างท้วมยังคงเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ จนหมดจาน

    ไม่ล่ะ คุณทานเถอะ... ศิรินทร์กล่าวปฏิเสธ

    มินตราหน้าเหวอไปเมื่อมองอาการของณัฏฐ์ หล่อนพยายามนั่งข่มอารมณ์นิ่งๆ ตอนนี้เธอเดาใจไม่ถูกว่าสาวผิวน้ำผึ้งอยู่ในอารมณ์ไหนซึ่งหล่อนมีอาการเรียบเฉยจนแลดูเย็นชา

    เอ่อ แม่คะเอาจานมาให้มินดีกว่ามา มินตรารับจานข้าวของศิรินทร์มาแล้วตักเข้าปากเคี้ยวอย่างอร่อย เอาใจฝีมือของคนที่นั่งข้างๆ ทำให้ณัฏฐ์หันมามองใบหน้าของมินตราเรียบนิ่งแล้วลุกพรวดเดินหนีไปอีกทาง

    ณัฏฐ์... มินตราร้องเรียกสีหน้าเป็นกังวลทันที เธอวางจานลงไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่นดังเดิม แล้วกำลังจะเดินออกไปตามเขาแต่ศิรินทร์ก็ดึงตัวให้นั่งไว้ที่เดิม

    เดี๋ยวสิมิน แม่มาทั้งทีจะไม่สนใจกันบ้างเลย...

    แหม แม่ก็ คือมิน... มินตราชะเง้อคอมองณัฏฐ์ที่เดินทะลุออกจากบ้านไปแล้วอย่างเป็นห่วง

    นี่ๆ แฮปปี้เบิร์ดเดย์จ้ะ ศิรินทร์หยิบของขวัญออกมาจากถุงแล้วยิ้มให้ลูกสาว  

    มินตรากอดศิรินทร์พร้อมฉีกยิ้มบางๆก่อนที่จะไหว้ขอบคุณ

     

    ณัฏฐ์เดินมาหลบนั่งลงใต้ต้นไม้กับพื้นหญ้าข้างบ้าน นัยน์ตาแดงก่ำด้วยความโกรธจัด พยายามกลั้นน้ำตาของความน้อยใจที่เอ่อล้นขึ้นมา แต่ก็อดนึกถึงสายตาดูถูกของศิรินทร์ที่พูดเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้

    ...ก็มีอยู่แค่นี้ จะให้มีอะไรทำหรูๆได้ยังไง...

    โธ่เว่ย!” ณัฏฐ์หยิบหินขว้างไปปะทะกำแพงอย่างเหลืออด

    ณัฏฐ์... มินตราเดินมาหาอย่างเก้ๆกังๆ ไม่กล้าเข้าไปใกล้มาก

    ณัฏฐ์เบือนหน้าหลบ ยกแขนเสื้อปาดน้ำตาที่คลอเมื่อครู่นี้ก่อนที่จะหันมองมินตรา

    ตามมาทำไม...หล่อนถามเสียงแข็ง

    ณัฏฐ์คือ แม่มิน... มินตราเดินเข้ามาขวางเมื่อเห็นณัฏฐ์จะเดินหนีไปอีกครั้ง

    ฟังก่อนได้ไหม? สาวหน้าหวานคว้าข้อมือของคนร่างสูงไว้ได้

    ไม่จำเป็น สาวผิวน้ำผึ้งสะบัดข้อมือออกจากสาวหน้าหวานอย่างแรงจนเธอเซไปอีกทาง

     อะไร เป็นอะไร? มินตราเข้ามาถามคนร่างสู.อย่างเป็นห่วง

    ณัฏฐ์บิดข้อมือตนเองออกจากมินตราอย่างรวดเร็ว ณัฏฐ์ก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่มีอะไรหรูๆ แต่งตัวไม่ดี ลุคสกปรก ทำอะไรขัดหูขัดตาคนอื่นไปหมดไงมิน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×