คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ๔.หัวใจดวงเก่า
๔.หัวใจดวงเก่า+
+ |
-
ณัฏฐ์เดินออกมาสูดอากาศยามเช้าที่สดใสแล้วเดินไปรับหนังสือพิมพ์หน้าบ้านอย่างอารมณ์ดี คนร่างสูงทรุดนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่ชิงช้าตัวเก่าอยู่ชั่วครู่ แต่ก็ต้องต้องสะดุ้งกับข่าวตัวเองที่พาดไว้หน้าหนึ่งตัวเบ้อเริ่ม สาวผิวน้ำผึ้งขมวดคิ้วหน้ายุ่ง แล้วอ่านด้วยน้ำเสียงเครียด
“มินตรา ดาราสาว ซุ่มเงียบ คบสาวเท่ หวังปลีกห่างแฟนเก่า...” ณัฏฐ์ปิดหนังสือพิมพ์แล้วรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในบ้านหาสาวหน้าหวานด้วยความตกใจ
“มิน...” ณัฏฐ์กำลังจะเดินเข้าไปแต่ก็ต้องผงะ เมื่อเห็นว่ามินตราพูดโทรศัพท์อยู่
ภาพที่หล่อนเห็นคือท่าทางของสาวร่างบางเดินไปเดินมาอย่างเคร่งเครียด เธอถือโทรศัพท์แล้วทำหน้าเบะมาที่ณัฏฐ์ ส่วนหล่อนก็ถอนหายใจอย่างเซ็งๆและเดินไปนั่งมองมินตราพูดโทรศัพท์ที่เก้าอี้ใกล้ๆ
“ค่ะๆๆ เดี๋ยวช่วงบ่ายมินเข้าไปแถลงข่าวแล้วกัน...”
“ค่ะ สวัสดีค่ะพี่ เดี๋ยวเจอกันค่ะ”
มินตรากดโทรศัพท์วางสายแล้วหันหน้ามาทางณัฏฐ์ที่มีสีหน้าพร้อมจะฟังเรื่องของมินตรา
“งานเข้าแล้วล่ะ...” มินตราเดินมานั่งข้างๆณัฏฐ์ เอาศีรษะพิงไหล่ของหล่อน
“เรื่องข่าวไปกินสุกี้กันเมื่อวานก่อน...ใช่มะ” ณัฏฐ์ถามด้วยน้ำเสียงพลอยเป็นกังวลไปด้วย
“อือ...ต้องไปเคลียร์ออกสื่อให้คนอื่นเข้าใจ” มินตราทำหน้าเหนื่อยๆ
...ก็เธอชอบการแสดง เล่นละคร แต่ก็ไม่ชอบที่ใครต้องมารู้เรื่องส่วนตัวมากจนเกินไปจนตัวเองต้องเดือดร้อน....
ที่ห้องแถลงข่าวสดมีนักข่าวรุมล้อมยิงคำถามเรื่องมินตรามากมาย
“ไม่ทราบว่า คุณมินตรากับคุณพีรเพชร ยังคบกันอยู่รึเปล่าคะ” นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น
“ก็ว่าจะเลิกค่ะ” มินตราตอบสีหน้าเคร่งขรึม จนผู้จัดการส่วนตัวของเธอหันมามองใบหน้าหวานด้วยความตกใจ ขณะที่นักข่าวที่ฟังการสัมภาษณ์ฮือฮากันทั่วห้อง
“คือตอนนี้ มินว่ามินก็ปรับตัวในเรื่องของพี่เพชรเขาได้ระดับหนึ่งแล้วค่ะ เพราะเรามีปัญหาเรื่องส่วนตัวกันนิดหน่อย...”
“ปัญหาส่วนตัว ที่ว่าพีรเพชรเป็นคนเจ้าชู้จนมินทนนิสัยเขาไม่ไหวใช่มั้ยคะ” นักข่าวอีกคนหนึ่งถาม
มินตรายิ้มให้บางๆ “อันนี้ขอเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างมินกับพี่เขาแล้วกันนะคะ”
“แล้วประเด็นที่ ข่าวคบสาวเท่ที่เป็นข่าวดังอยู่ในตอนนี้ล่ะคะ”
“อ่อ เป็นเพื่อนกันค่ะ เพื่อนที่สนิทกันมากกว่า...”มินตราตอบยิ้มๆ
บรรยากาศของการแถลงข่าวและการให้สัมภาษณ์สิ้นสุดลง ณัฏฐ์นั่งดูมินตราให้สัมภาษณ์ผ่านโทรทัศน์เสร็จแล้วเอื้อมมือหยิบรีโมตมาปิดอย่างจ๋อยๆ
สาวร่างโปร่งเดินออกมาเรื่อยตามทางของหมู่บ้าน ณัฏฐ์เดินไปเรื่อยๆบนสะพานไม้ข้ามคลองฝั่งหนึ่ง แล้วนั่งลงห้อยขามองแม่น้ำเงียบๆ ในใจนึกถึงมินตราที่ตอบการสัมภาสน์กับนักข่าวเมื่อครู่ ผู้หญิงคนเดียวที่เข้ามาป่วนจนหัวใจหล่อนจนวุ่นวายไปหมด ในเวลานี้ณัฏฐ์ปฏิเสธตัวเองไม่ได้เลยว่า เริ่มรู้สึกดีๆกับมินตราไปเกินครึ่งของหัวใจ เกินใครที่จะเรียกว่า “เพื่อน” ได้แล้ว
คนร่างสูงยิ้มทั้งน้ำตา นึกถึงสาวน้อยผิวสวย ยิ้มหวาน ตากลมใสที่อาจจะเคลือบแฝงด้วยความเศร้าจากแผลเก่าในใจอยู่บ้าง แต่ณัฏฐ์ก็เต็มใจที่จะเป็นน้ำปลอบประโลมใจให้เธอหายเศร้าจากวันวาน เพราะหวังให้เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่เป็นคนสดใสได้เช่นเดิม
ณัฏฐ์รู้จักกับมินตรามานานแล้ว เมื่อสองปีก่อน หล่อนเห็นเธอจากผลงานละครทีวีเรื่องแรกและแอบปลื้มสาวน้อยนัยน์ตาหวานอยู่เงียบๆเพราะเห็นว่า มินตราเป็นดาราดาวรุ่งที่กำลังเจิดจรัสบนฟ้าและเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาอย่างเขาจะเอื้อมถึง แค่คนเขียนนิยายธรรมดากับนางเอกละครที่มีใครต่อใครให้ความสนใจจนกลายเป็นที่รู้จักมากมาย รวมทั้งพีรเพชรที่ชิงจีบตัดหน้าหล่อนไป ทำให้สาวผิวน้ำผึ้งต้องเก็บความรู้สึกนั้นซ่อนไว้ในใจคนเดียวเรื่อยมา
สาวร่างโปร่งทิ้งตัวลงนอนกับสะพานไม้แถวบ้าน ปล่อยให้ลมพัดผ่านสายน้ำเย็นที่อยู่เบื้องล่าง ณัฏฐ์โอบกอดตัวเองไว้อุ่นๆก่อนที่จะปล่อยน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย เมื่อรู้ว่าตอนนี้ยามใกล้ชิดหญิงสาวที่กำลังคิดถึง ทำให้ณัฏฐ์คนที่เคยเข้มแข็งกลับไม่สามารถควบคุมหัวใจให้มั่นคงแข็งแรงได้อีก ...ช่างทรมานเหลือเกิน
เพียงชั่วครู่ มินตราก็โทรศัพท์เข้ามา ณัฏฐ์มองโทรศัพท์แล้วปาดน้ำตาตัวเองเบาๆ ฝืนยิ้มรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด
“ว่าไงเอ่ย...”
“ณัฏฐ์อยู่ไหนอ่ะ ปล่อยให้มินอยู่บ้านคนเดียวได้ไงคะ”
“เอ่อ...ณัฏฐ์อยู่หน้าบ้านแถวสะพานไม้ด้านหลังซอยหมู่บ้านจ้ะ เดี๋ยวค่อยเข้าไปนะ”
หล่อนกดตัดสายของมินตราทิ้ง แล้วหลับลงนอนเหมือนไม่อยากจะรับรู้เรื่องราวเจ็บปวดที่บีบตัวแน่นในหัวใจ แต่ในความคิดของสาวตาคมกลับยังคงมีรอยยิ้ม ความขี้อ้อน ความเอาใจใส่ของมินตราเวียนไปวนมาทุกขณะ
...ไม่ว่าจะคำพูดเสียงหวาน...
...นิสัยชอบแหย่...
...เด็กๆ โก๊ะๆ...
...ฝีมือการทำอาหาร...
ณัฏฐ์หลับตานึกถึงมินตราในชุดของแม่ครัวตัวยุ่งน้อยๆ ที่เคยลุกขึ้นมาทำผัดกับข้าว เตรียมอาหารแปลกๆให้ยามเช้า ทั้งที่เมื่อก่อนเคยคิดว่าคุณหนูอย่างมินตราไม่น่าจะทำได้เลย...
“ชิมสิณัฏฐ์ ไม่ท้องเสียหรอกน่า อร่อยนะ..” มินตราตักผัดกะเพราใส่ปากคนร่างสูงแล้วยิ้มกว้างจนแลเห็นฟันเขี้ยวตามฉบับอย่างน่ารัก
ณัฏฐ์มองใบหน้าเนียนสวยของเธอใกล้ๆ รู้สึกใจพองโตด้วยความยินดี จนยิ้มแก้มปริ ในเวลานั้นกับข้าวอร่อย แต่คนเอาใจเก่งกว่าทำให้รู้สึกว่าดีไปทั้งหมด
“ไม่เป็นเพื่อนได้ไหม...” ณัฏฐ์ลืมตาพูดออกมาพึมพำ ดวงตายังคงแดงน้อยๆจากไอร้อนน้ำตาที่ไหลเมื่อครู่
“ไม่เป็นเพื่อนกับใครหรือจ๊ะ” มินตราชะโงกหน้ามองใบหน้าคมทำให้คนที่กำลังนอนอยู่สะดุ้งลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบหน้าของคนที่มองต่ำลงมาจากที่สูงและคนที่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเกือบจะชนกันในระยะชิดใกล้
“เปล่า...” ณัฏฐ์รีบถดตัวถอยหนี
มินตรายิ้มพยายามไม่คิดอะไรแล้วเดินมานั่งข้างๆ ยื่นปาท่องโก๋ร้อนๆกับน้ำเต้าหู้ให้
“อะ...ร้อนๆอร่อยนะ ไปสัมภาษณ์วันนี้เหนื้อยเหนื่อย” มินตราพูดแล้วฉีกปาท่องโก๋เป็นคำๆเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
ณัฏฐ์ดูดน้ำเต้าหู้อุ่นๆจากถุงที่รับมาจากมือของสาวหน้าหวานแล้วนั่งนิ่งๆไม่ได้พูดอะไร
“มานั่งทำอะไรตรงนี้มืดค่ำ ไม่กลัวหรอ” มินตราหันหน้าถามคนหน้าคม
ณัฏฐ์ยังคงทอดสายตามองน้ำในลำคลอง ไม่ได้หันมองมินตราแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ
“เป็นไรไปคะ?” มินตราวางถุงน้ำเต้าหู้แขวนเสาไม้เล็กๆข้างตัว แล้วขยับเข้าไปใกล้ มือเนียนขาวบีบมือคนที่กำลังทำหน้าเศร้าอย่างเป็นห่วง
ณัฏฐ์วางน้ำเต้าหู้พิงกับท่อนไม้อีกฝั่งแล้วค่อยๆหันมองใบหน้าของมินตราตรงๆ มือเรียวยาวค่อยๆเอื้อมมือลูบศีรษะของเธอเบาๆอย่างอ่อนโยนและไล่ลงต่ำมาที่พวงแก้มขาว
“บางทีณัฏฐ์ก็ไม่อยากให้มินยุ่งกับใคร” หล่อนพูดออกมาเบาๆราวกับเสียงกระซิบแต่มินตราได้ยินชัดเจนในเวลาที่ไม่มีเสียงใดนอกจากลมพัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ทำไมเอ่ย...ทำไมณัฏฐ์ตาแดงล่ะ ร้องไห้หรือ” มินตราจับหน้าคมเข้มของณัฏฐ์แล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาด้วยความสงสัย
“ถ้าพีรเพชรขอโอกาสคืนดีกับมิน...จะกลับไปหาเขารึเปล่า” ณัฏฐ์จ้องใบหน้าของมินตราสีหน้าเครียด
มินตรานิ่งไปนิดหนึ่ง “มินไม่กลับ แต่ก็...”
ณัฏฐ์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกอย่างคนรอคำตอบ จ้องริมฝีปากบางเฉียบของเธอนิ่ง
“แต่มินก็ไม่รู้ว่า ถ้าเขามาขอคืนดี ตัวเองจะใจอ่อนรึเปล่า...”
สาวผิวน้ำผึ้งรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจอย่างบอกไม่ถูก ...นี่หล่อนเป็นเพียงที่ปรึกษาของเธอ โดยที่มินตราไม่รู้ตัวเลยหรือเนี่ย...ณัฏฐ์พยักหน้ารับ ฝืนยิ้มทั้งที่ในใจรู้สึกแห้งผาก
“ถามทำไมหรือ...” มินตราลุกขึ้นเมื่อเห็นณัฏฐ์ลุกยืนเต็มร่างสูงแล้วหันหลังให้เธอ
ณัฏฐ์หันหน้ามาทางมินตราอีกครั้งแล้วคว้าคนเอวบางเข้าไปใกล้ เธอสะดุ้งทันที พลางมองใบหน้าคมคายของณัฏฐ์ใต้แสงไฟนีออนสลัวซึ่งกำลังสาดลงมาอย่างแปลกใจ แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงร่างกายที่ร้อนระอุของณัฏฐ์จนสาวหน้าหวานช้อนสายตามองอย่างเป็นห่วง
“ณัฏฐ์ขออะไรมินอย่างนะ...ให้ได้ไหม?” สาวผิวน้ำผึ้งมองวงหน้าสวยของมินตราระยะประชิดใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออก
“ได้สิ ณัฏฐ์ก็เป็นเพื่อนคนนึงสำหรับมินที่ดีที่สุดเลยนะ ช่วยเหลือ เทคแคร์ ตามใจ ดีกว่าใครๆหลายคนเสียอีก” มินตราระบายยิ้ม
“หลับตา...ณัฏฐ์อยากขอก่อนเตรียมใจ” ณัฏฐ์พูดแววตาเศร้าเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาอีกรอบ หล่อนต้องกล้ำกลืนไว้ข้างใน ตอนนี้หัวใจน้อยๆของคนร่างสูงโปร่งสั่นไหวแกว่งไปด้วยความผิดหวังที่กำลังจะเกิดขึ้น
หลังจากมินตราหลับตาพริ้มอย่างว่าง่าย ณัฏฐ์รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี โน้มใบหน้าไปประทับริมฝีปากสวยของมินตราเบาๆด้วยความรัก...รักเธอสุดหัวใจ
มินตรารู้สึกตัวลอยๆอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เลือดในร่างกายของสาวหน้าหวานสูบฉีดพุ่งพล่านขณะที่สมองกลับตื้อมึนงงอย่างสับสน เธอค่อยๆปรือตามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความหวั่นไหว มือเนียนสวยจับริมฝีปากของตนเองอย่างตกตะลึงเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ฝันไป
ณัฏฐ์ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปอีกทาง...
มินตราเดินกลับเข้ามาในห้องนอนแล้วล็อกประตูลงนิ่ง หัวใจของเธอยังคงเต้นถี่รัวไม่สงบดีนัก ยามคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ร่างบางระหงก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงอย่างสับสน พยายามข่มตาหลับเพื่อไม่ให้รู้สึกหวั่นไหวไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น ...หล่อนจูบเธอ...ริมฝีปากยังอุ่นๆ...เป็นของหญิงสาวคนนั้น ดาราสาวหลับตาลงอย่างกระสับกระส่าย...เวลานั้นเรี่ยวแรงที่ควรจะปฏิเสธ หายไปไหนหมด!?...
ทางบ้านของพีรเพชร เขาหยิบหนังสือพิมพ์มาดูด้วยความหงุดหงิดแล้วไปบ่นกับแม่ของเขาให้วุ่น
“แม่ครับ ดูสิ...น้องให้สัมภาษณ์ว่าเรากำลังจะเลิกกัน”
พีรดารับมาดูแล้วกระหยิ่มยิ้มอย่างไม่คิดมากอะไร “ยังมีโอกาสน่า...”
“แถมยังมีข่าวกับไอ้ณัฏฐ์บ้านั่น...” พีรเพชรทำหน้าเซ็งเมื่อเห็นรูปของณัฏฐ์ปรากฏบนหนังสือพิมพ์
...ดาราหนุ่มอย่างพีรเพชรรู้จักสาวผิวน้ำผึ้งอย่างดีทีเดียว เนื่องจากละครเรื่องแรกที่มินตราเล่นนั้น เขาก็เป็นนักแสดงชายหน้าใหม่ที่ถูกเปิดตัวพร้อมกับมินตรา ทำให้ทั้งคู่ได้คบหากันมาตลอดเกือบ 2 ปี...ที่สำคัญเรื่องราวของสาวผิวน้ำผึ้งยังคงมีความเกี่ยวข้องอื่นๆจนทำให้เขาเกลียดเข้าไส้...
“ผู้หญิง โดนคำหวานป้อนเข้าบ่อยๆ ใจก็อ่อนแล้วลูกสู้ๆหน่อย” พีรดาตบบ่าลูกชายคนเดียวให้กำลังใจ
พีรเพชรยิ้มรับอย่างมีความหวัง
ราตรีมืดสนิทมีเพียงแสงจากดวงดาวทอประกายระยับบนท้องฟ้า มินตราสวมเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงผ้ายืดขาสั้น เธอปิดปากหาวตาปรือเมื่อเอนหลังลงบนเตียงนุ่ม เปลือกตาของเธอปิดลงหลับไปชั่วขณะ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ที่ดันลืมปิดกลับดังขึ้นปลุกเธออีกครั้ง เธอเอื้อมมือไปหยิบรับงงๆระคนหงุดหงิดใจเล็กน้อย
“คะ พี่เพชร” มินตราพูดน้ำเสียงสลึมสลือ
“น้องมิน หลับแล้วหรือครับ” พีรเพชรพูดน้ำเสียงจ๋อยๆ โดยมีพีรดาผู้เป็นแม่นั่งเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆคอยบอกใบ้พีรเพชรที่จะพูดกับมินตรา
“ก็กำลังเคลิ้มจะหลับ รีบๆพูดมาเถอะค่ะ เอาแต่ธุระจำเป็น...” เธอพูดเสียงแข็งใส่ชายหนุ่ม
“เอ่อ...คือพรุ่งนี้พี่อยากจะชวนมินไปทานข้าวหน่อยน่ะครับ” พีรเพชรพูดตามที่พีรดาทำปากขมุบขมิบส่งให้
“พรุ่งนี้ มินว่างแค่ช่วงเช้านะคะ ตอนบ่ายรับงานถ่ายแบบ” มินตราตอบน้ำเสียงปกติ
พีรเพชรบอกใบ้ไปทางพีรดาว่ามินตราว่างแค่ช่วงเช้า พีรดาจึงบอกให้พีรเพชรตอบตกลงไป
“เอ่อ ครับ ก็ได้ ช่วงเช้าเดี๋ยวพี่ไปรับนะ”
“ค่ะ แค่นี้นะคะ มินจะนอนแล้ว” มินตรากล่าวลา
พีรเพชรวางสายจากมินตราแล้วหันไปยิ้มกับพีรดาผู้เป็นแม่อย่างเจ้าเล่ห์
รุ่งเช้ามินตราแต่งชุดเดรสสีชมพูอ่อนเป็นลูกไม้ที่ชายกระโปรง ยามลมพัดมาอ่อนๆทำให้ชายกระโปรงสะบัดพริ้วดูเป็นสาวหวานสดใส เธอดัดผมเป็นลอนยาวสลวยกลางหลัง และฉีดน้ำหอมอ่อนๆ ก่อนที่จะเดินอารมณ์ดีเตรียมตัวออกไปข้างนอก
ณัฏฐ์กำลังนั่งพิมพ์งานและจิบกาแฟไปพลางๆ เงยหน้ามองสาวหน้าหวานที่เดินผ่านมาตรงหน้าอย่างทึ่งในความสวยของมินตรา การแต่งตัวน่ารักแบบธรรมชาติ อีกทั้งยามเดินผ่านยังได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆชวนหลงใหล สิ่งที่แปลกไปในวันนี้ทำให้คนร่างโปร่งรู้ทันทีว่าเธอต้องมีอะไรพิเศษ
“มินจะออกไปไหน?” เขาถามเสียงห้วนสะบัดสั้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้คนฟังสะอึกไปเล็กน้อย หากแต่เธอยังคงปรับสภาพอารมณ์ไว้อย่างดีเยี่ยม
“เดี๋ยวพี่เพชรจะมารับ...” มินตราตอบแล้วยิ้มให้บางๆ ไม่ถือสากับน้ำเสียงของหล่อนสักเท่าไร
ณัฏฐ์สะดุดกึกไปกับคำตอบแล้วพยักหน้ายอมรับความจริง....ที่หล่อนบอกความปรารถนาในใจให้เธอเมื่อวาน....มันไม่ทำให้เธออ่อนไหวกับฉันเลยใช่ไหม...มินตรา...
การนิ่งไปของณัฏฐ์ทำให้มินตราเดาว่า หล่อนอาจจะไม่ว่าอะไร สาวหน้าหวานเดินออกไปโดยที่ไม่ลืมโบกมือน้อยๆเป็นการบอกลา ทำให้คนที่มองเธอรู้สึกใจห่อเหี่ยวทันที ณัฏฐ์มองจนมินตราเดินออกไปจนเธอเปิดประตูรั้วบ้าน หล่อนหันกลับมาที่โน้ตบุ๊กแล้วถอนหายใจยาว สมาธิจากการนั่งปั่นบทนิยายเมื่อครู่ ว่าจะให้มีฉากกุ๊กกิ๊กกัน หายไปหมดกับบรรยากาศเช้านี้ หล่อนฟุบหน้าลงกับโน้ตบุ๊กอย่างคนหมดแรง รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก
“วันนี้ออกไปข้างนอกดีกว่ามั้งเนี่ย...” ณัฏฐ์พึมพำกับตนเองแล้วรีบคว้ากุญแจบ้านเดินออกไปข้างนอกทันทีแต่เมื่อปิดประตูรั้วบ้าน สาวผิวน้ำผึ้งก็เหลือบไปเจอรถบีเอ็มสีดำคันหนึ่งกำลังกลับรถเลี้ยวออกมกจากซอยบ้านของหล่อน
ปี้น!!! รถคันนั้นบีบแตรเสียงดัง
ณัฏฐ์ชักสีหน้าหงุดหงิด แล้วหันมองรถคันหรูอย่างไม่พอใจ
รถบีเอ็มค่อยๆเลื่อนกระจกลงแล้วหันมายิ้มเยาะ เผยให้เห็นดาราหนุ่มหน้าคุ้นตาแต่งตัวด้วยชุดสูทขาว ผมของเขาเซ็ตตั้งราวกับขนเม่น ข้างกายมีหญิงสาวหน้าหวานอย่างมินตรานั่งคู่กันอยู่
“ไงวะ แห้ว...อ่อนเอ้ย!” พีรเพชรถุยน้ำลายออกไปนอกรถอย่างดูถูก
ณัฏฐ์เบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว กำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด
“พี่เพชรคะ อย่าทำอะไรแบบนี้สิ” มินตราดึงแขนชายหนุ่มห้ามเขาหน้าเสีย เมื่อเห็นแววตาของณัฏฐ์จ้องมาเขม็ง
“ควาย! ไปไหนก็ไปให้ไกลส้นไป! ” สาวผิวน้ำผึ้งคำรามใส่พีรเพชรอย่างเหลืออด ขณะที่สาวหน้าหวานในรถพลอยได้ยินคำพูดหยาบคายของณัฏฐ์โดยบังเอิญ เธอถึงกับผงะในคำพูดของณัฏฐ์ไปทันที
“ก็เงี้ย มึงสู้กูไม่ได้ก็เท่านั้น...” พีรเพชรยิ้มเยาะ ก่อนที่จะหักเลี้ยวปาดตัวณัฏฐ์จนเซไปอีกฝั่งแล้วเร่งรถออกไปจากถนนทิ้งควันเสียจากท่อรถปกคลุมอยู่ตรงที่ณัฏฐ์ยืนเต็มไปหมด
สาวหน้าคมกระแอมไอถี่ๆสำลักควัน หล่อนเม้มปากสนิทด้วยความโกรธจัด มองรถบีเอ็มของพีรเพชรแววตาแข็งกร้าว รู้สึกแค้นกับการดูถูกของชายหนุ่มที่หล่อนมีชีวิตธรรมดาแต่พีรเพชรกลับเป็นลูกโทนของตระกูลวงศ์พิทักษ์ คนที่มีชีวิตอยู่เหมือนเทวดา ไม่เคยเหยียบย่ำความลำบาก ผู้คนรู้จักและให้ความสนใจอยู่ตลอดเวลา
สาวร่างโปร่งเดินเรื่อยตามทางนึกถึง “สินธร วงศ์พิทักษ์” ผู้เป็นพ่อของหล่อนแต่ ชายคนนี้กลับเลือกหันหลังให้ณัฏฐ์ตั้งแต่อายุ 5 ขวบเพียงเพราะสินธรกับพลาดในเรื่องของ การทำให้หล่อนเกิดมาโดยบังเอิญแล้วปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้เป็นแค่ลูกเมียน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ณัฏฐ์เติบโตมาด้วยลำแข้งของตัวเองมาตลอด หลังจากที่คนเป็นพ่อเดินจากไป ทำให้ตนเองเห็นปาณิตาแม่ของหล่อนต้องแบกภาระหนักอึ้งไว้คนเดียวและเลี้ยงณัฏฐ์มาจนเติบใหญ่จนหล่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลได้ และหลังจากนั้นแม่ก็ป่วยเป็นโรคมะเร็งและจากหล่อนไปอีกคน
ณัฏฐ์ไม่ปฏิเสธหรอกว่า ใช้ชีวิตเองมันทำให้หล่อนรู้สึกเป็นผู้ใหญ่และมีความเข้มแข็งอดทนมากขึ้น แต่ในใจของสาวร่างโปร่งคนนี้ก็ยังคงโหยหาคนเคียงข้าง คอยให้กำลังใจเป็นหยดน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจให้มีชีวิตขึ้นมาดั่งเดิมเพื่อต่อสู้ชีวิตอย่างมีจุดหมายอีกครั้ง...
เหมือนณัฏฐ์จะเพิ่งพบ เพิ่งเจอคนที่ทำให้หัวใจหล่อนดูมีชีวิตชีวา ความสดใสเริ่มก่อตัวช้าๆเมื่อได้ดูแลผู้หญิงคนหนึ่งที่บาดเจ็บจากแผลเก่า ความใกล้ชิดทำให้เกิดเรื่องราวความผูกพันโดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัว จนเมื่อกระทั่งเวลาผ่านไป ตนเองจึงเริ่มรู้สึกว่าความพอใจแสดงออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อได้ดูแล เห็นรอยยิ้ม แบ่งปันความสุข แม้อีกด้านหนึ่งของหัวใจยังคงเจ็บลึกๆที่มินตราไม่เคยรับรู้ความในใจของหล่อนเลย...
ที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง มินตรานั่งกินข้าวกับพีรเพชรสีหน้าเรียบเฉย แววตาแฝงความกังวลถึงคนทางบ้าน มือทั้งสองข้างที่จับช้อนส้อมเขี่ยข้าวไปมา ใบหน้าของสาวคมเข้มลอยไปลอยมาในหัวสมองของเธอทำให้รสชาติอาหารที่ตักเข้าปากดูรสเฝื่อนๆอย่างบอกไม่ถูก
...ป่านนี้ณัฏฐ์จะทำอะไรอยู่นะ... มินตราดูนาฬิกาสีขาวเรือนสวยบนข้อมือเธออย่างกระสับกระส่าย
“มิน ทานข้าวสิคะ” พีรเพชรพูดพร้อมกับตักอาหารให้มินอย่างเอาใจจนเกือบจะล้นจาน
มินตราตักอาหารเข้าปากไปแล้วเคี้ยวเอื้อง พยายามข่มใจความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นเบื้องลึกของหัวใจยามที่ออกมากินข้าวกับพีรเพชรสองต่อสองเช่นนี้
“ยิ้มให้พี่หน่อยสิมิน ทำหน้าบึ้งเชียว อาหารไม่อร่อยหรือครับ” พีรเพชรพูดอย่างเป็นห่วง พยายามปั้นสีหน้าแสร้งให้ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นเต็มที่
สาวหน้าหวานไม่ตอบคำ มือเนียนขาวหยิบผ้าสีขาวที่กางบนตักมาเช็ดปากแล้วดื่มน้ำจนหมดแก้ว
“มินอิ่มแล้วค่ะพี่เพชร ขอตัวนะคะ” มินตรากำลังจะลุกขึ้นจากโต๊ะแต่ชายหนุ่มเร็วกว่ารีบเข้ามาดักมินตราไว้
“จะไปไหนน่ะมิน” พีรเพชรถามเสียงห้วน
“กลับบ้านค่ะ” มินตราตอบเสียงดังฟังชัด
“ไม่ได้ พี่สั่งอาหารมาตั้งแพง มินทานไปนิดเดียวเอง...” พีรเพชรบุ้ยปากไปที่โต๊ะอาหาร
“ก็เรื่องพี่เพชรสิคะ ทานกันแค่สองคนสั่งอะไรตั้งมากมาย” มินตราเดินผละออกมาอย่างไม่สนใจแต่ชายหนุ่มร่างสูงกลับคว้าข้อมือเธอไว้ไม่ให้ไปไหน
“ปล่อยค่ะพี่เพชร” มินตราพยายามจะสะบัดมือออกจากแรงมือบีบแน่นของเขาที่ไม่ยอมปล่อยง่ายๆจนรู้สึกเจ็บ หญิงสาวจ้องเขานัยน์ตาเขม็งไม่พอใจ
“ไม่ได้ มินห่วงอะไรล่ะ พี่ทำถึงขนาดนี้ เพราะขออยากจะขอคืนดีด้วยนะ” พีรเพชรท้วง
มินตรายังคงวุ่นสะบัดมือตนเองออกจากเขาให้เป็นอิสระ เธอรวบรวมกำลังสุดท้ายกระชากมือตัวเองออกจาก
พีรเพชรอย่างแรงแล้วตะคอกเสียงใส่
“แก้วที่แตกแล้ว ไม่มีวันเป็นเหมือนเดิม! ที่มินมาเพราะอยากให้เรามีมิตรภาพฉันท์พี่น้อง ” มินตราพูดแค่นั้นแล้วหันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันมามองหน้าพีรเพชรอีก
ตกเย็นณัฏฐ์นั่งคอยมินอยู่ที่เก้าอี้ไม้เก่าๆอย่างกระสับกระส่าย ความมืดเริ่มมาเยือนทีละน้อยจนล่วงเวลาไร้แสงตะวันสาดส่อง เขาไล่ปัดๆยุงที่กัดแข้งกัดขาไปมาสลับกับเดินไปชะเง้อคอมองที่หน้าบ้านครั้งละหลายๆรอบ คอยมินตรากลับมาด้วยความเป็นห่วง
...ไปถึงไหนนะ ป่านนี้ยังไม่กลับ...ณัฏฐ์พลิกดูนาฬิกาที่ข้อมือเห็นว่า 4 ทุ่มกว่าแล้วก็ยิ่งมีอาการเป็นห่วงมินตราหนักกว่าเดิม สาวผิวน้ำผึ้งล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าเสื้อ กดหมายเลขโทรศัพท์จะโทรหามินตราแต่ก็มีรถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นมาจอดที่หน้าบ้านเสียก่อน
ณัฏฐ์มองอยู่ที่ใต้ต้นไม้ อีกฝั่งของประตูไกลๆพบว่ามีหญิงสาวที่ก้าวลงจากรถเป็นมินตรามีสีหน้าบึ้งตึง เธอจ่ายค่ารถแท็กซี่ เดินฉับๆเข้ามาเปิดประตูบ้านแต่ยังไม่เห็นณัฏฐ์ว่านั่งคอยเธออยู่ในมุมมืดอีกฝั่ง สาวน้อยเดินผ่านต้นไม้ไปเล็กน้อย คนร่างสูงก็พูดขึ้นมากับเธอเสียงเรียบ
“ไปถึงไหน กลับดึกดื่นป่านนี้” หล่อนตีหน้าขรึมใส่ ยืนขึ้นเต็มร่างสูงกอดอกมองมาที่วงหน้าสาวหน้าหวานรอคอยคำตอบ
“ณัฏฐ์...”มินตราครางอึ้ง เมื่อเห็นว่าหล่อนมายืนหลบมุมอยู่ที่ใต้ต้นไม้ นัยน์ตาหวานเพ่งพินิจมองไปที่ต้นแขนทั้งสองของหล่อน เห็นรอยแดงเป็นจุดๆจากยุงกัด
...หล่อนคงรอเธอนานแล้ว....ใช่มั้ยเนี่ย???
ณัฏฐ์กวักมือเรียกน้อยๆให้สาวร่างเล็กเดินเข้าไปใกล้ มินตราจึงเดินเข้าไปหาคนร่างสูงอย่างว่าง่าย ก้มหน้างุด กลืนน้ำลายลงคออย่างคนสำนึกผิด
“มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” เธอถามเสียงเบาราวกับเสียงกระซิบ
“ก็นานพอตัว ไม่รู้มัวแต่ไปปาร์ตี้ หรือจะไปนอนค้างคืนที่ไหน” ณัฏฐ์กอดอกแล้วก้มหน้าลงมาใกล้ ตีหน้าตาย
“เอ่อ...” มินตราตะกุกตะกัก คนร่างเล็กช้อนตามองนัยน์ตาคู่สวยของคนหน้าคม พลันหัวใจก็รู้สึกตุ้มๆต่อมๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...นี่เธอจะโดนทำโทษหรือโดนต่อว่าอะไรไหมหนอ อยู่ใกล้แล้วดูนิ่งแบบนี้...เดาอารมณ์ไม่ออกจริงๆ
“ไกลๆหน่อยสิ...เฮ้อ” มินตราผลักณัฏฐ์ออกห่างพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“ยุงเยอะ แล้วมินก็มาแล้ว เข้าบ้านดีกว่า...” มินตราเดินนำเข้าบ้านอย่างรีบๆ คนร่างบางรีบไหวตัวเข้าห้องนอน ปิดประตูล็อกกลอนพร้อมคว้าหมอนมาปิดใบหน้าสวยของตนเองอมยิ้มอย่างน่ารัก รู้สึกพอใจที่มีคนเป็นห่วงรอเธอกลับบ้าน...
“มิน! นี่มันห้องณัฏฐ์ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ คุยกันให้รู้เรื่องเลย” ณัฏฐ์เดินไปเดินมาหน้าห้องอย่างขัดใจ สลับกับเคาะประตูอย่างคนหัวเสียที่ไม่ทันการไหวตัวของมินตรา ตรงข้ามกับคนในห้องซึ่งกำลังแอบอมยิ้มขำ
“ไม่เอา มินไม่ใช่เด็กแล้วนะจะมาทำหน้าดุแบบนี้” เธอท้วง
มินตราแอบนึกถึงใบหน้าของณัฏฐ์ตอนที่โน้มตัวลงมาใกล้ยามคุยกันเมื่อครู่ จนได้ยินเสียงลมหายใจแรงโมโหลึกของเขา ยามที่มินตรามองวงหน้าหล่อนใกล้ๆ เผยให้เห็นใบหน้าเนียนใสผิวน้ำผึ้ง ดวงตาคมดูมีเสน่ห์ แม้ใบหน้าในเวลานั้นจะดูดุไปหน่อยก็ตาม
...สาวร่างเล็กนอนกลิ้งไปมา จินตนาการเคลิ้มไปไกล...สักพักก็ต้องสะดุ้งลุกขึ้น หยิบกระจกที่วางอยู่บนหัวเตียงมาส่องใบหน้าตนเองปรากฏว่ามีรอยแดงระเรื่อขึ้นตรงพวงแก้มทั้งสอง มินตราจับหน้าตัวเองอย่างตกใจ
...เฮ้ย เป็นอะไรไปเนี่ย... คำถามผุดขึ้นในหัวสมองของมินตราอย่างรวดเร็ว
...ไม่ได้ๆ...เราต้องไม่รู้สึกดิ...จะบ้าไปแล้วหรือมิน ...เป็นผู้หญิงนะ... เสียงจากจิตใต้สำนึกสั่งออกมาให้เธอได้ยิน มินตราลูบหน้าลูบตาแล้วส่องกระจกอีกครั้ง เธอถอนหายใจยาวเมื่อเห็นว่าใบหน้าดูเป็นปกติเช่นเดิม เธอจึงคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วลุกไปเปิดประตูห้องเตรียมจะอาบน้ำ
“อุ๊ย!” มินตราร้องตกใจเมื่อเปิดประตูแล้วใบหน้าของตนเองจะชนกับใบหน้าของณัฏฐ์ซึ่งกำลังจะออกมาจากห้องน้ำด้านนอกห้อง ทั้งสองคนชะงักค้างชั่วขณะ มองตากันนิ่ง
...น่ารักจัง อาบน้ำแล้วดูทะเล้นขึ้นตั้งเยอะ... ความรู้สึกแรกแวบเข้ามาในหัวสมองของมินตราเมื่อเห็นสาวตาคมสวมเพียงเสื้อคลุมสีขาว มือเรียวยาวกำลังซับผมเปียกหมาดๆจนชี้ตั้ง
ณัฏฐ์เริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆต่อสายตาคู่ที่ส่งประกายวิบวับตรงมาที่หล่อน คนร่างสูงเบือนหน้าหลบด้วยความขัดเขินแล้วผละเข้าห้องแต่งตัวอย่างไว มินตราเหลียวตามองณัฏฐ์อมยิ้มอารมณ์ดี
ขณะที่ณัฏฐ์ที่แต่งตัวเสร็จแล้ว หล่อนก็หยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาดูรูปครอบครัวสมัยที่ตนเองยังเป็นเด็ก ในรูปมีสินธร วงศ์พิทักษ์พ่อของหล่อนยืนเคียงข้างปาณิตาและมีณัฏฐ์เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆแต่งตัวซ่าๆแบบเด็กผู้ชายยืนยิ้มทะเล้นอยู่ตรงกลางอย่างมีความสุข รอยยิ้มของณัฏฐ์กระตุกน้อยๆทั้งน้ำตาเมื่อมองรูปใบเก่า...
....แม่ ณัฏฐ์คิดถึงแม่จังเลย ป่านนี้แม่อยู่บนฟ้า...คิดถึงณัฏฐ์บ้างรึเปล่าคะ... สาวผิวน้ำผึ้งหลับตานึกถึงภาพของแม่ที่เคยอ่านนิทานสนุกๆให้ฟังยามเด็ก เสียงหัวเราะ และความอบอุ่นยามแม่กอดเธอเมื่อ อายุ 5 ขวบนั้นยังคงตราตรึงในใจอยู่เสมอไม่มีเลือนหาย....
แต่เหตุการณ์ร้ายๆก็ต้องเกิดขึ้นโดยที่ไม่ทันตั้งตัว เมื่อ “สินธร” ผู้เป็นพ่อมาบอกปาณิตาว่าต้องตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตกับภรรยาคนที่มาก่อน ซึ่งแม่ของณัฏฐ์ก็ไม่เคยรู้เรื่องราวของสินธรมาก่อนเลยว่าเขามีครอบครัวแล้วจนกระทั่งวันนั้น...
___________________________________________
เม้นๆหน่อยน้าถึงจะหายไปนาน แต่ก้อไม่ได้ลืมนะ ^^
ความคิดเห็น