คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ๓.ขอเคลียร์หน่อย
+
+ |
๓. ขอเคลียร์หน่อย-
-
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารใหญ่โต มีกับข้าววางเกลื่อนละลานตา หากแต่คนที่ร่วมรับประทานอาหารในบ้านก้มหน้าก้มตากินข้าวกันแบบเงียบๆ ชนิดที่ได้ยินเพียงเสียงกระทบของช้อนกับจานเบาๆเท่านั้น สิตางศุ์เป็นคนนั่งฝ่ายตรงข้ามไกรสรกับอนุช เขามองคนตรงหน้าสองคนด้วยสายตาขวางๆ เมื่อเห็นอนุชดูแลไกรสรเป็นอย่างดีโดยการตักกับข้าวให้อย่างเอาใจ ขณะที่ตะวันก็นิ่งงันราวกับคนไม่มีชีวิตชีวาราวกับหิน
ป้าพิศมองดูสถานการณ์ตึงเครียดด้วยสีหน้าอ่อนใจ ก่อนจะขอตัวออกมาด้านนอก ปล่อยให้คุณๆทานอาหารเช้ากันตามสะดวก
“ฟ้าจ๊ะ นี่ ต้มซุปไก่ ของโปรดฟ้า พี่ตักให้นะ” สิตางศุ์เป็นคนเริ่มจุดชนวนเอาใจน้องสาว พลางแสร้งยิ้มหวานให้อนุชเข้าใจสนิทว่าเป็นคนรักกัน ซึ่งก็ได้ผล...
เธอมีสีหน้าบูดเป็นก้นเป็ดทันที ก่อนจะทำทีตักปลานึ่งมะนาวเอาใจไกรสรบ้าง
“คุณท่านคะ ปลานึ่ง นอกจากคุณค่าอาหารจะครบถ้วนแล้ว ยังมีโอเมก้า3 ช่วยบำรุงสมอง ทานไก่เดี๋ยวจะเป็นเก๊า ดิฉันห่วงสุขภาพคุณนะคะ” ว่าแล้วอนุชก็หันมาสบตากับไกรสรอย่างหยาดเยิ้มกลับบ้าง ทำให้สิตางศุ์เริ่มมีอารมณ์เดือดปุดๆ แต่ก็ยังแสร้งทำหน้าตายยั่วต่อไป
“ฟ้าจ๊ะ ทานเร็วๆนะ เดี๋ยวพี่จะป้อนของหวานต่อ หน้าจะได้หวานๆแบบนี้ให้ชมไง”
สิตางศุ์ยังเล่นต่อ โดยก้มหน้าเข้าไปใกล้น้องสาวเสียชิด หากแต่นภางค์กลับส่งสายตาดุๆมาทางพี่สาวแล้วทำปากขมุบขมิบให้รู้กันเพียงสองคน
เบาๆบ้างพี่สิตางศุ์....
อย่าขัดใจพี่สิ ฟ้า ....สิตางศุ์ขมุบขมิบปากตอบ แล้วหันมาปั้นหน้าเนียนต่ออย่างคนคิดเอาชนะด้วยการหยิบทิชชู่กลางโต๊ะอาหารมาเช็ดให้นภางค์แบบเบามือ
“โอ๊ะ ปากเปื้อนจ้ะฟ้า พี่เช็ดให้นะ ไม่สวยเลย”
คราวนี้นภางค์ถึงกับทำตาถลึงใส่อย่างไม่พอใจเท่าไร...อารมณ์ขุ่นๆเริ่มเกิดขึ้นทำให้เธอพ่นลมออกจมูกอย่างขัดใจ
...นี่พี่สาวของเธอจะเล่นบทประชดประชันกันไปถึงไหน ไม่รู้สึกกระดากบ้างเลยรึไงที่เล่นกับน้องสาวต่อหน้าคุณอนุชแบบนั้น??...ขนาดเธอยังรู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูกเลย
อนุชมองภาพที่สิตางศุ์ดูแลนภางค์ด้วยสายตาแข็งกร้าว เธอเม้มริมฝีปากสนิทแน่น พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะข่มอารมณ์ความโกรธที่ปรี่ขึ้นมาอัดบริเวณหน้าอก รอที่จะระเบิดเปรี้ยงใส่สาวหน้าใสที่อยู่ตรงหน้าอย่างหมั่นไส้เต็มทน
“สิตางศุ์ เล่นบ้าอะไรกับน้องน่ะ ขัดหูขัดตา”
“ยัยฟ้า อย่าไปสนใจจันทร์มัน พี่ตะวันเอาจานไปเก็บแล้ว ถ้าอิ่มก็ลุกซะ”
โพละ!!!
โอ้ ความลับที่เขาตั้งใจจะเล่นบทให้แนบเนียน เพื่อสร้างกำแพงไม่ให้อนุชเข้ามาใกล้ทะลายลงด้วยฝีมือพ่อเพียงคนเดียว สิตางศุ์ถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก ขณะที่นภางค์ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ให้พี่สาวเล็กน้อย พร้อมส่งสายตาบอกเป็นนัยๆว่าเมื่อครู่เตือนแล้วนะ แต่ดันทุรังเล่นเอง...
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มเข้าสู่ภาวะอึดอัดอีกครั้ง เมื่อนภางค์ปลีกวิเวกออกไปตามคำบัญชาของพ่อ เหลือเพียง ไกรสร อนุช และสิตางศุ์เพียงสามคน
“คุณคะ ที่เรียกว่าคุณฟ้าเป็นน้อง...หมายถึงอะไรหรือคะ” อนุชถามพาซื่อ ทั้งที่ในใจเพียงแค่อยากจะรู้ให้ชัดเจนว่าสิ่งที่เธอได้ตีความเมื่อครู่ มันถูกต้องรึเปล่าเท่านั้นเอง
“อิ่มค่ะ!” สิตางศุ์พูดออกมาเสียงเข้ม แทรกขึ้นมาระหว่างคนทั้งสองคน แล้วเดินฉับๆออกไปเพราะไม่อยากให้อับอายขายหน้าไปมากกว่านี้
“ยัยฟ้าเป็นลูกคนสุดท้องของผมนะครับ” ไกรสรพูดขึ้นหลังจากที่สิตางศุ์เดินเลี่ยงออกมาแล้ว ซึ่งก็ทำให้อนุชถึงกับหัวเราะคิก ยิ้มแก้มปริด้วยความชอบใจในความคิดประชดประชันของสิตางศุ์ ทำให้เธอเข้าใจผิดไปเสียนาน
“ขำอะไรหรืออนุช” ชายร่างท้วมขมวดคิ้วถามด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นสาวน้อยแววตาสดใสขึ้นมาทันที ทั้งที่เมื่อครู่แทบจะไม่ยิ้มเลยสักนิด
“อ้อ เปล่าค่ะ ดิฉันแปลกใจอยู่นานว่าคุณฟ้าไม่เหมือนใครในบ้านเลย”
“ลูกสาวคนนี้ เหมือนแม่เค้าน่ะ ฉันรักมากกว่าทุกคนเลยนะ” ไกรสรพูดแล้วยิ้มกริ่มออกมาอย่างชื่นชมทำให้อนุชพยักหน้าหงึกหงัก เมื่อเข้าใจถึงที่มาที่ไป และความน่ารักของนภางค์ ...มิน่าล่ะคุณฟ้าถึงดูสดใสและสวยสง่าไม่เหมือนใคร เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง...
“ดูท่านจะภูมิใจนะคะ”
“ใช่ ภูมิใจมาก พอฉันขาดภรรยาฉันไป ยิ่งนานวัน นภางค์ก็เป็นเหมือนเงา เหมือนคอยเตือนว่าฉันเสียสิ่งมีค่าไปแล้ว...โดยที่ทุกวันนี้ นภางค์ก็เป็นคำตอบว่าฉันยังลืม ภรรยาไม่ได้จริงๆ”
ที่มุมสวนย่อมในบ้าน สิตางศุ์เดินไปเดินมาอย่างคนเครียดจัด เขามีสีหน้าเหมือนโลกกำลังจะแตกตรงหน้า
“โว่ย! พ่อนะพ่อ ไม่รักษาน้ำใจกันเลย” สิตางศุ์ไม่พูดเปล่า หากแต่ใช้เท้าเขี่ยเตะกระป๋องนมบนพื้นคอนกรีตให้กระเด็นไปไกล
“หึๆ ฟ้าอยากหัวเราะให้ฟันร่วง ก็บอกแล้ว...ไม่ฟังเอง” นภางค์นั่งอยู่บนพื้นหญ้าใบบริเวณใกล้ๆ เด็ดดอกจำปามานั่งดมอย่างขำๆในท่าทางของพี่สาวที่แผนแตกเพราะพ่อไปเสียได้
“หยุดเลยฟ้า นี่พี่กำลังหงุดหงิดอยู่นะ”
“เอ๋า ก็ฟ้าถามตั้งนานแล้วว่าพี่อนุชเป็นใคร อะไรยังไง ฟ้าจะได้ช่วยพี่ถูก” น้องสาวไม่พูดเปล่า หากแต่เดินดุ่มๆเอาไหล่มากระทบต้นแขนของพี่สาวด้วยความอยากจะรู้ว่าแท้จริงเรื่องมันเป็นไงมาไงกันแน่
“มันไม่ใช่เรื่องของเรา” สิตางศุ์ใช้ปลายนิ้วผลักหัวน้องสาวออกอย่างหมั่นไส้ ทำให้นภางค์ทำแก้มป่องอย่างคนเง้างอนขึ้นมาทันที
“พี่ใจร้ายอ่ะ ที่เมื่อกี้เอาอกเอาใจซะดี พอหมดหน้าที่ก็เขี่ยทิ้ง โอ้ชีวิตช่างแสนเศร้า” สาวแก้มใสพูดพลางก้มหน้าแสร้งร้องไห้กระซิกจนสิตางศุ์ถึงกับถอนหายใจยาวออกมาอย่างอ่อนใจ
“วันนี้พี่ไม่โอ๋เรานะ กำลังเครียด...”
ขาดคำ สิตางศุ์ก็เดินดุ่มๆเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้นภางค์ทำหน้าตาเหลอหลาอยู่คนเดียว
โอ้ นี่เธอตั้งใจเรียกร้องความสนใจแท้ๆ พี่ไม่สนใจเลยหรือ ถามก็ไม่บอก พูดก็ไม่พูด...เอ๋า อะไรของเขากัน?
เสียงเปิดทีวีรายการคอนเสิร์ตดังกระหึ่มในห้องนั่งเล่น สิตางศุ์กำลังดูทีวี ฟังเพลงเพื่อจับเสียงในการแต่งเพลงอย่างตั้งใจ เขาพยายามที่จะสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัวให้หมด แต่ในขณะนั้นอนุชก็ถือวิสาขะเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้ม
“ดูทีวีอยู่หรือคะ”
เสียงใสๆที่ดังออกมาจากปากของสาวหน้าสวยทำให้สิตางศุ์ชะงักไปโดยฉับพลัน ก่อนจะปั้นสีหน้าเรียบเฉยตอบเธอทั้งที่ใจเริ่มมีอาการสั่นๆ
“เออ เห็นว่าซักผ้าอยู่รึไง”
อนุชยิ้มกว้างกับคำตอบที่ได้รับ นึกอยู่แล้วเชียวว่าคนร่างสูงต้องตอบกวนบาทาทุกครั้งไปสิน่า คิดแล้วก็ขำ เขาจะเก๊กฟอร์มโกรธไปถึงไหนนะ ในเมื่อเธอรู้ความจริงหมดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร
อนุชเดินมานั่งโซฟาสิตางศุ์ห่างๆ หากแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าสวยของเขาด้วยความชื่นชม แม้จะผ่านล่วงมา 7 ปีแล้ว ความเนียนใสของใบหน้าที่ชวนสะดุดตาก็ยังทำให้เธอรู้สึกภูมิใจในความเหมือนเดิมของเขายิ่งนัก อาจจะมีเปลี่ยนไปบ้างก็คงเรื่องการแต่งตัว ทั้งที่เมื่อก่อนเขายังบ้าใส่เสื้อยืดหลากลวดลาย สีสันฉูดฉาด มีมากจนนับไม่ถ้วน หากแต่วันนี้การแต่งตัวของสิตางศุ์เปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตเรียบๆกับกางเกงแสลคเสียเป็นส่วนใหญ่...ดูสง่าและโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ...
“มองอะไร” สิตางศุ์ถามขึ้นมาน้ำเสียงเย็นชา หากแต่ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกสะทกสะท้านเลยสักนิด หญิงสาวร่างเพรียวยังคงระบายยิ้มอย่างจริงใจจนคนถามหัวเสียไปเอง
“เป็นบ้ารึไง นั่งยิ้มคนเดียวอยู่ได้” สิตางศุ์ยังแสร้งทำเสียงดุใส่ ทั้งที่ในใจจะหลุดยิ้มตามอยู่มะรอมมะร่อ “จันทร์คะ ไม่เห็นต้องเอาน้องสาวมาเป็นตัวกันนุชเลย กลัวอะไร” สาวหน้าคมสวยไม่พูดเปล่า หากแต่เอื้อมมือไปจับมือสิตางศุ์ขึ้นมาทาบแก้มเนียนของเธอ เพราะหวังว่าเขาจะละสายตาจากทีวีมาสบตากับเธอบ้าง...
สิตางศุ์ชะงักไปกับดวงหน้าสวยของอนุชหลายนาทีราวกับต้องมนตร์สะกด หากแต่ภาพบรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ยามที่อนุชเอาใจไกรสร กลับวิ่งเข้ามาเตือนความจำให้เขาโกรธขึ้งขึ้นมาอีกครั้ง สิตางศุ์จึงสะบัดมือออกจากใบหน้าของอนุชอย่างรังเกียจ
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน มารยาอย่างเธอ ฉันไม่มีวันติดกับได้ง่ายๆหรอก!”
ฉึก!
โห คำพูดหนอ ช่างคมกริบยิ่งกว่าสปาตาร์เป็นไหนๆ อารมณ์ที่จะมาไม้อ่อนกำลังจะไปด้วยดีแล้วแท้ๆเลยอนุช หมดกัน หมดอารมณ์จริงๆ...
สาวผิวน้ำผึ้งถอนหายใจยาวออกมาอย่างคนเบื่อโลก พลางจ้องไปที่สิตางศุ์ด้วยแววตาไม่พอใจยิ่งนัก
“คำก็มารยา สองคำก็ร่าน นี่ไม่เคยเห็นนุชดีบ้างเลยใช่ไหม?”
“เออ!”
“ทำไมล่ะ ทำไมคำพูดของนุช ไม่ว่าจะพูดดีพูดร้าย ทำไมมันไม่มีค่าเลยล่ะจันทร์” อนุชเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจ อยากจะรู้เหลือเกินว่าเธอทำผิดพลาดตรงไหน แล้วอะไรกันที่ทำให้สิตางศุ์ไม่พอใจถึงเพียงนี้...ขอแค่บอกฉัน บอกนุชคนนี้...คนที่ยังรักเธอสิตางศุ์...บอกกันได้มั้ย?
“ก็เพราะเธอมันตอแหลไง ถึงจะพูดอะไรฉันก็หมดศรัทธา...”
เพี้ยะ!
ไม่ต้องรอให้สิตางศุ์พูดจบ มือเรียวก็สะบัดใส่หน้าของคนร่างสูงจนหน้าหัน สิตางศุ์หันมามองอนุชอีกครั้งอย่างเดือดดาล ขณะที่เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขาด้วยความร้ายกาจไม่แพ้กัน
“กล้าดียังไง มาตบหน้ากู นังเมียกก เป็นหนูติดจักร พอเขาไม่เอาก็พยายามดิ้น วิ่งเสนอตัวไม่ไว้หน้า คลำดูมีหาง บำเรอความสุขได้เป็นพอ อย่างนั้นใช่ไหม คือคุณสมบัติ...”
เพี้ยะ!!!
อนุชตบหน้าสิตางศุ์อีกครั้งด้วยหลังมือ หากแต่แรงกว่าเมื่อครู่ไปสองเท่าตัว คนโดนตบเริ่มรู้สึกแก้มชาเป็นริ้วๆ จนร้อนผ่าวไปถึงใบหู
“พูดอะไรออกมา รู้ตัวบ้างมั้ย!” อนุชปรี่เข้าไปทุบตีเขาด้วยความโกรธจัดเป็นพัลวัน ทำให้สิตางศุ์ต้องตรึงข้อมือเล็กของเธอ ด้วยการต้านแรงกำลังสุดฤทธิ์ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บชาไปทั่วข้อมือไม่แพ้กัน
“แทงใจดำเธอล่ะสิ! ก็ดี ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ยั่วมาซะขนาดนี้ ฉันก็จะสนองให้!”
ขาดคำ สิตางศุ์ก็แบกสาวหน้าสวยพาดบ่าเหมือนกับกระสอบทราย เดินลิ่วตรงไปที่นอนแล้วโยนเธอลงบนเตียงเหมือนสิ่งของไม่มีค่า เขาเปลี่ยนอารมณ์รวดเร็วปุบปับจนอนุชลืมตกใจไปเลยด้วยซ้ำ กว่าจะรู้ตัวอีกที เธอก็นอนตัวบิด ครางในลำคอเบาๆด้วยความเจ็บสะท้านไปทั้งตัว
“กระแดะว่ะ แค่นี้แม่งโอดโอย ทียั่วใครต่อใครให้ติดกับนี่เก่งนักนะ!!” สิตางศุ์โถมตัวทับร่างบางแววตาวาวเหมือนไฟที่พร้อมจะประทุออกมาให้ได้
“หยุด!” อนุชดิ้นขลุกขลุกในอ้อมกอดของสิตางศุ์อย่างทรมาน เขามีแรงเยอะกว่าเป็นไหนๆทำให้เธอถูกล็อคข้อมือตรึงไว้กับพื้นที่นอนโดยไปไหนมาไหนไม่ได้
แม้จะห้ามปรามอย่างไร สิตางศุ์ก็พยายามรุกเร้าโดยการโน้มใบหน้าเข้าไปจูบที่ซอกคอขาวอย่างท้าทาย เรียกความสยิวกายของหญิงสาวขึ้นมาอย่างรุนแรง ป่าเถื่อนจนร่างบางสั่นกระตุกด้วยความหวาดผวา
...จันทร์คนที่อ่อนโยนกับฉันหายไปไหน...ใครกัน...ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้...จันทร์...!!??
คำถามดังกึกก้องทุกห้องของหัวใจของอนุช ยากที่จะหาคำตอบ สาวร่างบางพยายามดิ้นรน หนีการประทับริมฝีปากของเขาอย่างรังเกียจ...นี่มันไม่ใช่ความรัก แต่สิตางศุ์กำลังเอาชนะเธอ กำลังย่ำยี ทั้งๆที่เธอไม่สามารถหาทางสู้ได้!
อนุชรวบรวมกำลังสุดท้าย ยกเข่ากระทุ้งท้องน้อยของสาวร่างโปร่งเต็มกำลัง ทำให้สิตางศุ์นอนจุกอยู่ที่มุมเตียงอีกฝั่ง สาวผิวน้ำผึ้งรีบติดกระดุมเสื้อผ้าที่ถูกสิตางศุ์ปลดออกจนเกือบจะเห็นเนินอกขาวอย่างรวดเร็ว แล้วลุกหนีออกห่างคนร่างสูงให้มากที่สุด
“ทำไมทำรุนแรงกันแบบนี้!” หญิงสาวแผดเสียงใส่หน้าอย่างโกรธจัด เธอรู้สึกอับอายเป็นที่สุดที่กลายเป็นคนรองรับอารมณ์ของสิตางศุ์ หาเช่นคนรักดังแต่ก่อนไม่
“ชอบไม่ใช่หรอกหรอ ไอ่พวกสัมพันธ์ชั่วคราวน่ะ” สิตางศุ์ลุกมาจากเตียงนอนด้วยใบหน้าเหยเกไปเล็กน้อยแต่เขาก็ยังไม่วายปากดีต่อว่าสาวหน้าหวานให้เจ็บจนได้
ถุย!
อนุชพ่นน้ำลายใส่ใบหน้าของสิตางศุ์อย่างเหลืออด คนที่มีใบหน้าเปื้อนน้ำลายนั้นถึงกับสะอึกไปด้วยความตกใจ หากแต่อนุชยังคงจ้องมองใบหน้าของคนร่างสูงอย่างไม่ยอมแพ้
“จันทร์เล่นสกปรกมา นุชก็จะเล่นสกปรกไปบ้าง!”
“หรอ! แล้วคิดว่าสิ่งที่เธอทำ มันมีผลกับใจของฉันรึไง” เขายกแขนเสื้อเช็ดหน้าแล้วแสยะยิ้มดั่งคนมั่นใจ ว่าถึงอย่างไรแล้ว เขาก็ไม่มีวันพ่ายแพ้อนุชเป็นรอบที่สองเด็ดขาด
...ก็เขาเคยอ่อนโยน แสนดีกับอนุชมาเกือบสามปี...แต่ดูเธอทำ...ที่ทิ้งกันไปแบบนี้...การที่เขาร้ายกาจกับเธอมันยังน้อยกว่าการที่เธอทำให้หัวใจเขาย่อยยับ!!
“มั่นใจไป นุชขอถามเป็นครั้งสุดท้าย ว่าจะฟังคำอธิบายของนุชมั้ย?” หญิงสาวถามเสียงเข้ม สายตายังคงจ้องใบหน้าเนียนใสของสิตางศุ์อย่างไม่วางตา
“ไม่!” สิตางศุ์ตอบน้ำเสียงเด็ดขาด ทำให้อนุชพยักหน้ารับทันที
“ก็ดี ถ้านุชเข้ามาไม้อ่อน แล้วมันดับไฟในใจของจันทร์ไม่ได้ หายโกรธกันแล้วรักกันเหมือนเดิมไม่ได้...นับจากวันนี้ นุชจะสาดน้ำมัน ให้มันเป็นเพลิงวอดวาย ให้เผาใจกันไปข้าง!”
สายตาโกรธขึ้งของอนุชที่ส่งมาทางสิตางศุ์ ทำให้เขาหัวเราะในลำคอเบาๆอย่างไม่จริงจังอะไรมากมายนัก เพราะรู้ใจอยู่ว่า ตราบใดที่อนุชยังมีไกรสร เธอก็ควรจะดูแลพ่อเขาให้มากกว่า และท่าทางไกรสรคงไม่ปล่อยอนุชหลุดมือได้ง่ายๆ...ดังนั้นการที่อนุชจะทำตามอย่างที่พูด ทำให้เขาไม่ยีหระเลยแม้แต่น้อย
“แล้วฉันจะคอยดู...” สิตางศุ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แน่นอน ในเมื่อเธอไม่ฟังฉันเองนะคุณสิตางศุ์ ระวังหัวใจตัวเองจะแหลกเป็นจุณแล้วจะยุ่ง!” อนุชจ้องเขาด้วยสายตาอาฆาตขึ้นมาทันที ความอ่อนหวานอ่อนโยนที่มีอยู่เมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง
ในขณะที่อีกฝ่ายก็ยังคงกระหยิ่มยิ้มอย่างมั่นใจ ว่าถึงอย่างไร เขาก็เป็นผู้ชนะ!
ณ ห้างสรรพสินค้า อานนท์กำลังหลบหนีจากเงื้อมมือสาวๆที่เข้ามาพัวพันจนแทบจะสลัดไม่อยู่ ชายหนุ่มต้องอำพรางปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของเขาอย่างมิดชิด หลังจากเสร็จภารกิจการถ่ายแฟชั่นใหม่ เขาก็มายืนหลบที่มุมหนึ่งของห้างสรรพสินค้า กดโทรศัพท์หาอนุชด้วยอาการกระวนกระวาย
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ระหว่างที่อนุชนั่งชิงช้าเล่นอยู่หน้าบ้าน เธอรีบล้วงกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นอานนท์โทรมา สาวผิวน้ำผึ้งจึงรีบกรอกเสียงลงไปอย่างระมัดระวัง หากแต่คนเป็นพี่กลับบ่นออกมาเสียงดัง
“ยัยนุช นี่อยู่ไหนนะเราน่ะ โทรไปสามวันและ ไม่โทรกลับสักวันเลยนะ” ชายหนุ่มกรอกเสียงเข้มลงไปทันทีเมื่ออนุชรับสาย หากแต่สาวหน้าหวานทำได้เพียงหัวเราะแหะๆกลับมาเท่านั้น
“เอ่อ ยุ่งๆอยู่น่ะพี่นนท์”
“เออ เราไม่อยู่นี่พี่พลิ้วตัวได้ยากเลยว่ะนุช” อานนท์พูดออกมาน้ำเสียงเคร่งเครียด
“นุชอยู่ที่นี่แล้วพี่นนท์ พี่ก็ควรจะหยุดบ้างอะไรบ้างนะ เดี๋ยวมันเข้าตัวสักวัน นุชไม่สามารถช่วยพี่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะพี่” อนุชตักเตือนชายหนุ่มอย่างเด็กตัวเล็กๆ ทำให้คนฟังถึงกับหน้าบูดด้วยความไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก
“เออน่ารู้แล้ว พี่ก็อุตส่าห์เป็นห่วง นึกว่าไอ่หมอนั่นมันกลืนน้องสาวแสนดีของพี่ลงท้องไป” อานนท์บ่นอุบอิบทำให้อนุชถึงกับหัวเราะร่วนออกมาด้วยความชอบใจ
“ตอนนี้ก็เหมือนเป็นไฟอยู่ล่ะพี่ เกือบโดนเผาแห้งตายมากกว่า เอาเป็นว่านุชดูแลตัวเองได้ค่ะ” อนุชแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงสดใส ทำให้อานนท์ค่อยๆคลายกังวลลงไปบ้าง
“ก็ดีแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน พี่เป็นห่วง มีอะไรก็โทรมาได้เสมอนะ”
ขาดคำ อนุชก็รับปากไปเล็กน้อยก่อนจะวางสายไป ทำให้หญิงสาวหน้าหวานเผลออมยิ้มอยู่เพียงลำพัง โดยที่ไม่ทันรู้ตัวว่าบริเวณระเบียงชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ มีหนุ่มหน้าคมกำลังจับตามองด้วยความชื่นชม
“ทำไมต้องเป็นของคุณพ่อด้วยล่ะ หน้าตาออกสวยแต่...เฮ้อ”
ตะวันยืนบ่นพึมพำอยู่ที่ขอบหน้าต่าง พลางทอดสายตามองหญิงสาวด้วยความเสียดาย ยามนึกถึงรอยยิ้มแล้วความน่ารักของเธอเมื่อแรกเห็น ดวงหน้าเรียวงาม นัยน์ตาคมสวย ยังติดตรึงใจของเขาอยู่ไม่เสื่อมคลาย
เขาสะบัดหัวพยายามไล่ความรู้สึกที่กำลังเกินเลยออกไปให้หมด แต่เมื่อตะวันอยู่ในอาการนั่งนิ่งๆบนที่นอน ชายหนุ่มก็เริ่มมีอาการใจสั่นอีกครั้งเมื่อหวนคิดถึงหญิงสาว
...ไม่ว่าจะขยับตัวอย่างไร...เขาก็รู้สึกหัวใจสั่นๆอย่างประหลาด...จนเขาต้องทำเป็นลุกขึ้นเดินไปเวียนมารอบห้องอย่างกระวนกระวายใจ เพราะว่าอนุชกลายเป็นหญิงสาวที่มีอิทธิพลต่อหัวใจเขาขึ้นมาเสียแล้ว
“โอ๊ย อย่าหวั่นไหวสิตะวัน ฮึบ!” ชายหนุ่มปลอบใจตนเองให้นิ่งสงบลง พลางผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆอย่างยากลำบาก สุดท้ายเขาก็เดินไปเปิดประตูห้องนอนออก
“เฮ้ย!” ชายหนุ่มร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าอนุชกำลังถลาเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มรีบตวัดรัดเอวบางเข้ามากอด ก่อนจะร่วงลงไปนอนกับพื้นทั้งคู่
โครม! เสียงเหยือกใส่นมพลาสติก หล่นกระเด็นกระดอนไปอีกฝั่ง น้ำสีขาวสาดกระเด็นขึ้นมาติดชายเสื้อลูกไม้สีสวยของอนุชจนเปื้อนไปด้วยคราบ แต่เธอกลับมีอารมณ์ตกใจมากกว่า เมื่อรู้ตัวว่าเป็นฝ่ายนอนทับร่างกำยำของชายหนุ่ม แถมใบหน้ายังห่างกันไม่ถึงนิ้ว!
“เป็นอะไรมั้ยครับคุณอนุช” น้ำเสียงและแววตาที่แสดงออกมาอย่างเป็นห่วง ทำให้หญิงสาวเผลอจ้องใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มด้วยความสั่นไหว เพราะตะวันมีความคล้ายคลึงกับสิตางศุ์เหลือเกิน
“คุณอนุช คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ตะวันถามย้ำอีกครั้ง ทำให้อนุชถึงกับมีอาการเหลอหลา รีบดีดตัวขึ้นมาปัดเสื้อแล้วรีบหาผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กลวดลายหวานเช็ดเสื้อของตะวันเป็นพัลวัน
“คุณตะวัน นุชขอโทษนะคะ” หญิงสาวไม่พูดเปล่า หากแต่ยังก้มหัวงุดด้วยความสำนึกผิด มือเรียวยังคงเช็ดเสื้อเชิ้ตตัวสวยที่เปื้อนไปด้วยคราบนมอย่างไม่ลดละ
ตะวันยิ้มกว้างให้กับความจริงใจที่อนุชปรนนิบัติต่อเขาอย่างชื่นชม เธอใส่ใจเขาดีจนทำให้การมองว่าอนุชเป็นคนแย่ๆเมื่อแรกเห็นแปรเปลี่ยนไปโดยทันที
“พอแล้วครับ พอแล้ว เสื้อผม ผมซักได้”
ตะวันพูดเสียงอ่อนพลางสบตากับอนุชนัยน์ตาเป็นประกาย พร้อมกับรอยยิ้มกว้างอีกครั้ง ทำให้อนุชสะดุดตามองนิ่งเหมือนมีแรงดึงดูดให้เธอไม่ละสายตาไปไหน
“เอ้อ ค่ะ นุชทำเสื้อคุณเปื้อน จะให้เอาไปซักมั้ยคะ”
“เหนื่อยเปล่าๆคุณ...” ตะวันปฏิเสธเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง จนอนุชเริ่มมีอาการหัวใจกระตุกถี่ๆขึ้นมายามอยู่ใกล้ หากพินิจดูจริงๆแล้ว ภายใต้ความนิ่ง สายตาดุกร้าว ยังแฝงความอ่อนโยนไว้มากเหลือเกิน...
น่าผิดหวังสำหรับใครบางคนที่เธออยากได้ความอ่อนโยนแบบนี้บ้าง...กลับไม่มีเลยสักครั้ง...
“ที่จริงนุชจะเอานมมาให้คุณ คุณท่านเขาเป็นห่วงน่ะค่ะ” อนุชเริ่มชวนคุยหลังจากเก็บเหยือกพลาสติกขึ้นมาถือแล้วสบตากับชายหนุ่มอย่างกระดาก ...นมเหยือกใหญ่ อุตส่าห์ถือขึ้นมาอย่างระวังแล้วแท้ๆ กลับหกทั่วห้องไม่เป็นชิ้นดี...
“ขอโทษนะครับ อันที่จริงผมอยากจะบอกคุณว่า คุณแลดูสวยจนผมรู้สึกอิจฉาคุณพ่อเลยด้วยซ้ำ”
ตะวันเริ่มแง้มหัวใจออกมาตรงๆ ทำให้คนฟังถึงกับเงียบไป พยายามซ่อนรอยยิ้มไว้ในใจเต็มที่ เลือดกายสาวสูบฉีดพล่านจนแก้มเนียนแดงปลั่งกับคำชื่นชมของชายหนุ่ม
“ที่จริง ถ้าจันทร์อ่อนโยนได้ครึ่งหนึ่งของคุณตะวันคงจะดี...” อนุชพึมพำออกมาเสียงเบาๆ
“ว่าไงนะครับ” ตะวันก้มลงมาใกล้หญิงสาวที่ตัวเล็กกว่า เนื่องจากได้ยินไม่ถนัด ทำให้อนุชเผลอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของเขาจนชะงักไปนานหลายนาที
“ทำบ้าอะไรกันน่ะ!”
ภาพการใกล้ชิดเกินลิมิตของอนุชกับตะวันบริเวณหน้าประตูห้อง ทำให้สิตางศุ์ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอนฝั่งตรงข้ามมีอาการปี๊ดแตกขึ้นมาดื้อๆ เสียงนั้นทำให้ทั้งสองผละตัวออกห่างกันทันที
ตะวันกัดฟัดกรอดกับความบ้าของน้องสาวที่โพล่งขึ้นมาขัดจังหวะ ใบหน้าของเขาเรียบนิ่งพยายามสงบอารมณ์เต็มที่ ขณะที่อนุชเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทาง ไม่ยอมสบตากับคนที่มีอาการระเบิดลงลูกใหญ่
“คุณอนุชเขาเอานมมาให้ฉันดื่ม ก็เลยคุยกัน ผิดตรงไหน” ตะวันถามเสียงเรียบ ซ่อนอาการความหงุดหงิดไว้อย่างมิดชิด
“อ่อ เพิ่งรู้ว่ะ ว่าคุยกันชนิดที่จมูกแม่งจะจรดลงแก้มอยู่แล้ว ไอ่คนแถวนี้ก็ร่าน ยินดีระริก ไม่ปฏิเสธซะด้วยใช่ปะ” สิตางศุ์ตั้งใจพูดสวนกลับอย่างยั่วโมโห ด้วยคำพูดที่เจ็บแสบจนทั้งคู่ทนเก็บอาการไม่ไหวจนต้องตะโกนออกมาพร้อมกัน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ทั้งอนุชและตะวันจ้องกลับมาที่สิตางศุ์ด้วยแววตาเขม็ง เป็นภาพบังเอิญที่เหมือนพร้อมใจกันปกป้องทำให้สิตางศุ์สะอึกไปทันที
“ปกป้องกันดีนักใช่มั้ย?” สิตางศุ์ถามด้วยอารมณ์เดือดเลือดขึ้นหน้า จนเขาเดินปรี่เข้าไปซัดหมัดเข้าใบหน้าพี่ชายไปด้วยความหึงหวง
“คุณตะวัน!” อนุชร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วรีบเข้าไปประคองชายหนุ่ม
“บ้าไปแล้วหรือคุณสิตางศุ์ คุณต่อยพี่ชายคุณทำไม”
คำพูดเชิงต่อว่าของอนุชกรีดหัวใจของเขาให้ฝ่อลงทันที จนเขารู้สึกว่ามีก้อนความเจ็บใจปรี่ขึ้นมาจุกคอหอยทำให้กลืนน้ำลายลงอย่างลำบาก
“คุณมันทุเรศ อนุช! เป็นเมียพ่อ แต่เล่นยั่วกับคนอื่น!!” เขาแผดเสียงใส่อย่างร้ายกาจทำให้อนุชง้างมือตบหน้าเขาไปฉาดใหญ่ทันที
“ดิฉันยืนคุยกับคุณตะวันปกติ และมันก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น หากคุณจะว่าดิฉัน ดิฉันว่าคำพูดอย่างคุณ มันดูทุเรศกว่ามั้งคะ ทั้งที่เป็นถึงคนใหญ่คนโต แต่วาจายังต่ำทราม”
ฉึก!
โอ้ เธอ อนุช กำลังเล่นบทร้ายกาจกับฉันแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวนี้เริ่มใช้วาจาทิ่มแทง โดยไม่ไว้หน้าว่าฉันก็สูงกว่าเธอ ฮึ่ย ยัยบ้า ฉันเกลียดเธอที่สุด!!!
สิตางศุ์จ้องใบหน้าสวยกลับดุจเปลวเพลิง เขาอยากจะจัดการกับแม่สาวคนนี้ให้สิ้นฤทธิ์เสียเหลือเกิน หากไม่กลัวว่ายังมีตะวันอยู่ในเหตุการณ์ล่ะก็...อนุช เธอเจอดีแน่!
ฝากไว้ก่อนเถอะ!!! หัวสมองย้ำความคิดร้ายกาจของสิตางศุ์ไว้แล้วเดินจากไปด้วยความโกรธจัด โดยไม่เหลียวตามองอีกเลย
ความคิดเห็น