ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ๓.ใกล้ ...(2.2)
-
แสงแดดทอประกายอย่างสดใสมายังบ้านของณัฏฐ์ สาวร่างโปร่งลุกขึ้นจากโซฟาอย่างงัวเงียแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อแสงแยงตา คมของเธอ
....โอ้นี่มันกี่โมงแล้วนี่... หล่อนสะบัดศีรษะส่ายไปมาสลัดความงัวเงียออกไปเมื่อรู้ว่านอนพักตอนกลางวันไป เกือบสองชั่วโมงเต็มๆ ทันทีที่ยืนเต็มร่างสูง จมูกโด่งเป็นสันก็เริ่มฟุตฟิตเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารโชยมาแตะจมูก
ณัฏฐ์ลูบท้องที่ร้องเสียงดังขึ้นมาเหมือนท้วงด้วยความหิว หล่อนหน้าแหยไปเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ามื้อเที่ยงยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสัก อย่าง คนร่างสูงรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องครัวทันที
“ฉ่า!...” เสียงน้ำซุปที่ใส่ลงไปขณะผัดผักในกะทะ ณัฏฐ์แอบมองแผ่นหลังของสาวหน้าหวานเงียบๆโดยที่เธอยังไม่รู้ตัว มินตราทำกับข้าวอย่างคล่องแคล่ว หยิบนู่นปรุงนี่จนสาวผิวน้ำผึ้งกอดอกมองเธอด้วยสายตาชื่นชม
ณัฏฐ์เบือนตาไปที่เตาไมโครเวฟขนาดย่อมของเธอที่มินตราตักผักที่ผัดเมื่อครู่ ใส่ลงไปในจานกระเบื้องลึก ด้านบนเหมือนจะมีชีสแผ่นโปะอยู่ เขามองด้วยความสนใจและเดินไปด้านหลังเธออย่างเงียบๆ ทันทีที่ทำกับข้าวเสร็จมินตราหันกลับมาที่ทางเดินออกจากห้องครัว หมายจะไปปลุกคนขี้เซาแต่แล้วก็ชนกับคนร่างสูงในระยะประชิดอย่างไม่รู้ตัวมา ก่อน
“ว๊าย!” หญิงสาวหน้าหวานร้องเสียงหลงแล้วถอยเซออกไปจนเกือบหงายหลังล้ม หากแต่แขนแข็งแรงของสาวผิวน้ำผึ้งที่ตัวโตกว่ารีบตวัดร่างบางยื้อไว้ได้ทัน
สาวหน้าสวยชะงักนิ่งในอ้อมกอดของสาวตาคม เธอมองเขานิ่งขณะที่ณัฏฐ์กลับสบตาเธอด้วยความรู้สึกแสนหวั่นไหว ยามที่เห็นเธอระยะประชิดเช่นนี้ ทั้งวงหน้าเนียนสวย พวงแก้มสีชมพูมีเลือดฝาก ริมฝีบางบางเฉียบแต่ดูมีน้ำมีนวลชวนสะดุดตาเหลือเกิน หัวใจของหล่อนเต้นแรงอีกครั้งอย่างคนที่บังคับไม่ได้หากแต่สีหน้าของหล่อนก็ พยายามเก๊กหน้าตายสุดฤทธิ์
“เป็นอะไรรึเปล่า...” คนร่างสูงถามออกมาอย่างเป็นห่วง แต่น้ำเสียงที่ดูต่ำนุ่มลึกทำให้คนฟังเก้อเขินขึ้นมาเสียไม่ได้
“เอ่อ...มะเป็นไร...” มินตราเริ่มดันตัวเองออกห่างจากใบหน้าคมเข้มของหล่อน พลางปัดเนื้อปัดตัวเฉทำเพื่อลบความกระดากอายในอุบัติเหตุเมื่อครู่นี้
“เดี๋ยวณัฏฐ์ช่วยดีกว่า...” หล่อนมีอาการเงอะงะไปไม่ถูกอยู่สักพักก่อนที่จะเดินไปที่เตาไมโครเวฟส่ง เสียงดังออกมาเตือนว่ากับข้าวสุกแล้ว
มินตราแยกตัวออกมาเตรียมกับข้าวอื่นๆและน้ำนำมาตั้งบนโต๊ะญี่ปุ่นอย่าง เงียบๆ พลางซ่อนยิ้มในอาการประหม่าของณัฏฐ์ที่แสดงออกมาให้เห็น
บรรยากาศการรับประทานอาหารตอนเที่ยงดำเนินไปอย่างเงียบสนิทราวกับสายลมพัด ผ่าน ณัฏฐ์มองผักโขมอบชีสที่ตนเองได้ยกออกมาจากเตาเมื่อครู่อย่างสนใจสลับกับมอง สาวหน้าหวานที่ก้มหน้าเคี้ยวกับข้าวอื่นๆที่วางบนโต๊ะตุ้ยๆเหมือนไม่ได้สนใจ หล่อนสักเท่าไร ณัฏฐ์จึงตักผักโขมมาใส่จานตนเองแล้วตักเข้าปากรวดเร็วด้วยความหิวขณะที่ มินตรามีแววตาตกตะลึงขึ้นมาทันที
“ร้อนนะณัฏฐ์!”
สิ้นเสียงของสาวหวานปรากฏว่าณัฏฐ์โบกมือให้ลมเข้าปากเป็นการใหญ่สลับกับห่อ ปากพ่นความร้อนจากผักโขมที่ตักเข้าปากเมื่อครู่นี้จนน้ำตาเขาเล็ดออกมา
มินตราหัวเราะร่วนอย่างขบขันในท่าทางของหล่อน และหันไปรินน้ำเย็นใส่แก้วยื่นให้
“ก็บอกว่าร้อน...ทำใจกล้าไม่ยอมเป่าลิ้นพองกันพอดี” หญิงสาวต่อว่าสาวหน้าคมเล็กๆหลังจากเห็นว่า คนร่างสูงมีสีหน้าจ๋อยลงไปสนิท
“ณัฏฐ์ไม่รู้นี่นา...”
“เหมือนเด็กเลย...นี่เวลาตักอย่าตักไปลึกขนาดนั้น แค่ครึ่งช้อนก็พอแบบนี้” มินตราเริ่มสาธิตวิธีการกินผักโขมให้หล่อนเห็น เมื่อตักได้แล้วก็เป่าให้คลายร้อนอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะยื่นช้อนมาตรงหน้า ของณัฏฐ์ที่กำลังมองเธออยู่
“อะ อ้าปาก...”
“ฮะ!” เสียงสาวผึ้งน้ำผึ้งร้องออกมาตกใจ
“เอ้า ก็ป้อนไง จะได้ไม่ร้อนแบบเมื่อกี้” มินตรายังคงถือช้อนค้างไว้อย่างไม่คิดอะไร
ณัฏฐ์ทำท่าจะดึงช้อนออกจากมือเนียนสวยของเธอ หากแต่เธอกลับจ้องเขม็งอย่างดุๆทำให้ สาวตาคมยอมกินโดยปริยายแม้ในใจจะแสนขัดเขินที่มินตราแสดงออกกับหล่อนเช่นนี้
มินตราฉกยิ้มกว้างด้วยความพอใจ “อร่อยป่ะ...อิ่มเลยสิ ลิ้นพองไปก่อนแล้วนี่”
“อืม...” หล่อนพูดเสียงเรียบพลางคิดในใจ
....อิ่มน่ะอิ่ม...แต่ไม่ใช่ลิ้นพอง...เป็นเพราะอิ่มใจที่เธอทำให้ต่างหาก ล่ะมินตรา....
หลายวันผ่านไปมินตรานอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟาคนเดียวหลังจากที่ณัฏฐ์ออกไปทำงาน แล้ว เธอเหลือบไปเห็นหนังสือจำนวนมากวางซ่อนกับที่ชั้นวางหนังสือของณัฏฐ์ สาวร่างบางลุกขึ้นไปหยิบมาดูอยู่ 2 เล่มเป็นหนังสือเล่มแรกที่เธอแสดงหนังคือ “รักลับ สลับร่าง” มินตราหยิบมาดูอย่างงงๆเมื่อเห็นว่านิยายสองเรื่องมีหน้าปกไม่เหมือนกัน ฉบับหนึ่งเป็นฉบับที่ทำเป็นละคร แต่อีกฉบับหนึ่งเป็น....
มินตราหยิบหนังสือฉบับที่สองมานั่งอ่านคนเดียวเงียบๆ แต่แล้วสาวหน้าหวานก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นฉากเลิฟซีนระหว่างผู้หญิงกับ ผู้หญิงปรากฏอยู่ในเรื่องแบบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง หญิงสาวอ่านบทคำพูดและความรู้สึกของตัวละครด้วยใจลุ้นระทึกและความสงสัยใน สารพัดคำถามประดังประเดเข้ามาในความคิดของเธอ
เธอปิดหนังสือลงทันทีเมื่ออ่านจบไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว สาวหน้าหวานถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วรีบหาที่หนีบผมมารวบผมขึ้นระบายความร้อน และขยับเสื้อยืดแขนสั้นของเธอเข้าๆออกๆให้ลมพัดผ่านให้เธอใจเย็นขึ้น
....ไม่น่า ณัฏฐ์คงไม่ใช่... มินตราเหลือบมองนามปากกาเขียนด้านมุมขวาของหนังสือที่เขียนชื่อณัฏฐ์ตัว เป้งๆ
มินตรากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความรู้สึกอึดอัดใจเริ่มปรี่เข้ามาในความคิด
...หากว่าณัฏฐ์เป็นอย่างที่คิดจริงๆเล่า เธอจะทำอย่างไร!?... มินตราเท้าคางอย่างกลัดกลุ้ม แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆปลอบใจตนเองพักใหญ่
“ไม่ๆ มันต้องไม่เป็นอะไร...เพื่อนกัน เวลาใกล้ชิดกันแค่เพื่อนกันเท่านั้นมิน...” เสียงพึมพำดังออกมาจากริมฝีบางปากของเธอพยายามเตือนสติกับเหตุการณ์ที่กำลัง จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า...
...มิน่าล่ะ คนๆนั้นถึงดูทะมัดทะแมงเกินกว่าเหตุ...ทั้งการแต่งตัว...ท่าทาง...บุคลิก... มินตราถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ เมื่อภาพของณัฏฐ์ชัดเจนในสมองของเธอ
ณัฏฐ์ชอบใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนโทนอ่อนกับกางเกงยีนเสมอเมื่อเธอเห็นว่า สาวผิวน้ำผึ้งจะออกไปทำธุระข้างนอก ตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งความใกล้ชิดและยามเวลาว่างอยู่บ้านเฉยๆณัฏฐ์มักจะชอบใส่เสื้อยืดตัว โคร่งกับกางเกงผ้าสามส่วนให้เธอเห็นเสมอ ไม่มีเลยสักครั้งที่เธอจะเห็นเขาสวมเสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงสั้นจนโชว์ต้นขา เรียวสวยแบบเธอ
...หรือว่าณัฏฐ์จะเป็นจริงๆ... คำถามผุดเข้ามาพร้อมกับแววตาที่เบิกโพลงด้วยความตกใจ ยิ่งคิดและหาเหตุผลประกอบความคิดของเธอ ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“กลับมาแล้วจ้า” ณัฏฐ์พูดเสียงอารมณ์ดีมาจากหน้าบ้านทำให้มินตราสะดุ้งสุดตัวและรีบหยิบ หนังสือไปเก็บเข้าที่ ดาราสาวผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆแล้วฉีกยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดเพื่อไม่ ให้เจ้าของบ้านสงสัย
“อ่อ กลับมาแล้วหรือ โทดทีๆพอดีอยู่ด้านหลังเลยไม่ได้ยิน...” มินตราควานหากุญแจบ้านมาเปิด ท่าทีลนลานแม้จะฝืนยิ้มออกมาให้ณัฏฐ์นั้น ทำให้สาวผิวน้ำผึ้งอดสงสัยไม่ได้
“เป็นอะไรรึเปล่ามิน...” หล่อนถามออกมาเสียงเรียบ
“เปล่า มะ ไม่ได้เป็นอะไร” สาวหน้าหวานตอบอย่างตะกุกตะกัก
“ไหน ขอดูหน่อยซิ” ณัฏฐ์กำลังจะเอื้อมมือไปแตะใบหน้าของมินตราอย่างเป็นห่วงเช่นเคยแต่มินตรา รีบถอยห่างทันทีจนคนร่างสูงเลิกคิ้วสูงแปลกใจ
“เอ่อ คือ...ขอตัวนะ” มินตรารีบหันหลังให้แล้วเดินฉับๆเข้าห้องนอนกดประตูล็อคสนิทแล้วถอนหายใจออก มาเฮือกใหญ่ยามอยู่คนเดียว
...เฮ้อ เพื่อนกันท่องไว้ๆ เพื่อนต้องไม่รังเกียจกันสิ....
มินตราลูบใจป้อยๆพยายามปลอบใจตนเองที่เวลานี้ ยามใกล้เขานั้นรู้สึกว่าตนเองหวาดระแวงและไม่กล้าสบตาสาวผิวน้ำผึ้งเช่นเดิม ดังแต่ก่อน
ทำไมหนอ หลังจากรู้นิยายของณัฏฐ์ที่แต่งขึ้นในมุมที่แปลกไป...เธอถึงได้ระแวงและกลัว หล่อนจริงๆขึ้นมาเสียดื้อๆล่ะ...มินตราถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า มือเรียวยกขึ้นปากเหงื่อบนใบหน้าที่ผุดเม็ดออกมาเรื่อยๆด้วยความตื่นเต้น
“เดี๋ยวเย็นนี้จะถามให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย...” มินตราบอกตัวเองแล้วรีบผลักประตูเปิดออก สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆพยายามกลั้นใจสู้หน้า
คนร่างสูงกำลังดูทีวีอยู่บนโซฟาเพลินๆเมื่อเห็นมินตราเดินออกมาจากห้องนอนก็ เงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ หล่อนกดรีโมตปิดทีวีให้เรียบร้อยแล้วจ้องไปที่คนร่างบางซึ่งกำลังตื่นกลัว อะไรบางอย่าง
“มิน...มีอะไรจะพูดกับณัฏฐ์รึเปล่า”
“คือ...เอ่อ มินจะมาดูทีวีด้วย”
ความมั่นใจที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีเมื่อครู่หลบหายเข้าไปในอกอีกครั้ง ณัฏฐ์พยักหน้าหงึกหงักไม่คิดอะไรก่อนที่ตนเองจะกดเปิดทีวีขึ้นมาอีกรอบ
มินตราถอนหายใจขึ้นมาอย่างเซ็งตัวเอง เธอดูทีวีอย่างไม่สบอารมณ์ คำถามยังคงคาใจอยู่ลึกๆ คนร่างบางเม้มปากสนิท ยามมองใบหน้าของหล่อนตอนนี้ สาวผิวน้ำผึ้วจดจ้องไปที่รายการวาไรตี้และหัวเราะออกมาอย่างขบขัน มินตรากำมือแน่นข่มหัวใจเองไม่ให้ตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าหัวใจของเธอเต้นโครม ครามออกมาขณะอยู่ใกล้ณัฏฐ์เช่นนี้...เป็นเพราะตื่นเต้นที่จะรู้ความจริง... หรือเป็นเพราะเธอรู้สึกยามอยู่ใกล้หล่อน...หญิงสาวก็ไม่แน่ใจตัวเอง...
“ณัฏฐ์...” มินตราเอ่ยเรียกเสียงเบาราวกับเสียงกระซิบ
“หืม...” ณัฏฐ์ยังคงจดจ้องไปที่จอทีวีอย่างเพลิดเพลินและไม่ได้หันมามองวงหน้าของสาว หน้าหวานจึงไม่รู้ว่าใบหน้าของมินตราเต็มไปด้วยความกดดันและลุ้นระทึกกับข้อ สงสัยเกี่ยวกับหล่อนมากน้อยเพียงใด
“ชอบผู้หญิงใช่ไหม?”
คำถามที่โพล่งออกมาทำให้คนฟังสะดุดทันที หล่อนกดปิดทีวีแล้วนั่งนิ่งขณะที่คนรอคอยคำตอบมองใบหน้าสาวผิวน้ำผึ้งอย่าง ลุ้นระทึก ความเงียบระหว่างคนสองคนนิ่งนานชวนเกิดบรรยากาศอึดอัด มินตราเริ่มสังเกตเห็นณัฏฐ์กำมือแน่น ขมับของหล่อนปูดขึ้นเป็นเส้นนูนเหมือนพยายามข่มใจกับความรู้สึกบางอย่างอยู่ จนสาวร่างบางระหงเริ่มหน้าเสียและเริ่มต่อว่าตนเองที่ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง
“เอ่อ...มินขอโทษ” ดาราสาวเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว
“ถ้าณัฏฐ์ตอบว่าใช่...มินจะว่าไง” คนร่างสูงหันมาตอบมินตราเสียงหนักแน่น
คำที่สาวหน้าหวานไม่อยากให้เป็นไป...คำที่สาวหน้าหวานไม่อยากให้มันเกิด ขึ้น...ตอนนี้สิ่งที่เธอกังวลมาถึงแล้วและรวดเร็วเกินกว่าเธอจะตั้งรับทัน มินตราจึงเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เธอเงียบถึงที่สุดและไม่มีคำใดๆเอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีบางบางเฉียบนั้น
“รังเกียจรึเปล่า...” หล่อนถามขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงเสี้ยววินาทีเหมือนมินตราเพิ่งได้สติ เธอหันกลับมาปั้นยิ้มให้ณัฏฐ์ดังเดิม
“ขอเวลามินสักพักนะ...”มินตราพูดเสียงเรียบแล้วเดินผละออกไปทิ้งให้คนร่าง สูงนอนก่ายหน้าผากเหม่อลอยคนเดียว
มินตราเดินนั่งอยู่ที่พื้นหญ้าหลังบ้านคนเดียวเงียบๆปล่อยให้สายลมเย็นพัด ผ่านลำตัวของเธอเบาๆ สาวหน้าหวานกอดเข่านั่งเหม่อมองฟ้าคนเดียวพลางนึกถึงคำพูดของณัฏฐ์
....ถ้าณัฏฐ์ตอบว่าใช่...มินจะว่ายังไง... มินตราหลับตาลงช้าๆจนแลเห็นขนตาดำสนิทเรียงตัวสวย สาวหน้าหวานพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างหนักหน่วงเพราะไม่รู้ว่าตนเองจะให้คำ ตอบณัฏฐ์อย่างไร
สิ่งที่เธอระแวงอยู่ในอก กลับรู้สึกกล้าๆกลัวๆอย่างบอกไม่ถูกยามที่อยู่ใกล้ชิดหล่อนขึ้นมา เป็นเพราะชีวิตเธอมีเพียงผู้ชายที่ชื่อพีรเพชรคบหาดูใจมาตลอดเกือบ 2 ปี ทั้งยังเป็นชายคนแรกที่เธอรัก ชายคนแรกที่ทำให้เธอผิดหวังด้วยกระมัง และที่ผ่านมาเธอก็ไม่เคยมีสาวเท่อย่างณัฏฐ์หรือใครคนไหนมาจีบเธอเลยแม้แต่ น้อย สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น...เป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน แล้วต่อไปเธอจะวางตัวอย่างไร...
มันไม่ใช่อาการขยะแขยง...แต่มันคงช็อคมากกว่าที่รู้ว่าความจริง หล่อนเป็นอะไร...มินตราบีบขมับตนเองทั้งสองข้างเพื่อให้ผ่อนคลายก่อนที่จะ พยายามทำให้ตนเองเป็นปกติ
“หากเราไม่ได้คิดอะไร ก็วางตัวปกติสิ จะกังวลทำไมมิน...” สาวหน้าหวานพูดพึมพำ
ในบ้านขณะที่ณัฏฐ์นอนก่ายหน้าผากอยู่เงียบๆ หัวสมองของหล่อนก็มีภาพความสนิทสนมระหว่างกันตลอดหนึ่งอาทิตย์แล่นขึ้นมาใน หัวสมอง ณัฏฐ์พยายามสะกดกลั้นใจตนเองให้เรียบเฉยที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ความชัดเจน ในภาพความทรงจำกลับฉายชัดอย่างไม่ลบเลือน
“เขาว่ากันว่า รักหยอกจึงหยอกเล่น...” มินตรายิ้มให้ณัฏฐ์หวานๆก่อนที่จะเช็ดผมให้ต่ออย่างไม่ได้คิดอะไร ทิ้งให้ณัฏฐ์นั่งใจสั่นๆคิดอะไรไปเองคนเดียว
คำพูดของมินตราที่เคยกระเซ้าแหย่คนร่างสูงแวบขึ้นมาในความคิดของเขาทำให้ ณัฏฐ์พลิกตัวกลับไปกลับมาบนโซฟาอย่างกระสับกระส่าย
...หากมินตรารังเกียจขึ้นมา...จะทำอย่างไรกัน...
ความกังวลแล่นปรี่ขึ้นมาซ้อนทับความทรงจำที่สวยงามระหว่างหล่อนกับเธอทำให้ ณัฏฐ์รู้สึกกดดันเสียจนอยากจะร้องไห้ ยามคิดถึงวงหน้าสวยที่ตกตะลึงคำตอบของเขาที่เผยความลับซึ่งซ่อนไว้ในใจและ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหล่อนชอบผู้หญิงนั้น ยังคงชัดเจน...แววตาหวานที่ตกใจและมีอาการตื่นตระหนก...ดูชัดเจนเหลือเกิน
มินตราเดินเข้ามาในบ้านอีกครั้ง พลางเหลือบไปเห็นณัฏฐ์ซึ่งนอนหลับตาพริ้มบนโซฟาไปแล้ว เธอทอดสายตามองคนร่างสูงนิ่งแล้วหยิบผ้าห่มผืนบางที่พาดตรงพนักพิงของโซฟามา ห่มให้อย่างเบามือ ทันทีที่โน้มตัวลงไปใกล้ก็ได้ยินเสียงคนร่างสูงเพ้อออกมา
“อย่านะ...” น้ำเสียงแหบพร่าพูดชัดออกมาลำคอแม้จะแหบต่ำแต่ทำให้คนฟังสะดุดฟังอย่างสงสัย แล้วเหลือบไปมองสาวผิวน้ำผึ้งอีกครั้ง เธอเห็นว่ายังหลับสบายจึงขมวดคิ้วมองวงหน้าคมเข้มของคนร่างสูงแล้วอย่าง พินิจในระยะที่ห่างกันไม่มาก “อย่าเกลียดณัฏฐ์เลยนะมิน...” มินตรานิ่งงันไปชั่วขณะกับเสียงเพ้อนั้นทันที
-
+
+ |
๓.ใกล้
แสงแดดทอประกายอย่างสดใสมายังบ้านของณัฏฐ์ สาวร่างโปร่งลุกขึ้นจากโซฟาอย่างงัวเงียแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อแสงแยงตา คมของเธอ
....โอ้นี่มันกี่โมงแล้วนี่... หล่อนสะบัดศีรษะส่ายไปมาสลัดความงัวเงียออกไปเมื่อรู้ว่านอนพักตอนกลางวันไป เกือบสองชั่วโมงเต็มๆ ทันทีที่ยืนเต็มร่างสูง จมูกโด่งเป็นสันก็เริ่มฟุตฟิตเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารโชยมาแตะจมูก
ณัฏฐ์ลูบท้องที่ร้องเสียงดังขึ้นมาเหมือนท้วงด้วยความหิว หล่อนหน้าแหยไปเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ามื้อเที่ยงยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสัก อย่าง คนร่างสูงรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องครัวทันที
“ฉ่า!...” เสียงน้ำซุปที่ใส่ลงไปขณะผัดผักในกะทะ ณัฏฐ์แอบมองแผ่นหลังของสาวหน้าหวานเงียบๆโดยที่เธอยังไม่รู้ตัว มินตราทำกับข้าวอย่างคล่องแคล่ว หยิบนู่นปรุงนี่จนสาวผิวน้ำผึ้งกอดอกมองเธอด้วยสายตาชื่นชม
ณัฏฐ์เบือนตาไปที่เตาไมโครเวฟขนาดย่อมของเธอที่มินตราตักผักที่ผัดเมื่อครู่ ใส่ลงไปในจานกระเบื้องลึก ด้านบนเหมือนจะมีชีสแผ่นโปะอยู่ เขามองด้วยความสนใจและเดินไปด้านหลังเธออย่างเงียบๆ ทันทีที่ทำกับข้าวเสร็จมินตราหันกลับมาที่ทางเดินออกจากห้องครัว หมายจะไปปลุกคนขี้เซาแต่แล้วก็ชนกับคนร่างสูงในระยะประชิดอย่างไม่รู้ตัวมา ก่อน
“ว๊าย!” หญิงสาวหน้าหวานร้องเสียงหลงแล้วถอยเซออกไปจนเกือบหงายหลังล้ม หากแต่แขนแข็งแรงของสาวผิวน้ำผึ้งที่ตัวโตกว่ารีบตวัดร่างบางยื้อไว้ได้ทัน
สาวหน้าสวยชะงักนิ่งในอ้อมกอดของสาวตาคม เธอมองเขานิ่งขณะที่ณัฏฐ์กลับสบตาเธอด้วยความรู้สึกแสนหวั่นไหว ยามที่เห็นเธอระยะประชิดเช่นนี้ ทั้งวงหน้าเนียนสวย พวงแก้มสีชมพูมีเลือดฝาก ริมฝีบางบางเฉียบแต่ดูมีน้ำมีนวลชวนสะดุดตาเหลือเกิน หัวใจของหล่อนเต้นแรงอีกครั้งอย่างคนที่บังคับไม่ได้หากแต่สีหน้าของหล่อนก็ พยายามเก๊กหน้าตายสุดฤทธิ์
“เป็นอะไรรึเปล่า...” คนร่างสูงถามออกมาอย่างเป็นห่วง แต่น้ำเสียงที่ดูต่ำนุ่มลึกทำให้คนฟังเก้อเขินขึ้นมาเสียไม่ได้
“เอ่อ...มะเป็นไร...” มินตราเริ่มดันตัวเองออกห่างจากใบหน้าคมเข้มของหล่อน พลางปัดเนื้อปัดตัวเฉทำเพื่อลบความกระดากอายในอุบัติเหตุเมื่อครู่นี้
“เดี๋ยวณัฏฐ์ช่วยดีกว่า...” หล่อนมีอาการเงอะงะไปไม่ถูกอยู่สักพักก่อนที่จะเดินไปที่เตาไมโครเวฟส่ง เสียงดังออกมาเตือนว่ากับข้าวสุกแล้ว
มินตราแยกตัวออกมาเตรียมกับข้าวอื่นๆและน้ำนำมาตั้งบนโต๊ะญี่ปุ่นอย่าง เงียบๆ พลางซ่อนยิ้มในอาการประหม่าของณัฏฐ์ที่แสดงออกมาให้เห็น
บรรยากาศการรับประทานอาหารตอนเที่ยงดำเนินไปอย่างเงียบสนิทราวกับสายลมพัด ผ่าน ณัฏฐ์มองผักโขมอบชีสที่ตนเองได้ยกออกมาจากเตาเมื่อครู่อย่างสนใจสลับกับมอง สาวหน้าหวานที่ก้มหน้าเคี้ยวกับข้าวอื่นๆที่วางบนโต๊ะตุ้ยๆเหมือนไม่ได้สนใจ หล่อนสักเท่าไร ณัฏฐ์จึงตักผักโขมมาใส่จานตนเองแล้วตักเข้าปากรวดเร็วด้วยความหิวขณะที่ มินตรามีแววตาตกตะลึงขึ้นมาทันที
“ร้อนนะณัฏฐ์!”
สิ้นเสียงของสาวหวานปรากฏว่าณัฏฐ์โบกมือให้ลมเข้าปากเป็นการใหญ่สลับกับห่อ ปากพ่นความร้อนจากผักโขมที่ตักเข้าปากเมื่อครู่นี้จนน้ำตาเขาเล็ดออกมา
มินตราหัวเราะร่วนอย่างขบขันในท่าทางของหล่อน และหันไปรินน้ำเย็นใส่แก้วยื่นให้
“ก็บอกว่าร้อน...ทำใจกล้าไม่ยอมเป่าลิ้นพองกันพอดี” หญิงสาวต่อว่าสาวหน้าคมเล็กๆหลังจากเห็นว่า คนร่างสูงมีสีหน้าจ๋อยลงไปสนิท
“ณัฏฐ์ไม่รู้นี่นา...”
“เหมือนเด็กเลย...นี่เวลาตักอย่าตักไปลึกขนาดนั้น แค่ครึ่งช้อนก็พอแบบนี้” มินตราเริ่มสาธิตวิธีการกินผักโขมให้หล่อนเห็น เมื่อตักได้แล้วก็เป่าให้คลายร้อนอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะยื่นช้อนมาตรงหน้า ของณัฏฐ์ที่กำลังมองเธออยู่
“อะ อ้าปาก...”
“ฮะ!” เสียงสาวผึ้งน้ำผึ้งร้องออกมาตกใจ
“เอ้า ก็ป้อนไง จะได้ไม่ร้อนแบบเมื่อกี้” มินตรายังคงถือช้อนค้างไว้อย่างไม่คิดอะไร
ณัฏฐ์ทำท่าจะดึงช้อนออกจากมือเนียนสวยของเธอ หากแต่เธอกลับจ้องเขม็งอย่างดุๆทำให้ สาวตาคมยอมกินโดยปริยายแม้ในใจจะแสนขัดเขินที่มินตราแสดงออกกับหล่อนเช่นนี้
มินตราฉกยิ้มกว้างด้วยความพอใจ “อร่อยป่ะ...อิ่มเลยสิ ลิ้นพองไปก่อนแล้วนี่”
“อืม...” หล่อนพูดเสียงเรียบพลางคิดในใจ
....อิ่มน่ะอิ่ม...แต่ไม่ใช่ลิ้นพอง...เป็นเพราะอิ่มใจที่เธอทำให้ต่างหาก ล่ะมินตรา....
หลายวันผ่านไปมินตรานอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟาคนเดียวหลังจากที่ณัฏฐ์ออกไปทำงาน แล้ว เธอเหลือบไปเห็นหนังสือจำนวนมากวางซ่อนกับที่ชั้นวางหนังสือของณัฏฐ์ สาวร่างบางลุกขึ้นไปหยิบมาดูอยู่ 2 เล่มเป็นหนังสือเล่มแรกที่เธอแสดงหนังคือ “รักลับ สลับร่าง” มินตราหยิบมาดูอย่างงงๆเมื่อเห็นว่านิยายสองเรื่องมีหน้าปกไม่เหมือนกัน ฉบับหนึ่งเป็นฉบับที่ทำเป็นละคร แต่อีกฉบับหนึ่งเป็น....
มินตราหยิบหนังสือฉบับที่สองมานั่งอ่านคนเดียวเงียบๆ แต่แล้วสาวหน้าหวานก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นฉากเลิฟซีนระหว่างผู้หญิงกับ ผู้หญิงปรากฏอยู่ในเรื่องแบบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง หญิงสาวอ่านบทคำพูดและความรู้สึกของตัวละครด้วยใจลุ้นระทึกและความสงสัยใน สารพัดคำถามประดังประเดเข้ามาในความคิดของเธอ
เธอปิดหนังสือลงทันทีเมื่ออ่านจบไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว สาวหน้าหวานถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วรีบหาที่หนีบผมมารวบผมขึ้นระบายความร้อน และขยับเสื้อยืดแขนสั้นของเธอเข้าๆออกๆให้ลมพัดผ่านให้เธอใจเย็นขึ้น
....ไม่น่า ณัฏฐ์คงไม่ใช่... มินตราเหลือบมองนามปากกาเขียนด้านมุมขวาของหนังสือที่เขียนชื่อณัฏฐ์ตัว เป้งๆ
มินตรากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความรู้สึกอึดอัดใจเริ่มปรี่เข้ามาในความคิด
...หากว่าณัฏฐ์เป็นอย่างที่คิดจริงๆเล่า เธอจะทำอย่างไร!?... มินตราเท้าคางอย่างกลัดกลุ้ม แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆปลอบใจตนเองพักใหญ่
“ไม่ๆ มันต้องไม่เป็นอะไร...เพื่อนกัน เวลาใกล้ชิดกันแค่เพื่อนกันเท่านั้นมิน...” เสียงพึมพำดังออกมาจากริมฝีบางปากของเธอพยายามเตือนสติกับเหตุการณ์ที่กำลัง จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า...
...มิน่าล่ะ คนๆนั้นถึงดูทะมัดทะแมงเกินกว่าเหตุ...ทั้งการแต่งตัว...ท่าทาง...บุคลิก... มินตราถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ เมื่อภาพของณัฏฐ์ชัดเจนในสมองของเธอ
ณัฏฐ์ชอบใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนโทนอ่อนกับกางเกงยีนเสมอเมื่อเธอเห็นว่า สาวผิวน้ำผึ้งจะออกไปทำธุระข้างนอก ตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งความใกล้ชิดและยามเวลาว่างอยู่บ้านเฉยๆณัฏฐ์มักจะชอบใส่เสื้อยืดตัว โคร่งกับกางเกงผ้าสามส่วนให้เธอเห็นเสมอ ไม่มีเลยสักครั้งที่เธอจะเห็นเขาสวมเสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงสั้นจนโชว์ต้นขา เรียวสวยแบบเธอ
...หรือว่าณัฏฐ์จะเป็นจริงๆ... คำถามผุดเข้ามาพร้อมกับแววตาที่เบิกโพลงด้วยความตกใจ ยิ่งคิดและหาเหตุผลประกอบความคิดของเธอ ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“กลับมาแล้วจ้า” ณัฏฐ์พูดเสียงอารมณ์ดีมาจากหน้าบ้านทำให้มินตราสะดุ้งสุดตัวและรีบหยิบ หนังสือไปเก็บเข้าที่ ดาราสาวผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆแล้วฉีกยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดเพื่อไม่ ให้เจ้าของบ้านสงสัย
“อ่อ กลับมาแล้วหรือ โทดทีๆพอดีอยู่ด้านหลังเลยไม่ได้ยิน...” มินตราควานหากุญแจบ้านมาเปิด ท่าทีลนลานแม้จะฝืนยิ้มออกมาให้ณัฏฐ์นั้น ทำให้สาวผิวน้ำผึ้งอดสงสัยไม่ได้
“เป็นอะไรรึเปล่ามิน...” หล่อนถามออกมาเสียงเรียบ
“เปล่า มะ ไม่ได้เป็นอะไร” สาวหน้าหวานตอบอย่างตะกุกตะกัก
“ไหน ขอดูหน่อยซิ” ณัฏฐ์กำลังจะเอื้อมมือไปแตะใบหน้าของมินตราอย่างเป็นห่วงเช่นเคยแต่มินตรา รีบถอยห่างทันทีจนคนร่างสูงเลิกคิ้วสูงแปลกใจ
“เอ่อ คือ...ขอตัวนะ” มินตรารีบหันหลังให้แล้วเดินฉับๆเข้าห้องนอนกดประตูล็อคสนิทแล้วถอนหายใจออก มาเฮือกใหญ่ยามอยู่คนเดียว
...เฮ้อ เพื่อนกันท่องไว้ๆ เพื่อนต้องไม่รังเกียจกันสิ....
มินตราลูบใจป้อยๆพยายามปลอบใจตนเองที่เวลานี้ ยามใกล้เขานั้นรู้สึกว่าตนเองหวาดระแวงและไม่กล้าสบตาสาวผิวน้ำผึ้งเช่นเดิม ดังแต่ก่อน
ทำไมหนอ หลังจากรู้นิยายของณัฏฐ์ที่แต่งขึ้นในมุมที่แปลกไป...เธอถึงได้ระแวงและกลัว หล่อนจริงๆขึ้นมาเสียดื้อๆล่ะ...มินตราถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า มือเรียวยกขึ้นปากเหงื่อบนใบหน้าที่ผุดเม็ดออกมาเรื่อยๆด้วยความตื่นเต้น
“เดี๋ยวเย็นนี้จะถามให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย...” มินตราบอกตัวเองแล้วรีบผลักประตูเปิดออก สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆพยายามกลั้นใจสู้หน้า
คนร่างสูงกำลังดูทีวีอยู่บนโซฟาเพลินๆเมื่อเห็นมินตราเดินออกมาจากห้องนอนก็ เงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ หล่อนกดรีโมตปิดทีวีให้เรียบร้อยแล้วจ้องไปที่คนร่างบางซึ่งกำลังตื่นกลัว อะไรบางอย่าง
“มิน...มีอะไรจะพูดกับณัฏฐ์รึเปล่า”
“คือ...เอ่อ มินจะมาดูทีวีด้วย”
ความมั่นใจที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีเมื่อครู่หลบหายเข้าไปในอกอีกครั้ง ณัฏฐ์พยักหน้าหงึกหงักไม่คิดอะไรก่อนที่ตนเองจะกดเปิดทีวีขึ้นมาอีกรอบ
มินตราถอนหายใจขึ้นมาอย่างเซ็งตัวเอง เธอดูทีวีอย่างไม่สบอารมณ์ คำถามยังคงคาใจอยู่ลึกๆ คนร่างบางเม้มปากสนิท ยามมองใบหน้าของหล่อนตอนนี้ สาวผิวน้ำผึ้วจดจ้องไปที่รายการวาไรตี้และหัวเราะออกมาอย่างขบขัน มินตรากำมือแน่นข่มหัวใจเองไม่ให้ตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าหัวใจของเธอเต้นโครม ครามออกมาขณะอยู่ใกล้ณัฏฐ์เช่นนี้...เป็นเพราะตื่นเต้นที่จะรู้ความจริง... หรือเป็นเพราะเธอรู้สึกยามอยู่ใกล้หล่อน...หญิงสาวก็ไม่แน่ใจตัวเอง...
“ณัฏฐ์...” มินตราเอ่ยเรียกเสียงเบาราวกับเสียงกระซิบ
“หืม...” ณัฏฐ์ยังคงจดจ้องไปที่จอทีวีอย่างเพลิดเพลินและไม่ได้หันมามองวงหน้าของสาว หน้าหวานจึงไม่รู้ว่าใบหน้าของมินตราเต็มไปด้วยความกดดันและลุ้นระทึกกับข้อ สงสัยเกี่ยวกับหล่อนมากน้อยเพียงใด
“ชอบผู้หญิงใช่ไหม?”
คำถามที่โพล่งออกมาทำให้คนฟังสะดุดทันที หล่อนกดปิดทีวีแล้วนั่งนิ่งขณะที่คนรอคอยคำตอบมองใบหน้าสาวผิวน้ำผึ้งอย่าง ลุ้นระทึก ความเงียบระหว่างคนสองคนนิ่งนานชวนเกิดบรรยากาศอึดอัด มินตราเริ่มสังเกตเห็นณัฏฐ์กำมือแน่น ขมับของหล่อนปูดขึ้นเป็นเส้นนูนเหมือนพยายามข่มใจกับความรู้สึกบางอย่างอยู่ จนสาวร่างบางระหงเริ่มหน้าเสียและเริ่มต่อว่าตนเองที่ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง
“เอ่อ...มินขอโทษ” ดาราสาวเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว
“ถ้าณัฏฐ์ตอบว่าใช่...มินจะว่าไง” คนร่างสูงหันมาตอบมินตราเสียงหนักแน่น
คำที่สาวหน้าหวานไม่อยากให้เป็นไป...คำที่สาวหน้าหวานไม่อยากให้มันเกิด ขึ้น...ตอนนี้สิ่งที่เธอกังวลมาถึงแล้วและรวดเร็วเกินกว่าเธอจะตั้งรับทัน มินตราจึงเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เธอเงียบถึงที่สุดและไม่มีคำใดๆเอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีบางบางเฉียบนั้น
“รังเกียจรึเปล่า...” หล่อนถามขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงเสี้ยววินาทีเหมือนมินตราเพิ่งได้สติ เธอหันกลับมาปั้นยิ้มให้ณัฏฐ์ดังเดิม
“ขอเวลามินสักพักนะ...”มินตราพูดเสียงเรียบแล้วเดินผละออกไปทิ้งให้คนร่าง สูงนอนก่ายหน้าผากเหม่อลอยคนเดียว
มินตราเดินนั่งอยู่ที่พื้นหญ้าหลังบ้านคนเดียวเงียบๆปล่อยให้สายลมเย็นพัด ผ่านลำตัวของเธอเบาๆ สาวหน้าหวานกอดเข่านั่งเหม่อมองฟ้าคนเดียวพลางนึกถึงคำพูดของณัฏฐ์
....ถ้าณัฏฐ์ตอบว่าใช่...มินจะว่ายังไง... มินตราหลับตาลงช้าๆจนแลเห็นขนตาดำสนิทเรียงตัวสวย สาวหน้าหวานพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างหนักหน่วงเพราะไม่รู้ว่าตนเองจะให้คำ ตอบณัฏฐ์อย่างไร
สิ่งที่เธอระแวงอยู่ในอก กลับรู้สึกกล้าๆกลัวๆอย่างบอกไม่ถูกยามที่อยู่ใกล้ชิดหล่อนขึ้นมา เป็นเพราะชีวิตเธอมีเพียงผู้ชายที่ชื่อพีรเพชรคบหาดูใจมาตลอดเกือบ 2 ปี ทั้งยังเป็นชายคนแรกที่เธอรัก ชายคนแรกที่ทำให้เธอผิดหวังด้วยกระมัง และที่ผ่านมาเธอก็ไม่เคยมีสาวเท่อย่างณัฏฐ์หรือใครคนไหนมาจีบเธอเลยแม้แต่ น้อย สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น...เป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน แล้วต่อไปเธอจะวางตัวอย่างไร...
มันไม่ใช่อาการขยะแขยง...แต่มันคงช็อคมากกว่าที่รู้ว่าความจริง หล่อนเป็นอะไร...มินตราบีบขมับตนเองทั้งสองข้างเพื่อให้ผ่อนคลายก่อนที่จะ พยายามทำให้ตนเองเป็นปกติ
“หากเราไม่ได้คิดอะไร ก็วางตัวปกติสิ จะกังวลทำไมมิน...” สาวหน้าหวานพูดพึมพำ
ในบ้านขณะที่ณัฏฐ์นอนก่ายหน้าผากอยู่เงียบๆ หัวสมองของหล่อนก็มีภาพความสนิทสนมระหว่างกันตลอดหนึ่งอาทิตย์แล่นขึ้นมาใน หัวสมอง ณัฏฐ์พยายามสะกดกลั้นใจตนเองให้เรียบเฉยที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ความชัดเจน ในภาพความทรงจำกลับฉายชัดอย่างไม่ลบเลือน
“เขาว่ากันว่า รักหยอกจึงหยอกเล่น...” มินตรายิ้มให้ณัฏฐ์หวานๆก่อนที่จะเช็ดผมให้ต่ออย่างไม่ได้คิดอะไร ทิ้งให้ณัฏฐ์นั่งใจสั่นๆคิดอะไรไปเองคนเดียว
คำพูดของมินตราที่เคยกระเซ้าแหย่คนร่างสูงแวบขึ้นมาในความคิดของเขาทำให้ ณัฏฐ์พลิกตัวกลับไปกลับมาบนโซฟาอย่างกระสับกระส่าย
...หากมินตรารังเกียจขึ้นมา...จะทำอย่างไรกัน...
ความกังวลแล่นปรี่ขึ้นมาซ้อนทับความทรงจำที่สวยงามระหว่างหล่อนกับเธอทำให้ ณัฏฐ์รู้สึกกดดันเสียจนอยากจะร้องไห้ ยามคิดถึงวงหน้าสวยที่ตกตะลึงคำตอบของเขาที่เผยความลับซึ่งซ่อนไว้ในใจและ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหล่อนชอบผู้หญิงนั้น ยังคงชัดเจน...แววตาหวานที่ตกใจและมีอาการตื่นตระหนก...ดูชัดเจนเหลือเกิน
มินตราเดินเข้ามาในบ้านอีกครั้ง พลางเหลือบไปเห็นณัฏฐ์ซึ่งนอนหลับตาพริ้มบนโซฟาไปแล้ว เธอทอดสายตามองคนร่างสูงนิ่งแล้วหยิบผ้าห่มผืนบางที่พาดตรงพนักพิงของโซฟามา ห่มให้อย่างเบามือ ทันทีที่โน้มตัวลงไปใกล้ก็ได้ยินเสียงคนร่างสูงเพ้อออกมา
“อย่านะ...” น้ำเสียงแหบพร่าพูดชัดออกมาลำคอแม้จะแหบต่ำแต่ทำให้คนฟังสะดุดฟังอย่างสงสัย แล้วเหลือบไปมองสาวผิวน้ำผึ้งอีกครั้ง เธอเห็นว่ายังหลับสบายจึงขมวดคิ้วมองวงหน้าคมเข้มของคนร่างสูงแล้วอย่าง พินิจในระยะที่ห่างกันไม่มาก “อย่าเกลียดณัฏฐ์เลยนะมิน...” มินตรานิ่งงันไปชั่วขณะกับเสียงเพ้อนั้นทันที
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น