ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงสิตางศุ์[Yuri]

    ลำดับตอนที่ #2 : ๒.อึดอัดใจ

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 53



    +

    +

    ๒.อึดอัดใจ

    แม่งจะเข้ามาหาสวรรค์วิมานอะไรวะ ยัยบ้าเอ้ย!คนร่างสูงไม่พูดเปล่า แต่กลับเหวี่ยงมือปัดข้าวของบนเตียงหล่นกระจาย เขาเม้มริมฝีปากสนิท แววตาเบิกโพลงด้วยความโกรธจัดจนลูกตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า

    พ่อนี่ก็นะ อายุปูนนี้ เหงือกดำ คางยาน แถมฟันจะร่วงอยู่มะรอมมะร่อ ยังจะคว้า...ฮึ่ม หงุดหงิดโว้ย!!!!!สิตางศุ์มีอารมณ์เดือดปุดราวกับคนบ้า เต้นผางๆไปรอบห้องด้วยความร้อนรน
    เพียงชั่วครู่ การเคาะประตูห้องนอนของสิตางศุ์ดังขึ้น เขาหยุดชะงักทันทีแต่ก็ยังไม่วาย ที่จะเอ่ยถามออกไปเสียงขุ่น

    ใคร...

    สิตางศุ์นิ่งไปหลายนาทีพอรอคำตอบ หากแต่ความหวังที่จะได้ยินเสียงของบุคคลที่อยู่นอกห้อง กลับเป็นความเงียบสนิท ยั่วอารมณ์โทสะของเขามากขึ้นเป็นทวี

    ถามแม่งทำไมไม่พูดเขาเปิดประตูออกสุดแรง จนลมพัดเส้นผมยาวสลวยของคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง ร่วงลงมาปดปิดใบหน้างดงามไปครึ่งซีก

    เดี๋ยว!อนุชพยายามดันประตูยื้อกับสิตางศุ์ เบียดตัวเข้าไปในห้องของเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าคน

    ขี้โมโหกำลังพาลกระแทกประตูใส่
    เธอเขามาในห้องได้อย่างแนบเนียน รวดเร็วปานสายลมพัด ทำให้เจ้าของห้องมีอารมณ์ขุ่นเคือง ทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอประหนึ่งคนหัวเสีย ที่ห้ามหญิงสาวหน้าหวานไว้ไม่ทัน

    นุชมีเรื่องจะอธิบาย...

    ไม่ต้อง! ไม่อยากฟัง แล้วก็ไม่ได้ถามสิตางศุ์สวนกลับทันที และเขาก็เห็นได้ชัดว่าอนุชมีท่าทางสะอึกไปกับคำพูดตรงๆบาดกลางใจเธอพอดิบพอดี

    ที่นุชหายไปมันมีเหตุผลนะจันทร์...อนุชพูดเสียงอ่อยเมื่อเห็นคนรักของเธอยืนหันหลังให้ ความรู้สึกน้อยใจบีบตัวที่หัวใจชวนให้อึดอัด...ทำไมเขาถึงไม่หันหน้ามามองเธอ เลยล่ะ ...คนที่น่ารักอ่อนโยน แสนดีสำหรับเธอ หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...  
    ระหว่างที่อนุชกำลังก้มหน้าลงต่ำด้วยความสำนึกผิด ความผิดหวัง เสียใจ เขาก็ตะโกนแผดเสียงออกมาให้เธอสะดุ้งเฮือก

    ระหว่างฉันกับเธอ มันอยู่กันคนละเส้น! กรุณาเรียกชื่อฉันว่าคุณสิตางศุ์ด้วย เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกชื่อฉันแบบนั้นอีกแล้ว อนุชเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนคนฟังเริ่มรู้สึกว่าขนลุกเกรียวไปทั่วเรือนร่าง หากแต่ยังคงกล้ายืนจ้องแผ่นหลังของเขาเขม็งอย่างไม่ยอมแพ้

    จะไม่ฟังนุชอธิบายจริงๆใช่มั้ย

    เออ!สิตางศุ์หันมาสบตาแข็งกร้าว แล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้หญิงสาวอย่างท้าทาย

    คนอย่างเธอ ก็ควรปรนนิบัติเป็นเมียพ่อฉันนู่น ไม่ใช่ฉัน! ชอบนักไม่ใช่หรอที่เสนอตัวให้ผู้ชายลิ้มลองไปวันๆ!
    คำพูดหยาบคายที่สุดที่อนุชได้ยินออกมาจากปากของสิตางศุ์ ทำให้ความโกรธก่อตัวขึ้นมาเป็นริ้วๆ สติและความอดทนขาดผึงพร้อมกับมือเรียวเล็กที่สะบัดเข้าใส่ดวงหน้าใสของคนปากดีไปฉาดใหญ่ทันที
     

    เธอตบหน้าฉันหรืออนุช!!เขาแผดเสียงด้วยความดุร้ายเยี่ยงเสือ ทำให้คนที่ได้สติมองมือตนเองอย่างหวาด

    นุช มะไม่ได้ตั้งใจสาวร่างเพรียวพูดเสียงสั่น เมื่อเห็นสิตางศุ์ย่างสามขุมเข้ามาหาเธอ ง้างมือเตรียมพร้อมจะตบกลับ ทำให้เธอหลับตาปี๋ด้วยความกลัว

    หากแต่คนร่างสูงกลับขบกรามแน่น พยายามระงับอารมณ์ไว้อย่างยิ่งยวด แล้วลดมือลงโดยพลัน เขาหายใจหอบแรง กัดริมฝีปากแน่นอย่างเคียดแค้น

    ออกไป ไป๊! ให้ใกล้ๆตีนกู ให้ไกลๆหน้ากู เหม็นสาบ
    โอ้...นี่หรือคำพูดของคนแสนดีอย่างสิตางศุ์ที่เธอเคยรู้จัก... บัดนี้มีแต่คำเชือดเฉือน สารพัดที่ทิ่มแทงใจจนปวดร้าวเกินจะทน สาวหน้าสวยยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่อาจซ่อนความหวั่นไหวอีกต่อไปได้

    ทำไมถึงใจร้ายกับฉันนักนะ...อนุชพูดออกมาน้ำเสียงตัดพ้อ แต่กลับไม่ทำให้คนฟัง รู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

    แหม...อย่างกับตัวเธอดีหนักหนา วันที่เธอทำกับฉัน อย่าคิดว่าฉันจะลืมมันนะอนุชสิตางศุ์เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาดั่งคนเกรี้ยวกราด แววตาที่มองมายังร่างสวยอย่างอนุชเต็มไปด้วยความชิงชัง

    ก็ฟังได้มั้ยเล่า!อนุชแผดเสียงใส่ขึ้นมาอีกครั้งอย่างหมดความอดทน แม้ว่าตนเองจะเริ่มมีเสียงสะอื้นไห้ออกมา แต่ก็เป็นภาพที่ไม่มีความสำคัญต่อสาวร่างโปร่งเลยแม้แต่น้อย

    ก็กูไม่ฟัง ดูปากนี่ กู-ไม่-ฟัง ยิ่งคนตอแหลอย่างเธอ มัน เหม็นเน่าว่ะเขาไม่พูดเปล่าหากแต่แสร้งทำสีหน้าเหมือนคนจะอ้วกให้อนุชรู้สึกเหมือนโลกมันจะแตกตรงหน้าเสียให้ได้

    อยากจะพูดก็พูดกับลมแล้วกันนะ...เชิญตามสบายว่าแล้วเขาก็เดินตัวปลิวออกไปอย่างไม่แคร์สื่อ

    พร้อมกับเสียงกระแทกประตูเสียงดังจนแทบระเบิด ปล่อยให้อนุชยืนคว้างอยู่เพียงลำพัง

    ที่ห้องนั่งเล่นอันโอ่อ่าของบ้าน ไกรสรกำลังชะเง้อคอยืดคอยาวรอสาวหน้าหวาน อยู่นานสองนานจน

    ชายร่างท้วมเริ่มมีอาการหงุดหงิดคนเดียวเงียบๆ แต่ระยะเวลาไม่นานเขา ก็เห็นอนุชเดินก้มหน้าคอตกมาหา

    ไปไหนมาล่ะนุชไกรสรปรับน้ำเสียงให้เย็นลงเป็นปกติ ทั้งที่ในใจแอบสงสัยเมื่อเห็นอนุชเดินย่องไปที่ห้องลูกสาวคนโต หลังจากที่เธอถูกน้ำสาดหน้าเมื่อเช้านี้

    อ่อ ไปเอ่อ...ไปดูบ้านคุณน่ะค่ะ ว่ามีอะไรขาดตกบกพร่องให้ดิฉันพอดูแลได้บ้างอนุชตอบอย่างไม่ค่อยสู้สายตาดีนัก

    งั้นเหรอ แต่ฉันจ้างให้เธอมาดูแลฉัน ไม่ใช่ดูแลบ้านสักหน่อยไกรสรสวนกลับเสียงเข้ม พลางขยับแว่นสายตาเลนส์เบ้อเริ่มเพื่อให้เห็นดวงหน้าหวานให้ถนัดยิ่งขึ้น ในใจเหมือนตั้งใจจะจับพิรุธของอนุชอยู่ในที

    ทั้งเธอและชายร่างท้วมนิ่งไปหลายนาที ก่อนที่จะงัดคำถามตรงๆออกมา เธอกับไอ้จันทร์ รู้จักกันมาก่อนรึเปล่า?”  

    คำถามของไกรสรทำให้คนฟังสะอึกนิ่งไปหลายนาที หัวสมองคิดสับสน...จะบอกดีมั้ย...หรือไม่บอกดี...หรือยังไง ตอบไงดี!!???... แต่เพียงเสี้ยววินาทีแห่งความกดดัน จู่ๆก็มีคนที่เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

    กลับมาแล้วครับพ่อตะวันพูดพลางส่งยิ้มบางๆให้กับไกรสรแล้วไหว้เคารพอย่างนอบน้อม ทำให้ผู้เป็นพ่อละความสนใจจากอนุชหันไปทางลูกชายทันที

    ทันทีที่ตะวันสบตากับอนุช เขาก็รู้สึกพอใจอย่างประหลาด หากพิจดูใบหน้าสวย ยามเธอแย้มให้เล็กน้อยยิ่งทำให้หัวใจของเขากระตุกถี่ๆเหมือนได้รับความดึงดูดนั้นอย่างประหลาด วงหน้าสวยพิมพ์ใจชายหนุ่มตั้งแต่แรกเห็น แม้เธอจะมีผิวสีน้ำผึ้งที่ผิดกับสเปคของตะวันที่ชอบผิวขาวสะอาดมากกว่า หากแต่ความคมสวย ตาโต จมูกโด่ง สูงเพรียว นับว่าสวยทั้งใบหน้านั้น สามารถเรียกคะแนนเทใจให้ไปเต็มๆ

    ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานให้อนุชอย่างจริงใจ จนคนได้รับรอยยิ้มมีอาการเก้อเขินขึ้นมาเล็กน้อย แต่หัวใจกลับประเมินความแตกต่างระหว่างชายหนุ่มกับสิตางศุ์ขึ้นมาอย่าง อัตโนมัติไปเสียนั่น ...เขามีใบหน้าคล้ายสิตางศุ์มาก หากแต่ผิวพรรณกลับคมเข้มเหมือนไกรสรเสียมากกว่า ...ยิ่งมองแล้วก็เหมือนเป็นเงาสะท้อนตัวตนของสิตางศุ์ได้เป็น อย่างดี...

    มาก็ดีแล้วตะวัน พ่อจะแนะนำให้รู้จัก นี่หนูอนุช พ่อให้เธอมาอยู่ในฐานะภรรยาคนหนึ่ง

    ...ส่วนนี่ตะวัน ลูกคนโตของบ้านจ้ะ หนูอนุช
    คำพูดที่ตรงไปตรงมาของไกรสรทำให้ลูกชายอึ้งทันที รอยยิ้มแก้มปริยามประทับใจสาวตรงหน้า เหือดหายไปกับอากาศ เหลือเพียงใบหน้าเข้มๆ ที่จ้องตรงมาที่เธอนิ่งๆโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

    แววตาที่ส่งตรงมาที่เธออย่างมีคำถาม ยิ่งทำให้อนุชก้มหน้างุดด้วยความกระดากอาย เพราะเธอรู้ตัวเองดีว่าเหตุผลที่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ ...เป็นเพราะใครอีกคนที่โมโหร้ายจนไม่ฟังเธอต่างหากเล่า...คนที่เธอแสนรัก และยากที่จะลืมคนนั้น ทำให้เธอต้องแบกตำแหน่งภรรยาไว้อย่างจำนน เพราะเป็นวิธีเดียว เท่านั้นที่เธอจะหาทางคุยกับคนที่เข้าใจผิดมาตลอด 7 ปีที่เธอหายไปก็เท่านั้น...

    พ่อทำไมพ่อทำแบบนี้ล่ะครับตะวันเริ่มพูดน้ำเสียงฉุนเฉียวทันทีหลังจากได้ยินไกรสรแนะนำอนุชให้รู้จัก จนคนเป็นพ่อต้องส่งสายตาปรามให้ตะวันมีอารมณ์เย็นลง

    คุณก็เหมือนกัน ทำไมเห็นบ้านผมรวยแล้วเข้ามาง่ายๆอย่างนี้เหรอตะวันหันไปต่อว่าอนุชด้วยอีกคนอย่างคนพาลไม่ฟังเหตุผล จนทำให้สาวร่างบางถึงกับกัดริมฝีปากอย่างเคืองๆ

    ...ทั้งที่เมื่อกี้อุตส่าห์ชมความหล่อเหลาอยู่แท้ๆเชียว แต่ปากหมา...เหมือน...ฮึ่ม

    หยุดเลยตะวัน พ่อจ้างเขามาเองแหล่ะ ตอนแรกเธอก็ปฏิเสธ แต่พ่อรู้สึกถูกชะตา
    เหรอครับ ก็เป็นเรื่องของพ่อแล้วกัน ผมขอตัวนะพ่อว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินฉับๆออกไปด้วยความ

    ฉุนเฉียว ทิ้งให้หญิงสาวเสียวสันหลังวาบอย่างบอกไม่ถูก

    ตายแล้วอนุช...เข้ามาในบ้านแค่วันเดียว ทำให้สิตางศุ์โมโหร้ายไม่พอ ยังไปสร้างอารมณ์ร้ายๆให้พี่ชายของสิตางศุ์ขุ่นเคืองอีก โห จะทำอย่างไรต่อไปดีหนอ มาในรูปแบบภรรยาของคุณไกรสร ทั้งที่แท้จริงแล้วไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด...

    อนุชเผลอคิดเองคนเดียวจนปวดหัว จนเผลอระบายความเครียดโดยการตบหัวตัวเองเบาๆ เป็นภาพที่ทำให้ไกรสรหันมามองด้วยความสงสัยเป็นอะไรไปหรือหนู...

    เอ้อ...” อนุชเริ่มออกอาการเหลอหลาทันที เธอแสร้งทำเป็นปัดผมเบาๆ แล้วหันมายิ้มให้ชายกลางคนด้วยแววตาเหมือนคนป่วย

    พอดีสงสัยอากาศมันเปลี่ยน เลยมึนๆงงๆไปหน่อยน่ะค่ะ
    กินยาหน่อยมั้ย เดี๋ยวฉันให้นางพิศจัดหาหยูกหายาให้ไกรสรไม่พูดเปล่า หากแต่เอื้อมมือสากๆมาแตะ

    หน้าผากของเธออย่างตั้งใจ จนอนุชต้องเบี่ยงตัวหลบออกมา เล็กน้อยอย่างระมัดระวัง

    เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะคุณท่าน ดิฉันพักนิดหน่อยเดี๋ยวก็หาย

    ถ้าอย่างนั้น คุณไปพักก่อนแล้วกัน ผมไม่อยากให้คุณร่วงไปเสียก่อนชายร่างท้วมระบายยิ้มให้อย่างอ่อนโยน และนั่นก็ทำให้อนุชหันมาถอนหายใจยาว ด้วยความโล่งใจ ก่อนจะค้อมตัวให้เป็นการขอตัวออกมาจากบริเวณนั้น

    ที่สวนหย่อมของบ้าน อนุชเดินออกมาชื่นชมบรรดาดอกไม้ซึ่งกำลังบานสะพรั่งด้วยความชื่นชม สายลมอ่อนพัดมาอย่างเอื่อยๆชวนให้เธอสูดลมหายใจเข้าปอดรับอากาศบริสุทธ์ด้วยความชื่นใจเล็กน้อย แม้หัวใจยังเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง แต่เธอก็อยากให้มันผ่านพ้นไปเสียเหลือเกิน... ระหว่างที่ดูสวนดอกไม้ไปอย่างเงียบๆ สาวผิวน้ำผึ้งก็เหลือบไปเห็นสาวน้อยหน้าใสกำลังยืนชมดอกไม้ในบริเวณใกล้กัน

    ความสดใสน่ารักของหญิงสาวทำให้อนุชสะดุดตามองเพลิน ทั้งดวงหน้าหวานเกินกว่าใคร ผิวขาวสวยสะอาดตา ยามแรกแย้มกับธรรมชาติรอบตัว หล่อนคนนี้คงดูสดใสไม่ใช่น้อยจนน่าอิจฉาเสียจริงที่ไม่ต้องมีเรื่องมากมาย ดูหนักหัว เฉกเช่นเดียวกับเธอถึงเพียงนี้... แรงดึงดูดในความสดใสทำให้อนุชก้าวไปหาสาวน้อยคนนั้นโดยไม่ทันตั้งตัว

    สวัสดีค่ะ...
    คนที่ถูกทักถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะระบายยิ้มให้อย่างเป็นมิตรอีกครั้ง

    สวัสดีค่ะ เอ...คุณเข้ามาในบ้านหลังนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะนภางค์ถามสีหน้างงๆอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คนที่รับรู้สายตาของเธอถึงกับกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอทันที เพราะไม่รู้จะแนะนำตนเองอย่างไร เนื่องจากฐานะจำเป็นที่ได้รับจากไกรสรมันค้ำคอ และดูไม่ค่อยจะภูมิใจที่จะเรียกได้อย่างเต็มปาก

    อ่อ ก็เพิ่งวันนี้ล่ะค่ะ...สาวผิวน้ำผึ้งตอบอย่างขอไปที ทำให้นภางค์พยักหน้าหงึกหงัก พยายามเข้าใจว่า คงเป็นใครอีกคนที่เข้ามาดูแลบ้าน ดูแลสวนเหมือนบุคคลทั่วๆไปที่พ่อสรรหา สับเปลี่ยนไปเรื่อยๆกระมัง

    ดิฉันชื่อ อนุชค่ะหญิงสาวแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้ม หากแต่คนฟังกลับเริ่มมีอาการ กระตุกเล็กน้อยเพราะรู้สึกคุ้นเคยชื่อนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง

    ดิฉัน นภางค์ค่ะ...เป็น...

    คนสำคัญของฉันจู่ๆก็มีสิตางศุ์เดินอาดๆเข้ามากอดเอวนภางค์ไว้อย่างหวงๆ เท่านั้นยังไม่พอเขากลับหอมแก้มแรงๆต่อหน้าอนุชชวนให้เธออึ้งกิมกี่ไปโดยปริยาย ขณะที่นภางค์ถึงกับทำตาโตด้วยความตกใจในมุขประหลาดของพี่สาวที่มาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ท่าทางอันสนิทสนมกลมเกลียว แถมรอยยิ้มเต็มไปด้วยความเอื้ออาทร
    ความห่วงใยที่มีให้กัน ประกอบกับเค้าโครงใบหน้าของสิตางศุ์มีเค้าโครงใบหน้าเหมือนพ่อ หากแต่นภางค์เป็นเด็กสาวที่มีใบหน้าอ่อนหวานจิ้มลิ้ม ...ชนิดที่ว่าถ้าจะหาคนเปรียบ เธอก็ไม่รู้จะหาต้นแบบจากใคร เพราะนับตั้งแต่วินาทีที่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ เธอพบคนที่มีอำนาจสูงสุดภายในบ้านแค่ไกรสร สันติวงศ์คนเดียวเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เธอนำมาสนับสนุนความคิดของเธอ ว่าคนสำคัญของสิตางศุ์ก็คือ คนรักใหม่จริงๆ

    เมื่อคิดได้ดังนั้น อนุชก็รู้สึกร้อนผ่าวบริเวณขอบตาด้วยความน้อยใจทันที เธอพยายามกลืนก้อนความเสียใจให้ไหลย้อนลงสู่อกด้วยความเจ็บปวด ...เสียแรงที่เธอตั้งใจจะมาหาเขาด้วยรัก...ด้วยความคิดถึง...หากแต่สิตางศุ์กลับมีคนใหม่มาดูแลหัวใจแทนที่เธอไปเสียแล้ว

    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณนภางค์หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่ว อารมณ์สดใสที่พยายามงัดขึ้นมาเมื่อครู่เลือนหายไปกับอากาศทันที ทำให้นภางค์ขมวดคิ้วขุ่น รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลระหว่างพี่สาวตนเองกับหญิงสาวที่ชื่ออนุชคนนี้

    เอ่อ เรียกฟ้าก็ได้ค่ะนภางค์พยายามปรับสีหน้ายิ้ม หวังจะทำลายบรรยากาศอึดอัดให้หายไปโดยไว หากแต่พี่สาวตัวดีของเธอกลับคว้าเอวบางเข้าไปกอดกระชับแสดงความเป็นเจ้าของหนักขึ้นกว่าเก่า

    ขอตัวนะคุณอนุช ฉันอยากจะพูดคุยจู๋จี่กับฟ้าตามลำพังน่ะ
    คำพูดเน้นๆของสิตางศุ์ พร้อมกับรอยกระตุกยิ้มที่มุมปาก สร้างบาดแผลกรีดลึกตรงหัวใจของเธอขึ้นเป็นทวี อนุชสบตากับคนรักด้วยความเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นภางศ์แสร้งยิ้มแต้ให้กับอนุชทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ
    ว่าสิตางศุ์ลากตัวเองเข้ามาเป็นไม้กันหมาอีกแล้ว

    คนเป็นน้องสาวถึงกับอดหมั่นไส้ไม่ได้ที่จะบิดเอวสิตางศุ์แรงๆทำให้เขาหน้าเหยไปด้วยความเจ็บ ก่อน

    จะรีบลากตัวนภางค์ออกมาจากจุดที่อนุชจ้องมองมาเพราะเกรงว่าแผนของเขาจะแตกเสียก่อน
    ทันทีที่อยู่ตามลำพังสองพี่น้อง นภางค์ก็พูดเสียงแหวขึ้นมาทันที

    บอกมาเดี๋ยวนี้นะ พี่อนุชเป็นใคร
    ช่างมันเถอะน่า พี่ยืมเราให้เขี่ยเค้าไปห่างๆพี่เป็นพอสิตางศุ์บอกเสียงเรียบ  
    หึๆ ไม่ตลกน่ะพี่ สายตาของพี่อนุชมองพี่มายิ่งกว่านั้น อย่าคิดว่าฟ้าดูไม่ออกนภางค์พยายามคาดคั้น
    ยัยนั่นมันจะมาเป็นแม่ใหม่ของพวกเราไง พี่ไม่ชอบหน้า เข้าใจมั้ยสิตางศุ์ไม่พูดเปล่า หากแต่รีบ

    สะบัดตัวหนีไปอีกทาง ทิ้งให้นภางค์ยืนอ้าปากหวออยู่อย่างนั้น

    ...พี่คนนั้นที่อายุห่างกับเธอไม่เท่าไหร่นั่นหรือที่จะมาเป็นแม่ ใหม่????...ไม่จริงใช่มั้ย

    มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลสักอย่างแน่ๆ...นภางค์พึมพำพลางมองตามหลังไวๆของพี่สาวด้วย

    แววตาคมกริบ เพราะเธอไม่เคยเห็นมุมของสิตางศุ์ที่มีแววตาฉายความเศร้าเพราะผู้หญิงมาก่อน แม้ว่าเขาจะมีเสน่ห์แรง ใบหน้าใสสะอาด สูงเพรียว มีสาวๆมาติดบ้าง คบเล่นๆแล้วจากไปบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยตกในอาการแบบนี้... แต่ผู้หญิงคนนี้ ทำให้พี่สาวของเธอมีอาการ...ทำไมกัน??

     

    สิตางศุ์ถอนหายใจแรงๆกับขวดเบียร์ขวดใหญ่สองขวด เขารินแล้วรินเล่าแล้วยกดื่มติดกันหลายๆครั้ง ยามนึกถึงภาพอนุชที่ย้อนกลับมาหา ตอกย้ำหัวใจว่าเขาไม่มีวันลืบเลือน แก้มใสของเขาเริ่มมีสีแดงระเรื่อปรากฏชัด อาการกลัดกลุ้มใจ ทำให้อนุชที่เดินเข้ามามองอาการสิตางศุ์อยู่ด้านหลังเริ่มมีอาการเป็นห่วง

    ใคร ป้าพิศหรือ? ส่งเบียร์ในตู้เย็นมาให้จันทร์อีกขวดหน่อยสิป้าสาวร่างสูงพูดเสียงยานคาง

    อนุชเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำผลไม้กล่องใหญ่มาตั้งไว้ข้างกายของคนรักแทน

    สิตางศุ์ชะงักไปทันทีก่อนจะเงยหน้ามองเห็นหญิงสาวภาพเลือนลาง รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ทำให้เขาพอจะจำได้ว่าเป็นอนุช ที่ยืนอยู่ใกล้ๆเขานั่นเอง

    อะไรวะ กูจะเอาเบียร์ หูตึงรึไงส่งน้ำผลไม้มาให้สิตางศุ์ว่าอย่างคนพาลด้วยถ้อยคำหยาบคายทำให้คนฟังสแลงหูเป็นอย่างยิ่ง หากแต่เธอกลับเป็นคนที่ข่มอารมณ์ความโกรธขึ้งที่ประ ทุขึ้นมาในอกไว้อย่างยิ่งยวด

    ดิฉันเห็นว่าเบียร์มันไม่ดีต่อสุขภาพน่ะค่ะ
    เป็นแม่รึไง!สิตางศุ์ทะลึ่งลุกขึ้นตวาดใส่อนุชด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
    เมาเกินไปแล้วนะ เบาๆลงบ้างได้มั้ยอนุชพูดเสียงอ่อน พยายามที่จะแย่งแก้วเบียร์ออกมาจากมือเรียว

    ขาว หากแต่เขากลับสะบัดมือออก จนแก้วเหวี่ยงแตกกระจายบนพื้น

    อนุชสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เธอพยายามจะก้าวเข้าไปห้ามไม่ให้สิตางศุ์ถอยหลังไปเหยียบเศษแก้ว แต่ก็ไม่ทัน เมื่อเขาร้องออกมาเสียงหลง พร้อมกับเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากฝ่าเท้า

    สิตางศุ์ทรุดลงไปกองกับพื้นทันที ปากร้องโอดโอยด้วยความเจ็บแสบ

    เดี๋ยวนุชดูให้นะอนุชมีอาการปากคอสั่น กำลังจะเดินไปดูแผลของสิตางศุ์ หากแต่เขากลับสะบัดตัว

    หนี สร่างเมาจากเมื่อครู่ไปโดยปริยาย

    ออกไป! นี่เธอยังทำให้ฉันเจ็บไม่พอใช่มั้ย จะมาตอกย้ำฉันให้แย่ถึงขนาดไหน อนุช!!!
    คนฟังถึงกับนิ่งอึ้งไปราวกับหิน ไม่กล้าขยับตัวไปแตะต้องเขาแม้แต่ปลายก้อย จนกระทั่ง...

    พี่จันทร์!!
    อนุชสะดุ้งเฮือกไปก่อนจะหันไปตามเสียง เธอเห็นว่านภางค์กำลังรีบถลาเข้ามาหาสิตางศุ์ด้วยความเป็นห่วง หนำซ้ำคนเจ็บยังยอมให้สาวหน้าตาจิ้มลิ้มแตะตัวโดยไม่มีปากเสียง ทำให้อนุชถึงกับเบือนหน้าหนีออกจากที่ตรงนั้นทันที

    พี่อนุช เดี๋ยวฟ้าวานเศษกวาดแก้วด้วยนะคะ! ฟ้าจะทำแผลให้พี่เขาเองนภางค์หันมาสั่งกำชับหญิงสาวอย่างรีบๆก่อนจะเข้ามาพยุงคนเมาออกมาอย่างเป็นห่วง

    ...นุชจะไม่มีทางจับตัวได้เหมือนเดิมใช่ไหม จันทร์...
    คำถามที่ผุดก้องในหัวสมองทำให้อนุชข่มตาลงด้วยความปวดร้าว พร้อมกับเสียงจากจิตใต้สำนึกที่พร่ำบอกตนเองว่าเขามีเจ้าของหัวใจคนใหม่แล้ว... แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ภาพความรัก ความทรงจำที่สวยงามระหว่างเขากับเธอ มันก็ผุดขึ้นมาตอกย้ำทำให้ไม่สามารถตัดใจได้

    เราจะทำยังไงต่อไปดี...
    สาวหน้าหวานพึมพำเสียงเครือ รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเป็นทวี เธอเฝ้าตามหาสิตางศุ์มานานแสนนาน พยายามรักษาตัวให้หาย หากแต่พอเธอกลับมา อะไรมันกลับไม่เป็นอย่างที่เธอวาดไว้เลยด้วยซ้ำ
    ...ยิ่งคิด...ยิ่งอึดอัดใจสุดจะบรรยาย...

    -


    __________________________________________

    ฝากด้วยนะ สำหรับนิยายเรื่องที่สอง คนที่ชอบความดุเดือน

    แรง ดราม่า อย่าลืมติดตามกันนะฮะ

    -

    +
    +

    -

    -


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×