คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [os] You Me, Yours Mine -- Kaihun
You Me, Yours Mine
가끔씩 나도 모르게 짜증이나 너를 향한 맘은 변하지 않았는데
บางทีฉันก็หงุดหงิดโดยที่ไม่รู้สาเหตุ แต่ความรู้สึกของฉันที่มีให้เธอนั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ
วันนั้นเป็นวันฝนตก อากาศข้างนอกไม่เป็นใจสำหรับคนอยากกินไอศกรีมวนิลาอย่างจงอินเลยแม้แต่น้อย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะยังไงจงอินก็สามารถพาตัวเองฝ่าเม็ดฝนมานั่งตัวชื้นตากแอร์อยู่ในร้านไอศกรีมที่ห้างใหญ่นี้ได้อยู่ดี
รสวนิลาที่ฟุ้งอยู่ในปากกำลังทำให้เขายิ้มกับสายฝนและตัวเอง ถ้าไม่นับว่าเขาสามารถนอนทั้งวัน การที่ฝนตกนี่ก็ดีเหมือนกัน เพราะมันทำให้เตียงของเขาน่านอนมากขึ้นสิบเท่า
ฝนข้างนอกยังตกสลับจังหวะไปเรื่อย และเมื่อไอศกรีมคำสุดท้ายเข้าปากเขา ฝนก็ยิ่งลงเม็ดกระทบหลังคาและกระจกใสของห้างจนเสียงดังเพิ่มขึ้น
อ่า…แต่การที่ฝนตกแล้วไม่ได้นอนนี่มันไม่ค่อยดีกับเขาจริงๆ
หลังจากที่ออกจากร้านไอศกรีมและมองผ่านไปข้างนอกแล้วเห็นว่าฝนยังตกหนักอยู่ สุดท้ายแล้วจงอินจึงต้องมาเดินรอบๆห้างใหญ่นี้อีกครั้ง
เขาอยากขึ้นไปดูหนัง แต่ด้วยความที่กำลังอิ่มและเขายังไม่ได้ดื่มกาแฟเลยซักถ้วย นั่นทำให้จงอินตัดสินใจเดินเล่นที่ชั้นหนึ่งนี้ไปก่อน
ขายาวเดินไปเรื่อยๆจนเกือบถึงประตูทางเข้าห้างที่สอง ตาคมมองไปยังกลุ่มคนเจ็ดแปดคนที่กำลังกรูกันเข้ามาในห้างแล้วแยกย้ายกันไปทั้งสองฝั่งซ้ายขวา
ใครคนหนึ่งที่มาจากกลุ่มคนเดินมองแขนเสื้อสองข้างตัวเองพลางทำหน้ามุ่ย จากนั้นเจ้าตัวจงยกแขนขึ้นแล้วก็สะบัดๆจนหยดน้ำกระเด็นโดนตัวคนที่กำลังเดินผ่านไปอย่างเขา
จงอินหยุดเดินอยู่ตรงนั้นพร้อมกับคนตัวขาวที่ชะงักการกระทำที่ทำให้ใครที่เขาไม่รู้จักกำลังจะตัวเปียกทันที
คนในแจ๊คเก็ตสีกรมท่าหยุดการสะบัดน้ำจากตนก่อนจะหันหน้ามาสบตากับจงอินพลางส่งยิ้มแหย่ๆให้เขา
“อะ เอ่อ…เซ..อ๊ะ ผมขอโทษครับ…
…คือ…ผมไม่ชอบให้ตัวเปียก เอ่อ ไม่ใช่นะ ผมหมายถึง ผมไม่ชอบตัวเปียกจนต้องรีบทำให้แขนเสื้อแห้งไวๆ…และ…ผมไม่ทันดูว่าคุณเดินผ่านมาพอดี ผมขอโทษครับ”
ตอนนั้นเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าเด็กมอปลายที่เดินมาทางเขาจะเป็นท้องฟ้าที่ทำให้เขาร่วงลง ไม่รู้เลยว่าต้องร่วงลงมาเหมือนเม็ดฝนที่กำลังตกมาจากฟ้าข้างนอกนั่น
แต่พอจงอินมองหยดน้ำสองหยดบนข้อมืออันมาจากคนที่หยุดเดินอยู่ข้างๆ ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่พูดขอโทษยาวเหยียดเมื่อครู่ไป
ตอนนั้นแหละ…
…ที่จงอินเห็นวิวรอบตัวเหมือนว่าเขากำลังจะร่วงลงจากพื้น
เซฮุนจะไปรู้ได้ไงว่าแค่วิ่งจากป้ายรถเมล์เข้าห้างแบบนี้จะทำให้เขาผมเปียกแบบนี้ นี่มันแย่กว่าการที่ร้านชานมหน้าโรงเรียนต้องปิดเพราะฝนตกแรงเกินไปซะอีก
เอามือขยี้หัวอยู่ตรงหน้าห้างจนพบว่าลมแรงจนทำให้กันสาดนั่นไม่สามารถบังฝนตอนนี้ได้อีกต่อไป เมื่อหลับตายืนถอนหายใจรับละอองฝนหนักๆนั้นอยู่สามสี่วินาที คนตัวขาวที่กำลังทำหน้ามุ่ยก็ตัดสินใจเดินผ่านประตูเข้าไปรับแอร์เย็นของห้างใหญ่นั้น
ยกแขนเสื้อเปียกชื้นขึ้นมาดูด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะเดินเลี้ยวขวาพลางสะบัดน้ำออกจากเสื้อของตน จนลืมไปว่าน้ำกระเด็นจากตัวเขาได้
ชายหนุ่มผมดำที่เขาเดินผ่านหยุดชะงักแล้วก้มลองมองแขนเปื้อนหยดน้ำของตัวเองที่มาจากเซฮุน คนตัวขาวเห็นดังนั้นจึงได้แต่เบิกตากว้างแล้วละล่ำละลักขอโทษคนที่อยู่ข้างๆ
จบประโยคตะกุกตะกักอย่างคนพูดไม่เก่งเสร็จแล้วจึงสบตากับคนที่เงยหน้าขึ้นมา ผู้ชายคนนั้นมองเขานิ่งๆ แต่ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ยังเห็นอยู่ดีว่าแววตานั้นอบอุ่น ผู้ชายหน้าตาดีคนนี้ดูเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ทำเพียงมองหน้าเขาต่ออย่างนิ่งๆ
เซฮุนโค้งตัวเพื่อแสดงความขอโทษก่อนจะทำท่าเดินออกไปจากตรงนั้นเพราะอีกคนไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน เสียงทุ้มของใครคนนั้นที่เซฮุนนึกชมว่าแววตาเขาสวยมากก็เอ่ยขึ้น
“เป็นแมวหรอ…”
“ครับ…เอ่อ…ไม่ใช่…
…ผมแค่ขานตอบว่าครับเฉยๆ แต่ผมไม่ใช่แมว”
“นายเหมือนลูกแมวที่กำลังสะบัดขนชะมัด”
ให้ตายสิ คนๆนี้เป็นคนประเภทไหนนะ ถึงได้มาทักคนที่ไม่รู้จักว่าเป็นแมวแบบนี้
“ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ”
“เลี้ยงไอศกรีมสิ…
…ฉันกำลังอยากกินไอศกรีมวนิลา”
? ….เดี๋ยวนะ?
นี่มันอะไรกัน!! น้ำสามหยดจากแขนเสื้อเขามันเลอะขนาดทำให้เขาต้องเสียเงินค่าไอศกรีมไถ่ความผิดเลยหรอไง
“ผมต้องเลี้ยงไอศกรีมคุณหรอ”
“ก็ถ้าอยากขอโทษ…”
“แต่ฝนกำลังตก”
“นายรีบกลับบ้าน?”
“ไม่มีใครกินไอศกรีมตอนฝนตกนี่ครับ”
“ฉันอยากกินไอศกรีมวนิลาสุดๆ”
โอเค ในเมื่อคนตรงหน้าไม่ได้เอ่ยประโยคที่ไปในทางเดียวกับเขาเลยแม้แต่นิด เขาก็ขอยอมแพ้ เลี้ยงก็เลี้ยง
“ผมจะเลี้ยงคุณแค่ถ้วยเดียวนะครับ”
“อ่า กินรสวนิลาหมดแล้วต่อด้วยช็อกโกแลตกัน”
ย่าห์ โอเซฮุนเกลียดการที่ตัวเปียกที่สุดเลย ให้ตาย
요즘 따라 내꺼인 듯 내꺼 아닌 내꺼 같은 너
ช่วงเวลาเหล่านี้ เหมือนกับว่าเธอเป็นของฉัน เหมือนเป็นของฉัน แต่มันไม่ใช่
니꺼인 듯 니꺼 아닌 니꺼 같은 나
เหมือนว่าฉันเป็นของเธอ เหมือนเป็นของเธอ แต่กลับไม่ใช่
“ทำไมพี่จงอินต้องกินแต่รสวนิลาด้วยอ่ะ”
“ก็มันอร่อย”
เซฮุนมองหน้าคนเป็นพี่ที่กำลังละเลียดไอศกรีมวนิลาถ้วยใหญ่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่เขาจะตักไอศกรีมมรสชาเขียวเข้าปากไปด้วยอีกคน
เป็นเดือนที่แล้วที่เขาได้มานั่งอย่างนี้กับรุ่นพี่คนเดิมคนนี้ เหตุผลเพราะอีกคนต้องการกินไอศกรีมในวันที่ฝนตกแค่นั้นเอง
ที่หาว่าเขาต้องเลี้ยงไอศกรีมอีกคนเพื่อไถ่โทษหน่ะใช่ที่ไหน ในเมื่อตอนที่ข้างนอกฝนหยุดตก แล้วไอศกรีมของทั้งสองหมดถ้วยทั้งคู่ ก็เป็นจงอินเองที่ออกเงินค่าไอศกรีมทั้งหมด แถมถ้วยของเซฮุนยังแพงกว่าไอศกรีมถ้วยเล็กของจงอินอีกต่างหาก
ความสนิทนี้มีเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนถ้วยไอศกรีมที่จงอินคอยแวะมารับเซฮุนไปกิน จนตอนนี้พวกเขาเลยกลายเป็นพี่น้องที่โคตรจะสนิทกันแบบสุดๆ
วันนี้พวกเขาทั้งสองนัดกันมาดูหนังโรแมนติกนอกกระแสกัน ตอนนี้เหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าที่หนังจะฉาย การมานั่งทานไอศครีมแบบนี้จึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับคนรักไอศครีมวนิลาแบบจงอิน และคนที่รักของหวานอย่างเซฮุน
มือหนาหยิบทิชชู่สะอาดของตนขึ้นมาแล้วเอื้อมไปเช็ดมุมปากที่เปื้อนไอศกรีมให้คนเป็นน้องที่ยืดตัวนั่งนิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“จะเข้าปีหนึ่งแล้วก็ยังกินเลอะ”
“ก็มีคนเช็ดให้ จะกลัวอะไร”
“เดี๋ยวเถอะ อีกหน่อยจะไม่เช็ดให้แบบนี้แล้ว”
“จะเช็ดให้แบบไหนหล่ะครับ”
การทำหน้าตาซื่อๆ พร้อมเอียงคอยิ้มโง่ๆ เป็นอะไรอย่างหนึ่งที่เซฮุนชอบเอาไปกวนจงอิน โดยที่คนตัวขาวไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าจงอินหมั่นเขี้ยวเจ้าตัวแค่ไหน
“จะใช้นี่เช็ดแทน”
นิ้วยาวของจงอินแตะลงที่ริมฝีปากของตนเบาๆเพื่อบอกว่าจะให้ริมฝีปากของตนแทนทิชชู่ และนี่เป็นการขู่ว่าหากคนตัวขาวตรงหน้ายังไม่เลิกกวนเขา เขาจะจับเจ้าตัวมาฟัดโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เซฮุนหน้าแดงแปร๊ดกับสายตาและยิ้มน้อยๆของจงอิน ให้ตายเถอะ จงอินพูดแบบนี้ต้องการจะไล่ต้อนเขาชัดๆ ทั้งๆที่รู้ว่าเขาจะไปไหนไม่รอดก็ยังจะทำ
เซฮุนอยากตีพี่จงอินที่สุดเลย
เมื่อล่วงเลยมาถึงเวลาของหนังที่พวกเขาจะดู มือใหญ่ก็จับจูงมือของเซฮุนเข้าไปนั่ง ในโรงหนังมีคนแค่ไม่ถึงยี่สิบคนอีกทั้งแถวหน้าของแถวเซฮุนก็มีคนนั่งแค่คนเดียวอยู่ที่สุดแถวของเก้าอี้ ซึ่งมันโคตรจะห่างไกลกัน เพราะเขากับจงอินนั่งอยู่ที่โซนตรงกลางเป๊ะๆ ส่วนหกแถวสุดท้ายข้างหลังเขานั้น มีเพียงคู่รักสองคู่ที่นั่งจู๋จี๋กันอยู่คนละฟากของแถวหลังสุด
เมื่อหนังเริ่มเล่นไปได้เกือบครึ่งเรื่อง ตอนที่เพื่อนพระเอกที่แอบรักนางเอกโดนยิงตายเพราะมารับกระสุนแทนพระเอกก็ทำให้เซฮุนต้องกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาของเขาออกไป
แต่ฉากที่หนังทำให้เห็นความหวังดีของเพื่อนพระเอกต่อทั้งนางเอกที่เขาแอบรักและต่อพระเอกที่เป็นเพื่อนที่ดีของเขาทำให้เซฮุนไม่สามารถไล่น้ำตาที่มันเยอะจนเกินไปได้ ได้แต่กัดปากไม่ทำเสียงสะอึกสะอื้นเสียงดังแบบคุณป้าข้างหน้าเท่านั้น
จงอินยิ้มขำให้กับรุ่นน้องก่อนจะขยับตัวนั่งให้ถูกท่าแล้วเอื้อมไปโอบให้เซฮุนเข้ามาพิงที่แผ่นอกของเขา
คนตัวขาวพิงอกของรุ่นพี่ที่กระชับกอดแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ เมื่อถึงฉากที่นางเอกร้องไห้คร่ำครวญตอนที่อ่านไดอารี่ของเพื่อนพระเอกจบ เซฮุนก็ต้องซุกหน้าลงไปกับอกอุ่นของจงอินจนได้
“เด็กขี้แย” จงอินเอ่ยกระซิบกับใบหูเล็กของคนที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“ก็มันน่าเศร้า” เอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาพลางเงยหน้าขึ้นจากอกของจงอินแล้วช้อนตาขึ้นมอง
เซฮุนอาจจะไม่รู้ตัวว่าฉากในหนังตอนนี้มันเป็นทุ่งหิมะสีขาวและมันทำให้โรงหนังสว่างพอที่จงอินจะเห็นใบหน้าน่ารักที่เปื้อนน้ำตานั้นได้ชัดเจน แววตาสีอ่อนกำลังทำให้จงอินหลง เหมือนวันนั้นที่เจอกับเซฮุนครั้งแรกไม่มีผิด
เซฮุนคงไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่จะเสียจูบได้ง่ายแค่ไหน แต่จงอินคิดว่าเขารู้
จงอินรู้ว่าเขาอยากจะจูบเซฮุนตอนนี้เหลือเกิน
ลมหายใจของคนเป็นพี่เข้ามาใกล้จนสอดประสานกับลมหายใจของเซฮุนในที่สุด เซฮุนรู้สึกเหมือนจะตายตอนที่สบสายตาอบอุ่นมั่นคงของจงอินในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ กว่าจะรู้ตัวว่าควรขืนตัวหนี ริมฝีปากนุ่มของเขาก็ถูกทาบทับลงมาด้วยริมฝีปากของจงอินเสียแล้ว
กลิ่นโคล่าจากน้ำแก้วใหญ่ข้างมือจงอินมีอยู่ในรสจูบของพวกเขา จงอินละเลียดริมฝีปากของคนข้างตัวด้วยความแผ่วเบา และเซฮุนก็ปล่อยให้จงอินเข้ามาชิมความหวานในโพลงปากอุ่นของตนจนจงอินรู้สึกว่าตนเป็นคนโลภที่ได้จูบเท่าไหร่ก็ไม่พอ
คนเป็นพี่ละริมฝีปากให้เซฮุนหอบหายใจเบาๆแล้วพิงลงที่แผ่นอกก่อนจะเชยปลายคางเล็กขึ้นมารับจูบใหม่โดยที่เซฮุนไม่ทันตั้งตัวอีกครั้ง
ลิ้นร้อนกวาดต้อนไปทั่วโพลงปากหวาน เรียกร้องให้เซฮุนตอบสนองจูบที่สองของพวกเขาครั้งนี้ ซึ่งมันก็เป็นที่น่าพอใจให้กับจงอินเมื่อสุดท้ายแล้ว ลิ้นเล็กของเซฮุนก็เข้ามาปัดป่ายเงอะๆงะๆในโพลงปากของเขาจนได้
เซฮุนรู้สึกได้ว่าหากจูบนี้หยุดลง เขาคงจะตายแน่ๆถ้าต้องออกจากโรงหนังไปมองหน้าจงอิน จงอินจะรู้ตัวไหมนะว่ากำลังทำอะไรอยู่ จะรู้ไหมนะว่าทำเซฮุนตัวเบาเหมือนลูกโป่งที่บรรจุแก๊สฮีเลียมและพร้อมจะลอยล่องไปได้เสมอ…
…จงอินอาจจะรู้ก็ได้ เพราเสียงหัวใจเต้นที่แผ่นอกของคนเป็นพี่ตอนที่ผละจูบออกมันดังเต้นระรัวแบบเขาไม่มีผิด
이게 무슨 사이인 건지 사실 헷갈려 무뚝뚝하게 굴지마
แล้วเราเป็นอะไรกันล่ะ? ฉันสับสนไปหมดแล้วล่ะ ไม่ต้องห่างฉันไปเลยนะ
연인인 듯 연인 아닌 연인 같은 너 나만 볼 듯 애매하게 날 대하는 너
เหมือนกับว่าเราเป็นแฟนกัน เหมือนเป็นอย่างนั้นแต่ไม่ใช่ เวลาเราเจอกัน สิ่งที่เธอทำให้ฉันมันคลุมเครือมากเลย
ความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงคำว่าพี่น้องเหมือนเดิมเรื่อยมา จนตอนนี้ที่เซฮุนกำลังเรียนปีหนึ่ง ความสัมพันธ์ของจงอินกับเขาก็ไม่ได้มีชื่อเรียกที่เปลี่ยนไปแต่อย่างใด
เซฮุนหาวหวอดหลังจาแปรงฟันแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ เสียงกุกกักในครัวตอนเช้าแบบนี้มีเพียงแค่จงอินเท่านั้นแหละที่ทำแบบนี้ทุกเช้า ร่างโปร่งของเซฮุนเดินเตาะแตะไปพิงกรอบประตูแอบดูคนเป็นพี่ที่กำลังทำเข้าผัดอยู่ด้วยรอยยิ้มเต็มแก้มใส
จงอินจัดการตักข้าวผัดไว้ที่จานใบใหญ่หลังจานั้นจึงหันกลับไปยังซิงค์ล้างจานเพื่อล้างกระทะ แต่ยังไม่ทันที่มือหนาจะเอื้อมไปหยิบฟองน้ำล้างจาน อ้อมกอดเล็กก็ถูกวาดรอบลำตัวของเขาเสียก่อน
จงอินหัวเราะน้อยๆให้กับความขี้อ้อนของเซฮุนที่เป็นแบบนี้อยู่ทุกเช้า และมันก็ทำให้เขาต้องห้ามใจเอาไว้มากๆที่จะต้องจับอีกคนมาฟัดหนักๆเสียก่อน
“ข้าวผัดน่ากินจังเลยครับ…ผมล้างจานให้นะ พี่จงอินไปนั่งรอเถอะครับ ทำอาหารมาเหนื่อยแล้ว”
“ไม่เป็นไรน่า…”
“ผมอยากช่วยนี่”
“แต่พี่อยากจูบเรามากกว่า”
พูดจบก็เปิดน้ำล้างมือไวๆแล้วหันกลับมาหาคนที่คลายอ้อมกอดถอยไปยืนอยู่ข้างหลัง เดินสาวเท้าเข้าไปหาแล้วยกคนเป็นน้องวางบนโต๊ะไม้กลางห้องครัวแล้วก้มลงไปมอบจูบให้ด้วยความอ่อนโยน
เซฮุนหอบหายใจเมื่อริมฝีปากของจงอินที่บรรจงจูบอย่างยาวนานผละออกไปแตะซ้ำๆที่ซอกคอของเขา มือหน้าสอดเข้าไปในเสื้อยืดนอนสีขาวแล้วลูบไล้ผิวเนียนด้วยความหลงใหล
เซฮุนใช้แขนเล็กเกี่ยวคอจงอินไว้อีกครั้งตอนที่จงอินเลิกทำรอยด้วยริมฝีปากที่ซอกคอสองข้างของเขาแล้วยืดตัวขึ้นมาดูดดึงริมฝีปากล่างของเขาซ้ำๆ
รสจูบของจงอินเป็นอะไรที่เซฮุนชอบที่สุด ปลายลิ้นร้อนที่หยอกล้อกับลิ้นของเขานั้นเป็นอะไรที่เซฮุนรู้สึกตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น
แม้ว่าจะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่การกระทำของทั้งคู่ก็เป็นที่รู้แก่ใจดีกับคนทั้งสอง จงอินไม่ได้ขอคบเป็นแฟนส่วนเซฮุนไม่ได้เรียกร้องอะไรนอกจากอ้อมกอดของจงอิน
อากาศเย็นแบบนี้ทำให้วันทั้งวันน่านอนอยู่ตลอดเวลาสำหรับจงอิน คนตัวสูงบิดขี้เกียจอยู่ที่โต๊ะเลคเชอร์มองนักศึกษาหลายคนที่เริ่มลุกจากโต๊ะไปนิ่งๆ ก่อนจะกดโทรศัพท์หาใครบางคนที่กำลังรอเขาอยู่
“พี่เลิกแล้วนะ”
[ผมอยู่ตรงสวนหย่อมรอนะครับ]
“โอเค อีกสี่นาที”
[ครับ!]
กดวางสายหลังจากได้ยินเสียงสดใสของเซฮุนตอบรับว่าจะอยู่ตรงไหน เอ่ยบอกลาลู่หานที่กำลังแก้โจทย์ที่อาจารย์ให้ตัวอย่างเมื่อครู่อยู่กับจื่อเทาแล้วจึงเดินออกมาหลังจากเพื่อนสนิททั้งคู่เงยหน้าขึ้นมาบอกลาแล้วก้มลงไปหาตัวเลขและตัวแปรในกระดาษใหม่
ขับรถวนมาถึงหน้าสวนหย่อมของคณะนิเทศแล้วจึงชะลอรถช้าลงเรื่อยๆจนกลายเป็นจอดเข้าเทียบตรงฟุตบาธ ตาคมสอดสายตามองหาเซฮุนอยู่นานสองนาน แล้วจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะกดโทรหา แต่ยังไม่ทันที่จะได้ต่อสาย ร่างโปร่งที่เขาคุ้นตาก็เดินจูงมือมากับคนตัวสูงที่รถก่อน
จงอินเลื่อนกระจกลงเพื่อให้เซฮุนมองเห็น ยกยิ้มให้กับเซฮุนที่ตอนนี้กำลังยิ้มน่ารักเหมือนเคยมาให้เขา แต่จงอินก็อดไม่ได้ที่จะมองมือของคนตัวขาวที่ถูกกุมไว้ด้วยใครอีกคนที่เขาเคยเห็นหน้าแค่ไม่กี่ครั้ง
“เรากลับละนะชานยอล”
“อื้อ บายบ่าย เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“ครับ! อย่าลืมที่สัญญาว่าจะเลี้ยงชานมหล่ะ อุตส่าห์ช่วย”
“รู้แล้วน่า”
จงอินไม่ได้พูดอะไรตอนเซฮุนเข้ามานั่งที่เบาะข้างคนขับ ใจจริงอยากจะถามเหลือเกินว่าเด็กตัวสูงที่เซฮุนเดินจับมือถือแขนมานั้นเป็นใคร แต่เมื่อเซฮุนไม่ได้ทำตัวมีท่าทางผิดปกติไปจากทุกวัน จงอินจะขอคิดเอาแล้วกันว่าเด็กนั่นเป็นแค่เพื่อน
แต่ดูเหมือนว่าจงอินนั้นจะคิดผิด เพราะเมื่ออาบน้ำทานข้าวเสร็จแล้ว แทนที่เซฮุนจะไปนั่งดูโทรทัศน์กับเขาเหมือนอย่างเคย แต่คนเป็นน้องกับผลุบหายเข้าไปนอนเล่นมือถือด้วยท่าทางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เสียอย่างนั้น
มือหนากดปิดโทรทัศน์เมื่อเห็นว่ารายการตรงหน้าไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขามากกว่าคนตัวขาวที่หายเข้าไปในห้องแต่อย่างใด ยืดตัวลุกเต็มความสูงก่อนจะไล่ปิดไฟแล้วเปิดประตูห้องนอนเข้าไปหาคนที่อยู่บนเตียง
“คุยกับใครหน่ะ ไม่ยอมวางมือถือเลย”
“ชานยอลหน่ะครับ คนเมื่อตอนเย็นไง” เซฮุนเอ่ยตอบกลับมาโดยไม่ละสายตามือถือออกจากโทรศัพท์ คิมจงอินเห็นดังนั้นจึงสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกันพลางนอนหันหลังให้
ไม่บ่อยนักที่เขาจะแสดงออกว่าไม่พอใจ และก็ไม่บ่อยนักที่เซฮุนจะอ่านท่าทางที่จื่อเทาเรียกว่างอนของเขาออก แต่ช่างมันเถอะ ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย
너 요즘 너 별로야 너 별로야 나 근데 난 너뿐이야 난 너뿐이야
ในช่วงเวลาเหล่านี้น่ะ ฉันไม่ชอบเธอเลยนะ ไม่ชอบเลย แต่ว่าฉันมีแค่เธอ มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นนะ
분명하게 내게 선을 그어줘 자꾸 뒤로 빼지 말고 날 사랑한다 고백해 줘
ขีดเส้นให้ฉันอย่างชัดเจนเลยสิ อย่าผลักฉันออกไปแต่ช่วยสารภาพความรักในใจของเธอให้ฉันได้ยินสิ
เซฮุนไม่รู้ว่าเพราะอะไรจงอินถึงได้เย็นชาใส่เขาแบบนี้มาสามสี่วันแล้ว คุยกันหลังจากเลิกเรียนแทบจะนับคำได้ แถมยังเป็นแค่เซฮุนคนเดียวซะอีกที่ชวนคนเป็นพี่คุย
“เซฮุน วันนี้ให้ไปส่งไหม คอนโดของคยองซูอยู่แถวเดียวกับคอนโดเซฮุนเลยนะ” ชานยอลเอ่ยถามเซฮุนระหว่างที่เจ้าตัวเก็บรวบรวมเอกสารยัดใส่กระเป๋า เซฮุนเอ่ยปฏิเสธไปเพราะวันนี้เขาไม่ได้จะกลับคอนโดตัวเอง
แรงสั่นครืดจากโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะเรียกความสนใจของเซฮุนได้ในทันที คนตัวขาวรีบคว้ามือถือมาดูเพราะนึกว่าเป็นสายเข้าจากจงอิน ซึ่งความจริงแล้วเป็นแค่ข้อความสั้นๆที่คนเป็นพี่ส่งมาให้เท่านั้น
Jongin Hyung now
วันนี้พี่กลับดึกนะ จะอยู่รอที่คอนโดพี่หรือกลับคอนโดเซฮุนก็ได้
ดูแลตัวเองดีๆ
เซฮุนถอนหายใจยาวแต่ไม่ได้บ่นอะไรออกมา ยกยิ้มใจดีให้กับรุ่นน้องอย่างคยองซูที่เป็นแฟนของชานยอลที่ยืนรอเพื่อตัวสูงของเขาอยู่ที่ประตูทางออก ก่อนจะพยักหน้าให้ชานยอลที่บอกลาเขาแล้วเดินไปหาคยองซู
กายบางมองมือถือที่นิ่งสนิทอยู่กับหน้าจอสีดำเพราะไม่ได้รับการใช้งาน ในใจหวังอยู่ลึกๆว่าจงอินจะเกิดเปลี่ยนใจไม่กลับดึกแล้วโทรเข้ามาใหม่เพื่อบอกให้เขาไปรออยู่ที่หน้าตึกเหมือนอย่างเคย แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นความจริงขึ้นมา เพราะหน้าจอมือถือของเซฮุนยังคงมืดสนิทอยู่อย่างนั้น
เซฮุนถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกมาจากห้องที่ตอนนี้เหลือนักศึกษาเพียงสามคนในนั้น ร่างบางเดินทอดน่องมาเรื่อยๆตามทางเดินโดยไม่รีบร้อน และเมื่อเดินลงบันไดมาถึงใต้อาคาร เซฮุนก็ยกยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นรถของจงอินที่ตนคุ้นตาจอดอยู่ที่เดิมที่คนเป็นพี่มักมารับเขา
สาวเท้าเดินเข้าไปพลางมองหาเจ้าของรถ แต่ยังไม่ทันไร รอยยิ้มที่เจ้าตัววาดเต็มแก้มก็ค่อยเจื่อนลง เมื่อพบว่านักศึกษาสองคนที่เดินแซงเขาไปนั้นคือคิมจงอินกับรุ่นพี่ปีสองที่เป็นดาวคณะของเขา ร่างบางหมุนตัวหันหลังกลับเพื่อเดินออกมาไม่ให้คนทั้งคู่สังเกตเห็น แต่ด้วยความชักช้าของตนที่เป็นอยู่ เสียงใสของคนที่เดินคู่มากับจงอินก็เอ่ยทักเขาจนได้
จงอินเห็นแผ่นหลังบางของเซฮุนตั้งแต่เขาเดินตามหลังเซฮุนมากับซูจีแล้ว อุตส่าห์ทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ลืมไปเสียสนิทว่าเซฮุนอาจจะเห็นรถเขาได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจจูงมือคู่ควงคนใหม่เดินเร็วขึ้นแล้วแซงคนตัวขาวตรงไปที่รถ โดยทำเหมือนคนเป็นน้องไม่มีตัวตน
แต่เพราะการที่ซูจีเอี้ยวตัวกลับไป นั่นเลยทำให้หญิงสาวพบเข้ากับคนตัวขาวที่กำลังเดินหนี แต่ด้วยความที่ไม่รู้ว่าจงอินกับเซฮุนกำลังมึนตึงกันอยู่จึงส่งเสียงใสทักรุ่นน้องที่ตนรู้จักออกไป
“เซฮุน! เราไปผับกับจงอินวันนี้ด้วยไหมหืม?”
เซฮุนมองหน้าซูจีกับจงอินสลับไปมาก่อนจะยกยิ้มแห้งๆให้กับซูจี แล้วจึงเอ่ยปากขอตัวออกมาโดยไม่ได้คุยกับจงอินแม้แต่คำเดียวท่ามกลางสายตางุนงงของหญิงสาว เพราะใครๆก็รู้ว่าจงอินกับเซฮุนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทและตัวติดกันจะตายไป แต่ทำไมวันนี้กลับทำเหมือนไม่รู้จักกันไปเสียอย่างนั้น
เซฮุนเดินเร็วๆไปที่ป้อมยามเพื่อรอขึ้นแท็กซี่ท่ามกลางความน้อยใจที่เพิ่มมากขึ้นทุกก้าวที่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
แม้ว่าเขาเคยคิด ว่าสักวันหนึ่งจะเป็นวันที่จงอินเลิกโอ๋เขาแล้วหันไปมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแบบจริงจัง แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วอย่างวันนี้ เพียงแค่จงอินเริ่มมีคู่ควงโดยที่เขาไม่รู้ แค่นี้ก็ทำให้เซฮุนเจ็บจนไม่รู้จะทำยังไงไปหมด
เซฮุนตัดสินใจจะกลับไปรอจงอินที่ห้องของคนเป็นพี่ เพราะได้ยินว่าจงอินนั้นจะไปผับ และมันเป็นความเคยชินของเซฮุนที่มักจะเป็นห่วงคนเป็นพี่ที่เมาอยู่เสมอ
จงอินตอนเมาหน่ะ ดูแลตัวเองได้ซะที่ไหน
เซฮุนเผลอหลับไปกับเสียงโทรทัศน์ที่ห้องนั่งเล่นเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงกุกกักหน้าประตูปลุกให้เขาลุกงัวเงียขึ้นมา เซฮุนบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปที่ประตูพร้อมถอนหายใจเมื่อคิดได้ว่าคงจะเป็นจงอินที่เมากลับมาแล้ว
เดินไปเปิดสวิตซ์ไฟเพื่อความสะดวก ก่อนร่างบางจะหยุดชะงักอยู่กับที่เมื่อพบภาพของคนเป็นพี่ที่เสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยเหลือเพียงเสื้อกล้ามสีดำตัวเดียว กำลังกอดจูบอยู่กับใครไม่รู้อยู่
ปากบางเผยอขึ้นเพื่อจะเรียกชื่อคนเป็นพี่แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเมื่อจงอินก้มลงไปซุกไซร้ซอกคอของหญิงสาวแปลกหน้า
เซฮุนกะพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาโดยที่เขาก็ไม่สามารถบอกเหตุผลได้ แต่แทนที่เขาจะหยุดร้องไห้ กลับกลายเป็นว่าร้องมากขึ้นจนหลุดเสียงสะอื้นจนทำให้คนทั้งสองที่กำลังนัวเนียกันหันมามอง
จงอินสบม่านตาสวยที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มร่างบางด้วยด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะทำเหมือนไม่สนใจอีกครั้ง แล้วหันกลับมาประกบจูบกับหญิงสาวตรงหน้าต่อ แต่เพียงแค่ได้ยินเสียงลากสลิปเปอร์ของคนเป็นน้องที่เดินถอยหลังออกไปช้าๆ จงอินก็ต้องผละตัวเองออกห่างจากหญิงสาวสวยตรงหน้าออกมา ก่อนจะรีบคว้าแขนเซฮุนให้เดินตามเข้าไปในห้องโดยที่ทิ้งหญิงสาวที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ไว้ข้างนอก
ดันคนเป็นน้องเข้าประตูไปก่อนจะล็อกประตูอย่างแน่นหนาแล้วหันกลับมาเท้าแขนกับผนังกักตัวคนที่กำลังใช้มือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้ อารมณ์แห่งความไม่พอใจและความอยากเอาชนะคนตัวขาวหายไปจนหมด ยามที่คนเป็นน้องก้มหน้าซ่อนน้ำตาพร้อมกับหัวไหล่ที่สั่นเทา
จงอินเอื้อมมือไปจับไหล่บางของเซฮุนที่สะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะดึงอีกคนเข้ามาในอ้อมกอดแล้วจูบขมับพลางลูบหลังปลอบ
“อะไรกัน เด็กขี้แย ร้องไห้อะไรเนี่ยหืม?”
คำพูดอ่อนโยนของจงอินยิ่งทำให้เซฮุนร้องไห้หนักกว่าเก่า แค่ตอนแรกที่เห็นจงอินกอดกายอยู่กับใครอีกคน น้ำตาแห่งความน้อยใจก็ไหลนองหน้าเขาไปหมด ยิ่งตอนที่จงอินหันมาหาเขาแล้วทำเหมือนไม่สนใจยิ่งทำให้เซฮุนรู้สึกเจ็บตรงที่อกซ้ายมากไปอีก แต่สุดท้ายแล้ว กำแพงความอดทนของเซฮุนก็มีจุดอ่อนอยู่ที่สัมผัสของจงอินที่เขาคิดถึงตลอดเวลาที่คนเป็นพี่ทำเย็นชาใส่
ใช้เวลากว่าสิบนาทีกว่าเซฮุนจะหยุดร้องไห้แบบสะอึกสะอื้นได้ จงอินพาอีกคนเดินไปที่เตียงนอนของเขาก่อนจะกอดให้อีกคนที่เพิ่งหยุดร้องไห้ล้มตัวลงมานอนด้วยกัน
เซฮุนฝังหน้าลงกับหมอนโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองตาจงอินที่มองใบหน้าแดงก่ำเพราะการร้องไห้ของเจ้าตัวโดยไม่วางตา ก่อนมือหนาจะเอื้อมมาเชยคางเล็กของคนเป็นน้องเพื่อมองหน้าที่ยังมีคราบน้ำตาและจมูกแดงเรื่อของเซฮุน
“เป็นอะไรครับคนดี ไหนบอกซิ”
“…”
“จะไม่พูดกับพี่แล้วจริงๆหรอ?” จงอินเอ่ยถามพร้อมก้มลงใช้จมูกของตนช้อนจมูกของคนเป็นน้องราวกับจะออดอ้อน ก่อนเสียงสั่นที่แผ่วเบาของเซฮุนจะเอ่ยออกมาพร้อมกับน้ำตาของเจ้าตัวที่ทำท่าจะไหลอีกหน
“มะ…ไม่รักกันแล้วไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย ฮึก…
…บอกผมดีๆสิ…ผมจะไม่กวนใจพี่ ฮึก แค่พี่บอกผมดีๆ
ทำไมถึงทำแบบนี้หล่ะ…ผมหน่ะ..อือ”
คำพูดตัดพ้อแสดงความน้อยใจของเซฮุนถูกหยุดเอาไว้ด้วยริมฝีปากอุ่นของจงอิน กายสูงขยับเข้าไปหาอีกคนพร้อมทั้งกอดกระชับเอวให้เซฮุนเข้าใกล้ตัวในเวลาเดียวกัน ลิ้นร้อนเกี่ยวไล่ลิ้นเล็กของเซฮุน ก่อนจะผละออกมาไล้เลียและดูดดึงกลีบบางปากของอีกคนอยู่นานสองนานราวกับจะปลอบเด็กขี้แย ก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอดจมอกและเอ่ยขอโทษและบอกรักอยู่ข้างหูเซฮุนซ้ำๆ
“ใครว่าพี่ไม่รัก…พี่รักเราจนกลายเป็นคนงี่เง่าไปแล้วตอนนี้
“…พี่ขอโทษครับคนดี…พี่ขอโทษ…
จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว…พี่สัญญา…”
“พี่จงอินโกรธอะไรเซฮุน…บอกได้ไหม?” คนเป็นน้องผละออกมาจากอกอุ่นของจงอินก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนเป็นพี่ที่ตอนนี้กำลังรู้สึกว่าตัวเองนั้นโง่เหลือเกินที่ปล่อยให้เรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้เขาทำตัวงี่เง่าจนเซฮุนต้องเสียน้ำตา
“พี่แค่น้อยใจเราวันนั้นที่เราเอาแต่สนใจชานยอล…พี่ขอโทษนะ พี่งี่เง่าเอง” เซฮุนพยักหน้าตอบรับด้วยความว่าง่ายและความโล่งใจก่อนจะขยับตัวเข้ามาซุกอกจงอินพลางกดจูบไปบนต้นคอของเขาที่อยู่เหนือคอเสื้อกล้าม
“วันหลังเซฮุนก็จะไม่สนใจคนอื่นจนทำให้พี่จงอินเป็นแบบนี้อีก บอกเซฮุนนะถ้าพี่จงอินไม่ชอบให้ทำอะไร เซฮุนจะไม่ทำอีกแล้ว แต่อย่าทำเหมือนไม่รักกันเลยนะ…
…ถ้าพี่จงอินจะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าไม่รักผมเลยนะ”
ประโยคอ้อนวอนของคนเป็นน้องทำให้คนมีความผิดอย่างจงอินใจอ่อนราวกับขี้ผึ้งลนไฟให้กับความน่ารักของเซฮุน มือหนาประคองใบหน้าหวานขึ้นมารับจูบลึกซึ้งราวกับจะสื่อความหมายอีกครั้ง ก่อนจะจูบซับไปทั่วใบหน้าและซอกคอหอมกรุ่นของคนเป็นน้อง
จงอินละใบหน้าออกมามองหน้าคนที่ช้อนตามองเขาตาใสราวกับจะรอคำตอบจากเขา ก่อนที่จงอินจะยกยิ้มแล้วเอ่ยประโยคที่เซฮุนคิดว่าอยากจะฟังมาตลอดออกมา
“เป็นแฟนกับพี่…ได้ไหมครับ”
คนเป็นน้องที่น้ำตารื้นขึ้นมาอีกหนพยักหน้าให้จงอินซ้ำๆก่อนจะเป็นฝ่ายเข้ามากดจูบที่ริมฝีปากของจงอินแล้วกระซิบคำว่ารักชิดริมฝีปากในลมหายใจเดียวกัน
“ผมรักพี่จงอิน”
“พี่ก็รักเซฮุน และจะไม่มีวันไม่รักด้วย”
“ผมรักพี่มากที่สุดเลย”
“พี่ก็รักเรา”
.
.
.
คำบอกรักของคนทั้งสองคนถูกเอ่ยแผ่วเบาซ้ำๆทั้งคืนจนมันกล่อมให้ทั้งจงอินและเซฮุนหลับไปพร้อมกับคำว่ารักในอ้อมกอดของกันและกัน ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือถูกทำให้เด่นชัดด้วยคำพูดและการกระทำของคนทั้งสองหลังจากที่เดาความรู้สึกหรือคิดไปเองอยู่คนเดียว
♡
@12marc_
ความคิดเห็น