ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    OS/SF Love, Love, Love

    ลำดับตอนที่ #1 : [os] I do love you -- chanbaek

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 58


    CR.SQW




















     

    I do love you

    CHANBAEK

     

     

     

     

     

     

     

     

                การแอบรักนั้นยากแค่ไหน

    ต้องใช้เวลานานรึเปล่า

     

    แบคฮยอนรักลมร้อนของวันนี้ เพราอย่างน้อยมันก็ไม่ได้ทำให้เขาหดหู่เหมือนฝนที่ตกมาตลอดสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ร่างเล็กจ้องมองรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินของตนตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้ามายิ้มให้กับเด็กน้อยที่วิ่งเล่นรอบๆชิงช้าที่อยู่ไม่ห่างจากเขา

     

                คนตัวเล็กล้วงเอาอมยิ้มออกมาแล้วแกะลูกน้ำตาลกลมเขาปากเหมือนอย่างเคย ก่อนจะกวาดสายตามองไปยังม้านั่งยาวอีกตัวที่อยู่อีกฟากของสวนสาธารณะ

     

                เวลาแห่งการรอคอยไม่ได้นานเกินไป เมื่อร่างสูงของใครบางคนเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งตรงนั้น พร้อมกับกระดานวาดภาพในมือ

     

                ชานยอลโบกมือทักทายให้เด็กกลุ่มเดียวกันที่เล่นอยู่ตรงชิงช้านั้น ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้แบคฮยอนที่ยกหนังสือการ์ตูนมาบังหน้าตนไว้เสียครึ่ง คนตัวเล็กลดระดับหนังสือของตนลงก่อนจะส่งยิ้มบางกลับไปแล้วก้มหน้างุดลงไปเหมือนเดิม

     

                หนึ่งปีแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มๆที่แบคฮยอนแอบรักชานยอลเพื่อนห้องเรียนข้างๆของตน

     

                ตอนแรกเป็นแค่การแอบมอง หลังๆเริ่มมาเป็นการแอบชอบ จนตอนนี้แบคฮยอนก็ตกหลุมรักชานยอลไปแบบถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว

    แบคฮยอนแทบจะไม่เคยคุยกับชานยอล ไม่ว่าที่โรงเรียนหรือเวลาเจอกันที่ไหน การสนทนาที่ยาวที่สุดของเขาทั้งสองคนเท่าที่แบคฮยอนจำได้คือเมื่อตอนที่เขาทั้งสองคนบังเอิญเจอกันระหว่างทางกลับบ้านและชานยอลอวดว่าผลงานศิลปะของตนถูกคัดให้ไปจัดในงานนิทรรศการของหอศิลป์ ซึ่งแน่นอนวันต่อมาแบคฮยอนก็รีบไปซื้อตั๋วเข้าไปดูนิทรรศการตั้งแต่หอศิลป์เปิดทำการ

     

                ส่วนมากที่แบคฮยอนรู้จักชานยอลก็คือการสอบถามผ่านลูกพี่ลูกน้องของตนอย่างเด็กโอเซฮุนนั่นตลอดมา รายนั้นเป็นน้องรหัสของชานยอลที่โรงเรียนเลยมักจะมีเรื่องคนตัวสูงมาให้แบคฮยอนแกล้งถามอยู่เสมอ แต่พอตอนครึ่งปีแห่งการแอบชอบของเขา แบคฮยอนดันมีเรื่องให้จำเป็นต้องสารภาพว่าเขากำลังแอบชอบพี่รหัสของเซฮุนเสียจนได้

     

                แบคฮยอนกำลังบ่นว่าเมื่อยอยู่ในใจเพราะตนนั้นต้องก้มๆเงยๆเพื่อมองคนตัวสูงและมองหน้าหนังสือการ์ตูนไปในเวลาเดียวกัน พอดีกับที่ชานยอลยืดตัวลุกขึ้นแล้วโบกมือลาก่อนที่แบคฮยอนจะก้มลงอ่านการ์ตูนได้ทัน

     

                เห็นแบบนั้นจึงโบกมือกลับไปเบาๆพลางส่งยิ้มให้แล้วเฝ้ามองแผ่นหลังกว้างนั้นห่างออกไปเรื่อยๆ

     

                แบคฮยอนนึกว่ามันจะหาย นึกว่าเขาจะเลิกชอบชานยอลไปเองหลังจากเวลาผ่านไป

                จริงๆแล้วมันไม่เคยเป็นไปแบบที่เขาคิดเลย ความรู้สึกที่มันควรจะหายไปกลับมีมากขึ้นทุกวัน

                และการตัดใจของเขาล้มเหลวทุกครั้ง

                เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของชานยอล

     

     

     

     

     

     

               

    มันไม่เห็นจะดีต่อคนแอบชอบซักนิด

                การต้องรู้สึกอยู่แค่ฝ่ายเดียวหน่ะไม่เห็นจะดีซักนิดเลย

     

     

                แบคฮยอนนั่งอยู่ตรงโต๊ะติดหน้าต่างของห้องสมุด คนตัวเล็กเฝ้ามองลงไปยังกลุ่มคนตรงม้านั่งที่กำลังนั่งมองหนุ่มป๊อปของโรงเรียนเล่นกีตาร์ให้กับสมาชิกชมรมของตนอยู่

     

                ชานยอลในชุดพละกำลังลงนิ้วบนสายกีตาร์เป็นเพลงเพราะๆร่วมกับเพื่อนในวงดนตรีของชมรมเพื่อเป็นทำนองให้กับนักร้องหน้าตาน่ารักแบบฮานิอยู่

     

                เสียงกรี๊ดดังขึ้นแบบที่แบคฮยอนไม่แปลกใจเมื่อท่อนร้องของเด็กสาวถูกสลับเป็นท่อนแร็ปของชานยอล

     

                ให้ตายเถอะ

                แค่ชานยอลอยู่เฉยๆนั่นก็ทำให้ใจแบคฮยอนเต้นผิดจังหวะได้ง่ายๆอยู่แล้ว แล้วยิ่งมาทำแบบนี้….

                นี่มันมากไปแล้ว เขาจะชอบชานยอลมากเกินไปแล้ว

     

                โดดลงไปเลยไหมหื้มน้ำเสียงกวนๆของคิมจงอินเพื่อนสนิทดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเขา พลางมองลงไปที่ชานยอลข้างล่าง

     

                แบคฮยอนถอนหายใจก่อนจะละสายตาออกมาแล้วมองหน้าเพื่อนสนิทที่อยู่ตรงข้ามตนที่กำลังเอียงคอยิ้มกวนๆให้อยู่

     

                โดดลงไปคงตายแน่

     

                “ตายเพราะหัวแตกหรือตายเพราะชานยอลหล่ะ ฮ่ะๆๆโอ้ย เอะอะก็ตีเอาตีเอา

     

                “ก็จงอินกวนพูดพลางหันกลับไปยังข้างล่างอีกครั้งเพื่อมองชานยอลต่อไปเรื่อยๆ จงอินที่เห็นดังนั้นจึงเอ่ยถามเพื่อนสนิทตรงหน้าเขาที่กำลังซ่อนยิ้มโง่ๆของตนอยู่

     

                มันเป็นคำถามแบบเดิมทุกครั้ง

                และคำตอบที่แบคฮยอนตอบก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย

     

                ไม่คิดจะบอกออกไปหน่อยหรอ

     

                ไม่

     

                “นี่แบคฮยอน

                …ไม่คิดว่านี่มันไม่ยุติธรรมบ้างหรอเสียงทุ้มของจงอินเอ่ยคำถามที่ทำให้แบคฮยอนขมวดคิ้วแล้วหันมาสบตากับเพื่อนสนิทที่อยู่ตรงข้ามอีกครั้ง

     

                อะไรไม่ยุติธรรม?”

     

                “ความรู้สึกไง…”

     

                “…”

     

                “ไม่รู้สึกว่ามันแย่บ้างหรอที่มีแต่เราเป็นคนรู้สึกอยู่แค่คนเดียว

                …ไม่คิดจะแบ่งความรู้สึกไปให้ใครอีกคนบ้างหรอ? ทำไมไม่คิดว่าเขาต้องรับผิดชอบบ้างหล่ะ?”

     

                ความเงียบของห้องสมุดเป็นสิ่งเดียวที่เสียงดังที่สุดในตอนนี้ แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรออกไป ส่วนจงอินนั้นแค่ตั้งใจจะโยนคำถามมาให้อีกคนได้คิดเท่านั้น เพื่อนสนิทตัวสูงยังคงนั่งมองเขานิ่งๆด้วยท่าทีสบายๆไม่ได้ทำเหมือนกดดันเร่งรัดเอาคำตอบแต่อย่างใด

     

                ที่จงอินถาม ไม่ใช่ว่าแบคฮยอนไม่เคยคิด

     

                เขาไม่ปฏิเสธว่าส่วนลึกๆในหัวใจจะไม่รู้สึกเหนื่อยกับการที่เขาทำตัวเองเป็นคนแอบชอบอยู่

     

                ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีใครไปสารภาพรักกับชานยอล ตรงกันข้ามเสียอีก คนแทบจะครึ่งโรงเรียนทั้งชายหญิง รุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือแม้แต่เพื่อนในชมรมบางคนก็ทำใจกล้าไปบอกชอบชานยอลแล้วทั้งนั้น

     

                บางคนโชคดีก็อาจจะได้ควงกับชานยอลอยู่วันสองวัน แต่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง คือการที่ชานยอลมีแฟนเพราะมีคนมาสารภาพรัก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าชานยอลไม่ได้มีชีวิตเพื่อรองรับความรู้สึกของทุกคน

     

                เด็กสาวที่ชานยอลเรียกว่าแฟนนั้น เท่าที่รู้จักเคยมีอยู่แค่คนเดียวนั่นคือมิกิที่อยู่ห้องเดียวกับคนตัวสูง แม้ว่าตอนนี้ทั้งคู่จะไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว แต่ชานยอลก็ยังคอยเทกแคร์อีกคนอยู่ไม่ห่าง แถมแฟนคลับของทั้งคู่กว่าครึ่งโรงเรียนก็เชียร์ให้ทั้งคู่กลับมาคบกัน

     

                การที่จงอินพูดมานั้นก็ถูก มันโคตรจะไม่แฟร์เลยที่เป็นแค่แบคฮยอนรู้สึกและเอาแต่เพ้อถึงชานยอลอยู่แค่ฝ่ายเดียว แอบน้อยใจอยู่คนเดียว แอบมองอยู่คนเดียว แอบรักอยู่คนเดียว ทั้งๆที่เขาสามารถเดินเข้าไปแล้วตะโกนบอกรักใส่หน้าอีกคนหนึ่งได้ แต่แบคฮยอนก็เลือกที่จะไม่ทำ

     

                ไม่ใช่ว่าเขากลัวความผิดหวัง หรือกลัวการถูกปฏิเสธ แต่แบคฮยอนชอบที่จะอยู่กับการแอบรักนี่ต่างหาก

     

                มันก็ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย แบคฮยอนไม่ได้แอบรักเพราะอยากให้ชานยอลรักกลับนะ เขาแอบรักเพราะอยากรักชานยอลต่างหาก

     

                ไม่เห็นเป็นไรเลยจงอิน

                มันไม่ได้สำคัญซักหน่อยว่าเรารู้สึกอยู่แค่คนเดียว…”

     

                “มันอยู่ที่ว่าได้รู้สึกรักแล้วต่างหาก

     

     

     

     

     

     

                ระยะทางระหว่างเรากับคนที่เราแอบรักมักไกลเสมอ

                ไม่สิมันไม่มีทางด้วยซ้ำ

     

     

                งานโรงเรียนปีนี้มีการจัดนิทรรศการของแผนกการเรียนสายศิลปะ แน่นอน ชานยอลก็เป็นหนึ่งในนักเรียนที่ส่งผลงานเข้าประกวดมากเป็นพิเศษกว่าคนอื่นและก็ได้รับเลือให้จัดแสดงได้อีกด้วย แถมชานยอลยังร่วมแสดงมินิคอนเสริร์ตของโรงเรียนอีกต่างหาก เพราะเหตุนั้น กล้องถ่ายรูปตัวเก่งของแบคฮยอนจึงถูกอีกคนหยิบออกมาปัดฝุ่น

     

                คนตัวเล็กที่เอากล้องมาลูบๆคลำๆอยู่นานสองนานทอดตัวนอนลงบนโซฟาก่อนจะผุดลุกขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกอยากกินคาราเมลลาเต้สักแก้ว

     

                แบคฮยอนเดินออกจากบ้านแล้วหันไปปิดประตูรั้วจนเรียบร้อย ร่างเล็กเดินมาเรื่อยๆเพื่อออกไปยังปากซอย และไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีได้ไหม เมื่อตอนที่แบคฮยอนเลี้ยวออกมาที่หัวมุมถนน ก็บังเอิญพบกับใครบางคนที่เดินไปทางเดียวกับเขาด้วย

     

                ไงแบคฮยอน แดดร้อนแบบนี้กำลังจะออกไปไหนหรอ?” ชานยอลที่สะพายกีตาร์ไว้บนบ่าในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวสีเทายิ้มกว้าง ก่อนจะกล่าวทักทายแบคฮยอนที่ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างไม่มีเหตุผล

     

                อ่า ว่าจะไปซื้อกาแฟหน่ะ แล้วชานยอลหล่ะ กำลังไปไหน

     

                “เพิ่งกลับมาจากบ้านเพื่อนหน่ะ แต่เปลี่ยนใจไม่เข้าบ้าน เดินย้อนออกมาจะไปซื้อกาแฟเหมือนกัน

     

                แบคฮยอนไม่รู้ว่าชวนคนตัวสูงที่เดินอยู่ข้างๆคุยอะไรดี ไม่สิ ตอนนี้จะให้แบคฮยอนทำตัวยังไงเขาแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำ

                มันมักจะเป็นแบบนี้เสมอไม่ว่าตอนไหนหรือสถานการณ์ใด แบคฮยอนมักจะทำให้ความอึดอัดคลอบคลุมพวกเขาเสมอ แต่ก่อนที่ความคิดของร่างเล็กจะจมกับตัวเองไปมากกว่านี้ สัมผัสเบาๆบนกลุ่มผมของแบคฮยอนก็ทำให้เจ้าตัวหยุดชะงักฝีเท้าจนนิ่งสนิท

     

                เอื้อมมือเล็กจับปีกหมวกแก็ปสีเทาที่อีกคนเพิ่งจะสวมให้เขาด้วยความงุนงง ก่อนใบหน้าหน้ารักจะเงยขึ้นสบตากับชานยอลที่หยุดเดินไปพร้อมเขา ชานยอลที่เหมือนจะรู้ว่าเขากำลังงงสุดขีดยกยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่แบคฮยอนแสนหลงรัก พร้อมกับก้มตัวมาวางมือใหญ่ไว้บนหัวเขา

     

                แดดมันร้อนนะสิ้นคำพูดของชานยอลแบคฮยอนก็รู้สึกได้เลยว่า แดดที่คนตัวสูงบอกว่าร้อนนั้นร้อนไม่เท่าแก้มของเขาตอนนี้หรอก

     

                “แต่นี่ของชานยอล

     

                “ฉันไม่ร้อนหรอก แบคฮยอนสิน่าเป็นห่วง ดูสิ หน้าแดงไปหมดแล้ว

     

                คนตัวเล็ยกมือตะบบแก้มของตนอย่างแรง ก่อนจะหันมาหัวเราะแห้งๆให้กับชานยอลที่อมยิ้มอยู่ ให้ตาย แบคฮยอนต้องตายจริงๆแน่ ถ้าเกิดว่าชานยอลไม่ยอมยื่นหน้ากลับไป

     

                ขอบคุณมากนะชานยอล ดะเดินกันต่อเถอะ มันร้อน ห้ะๆ

     

                “อื้อ ไปสิคนตัวสูงพูดพลางยืดตัวตรงแล้วละมือออกจากศีรษะเล็ก แบคฮยอนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มออกเดินไปเป็นคนแรก โดยชานยอลก็ก้าวตามมาข้างๆ

     

                แบคฮยอนไม่อยากยอมรับเลย ว่าถึงแม้จะต้องอยู่กลางแดด เขาก็ยังอยากจะหยุดเวลาเมื่อกี้ไว้อยู่ดีถ้าทำได้

     

                เด็กหนุ่มสองคนใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงร้านกาแฟเล็กๆหน้าหมู่บ้าน แบคฮยอนเดินไปบอกพนักงานว่าขอคาราเมลลาเต้อย่างที่ตนอยากกินตั้งแต่อยู่บ้าน ส่วนชานยอลนั้นสั่งชาเขียวนมปั่นมา

     

                ชานยอลพาแบคฮยอนมานั่งที่โต๊ะติดริมหน้าต่างของร้านโดยคนตัวเล็กกว่าไม่ได้ขัดอะไร นับว่าเป็นการอยู่ด้วยกันนานที่สุดอย่างที่ทั้งคู่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้น บทสนทนาสำหรับทั้งคู่ก็แทบจะไม่มีเลยvp^jfu

     

                ทั้งคู่นั่งละเลียดเครื่องดื่มของตนเงียบๆ โดยที่แบคฮยอนนั้นเอาแต่มองพื้นโต๊ะ ส่วนชานยอลนั้นเอาแต่จ้องคนที่หลุบตามองต่ำตรงหน้าด้วยความเอ็นดู

     

                พอจะรู้จากเซฮุนมาบ้างว่าแบคฮยอนพูดไม่เก่ง ชานยอลอุตส่าห์มันใจว่ามนุษย์เอนเตอร์เทนคนเก่งอย่างเขาจะชวนคนตัวเล็กพูดได้บ้าง แต่พอมาเจอกับตัวจริงๆแล้ว ชานยอลถีงได้รู้ว่าแค่จะทำให้แบคฮยอนเงยหน้ามาสบตานั้นก็ยากมากแล้ว

     

                นั่งอยู่ด้วยกันอยู่นานสองนาน ถามคำถามแบบถามคำตอบคำอ้อมแอ้มด้วยกันไปมา ก่อนจะเป็นเสียงของเด็กสาวที่ดูเหมือนจะทะเลาะกับคนปลายสายของโทรศัพท์เดินเข้ามาในร้านแล้วเรียกให้สายตาของทั้งสองคนมองไปยังเคาเตอร์ที่เด็กสาวหุ่นดีในชุดเอี๊ยมน่ารักนั่นตวัดเสียงสั่งเครื่องดื่มไป เสียงเรียกเข้าของคนหน้าเคาต์เตอร์เครื่องดื่มดังขึ้นอีกครั้ง เด็กสาวเอามือถือออกมากดรับก่อนจะนิ่งไปสักครู่แล้วจึงลดมือลงแล้วรีบปิดปากร้องไห้ ทำให้ทั้งชานอยลและแบคฮยอนที่มองดูอยู่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

     

                เธอวางเงินไว้โดยไม่รอเงินทอนก่อนจะเดินออกจากร้านไปเร็วๆ และตอนนั้นเองที่ชานยอลและแบคฮยอนหันมาสบตากัน เพราะคนที่ร้องไห้ออกไปเมื่อกี้คือมิกิ

     

                ชานยอลลุกพรวดขึ้นยืนก่อนจะเอ่ยบอกลาแบคฮยอนไวๆแล้ววิ่งออกไปโดยลืมหยิบหมวกของตนที่ให้คนตัวเล็กสวมเมื่อครู่ไปด้วย แบคฮยอนมองหมวกสีเทาของชานยอลบนตักก่อนจะตัดสินใจลุกตามอีกคนไปด้วย

     

                ร่างเล็กเดินถือแก้วเครื่องดื่มในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหมวกของชานยอลออกมาด้วย แบคฮยอนมองซ้ายมองขวาก่อนจะกัดปากชั่งใจ แล้วตัดสินใจเดินไปทางซ้ายที่เป็นทางไปสวนสาธารณะเพราะสัญชาติญาณจากการดูละครหลังข่าวส่วนใหญ่บอกเขาว่าเรามักจะเจอผู้หญิงร้องไห้ที่ชิงช้าของสวนสาธารณะ และแบคฮยอนก็หวังหวังว่าทั้งมิกิและชานยอลคงจะอยู่ด้วยกันแถวๆนั้น

     

                ตลอดทางที่แบคฮยอนเร่งเดินผ่านมาไม่ได้พบแม้แต่เงาของคนทั้งคู่ แบคฮยอนเดินไปปาดเหงื่อไปด้วยมือข้างที่ถือแก้ว ร่างเล็กเดินมาเรื่อยๆจนเห็นน้ำพุของสวนสาธารณะ กวาดตามองไปทั่วก่อนจะพบว่าไม่ได้มีคนอยู่เลย แบคฮยอนถอนหายใจเบาและเตรียมจะหันหลังกลับ แต่ด้วยความร้อนของแดดตอนนี้ คนตัวเล็กจึงเปลี่ยนใจเดินเข้ามาในสวนเพื่อหาร่มไม้สำหรับนั่งละเลียดคาราเมลลาเต้ของตนไปพลางๆก่อน

     

                แบคฮยอนเดินลัดเลาะกระถางดอกไม้เข้ามาเรื่อยๆ จุดหมายที่คนตัวเล็กหวังคือต้นไม้ต้นใหญ่ที่สุดที่อยู่ในสุดของสวนสาธารณะ แต่ยังไม่ทันที่จะยกยิ้มกว้างตอนได้เห็นเงาไม้ กายเล็กก็ต้องหยุดชะงักกึกไปเสียอย่างนั้นเมื่อพบคนทั้งสองที่เขาตั้งใจตามหา

     

                ชานยอลดึงมิกิที่ตัวเล็กกว่าเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะกดจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่มเพื่อปลอบอีกคนที่กำลังสะอึกสะอื้นเพราะการร้องไห้ นาทีนั้นเองที่แบคฮยอนรู้ ว่าต่อให้เขาหาทั้งสองคน เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปหาอยู่ดี มือบางกำหมวกแก๊ปสีเข้มไว้แน่นก่อนจะเดินถอยหลังช้าๆแล้วเปลี่ยนเป็นหันหลังแล้วเดินจ้ำออกมาจากที่ตรงนั้นด้วยความรวดเร็ว

     

                แม้อีกไม่กี่ก้าวที่แบคฮยอนจะเข้าถึงตัวชานยอล แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าแบคฮยอนจะสามารถเดินต่อไปได้

                แม้เห็นชานยอลอยู่ตรงหน้า แต่แบคฮยอนก็รู้ว่าเขาไม่มีทางเข้าถึงอีกคนได้

     

     

     

     

     

     

                การที่เรารู้ตัวว่าตัวเองรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว

                …ไม่ได้หมายความว่าใครอีกคนไม่ได้รู้สึกเหมือนกัน

     

     

                ชานยอลจับเนกไทด์ของตนเพื่อเช็กว่ามันเข้าที่แล้ว ก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆในวงที่กำลังแต่งตัวอยู่ และเป็นเหมือนอย่างเคยที่ชานยอลมักพบกับเหตุการณ์การโผล่พรวดพราดเข้ามาของเซฮุนที่เป็นน้องรหัส ซึ่งตอนนี้ก็เช่นกัน เพราะคนตัวขาวกำลังเดินกอดเอวมากับนักเรียนฝ่ายจัดเวทีแล้วเดินตรงดิ่งยิ้มกว้างมาหาเขา

     

                เอาน้ำมาให้….ตื่นเต้นไหมพี่~”

     

                “นิดนึงจะบอกว่าชิวๆก็คงจะดูมั่นใจไปหน่อยชานยอลตอบกวนๆก่อนจะยักคิ้วให้กับเซฮุนที่เบ้หน้ารอเขาอยู่

     

                ได้เรื่องยังอ่ะ

     

                “เรื่องไรชานยอลเหลือบมองคนข้างตัวด้วยความไม่ใสใจนัก ก่อนคำตอบของเซฮุนจะทำให้เขาชะงักกึกเล็กน้อย

     

                พี่แบคฮยอนไงเป็นไงบ้าง อย่าบอกนะว่ายังไม่กล้า

     

                “…”

     

                “โธ่ไรอ่ะ พี่ไม่ใจเลยเซฮุนทำเสียงง้องแง้งใส่พี่รหัสคนสนิทของตนก่อนจะถูกผลักหัวด้วยมือหนาของชานยอลเบาๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เซฮุนหยุดเจื้อยแจ้วถึงคนตัวเล็กที่ชานยอลแอบรักมาเกือบปีได้

     

                รู้ป่ะ เมื่อกี้พี่เขาจะฝากของให้พี่มากับผมด้วยเซฮุนทำหน้าเหนือกว่ามองหน้าชานยอลที่เบิกตากว้างด้วยความสะใจ ก่อนจะหัวเราะขำที่คนเป็นพี่ตีหน้านิ่งแล้วถามขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา

     

                ของอะไร

     

                “หมวก

                …แต่ผมไม่ได้รับมานะ ผมบอกว่าให้พี่เขาเอามาคืนเองเซฮุนพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะลุกออกไป และเป็นจังหวะเดียวกับที่ชานอยลถูกเรียกให้ไปรวมตัวที่หลังเวที

     

     

     

     

     

     

                แบคฮยอนเบียดเสียดตัวเองกับผู้คนก่อนจะขยับตัวให้ไปอยู่ในมุมข้างเวทีที่เขาภาวนาว่าจะทำให้มองเห็นชานยอลได้ชัด คนตัวเล็กกระชับหมวกแก๊ปของชานยอลที่เขาสวมอยู่บนศีรษะเพราะมือไม่ว่างพอเพราะต้องดูแลกล้องถ่ายรูป

     

    แบคฮยอนมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนมีเหงื่อออกง่าย ตั้งนั้นตอนที่เบียดตัวเข้ามาอยู่ใกล้เวที เขาจึงตัดสินใจสวมหมวกของชานยอลลงบนศีรษะของตน

     

                เสียงกรี๊ดดังจนแบคฮยอนหูแทบดับเมื่อวงของชานยอลเดินเปิดตัวขึ้นมา แบคฮยอนรีบยกกล้องถ่ายรูปขึ้นเหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆที่กดรัวชัตเตอร์อย่างบ้าคลั่ง มีบ้างบางครั้งที่ต้องเอื้อมมือจับปีกหมวกเพราะหัวกลมๆของเจ้าตัวดันไปอยู่ตรงกับมือกับศอกของนักเรียนคนอื่นเข้า

     

                ละสายตาออกจากกล้องเมื่อเพลงของวงชานยอลเล่นไปได้เกือบครึ่งเพลงแล้วและเขาก็ได้รูปของคนตัวสูงอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ คนตัวเล็กเดินเบียดคนออกมาในที่ว่างๆก่อนจะยืนมองชานยอลที่ลงนิ้วบนกีตาร์ด้วยความชื่นชม ก่อนจะต้องรู้สึกเหมือนโดนแช่แข็งไปทั้งตัวเมื่อสายตาของคนตัวสูงดันมองมาประสานกับตนโดยที่แบคฮยอนไม่ทันตั้งตัว

     

                ชานยอลยิ้มให้กับคนตัวเล็กที่มีกล้องคล้องคออยู่และตอนนี้กำลังยืนนิ่งสนิทอยู่ที่ข้างล่างเวที แถมยังสวมหมวกของเขาอยู่เสียด้วย

     

                ตั้งแต่วันนั้นที่ทิ้งโอกาสทำความสนิทสนมกับแบคฮยอนเพราะรีบวิ่งไปหามิกิที่เขารักเหมือนน้องสาวแท้ๆเพราะยัยนั่นทะเลาะกับแฟนแบบรุนแรงในรอบทศวรรษ ชานยอลก็แทบจะไม่ได้เจอแบคฮยอนอีกเลย ยังแอบโทษคนตัวเล็กไม่ได้ว่าเป็นเพราะเจ้าตัวเอาแต่หลบหน้าเขา

     

                แต่ถึงตอนนี้แล้วชานยอลก็อดดีใจไม่ได้ เมื่อเห็นหมวกใบเก่งของตนอยู่บนศีรษะของอีกฝ่าย ให้ตาย ไม่ว่ายังไงแบคฮยอนก็น่าเอ็นดูไปเสียหมด ชานยอลส่งยิ้มไปให้กับแบคฮยอนอีกครั้ง ก่อนจะนึกเอ็นดูเมื่อคนตัวเล็กเหลียวมองซ้ายมองขวาราวกับไม่รู้ตัวว่ายิ้มของชานยอลถูกส่งไปให้เจ้าตัวแค่คนเดียว

     

                เมื่อแบคฮยอนมองไปไม่พบใครที่อยู่แถวนั้น คนตัวเล็กจึงได้แต่ส่งยิ้มขัดๆไปให้กับคนบนเวที ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้อีกคน ชานยอลที่เห็นอย่างนั้นจึงยิ้มกว้างมากขึ้นแล้วจึงพยักหน้าให้ ก่อนจะก้มลงไปเล่นกีตาร์ปิดเพลงของวง ท่ามกลางเสียงกรี๊ดของแฟนคลับทั้งโรงเรียน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบแผ่นหลังเล็กของคนที่มีหมวกของเขาเดินหายไปที่ประตูห้องประชุมเสียแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

                แค่บอกก็รู้แล้ว

                แค่รักก็รู้สึกได้

     

     

                แบคฮยอนออกมาจากงานได้สักพักแล้ว และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติและยกน้ำเปล่าขึ้นซดอึกๆอยู่ และเมื่อซดน้ำจนสาแก่ใจแล้ว แบคฮยอนก็เอาขวดน้ำออกจากริมฝีปากแล้วยกมือขึ้นถอดหมวกออก

     

    สำหรับคนเกลียดความวุ่นวายอย่างเขาแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะอยู่กับกลุ่มคนที่กำลังกรีดร้องอย่างคลั่งไคล้แบบนั้น ตากลมก้มลงมองหมวกในมือก่อนจะต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อมองเห็นรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สคู่ที่เขาคุ้นตารองเท้าของชานยอล

     

                เป็นไงบ้าง เพลงสนุกไหมเอ่ยถามด้วยเสียงหอบน้อยๆเพราะอาการเหนื่อยจากการวิ่ง ก่อนจะอมยิ้มเมื่อแบคฮยอนมองเขางงๆโดยไม่วางตาแล้วพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ จนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปขยี้ผมอีกคนด้วยความเอ็นดูเบาๆ จนคนตรงหน้าที่ยังงงเป็นไก่ตาแตกถึงกับทำอะไรไม่เป็น

     

                ละแล้วทำไมชานยอลดูเหมือนวิ่งมา มีอะไรรึเปล่า

     

                “เทียบกับวงอื่นแล้ว เพลงของฉันพอจะใช้ได้ไหมชานยอลไม่ได้ตอบคำถามของคนตัวเล็ก แต่กลับถามขึ้นมาอีกครั้ง พลางกระชับมือจับสมุดวาดภาพที่ถือมาด้วยไว้

     

                ไม่รู้…”

     

                “…”

     

                “…เรามาดูแค่วงของชานยอลชานยอลไม่สามารถหุบยิ้มลงได้อีกหลังจากประโยคคำตอบแผ่วเบาอ้อมแอ้มจากร่างเล็ก

     

                หลังจากที่ป๊อดมาตลอดสิบเอ็ดเอือนที่แอบรักคนตัวเล็ก ชนิดที่ว่าไม่ว่าเซฮุนจะบิ้วต์ปลุกใจยังไงก็ไม่สามารถช่วยได้ แต่กับวันนี้แล้วชานยอลพร้อมทุกอย่างที่จะมอบความรู้สึกนี้ให้แบคฮยอนไป และเขาก็ไม่ได้กลัวเลยว่าแบคฮยอนจะทำยังไงกับความรู้สึกของเขา

     

                ชานยอลไม่เสียดายซักนิด หากแบคฮยอนไม่ได้ตอบรับ

                ไม่เสียดายเลย หากต้องถูกคนตรงหน้าปฏิเสธ

     

                เพราะการได้แอบรักแบคฮยอน เป็นอะไรที่คุ้มที่สุดที่ชานยอลได้รับแล้ว

     

                ร่างสูงยื่นสมุดวาดภาพที่ตนถือมาด้วยให้กับคนตัวเล็ก แบคฮยอนขมวดคิ้วมองเขาด้วยความงุนงงแต่ก็ยอมรับไปแต่โดยดี ก่อนที่เจ้าตัวจะเบิกตากว้างแล้วนิ่งสนิทไปมากกว่าเดิมทุกครั้งที่พลิกแต่ละหน้ากระดาษ

     

                แบคฮยอนกลั้นหายใจเมื่อพบว่าหน้าแรกของสมุดวาดภาพของชานยอลเขียนว่า ‘to Baekhyun’

     

                ทุกหน้ากระดาษล้วนมีแต่ภาพลายเส้นของเขาที่ชานยอลลงชื่อและวันที่เอาไว้ และบางอิริยาบถเขาแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเองทำแบบนั้นตอนไหน

     

                แบคฮยอนหน้าร้อนไปหมดและเริ่มทำอะไรไม่ถูก คนตัวเล็กหลับตาปี๋แล้วส่งสมุดคืนให้ชานยอลโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย แล้วจึงเงยหน้าขึ้นสบสายตากับชานยอล

     

                ขอโทษนะที่ไม่ได้ขออนุญาตนาย แต่แค่การจะทักนายมันก็ยากมากๆแล้วสำหรับฉัน ดังนั้นยิ่งให้มาขอวาดรูปกันตรงๆแบบนั้นฉันคงต้องเขินตายพอดี…”

     

                “….”

     

                “กับคนที่ฉันแอบชอบแล้ว ทุกอย่างมันดูยากไปหมดเลย

                …แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อฉันรักไปแล้ว

                “ชานยอลรักแบคฮยอนไปแล้ว

     

                แบคฮยอนนิ่งยิ่งกว่าอะไรดี ชานยอลยกยิ้มบางก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินหันหลังไป เพราะดูจากท่าทีของคนตัวเล็กแล้วแบคฮยอนอาจจะกำลังรู้สึกไม่ดีกับความรู้สึกที่เขาเพิ่งบอกออกไปอยู่ก็ได้

     

                 แต่ก่อนที่จะเดินหนีออกมา แขนแกร่งก็ถูกมือเล็กของอีกคนคว้าไว้ ชานยอลหันกลับไปมองแบคฮยอนที่ยื่นกล้องถ่ายรูปมาให้งงๆ ก่อนจะรับมาเมื่ออีกคนพยักเพยิดให้

     

                แลกกันดูนะ…”

     

                สิ้นเสียงแผ่วเบาของแบคฮยอน นั่นก็พอดีกับที่หน้าจอกล้องดิจิตอลปรากฏรูปของเขาเมื่อตอนอยู่บนเวทีเมื่อครู่ ชานยอลเงยหน้ามองแบคฮยอนที่หน้าแดงหูแดงด้วยความดีใจก่อนจะก้มลงไปกดเลื่อนภาพให้ผ่านไปเร็วๆ จนพบว่ามีรูปเขาอีกมากมายอยู่ในกล้องของแบคฮยอน

     

                เงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างให้คนตัวเล็กก่อนจะเดินเข้าไปใกล้แล้วดึงอีกคนเข้ามากอดโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน

     

                เราก็รักชานยอล

                …รักมากๆ รักมาตลอด

     

                สิ้นคำพูดของคนตัวเล็ก เจ้าตัวก็ผละออกมาก่อนจะปรับสายหมวกของชานยอลแล้วยืดตัวขึ้นสวมให้อีกคนที่มองอยู่ด้วยสายตาเอ็นดู และเมื่อกลับมายืนตรงหน้าชานยอล คนตัวสูงก็สวมกล้องคืนให้เขาก่อนจะจูงมือแบคฮยอนแล้วพาเดินเร็วไปที่ห้องล็อกเกอร์ของนักกีฬาที่อยู่ไม่ไกล

     

                แบคฮยอนมองชานยอลเปิดตู้ล็อกเกอร์เงียบๆ ก่อนจะรีบซ่อนรอยยิ้มเมื่อชานยอลเดินกลับมาหาเขาที่ยืนรอไม่ห่าง พร้อมกับหมวกสีเทาแบบเดียวกับที่คนตัวสูงใส่

     

                หมวกใบนี้ชานยอลไม่เคยปรับสายให้มันเป็นขนาดของเขา เพราะหวังมาตลอดว่าจะได้ใส่คู่กับคนที่แอบรัก ซึ่งก็คือแบคฮยอน และวันนี้สิ่งที่เขาคิดก็เกิดขึ้นจริงๆกับเขา โดยมีคนที่เขาแอบรักมาเกือบปีเป็นคนทำมันให้สำเร็จ

     

                ลูบหัวแบคฮยอนผ่านสัมผัสของหมวกเบาๆ ก่อนจะเชยคางคนขี้อายขึ้นมามองหน้าน่ารักนั่นชัดๆ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้จนสามารถกอดเอวของอีกคนให้เข้ามาชิดได้ แล้วจึงก้มหน้าลงไปแนบริมฝีปากของตนเองกับแบคฮยอนแบบแนบชิดริมฝีปากของคนตัวเล็กโดยไม่ได้ลุกล้ำ ก่อนจะละใบหน้าออกมามองแบคฮยอนที่หลับตาพริ้มเพราะจูบเมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะลืมตาขึ้นมา ชานยอลก็ก้มลงไปมอบจูบให้อีกคนอีกครั้ง

     

                สัมผัสหวานละมุนที่ชานยอลมอบให้แทบจะทำให้แบคฮยอนทรงตัวไม่อยู่ ยามที่ลิ้นร้อนของอีกคนแตะถูกโพรงปากของเขา แบคฮยอนรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้องของเขาไปเสียหมด จูบอ่อนหวานดำเนินไปอย่างอ้อยอิ่ง ชานยอลแลกเปลี่ยนความหวานด้วยจังหวะช้าๆพอที่อีกคนจะสามารถหายใจได้ทัน และเพราะเหตุนี้เอง จูบครั้งนี้จึงกินเวลานานกว่าห้านาทีโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว

     

                ชานยอลคลอเคลียอยู่ข้างใบหูของแบคฮยอนก่อนจะเอ่ยกระชิบคำพูดที่ไม่ว่าแบคฮยอนได้ยินมันกี่ครั้งก็ยังทำให้ใจสั่นได้

     

                ฉันรักแบคฮยอน

     

                .

                .

                .

     

     

                “เราก็รักชานยอล

     

     

     

     

     

     

     

    @12marc_


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×