ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KnB Fiction] You're mine นายคือของ(เล่น)ของฉัน [AkaKuro]

    ลำดับตอนที่ #5 : ของเล่นชิ้นที่ 4:: ของเล่นของคุณน่ะ คือผมไม่ใช่เหรอครับ!

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 58


    ผ่านไปห้าวันราวกับเวลาเล่นตลก อาคาชิ เซย์จูโร่ก็เดินทางกลับบ้านด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย หลังจากที่ได้มองคนร่างเล็กผ่านกล้องวงจรปิดในมือถือ

    "เท็ตจัง นี่..." เรโอะยื่นสมาร์ทโฟนของตนให้กับเด็กหนุ่มร่างเล็กที่กำลังกินข้าวต้มอยู่ คุโรโกะเงยหน้ามองเจ้าของโทรศัพท์ก่อนจะเดิ่ยถามออกมาว่า "จะให้ผมโทรหาพี่มิซึฮะจริงๆ เหรอครับ?"

    "ใช่ ยังไงเธอก็ต้องบอกมิซึฮะจังว่าเธอสบายดี" เรโอะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง คุโรโกะจ้องเข้าไปในดวงตาสีเขียวเข้มที่สั่นระริกราวกับว่าเขาได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว

    'ไม่ได้...จะให้เขา....'

    "อย่าจะดีกว่าครับ ในห้องนี้มีทั้งเครื่องดักฟังและกล้องวงจรปิด ถ้าคุณทำแบบนั้น....." ยังไม่ทันที่คุโรโกะจะได้พูดจบ อาคาชิก็เตะประตูห้องเข้ามาด้วยใบหน้าที่เหมือนโกรธใครมาเป็นร้อยชาติพร้อมกับฮิโตมิโกะที่พยายามจะห้ามอาคาชิ

    "อาคาชิคุง......!!! / ซ....เซย์จัง!!!" คุโรโกะและเรโอะพูดออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกลับมาเร็วขนาดนี้แถมในมือนั่นยังมี......กรรไกรด้ามสีดำสนิทที่แหลมคนและเป็นกรรไกรด้ามเดียวกันกับที่แทงที่ท้องของคุโรโกะ!

    "เรโอะ นายคิดจะหักหลังผมเหรอ" เสียงเย็นๆ พร้อมกับสังสีอาฆาตที่แผ่ออกมาจากตัวเด็กหนุ่มผมแดงนั้นรุนแรงซะจนฮิโตมิโกะเริ่มผวา เรโอะหน้าซีดไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ยอมออกห่างจากคุโรโกะ

    "เปล่า ไม่ใช่ เพียงแต่....แค่อยากให้เท็ตจังได้คุยกับ...." ยังไม่ทันที่เรโอะจะได้พูดจบ อาคาชิก็ตวาดขึ้นทันที

    "นายไม่มีสิทธิ์มาแย่งของเล่นของผม!! จำเอาไว้ซะ ใครก็ตามที่พยายามแยกเท็ตสึยะจากผมมันต้องตาย!!!"

    "หยุดได้แล้วครับอาคาชิคุง" เด็กหนุ่มผมฟ้าร้องขึ้นเมื่อเห็นคนผมแดงเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้

    "นายเข้าข้างเรโอะเหรอ....อยากหนีไปจากผมมากนักสิ..." อาคาชิพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มหน้าสวยก่อนจะลงมือตบหน้าของคนที่อายุมากกว่า

    "อาคาชิคุง!! / นายน้อย!" คุโรโกะและฮิโตมิโกะร้องขึ้นก่อนที่เด็กหนุ่มร่างเล็กจะรีบเข้าไปดึงคนผมแดงให้ออกห่างจากรุ่นพี่หนุ่มหน้าสวย

    "นายจะมาขัดขางผมทำไมเท็ตสึยะ!" อาคาชิตวาดขึ้นด้วยความหงุดหงิด คุโรโกะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีแดงนั่น ดวงตาคู่นั้นทั้งเศร้าและโกรธแค้น เด็กหนุ่มผมฟ้าแอบส่ายหน้าเล็กน้อย... นี่ไม่ใช่อาคาชิคุง....ไม่ใช่อาคาชิ เซย์จูโร่ อดีตกัปตันทีมบาสเทย์โคว

    "ผมจะไม่ยอมให้คุณทำร้ายเพื่อนของคุณ" คุโรโกะพูดขึ้นก่อนจะตกใจเล็กน้อย ทั้งๆ ที่คนตรงหน้าไม่ใช่อาคาชิคนเดิมแท้ๆ แต่เขากลับทำเหมือนกับว่าอีกฝ่ายคือคนที่รู้จักกันมานาน

    "ไม่ว่าใครที่จะมาแย่งนายไปจากผม ผมจะไม่คิดว่ามันเป็นเพื่อน!" อาคาชิพูดพลางตั้งท่าจะเอากรรไกรแทงลงกลางท้องของเรโอะ เด็กหนุ่มร่างสูงหลับตารอรับความเจ็บที่กำลังจะตามมา คุโรโกะเม้มปากจนเป็นเส้นตรงก่อนจะตวาดออกไปในจังหวะที่ปลายของกรรไกรใกล้จะถึงตัวของเรโอะว่า "ของเล่นของคุณน่ะคือผมไม่ใช่เหรอครับ!! ผมคือสิ่งของที่คุณไว้ใช่ระบายอารมณ์ อย่าไปทำร้ายเพื่อนของคุณสิครับ!!"

    ทั้งอาคาชิ เรโอะและฮิโตโมิโกะต่างเบิกตากว้างกับคำพูดที่ออกมาจากปากของคุโรโกะ เรโอะส่ายหน้าจนคอแทบหลุด ไม่ ไม่นะเท็ตจัง...!!!

    "หึ...ในเมื่อนายตระหนักถึงข้อนั่นแล้ว....ผมจะไม่ทำร้ายเรโอะแล้วก็ได้" พูดจบอาคาชิก็จิกผมของคุโรโกะอย่างแรงก่อนจะเหวี่ยงร่างเล็กลงพื้นอย่างแรงชนิดที่ไม่มีออมมือ

    "อึก! ค...คุณมิบุจิ...รีบ...ออกไป...." คุโรโกะพูดออกมาอย่างยากลำบากเพราะความเจ็บที่ร่างกายซีกซ้าย เรโอะมองคุโรโกะด้วยสายตาที่ราวกับจะขอโทษอีกฝ่ายก่อนจะเดินออกไปโดยที่ฮิโตมิโกะเข้ามาลากตัว

    "นายกล้าดีนะ ที่มาตวาดผมน่ะ" อาคาชิพูดเสียงนุ่มทุ้มผิดกับการกระทำที่เหมือนกับว่าจะหักแขนข้างขวาของคุโรโกะ

    "อึก....ท...ถ้าทำเพื่อคนอื่น.....ต่อให้ผมต้องถูกคุณฆ่า....ผ..ผมก็ยินดีที่จะทำ!" คุโรโกะพูดขึ้น ใบหน้าของคนร่างเล็กบิดเบี้ยวไปเพราะความเจ็บปวด... นี่กะจะหักแขนตั้งแต่ของต่อระหว่างแขนกับไหล่เลยงั้นเหรอ!

    "หึๆ รู้สึกมันจะเริ่มหักที่ละน้อยแล้วล่ะนะ เท็ตสึยะ..." กร๊อบ!.... เสียงกระดูกข้อต่อนะหว่างแขนกับไหล่ดังขึ้น คุโรโกะเบิกตากว้างพร้อมกับของเหลวสีใสที่ไหลออกมาจากจากดวงตาสีฟ้าอความารีน...

    "อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!"

    "ดูเหมือนว่าข้อต่อจะหลุดด้วยล่ะนะ อ้า....สีหน้าของนายตอนนี้มันช่างดูดีจริงๆ เท็ตสึยะของผม" อาคาชิพูดขึ้นก่อนจะจับแขนข้างที่หักของคุโรโกะขึ้นมาและทำการหักข้อต่อนิ้วทีละนิ้ว..

    "อ๊ากกก...!! พ...พอ.....พอซะที!!!!!!!!!!!" คุโรโกะกรีดร้องเสียงดัง ความเจ็บปวดยังไม่หายไปแท้ๆ ยังมาซ้ำอีก เด็กหนุ่มผมฟ้ามองการกระทำของคนผมแดงตรงหน้าทั้งน้ำตาก่อนจะพึมพำออกมาราวกับจะกระซิบกับสายลม "ผมไม่น่า....เกิดมาเจอคุณเลย....."


    "นี่เด็กๆ เรามาถึงเกียวโตแล้วนะ" เสียงนุ่มๆ ของชายหนุ่มวัยยี่สิบปลายๆ ดังขึ้น แหม เด็กๆ นี่หลับลึกกันจริงๆ

    "อืม.....น้ามาซาโตะ....มาถึงแล้วเหรอคะ" มิซึฮะพูดพลางบิดตัวไปมา นอนในรถนี่มันเมื่อยจริงๆ!

    "ใช่ ปลุกเพื่อนๆ เราด้วยล่ะ ส่วนคฤหาสน์อาคาชิที่มิซึฮะอยากมาน่ะ เดินตรงไปทางทิศตะวันออกสองกิโลก็จะถึงประตูใหญ่นะ รีบๆ ปลุกเพื่อนเราสิ น้าจะไปซื้อของมาทำข้าวเย็นให้"

    "ค่ะ ตื่นได้แล้ว พวกนาย" มิซึฮะพูดพลางเขย่าตัวคางามิ คิเสะ โมโมอิ อาโอมิเนะ และทาคาโอะเรียงลำดับ ยกเว้นก็แต่มิโดริมะที่เจ้าตัวนั้นไม่ได้หลับเลยสักนิด

    "ฮ้าว~~ เช้าแล้วเหรอ.....นอนไม่เต็มอิ่มเลย" อาโอมิเนะพึมพำเบาๆ มิโดริมะมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะบอกอาโอมิเนะว่า "นี่มันพึ่งบ่ายสามเองนะ จะนอนให้เต็มอิ่มได้ไงเจ้าบ้า"

    เพล้ง!.... หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ อาโอมิเนะตีหน้าบึ้งเล็กน้อยก่อนจะลงจากรถพร้อมกับคางามิ

    "เข้าไปในบ้านกันได้เลย ตามสบายล่ะ ฉันจะไปธุระเดี๋ยวจะกลับมา" พูดจบ เด็กสาวผมฟ้าก็ออกเดินไปตามทางที่น้าของตนบอก มิโดริมะมองเด็กสาวที่เดินไปในทางที่คุ้นเคยก่อนจะแอบตามไปเงียบๆ


    หลังจากที่มิซึฮะเดินมาถึงเขตของคฤหาสน์อาคาชิก็เกิดอาการตกใจเล็กน้อยที่มีคนยืนอยู่หน้าประตูใหญ่พร้อมกับไม้ค้ำสำหรับคนเจ็บขา(ไรท์ไม่รู้ว่าเขาเรียกกันว่าอะไรนะคะ ใช้คำนี้ไปละกัน) เด็กสาวเพ่งพินิจอีกฝ่ายก่อนจะรีบหาที่หลบ

    "ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ แถมสภาพนั้นมัน...."

    "อีก 10% คุโรโกะ นายรอฉันก่อนนะ...." เด็กหนุ่มปริศนาพึมพำเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ใช้ไม่ค้ำพยุงตัวเองกลับขึ้นรถฟอร์จูเนอร์สีดำ แต่ก่อนจะได้ขึ้นไปกลับมีเสียงเรียกของคนที่แอบตามมาดังขึ้น

    "นายมาที่นี่ได้ยังไง!" มิโดริมะขมวดคิ้วพลางรีบเดินจ้ำๆ ไปที่รถคันนั้นทันที

    "อะไรกัน ฉันก็แค่มาดูบ้านเท่านั้นเอง เดี๋ยวก็จะกลับแล้ว อีกอย่างการผ่าตัดครั้งล่าสุดก็เป็นไปด้วยดี เหลือแค่ผ่าตัดม้ามกับไตด้านขวาและทำกายภาพก็เป็นปกติแล้ว" เด็กหนุ่มคนนั้นพูดพลางยิ้มให้กับเพื่อนของตน มิโดริมะส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปในรถเพื่อคุยกับคนขับ

    "พ่อ! รีบพากลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะครับ ถ้ามีคนมาเห็นทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ความจริงจะยิ่งแย่....." ยังไม่ทันที่มิโดริมะจะพูดจบ คนที่ซ่อนตัวอยู่มานานก็เดินเอื่อยๆ เข้ามาใกล้ๆ พลางถามขึ้นว่า "คนที่ยังไม่รู้ความจริงพอรู้เข้าจะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ.....มิโดริมะ ชินทาโร่"

    "รุ่นพี่คุโรโกะ....คุณมาถึงก่อนจริงๆ..." มิโดริมะพึมพำเบาๆ พลางเจ็บใจกับความสะเพร่าของตัวเอง

    "พี่คุโรโกะ..." เด็กหนุ่มที่นั่งข้างคนขับเอ่ยชื่อของเด็กสาวเบาๆ มิซึฮะชะงักก่อนจะหันไปมองคนที่เรียกชื่อของตน

    "อาคาชิ!? นายเอาน้องชายฉันไปไว้ที่ไหน!" เด็กสาวพูดขึ้นเสียงเย็นและตกใจกับสภาพที่เหมือนกับคนพึ่งผ่าตัดมาของเด็กหนุ่มผมแดงตรงหน้า อาคาชิเม้มปากจนเป็นเส้นตรงก่อนจะพูดอย่างรวบรัดว่า "ตอนนี้ผมยังอธิบายเรื่องราวที่แท้จริงไม่ได้ ของให้พี่คุโรโกะรอสักพัก ถ้ารอไม่ได้ก็โทรมาหาคุณลุงชิโรตะ บอกว่าจะขอคุยกับผมแล้วผมจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง แต่ขอให้พี่เก็บเรื่องที่พี่มาเจอหรือมาคุยกับผมเป็นความลับด้วยนะครับ เพราะในตอนนี้อาคาชิ เซย์จูโร่นั้นมีแค่คนเดียว การที่พี่บอกคนอื่นว่ามาเจอผมทั้งๆ ที่ผมอยู่ในบ้านมันจะเป็นเรื่องใหญ่ ผมลาล่ะครับ" หลังจากที่พูดออกมายาวเหยียด เด็กหนุ่มก็หันไปมองชายวัยกลางคนเป็นเชิงบอกให้ออกรถ ชิโรตะพยักหน้าก่อนจะรีบออกจากเขตคฤหาสน์ของอาคาชิทันที

    "มิโดริมะคุง วันนี้คงจะต้องคุยกันยาวเลยนะ กลับไปแล้วไปเจอพี่ที่ห้องออดิโอ้รูมของบ้านพักนั่นด้วย" มิซึฮะพูดเรียบๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับบ้านพักของตนไป

    "เฮ้อ.....จนได้สินะ...." มิโดริมะพึมพำเบาๆ ก่อนจะรีบเดินตามมิซึฮะไปติดๆ


    "เท็ตสึยะ ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย" เสียงนุ่มๆ ของอาคาชิดังขึ้นพลางกระชากผมของคุโรโกะที่สลบไปเพราะความเจ็บขึ้นมาดูสีหน้า ดวงตาที่ไร้แววดุจคนตายทำให้อาคาชิรู้ว่าคุโรโกะหมดสติไปแล้วแต่ยังคงฝืนอยู่

    "เฮ้อ....ได้เห็นนายกรีดร้องแบบนี้ก็สะใจผมล่ะ ผมจะต้องทำลายตระกูลบ้าๆ นี่! ทำลายทั้งเซย์จูโร่ และมาซาโอมิ!! ส่วนนาย...นายคือคนที่เซย์จู่โร่รัก....ฉันจะค่อยๆ ทำลายนายเพื่อให้เซย์จูโร่ที่อยู่โลกนั้นให้เห็นว่านายทรมานขนาดไหน หึๆ" อาคาชิพูดขึ้นราวกับคนเสียสติ เด็กหนุ่มผมแดงมองคนร่างเล็กด้วยความสะใจ แต่แววตาของเขากลับเศร้าเสียจนดูน่าสงสาร

    "แต่ที่น่าเจ็บใจกว่าก็คือ....ผมรักนายเข้าแล้วล่ะนะ แต่นายคงจะเกลียดผมแน่ๆ..." เด็กหนุ่มดวงตาสีทองแดงพูดด้วยน้ำเสียงที่แปลกไป ราวกับว่าเสียใจกับการที่ตนใช้เด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ อาคาชิค่อยๆ ช้อนตัวคุโรโกะขึ้นมากอดแนบอกก่อนจะวางลงเตียงอย่างนิ่มนวลและปลดโซ่ที่พันธนาการข้อมือและข้อเท้าของเด็กหนุ่ม

    "ฮิโตมิโกะ เรียกคุณลุงชิโรตะมาด้วยนะ เท็ตสึยะข้อต่อระหว่างแขนและไหล่หลุด กระดูกข้อนิ้วหัก" อาคาชิพูดเสียงเรียบก่อนจะเดินไปห้องที่สมุดโดยไม่ทันได้เห็นน้ำตาหยดน้อยๆ ที่ไหล่ออกมาจากดวงตาสีเงินคู่นั้น

    "นายน้อยค่ะ ได้โปรด....หยุดทำแบบนี้ซะที...." หญิงสาวพึมพำเบาๆ ก่อนจะไปโทรศัพท์เรียกตัวมิโดริมะ ชิโรตะมาที่บ้านเพื่อรักษาเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ในห้องของนายน้อยแห่งตระกูลอาคาชิ

    Rrrrrrrrrrrr

    "ฮัลโหล?" เสียงของนายแพทย์ประจำตระกูลอาคาชิดังขึ้นราวกับจะถามว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร

    "สวัสดีค่ะท่านมิโดริมะ ฉันฮิโตมิโกะนะคะ ช่วยมาที่คฤหาสน์อาคาชิด่วนเลยได้มั้ยคะ คุโรโกะคุงข้อต่อ..ข่อต่อแขนกับไหล่หลุดและกระดูกนิ้วหักค่ะ" ฮิโตมิโกะรายงานไปตามนายน้อยของตนบอก ชิโรตะเบิกตากว้างก่อนจะพูดด้วยความรีบร้อน "ได้ ฉันจะรีบไป บอกมาซาโอมิด้วยนะ!" แล้วก็วางสายพลางรีบร้อนเตรียมอุปกรณ์สำหรับเข้าเฝือก

    "เกิดเรื่องอีกแล้วเหรอครับ?" เด็กหนุ่มผมแดงเอ่ยถามขึ้นพลางมองคุณหมอผู้รับผิดชอบที่กำลังเก็บของอย่างรีบร้อน

    "ใช่ เด็กคนนั้นทำให้คนรักของเธอข้อต่อแขนกับไหล่หักนะ" ชิโรตะพูดขึ้นพลางระงับอารมณ์ใจร้อนของตนเล็กน้อย เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่รถเข็นผู้ป่วยกำมือแน่นจนเลือดซึม เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้วงั้นเหรอ...

    "อีกสองเดือน" ชิโรตะพูดพลางตบบ่าคนรุ่นลูกราวกับจะให้กำลังใจ เขารู้ว่ามิโดริมะ ชิโรตะพยายามเร่งการผ่าตัดเพื่อให้เขาหายเป็นปกติเร็วที่สุด....แต่ก็ยังต้องใช้เวลากับการทำกายภาพบำบัด

    "ครับ ผมทราบดี...." เด็กหนุ่มผมแดงก้มหน้าลงจนผมปิดบังดวงตาเอาไว้ ชิโรตะลูบผมเด็กหนุ่มตรงหน้าเบาๆ ก่อนจะรีบออกจากห้องทำงานของตนไป

    "คุโรโกะ....อดทนอีกแค่นิดเดียวนะ....ทั้งฉัน และนาย...."


    หลังจากที่ทั้งมิซึฮะและมิโดริมะมาถึงที่บ้านพัก เด็กสาวก็เดินเข้าห้องของตัวเองไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นเสื้อยืดคอเต่าสีดำกับกางแกงขาสามส่วนสีน้ำตาลเข้ม แล้วก็เดินไปยังห้องออดิโอ้รูมที่อยู่สุดทางเดินด้านซ้าย มิโดริมะมองการกระทำของเด็กสาวรุ่นพี่ก่อนจะไปเปลี่ยนเสื้อเช่นกัน เป็นเสื้อสำหรับซ้อมบาสกับกางเกงวอร์มสีดำและหลังจากนั้นเขาก็รีบตามเด็กสาวไปทันที

    "นี่ๆ คางามิจจิ มิโดริมัจจิกับพี่มิซึฮะมีเรื่องอะไรกันรึเปล่าฮะ ดูเคร่งเครียดกันจัง" คิเสะที่แอบดูทั้งคู่มานานเอ่ยถามคางามิที่ยืนอยู่ด้วยกัน

    "ไม่รู้สิ เราอย่าไปยุ่งจะดีกว่านะ สีหน้าของรุ่นพี่เป็นแบบนั้นน่ะ แสดงว่าเราไม่ควรเข้าไปยุ่ง" เด็กหนุ่มคิ้วสองแฉกพูดขึ้นเพราะตนอ่านสีหน้าของมิซึฮะได้ คิเสะพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเข้าครัวไปช่วยมาซาโตะทำอาหาร

    "เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ บอกฉันมาสิ" มิซึฮะพูดขึ้นด้วยใบหน้าจริงๆ แม้จะเจ็บคอจนแทบไม่อยากจะพูดสักแค่ไหนแต่ตอนนี้มันจำเป็น

    "อาคาชิมีสองคน" คำตอบชวนปวดหัวออกมาจากปากของมิโดริมะอย่างง่ายดาย เด็กสาวยกมือขึ้นกุมขมับก่อนจะพูดออกมาว่า "ขอรายละเอียดด้วย"

    "ก็ได้ครับ" มิโดริมะพยักหน้าก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดที่รู้ให้มิซึฮะฟัง


    หลังจากที่อาคาชิเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องสมุดไม่ยอมออกมา อาคาชิ มาซาโอมิก็ต้องเดินออกจากห้องทำงานแสนรักเพื่อมาดูอาการของคนที่เป็นดั่งหลานชายของตนที่ตอนนี้ชิโระกำลังเข้าเฝือกให้อยู่

    "อาการเป็นไงบ้าง?"

    "แย่พอควรเลย แขนขวาของคุโรโกะคุงจะใช้การไม่ได้ไปอีกสามเดือน เพราะข้อต่อที่เชื่อมแขนกับไหล่หลุดออกจากกันกว่าจะทำให้เป็นเหมือนเดิมก็สองถึงสามเดือน" ชิโรตะอธิบายอาการคร่าวๆ ของเด็กหนุ่มที่นอนสลบยังไม่ฟื้น มิซาโอมิพยักหน้าเข้าใจและมองคุโรโกะด้วยความรู้สึกผิดเช่นเดียวกับชิโรตะ

    "เราจะปล่อยให้เด็กคนนี้ต้องทรมาณต่อไปงั้นเหรอมาซาโอมิ แบบนั้นถ้าฮารุรู้เข้าไม่มาเอาเราตายเหรอ" ชิโรตะหันไปถามเพื่อนสนิท มาซาโอมิลูบคางขมวดคิ้วใช้ความคิดก่อนจะไปคิดถึงภาพเหตุการณ์ครั้งล่าสุดของงานเลี้ยงรุ่น

    "ชิโรตะ นายจำตอนงานเลี้ยงรุ่นครั้งที่แล้วได้มั้ย ตอนนั้นทาคุมะไปยั่วโมโหฮารุ ยัยนั่นปรี๊ดแตกและหลังจากนั้นก็......" มาซาโอมิลากเสียงเพื่อให้เพื่อนสนิทช่วยต่อประโยคให้

    "ทาคุมะถูกฮารุอัดจนน่วม ฉันจำได้ และอีกไม่นานถ้ายัยนั่นรู้เราได้ตายแน่ๆ" ชิโรตะพูดพลางจ้องมองเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ได้รับการรักษแล้วก่อนจะถอนหายใจ เด็กเรียบร้อยขนาดนี้ทำไมถึงมีแม่โหดจัง....

    "แต่ตอนนี้้ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะยอมลดมือลงนะ ปลดโซ่แถมเอาโซ่ไปทิ้งอีก ท่าทางอยากจะให้เดินในบ้านได้สะดวก" ชายวัยกลางคนผมสีน้ำตาลเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม เหมือนว่าเขาพึงพอใจกับอะไรบางอย่าง

    "ดีแล้ว ขืนยังล่ามโซ่ล่ะก็คุโรโกะคุงได้เป็นบาทะยักตายพอดี โซ่นี่ไม่ใช่โซ่ไม่มีสนิมซะหน่อย" ชิโรตะค้อนใส่เพื่อนสนิทเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องที่เด็กหนุ่มผมฟ้าหลับอยู่ไป

    "จะเอายังไง นายจะทำเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้จนกว่าเซย์จูโร่ลูกนายจะหายดีงั้นเหรอ" ชายวัยกลางคนผมสีเขียวเข้มถามขึ้นมาเบาๆ เมื่อเดินออกจากเขตของห้องของเด็กหนุ่มผมแดง มาซาโอมิถอนหายใจเบาๆ

    "คงจะต้องเป็นแบบนั้น เพราะคุโรโกะคุงไม่มีวี่แววว่าจะยอมหนีไปเลย ฉันเปิดทางให้ตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่ไป และเขาก็เหมือนจะรู้แต่ก็ไม่รู้ไปซะทีเดียว...."

    "สภาวะไร้ความทรงจำ เขาเคยมีประวัติการรักษามาก่อนจะเข้าเรียนม.ปลายนี่ เห็นว่าหัวกระแทกตอนแข่งบาสจนสลบไปนี่นา" ชายวัยหลางคนพูดขึ้นเพราะในตอนนั้นคนที่รักษษคุโรโกะก็เขานี่แหละ

    "ลูกชายฉันอาจจะเคยบอกเด็กคนนั้นไปแล้วเพราะหัวกระแทกเลยลืมสินะ...ไม่เป็นไร ยังเหลืออีกวิธี" มาซาโอมิแสยะยิ้มเล็กน้อยทำเอาเพื่อนอย่างชิโรตะเริ่มขนลุก

    "ถ้าทำอะไรแผลงๆ ฉันจะไปบอกฮารุกับเท็ตสึ"

    "พอๆๆ ฉันก็แค่จะให้เห็นรูปที่สองคนนั้นถ่ายรูปคู่กันเท่านั้น ภาพนั้นเป็นภาพแรกและภาพเดียวที่ถ่ายตอนที่สองคนนั้นอายุเจ็ดขวบ" มาซาโอมิรีบบอกถึงแผนการตัวเองทันที ต่อให้เขามีอำนาจมากขนาดไหนแต่ถ้ามาเจอกับสองคนนั้นก็ขอบายล่ะ

    "งี้เอง เข้าใจคิดนี่ อ่ะนี่ นี่เป็นยาของคุโรโกะคุง กินเช้า เที่ยง เย็น ก่อนนอนทุกวันอาการปวดตามแผลจะลดลง ฉันขอตัวกลับก่อนล่ะ ดูเหมือนว่าชินทาโร่ลูกฉันจะถูกซักโดยพี่ของเด็กคนนั้นนะ" พูดจบเจ้าตัวก็โบกมือลาเจ้าของคฤหาสน์เล็กน้อยแล้วเดินออกจากบ้านอาคาชิไป

    นายใหญ่แห่งตระกูลอาคาชิถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินไปยังห้องทำงานของตนและหยิบรูปๆ หนึ่งที่มีคนทั้งสองคนอยู่ในรูปที่เหมือนกันยังกับแกะ

    "มันน่าเจ็บใจจริงๆ ที่ฉันต้องให้นายดูแลลูกให้ฉัน มาซาโยชิ...." มาซาโอมิพูดพลางลูบกรอบรูปนั่นเบาๆ ก่อนจะเก็บลงที่เดิมและเริ่มทำงานต่อ


    หลังจากที่มิซึฮะได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดมาจากมิโดริมะก็นั่งอึ้งอยู่สักพักก่อนจะถามออกมาเบาๆ ว่า "ถ้าที่พูดมาเป็นความจริง แสดงว่าเขายังผ่าตัดไม่สมบูรณ์?"

    "ครับ พอเขาผ่าตัดได้สำเร็จและหายดีเมื่อไหร่ เราก็จะไปช่วยคุโรโกะ" มิโดริมะพูดพลางดันแว่นขึ้นตามนิสัย

    "อือ ฟังเรื่องแล้วเหนื่อยเทนคนพูดนะ แต่ก็ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง ฉันจะไม่บอกใครหรอก" พูดจบเด็กสาวก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องออดิโอ้รูมไป ทิ้งไว้แต่เด็กหนุ่มผมสีเขียวที่นั่งถอนหายใจอยู่คนเดียว

    "เฮ้อ...คงต้องรอคำยืนยังจากพ่อล่ะนะ ยุ่งยากจริงๆ...."

    เด็กสาวเดินออกจากห้องออดิโอ้รูมตรงมายังห้องครัวเพื่อมาดื่มชามะนาวผสมน้ำผี้งที่น้าของตนทำแช่เอาไว้ในชุ่มคอ เพราะช่วงนี้เหมือนจะพูดเยอะหว่าปกติและทำให้เธอเจ็บคอมากกว่าปกติด้วย

    "ไง เจ็บมากมั้ย?" เสียงของน้าหนุ่มวัยยี่สิบปลายๆ ดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสเบาๆ ที่หัว

    "เจ็บจนแทบจะไม่มีเสียงแล้วค่ะ" เด็กสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง ให้ตาย ครั้งหน้าจะไม่พูดแล้ว!

    "ฮ่ะๆๆ น่าสงสารจังนะ อาหารเย็นน้าจะทำให้ตอนหกโมงเช้าพรุ่งนี้ นี่ก็เริ่มดึกแล้ว นอนๆ" มาซาโตะรุนหลังหลานสาวให้ออกจากห้องครัวก่อนจะเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไป

    "สามทุ่มแล้วงั้นเหรอ....ได้เวลาพักแล้วสิ" เด็กสามพึมพำเบาๆ ก่อนจะรียดื่มชาให้หมดแล้วเดินกลับเข้าห้องพักของตัวเองเพื่ออ่านหนังสือและเข้านอน


    "นายน้อยกับท่านเรโอคะ ตอนนี้คุโรโกะคุงได้รับการรักษาแล้วค่ะ" ฮิโตมิโกะเข้ามารายงานผลให้กับสองหนุ่มที่บังเอิญมาขังตัวเองในห้องสมุดด้วยกันทั้งคู่

    "อือ ขอบใจ / ขอบคุณนะที่มาบอก แล้วฉันจะรีบไป" อาคาชิและโรโอะพูดพร้อมกันตามลำดับ ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนที่เรโอะจะหลบสายตา แน่นอนว่าเรโอะยังกังวลกัยอาคาชิอยู่พอสมควร

    "ท่านเรโอะคะ คุณท่านใหญ่เรียกพบนะคะ กรุณาตามฉันมาด้วยค่ะ" ฮิโตมิโกะพูดพลางถือวิสาสะเดินเข้ามาลากตัวเรโอะออกไป เหลือเพียงแค่นายน้อยแห่งตระกูลเท่านั้นที่ยังอยู่ในห้องสมุด ดวงตาสีแดงที่เกิดจากคอนแทกเลนส์มองบรรยากาศรอบๆ ตัวก่อนจะพึมพำออกมาพร้อมกับรอยยิ้มย้ยหยันตัวเอง

    "หึๆ...สุดท้าย....ผมก็ไม่เหลือใครอยู่ดี" ประโยคที่แสนจะเศร้าสร้อยถูกเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะเงียบลงและดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงสะอื้น


    "ฮึก....กี่ครั้งแล้วนะ....ที่ผมต้องอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้......แม่ครับ...."




    ~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~


    จบแล้วจ้า~~~ ตอนนี้สั้นๆ ไม่ยาวมาก นะ พี่สาวของคุโรคุงรู้เรื่องหมดแล้วแต่ยังต้องรอคำยืนยัยจากปากของคุณชิโรตะอยู่ แหม กว่าจะรู้นี่เล่นเอาน้องเขียวลำบากเลย...

    ตอนนี้ในที่สุดอาคาชิก็รู้ใจตัวเองซะที ตอนหน้าเราจะมารู้เรื่องลางสังหรณ์และความลับของอาคาชิกัน! อดใจรออ่นตอนหน้ากันนะคะ เรื่องนี้มีตอนไม่เยอะหรอก เดี๋ยวก็จบแล้ว = =" เพราะไรท์เองก็ต่อไม่ค่อยถูกเหมือนกันค่ะ (ไรท์แบบไหนกันเนี่ย!) อาคาชิคุงอย่าเศร้าไป ไรท์ยังอยู่!

    แล้วมาพบกันตอนหน้านะคะ ^^ แล้วเจอกันค่า~~~












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×