ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KnB Fiction] You're mine นายคือของ(เล่น)ของฉัน [AkaKuro]

    ลำดับตอนที่ #4 : ของเล่นชิ้นที่ 3:: เด็กหนุ่มที่มิอาจเผยตัวตน

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 58


    หลังจากเมื่อเย็นนั้น ในวันนี้อาคาชิก็ไปรับตัวเรโอะมาที่บ้าน.....เพราะว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ วันนี้และพรุ่งนี้เรโอะก็จะต้องมาดูแลคุโรโกะอยู่แล้ว เด็กหนุ่มผมแดงเลยจัดการให้อีกฝ่ายมานอนข้างด้วยไปเลย

    "นี่เซย์จัง...เท็ตจังเขาอาการดีขึ้นแล้วเหรอ?" เรโอะเอ่ยถามในขณะที่เดินไปยังห้องของเจ้าของบ้าน

    "เท็ตสึยะงั้นเหรอ อย่างน้อยๆ อาการก็น่าจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนนั่นแหละ หึ" อาคาชิพูดพลางแสยะยิ้มร้ายกาจออกมาก่อนจะเปิดประตูห้องของตนเข้าไป

    "!!!!" คุโรโกะรีบหันไปมองที่ประตูทันที ในตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังถูกเช็ดตัวให้โดยฮิโตมิโกะ แน่นอนว่าท่อนบนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักตัว ส่วนท่อนล่างก็มีแค่กางเกงขาสั่นที่โชว์เนื้อหนังของเด็กหนุ่มผมฟ้าเท่านั้น

    "หืม...อยู่ในสภาพนี้คิดจะยั่วผมเหรอ..." อาคาชิพูดพลางแสยะยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มผมฟ้าแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้

    "อ...อาคาชิคุง.....ช่วยออกไปก่อนได้มั้ยครับ....ผมจะเปลี่ยนเสื้อ" คุโรโกะขอร้องด้วยใบหน้าที่ออกจะเป็นสีแดงระเรื่อ อาคาชิยังคงยิ้มตามเดิมก่อนจะเดินออกจาห้องพร้อมกับฮิโตมิโกะ

    "เซย์จัง....ทำไมวันนี้นายถึงยอมฟังเท็ตจังล่ะ? ปกติถ้าเห็นแบบนั้นนายต้องเข้าไปทึ้งผมของเท็ตจังแล้วนี้" เรโอะถามด้วยความสงสัย หรือว่าอาคาชิจะกินยาลืมเขย่าขวด??

    "ใช่ แต่ ทำตามสักหน่อยก็ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ เรื่องสนุกๆ น่ะ มันต่อจากนี้ต่างหากล่ะ" ฮิโตมิโกะและเรโอะต่างขนลุกกับคำพูดอันแสนชั่วร้ายของอาคาชิพลางสงสารเด็กหนุ่มจับใจ....วันนี้เด็กคนนั้นจะต้องเจออะไรบ้างนะ.....

    "เท็ตสึยะ ผมเข้าไปล่ะนะ" อาคาชิพูดพลางเปิดประตูเข้าไป คุโรโกะสะดุ้งก่อนจะรีบทำใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามา....และทำการกระชากเส้นผมสีฟ้าอ่อนอย่างแรงจนผมแทบหลุดจากศีรษะ!

    "หึ กล้าออกคำสั่งกับผม ไม่เจียมฐานะตัวเองเลยนะเท็ตสึยะ" อาคาชิพูดเนิบๆ พลางเขย่าหัวคุโรโกะที่ตอนนี้น้ำตาเริ่มซึมออกมาเพราะความเจ็บจากการถูกดึงผม

    "ผ...ผมไม่ได้ออกคำสั่ง......แต่แค่ขอร้อง...." คุโรโกะพูดออกมาอย่างยากลำบากเพราะฝ่ามือใหญ่และกร้านบีบที่กรามของเขาอย่างรุนแรง

    "หึ ไม่เจียมตัวแล้วยังจะมาเถียงอีกนะ ผมบอกแล้วนี่ ว่าผมคือประกาศิต!!!" เด็กหนุ่มผมแดงตะคอกออกมาก่อนจะคว้ากรรไกรด้ามสีดำสนิทมาจากหัวเตียงและแทงลงตรงกลางท้องของคนร่างเล็กอย่างไม่ออมมือ!

    "อั่ก....!!! อึก...อ...อาคา....อาคาชิ...คุง.....เจ็บ!!!" เด็กหนุ่มร้องออกมาทั้งน้ำตา เลือดสีแดงฉานไหลย้อมเสื้อเชิร์ตสีฟ้าอ่อนให้กลายเป็นสีแดงม่วงดูสวยงาม อาคาชิดึงกรรไกรออกอย่างแรงก่อนจะเลียเลือดที่ติดกรรไกรไปด้วยสีหน้าสะใจ

    "หึๆ เท่านี้ยังไม่พอหรอกนะ เท็ตสึยะ!!" อาคาชิพูดพลางผลักคุโรโกะอย่างแรงจนร่างกายของเด็กหนุ่มผมฟ้าไปกระแทกกับชั้นหนังสือ

    "อึก!!....อา....ไม่...ไม่ได้..." คุโรโกะที่สติแทบจะไม่เหลือแล้วนั้นพูดออกมาเบาๆ พลางยกมือขึ้นปิดปาก ความเจ็บปวดนี้มันหนักหนากว่าที่ผ่านๆ มาก็จริง...แต่ก็ไม่ได้หนักเท่าความบอบช้ำและความเจ็บปวดทางจิตใจ...

    "เห....จะไม่ยอมร้องออกมาเหรอ แบบนี้ก็แย่สิ...." อาคาชิกระซิบจรดหูของคุโรโกะที่กำลังปิดปากตัวเองด้วยใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาและหยดเลือดที่กระเซ็นไปโดนแก้ม

    "ไม่...ผมจะ....ไม่ร้อง....." คุโรโกะปิดปากตัวเองแน่นขึ้นไปอีกเพื่อกลั้นไม่ให้ส่งเสียงร้องที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดและเศร้าเสียใจออกมา ดวงตากลมโตสีฟ้าอความารีนมองไปที่ใบหน้าของคนที่ตนเคยรักอย่างเศร้าสร้อยและเจ็บปวดจนทำให้อีกสองคนที่ดูเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่ต้นแทบจะพุ่งเข้าไปพาตัวคนตัวเล็กหนีออกจากห้องบ้าๆ นี่ซะจริงๆ

    "ท...ท่านเรโอะคะ....ฉันว่าพวกเราไปเตรียมของมาเถอะค่ะ......" ฮิโตมิโกะเอ่ยเสียงสั่นเครือ เรโอะที่ทนเห็นภาพนั้นไม่ได้ก็พยักหน้าตอบรับช้าๆ ก่อนจะพาตัวหญิงสาวร่างสูงให้ออกไปด้วยกันเพราะเจ้าตัวนั่นสั่นจนแทบจะเดินหรือทรงตัวไม่ได้

    "ตัวขัดขวางออกไปแล้ว...ไม่คิดจะร้องหน่อยเหรอ??" อาคาชิพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางมองร่างกายของคุโรโกะที่เริ่มซีดจาดการเสียเลือด เด็กหนุ่มผมฟ้าส่ายหัวอย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตาสีฟ้าค่อยๆ ปรือลงเรื่อยๆ พร้อมกับร่างกายที่ความเย็นยะเยือกเริ่มเข้ามาแทนที่ความอบอุ่น...

    "แย่จังน้า......คงจะต้องให้ฮิโตมิโกะมาดูแลซะแล้วสิ....วันนี้นายไม่ทนมือผมเลยนะ ครั้งหน้าอย่าเป็นแบบนี้ล่ะ" อาคาชิพูดพลางมองคนร่างเล็กด้วยสายตากึ่งดูถูกกึ่งสะใจก่อนจะเดินออกจาห้องไปซึ่งสวนทางกับพวกฮิโตมิโกะพอดี

    "พี่เข้าไปนะ....คุโรโกะคุง!!!!" หญิงสาวแทบจะเป็นลมกับสิ่งที่เห็น ร่างเล็กนอนจมกองเลือด เสื้อสีฟ้าอ่อนนั้นชุ่มไปด้วยของเหลวสีชาติไม่เว้นแม้กระทั่งเส้นผมของเด็กหนุ่ม

    "พ....พี่ฮิโตมิโกะ....คุณมิบุจิ...." ร่างเล็กๆ ของเด็กหนุ่มที่นอนจมกองเลือกพูดด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง ดวงตาสีฟ้าอความารีนที่เคยสดใสกลับไร้ชีวิต.....ราวกับว่าดวงตาคู่นี้จะมองไม่เห็นอะไรเลย

    "พี่ต้องพอเธอไปหาหมอแล้ว!" ฮิโตมิโกะพูดพลางพุ่งตัวเข้ามาหาเด็กหนุ่มและพยายามที่จะทำให้โซ่นั่นขาด....แต่ก็ทำไม่ได้

    "คุณยูคิมูระ ผมว่าเรารีบทำแผลให้เท็ตจังก่อนเถอะครับ แบบนี้เขาจะยิ่งเสียเลือดนะ...." เรโอะพูดขึ้นเพราะหากยังไม่รีบปฐมพยาบาลคุโรโกะตอนนี้เขาได้เสียเลือดจนตายแน่ๆ

    "นั่นสินะคะ...." หญิงสาวผมสีดำยาวเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ พยุงร่างเล็กขึ้นและย้ายคุโรโกะที่ไร้เรี่ยวแรงออกจากกองเลือดนั่น ก่อนที่หญิงสาวจะทำการถอดเสื้อของเด็กหนุ่ม

    "เร่งมือเถอะครับ" เรโอะพูดเร่งเมื่อเห็นว่าแผลของเด็กหนุ่มผมฟ้ามากมายขนาดไหน ฮิโตมิโกะพยักหน้าก่อนจะรีบทำแผลให้คนร่างเล็ก


    ทางด้านอาคาชิที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายใจ อยู่ๆ ก็มีเมลส่งเข้ามาทางโทรศัพท์ เด็กหนุ่มหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาเปิดอ่านข้อความนั่นก่อนจะเดินไปหาคนที่ส่งข้อความมาหาตนด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างจะหงุดหงิด

    เด็กหนุ่มเดินมาหยุดที่หน้าประตูบานใหณ่ก่อนจะเคาะประตูตามมารยาท "ผมเซย์จูโร่ครับ"

    "เข้ามา" เสียงทุ้มต่ำอันทรงอำนาจดังขึ้นเมื่ออาคาชิพูดจบ เด็กหนุ่มเปิดประตูเข้าไปก่อนจะพบกับบุคคลที่ทรงอำนาจที่สุด..... อาคาชิ มาซาโอมิ

    "คุณพ่อเรียกผม....มีธุระอะไรงั้นเหรอครับ?" อาคาชิเอ่ยถามอย่างสุภาพ...ทั้งๆ ที่ในใจนั้นกำลังเกรี้ยวกราด

    "ฉันอยากให้แกไปดูแลบริษัทหุ่นส่วนที่ฮอกไกโด ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง ออกเดินทางเย็นนี้ เอาสำภาระที่จำเป็นไปแค่นิดเดียวพอ" มาซาโอมิเอ่ยรวบรัดก่อนจะเซ็นเอกสารต่อ อาคาชิแอบทำสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าตนจะไม่ได้ทรมาณร่างเล็กนั่นเป็นเวลาโดยรวมห้าวัน.....แต่นั่นก็ไม่พ้นสายตาของชายวัยกลางคนผมสีน้ำตาลคนนี้

    "คำตอบล่ะ"

    "ครับ....ผมจะเก็บของทันที...." ยังไม่ทันที่อาคาชิพูดจบ มาซาโอมิก็แทรกขึ้นมาก่อนว่า "ให้ฮิโตมิโกะเก็บของแทนซะ แกน่ะไป่านรายละเอียดของงานที่บริษัทหุ่นส่วนก่อนออกเดินทาง"

    ".....เข้าใจแล้วครับ ถ้าหมดธุระเพียงเท่านี้ผมขอตัวนะครับ" อาคาชิพูดด้วยความแค้นใจก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของผู้นำตระกูลอาคาชิไป

    ".....ลุงช่วยเธอได้แค่นี้ล่ะนะ.....คุโรโกะคุง....."


    "ฮิโตมิโกะ ผมจะต้องออกเดินทางไปฮอกไกโดห้าวัน จัดของให้ด้วย ผมต้องไปอ่านเอกสาร" อาคาชิที่เปิด(เตะ)ประตูห้องของตนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดก่อนจะจากไป หญิงสาวตอบรับเบาๆ ในขณะที่กำลังพันแผลให้กับเด็กหนุ่มผมฟ้าที่สลบไปเพราะแอลกอฮอล์ล้างแผล

    "เหอะ! ไว้รอฉันกลับมาก่อนเถอะ แล้วนายจะได้เห็นดีกัน ทั้งมาซาโอมิ แล้วก็เท็ตสึยะ!!!" เด็กหนุ่มผมแดงเอ่ยขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาต่างสีแสดงถึงความคับแค้นในอดีต......อดีตเมื่อตอนที่ตนยังเด็ก....


    "คุณลุงงั้นเหรอครับ" เรโอะเอ่ยถามเบาๆ ฮิโตมิโกะพยักหน้าแทนคำพูดก่อนจะพยุงร่างเล็กไปนอนเตียง

    "ฉันไปเก็บของให้นายน้อยล่ะนะคะ ท่านเรโอะคะ ฝากดูแลคุโรโกะคุงด้วยนะคะ" หญิงสาวพูดเบาๆ พลางเดินไปจัดกระเป๋าเดินทางให้อาคาชิอย่างรวดเร็ว เรโอะนิ่งเงียบก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเรือนผมสีฟ้าอ่อน

    "เมื่อไหรกันนะ.......ที่นายจะได้เป็นอิสระจากเซย์จัง...."


    ตัดมาทางด้านพวกคางามิ.......ที่เหมือนจะกำลังมีปัญหาอยู่

    "นี่พวกนาย.....จะยกโขยงมาทำไม....." เด็กสาวผมสีฟ้าอ่อนพูดเนิบๆ เบาๆ พลางมองไล่จากคิเสะ คางามิ อาโอมิเนะ โมโมอิ มิโดริมะและทาคาโอะ

    "แหม ได้ไปทัศนศึกษาเกียวโตฟรีๆ ใครๆ เขาก็อยากไป..........ขอโทษครับ" ทาคาโอะหุบปากลงทันทีที่มิซึฮะแผ่รังสีมาคุ

    "พวกเราก็เป็นห่วงทั้งเจ้าคุโรโกะและเป็นห่วงรุ่นพี่นะ ให้พวกเราไปด้วยเถอะ" คางามิพูดพลางทำสีหน้าจริงจัง เด็กสาวถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ายอมแพ้ "ก็ได้ แต่มิโดริมะคุงจะไปด้วยแน่ๆ เหรอ?"

    "ผมแค่ถูกเจ้าบ้านี่ลากมาน่ะ" มิโดริมะพูดพลางเขกหัวทาคาโอะแรงๆ

    "โอ้ย! ชินจัง!"

    "คุณน้าคะ ออกรถเถอะคะ" มิซึฮะหันไปบอกกับชายหนุ่มผมสีเทาซีดจนเกือบขาวที่เป็นคนอาสามาขับรถ

    "ได้ เป้าหมายคือเกียวโต...บ้านพักที่คุณเท็ตสึโยชิสร้างไว้สินะ" ชายหนุ่มพูดพลางหันมามองคนด้านหลัง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มคล้ายอาโอมิเนะแต่อ่อนโยนกว่าทอดมองคนรุ่นหลานด้วยความเอ็นดู

    "ค่ะ ฝากด้วยนะคะ" มิซึฮะพูดพร้อมยิ้มน้อยๆ ให้ผู้เป็นน้าก่อนที่คิเสะจะถามขึ้นว่า "พี่มิซึฮะ ผู้ชายคนนี้คือ..."

    "อายาโนะโควจิ มาซาโตะ น้าแท้ๆ ของฉันเอง" มิซึฮะตอบพลางหยิบที่รวบผมขึ้นมารวบผมที่ยาวจนแทบจะน่ารำคาญของตน

    "โห.....ตระกูลอายาโนะโควจิงั้นเหรอ....เป็นตระกูลที่เก่าแก่พอๆ กับอาคาชิเลยนะ...ใช่มั้ยมิโดริมัจจิ?" คิเสะพูดพลางหันไปถามเพื่อนผมเขียวที่เอาแต่เงียบหลังจากออกเดินทาง

    "อา รุ่นพี่คุโรโกะ แม่ของรุ่นพี่เป็นคนในตระกูลอายาโนะโควจิงั้นเหรอ?" มิโดริมะถามขึ้นด้วยความสงสัย และเพราะตนนั้นไม่ค่อยได้ซักประวัติของสองพี่น้องคุโรโกะเท่าไหร่นักจึงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรของพวกเขานอกจากพ่อของทั้งสองคนทำงานเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ

    "ใช่ แม่ฉันชื่อเดิมคือ อายาโนะโควจิ ฮารุยะ เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลนี้น่ะ"

    "ทำไมชื่อไม่ค่อยเหมือนพี่มิซึฮะล่ะ?" ทาคาโอะถามพลางหยิบขนมขึ้นมากิน เด็กสาวมองอย่างเอือมๆ เล็กน้อยก่อนจะตอบว่า "ชื่อมิซึฮะของฉันน่ะคันจิ 光晴 มีความหมายว่าแสงแดด ส่วนแม่คันจิ 晴矢 มีความหมายว่าศรแห่งเมฆา ชื่อจะคล้ายๆ สภาพอากาศ ส่วนพ่อกับเท็ตสึยะชื่อมีความหมายคล้ายๆ กัน แต่ไม่ทั้งหมด" เด็กสาวอธิบายก่อนจะหลับตาลงช้าๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่ให้มารบกวนก่อนจะหยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงในเครื่องเล่น MP3

    "ถ้าเหนื่อยก็นอนพักกันตามสบายนะ" มาซาโตะพูดด้วยความเอ็นดู พวกเด็กๆ พยักหน้าก่อนจะผ่อนตามสไตล์ของตน คิเสะ โมโมอิ ทาคาโอะ และคางามิหลับ อาโอมิเนะอ่านหนังสือของนางแบบชุดว่ายน้ำโฮริคิตะ ไม ส่วนมิโดริมะดูรายการโอฮาอาสะ (ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกมั้ยนะคะ)


    กลับมาที่คฤหาสน์ของอาคาชิ เด็กหนุ่มผมแดงมองหน้าผู้เป็นพ่อที่ออกมายืนส่งเขาที่จะออกเดินทางไปฮอกไกโด

    "ผมไปละครับ" อาคาชิพูดเรียบๆ แต่ก็ยังคงความสุภาพไวเดังเดิม มาซาโอมิพยักหน้าก่อนจะรุนหลังเด็กหนุ่มผมแดงให้ขึ้นรถไป

    "โชคดีนะเซย์จัง / โชคดีค่ะนายน้อย" เรโอะและฮิโตมิโกะพูดออกมาพร้อมกันในขณะที่อาคาชิกำลังเดินขึ้นรถ เด็กหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยและหลังจากนั้นรถก็ออกตัวไปยังฮอกไกโดทันที

    "รีบพาคุโรโกะคุงไปโรงพยาบาลเร็วเข้าฮิโตมิโกะ!" มาซาโอมิพูดขึ้นทันทีที่รถออกจากเขตคฤหาสน์ ฮิโตมิโกะพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะรีบไปหาคุโรโกะบนห้องของอาคาชิ

    "พ่อก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอกนะ แต่เพื่อรักษาชีวิตลูกชายยัยนั่นพ่อก็จำเป็นจะต้องทำ...." มาซาโอมิพึมพำเบาๆ พลางปิดเครื่องปั่นไฟหลักเพื่อหยุดการทำงานของกล้องวงจรปิดในห้องของอาคาชิก่อนจะเดินไปที่โรงเก็บรถและถอยรถออกมาจอดหน้าคฤหาสน์

    "แย่ละ....ลืมไปเลยว่าโซ่นั่น....." ชายวัยกลางคนพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะออกจากรถเดินไปหยิบคีมตัดโซ่แล้วมุ่งหน้าไปห้องของอาคาชิ

    "คุณท่านค่ะ รู้สึกว่าคุณท่านจะไม่ให้คีมตัดโซ่นะคะ" ฮิโตมิโกะพูดพลางมองคนที่ถือคีมตัดโซ่ขนาดใหญ่เดินเอื่อยๆ เข้ามาในห้อง มาซาโอมิพึมพำว่าขอโทษเบาๆ ก่อนจะยื่นคีมยักษ์ให้หญิงสาว

    แกร๊ก!.... กึก!!

    "ขาดแล้ว!" หญิงสาวร้องเบาๆ เมื่อเห็นว่าโซ่ขาด มาซาโอมิตรงเข้าไปอุ้มร่างเล็กๆ ของคุโรโกะทันทีก่อนจะรีบพาไปขึ้นรถ....รวมทั้งเรโอะและฮิโตมิโกะด้วย


    พอมาซาโอมิพาตัวคุโรโกะมาโรงพยาบาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล มิโดริมะ ชิโรตะ ก็รีบตรงเข้ามาหาเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่พาเด็กหนุ่มร่างเล็กมาทันที

    "อาการเขาเป็นไง?" ชิโรตะถามเสียงเครียด ดูจากใบหน้า ริมฝีปาก และอาการสั่นน้อยๆ นั่นก็รู้ได้เลยว่าสาหัสแน่นอน

    "ถูกทำร้ายร่างกายโดยไม่ให้เวลาฟื้นตัวเป็นเวลาร่วม 23 วัน" มาซาโอมิตอบเสียงเครียดไม่แพ้กันก่อนจะวางร่างเล็กลงบนเตียงผู้ป่วยอย่างเบามือ

    "เด็กคนนี้คงจะได้ยาจากเซย์จูโร่ไปแผลส่วนใหญ่เลยไม่ได้สาหัสมาก......แต่ก็ต้องขอบคุณความอึดทางจิตใจของเด็กคนนี้นะ" ชิโรตะพูดพลางลูบผมสีฟ้าอ่อนของคุโรโกะเบาๆ พลันก็นึกสงสารจับใจที่ต้องมาเห็นเด็กรุ่นลูกถูกทรมาณ....แม้หลับยังสั่นได้ขนาดนี้ ถ้าตื่นขึ้นมาล่ะจะขนาดไหนกัน.....

    "แต่คุโรโกะคุงบอบช้ำทั้งกายและใจนะ ถ้ายัยฮารุรู้เข้า......." มาซาโอมิพูดแล้วก็อดขนลุกไม่ได้ เพราะแม่ของคุโรโกะมีอำนาจมากพอๆ กับเขา แถมยังเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวพอสมควร ถ้ารู้ว่าลูกชายสุดรักสุดหวงถูกทำร้ายขนาดนี้....ลูกชายคนนี้ของเขาจะเป็นยังไงต่อไปนะ....

    "ลางสังหรณ์ของเซย์จูโร่ไม่ผิดจากที่พูด และดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะคิดว่าเซย์จูโร่ตายไปแล้ว" ชิโรตะพูดพลางฉีดยาให้คุโรโกะ ร่างเล็กกระตุกเฮือกก่อนจะลืมตาขึ้นมามองชายหนุ่มผมสีดำตรงหน้า

    "พ.....พ่อของมิโดริมะคุง....กับคุณลุงมาซาโอมิ!?" คุโรโกะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแหบพร่า ชายวัยกลางคนทั้งสองแย้มรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนไปให้เด็กหนุ่มที่กำลังสั่นด้วยความกลัวและความเจ็บที่แล่นริ้วขึ้นมาจนชาไปทั้งตัว

    "ลุงจะพาเธอกลับไปหาพี่เธอเองนะคุโรโกะคุง......" ยังไม่ทันที่ชิโรตะจะพูดจบ คุโรโกะก็แทรกขึ้นมาว่า "อย่าดีกว่าครับ ถึงผมจะได้กลับไปหาพี่มิซึฮะ แต่เดี๋ยวอาคาชิคุงเขาก็จะมาตามผมกลับไปและทำร้ายร่างกายผมหนักยิ่งกว่าที่ผ่านมา..... 23 วันที่ผ่านมาน่ะ การที่ผมยังมีชีวิตอยู่แบบนี้ก็ถือว่าผมอึดมากพอแล้วล่ะครับ"

    "จริงอย่างที่คุโรโกะคุงพูดนะ เด็กคนนั้นน่ะอยู่กับเจ้ามาซาโยชิและถูกตามใจมากจนนิสัยเสีย ถ้าพาตัวคุโรโกะคุงกลับไป มีหวัง...." มาซาโอมิก็พูดขึ้นมาบ้าง เขายังไม่อยากให้เด็กหนุ่มกลับไปเพราะยังมีความลับอีกหลายอย่างที่เขายังต้องรู้.....

    "ตอนนี้อาการยังไม่สู้ดี.....แต่คงต้องให้มาซาโอมิรีบพาเธอกลับคฤหาสน์อาคาชิล่ะนะ" ชิโรตะพูดพลางลูบผมของคุโรโกะด้วยความเอ็นดูปนสงสาร ไม่เว้นแม้แต่พวกฮิโตมิโกะที่มองดูอยู่รอบนอก พวกเขาไม่อยากให้เด็กน้อยที่แสนจะน่าเอ็นดูคนนี้ต้องกลับไปอยู่ในสถานที่ที่ทรมาณขนาดนั้น...

    "อา ไว้คราวหลังฉันจะมารับให้นายไปดูอาการให้คุโรโกะคุงนะ แล้วเจอกัน" มาซาโอมิบอกลาเพื่อนสนิทก่อนจะอุ้มคุโรโกะและเดินออกไปพร้อมกับฮิโตมิโกะและเรโอะที่พึ่งจะเดินมาสมทบเพราะไปรับยาบำรุงเลือด

    "เมื่อกี้คุณพ่อพาคุโรโกะมาเหรอครับ?" เสียงทุ้มนุ่มฟังดูอ่อนโยนดังขึ้นมาจากด้านหลังของมิโดริมะ ชิโรตะ ชายวัยกลางคนหันหลังไปมองคนรุ่นลูกอีกคนที่พึ่งจะออกมาเดินได้ไม่นาน

    "ออกมาเองได้แล้วเหรอ? อาการดีขึ้นมากแล้วสินะ" ชายวัยกลางคนถามด้วยความเอ็นดูพลางหยิบเอกสารขึ้นมาตรวจเช็ค

    "ครับ ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว ต้องขอบคุณคุณลุงมากเลยนะครับ" เด็กหนุ่มพูดพลางโค้งให้อีกฝ่ายอย่างสุภาพ ชิโรตะส่ายหน้าก่อนจะพูดเป็นเชิงไม่ใส่ว่า "เรารู้จักกันมานานมากแล้วนะ ตอนนี้การผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะของเธอสำเร็จไปแล้ว 80% แล้วก็ต้องรอทำกายภาพบำบัดอีกนะ"

    "ครับ...ว่าแต่...เซย์โตะเขาทำอะไรคุโรโกะไปบ้างครับ?" เด็กหนุ่มถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะวิตกกังวล ชิโรตะวางแฟ้มงานลงก่อนจะเดินไปชงชามาให้ตนเองและเด็กหนุ่มพลางตอบคำถามเมื่อครู่ว่า "เด็กคนนั้นจัดหนักจนเจ้ามาซาโอมิต้องพาตัวคุโรโกะคุงมาฉีดยาลดไข้ เด็กคนนั้นมีความเครียดสะสม แถมร่างกายก็ถูกกระทำจนแทบจะไม่น่ารอด ดีที่ไม่เกิดอาการแทรกซ้อน ถ้ามีละก็คุโรโกะคุงไม่รอดแน่" เด็กหนุ่มเจ้าของคำถามกัดฟัยด้วยความเจ็บใจ ตอนนี้เขายังทำอะไรไม่ได้เพราะร่างกายไม่พร้อม....

    "ลุงเข้าใจว่าเธอเป็นห่วงคุโรโกะคุง เพราะงั้นเธอก็ต้องพยายามให้มากๆ ล่ะ สำหรับกายภาพบำบัดน่ะ"

    "ครับ งั้น..ผมขอตัวกลับไปพักเลยนะครับ" เด็กหนุ่มบอกลากก่อนจะเดินกลับไปยังที่ที่ตนออกมา

    "ชีวิตคนหนุ่มสาวยังอีกยาวไกล......เธอคงจะแค้นตระกูลหลักมากสินะ......เกิดมาก็ไม่เคยได้เจอหน้าแม่แท้ๆ แถมยังไม่ได้อยู่กับครอบครัวที่แท้จริง แต่ทำไมล่ะ.......ทำไมเธอต้องทำอย่างนี้นะ......" ชิโรตะพึมพำด้วยใบหน้าอันแสนเศร้าสร้อยเมื่อคิดถึงเด็กหนุ่มผู้ที่มีดวงตาสีทองแดง ใบหน้าที่แสนจะเย็นชากับความกร้าวนั่น.....


    "ถ้าเป็นได้ ลุงก็อยากจะย้อนเวลาให้พวกเธอทั้งสองคนเหลือเกิน....."


    ~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~


    จบแล้วจ้า~~~ ตอนที่ 3 นะคะ ตอนนี้แหม่งๆ ยังไงไม่รู้ เพราะพออาคาชิคุงเอากรรไกรแทงคุโระคุงไป 2-3 แผลคุณพ่อก็สั่งให้ไปดูงานที่ฮอกไกโดเลย แถมดูเหมือนคุณพ่อจะรู้อะไรมากกว่าที่คนอื่นๆ คิด แถมเด็กหนุ่มที่คุยกับพ่อของมิโดรินคุงคือใคร!!

    อธิบายเกี่ยวกับญาติๆ ฝั่งแม่ของพวกคุโรโกะนะคะ

    ชื่อเดิมของแม่ของคุโรโกะและพี่สาวคือ อายาโนะโควจิ ฮารุยะ มีน้องๆ อีก 5 คน ตามลำดับนะคะ

    1. อายาโนะโควิจิ ฮารุยะ

    2. อายาโนะโควจิ มิยาบิ

    3. อายาโนะโควจิ โทคิโอะ

    4. อายาโนะโควจิ นัทสึเมะ

    5. อายาโนะโควจิ ฟุยุเมะ

    6. อายาโนะโควจิ มาซาโตะ

    บ้านนี้ญาติเยอะซะจริง= =" ผิดกับคุณพ่อของคุโระคุงเลยค่ะที่เป็นลูกคนเดียว แถมยังมีงานเป็นถึงรัฐมนตรีอีก แบบนี้ก็เท่ากับว่าทั้งคุโระคุงและพี่สาวเป็นลูกคุณหนูสินะคะ จะรับไรท์ไปเป็นคนใช้มั้ย??

    เรื่องราวมันชักจะแปลกๆ ไปเรื่อยๆ คุโระคุงเองก็เหมือนจะรู้อะไรบางอย่างแต่กลับไม่รู้?? ส่วนคนกุมความลับอย่างคุณพ่อกับคุณชิโรตะ(ไม่รู้ว่าพ่อมิโดรินคุงชื่ออะไร เลยคิดชื่อนี้มาให้ค่ะ) ก็ไม่ยอมบอกอะไรเพิ่มเติมอีก แบบนี้ผู้อ่านทั้งหลายเขาก็ยิ่งสงสัยสิ!! (เดี๋ยวๆ เอ็งแต่งนี่!) อา....ใบ้ๆ ตอนหน้านะคะ อาคาชิคุงจะทำให้แขนขวาของคุโระคุงหัก.......แตะจะด้วยวิธีไหนต้องรอดู(อ่าน)เอานะคะ และแน่นอนว่าต้องขึ้นอยู่กับความซาดิสม์ของไรท์ด้วย =.,=(ผิดหน้าๆ) เอ้า! ไรท์พล่ามมากแล้ว ไปล่ะคะ แล้วไว้เจอกันนะคะ ขอโทษที่ช่วงนี้มาอัพช้า(มาก)ค่ะเพราะไรท์เรียนไม่หยุดเลย ขอโทษอีกครั้งนะคะ แล้วไว้พบกันตอนหน้าค่ะ See you again to next story ค่ะ ^^













    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×