ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KnB Fiction] You're mine นายคือของ(เล่น)ของฉัน [AkaKuro]

    ลำดับตอนที่ #3 : ของเล่นชิ้นที่ 2:: อยากบอก...แต่บอกไม่ได้

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 58


     "อึก....อืม....แสบตา...." เสียงหวานอันแหบแห้งดังขึ้นมาเบาๆ ทำไมวันนี้เขารู้สึกสบายตัวจัง...หรือว่า...เขาตายแล้วเหรอ...

    "ไม่สิ....วันนี้...อาคาชิคุงไม่ได้'ปลุก'ต่างหาก..." ร่างเล็กๆ ที่แขนและขาถูกล่ามโซ่เอาไว้ค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นนั่งช้าๆ พลางสำรวจตัวเองเล็กน้อย

    ".....รู้สึกว่านอกจากจะไม่ถูก'ปลุก'แล้วยังไม่ถูก'ซ้ำ'แฮะ....หรือว่า....เขาจะให้เราพักจริงๆ.....บ้าน่า ยังไงซะ เย็นนี้....." ร่างเล็กๆ ของคุโรโกะพึมพำเบาๆ พลางลากสังขารตัวเองไปยังกระจกบานใหญ่ ปากที่บวมแดงและช้ำเลือด รอบๆ หัวมีผ้าพันแผลสีขาวสะอาดพันรอบๆ มือเล็กๆ ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อตัวเองช้าๆ เพื่อมองแผลภายใน ทั่วทั้งตัวตั้งแต่ช่วงไหล่ไล่ไปจนถึงรอบเอวมีผ้าพันแผลเต็มไปหมด

    "พี่ฮิโตมิโกะสินะ.....เหนื่อยจัง...." คุโรโกะพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนเพลีย เขาถูกจับมาวันนี้ก็วันที่ 22 แล้ว แต่ก็ถูกอาคาชิทรมาณโดยไม่ให้หยุดพักซะที.....ร่างเล็กคิดว่า ไหนๆ ก็ไม่ถูก'ปลุก'แล้ว ขอนอนฟื้นแรงเลยละกัน....


    "โฮ่ย!! มิซึฮะ! ส่งลูกมาที!" เสียงทุ้มห้าวของฮิวงะ กัปตันชมรมบาสแห่งเซย์รินร้องขึ้นเมื่อลูกบาสที่ใช้ซ้อมแข่งไปอยู่กับผู้จัดการสาวสุดเงียบ...

    "ก็ได้" เด็กสาวพูดเบาๆ ก่อนจะโยนลูกบาสขึ้นและตั้งท่าเดียวกันกับที่คุโรโกะใช้พาสลูก

    "อิกไนท์พาสไค....ฉบับปรับปรุง..." ตุ้บ!! เสียงฝากมือกระทบกับลูกบาสดังลั่น ฮิวงะหน้าเหวอไปทันทีก่อนจะถูกลูกบาสอัดเข้ากลางท้อง

    "ม...มิซึฮะ!! จะฆ่ากันเรอะ!!!" ฮิวงะร้องโวยวายทันทีก่อนที่คิโยชิกับมิโตเบะจะมาช่วยพยุงกัปตันที่เจ็บจนแทบกระอักเลือด

    "ขอโทษ พอดีอยากลองใช้ท่าของเท็ตสึยะน่ะ เห็นว่ามันน่าสนุกดี" เด็กสาวตอบกลับหน้าตายก่อนจะเดินไปหาโค้ชสาวที่กำลังคุมปีหนึ่งอยู่

    "คางามิคุง! ฟุริฮาตะคุง! มานี่เดี๋ยวสิ" โค้ชสาวเอ่ยเรียกเด็กปีหนึ่งทั้งสองคนนั่นก็คือฟุริฮาตะ โควคิกับคางามิ ไทกะ

    "มีอะไร....เหรอครับ" คางามิเอ่ยถามโดยไม่ลืมใส่หางเสียงลงไป ส่วนฟุริฮาตะก็ยืนอยู่ข้างๆ คางามิเงียบๆ เพราะไม่รู้ว่าตนควรจะพูดอะไรต่อ

    "ฉันอยากให้พวกนายปรับรูปแบบการเล่นนิดหน่อย" ริโกะพูดพลางเรียกเหล่านักกีฬาตัวจริงมาทั้งหมดมาประชุมรูปแบบการเล่นใหม่

    "ทำไมจะต้องเปลี่ยนรูปแบบ....ออ เก็ทแล้ว" ฮิวงะพูดพลางเบนสายตาไปทางมิซึฮะเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมด

    "จะให้เป็นแบบไหนล่ะ?" คิโยชิเอ่ยถามพลางมองสนามบาสย่อส่วนที่มิซึฮะซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดให้กับริโกะ

    "ให้ทุกคนเข้ามาเสริมส่วนที่ขาด เสริมแนวบุกให้มากกว่าที่ผ่านมา ความจริงฉันอยากให้มิซึฮะลงแข่งด้วยแต่เสียดายที่ที่นี่มีแต่ชมรมบาสชาย แถมปัญหาที่ใหญ่กว่าก็คือ ถ้าจับมิซึฮะแต่งชายทุกคนก็ต้องรู้แน่ๆ เพราะข่าวเรื่องที่คุโรโกะคุงหายตัวไปเกือบเดือนนั่น..." ยังไม่ทันที่ริโกะจะพูดจบ เด็กสาวอีกคนที่นั่งฟังมาเงียบๆ ก็พูดแทรกขึ้นมาว่า "วิธีที่จะให้ฉันลงเล่นได้น่ะ มันมีนะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพวกนายด้วย" เด็กสาวพูดพลางมองกระดานบาสนั่นนิ่งๆ ริโกะที่ได้ยินก็ยิ้มชนิดออร่าแผ่ซะสว่างไสวก่อนจะเดินเข้าไปกุมมือเด็กสาวผมฟ้าอ่อนพลางพูดว่า "วิธีที่ว่าน่ะมันคืออะไรเหรอ? บอกหน่อยสิ" มิซึฮะมองคนที่กุมมือตนนิ่งๆ ก่อนจะอธิบายไปว่า "ฉันปลอมเป็นชาย....แต่ว่า มันก็ขึ้นอยู่กับพวกนายว่าจะปิดความลับไปได้ขนาดไหน แต่ก็มีความเสี่ยงพอสมควร"

    "อืม.....แล้ว ข่าวคราวเรื่องของคุโรโกะคุงนี่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยเหรอ?" ริโกะพูดพลางหันไปมองคางามิที่นั่งข้างๆ ฟุริฮาตะเงียบ เด็กหนุ่มส่ายหน้าพลางพูดว่า "เรื่องนี้ต้องไปถามไอ้โฮ่.....โอ๊ย!!!" ตุ้บ! เสียงลูกบาสกระแทกเข้าหัวของคางามิเข้าอย่างจัง เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดพลางหันไปตะวาดทางด้านหลังว่า "ไอ้บ้าที่ไหนมันทำฟะ!!"

    "ฉันเอง แกนะแก คางามิ! อย่ามาเรียกฉันไอ้โฮ่นะเฟ้ย! ฉันชื่ออาโอมิเนะ จำใส่กะบาลกลวงๆ แกไว้ซะ" เด็กหนุ่มผมน้ำเงินนามอาโอมิเนะ ไดกิพูดพลางชี้หน้าด่าคางามิโดยไม่สนคนในชมรมบาสเซย์รินเลยสักคน

    "อะไรนะ! แกบอกว่าแกชื่ออาโฮ่มิเนะ ดำกิเรอะ!! เปลี่ยนชื่อตอนไหนฟะ ไม่บอกเลย!" เด็กหนุ่มคิ้วสองแฉกตอกกลับพลางทำหน้าเยาะเย้ยอาโอมิเนะเล่นๆ จนคนที่ผิวเข้มกว่าหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม

    "แกนะแก ไอ้บ้างามิ!!" อาโอมิเนะตั้งท่าจะเข้าไปฟัดกับคางามิ ซึ่งอีกฝ่ายก็แสยะยิ้มเตรียมพร้อมมีเรื่องเช่นกัน มิซึฮะเงยหน้ามองคนทะเลาะกันนิ่งๆ แต่คนอื่นๆ กลับสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวเด็กสาว

    "แก..ตายซะเถอะ!!!" ผลั่ว! ผลั่ว! เสียงกำปั้นกระแทกลงกลางหัวดังขึ้นสองครั้งติดต่อกัน คางามิกับอาโอมิเนะที่กำลังจะมีเรื่องกันนั้น ถูกห้ามโดยมิซึฮะที่ไปยืนขั้นตรงกลางทั้งสองคนที่กำลังนั่งกุมหัวตัวเองอยู่

    "อย่ามาทะเลาะกันที่นี่ มันน่ารำคาญ แล้วอาโอมิเนะคุง นายมาทำอะไรที่นี่?" เด็กสาวหันไปมองเด็กหนุ่มผิวเข้มที่ลูบหัวตรงจุดที่บวมปูดเบาๆ พลางตอบคำถามของรุ่นพี่สาวจอมโหดว่า "มาส่งข่าวน่ะสิ ยัยซัทซึกิได้ข่าวใหม่มา" เหล่านักกีฬาทีมเซย์รินรวมไปถึงโค้ชสาวเบิกตากว้างทันทีกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะรีบเข้าไปรุมร้อมอาโอมิเนะ

    "ซัทซึกิจัง? อยู่ที่ไหนล่ะ?" มิซึฮะถามพลางลากอาโอมิเนะกับคางามิออกมานอกวงญี่ปุ่นมุงก่อนจะนั่งลงข้างๆ คางามิ

    "อยู่นี่จ้า~~ ไม่ได้เจอกันตั้งแต่เรียนจบแล้วสินะคะลูกพี่" เด็กสาวรูปร่างสุดเซ็กซี่นามโมโมอิ ซัทซึกิพูดพลางทำความเคารพแบบทหารให้กับเด็กสาวร่างสูง มิซึฮะกุมขมับเล็กน้อย นี่ฉันไปเป็นทหารตอนไหนเนี่ย

    "อืม ตั้งแต่ที่ฉัยเรียนจบที่เทย์โควล่ะนะ" มิซึฮะยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะก้มหน้าลงมามองโมโมอิที่ตัวเล็กกว่า

    "ง่า...ลูกพี่สูงเกินไปแล้วนะ เมื่อก่อนจะตัวเท่าๆ กับฉันเลยนี่" โมโมอิพองแก้มป่องพลางเงยหน้ามองคนที่สูงกว่าตน

    "หืม...อะไรกัน นี่ฉันสูงขึ้นงั้นเหรอ?" เด็กสาวผมฟ้าพูดพลางวัดความสูงของตนกับเด็กสาวผมสีชมพูตรงหน้า

    "อะไรๆ นี่เธอลืมไปแล้วเหรอ ตอนตรวร่างกายนักกีฬาเธอน่ะสูง 175 เซนนี่ สูงกว่าเจ้าอาคาชิอีก" ฮิวงะพูดพลางจ้องมองความสูงเกินเกณฑ์เด็กผู้หญิงของมิซึฮะด้วยสายตาทึ่งๆ

    "เหรอ.....จะว่าไป ตอนนั้น.....ช่างเถอะ" เด็กสาวพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินกับเด็กสาวผมสีชมพูพลางถามว่า "มีอะไรจะมาบอกเหรอ?"

    "คือว่า ข่าวนี่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดนะคะ แต่ว่า ในวันที่เท็ตสึคุงหายไปน่ะมีคนที่บังเอิญไปเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีน่ะคะ ลูกพี่ก็รู้จักเขานะคะ คางามินด้วย"

    "ฉันรู้จัก? / ฉันรู้จัก...เดี๋ยว! ไอ้คางามินนี่มันอะไรฟะ!" ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันโดยที่คางามิท้วงชื่อของตนในประโยคสุดท้าย

    "อื้อ คุณฮิมุโระ ทัตสึยะไง"

    "หา!!! ทัตสึยะ!! / ฮิมุโระเหรอ!?" ทั้งสองพูดออกมาด้วยความตกใจ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นกัน

    "อือ เขาบอกว่าระหว่างที่เดินทางกลับจากจังหวัดอาคิตะน่ะ เขาเห็นอาคาชิคุงลากเท็ตสึคุงขึ้นรถน่ะ" โมโมอิพูดพลางยื่นโน้ตเล่มเล็กที่เธอเขียนเอาไว้มาให้กับเด็กสาวร่างสูง มิซึฮะรับไว้พลางพูดขอบคุณโมโมอิเบาๆ

    "อ้อ! วันนี้มิโดรินกับทาคาโอะคุงเขาจะแวะมาแถวๆ นี้ล่ะ ฉันชวนเชาไปกินไอศกรีมด้วยกันแล้ว หลังจากที่พวกลูกพี่ซ้อมเสร็จก็มาด้วยกันนะคะ ไปกันเถอะไดจัง โดดซ้อมมาแบบนี้รุ่นพี่อิมาโยชิจะยิ้มสยองเอานะ ลาล่ะคะทุกคน" โมโมอิพูดรัวๆ ก่อนจะลากคออาโอมิเนะกลับไปซ้อมต่อ

    "เอ่อ...สรุป...เจ้าอาโฮ่...อาโอมิเนะมันชวนเราไปกินไอติมใช่มั้ย....ครับรุ่นพี่" คางามิถามพลางหันมามองมิซึฮะที่เปิดสมุดโน้ตของโมโมอิด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ

    "อืม อาจจะ แต่ว่ามันก็เป็นโชคดีของฉันล่ะ" มิซึฮะพูดพลางเปิดสมุดโน้ตหน้าสุดท้ายและอ่านมันอย่างรวดเร็ว คางามิอ้าปากเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าลงช้าๆ เป็นเชิงบอกว่าเข้าใจความหมายแล้ว

    "งั้นเราก็กลับไปประชุมทีมต่อดีกว่า....พวกนายจะยืนเอ๋ออีกนานมั้ย ฉันไม่อยากพูดมากนะ" มิซึฮะเอ่ยเรียกสติคนอื่นๆ เล็กน้อยก่อนจะมารวมหัวกันประชุมต่อ


    "อืม.....น...นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย?!" คุโรโกะที่ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียพูดพลางกันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่อยู่ข้างชั้นวางหนังสือก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

    "อะไรกัน...ห้าโมงเย็นแล้วเหรอ...." เด็กหนุ่มร่างเล็กพึมพำพลางกอดร่างกายของตนที่กำลังสั่นเทา วันนี้อาจจะถูกทรมาณอีกก็ได้....คงจะต้องเตรียมใจไว้เผื่ออีกฝ่ายจะรุนแรงกับตน...

    ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง คุโรโกะหันไปมองประตูทันที จังหวะการเคาะแบบนี้...พี่ฮิโตมิโกะ

    "คุโรโกะคุง พี่มาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้จ้ะ" เด็กหนุ่มพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อตนออก

    "แผลเป็นยังไงบ้าง?" หญิงสาวถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เด็กหนุ่มได้พักผ่อนแล้ว....เท่านี้เธอก็ดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้

    "ยังเจ็บๆ อยู่เล็กน้อยครับ แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก" คุโรโกะตอบพลางยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อย พลางมองแผลที่ดูเหมือนจะหายเร็วผิดปกติ

    "หืม.....แผลของคุโรโกะคุง....รู้สึกจะหายเร็วเกินไปนะ" หญิงสาวพูดพลางมองแผลที่ท้องที่เริ่มตกสะเก็ดแล้วด้วยความตกใจ

    "นั่นสินะครับ....ทำไมกันนะ..."

    "หรือว่า...." หญิงสาวใช้ความเล็กน้อยก่อนที่สมองจะนึกถึงคำพูดสุดท้ายของนายน้อยของเธอก่อนที่จะเปลี่ยนไปว่า


    "นี่ฮิโตมิโกะ"

    "คะนายน้อย?" หญิงสาวเอ่ยหลังจากที่เดินเข้ามาใกล้ๆ เด็กหนุ่ม อาคาชิที่มีดวงตาสีแดงทั้งสองข้างหันมามองหญิงสาวด้วยใบหน้าอันอ่อนโยนก่อนจะยื่นถุงที่บรรจุยาเอาไว้ประมาณเจ็ดขวด

    "เก็บนี่ไว้นะ" อาคาชิพูดพลางยัดถุงยาใส่มือของหญิงสาว

    ฮิโตมิโกะเอียงคอมองของที่อยู่ในมืออย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยถามออกไปว่า "ทำไมต้องให้ฉันเก็บไว้ด้วยคะ? หรือว่านายน้อยมีเหตุผลอื่น?"

    "ใช่....ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมแปลกไปจากตอนนี้ ขอให้เธอบดยานี่ครั้งล่ะ 3 เม็ดแล้วผสมลงในอาหารของคนที่ตัวผมพาเข้ามานะ" อาคาชิพูดด้วยท่าทางจริงจัง ลางสังหรณ์ของเขามันฟ้องว่าอีกไม่นานจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้น จึงต้องฝากฝังทุกอย่างไว้ที่คนใช้คนสนิทอย่างฮิโตมิโกะ

    "ค่ะ เข้าใจแล้ว ฉันจะทำตามที่บอกค่ะ" แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่หญิงสาวก็ทำตามที่เด็กหนุ่มบอกทุกประการ


    "ตอนนี้ก็...ผ่านมา 2 ปีแล้วสินะ..." หญิงสาวพึมพำเบาๆ พลางแย้มรอยยิ้มอันแสนเศร้าสร้อยออกมา คุโรโกะอยากจะเอ่ยถามถึงเหตุผลแต่ก็ไม่กล้า เพราะตอนนี้...อาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะถามเรื่องที่ตนคิด

    "เสร็จแล้วจ้ะ พี่ไปล่ะนะ" หญิงสาวพูดขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป

    "โชคดีครับ...." เด็กหนุ่มผมฟ้าพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงเพื่อเตรียมพร้อมเจอเรื่องอันแสนโหดร้ายในคืนนี้


    "นายน้อยคะ....ดูเหมือนว่า ลางสังหรณ์ที่นายน้อยเคยบอกไว้....น่าจะจริงซะแล้วล่ะคะ..." หญิงพึมพำพลางหยาดน้ำใสๆ ค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้ม สิ่งที่อาคาชิคนเดิมพูดเอาไว้เมื่อสองปีก่อน....มันแทบจะกลายเป็นจริงไปเกือบทั้งหมด

    'หลังจากนี้...ผมอาจจะไม่เหมือนเดิม....แต่ผมจะบอกแค่เธอเท่านั้น และเรื่องนี้มีแต่คุณพ่อ เธอ มิโดริมะและผมเท่านั้นที่รู้.... ว่า"อาคาชิ เซย์จูโร่"มีสองคน....และคนที่สองจะกำจัดคนแรกให้พ้นทางเพื่อกลับมาแก้แค้นตระกูลหลัก'


    "มิโดริน~ ทางนี้ๆ!" เสียงใสของโมโมอิดังขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนชายผมสีเขียวเดินมาพร้อมกับชายร่างเล็กผมดำ

    "รุ่นพี่คุโรโกะ....." มิโดริมะเอ่ยชื่อเด็กสาวผมฟ้าอ่อนขึ้นมาเบาๆ ด้วยความตกใจ

    "สวัสดีมิโดริมะคุง" เด็กสาวพูดพลางโค้งตัวเล็กน้อยด้วยใบหน้านิ่งสนิท...... อะไรจะเหมือนกันได้ขนาดนี้ ทั้งพี่ทั้งน้องเลย....

    "นี่ๆ เราไปกินไอศกรีมซันเดย์กันเถอะ เห็นว่าที่ร้านคาเฟ่ใกล้ๆ สถานีน่ะเขามีลดราคาไอศกรีมกันด้วย ไปกันเถอะ!" โมโมอิพูดพลางกอดแขนมิซึฮะข้างมิโดริมะข้างแล้วลากทั้งสองไปยังร้านไอศกรีมที่อยู่หน้าสถานี


    "นี่มิโดริมะคุง" มิซึฮะพูดขึ้นหลังจากที่โมโมอิปล่อยแขนเธอและมิโดริมะแล้วและทั้งสองก็เดินมายังท้ายแถวจึงทำให้คุยอะไรได้ค่อนข้างสะดวก

    "ครับ?" เด็กหนุ่มผมเขียวตอบรับพลางเบนสายตาหันมามองเด็กสาวร่างสูงโปร่งเล็กน้อย มิซึฮะสูดหายเข้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกไปว่า "นายคือเพื่อนสนิทของทั้งเท็ตสึยะและอาคาชิคุงสินะ ช่วยบอกเรื่องราวของอาคาชิคุงได้มั้ย?"

    มิโดริมะเบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะอึกอักอยู่นานไม่ยอมพูด ส่วนมิซึฮะก็รอคำตอบเงียบๆ ด้วยท่าทางที่ไม่รีบร้อน

    "....รู้สึกจะมีคนโทรมานะมิโดริมะคุง" เด็กสาวเอ่ยเตือนเมื่อรู้สึกได้ถึงสั่นของโทรศัพท์มือถือ มิโดริมะรู้สึกของบคุณคนที่โทรมาเป็นอย่างมากก่อนจะกดรับสาย

    "ครับพ่อ......ครับ จะรีบไปครับ.... ขอโทษด้วยนะ พอดีพ่อจะให้ไปช่วยงานคงจะไปกินไอติมกับพวกนายไม่ได้ลาตรงนี้แหละ ส่วนรุ่นพี่คุโรโกะ เรื่องของอาคาชิน่ะผมคงจะบอกอะไรตอนนี้ไม่ได้หรอกนะครับ...แต่ขอให้รู้ไว้อย่างว่า อาคาชิ เซย์จูโร่ในปัจจุบันนี้...คือคนละคนกับอาคาชิในสมัยนั้น ขอตัวนะครับ" พูดจบมิโดริมะก็เดินแยกไปทันที มิซึฮะคิดถึงคำพูดสุดท้ายของเด็กหนุ่มก่อนจะขมวดคิ้วคิดหนักกว่าเดิม

    "ไม่ใช่อาคาชิในสมัยนั้น......เหรอ...."


    หลังจากที่แยกจากพวกคางามินั้น มิโดริมะก็รีบตรงไปโรงพยาบาลที่พ่อตนรับผิดชอบเป็นผู้อำนวยการทันที และรีบวิ่งไปยังห้องทำงานลับของพ่อตน

    "แฮก....พ่อเรียกมานี่....เรื่องนั้นเหรอครับ?" มิโดริมะเอ่ยถามชายผู้เป็นพ่อที่กำลังขมวดคิ้วกับผลตรวจของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

    "อืม ตอนนี้พ่อปลูกถ่ายอวัยวะให้เขาไปแล้ว 64% ตอนนี้เขาสามารถออกมาจากแคปซูลนั่นได้แล้วแต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมงเพราะร่างกายยังไม่พร้อม และสามารถพูดคุยตอบโต้อะไรได้แล้วแต่ไม่มาก อีกประมาณ 3 เดือนกว่าๆ เขาก็น่าจะหายเป็นปกติ....ลูกจะไปดูเขาหน่อยมั้ย?" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของลูกชาย มิโดริมะพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องผ่าตัดพิเศษ

    เด็กหนุ่มผมเขียวจ้องมองเด็กหนุ่มร่างสูงที่นอนหลับตาพริมอยู่ในแคปซูลคงสภาพก่อนจะเอ่ยออกมาราวกับจะพูดกับอีกฝ่าย "อีกนิดเดียวเท่านั้น......ขอร้องล่ะ....ทั้งนาย ทั้งคุโรโกะ....อย่าตายล่ะ" มิโดริมะพึมพำเบาๆ พลางวางมือลงบนแคปซูลคงสภาพที่ในนั้นมีร่างของเด็กหนุ่มผมแดงที่นอนไม่ได้สติมา 2 ปีเต็มด้วบใบหน้าอันเศร้าสร้อย

    "ขอโทษที่ช่วยอะไรนายในตอนนั้นไม่ได้.....ฉันมันบ้า....ฉันช่วยเพื่อนคนสำคัญไม่ได้เลย....." มิโดริมะยังคงพูดต่อไปกับร่างที่ไร้สติ เขาอยากจะระบายความรู้สึกที่มีอยู่ออกไปให้อีกฝ่ายได้รับรู้....ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีสติพอที่จะฟังก็ตาม แต่หลังจากนั้น ร่างกายที่น่าจะหลับไหลอยู่กลับค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนผมเขียวก่อนจะเอือนเอ่ยออกมาเบาๆ แต่สร้างความดีใจให้กับเด็กหนุ่มอย่างเหลือล้น

    "ม...มิโด.....ริ....มะ..."

    "ในที่สุด....นายก็ฟื้น....ดีใจเป็นบ้าเลย.....อาจริงสิ รุ่นพี่คุโรโกะเขาเหมือนจะระแคะระคายเรื่องของนายอยู่นะ รีบๆ ตื่นมาอธิบายให้รุ่นพี่เขารับรู้ด้วยล่ะ....และแน่นอน ฉันไม่ได้ใครเรื่องของนาย เพราะงั้นนายวางใจได้ เรื่องของนายจะไม่ถูกเปิดเผย หากยังไม่ถึงเวลา....."

    "อือ...ขอบ...ใจ....." เสียงอันแหบแห้งและอิดโรยดังขึ้นเบาๆ มิโดริมะแย้มรอยยิ้มให้เพื่อนสนิทเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ แคปซูลคงสภาพ

    "ไม่เป็นไร ตอนนี้นายยังไม่หายดี....ถึงพ่อจะปลูกถ่ายอวัยวะให้ แต่มันก็ยังสาหัสเกินไปสำหรับนาย หยุดพูดแล้วนอนไปนิ่งๆ ซะ" มิโดริมะสั่งอย่างเฉียบขาดในมาดคุณหมอ เด็กหนุ่มผมแดงแย้มรอยยิ้มออกมาบางๆ แต่กลับดูเหนื่อยอ่อนชอบกลก่อนจะพยักหน้าช้าๆ และหลับไปในที่สุด

     "อีกไม่นาน......นายก็จะกลับมาเป็นปกติ เมื่อนั้น...ไปเคลียร์เรื่องที่รุ่นพี่คุโรโกะค้างคาใจกับไปจัดการเจ้านั่นด้วยล่ะ...เพราะดูเหมือนเจ้านั้นจะทำร้ายคุโรโกะน่าดูเลย.....รีบๆ ตื่นขึ้นมาจัดการคนของนายซะ...." คำพูดบางช่วงนั้นขาดหายไปเล็กน้อย ก่อนที่คนผมเขียวจะเอ่ยชื่อใครบางคนออกมาเบาๆ


    "อาคาชิ....."


    ~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~



    จบแล้วจ้า~~~ ตอนที่ 2 นะคะ ตอนนี้เหมือนจะไม่มีอะไรมากเพราะอาคาชิคุงให้คุโรโกะคุงพักผ่อนค่ะ และความลับของอาคาชิคุงคืออะไร!! ไรท์ว่าเหล่าผู้อ่านทั้งหลายน่าจะเดาได้แล้วว่าอาคาชิคุงมีความลับอะไร แล้วใครกันแน่ที่นอนอยู่ ไรท์ว่าทุกคนคงรู้อีกนั่นแหละ เนอะ

    เอ้า ช่วงคำบอกใบ้จากไรท์ค่ะ ตอนหน้า คุโรโกะคุงจะถูกอาคาชิคุงทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสกว่าที่ผ่านๆ มาโดยมีเรโอเน่ติดร่างแหมาด้วย แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นนั้นต้องรออ่านเอาค่ะ ไรท์พูดมากไม่ได้ เดี๋ยวเรื่องไม่น่าติดตาม อา....ตอนนี้ก็...ถึงเวลาที่ต้องลากับตอนที่ 2 นี้แล้ว บายค่า~~~ See you again to next time ค่า~~








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×