ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KnB Fiction] You're mine นายคือของ(เล่น)ของฉัน [AkaKuro]

    ลำดับตอนที่ #11 : ของเล่นชิ้นที่ 9:: จะไม่พูดว่าลาก่อน

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 59


    “ทางรอดนั่นก็คือ….” ยังไม่ทันที่อาคาชิจะได้พูดจบ เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดเอาไว้

    “เซย์จูโร่คุง เซย์โตะคุง ลุงมีเรื่องจะคุยกับพวกเธอหน่อย” ชิโรตะเอ่ยพลางอ้าปากหาว สองแฝดมองหน้ากันก่อนจะเดินไปหาหมอประจำตัวด้วยความรู้สึกคาใจของคนผู้น้อง

    หลังจากที่เดินตามชิโรตะเข้ามาในห้องทำงาน คุณหมอรุ่นพ่อก็ไปนั่งประจำที่และเปิดแฟ้มอาการของพวกอาคาชิ “อาการของเซย์โตะคุงตอนนี้นับว่าดีขึ้นกว่าตอนที่อยู่กับเท็ตสึยะคุงมาก ลุงว่าจะให้เธอไปรักษาอาการต่อที่อเมริกาส่วนเซย์จูโร่คุง เธอคงจะรู้แล้วว่าม้ามและปอดด้านขวาของเธอตอนนี้มีอาการผิดปกติ และต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนเธอก็ต้องไปอเมริกาเหมือนกัน” ชิโรตะพูดอย่างเครียดๆ อาการของอาคาชินับว่าร้ายแรงมากกว่าตอนที่พึ่งผ่าตัดเสร็จ

    “คุณชิโรตะ โอกาสรอดของเซย์จูโร่มีเท่าไหร่ครับ” เซย์โตะถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกลัวและห่วงใย

    ชิโรตะระบายยิ้ม แต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเขามีความรู้สึกเช่นไร “ตอนนี้ฉันตรวจสอบดู มีโอกาส 60% แต่ถ้าหากว่าพลาด….เซย์จูโร่คุงจะไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้และจะตายภายในสองปี” สีหน้าของเซย์โตะซีดเผือกยิ่งกว่าอาคาชิซะอีก แต่เปอร์เซนต์นั้นเกินครึ่งแต่ก็วางใจไม่ได้อยู่ดี!

    “พวกเธอจะได้ออกเดินทางปลายอาทิตย์นี้….อาจจะใช้เวลานาน แต่พวกเธอก็ถือโอกาสไปเรียนที่นั่นเลยแล้วกัน พอครบกำหนด พวกเธอก็น่าจะเรียนจบพอดี” ชิโรตะแนะนำ คู่แฝดมองหน้าราวกับจะปรึกษากันก่อนจะพยักหน้าทั้งคู่

    “งั้นวันนี้ก็ไปให้คนทางบ้านเตรียมของให้แล้วกันนะ” คุณหมอรุ่นพ่อยิ้มก่อนจะยื่นแฟ้มรายละเอียดอาการของแต่ละคนให้กับเซย์จูโร่และเซย์โตะ

    “ครับ” แล้วทั้งสองก็เดินออกไป ชายวัยกลางคนมองส่งเด็กหนุ่มทั้งสองไปจนลับตา และปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดอันยากแท้จะหยั่งถึง

     

        วันออกเดินทาง

    “อาคาชิคุง เซย์โตะคุง พวกคุณตัดสินใจดีแล้วสินะครับ” คุโรโกะถามขณที่มองคู่แฝดกำลังแย่งกันปอกผลไม้

    “อะอืม เราตัดสินใจดีแล้วล่ะ” อาคาชิตอบพร้อมรอยยิ้มหลังจากที่แย่งมีดกับสาลี่ออกมาจากมือของเซย์โตะได้สำเร็จ

    “ใช้เวลากี่ปีงั้นเหรอถึงจะกลับมา” มายูซึมิที่บังเอิญมาเยี่ยมคุโรโกะในวันนี้เอ่ยถามขณะที่กำลังรินน้ำให้กับทั้งสามคน

    “ใช้เวลาสามปีน่ะครับ พอกลับมาคงได้เขามหาลัย” เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีทองแดงตอบ ทำเอาสองเงาจากราคุซันและเซย์รินแอบมองหน้ากันเล็กน้อย

    “ป่านนั้นฉันคงเรียนจบไปแล้วล่ะนะ” เด็กหนุ่มผมเทาเอ่ยขึ้นลอยๆ

    คุโรโกะยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะพูดออกมาราวกับจะหยอกเย้าอีกฝ่าย “ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณมายูซึมิ เซย์โตะคุงยินดีจะกลับมาดูแลคุณเสมอแหละครับ”

    “เดี๋ยวเถอะคุโรโกะ!

    “ฮะๆ ใกล้ได้เวลาแล้ว พวกเราไปก่อนนะ” อาคาชิมองนาฬิกาข้อมือพลางหันไปยิ้มให้กับทั้งคุโรโกะและมายูซึมิ

    “เราจะได้กลับมาพบกันอีกครั้งผมจะไม่บอกว่าลาก่อน แต่ขอให้พวกคุณเดินทางปลอดภัยครับ” คุโรโกะพูดยิ้มๆ จนสองพี่น้องอาคาชิชักจะไม่แน่ใจซะแล้วว่าจะได้กลับมาจริงๆ จังๆ หรือเปล่า..

    “โชคดี อย่าทำให้พวกเราทุกคนเสียใจล่ะ” มายูซึมิทิ้งท้ายเอาไว้เล่นเอาซะสองศรีพี่น้องอาคาชิถึงกับคิดหนัก ทางรอดยังไม่รู้เลยว่าจะรอดมั้ย ขยันทิ้งระเบิดกันจริงๆ

    “คร้าบๆ พวกเราจะพยายามครับ” พูดจบคู่แฝดสุดจะเหมือนก็เดินจากไปทันที

    หลังจากที่พวกอาคาชิออกไปแล้วนั้น คุโรโกะกับมายูซึมิก็หันมามองหน้ากันก่อนจะยิ้มทะเล้นออกมา

    “เรามีสายที่ไว้ใจได้อยู่คงได้แต่รอเท่านั้นล่ะนะครับ” คุโรโกะพูดราวกับไม่รู้สึกห่วงอะไร แต่ในใจนนั้นกระวนกระวายสุดๆ

    “น่า ไม่ต้องกังวลหรอก พวกเขาจะต้องกลับมา” มายูซึมิเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะมานั่งปอกสาลี่และแอบเปิ้ลที่อาคาชิปอกค้างไว้

    ครืด! เสียงเลื่อนประตูห้องดังขึ้นโดยไม่มีมีขลุ่ยแบบนี้ ทั้งสองคนรู้ได้ทันทีว่า

    “โอ๊ส! คุโรโกะ พวกเรามาเยี่ยมน่ะ” คางามิพูดยิ้มๆ ตามมาด้วยโมโมอิ อาโอมิเนะและฟุริฮาตะที่เดินตามคางามิเข้ามา

    “ผมว่าคางามิคุงมากินของฟรีมากกว่าครับ” คุโรโกะเอยอย่างรู้ทัน เพราะในช่วงที่ผ่านมามีคนเอาตะกร้าผลไม้มาเยี่ยมเขาทุกวันจนเขากินไม่หมดซะที

    “ชิ เบื่อจริงคนรู้ทัน มายูซึมิ ฝากปอกแอบเปิ้ลอีกนะ” คางามิพูดอย่างเป็นกันเอง

    เด็กหนุ่มผู้มาวัยวุฒิสูงที่สุดในห้องหันไปมองอย่างเย็นชาที่เป็นตามนิสัยปกติของตน “นี่ของคนป่วยเขา นายน่ะไม่ได้ป่วยก็เอามีดไปปอกเองสิเจ้าทึ่ม”

    “อย่าพึ่งทะเลากันเลยครับ คางามิคุงก็กินองุ่นไปแล้วกัน” คุโรโกะรีบปรามทันทีก่อนจะรับจานสาลี่กับแอบเปิ้ลมาจากมายูซึมิ

    “ขอบคุณมากนะครับ ที่คุณอุตส่าห์สละเวลามาเยี่ยมผม” คุโรโกะเอ่ยจากใจจริง เพราะเขาเองก็ไม่ได้สนิทสนมกับมายูซึมิถึงขนาดที่จะมาอยู่เฝ้ากันแบบนี้

    เด็กหนุ่มผมเทาปัดมือไปมาเล็กน้อย “ช่างเถอะ ตอนนี้อาการนายเป็นยังไง”

    “ดีขึ้นมากแล้วครับ เพราะคุณกับพวกคางามิคุงและพี่มิซึฮะขยันมาเยี่ยมเลยรู้สึกดีกว่าช่วงแรกๆ น่ะครับ” เด็กหนุ่มผมฟ้าตอบพลางมองขาซ้ายที่ยังเข้าเฝือกอยู่

    “เฝือกที่แขนน่ะจะเอาออกได้ตอนไหนเหรอเท็ตสึ” อาโอมิเนะถามบ้าง เพราะตั้งแต่ตอนบุกเข้าบ้านอาคาชิเขาก็เห็นคุโรกัมีเฝือกที่แขนอยู่แล้วจึงอดที่จะสงสัยไม่ได้

    คุโรโกะรีบก้มมองแขนทันที “ออ เดี๋ยวก็เอาออกได้แล้วล่ะครับ คาดว่าน่าจะประมาณอาทิตย์หน้า”

    “เสียดายจังนะ ที่เราไปลาพวกอาคาชิคุงไม่ทัน ได้แต่โทรไปก่อนเครื่องจะออกเท่านั้นเอง” โมโมอิเอ่ยอย่างเสียดายก่อนจะหันไปจ้องอาโอมิเนะที่เนสาเหตุที่ทำให้เธอมาช้า

    “แค่นั้นเขาก็น่าจะพอใจแล้วนะ สองคนนั้นไม่น่าจะใช่คนเรื่องมากนี่” ฟุริฮาตะเอ่ยเป็นเชิงปลอบพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ เพราะด้วยความเป็นคนขี้อายจึงได้แต่หลบอยู่ด้านหลังคางามิเท่านั้น

    “วันนี้มีเรื่องอะไรจะมาเล่าให้ผมฟังอีกล่ะครับ” คุโรโกะถาม ทุกๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นใคร ส่วนใหญ่ก็มักจะพกเรื่องเล่ามาเล่าให้เขาฟังเสมอๆ คางามิเองก็ยอมเล่าเรื่องในทีมให้คุโรโกะฟังอย่างออกรสออกชาติจนบางครั้งฟุริฮาตะก็อดปรามไม่ได้

    “ฉันขอตัวกลับก่อนนะ วันนี้มีหนังสือเข้าใหม่ด้วย บาย” มายูซึมิโบกมือก่อนจะเดินจากไป

    “โชคดีนะครับ” คุโรโกะยิ้มส่งก่อนจะหันมาฟังเรื่องเล่าไม่จริงจากอาโอมิเนะและคางามิอย่างสนุกสนาน จนบางครั้งพยาบาลก็ต้องเดินเข้ามาเตือนพวกเขา

    “โอ๊ะ! ได้เวลาแล้ว พวกเราไปก่อนนะ รีบๆ หายล่ะคุโรโกะ” คางามิมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินสลับกับนาฬิกาข้อมือ คุโรโกะพยักหน้ารับ เขาเองก็เริ่มอยากจะพักแล้วเหมือนกัน

    “ไว้เราจะมาเยี่ยมใหม่นะเท็ตสึคุง”

    “รักษาตัวดีๆ อย่าทำอะไรเกินกำลังตัวเองล่ะเท็ตสึ”

    “แล้วเจอกันที่ชมรมนะคุโรโกะ”

    โมโมอิ อาโอมิเนะและฟุริฮาตะพูดทิ้งท้ายเอาไว้ตามลำดับ

    คุโรโกะทำเพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆ และเอ่ยว่า “เดินทางปลอดภัยครับ” และมองส่งเพื่อนๆ ของตนจนลับตา

    “เฮ้อเรื่องที่ผ่านมาเหมือนฝันเลยนะ” เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเองพลางย้อนนึกถึงเรื่องราวตั้งแต่ตอนที่ตัวเองโดนจับ และถูกอาคาชิ เซย์โตะทรมาณร่างกายอย่างทารุณ เขาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งพยาบาลนำข้าวเย็นมาให้

    “ขอบคุณครับ” คำขอบคุณที่ค่อนข้างเลื่อนลอยทำให้พยาบาลแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป

    “ทานข้าวให้หมดแล้วอย่าลืมทานยานะคะ” คำเตือนดังเช่นทุกวันถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง คุโรโกะพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะตักข้าวต้มที่กำลังร้อนๆ เข้าปาก

    หลังจากที่พยาบาลออกจากห้องพักของเขาไปแล้ว คุโรโกะก็กลับมานึกย้อนดูอีกครั้ง ในวันนั้น วันที่พี่น้องอาคาชิคุยกัน เขาที่ยังไม่หลับสนิทเพราะยายังไม่ออกฤทธิ์ได้ยินพวกเขาคุยทุกคนพูด และเขาก็รู้ด้วยความทางรอดที่อาคาชิคนพี่บอกหมายถึงเรื่องอะไร

    คุโรโกะพึมพำอย่างแผ่วเบาซึ่งพอดีกับจังหวะที่ลมพัดเข้ามาในห้อง  ทำให้คำพูดของเขานั้นล่องลอยไปกับสายลม“ทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณก็คือการผ่าตัดม้ามและปอดใหม่”  โดยที่คนพูดนั้นไม่ได้หวังว่าจะให้ใครมาได้ยินคำพูดในประโยคสุดท้ายของเขาหลังจากที่เขาได้อ่านรายละเอียดอาการของอาคาชิ เซย์จูโร่อย่าแน่ชัด

     

    “การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจของคุณในครั้งนี้….หวังว่าคุณจะปลอดภัยนะครับ”

     

    ~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~

    ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก…..แค่ทิ้งระเบิดเอาไว้ก่อนจะจบเท่านั้นค่ะ = =

    ตอนหน้าจะถือว่าเป็นตอนก่อนจะจบในรูปแบบที่ 1 นะคะ ตอนจบมีอย่าสูงสุด 5 ตอน ต่ำสุดมี 3 ตอนค่ะ แถมตอนพิเศษอีก 2 ตอน^^

    ทางรอดของอาคาชินั้นถ้าไม่ผ่าตัดม้ามกับปอดก็อยู่ได้ 5 ปีเพียวๆ ค่ะ แต่บังเอิ๊ญบังเอิญตอนที่หมอชิโรตะตรวจดันเจอตัวต้นเหตุซะนี่ แถมคุโรโกะยังแอบไปอ่านข้อมูลหลังจากที่อาคาชิกลับไปแล้วซะอีก แหม่…..เครียดเลย

    ฮุๆๆ ตอนหน้า พวกอาคาชิเขาก็จะกลับมา หลังจากที่ติดต่อไม่ได้เป็นระยะเวลาเกือบสี่ปี! เดิดอะไรขึ้นกับสองพี่น้องอาคาชิ! พวกเขาขะตายเหรอ! หรือว่าจะ……!!!!!

    รออ่านตอนหน้าค่ะ ตอนนี้ก็ปล่อยให้ค้างคาไปก่อน แล้วเจอกันค่ะ บัย~~~~~~~~~ ^0^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×