คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ของเล่นชิ้นที่ 9:: จะไม่พูดว่าลาก่อน
“ทางรอดนั่นก็คือ….” ยังไม่ทันที่อาคาชิจะได้พูดจบ เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดเอาไว้
“เซย์จูโร่คุง เซย์โตะคุง ลุงมีเรื่องจะคุยกับพวกเธอหน่อย…” ชิโรตะเอ่ยพลางอ้าปากหาว
สองแฝดมองหน้ากันก่อนจะเดินไปหาหมอประจำตัวด้วยความรู้สึกคาใจของคนผู้น้อง
หลังจากที่เดินตามชิโรตะเข้ามาในห้องทำงาน คุณหมอรุ่นพ่อก็ไปนั่งประจำที่และเปิดแฟ้มอาการของพวกอาคาชิ
“อาการของเซย์โตะคุงตอนนี้นับว่าดีขึ้นกว่าตอนที่อยู่กับเท็ตสึยะคุงมาก ลุงว่าจะให้เธอไปรักษาอาการต่อที่อเมริกา…ส่วนเซย์จูโร่คุง
เธอคงจะรู้แล้วว่าม้ามและปอดด้านขวาของเธอตอนนี้มีอาการผิดปกติ
และต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน…เธอก็ต้องไปอเมริกาเหมือนกัน”
ชิโรตะพูดอย่างเครียดๆ อาการของอาคาชินับว่าร้ายแรงมากกว่าตอนที่พึ่งผ่าตัดเสร็จ
“คุณชิโรตะ โอกาสรอดของเซย์จูโร่มีเท่าไหร่ครับ” เซย์โตะถาม
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกลัวและห่วงใย
ชิโรตะระบายยิ้ม แต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเขามีความรู้สึกเช่นไร “ตอนนี้ฉันตรวจสอบดู
มีโอกาส 60% แต่ถ้าหากว่าพลาด….เซย์จูโร่คุงจะไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้และจะตายภายในสองปี”
สีหน้าของเซย์โตะซีดเผือกยิ่งกว่าอาคาชิซะอีก แต่เปอร์เซนต์นั้นเกินครึ่ง…แต่ก็วางใจไม่ได้อยู่ดี!
“พวกเธอจะได้ออกเดินทางปลายอาทิตย์นี้….อาจจะใช้เวลานาน แต่พวกเธอก็ถือโอกาสไปเรียนที่นั่นเลยแล้วกัน พอครบกำหนด
พวกเธอก็น่าจะเรียนจบพอดี” ชิโรตะแนะนำ คู่แฝดมองหน้าราวกับจะปรึกษากันก่อนจะพยักหน้าทั้งคู่
“งั้น…วันนี้ก็ไปให้คนทางบ้านเตรียมของให้แล้วกันนะ”
คุณหมอรุ่นพ่อยิ้มก่อนจะยื่นแฟ้มรายละเอียดอาการของแต่ละคนให้กับเซย์จูโร่และเซย์โตะ
“ครับ” แล้วทั้งสองก็เดินออกไป
ชายวัยกลางคนมองส่งเด็กหนุ่มทั้งสองไปจนลับตา และปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดอันยากแท้จะหยั่งถึง
วันออกเดินทาง
“อาคาชิคุง เซย์โตะคุง พวกคุณตัดสินใจดีแล้วสินะครับ” คุโรโกะถามขณที่มองคู่แฝดกำลังแย่งกันปอกผลไม้
“อะ…อืม
เราตัดสินใจดีแล้วล่ะ”
อาคาชิตอบพร้อมรอยยิ้มหลังจากที่แย่งมีดกับสาลี่ออกมาจากมือของเซย์โตะได้สำเร็จ
“ใช้เวลากี่ปีงั้นเหรอถึงจะกลับมา” มายูซึมิที่บังเอิญมาเยี่ยมคุโรโกะในวันนี้เอ่ยถามขณะที่กำลังรินน้ำให้กับทั้งสามคน
“ใช้เวลาสามปีน่ะครับ พอกลับมาคงได้เขามหา’ลัย” เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีทองแดงตอบ
ทำเอาสองเงาจากราคุซันและเซย์รินแอบมองหน้ากันเล็กน้อย
“ป่านนั้นฉันคงเรียนจบไปแล้วล่ะนะ” เด็กหนุ่มผมเทาเอ่ยขึ้นลอยๆ
คุโรโกะยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะพูดออกมาราวกับจะหยอกเย้าอีกฝ่าย “ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณมายูซึมิ
เซย์โตะคุงยินดีจะกลับมาดูแลคุณเสมอแหละครับ”
“เดี๋ยวเถอะคุโรโกะ!”
“ฮะๆ ใกล้ได้เวลาแล้ว พวกเราไปก่อนนะ” อาคาชิมองนาฬิกาข้อมือพลางหันไปยิ้มให้กับทั้งคุโรโกะและมายูซึมิ
“เราจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง…ผมจะไม่บอกว่าลาก่อน
แต่ขอให้พวกคุณเดินทางปลอดภัยครับ” คุโรโกะพูดยิ้มๆ จนสองพี่น้องอาคาชิชักจะไม่แน่ใจซะแล้วว่าจะได้กลับมาจริงๆ
จังๆ หรือเปล่า..
“โชคดี อย่าทำให้พวกเราทุกคนเสียใจล่ะ”
มายูซึมิทิ้งท้ายเอาไว้เล่นเอาซะสองศรีพี่น้องอาคาชิถึงกับคิดหนัก ‘ทางรอดยังไม่รู้เลยว่าจะรอดมั้ย
ขยันทิ้งระเบิดกันจริงๆ’
“คร้าบๆ พวกเราจะพยายามครับ” พูดจบคู่แฝดสุดจะเหมือนก็เดินจากไปทันที
หลังจากที่พวกอาคาชิออกไปแล้วนั้น
คุโรโกะกับมายูซึมิก็หันมามองหน้ากันก่อนจะยิ้มทะเล้นออกมา
“เรามีสายที่ไว้ใจได้อยู่…คงได้แต่รอเท่านั้นล่ะนะครับ”
คุโรโกะพูดราวกับไม่รู้สึกห่วงอะไร แต่ในใจนนั้นกระวนกระวายสุดๆ
“น่า ไม่ต้องกังวลหรอก พวกเขาจะต้องกลับมา” มายูซึมิเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะมานั่งปอกสาลี่และแอบเปิ้ลที่อาคาชิปอกค้างไว้
ครืด! เสียงเลื่อนประตูห้องดังขึ้นโดยไม่มีมีขลุ่ยแบบนี้
ทั้งสองคนรู้ได้ทันทีว่า…
“โอ๊ส! คุโรโกะ
พวกเรามาเยี่ยมน่ะ” คางามิพูดยิ้มๆ ตามมาด้วยโมโมอิ
อาโอมิเนะและฟุริฮาตะที่เดินตามคางามิเข้ามา
“ผมว่าคางามิคุงมากินของฟรีมากกว่าครับ” คุโรโกะเอยอย่างรู้ทัน
เพราะในช่วงที่ผ่านมามีคนเอาตะกร้าผลไม้มาเยี่ยมเขาทุกวันจนเขากินไม่หมดซะที
“ชิ เบื่อจริงคนรู้ทัน มายูซึมิ ฝากปอกแอบเปิ้ลอีกนะ”
คางามิพูดอย่างเป็นกันเอง
เด็กหนุ่มผู้มาวัยวุฒิสูงที่สุดในห้องหันไปมองอย่างเย็นชาที่เป็นตามนิสัยปกติของตน
“นี่ของคนป่วยเขา นายน่ะไม่ได้ป่วยก็เอามีดไปปอกเองสิเจ้าทึ่ม”
“อย่าพึ่งทะเลากันเลยครับ คางามิคุงก็กินองุ่นไปแล้วกัน”
คุโรโกะรีบปรามทันทีก่อนจะรับจานสาลี่กับแอบเปิ้ลมาจากมายูซึมิ
“ขอบคุณมากนะครับ ที่คุณอุตส่าห์สละเวลามาเยี่ยมผม”
คุโรโกะเอ่ยจากใจจริง เพราะเขาเองก็ไม่ได้สนิทสนมกับมายูซึมิถึงขนาดที่จะมาอยู่เฝ้ากันแบบนี้
เด็กหนุ่มผมเทาปัดมือไปมาเล็กน้อย “ช่างเถอะ ตอนนี้อาการนายเป็นยังไง”
“ดีขึ้นมากแล้วครับ
เพราะคุณกับพวกคางามิคุงและพี่มิซึฮะขยันมาเยี่ยมเลยรู้สึกดีกว่าช่วงแรกๆ น่ะครับ”
เด็กหนุ่มผมฟ้าตอบพลางมองขาซ้ายที่ยังเข้าเฝือกอยู่
“เฝือกที่แขนน่ะจะเอาออกได้ตอนไหนเหรอเท็ตสึ” อาโอมิเนะถามบ้าง
เพราะตั้งแต่ตอนบุกเข้าบ้านอาคาชิเขาก็เห็นคุโรกัมีเฝือกที่แขนอยู่แล้วจึงอดที่จะสงสัยไม่ได้
คุโรโกะรีบก้มมองแขนทันที “ออ เดี๋ยวก็เอาออกได้แล้วล่ะครับ
คาดว่าน่าจะประมาณอาทิตย์หน้า”
“เสียดายจังนะ ที่เราไปลาพวกอาคาชิคุงไม่ทัน
ได้แต่โทรไปก่อนเครื่องจะออกเท่านั้นเอง”
โมโมอิเอ่ยอย่างเสียดายก่อนจะหันไปจ้องอาโอมิเนะที่เนสาเหตุที่ทำให้เธอมาช้า
“แค่นั้นเขาก็น่าจะพอใจแล้วนะ สองคนนั้นไม่น่าจะใช่คนเรื่องมากนี่”
ฟุริฮาตะเอ่ยเป็นเชิงปลอบพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ เพราะด้วยความเป็นคนขี้อายจึงได้แต่หลบอยู่ด้านหลังคางามิเท่านั้น
“วันนี้มีเรื่องอะไรจะมาเล่าให้ผมฟังอีกล่ะครับ” คุโรโกะถาม ทุกๆ
ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นใคร ส่วนใหญ่ก็มักจะพกเรื่องเล่ามาเล่าให้เขาฟังเสมอๆ
คางามิเองก็ยอมเล่าเรื่องในทีมให้คุโรโกะฟังอย่างออกรสออกชาติจนบางครั้งฟุริฮาตะก็อดปรามไม่ได้
“ฉันขอตัวกลับก่อนนะ วันนี้มีหนังสือเข้าใหม่ด้วย บาย”
มายูซึมิโบกมือก่อนจะเดินจากไป
“โชคดีนะครับ”
คุโรโกะยิ้มส่งก่อนจะหันมาฟังเรื่องเล่าไม่จริงจากอาโอมิเนะและคางามิอย่างสนุกสนาน
จนบางครั้งพยาบาลก็ต้องเดินเข้ามาเตือนพวกเขา
“โอ๊ะ! ได้เวลาแล้ว
พวกเราไปก่อนนะ รีบๆ หายล่ะคุโรโกะ”
คางามิมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินสลับกับนาฬิกาข้อมือ คุโรโกะพยักหน้ารับ
เขาเองก็เริ่มอยากจะพักแล้วเหมือนกัน
“ไว้เราจะมาเยี่ยมใหม่นะเท็ตสึคุง”
“รักษาตัวดีๆ อย่าทำอะไรเกินกำลังตัวเองล่ะเท็ตสึ”
“แล้วเจอกันที่ชมรมนะคุโรโกะ”
โมโมอิ อาโอมิเนะและฟุริฮาตะพูดทิ้งท้ายเอาไว้ตามลำดับ
คุโรโกะทำเพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆ และเอ่ยว่า “เดินทางปลอดภัยครับ”
และมองส่งเพื่อนๆ ของตนจนลับตา
“เฮ้อ…เรื่องที่ผ่านมาเหมือนฝันเลยนะ…”
เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเองพลางย้อนนึกถึงเรื่องราวตั้งแต่ตอนที่ตัวเองโดนจับ และถูกอาคาชิ
เซย์โตะทรมาณร่างกายอย่างทารุณ
เขาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งพยาบาลนำข้าวเย็นมาให้
“ขอบคุณครับ” คำขอบคุณที่ค่อนข้างเลื่อนลอยทำให้พยาบาลแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
“ทานข้าวให้หมดแล้วอย่าลืมทานยานะคะ”
คำเตือนดังเช่นทุกวันถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง
คุโรโกะพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะตักข้าวต้มที่กำลังร้อนๆ เข้าปาก
หลังจากที่พยาบาลออกจากห้องพักของเขาไปแล้ว
คุโรโกะก็กลับมานึกย้อนดูอีกครั้ง ในวันนั้น วันที่พี่น้องอาคาชิคุยกัน
เขาที่ยังไม่หลับสนิทเพราะยายังไม่ออกฤทธิ์ได้ยินพวกเขาคุยทุกคนพูด
และเขาก็รู้ด้วยความทางรอดที่อาคาชิคนพี่บอกหมายถึงเรื่องอะไร
คุโรโกะพึมพำอย่างแผ่วเบาซึ่งพอดีกับจังหวะที่ลมพัดเข้ามาในห้อง ทำให้คำพูดของเขานั้นล่องลอยไปกับสายลม“ทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณก็คือการผ่าตัดม้ามและปอดใหม่…” โดยที่คนพูดนั้นไม่ได้หวังว่าจะให้ใครมาได้ยินคำพูดในประโยคสุดท้ายของเขาหลังจากที่เขาได้อ่านรายละเอียดอาการของอาคาชิ
เซย์จูโร่อย่าแน่ชัด
“การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจของคุณในครั้งนี้….หวังว่าคุณจะปลอดภัยนะครับ”
~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~
ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก…..แค่ทิ้งระเบิดเอาไว้ก่อนจะจบเท่านั้นค่ะ = =
ตอนหน้าจะถือว่าเป็นตอนก่อนจะจบในรูปแบบที่ 1 นะคะ ตอนจบมีอย่าสูงสุด 5 ตอน
ต่ำสุดมี 3 ตอนค่ะ แถมตอนพิเศษอีก 2 ตอน^^
ทางรอดของอาคาชินั้นถ้าไม่ผ่าตัดม้ามกับปอดก็อยู่ได้ 5 ปีเพียวๆ ค่ะ
แต่บังเอิ๊ญบังเอิญตอนที่หมอชิโรตะตรวจดันเจอตัวต้นเหตุซะนี่
แถมคุโรโกะยังแอบไปอ่านข้อมูลหลังจากที่อาคาชิกลับไปแล้วซะอีก แหม่…..เครียดเลย
ฮุๆๆ ตอนหน้า พวกอาคาชิเขาก็จะกลับมา
หลังจากที่ติดต่อไม่ได้เป็นระยะเวลาเกือบสี่ปี! เดิดอะไรขึ้นกับสองพี่น้องอาคาชิ! พวกเขาขะตายเหรอ! หรือว่าจะ……!!!!!
รออ่านตอนหน้าค่ะ ตอนนี้ก็ปล่อยให้ค้างคาไปก่อน แล้วเจอกันค่ะ บัย~~~~~~~~~ ^0^
ความคิดเห็น