ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KnB Fiction] You're mine นายคือของ(เล่น)ของฉัน [AkaKuro]

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.8K
      59
      21 มิ.ย. 58



    "อึก!! ...อย่า!!!" เสียงร้องดังขึ้นอย่างสั่นเครือจากเด็กหนุ่มร่างเล็กที่พยายามจะถอยห่างจากเด็กหนุ่มที่เดินตรงเข้ามาพร้อมกับกรรไกรที่ส่วนปลายย้อมไปด้วยสีชาติของเลือด
    "
    อย่าหนีสิ...ผมแค่จะมาทักทายก่อนจะไปเรียนเองนะ...." เสียงทุ้มอันแสนอ่อนโยนดังขึ้นพลางคว้าแขนของคนตัวเล็กเอาไว้ก่อนจะโยนกรรไกรที่แสนเกะกะมือทิ้งและใช้เล็บข่วนแขนคนตัวเล็กที่กำลังหวาดกลัวจนเลือดช้ำ
    "
    โอ๊ย! ..อย่า ...อาคาชิคุง...ผมเจ็บ...! โอ๊ย!!!!!!! อึก..." คนตัวเล็กขอร้องอ้อนวอนด้วยใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาก่อนจะร้องออกมาเสียงดังลั่นเพราะเด็กหนุ่มนามอาคาชิได้เอาน้ำเกลือมาสาดใส่ตัวเขาที่เต็มไปด้วยรอยแผล
    "
    ใกล้จะได้เวลาที่ต้องไปแล้วสิ....แล้วเย็นนี้ผมจะกลับมาเล่นด้วยใหม่นะ เท็ตสึยะของผม" เด็กหนุ่มร่างสูงกระซิบอย่างแผ่วก่อนจะทำการขบกัดหูของเด็กหนุ่มร่างเล็กนามเท็ตสึยะจนเป็นแผลแล้วเดินออกจากห้องของตนไปโดยไม่ลืมล่ามโซ่ร่างเล็กไว้กับเสาเตียง
    "
    ฮึก.......ทำไม......คุณต้องทำแบบนี้......กับผม..ฮือ...พี่มิซึฮะ.......ช่วยผมด้วย......" ร่างเล็กๆ กอดเข่าตัวเองพลางสะอื้นไห้อย่างน่าสงสารก่อนจะสลบไปทั้งๆ อย่างนั้น ร่างกายที่บอบช้ำมานานจากการถูกทารุณ ทั้งถูกชก ทั้งถูกตบ ทั้งถูกจิกหัวและถูกเครื่องมือต่างๆ นานาจนสภาพร่างเล็กในตอนนี้ดูย่ำแย่จนเกินทน ผิวหนังที่แดงซับสีเลือด รอยช้ำตามคอ แขน ขาและในจุดที่เสื้อผ้าปกปิดเอาไว้จนมองไม่เห็น ใบหน้าที่มีคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่ประปราย ร่างเล็กๆ ของคุโรโกะ เท็ตสึยะถูกอาคาชิ เซย์จูโร่ทารุณมานานกว่าสองอาทิตย์แล้ว....ป่านนี้คนที่บ้านและเพื่อนของเขาจะห่วงเขาขนาดไหนกัน.....

    "
    ไปล่ะนะคะ...." เสียงหวานของเด็กสาวผมสีฟ้าอ่อนดังขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป....ความจริง พูดไปก็ไม่มีใครฟังคำพูดของเธอหรอก เพราะพ่อก็แทบจะไม่อยู่บ้าน ส่วนแม่ก็ไปทำงานตั้งแต่เมื่อวานจนวันนี้ก็ยังไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย ช่างเป็นครอบครัวที่อบอุ่นซะไม่มี

    "
    โอ๊ส! วันนี้ไปโรงเรียนแต่เช้าเลยงั้นเหรอรุ่นพี่มิซึฮะ" เสียงทุ้มห้าวของเด็กหนุ่มคิ้วสองแฉกดังขึ้นอย่างเป็นกันเอง เด็กสาวร่างโปร่งเจ้าของชื่อมิซึฮะมองคนที่เข้ามาทักทายเธอก่อนจะพยักหน้าตอบเงียบๆ
    "
    นี่ ข่าวคราวของคุโรโกะน่ะ ไม่มีบ้างเลยเหรอ....." คางามิเอ่ยถามเด็กสาวที่เดินอยู่ข้างๆ เบาๆ มิซึฮะตวัดตามองคางามิด้วยสายตานิ่งสงบก่อนจะตอบเสียงเนิบนาบว่า "ได้บ้างไม่ได้บ้าง เรื่องนี้นายต้องไปถามคิเสะคุงกับอาโอมิเนะคุงสิไม่ใช่ถามฉัน" คำพูดยาวเหยียดถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของบุคคลที่ขึ้นชื่อเย็นชาและไม่พูดไม่จา คางามิโค้งหัวขอโทษรุ่นพี่สาวเล็กน้อยก่อนเดินเข้ามายังประตูโรงเรียนพร้อมกัน

    "วันนี้ท่าทางอาคารชมรมบาสจะถล่มแฮะ ทำไมเธอถึงเดินมาพร้อมกับคางามิเนี่ย" ฮิวงะ จุนเปย์ เพื่อนร่วมห้องและร่วมชมรมของเด็กสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนและรุ่นน้องเดินเข้าประตูโรงเรียนมาด้วยกัน เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อยก่อนจะง้างหมัดขึ้นตั้งท่าจะชกอีกฝ่าย ทั้งการกระทำและสายตาบ่งบอกได้ว่า 'อยากจะปากแตกก่อนเข้าเรียนใช่มั้ย'

    "เฮ้ย!! ฉันแค่พูดเล่นเฟ้ย! อย่าใช้กำลังเซ่! เป็นผู้หญิงน่ะหัดทำตัวให้สมกับเป็นผู้หญิงหน่อย" ฮิวงะรีบพูดขึ้นทันทีเพราะไม่อยากถูกชก มิซึฮะมองอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งเฉยก่อนจะหักนิ้วตัวเองเป็นการบอกว่า 'ยังไม่เลิกพูดอีกใช่มั้ย'

    "โอ้ ฮิวงะ พอดีเลย ริโกะให้มาตามนาย ไปด้วยกันสิ" คิโยชิ เทปเปย์เอ่ยขึ้นพลางเดินเข้ามาล็อคคอฮิวงะและเดินจากไปโดยไม่ลืมยิ้มให้กับเพื่อนสาวอย่างมิซึฮะและรุ่นน้องอย่างคางามิ

    "งั้นแยกกันตรงนี้ละกัน ถ้าได้ข่าวจากพวกอาโอมิเนะคุงแล้วฉันจะเมลไปบอกนะ ไว้เจอกันที่ชมรม" เด็กสาวพูดขึ้นก่อนจะเดินลิ่วๆ ไป คางามิที่กำลังจะหันมาตอบรับกลับมองตาค้างเพราะมิซึฮะเดินหายไปเร็วมากยังกับไม่ใช่คน.....หรืออาจจะเป็นเพราะความจืดจางของเธอก็ไม่ทราบ เด็กหนุ่มร่างสูงคิ้วสองแฉกเกาหัวตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องเรียนของตน


    กลับมาทางด้านอาคาชิที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนเด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนร่วมชมรมที่ชื่อฮายามะ โคทาโร่อดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า "อาคาชิ วันนี้มีอะไรดีนักรึไงถึงได้ยิ้มไม่หุบแบบนี้"

    "คงจะเจอของที่ถูกใจล่ะมั้ง นายอย่าไปยุ่งกับเขาสิโคทาโร่" เด็กหนุ่มร่างยักษ์ผิวเข้มที่ชื่อเนบุยะ เอคิจิเอ่ยขึ้นก่อนจะล็อคคอฮายามะเอาไว้และใช้กำปั้นกดหัวอีกฝ่ายเบาๆ

    อาคาชิแสยะยิ้มบางๆ และร้องหึในลำคอก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างลึกลับว่า "ไม่ใช่แค่ของที่ถูกใจหรอก เป็นของเล่นชั้นยอดที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วน่ะ" ทุกคนที่ได้ยินคำพูดนี้ต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย ไม่เว้นแม้กระทั่งมิบุจิ เรโอะและมายูซึมิ จิฮิโระที่พึ่งจะเดินเข้ามาสมทบกับอีกสามคน

    "ออ เรโอะ ผมมีเรื่องจะให้นายช่วย เย็นวันนี้มาที่บ้านของผมด้วยนะ" พูดจบอาคาชิก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ พลางคิดถึงใบหน้ายามหวาดกลัวของคนร่างเล็กพร้อมกับเสียงร้องอ้อนวอนขอความเมตตาจากเขา

    "หึๆ คืนนี้คงจะได้เห็นอีกสินะ สีหน้าอันแสนทรมาณของนาย....เท็ตสึยะ"


    "เฮือก!!!!" ร่างเล็กที่สลบไปครึ่งค่อนวันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างกระทันและรีบโอบกอดตัวเองไว้ทันที ความรู้สึกหนาวยะเยือกที่แทรกเข้ามากลางไขสันหลังบ่งบอกเขาว่าคืนนี้เขาอาจจะต้องถูกทารุณอย่างแสนสาหัสเป็นแน่

    "ผม...ไม่ใช่ทาสของคุณ.....ทำไมต้องกักผมไว้และทำไมต้องมาทารุณผมแบบนี้...." คุโรโกะเอ่ยขึ้นเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งพลางค่อยๆ ยันตัวขึ้นช้าๆ และเดินไปมองตัวเองในกระจกก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะว่าเงาที่สะท้อนออกมานั้น....ร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยฝกช้ำ เลือดที่แห้งกรังติดที่ริมฝีปากและข้างศีรษะ แขนที่แดงซับสีเลือดจากรอยข่วนและข้อมือกับข้อเท้าที่มีเลือดไหลออกมาน้อยๆ เพราะโซ่กัด เสื้อผ้าที่ขาดเพราะถูกกระฉากและบาดแผลจากการถูกกรรไกรแทงเข้าที่ไหล่....

    "โดนมาตั้งขนาดนี้แล้วยังไม่ตายอีกเหรอ....." ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนแรงก่อนจะค่อยๆ ทรุดตัวลงข้างเตียงขนาดคิงไซส์ของเด็กหนุ่มที่จับเขามาขังไว้ ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับร่างของคนรับใช้ส่วนตัวของอาคาชิที่ยกอุปกรณ์ต่างๆ มารักษาและทำความสะอาดเขา

    "คุโรโกะคุง....พี่มาเช็ดตัวและทำแผลให้จ้ะ" หญิงสาวร่างโปร่งผมสีดำนัยน์ตาสีเทาอ่อนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คุโรโกะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เหนื่อยอ่อนก่อนจะพยักหน้าตอบรับช้าๆ

    "ขอบคุณนะครับพี่ฮิโตมิโกะ....แต่ถึงทำแผลให้ผมไป ยังไงอาคาชิคุงก็ต้องมาเล่นงานผมเหมือนเดิม...." หญิงสาวนามยูคิมูระ ฮิโตมิโกะมองเด็กหนุ่มร่างด้วยสายตาที่สงสารจับใจ แต่เธอกลับไม่สามารถช่วยเด็กหนุ่มได้เพราะโซ่ที่ล็อคด้วยกุญแจชนิดพิเศษที่มีแค่อาคาชิเพียงคนเดียวเท่านั้นจะปลดล็อคได้

    "พี่ก็คิดแบบนั้น ฮึก....แต่พี่อยากจะชดใช้....อึก.....ที่พี่ไม่สามารถช่วยเธอได้เลย...ฮือ....." หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายคนอายุน้อยกว่า แม้เธอจะเข้ามารักษาคุโรโกะหลายต่อหลายครั้ง แต่เด็กหนุ่มก็มักจะถูกนายน้อยของตระกูลทำร้ายจนได้แผลฉกรรจ์เสมอๆ และทุกครั้งที่เธอเข้ามา....เธอก็ต้องร้องไห้ เมื่อมองใบหน้าของคนที่ถูกทำร้ายมาตั้งขนาดนั้น แต่กลับฝืนร่างกายเข้ามากอดและปลอบเธอด้วยความอ่อนโยนทุกครั้งไป

    "...ไม่เป็นไรครับ....ผมจะถือว่านี่คือเคราะห์ของผม....พี่ฮิโตมิโกะอย่าร้องไห้เลยครับ...." เสียงปลอบอันอ่อนแรงยิ่งทำให้หญิงสาวร้องไห้หนักกว่าเดิม ยิ่งเมื่อได้มองใบหน้าแล้วยิ่งรู้สึกผิด ยิ่งได้ยินเสียงปลอบอันอ่อนแรงแต่แสนจะอ่อนโยนนั่นก็ยิ่งรู้สึกเจ็บใจ....เธอเจ็บใจเหลือเกินที่ช่วยเหลือเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้....

    "ฮึก....งั้นพี่จะทำแผลให้นะ...." หญิงสาวเช็ดน้ำตาออกและเริ่มทำหน้าที่ของตนทันที เธอถอดเสื้อของคุโรโกะออกอย่างเบามือเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ แต่ก็ต้องตกใจมากขึ้นเมื่อเธอได้เห็นบาดแผลของวันนี้ รอยบาดที่หน้าท้องที่เกิดขึ้นจากการกรรไกรและรอยช้ำรอบๆ แผล รอยกรรไกรแทงบนหัวไหล่ซ้าย รอยช้ำที่คอที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าถูกบีบคอมาอย่างรุนแรงจนเห็นเป็นรอยนิ้วมือ ยิ่งมองร่างกายของเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอก็ต้องปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นและน้ำตา เธอคิดมาตลอดว่าหากเป็นเธอคงจะตายไปตั้งแต่ที่ถูกบีบคอแล้ว ฮิโตมิโกะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกมาช้าๆ และเริ่มลงมือเช็ดตัวและทำแผลให้กับเด็กหนุ่ม


    ติ๊ง....ติ๊ง.....ติ๊ง..... เสียงริงโทนข้อความดังขึ้นเบาๆ คนอื่นๆ ต่างหันมามองทางต้นเสียงทันทีและคนที่ใช้เสียงริงโทนข้อความเป็นเสียงน้ำตกระทบแก้วดังกังวาลแบบนี้ก็มีเพียงคนเดียว....

    "คุโรโกะ ผู้ปกครองส่งข้อความมาเหรอ?" เสียงของอาจารย์ประจำวิชาดังขึ้นก่อนจะกวักมือเรียกเด็กสาวเข้าไปหา

    มิซึฮะเดินไปหาอาจารย์เงียบๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ เมื่อมายืนข้างๆ อาจารย์แล้วว่า "ไม่ใช่ค่ะ คนสืบข่าวเขาส่งข่าวเกี่ยวกับเรื่องของน้องชายมาค่ะ"

    "คุโรโกะ เท็ตสึยะคุงสินะ ป่านนี้ยังหาไม่เจออีกเหรอ" อาจารย์สาวถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงโดยไม่มีการเสแสร้งแกล้งทำ มิซึฮะพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงประเป่ากระโปรง

    "คาบนี้ครูให้เธอโดดเรียนได้ แต่เธอต้องทำงานที่ครูสั่งให้เรียบร้อยด้วยล่ะ นี่คืองานที่ครูกำลังจะสั่ง เอาไปทำแล้วมาส่งครูพรุ่งนี้นะ" อาจารย์สาวพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน มิซึฮะมองอาจารย์ด้วยความเกรงใจก่อนที่อาจารย์สาวจะจับมือเธอมาให้มารับกระดาษในมือและตบบ่าเด็กสาวเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

    "ขอบคุณมากค่ะ" มิซึฮะพูดขึ้นเบาๆ ตามนิสัยก่อนจะเดินลงไปยังอาคารชมรมบาสพลางเปิดเมลขึ้นมาอ่าน

    "'ข่าวคราวล่าสุดที่คิเสะไปรวบรวมมาให้คือ ตอนนี้อาคาชิมีอาการแปลกนั่นคือชอบยิ้มอยู่คนเดียว บางที่ก็หัวเราะเหมือนคนโรคจิต และวันนี้อาคาชิก็ยังชวนมิบุจิ เรโอะไปที่บ้านเพียงคนเดียวด้วย รายละเอียดที่เหลือรอฟังจากคิเสะ หลังจากที่พวกพี่ซ้อมบาสเสร็จพาคางามิมาเจอผมกับคิเสะที่ร้านมาจิเบอร์เกอร์'...งั้นเหรอ นี่มันก็...อีกไม่ถึง 4 นาทีจะพักกลางวัน....." เด็กสาวพึมพำเบาๆ ก่อนจะส่งเมลไปหาคางามิและเข้าไปในอาคารชมรมบาสด้วยขอบตาที่แดงก่ำราวกับจะร้องไห้ออกมา


    "อีกไม่นานเท่านั้น....รอพี่ก่อนนะ.....พี่จะช่วยนายให้ได้.....เท็ตสึยะ....."


    ~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~=~



    จบแล้วสำหรับบทนำ ทำไมคุโรโกะคุงถึงได้น่าสงสารถึงเพียงนี้~~~ (โหยหวน(?))

    แค่บทนำบางทีอาจจะเรียกน้ำตาจากท่าผู้อ่านก็ได้ แต่ทำไจไว้นิดนะคะ เพราะเรื่องนี้จะมีฉากแบบนี้ประมาณ 4-5 ฉาก ไม่สิ อาจจะมากกว่านั้น แต่ถ้าใครอ่านแล้วบางทีอาจจะเกลียดอาคาชิไปเลย =^=" ซึ่งไรท์ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น แต่ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นแบบไหนยังไง ก็คงต้องรออ่านเอานะคะ เพราะเรื่องนี้แต่งสดโดยไม่มีการวางโครงเรื่องไว้ล่วงหน้า(ใช้ความซาดิสม์ของตัวเองเข้ามาช่วยในการแต่งเล็กน้อย)

    เอ้า~ ตอนหน้า ไรท์จะบอกแค่ว่าเรโอเน่จะมาทำหน้าที่ดูแลคุโรโกะคุงร่วมกันกับฮิโตมิโกะนะคะ บอกแค่นี้แหละที่เหลือรอไปอ่านกันเอาเอง แล้วไว้เจอกันในตอนหน้า บายค่า~~~~











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×