คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : คำลวง
“นี่ไหมได้เจอกับพวกมันแล้วอย่างนั้นหรอ” นี่คือเสียงอุทานที่ดังลั่นบ้านด้วยความตื่นเต้นของวัลลภ หลังจากที่ได้ฟังข่าวคราวบางอย่างจากหลานสาว
“ค่ะ พอดีไหมได้เข้าไปทำงานที่นั่น”
“นี่ไหมเข้าไปทำงานที่นั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกอาเลย”
“ไหมเข้าไปทำงานที่นั่นได้สามวันแล้วค่ะ”
ทันทีที่ได้ฟังคำบอกกล่าวจากหลานสาวเขาก็อึ้งไปชั่วขณะ มันเป็นข่าวดีมากและมันก็ทำให้เขาเซอไพร์ซกับมันมาก นี่แหละสิ่งที่เขารอคอยมาตลอด ในที่สุดวญิดาก็เดินทางมาถึงจุดเริ่มต้นเสียที
“ทำตำแหน่งอะไร”
“เป็นเลขาจักรวุธลูกชายคนโตของไอ้วันชัยค่ะ” สิ้นคำพูดของหญิงสาววัลลภก็ฉีกยิ้มออกมาอย่างชื่นใจ
“เป็นเลขาจักรวุธงั้นหรอ เยี่ยมมาก ต่อจากนี้ไปไหมก็เต็มที่เลยนะ ต้องการให้อาช่วยอะไรก็บอก อาว่ามันคงถึงเวลาแล้วแหละที่พวกมันต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกมันทำ”
“ไหมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะคุณอา”
หลังเวลาเลิกงานในวันนี้ วญิดาก็รีบมุ่งหน้ามาที่บ้านของวัลลภทันที เพื่อมาส่งข่าวที่ว่าให้วัลลภทราบ เพราะว่าเรื่องการแก้แค้น เป็นเรื่องที่วัลลภเป็นคนเสี้ยมสอนเธอเอง ในวันนี้เธอจึงต้องมารายงานให้ทราบถึงความคืบหน้า เพื่อให้เขารับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของเธอ และเพื่อให้เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้เธออีกด้วย
ทันทีที่จักรวุธกลับมาถึงบ้านหลังเลิกงาน วันชัยก็ตามตัวขึ้นไปคุยธุระบางอย่างที่ห้องทำงานของเขา
“ครับพ่อ เรียกผมมามีอะไร”
“เรื่องไหมกับนภาไปถึงไหนแล้ว” ที่แท้วันชัยก็ตามลูกชายมาคุยเรื่องสองแม่ลูกที่หายไป ซึ่งตนได้มอบให้ลูกชายเป็นคนจัดการเรื่องตามหา
“ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย” แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้วันชัยถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกยาว
“นี่เราตามหาเขามาสิบกว่าปีแล้วนะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เขากล่าวอย่างคนสิ้นหวัง
“ผมเชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องห่วงนะพ่อ ยังไงผมก็ต้องตามหาพวกเขาให้เจอ ยังไงผมก็ต้องตามหาน้องให้เจอ” จักรวุธกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แววตาแฝงไปด้วยความเศร้าหมองแต่ยังคงมีความหวัง
“แล้วถ้าเขาไม่มีชีวิตอยู่แล้วล่ะ” วันชัยถามขึ้น
“ตราบใดที่ผมยังไม่พบใบมรณะบัตรของคุณน้านภา และเด็กหญิงวญิดา อัญนพกุล ผมก็ยังคงเชื่อว่าเขาทั้งสองยังมีชีวิตอยู่” จักรวุธโต้อย่างทันควัน
หลังจากนั้นจักรวุธก็กลับมาเก็บตัวอยู่ในห้องนอนของเขาเอง สายตามองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างอย่างคนใจลอย เรื่องที่พ่อเรียกไปคุยเมื่อครู่ เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยละเลย และเป็นเรื่องที่เขาให้ความสำคัญมาก มากไม่แพ้เรื่องของน้องชายเลย แถมเรื่องนี้ยังทำให้เขาหนักใจยิ่งกว่าเสียอีกเพราะมันเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร สิบห้าปีที่เขายังคงรอคอยการกลับมาของสองแม่ลูกนั่น แต่กลับไม่เคยมีเบาะแสเกี่ยวกับสองคนนั้นเลยแม้แต่น้อย
ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไปเปิดลิ้นชักที่หัวเตียงออก และหยิบบางสิ่งในนั้นออกมา ภาพถ่ายของเขาในสมัยเด็กที่มีเด็กผู้หญิงผูกผมเปียสองข้างยืนขนาบอยู่ แววตาไร้เดียงสาบวกกับรอยยิ้มสดใสนั้นยังคงน่ารักน่าชังไม่เคยเปลี่ยน และมันยังตราตรึงอยู่ในใจของจักรวุธตลอดมา แต่ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกัน และเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง และที่สำคัญเธอจะยังรอเขาเหมือนที่เขารอเธออยู่รึเปล่า
ในตอนเช้าวญิดามาทำงานตรงเวลาเหมือนเช่นเคย เธอกำลังก้มหน้าก้มตาเคลียเอกสารบนโต๊ะอย่างขะมักเขม้น แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีมือทั้งสองข้างของใครคนหนึ่งท้าวลงมาที่โต๊ะทำงานของเธอ เธอจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองและก็พบกับเจ้านายของตนกำลังส่งยิ้มมาให้อย่างเจ้าเล่ห์
“คุณจักรวุธ สวัสดีค่ะ”
“มือคุณเป็นไงบ้าง” ชายหนุ่มถามไถ่พร้อมกับเสตามองไปที่มือน้อยที่มีรอยแดง
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
“แต่มันยังแดงอยู่เลย คุณต้องทายาบ่อยๆ นะ มันจะได้หายไวๆ” เขาแสดงอาการเป็นห่วง
“ค่ะ”
“เดี๋ยวคุณช่วยชงกาแฟเข้าไปให้ผมในห้องด้วยนะ”
“ค่ะ”
หลังจากเสร็จสิ้นคำสั่งจักรวุธก็หายเข้าไปในห้องทำงานของตน เพียงไม่นานกาแฟที่สั่งก็ตามไปเสิร์ฟที่โต๊ะ เมื่อหมดหน้าที่ของตน วญิดาก็หันหลังกลับเพื่อจะเดินออกไปทำงานของตนต่อ แต่ก็มีเสียงเรียกจากเจ้านายทำให้ต้องหันหลังกลับมาที่เขาอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนสิ นั่งคุยเป็นเพื่อนผมก่อน”
“คะ?” วญิดาแสดงอาการแปลกใจ “คุณจักรวุธจะให้ดิฉันนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณ มันไม่เสียเวลางานหรอคะ นี่คุณจะหลอกล่อให้ดิฉันโดนหักเงินเดือนหรือไง” วญิดาแกล้งถามในเชิงหยอก
“คุณนี่มันจริงๆ เลย คิดได้ยังไง” เขาอดขำไม่ได้กับสิ่งที่หญิงสาวพูด “มานั่งนี่เร็ว งานน่ะมันไม่หนีไปไหนหรอก” เขาชี้ไปที่เก้าอี้หนังข้างหน้าโต๊ะทำงานของตน
“ค่ะ” เธอตอบรับและเดินมานั่งลงตรงข้ามเขา
“คุณว่าวันนี้ผมหล่อไหม” และอยู่ๆ วญิดาก็ต้องเจอกับคำถามที่ไม่คาดคิด เธอจ้องหน้าเขาอย่างพิจารณาเพื่อเช็คว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน และก็พบว่าเขากลับเอาแต่นั่งยิ้มพร้อมกับจ้องมองที่เธอเพื่อรอคำตอบ
“คุณก็หล่อทุกวันอยู่แล้วหนิคะ” เธอตอบหน้าตาเฉยโดยไม่แสดงอาการเขินอายใด ทำให้เขาหัวเราะชอบใจกับคำตอบนั้น
“ถ้าผมหล่อ แล้วทำไมคุณไม่เห็นสนใจผมเลย คุณมีแฟนแล้วหรอ” เมื่อคำถามนั้นถูกถามขึ้นมาในขณะที่สายตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นยังคงจับจ้องมาที่ใบหน้าของหญิงสาวอย่างไม่ลดละ ทำให้วญิดาเริ่มหน้าแดงและสู้สายตาของเขาไม่ไหวจึงกระเถิบลูกตามองไปทางอื่น
“ไม่มีค่ะ”
“แล้วทำไมคุณไม่เห็นสนใจผมเลยล่ะ ฮึ?” ยิ่งเห็นหญิงสาวแสดงอาการเขินแบบนี้ จักรวุธก็ยิ่งได้ใจ เขายังคงถามคำถามเดิมเพื่อรอให้เธอตอบ
“ไม่บังอาจหรอกค่ะ”
“แล้วถ้าผมบอกว่าผมสนใจคุณล่ะ” ประโยคนี้ทำให้วญิดาเริ่มวางตัวไม่ถูก เธอเงียบกริบและยิ้มอย่างเขินอาย จักรวุธหัวเราะออกมาอีกครั้งกับสีหน้าที่แดงฉ่ำของเธอ “เอาละๆ ผมไม่กวนคุณและ ไปทำงานต่อเถอะ”
“ค่ะ” วญิดารีบลุกขึ้นทันทีและรีบเดินไปให้พ้นจากตรงนี้อย่างรีบเร่ง
“ผมชอบคุณนะ คุณสุมิตรา”
**อยากอ่านตอนนี้แบบเต็มๆ ไปเจอกันในเล่มนะคะ ^^
ความคิดเห็น