ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงแค้นสุมดวงใจ

    ลำดับตอนที่ #7 : ไฟแค้นที่ลุกโชน 50%

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 55


      ที่ศาลาริมน้ำหลังบ้าน การะเกดกำลังนั่งร้อยพวงมาลัยอยู่อย่างสบายใจ ท่ามกลางความเงียบสงบมีก็แต่เพียงเสียงน้ำที่เคลื่อนไหวเบาๆ แต่แล้วบรรยากาศนั้นก็ถูกทำลายลงเมื่อจิตตรีเดินมาพร้อมกับตะโกนเสียงดังอย่างใส่อารมณ์

            

            “โอ๊ยคุณพี่คะ! มานั่งอยู่ตรงนี้นี่เอง น้องหาเสียตั้งนาน ในบ้านเกิดเรื่องใหญ่ไปไหนๆ แล้วไม่รู้เรื่องเสียบ้าง มัวแต่นั่งร้อยมาลัยสบายใจอยู่นั่น”


                    “อะไรกันคะคุณผู้หญิง มาถึงก็เอะอะ เอะอะ ทำลายบรรยากาศเสียจริงเชียว” บ่าวประจำตัวของการะเกดขึ้นเสียงใส่จิตตรีอย่างไม่เกรง “ดูสิคุณผู้หญิงอุตส่าห์หลบมาตั้งไกลแล้วเชียว ก็ยังตามมาก่อกวนเสียจนได้”


                    “หืมอีชื่น หุบปากของเอ็งไปเลยนะ ข้าเป็นนายเอ็งเป็นบ่าวให้มันรู้เสียบ้าง กำเริบใหญ่นัก แล้วตอนนี้นายก็มีเรื่องจะต้องคุยกับนาย บ่าวอย่างเอ็งน่ะ อย่าสะเออะ!” จิตตรีพูดพลางชี้นิ้วไปที่ตน การะเกด และนางชื่น ตามลำดับ 


                    “พอเถอะแม่จิตตรี เลิกเอะอะเสียที มีธุระอะไรก็รีบว่ามา ฉันจะได้ร้อยมาลัยต่อ” การะเกดกล่าวอย่างเอือมระอา


                    “คุณพี่ฟังให้ดีนะคะ ว่าคุณพี่กำลังจะมีคนมาร่วมใช้ผัวของคุณพี่อีกคน และวันนี้มันก็ได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รู้อย่างนี้แล้วยังจะรีบร้อยมาลัยต่ออยู่ไหมล่ะคะ”


                    สิ้นคำพูดของจิตตรี พวงมาลัยในมือของการะเกดก็ร่วงลงพื้นทันที เธอแทบจะเป็นลมเสียด้วยซ้ำ แต่ยังคงสติของตัวเองเอาไว้ ทั้งมือไม้และแข้งขาอ่อนไปหมด เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เสียใจมากเกินพอแล้ว ยังจะมามีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาอีก


                    “คุณพี่ต้องจัดการนะคะ เราจะยอมให้มีคนที่สามไม่ได้ เพราะถ้ามีคนที่สาม ก็ต้องมีคนที่สี่ ที่ห้า ที่หก ไม่รู้จบสิ้น” จิตตรียังคงโวยวายต่อไป


                    “ฉันจะไปทำอะไรได้กันเล่า ฉันมันก็แค่คนร่วมชายคา ไม่ได้มีความหมายอะไรในบ้านนี้แม้แต่น้อย หากจะจัดการจริงๆ ก็คงจะต้องเป็นหน้าที่เมียสุดที่รักอย่างเธอแล้วแหละแม่จิตตรี” การะเกดเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจถึงที่สุด จริงสินะ เธอจะไปทำอะไรได้กันเล่า แค่หน้าเธอเขายังไม่อยากจะมองเสียด้วยซ้ำ เมื่อบ่าวอย่างชื่นเห็นอาการของคุณผู้หญิงของตนก็อดสงสารไม่ได้


                    “โอ๊ยคุณพี่นี่ไม่ได้ดั่งใจเลยนะคะ” จิตตรียังคงใส่อารมณ์อย่างไม่หยุด แต่เมื่อเห็นว่าการะเกดไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้ เธอจึงเดินไปจากตรงนี้ในที่สุด


                    “คุณผู้หญิงคะ ร้อยมาลัยต่อดีกว่านะคะ อย่าคิดมากเลยค่ะ ชื่นน่ะเป็นห่วงคุณผู้หญิงนะคะ ไม่อยากเห็นคุณผู้หญิงเป็นแบบนี้เลย”


                    “ฉันไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อยจ้ะแม่ชื่น มาเรามาร้อยมาลัยต่อกันดีกว่า” หญิงสาวพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองไว้ข้างใน และหยิบพวงมาลัยขึ้นมาร้อยต่อ

                    เมื่อร้อยมาลัยเสร็จแล้ว การะเกดก็เดินขึ้นห้องนอนไปเพื่อหวังจะพักผ่อนเสียหน่อย แต่ขณะนั้นอยู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากห้องนอนห้องหนึ่งซึ่งปกติห้องนี้ไม่ได้เป็นห้องนอนของใคร เป็นเพียงห้องนอนไว้สำหรับรับแขกเท่านั้น

                    “คุณพี่คะอย่าค่ะ กลางวันแสกๆ” เสียงดังกล่าวเป็นเสียงผู้หญิงพูดปนด้วยเสียงหัวเราะระริกระรี้

                    “มามะมาให้จับเสียดีๆ อย่าดื้อสิจ้ะ” เสียงเรืองเดชตอบกลับหญิงสาว

                    “โอ๊ยยอมแล้วคะ ยอมแล้ว น้องยอมแล้วจริงๆ”

                    เนื่องจากว่าประตูห้องนั้นไม่ได้ปิด การะเกดที่อดสงสัยไม่ได้จึงเดินไปแอบดูว่าเสียงใครกัน และเธอก็ได้เห็นภาพที่บาดตาเข้าให้ เพราะชายหนุ่มกำลังกอดจูบกับหญิงสาวคนใหม่อย่างดูดดื่ม ร่างบางหยุดดูสักครู่อย่างตกตะลึง เมื่อได้สติจึงรีบวิ่งไปร้องไห้ในห้องนอนของตนทันที ใบหน้าซุกลงที่หมอน พลางเอามือทุบลงบนที่เตียงซ้ำๆ ซ้ำๆ อย่างเจ็บใจ

                    ยิ่งนับวันชายหนุ่มก็ยิ่งมีพฤติกรรมแย่ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะภายหลังเขาเริ่มพาบรรดาโสเภณีมาสนุกกันที่บ้านอย่างไม่เกรงอกเกรงใจใครทั้งสิ้น หากวันใดว่างจากงานก็มักจะได้ยินเสียงผู้หญิงเอะอะๆ กันเต็มบ้านไปหมดเป็นประจำ

                    “ไหน อยู่ไหนมาให้จับเสียดีๆ”

                    “อยู่นี่คะ อ๊าย อยู่นี่คะอ๊าย ทางนี้สิคะ ทางนี้ค่ะทางนี้ อ๊าย อ๊าย อ๊าย”

                    เรืองเดชอยู่ในผ้าปิดตา และกำลังไล่ล่าบรรดาหญิงสาวอยู่ภายในห้องโถง ท่าทีของเขาดูเปรมปรีดิ์เสียเหลือเกิน และด้วยความทนไม่ไหวของการะเกด ที่มาเห็นพวกเขาเข้าพอดี เธอจึงเดินเข้ามาในบริเวณนั้น บรรดาหญิงสาวจึงเงียบเสียงกันไป และพากันหลบไปอีกมุมหนึ่ง การะเกดค่อยๆ เดินเข้าไปหาชายหนุ่ม เพื่อหวังจะตักเตือนให้เป็นเรื่องเป็นราว

                    “อ้ะจับได้แล้ว อยู่นี่เอง มามะขอหอมทีหนึ่งนะจ้ะ” เรืองเดชจับไปโดนการะเกดเข้าโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ จึงกอดเธอแน่น แต่พอเขากำลังจะหอมแก้มเธอ เธอจึงรีบยกมือขึ้นมาดันหน้าเขาไว้ในเชิงห้าม เรืองเดชจึงเอาผ้าปิดตาออก และเมื่อเห็นเป็นการะเกด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนทันที จากที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ก็กลายเป็นคิ้วขมวด เขาค่อยๆ ปล่อยร่างของเธอออกจากอ้อมแขน และหยุดนิ่ง

                    “พวกเธอออกไปที่อื่นก่อน ฉันมีเรื่องจะต้องคุยกับเค้า” การะเกดไล่ผู้หญิงพวกนั้นออกไป และเริ่มพูด

                    “คุณพี่ทำเกินไปแล้วนะคะ คุณพี่น่าจะเห็นหัวกันบ้าง บ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่บ้านของคุณพี่คนเดียวนะคะ ฉันเองก็อยู่ทั้งคน คุณพี่ไม่รักฉันไม่ใยดีฉัน ฉันก็ไม่ว่านะคะ แต่คุณพี่ก็น่าจะให้เกียรติกันบ้าง ในฐานะที่ฉันก็ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา นี่มันบ้านนะคะ ไม่ใช่ซ่อง”

                    “พอเถอะแม่การะเกด เธอมาใช้คำว่าภรรยาให้ฉันแสลงหูทำไมกัน เธอจะมาเรียกร้องอะไร เธอไม่รู้ตัวเลยหรอว่าเธอไม่มีสิทธิ์แล้ว จริงอยู่เราสองคนอาจจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีภรรยา แต่เธอรู้ไหมว่าความรู้สึกของฉัน เธอหมดสภาพการเป็นภรรยาของฉันไปนานแล้ว ฉันไม่มีภรรยาที่ใจร้ายใจดำคิดจะฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไขของฉันได้ลงหรอก จำเอาไว้ด้วย” ชายหนุ่มตะคอกใส่หน้าหญิงสาวอย่างไร้เยื้อใย

                    เมื่อสามีเล่นพูดให้กันถึงขนาดนี้ เธอก็ไม่อาจจะเก็บกลั้นน้ำตาไว้ได้อยู่ เธอจึงวิ่งร้องไห้ออกมาจากบริเวณนั้นทันที และวิ่งออกจากบ้านไปอย่างไร้จุดหมาย เธอชอกช้ำใจมาก และได้แต่เดินร้องไห้ไปตามหนทางอย่างไม่หยุดหย่อน  สุดท้ายความเสียใจเศร้าโศกก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความแค้น ทำไมเธอจะต้องเป็นคนผิดอยู่ฝ่ายเดียว ในเมื่อเธอต้องทนอยู่กับความช้ำใจมาตลอดเวลา ต้องทนอยู่กับสามีที่ไม่รักเดียวใจเดียว สามีที่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของตนเลยสักครั้งดีแต่ทำตามใจตัวเองมาตลอด สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจไปที่วัดและนำสร้อยข้อมือที่เรืองเดชเคยให้ไว้ไปฝากพระรูปหนึ่งไว้ซึ่งเป็นญาติของเธอ จากนั้นเธอก็ไปสักการะพระพุทธรูปพร้อมกับอธิษฐานทั้งน้ำตา “หลวงพ่อเจ้าคะ ชาติที่แล้วลูกไปทำสิ่งใดให้ใครต้องเจ็บช้ำมากมายนักหรือ เหตุใดชาตินี้ลูกถึงต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ ลูกทุกข์ทรมานเหลือเกินค่ะหลวงพ่อ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร มีก็แต่หลวงพ่อเท่านั้นที่จะช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจของลูกไว้ได้ หลวงพ่อเจ้าคะ ลูกขอภาวนา หากชาติหน้ามีจริง ขอให้ลูกได้เอาคืนอย่างสาสม ด้วยมือของลูกเอง ใครทำสิ่งใดไว้ ก็ต้องได้กลับคืนไปแบบนั้น เขาจะต้องเจ็บปวดและทรมาน ทุรนทุรายเพราะลูก เหมือนที่ลูกทรมานเพราะเขา เขาจะต้องได้รู้สึกเหมือนที่ลูก...รู้สึก!!” 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×