ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รักในรอยแค้น

    ลำดับตอนที่ #6 : การเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 55


     

     

                    เวลาล่วงเลยมาจนถึงวันที่วญิดาสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี หญิงสาวอยู่ในชุดครุยอย่างสง่างามพร้อมทั้งในมือยังถือปริญญาบัตรแสดงถึงความสำเร็จอย่างภาคภูมิใจ เธอกำลังยืนฉีกยิ้มให้ตากล้องพร้อมทั้งซ้ายขวาที่ขนาบไปด้วยแม่ และวัลลภ ทั้งสามถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลินจนล่วงเลยไปถึงร้อยกว่ารูป

    วันนี้เป็นวันที่นภาปลาบปลื้มในตัวลูกสาวมากที่สุด สิบกว่าปีที่ผ่านมาที่เธอต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว แต่ลูกสาวคนนี้ก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลยสักครั้ง จนกระทั่งวันนี้ก็ยังนำความภาคภูมิใจมาให้เธออย่างที่สุด เพราะนอกจากจะเรียนจบอย่างสง่างามแล้ว วญิดายังคว้าเกียตรินิยมอันดับหนึ่งมาครองให้คนเป็นแม่ได้ปลาบปลื้มเข้าไปอีก

    และต่อจากนี้ไป เวลาที่วญิดารอคอยมาทั้งชีวิตก็มาถึง ในวันที่เธอเรียนจบมีวุฒิการศึกษาพอที่จะไปสมัครงานที่บริษัทของพ่อตัวเองได้ บริษัทยักใหญ่ที่มีชื่อว่า “ศตาอัญนพ” แน่นอนว่าบริษัทชื่อดังแบบนี้ก็ต้องคัดคนเข้าทำงานกันยากพอสมควร การจะได้ทำงานที่นี่ก็คงต้องมีสมรรถภาพสูง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่วญิดากังวลเลยสักนิด  ในวันรุ่งขึ้น เธอหอบวุฒิการศึกษาของเธอไปยังบริษัทที่ว่าทันที และก็เหมือนโชคเข้าข้างเมื่อเธอไปถึงหน้าบริษัท ก็พบป้ายประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งพนักงานบัญชี ซึ่งตรงกับสาขาที่เธอเรียนจบมาพอดิบพอดี

    ฝีเท้าของใครคนหนึ่งค่อยๆ ก้าวเดินอย่างช้าๆ หลังจากที่ออกไปส่งลูกค้าที่หน้าบริษัทแล้วจึงกลับเข้ามา สายตามองโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยเดี๋ยวหันซ้ายหันขวา จนกระทั่งเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งเข้า ทำให้เขาต้องหยุดก้าวขาทันที และเพ่งมองสิ่งนั้นให้ชัดๆ ภาพที่เห็นคือผู้หญิงคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนกระดาษใบหนึ่งอยู่ แต่ที่น่าสนใจคือผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เขาเคยเห็นในคอมพิวเตอร์ของน้องชาย จักรวุธจำหน้าตานั้นได้อย่างไม่มีวันลืม เพราะเขารอที่จะคิดบัญชีกับเธออยู่ และก็เหมือนโชคเข้าข้างที่เขาไม่ต้องออกตามหาเธอให้เหนื่อย ในเมื่อวันนี้เธอก็มาหาเขาถึงที่

    วญิดาก้มหน้าก้มตากรอกใบสมัครอย่างตั้งใจ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้ตกอยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งเข้าแล้ว สายตาที่มองมาด้วยความจงเกลียดจงชัง เขามองเธอจากอีกมุมหนึ่งเป็นเวลานาน โดยไม่มีทีท่าว่าจะไปจากตรงนี้เลย จนกระทั่งวญิดากรอกใบสมัครเรียบร้อย เธอจึงยื่นให้กับพนักงานของบริษัทและเดินออกไปจากตรงนั้นในที่สุด จักรวุธจึงเดินเข้าไปหาพนักงานของตนที่รับใบสมัครของหญิงสาวไว้ทันที

    “ผู้หญิงคนเมื่อสักครู่ เขามาทำอะไร” ชายหนุ่มถามกับพนักงานด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

    “มาสมัครงานค่ะ”

    “เอาใบสมัครของเธอมาให้ผม” และจักรวุธก็ยึดใบสมัครของวญิดาเอาไว้ทันที เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง และเมื่อเขาได้มันมา เขาก็เก็บมันมาอ่านในห้องทำงานของตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาพยายามศึกษาประวัติของหญิงสาวอย่างละเอียด นัยน์ตาจ้องมองไปที่รูปถ่ายพลางยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย

    ในวันรุ่งขึ้นวญิดาเดินทางมาที่บริษัทศตาอัญนพอีกครั้ง เมื่อได้รับการติดต่อกลับให้มาสัมภาษณ์ เมื่อมาถึงเธอก็ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ถูกนัดไว้ เมื่อขึ้นไปถึงชั้นนั้น เธอก็ต้องไปแจ้งชื่อกับพนักงานหญิงคนหนึ่งตามที่ทางบริษัทบอกไว้

    “ฉันชื่อสุมิตราค่ะ มาสัมภาษณ์งาน ทางบริษัทบอกให้ฉันมาแจ้งชื่อที่คุณเมื่อมาถึง” วญิดาทำตามที่บริษัทบอกทุกอย่าง 

    “อ๋อคุณสุมิตรา เดี๋ยวเชิญนั่งรอตรงนี้สักครู่นะคะ” เมื่อพนักงานหญิงคนดังกล่าวได้ยินชื่อของเธอก็ไม่แปลกใจใดๆ เพราะเจ้านายของตนได้แจ้งไว้แล้วว่าหากเธอมาให้โทรเข้าไปรายงานให้ทราบทันที เธอจึงทำตามนั้น เมื่อโทรแจ้งเรียบร้อย เธอจึงพาวญิดาไปยังห้องทำงานของเจ้านายตามคำสั่งทุกประการ

    เมื่อวญิดามาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องดังกล่าว สายตาก็จ้องมองไปที่ชื่อคนที่ติดไว้หน้าห้อง “จักรวุธ ศตายุรนนท์” ชื่อนี้เธอยังจำได้ดีและไม่มีวันที่ลืมไปได้ เพราะมันคือชื่อคู่หมั้นที่ยังคงอยู่ในใจเธอเสมอ พนักงานสาวทำการเปิดประตูออกหลังจากได้รับคำอนุญาตจากคนในห้องและเชิญให้วญิดาเดินเข้าไป

    วญิดาเดินเข้ามาในห้องแล้วและก็ได้พบกับเขาแล้ว เขากำลังก้มหน้าก้มตาเรียงเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะให้เป็นระเบียบอยู่ เธอจ้องมองไปที่เขาอย่างลืมตัว นี่น่ะหรือผู้ชายที่เธอเคยเรียกเขาว่า “พี่คราม” ผู้ชายที่เคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของเธอ ผู้ชายที่เคยวิ่งไล่จับกับเธอตอนเด็กๆ ตอนนี้เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นผู้บริหารมาดเท่อยู่ในชุดสูท เธอยังคงจ้องมองไปที่เขาอย่างไม่ลดละ จนจักรวุธถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทีนั้น

    “คุณสุมิตราครับ คุณเล่นจ้องผมขนาดนี้ ผมทำตัวไม่ถูกเลยนะเนี่ย” เขาพูดพลางหัวเราะกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เธอได้สติและรีบก้มหน้าลงทันที

    “ขอโทษค่ะที่เสียมารยาท”

    “ไม่เป็นไรครับ เชิญนั่งครับ” เขากล่าวอย่างใจดีพลางผายมือไปที่เก้าอี้หนังที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของตน หญิงสาวจึงนั่งลงตามที่เขาบอก

    “สวัสดีค่ะ” เธอยอมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม

    “สวัสดีครับ” เขาตอบรับพลางยกมือไหว้กลับก่อนจะเริ่มสัมภาษณ์ “ทานข้าวมารึยังครับ”

    “ทานแล้วค่ะ”

    “กับอะไร” คำถามนี้ทำให้วญิดาแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ตอบออกไป

    “กระเพราค่ะ”

    “ใส่ไข่ดาวด้วยรึเปล่า” เขาถามทั้งที่ใบหน้ายังคงยิ้มกริ่ม

    สิ้นคำถามนี้ วญิดาก็เริ่มงงกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ามากเข้าไปอีก ทำไมเขาถึงถามคำถามไม่เป็นเรื่องอยู่นั่น แล้วทำไมเขาถึงไม่สัมภาษณ์จริงจังเสียที

    “ผมล้อเล่นน่ะ” เขากล่าวพลางหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง “เอาเป็นว่าผมรับคุณเข้าทำงาน พรุ่งนี้เริ่มงานได้เลย”

    และนี่ก็ทำให้เธองุนงงหนักเข้าไปอีก ก็ในเมื่อยังไม่ทันจะได้สัมภาษณ์กันเป็นเรื่องเป็นราว คำถามที่เกี่ยวกับการทำงานก็ยังไม่ได้ถาม แต่เขากลับบอกว่ารับเธอเข้าทำงานอย่างหน้าตาเฉย

    “แต่ไม่ใช่พนักงานบัญชีนะครับ ผมรับให้คุณมาเป็นเลขาของผม โต๊ะทำงานของคุณอยู่หน้าห้อง เดี๋ยวผมจะพาไปดู”

    “ฮะ! แต่ฉันไม่ได้สมัครตำแหน่งนั้นหนิคะ ทำไมคุณถึง...” วินาทีนี้วญิดาตกอยู่ในภาวะมึนงงอย่างหนัก เพราะทุกอย่างที่จักรวุธทำมันไม่ปกติเลยสักอย่าง ทั้งที่เขาต้องเป็นคนสัมภาษณ์ผู้สมัครด้วยตนเองก็แปลกมากพออยู่แล้ว ทำไมไม่เป็นฝ่ายบุคคล แล้วทำไมคำถามที่เขาถามมันไม่เกี่ยวกับการรับเข้าทำงานเลยสักนิด แล้วทำไมเขาถึงตกลงรับเข้าทำงาน แล้วทำไมเขาถึงรับเธอเข้ามาทำหน้าที่เลขาของตน ในเมื่อเธอไม่ได้ยื่นสมัครในตำแหน่งนี้ และเขาก็ไม่ได้ประกาศหาด้วยซ้ำว่าต้องการตำแหน่งนี้ และเขาจะรู้ได้ยังไงว่าเธอจะทำหน้าที่นี้ได้ เธอกำลังจะอ้าปากถาม แต่ก็ถูกเขาตัดบทขึ้นมาเสียก่อน

    “คุณไม่ต้องห่วงนะ เรื่องเงินเดือน ผมจะให้คุณมากกว่าพนักงานบัญชีเท่าตัว ส่วนเรื่องอื่นที่คุณสงสัย คุณไม่ต้องถาม เอาเป็นว่าผมสนใจประวัติของคุณที่มีเกียตรินิยมอันดับหนึ่งมาการันตี และผมเชื่อว่าคุณทำหน้าที่นี้ได้ และทำได้ดีด้วย และผมต้องการคนอย่างคุณมาช่วยงานผมมากกว่าปล่อยให้คุณไปเป็นพนักงานบัญชี ตกลงไหม” เขาเริ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจังกว่าเมื่อสักครู่ ทำให้เธอไม่ขัดข้องอะไรอีก

    “ตกลงค่ะ”

    “งานของคุณไม่มีอะไรมาก แค่เดินตามผม คอยจดรายละเอียดการทำงานของผม เตรียมเอกสารให้ผมเซ็น คอยจัดแจงตารางงาน ตารางนัดให้ผม แค่นั้น คุณทำได้ใช่ไหม”

    “ได้ค่ะ”

    ในที่สุดหญิงสาวก็ตอบตกลง ถึงจะยังคงข้องใจอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็ไม่คิดจะถามอะไรอีก และที่สำคัญเธอรู้ตัวดีว่าเธอมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร การที่ได้ทำงานใกล้ชิดกับลูกเจ้าของบริษัทขนาดนี้ มันคือหนทางที่ดีกว่าการเป็นพนักงานบัญชีอยู่แล้วที่เธอจะทำในสิ่งที่คิด แล้วเธอจะมัวรออะไรอีก เมื่อโอกาสมาขนาดนี้เธอก็ควรรีบคว้าไว้สิถึงจะถูก

    ในวันรุ่งขึ้นวญิดามาทำงานแต่เช้า วันนี้จักรวุธต้องออกไปพบลูกค้าข้างนอก และวญิดาก็ต้องติดตามเขาไปด้วย ขณะที่นั่งรอลูกค้าอยู่ด้วยกัน เนื่องจากเลยเวลานัดมาสิบห้านาทีแล้ว จักรวุธจึงถือโอกาสชวนเลขาสาวคุยโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยเพื่อให้คุ้นเคยกันมากขึ้น

    “วันนี้ทำงานวันแรก รู้สึกยังไงบ้าง”

    “ยังไม่ทันได้ทำงานเลยค่ะ คงยังบอกไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง” คำตอบของเธอทำให้จักรวุธเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ

    “ตื่นเต้นไหม”

    “ถ้ากับการทำงาน ไม่นะคะ แต่ถ้าจะตื่นเต้นก็คงจะตื่นเต้นที่ได้ทำงานใกล้ชิดกับคุณจักรวุธมากกว่า” วญิดาพูดทั้งนัยน์ตาที่มีเลศนัย

    “ทำไม ทำไมทำงานใกล้ชิดกับผมแล้วคุณต้องตื่นเต้น”

    “ก็คุณจักรวุธเป็นหนุ่มฮอตหนิคะ สาวๆ ที่ไหนได้ใกล้ชิดก็ตื่นเต้นทั้งนั้นแหละค่ะ” วญิดาเริ่มหยอดคำเอาใจเจ้านายเพื่อให้เขารู้พึงพอใจ

    “งั้นหรอ นี่ผมเป็นหนุ่มฮอตตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย” เขาหัวเราะอีกครั้งกับคำเยินยอนั้น

    “นักธุรกิจไฟแรง ทายาทบริษัทยักใหญ่ แถมหน้าตาหล่ออย่างกับเทพบุตร จะไม่ฮอตได้ยังไง สาวๆ เขาหมายปองกันทั้งเมือง”

    “คุณชมผมเกินไปแล้ว นี่ผมลอยแล้วนะ” เขายังคงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ทำให้หญิงสาวพอใจในผลงานอย่างมาก 

    “ลูกค้ามาสายแบบนี้บ่อยรึเปล่าคะ”

    “ไม่หรอก ส่วนใหญ่ลูกค้าไม่ค่อยผิดเวลา ถ้ามาสายส่วนมากก็เกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี”

    เมื่อลูกค้านั่งลงตรงหน้าของทั้งสอง ก็ทำการทักทายกันตามมารยาท หลังจากนั้นก็เริ่มเจรจาธุรกิจกัน ชายหนุ่มผู้บริหารไฟแรงเริ่มเจรจาอย่างคล่องแคล่ว วญิดาเผลอแอบมองเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอมารู้ตัวอีกทีเธอก็จ้องเขาอย่างเพลินตาเสียแล้ว หลังจากคุยธุระเสร็จ จักรวุธก็หันหน้าไปทางหญิงสาวก่อนจะเอ่ยอะไรบางอย่าง

    “เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันก่อนกลับบริษัทกันดีกว่า ผมหิวแล้ว และคิดว่าคุณก็คงหิวแล้วเหมือนกันใช่ไหม”

    “แล้วแต่คุณเลยค่ะ”

    หลังจากนั้นทั้งสองก็ไปหาอะไรกินกัน ซึ่งจักรวุธก็ได้พาลูกน้องนั่งร้านหรูและเลี้ยงอย่างเต็มที่

    หลังเลิกงานเมื่อวญิดากลับมาที่คอนโดของตน เธอยังคงเผลอแอบคิดถึงเจ้านายของตนอยู่ มือเรียวเอื้อมไปหยิบแหวนพลาสติกสีทองในลิ้นชักที่เขาเคยให้ไว้ในตอนเด็กขึ้นมาดู ซึ่งแหวนวงนี้เธอยังคงเก็บรักษามันไว้อย่างดี และอยู่ๆ น้ำตาก็เผลอไหลออกมาเฉยๆ เมื่อได้มองมันอีกครั้ง

    ฝีเท้าย่ำมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆ หนึ่ง ประตูสีขาวถูกแง้มออกเพียงนิด พอให้มองเห็นภายในห้องนอนนั้นได้บ้าง ภาพที่เห็นคือภาพเดิมที่เคยเห็นเป็นประจำ ภาพที่น้องชายของตนนั่งอยู่บนเตียงนิ่งๆ หันหลังให้ประตูและหันหน้าออกนอกหน้าต่าง ในมือยังคงกำกระจกบานเล็กแน่น และทุกครั้งที่เห็นภาพนี้คนที่เป็นพี่ก็แทบจะขาดใจ ความเจ็บใจมันยิ่งรุนแรงขึ้น ที่ต้องเห็นน้องชายอยู่ในสภาพที่เลวร้ายขนาดนี้ ประตูถูกปิดลง ใบหน้าของผู้หญิงที่เจอกันวันนี้ผุดขึ้นมาในสมองทันที ฝ่ามือใหญ่กำแน่นขึ้นมาอย่างอัตโนมัติพลางขบฟันอย่างลืมตัว

    ในวันรุ่งขึ้น เมื่อจักรวุธเดินทางมาถึงบริษัทก็ต้องพบกับเลขาสาวที่มาถึงก่อนนั่งอยู่หน้าห้องของตนแล้ว ทันทีที่ได้เห็นหน้า แววตาอาฆาตก็เผลอจับจ้องไปที่เธออย่างลืมตัว เขาแทบอยากจะฆ่าเธอให้ตายเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อเธอหันมา สีหน้าเมื่อครู่ก็กลับแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มอย่างคนใจดีในทันที

    “สวัสดีค่ะคุณจักรวุธ” เธอยกมือไหว้พลางน้อมหัวลงอย่างอ่อนน้อม

    “สวัสดีครับ เดี๋ยววันนี้ผมมีประชุมเดี๋ยวคุณต้องเข้าประชุมกับผมด้วยนะ” จักรวุธแจง

    “อ๋อค่ะ”

    “เดี๋ยวเราไปที่ห้องประชุมกันเลยแล้วกัน” ว่าแล้วทั้งสองก็พากันเดินไปที่ห้องประชุมทันที โดยที่จักรวุธเป็นฝ่ายเดินนำหน้า

    “อ้าวพ่อ!” ทันทีที่จักรวุธเดินมาถึงหน้าห้องประชุม เขาก็ได้เจอกับพ่อของเขาที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทซึ่งมาถึงก่อนแล้วจึงอุทานออกมา เสียงอุทานนั้นทำให้หญิงสาวที่เดินตามหลังจักรวุธมาและกำลังเดินก้มหน้าก้มตาอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นทันที และก็พบกับชายวัยกลางคนที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาเพียงแต่ไม่เจอกันมาเป็นเวลานานมากแล้วก็เท่านั้น สายตาจ้องค้างไปที่เขาไม่ยอมกระพริบ นี่แหละคนที่รอจะเจอมาตลอดสิบห้าปี หลังจากที่ต้องสูญเสียพ่อไปก็เคยได้เห็นหน้าผู้ชายคนนี้เพียงแค่ในโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ และวันนี้เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว

    “พ่อครับ นี่เลขาผม” จักรวุธแนะนำหญิงสาวให้กับพ่อของตน

    วันชัยจึงมองตรงไปยังผู้หญิงที่ลูกชายพูดถึงเมื่อครู่ ทันทีที่ได้เห็นหน้าเธอ เขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะหน้าตาที่ละม้ายกับแม่ของเธอมากเหลือเกิน ทำให้วันชัยอดนึกไปถึงนภาไม่ได้

    “สวัสดีค่ะท่านประธาน” วญิดาก้มลงไหว้คนที่ตนไม่เคยคิดจะเคารพอย่างจำใจ

    “เหมือนมาก เหมือนจริงๆ” วันชัยยังคงมองหน้าหญิงสาวอย่างพิจารณา

     

    **อยากอ่านตอนนี้แบบเต็มๆ ไปเจอกันในเล่มนะคะ ^^

                    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×