ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รักในรอยแค้น

    ลำดับตอนที่ #5 : เจ็บแสบ

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 55


     

     

     

    ห้องนอนที่มีเพียงแสงสว่างสลัวๆ สีส้มจากโคมไฟเล็กๆ ที่หัวเตียง สาดส่องไปยังฝาหนังที่หนาแน่นไปด้วยรูปถ่ายของหญิงสาวที่ชื่อว่าเปรียว ซึ่งส่วนมากจะเป็นรูปแอบถ่าย แต่ก็มีรูปที่เจ้าตัวตั้งใจถ่ายอยู่บ้างบางรูป ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงนอน กำลังจับจ้องมาบนฝาผนังพร้อมกับเพ่งมองไปที่รูปถ่ายใบหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปที่หญิงสาวยืนยิ้มแฉ่งให้กล้องอย่างตั้งใจถ่าย เขานึกย้อนไปถึงเวลานั้นทันที

    “เปรียว! เอียงขวาหน่อยๆ นั่นแหละๆ ยิ้มนะยี้ม ยี้มมมมม โอเค อีกรูปหนึ่งๆ เปลี่ยนท่ามั่ง” ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นช่างภาพตะโกนสั่งหญิงสาวอย่างเพลิดเพลิน

    “ทศ! เรายิ้มจนเมื่อยแล้ว นี่มันก็หลายรูปแล้วนะ เราหิวข้าว ไหนว่าจะพาไปเลี้ยงข้าวไง ไม่เห็นไปสักที” หญิงสาวที่ยืนเก๊กท่ามาเป็นเวลานาน เริ่มมีอาการงอแงเป็นเด็กๆ

    “เลี้ยงอยู่แล้ว แต่เปรียวต้องเป็นนางแบบให้ทศก่อนไง”

    “ก็นี่ไง เป็นนางแบบให้ตั้งหลายรูปแล้ว ไม่เอาและ เราจะไปกินข้าว ถ้าจะเลี้ยงก็ตามมาและกัน แต่ถ้าไม่เลี้ยง เราก็จะไปกินคนเดียวและ” หญิงสาวออกอาการงอนตุ๊บป่องและเดินหนีไปในที่สุด ชายหนุ่มจึงต้องรีบวิ่งตามไปติดๆ

           และภาพวันนั้นที่ย้อนมาก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มจนแก้มปริ แต่แล้วเมื่อขยับลูกตาเพื่อมองรูปถัดไป ซึ่งเป็นรูปแอบถ่าย และรูปนี้คือรูปที่หญิงสาวกำลังยืนหยอกล้ออยู่กับผู้ชายที่ชื่อว่าคิม ก็ทำให้รอยยิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเม้มริมฝีปากแน่น มือใหญ่ที่ท้าวอยู่บนเตียงก็ค่อยๆ ขยำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ แววตาเคียดแค้นจ้องเขม็งไปยังรูปถ่ายใบนั้นอย่างไม่ยอมลดละ เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบลูกดอกข้างเตียงและปาไปยังรูปใบนั้นจนสุดแรง ปักเข้าไปที่กลางหัวของผู้ชายในรูปพอดิบพอดี ตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างสะใจ

           ทศพลเป็นผู้ชายที่ตามจีบวญิดามาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง เขาทั้งสองรู้จักกันเพราะอยู่ชมรมถ่ายภาพด้วยกัน และมักจะชอบขอให้เธอเป็นนางแบบให้อยู่เสมอ เขาชอบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นและก็ชอบมาตลอด ชอบมากถึงขั้นที่เรียกว่าคลั่งไคล้ในตัวหญิงสาวเลยก็ว่าได้ แต่วญิดาก็ไม่เคยคิดอะไรเกินไปกว่าคำว่าเพื่อน ซึ่งเธอก็ให้ความสนิทสนมกับเขาอย่างเพื่อนทั่วไป แต่เหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่คิดแบบนั้น แต่กลับคิดว่าเธอมีใจให้ และเมื่อมารู้เรื่องที่ช่วงนี้เธอไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนอื่น ก็ทำให้เขาเกิดความหึงหวงอย่างยอมไม่ได้ และตอนนี้เขาก็กำลังจะเป็นบ้าเพราะเรื่องนี้ เขาไม่ยอมแน่ๆ ที่จะให้เธอไปเป็นของคนอื่น และเขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกีดกันเธอกับผู้ชายคนนั้น ต่อให้เป็นวิธีที่บ้าแค่ไหนเขาก็จะทำ

    เขาใช้เวลาจมอยู่กับความคิดที่วนเวียนกับเรื่องพวกนี้มาเป็นเวลาหลายเดือน และหลังจากที่สังเกตพฤติกรรมของทั้งสองอยู่นานก็มั่นใจได้ว่าผู้ชายคนนี้คือมารหัวใจตัวฉกาจแน่ๆ เพราะวญิดาไม่เคยให้ความสนิทสนมกับผู้ชายคนไหนมากเท่านี้มาก่อน เขาจึงต้องพยายามหาทางกำจัด และคอยตอกย้ำกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า “เปรียวเป็นของทศ เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป จะไม่มีใครมาพรากเราไปได้”

           ในเวลาเย็นหลังเลิกเรียน จิตตะนัยก็ทำหน้าที่ของเขาตามปกติคือขับรถมารับวญิดาที่มหาวิทยาลัย และทันทีที่เจอกันเขาก็แย่งหนังสือในมือของหญิงสาวมาถือแทนเป็นปกติ ทั้งสองยืนหยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่งตามประสาพลางหัวเราะคิกคักอย่างร่าเริงก่อนจะเดินไปจากตรงนี้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้ตกอยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งที่แอบมองจากอีกมุม แววตาคู่นั้นจ้องมองไปที่ทั้งสองอย่างไม่ลดละแฝงไว้ด้วยความเคียดแค้นพลางเม้มริมฝีปากแน่น ฝ่ามือใหญ่กำหมัดจนเส้นเลือดโผล่ขึ้นมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ทศพลเดือดพล่านกับภาพบาดตาบาดใจนั้นจนแทบจะเข้าไปซัดหน้าผู้ชายอีกคนให้กองลงไปกับพื้นเสียให้รู้แล้วรู้รอด ตอนนี้ในสมองของเขาเริ่มทำงานไม่ปกติอีกต่อไปแล้ว มันเต็มไปด้วยความสับสนและวุ่นวายจนแทบจะเป็นบ้า หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ มันแรงขึ้นๆ แรงขึ้นๆ อย่างไม่อาจควบคุมได้ มือไม้เริ่มสั่นเทาทั้งแขนขาก็เริ่มไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินต่อ ทั้งอยากร้องไห้และอยากกรีดร้องตะโกนให้ดังอย่างคนเสียสติ เขาทนดูภาพเหล่านี้ต่อไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยให้สองคนนั้นมีความสุขอีกต่อไป และเขาจะต้องยุติเรื่องนี้ด้วยตัวของเขาเองอย่างเร็วที่สุด

          เย็นวันนั้นหลังจากที่จิตตะนัยพาวญิดาไปดูหนังเขาก็พาเธอไปส่งที่หอพักจนเรียบร้อย จึงขับรถกลับบ้านแต่ระหว่างทางอยู่ๆ กลับรู้สึกเหมือนมีคนขับมาชนท้าย ชายหนุ่มหยุดรถทันทีและหันหลังกลับไปดู พบว่ามีจักรยานยนตร์จอดอยู่ท้ายรถ เขาส่ายหัวอย่างหงุดหงิดก่อนจะลงจากรถไปเจรจากับคู่กรณี ชายหนุ่มลงจากรถและเดินตรงไปหยุดอยู่ตรงข้างคนขับจักรยานยนตร์พลางท้าวเอวอย่างเอาเรื่อง

           “ขี่รถยังไงวะ! มองไม่เห็นหรือไง ชนเข้ามาได้!” จิตตะนัยโวยใส่คู่กรณีจนเสียงดังไปทั่วบริเวณ แต่หากว่าฝ่ายตรงข้ามไม่คิดจะตอบโต้ใดๆ เขานั่งนิ่งๆ อยู่บนจักรยานยนตร์อย่างไม่รู้ร้อนหนาว ใบหน้าที่ปกคลุมด้วยหมวกกันน็อคที่หนาและทึบมองตรงไปข้างหน้าอย่างไม่แยแสคนที่ยืนโวยวายอยู่ข้างๆ ทำให้จิตตะนัยยิ่งเดือดเป็นไฟเข้าไปอีก “เฮ้ย! นี่จะไม่รับผิดชอบใช่ไหม! ได้! งั้นเดี๋ยวผมโทรเรียกประกันมาก่อน” พูดจบเขาก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงทันที และกำลังจะกดเบอร์ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อคู่กรณียื่นกระดาษใบหนึ่งส่งมาให้เสียก่อน เขาจึงหยิบมันมาอ่าน “อย่ายุ่งกับแฟนชาวบ้าน! ลงชื่อ แฟนเปรียว”

    ทันใดนั้นในขณะที่เขามัวแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านจนไม่ทันได้ระวังตัวก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น เพราะอยู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีของเหลวสาดเข้ามาเต็มหน้า แต่หากว่าของเหลวนั้นไม่ใช่น้ำเปล่าธรรมดา แต่มันทำให้เขารู้สึกทั้งแสบทั้งร้อนเหลือเกิน ราวกับถูกไฟเผาก็ไม่ปาน มือใหญ่ยกขึ้นมากุมใบหน้าอย่างร้อนรนพลางกรีดร้องครวญครางเสียงดังอย่างทุรนทุราย คนขับจักรยานยนตร์ดังกล่าวรีบบึ่งรถหนีทันทีด้วยความเร็วก่อนที่จะมีใครมาเห็นเข้า ทิ้งให้จิตตะนัยยืนปวดแสบปวดร้อนต่อไปด้วยความสะใจ  

            

    **อยากอ่านตอนนี้แบบเต็มๆ ไปเจอกันในเล่มนะคะ ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×