ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รักในรอยแค้น

    ลำดับตอนที่ #3 : ปลุกปั่น

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 55


     


          “เปรียว!” เสียงเรียวเล็กตะโกนเรียกใครคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้เจ้าของชื่อหันกลับมาตามเสียงเรียกนั้นทันที ใบหน้าขาวใสเรียวได้รูป นัยน์ตาเรียวยาวเบิกกว้างขึ้นกระทบเข้ากับแสงแดดพอดีทำให้ดูเป็นประกาย ผมยาวเหยียดตรงสะบัดไปตามแรงหันใบหน้า เด็กหญิงวญิดาที่เคยเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ และอายุเพียงแปดขวบ ได้โตเป็นสาวเต็มตัวจนอายุย่างเข้ายี่สิบสองปีแล้ว เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังของประเทศ เกรดเฉลี่ยของเธออยู่ในเกณฑ์ดีมากมาตลอดทุกเทอม เธอเป็นเด็กฉลาด บุคลิกคล่องแคล่ว ปราดเปรียว เหมือนสุพจน์พ่อของเธอไม่มีผิด หน้าตาของเธอก็ยังสวยน่ารัก เวลาเธอยิ้มดวงตาที่เรียวยาวของเธอก็จะยิ้มตามไปด้วยทำให้ยิ่งดูสดใส ผู้ชายคนใดอยู่ใกล้ก็เป็นต้องหลงรักเธอแทบทุกราย

           “ฮะ? อะไรของแก เรียกซะตกอกตกใจ” วญิดาหันมากลับมาตวาดเพื่อนสาวที่ทำให้เธอตกใจเมื่อครู่

           “ก็ละครสั้นของพวกเราที่ส่งประกวดเข้ารอบน่ะสิ ไชโย!” เพื่อนสาวกล่าวด้วยอาการตื่นเต้น

           “จริงดิ! เฮ้ย!!! อย่างนี้ต้องฉลอง เดี๋ยวบอกพวกไอ้กุ้งก่อน” วญิดาเองเมื่อทราบเรื่องก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เธอรีบหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของเธอขึ้นมาพิมพ์ข้อความบอกเพื่อน แต่หากว่าเพื่อนสาวห้ามไว้เสียก่อน

           “ไม่ต้องแล้ว ฉันบอกพวกมันแล้ว”   

           “อ้าวหรอ ดีๆๆ”

           “แล้ววันนี้เราจะไปฉลองที่ไหนกันดี”

           “เอ่อ...ฉันว่าเอาเป็นพรุ่งนี้ดีกว่านะ เพราะว่าวันนี้ฉันต้องไปหาอาวัลลภอ่ะ เขาจะพาฉันไปกินข้าว”

           “อ่อ...อาวัลลภนี่รักแกจัง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่อาแท้ๆ ของแกสักหน่อย”

           “ใช่ อาแกดีกับฉันมากจริงๆ เออ! เดี๋ยวฉันไปก่อนแล้วกัน บ๊ายบายแก”

           “อื้อ บายพรุ่งนี้เจอกัน”

           ว่าแล้ววญิดาก็แยกตัวออกมาจากเพื่อนสาว แล้วรีบมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่นัดกับวัลลภไว้ทันที

           ร้านอาหารที่ดูใหญ่โตและตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี ที่นั่งเป็นเบาะหนังขัดเงาประกอบกับโต๊ะที่ปูผ้าขาวสะอาด ภายในร้านยังประดับด้วยโคมไฟระย้าดวงไฟสีเหลืองนวล วัลลภนั่งรอหญิงสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหลานคนหนึ่ง ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เขาก็ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นหลานสาวแท้ๆ เพราะเขาจะคอยช่วยเหลือนภาและวญิดามาตลอด คอยไปมาหาสู่ระหว่างกรุงเทพและเชียงใหม่อย่างสม่ำเสมอเพื่อดูแลสารทุกข์สุขดิบของสองแม่ลูก และตั้งแต่วญิดาเข้ามาเรียนในกรุงเทพ เธอและวัลลภก็ยิ่งเจอกันบ่อยยิ่งขึ้น เขามักจะพาวญิดามาเลี้ยงข้าวอยู่เรื่อยๆ และในทุกๆ มื้อก็เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เพราะเขาพาเข้าแต่ร้านหรูๆ แพงๆ

    เนื่องด้วยวัลลภเป็นหุ้นส่วนของบริษัทแห่งหนึ่ง โดยเริ่มแรกเขาก็เป็นเพียงผู้บริหาร แต่จากประสบการณ์และความสามารถจึงได้มีโอกาสถือหุ้นในบริษัทนั้นด้วย ซึ่งบริษัทนั้นก็เป็นบริษัทคู่แข่งกับศตาอัญนพนั่นเอง เขาจึงมีรายได้สูง บวกกับเป็นคนตัวเปล่าเล่าเปลือยไม่มีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ เขาจึงสามารถช่วยเหลือสองแม่ลูกได้อย่างเต็มที่  

           “อาวัลลภ สวัสดีค่ะ” วญิดากล่าวทักทายอาของเธอที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ระหว่างรอ

           “อ้าว! หลานสาวคนสวยของอา นั่งๆ ก่อน อามีอะไรจะให้ดู” เมื่อวัลลภเห็นหน้าหลานสาว เขาก็ทักทายด้วยคำหวาน ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างยินอกยินดี วญิดาจึงนั่งลงตรงข้ามกับวัลลภ

           “อารอไหมนานรึเปล่าคะ”

           “ไม่หรอกลูก อาเพิ่งมาถึงเอง นี่ไหมดูนี่ดีกว่า”

    ว่าแล้ววัลลภก็ยื่นหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือของตนให้กับหลานสาวอย่างกุรีกุจอ วญิดาจึงรับไปอย่างไม่ขัดแย้งและมองตามที่อาชี้ให้ดูก็พบข้อความข้อความหนึ่งพิมพ์ด้วยอักษรตัวใหญ่เบ้อเร่อ “ศตาอัญนพ บริษัทยักใหญ่เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ภายใต้ยี่ห้อ Puzzle เผยภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท” ทันทีที่อ่านจบ วญิดาก็ยิ้มมุมปากในเชิงหมั่นไส้

    “ช่างเก่งกาจซะจริงๆ ขนาดภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ ก็ยังไม่อาจจะทำอะไรคุณวันชัย ศตายุรนนท์ได้” วญิดาเอ่ยในเชิงเย้ยหยัน

    “ป่านนี้เขาคงลืมไปแล้วว่าบริษัทนี้เขาไม่ได้สร้างมันขึ้นมาด้วยมือของเขาเพียงคนเดียว แต่ไหม! หนูต้องไม่ลืมเด็ดขาด ว่าบริษัทนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลยถ้าไม่มีพ่อของหนู ไหมต้องจำไว้ให้แม่นว่าไอ้เลววันชัยมันขโมยบริษัทครึ่งหนึ่งของพ่อหนูไป มันก็แค่ไอ้หัวขโมย และมันก็ยังเป็นฆาตกรฆ่าพ่อของหนู ทำให้หนูต้องกำพร้าพ่อ มันและครอบครัวของมันมีทุกอย่าง มีเงินมีทองมีอำนาจมีหน้าตาในวงสังคม ส่วนไหมกับแม่กลับไม่มีอะไรเลย บ้านของตัวเองก็ไม่มีสิทธิ์ได้อยู่ แทนที่แม่ของไหมจะได้เป็นคุณผู้หญิงสบายๆ มีเงินใช้จากรายได้ของบริษัทตัวเอง มีเวลาไปช้อปปิ้ง นอนแช่สปา ไปทำผม แบบที่นางมณฑิพภรรยาของไอ้วันชัยมันทำ แต่กลับต้องไปนั่งจัดดอกไม้งกๆ ส่วนไหมเองก็แทนที่จะได้เป็นลูกคุณหนู เป็นลูกเจ้าของบริษัทใหญ่โต มีรถโก้ๆ ขับไปเรียน ได้ออกหน้าออกตาในงานสังคม กลับต้องมาเป็นแค่ลูกเจ้าของร้านดอกไม้เล็กๆ เพียงแค่ห้องกระจกสีเหลี่ยมจัตุรัสห้องหนึ่ง อาว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรมเลย” วัลลภพูดเน้นเสียงอย่างหนักแน่นเพื่อเป็นแรงยุยงให้หลานสาวคิดและรู้สึกคล้อยตาม    

    “ไม่เป็นไรค่ะ ไหมจะทำให้มันยุติธรรมเอง” วญิดาตอบเสียงเรียบนิ่ง แววตาเย็นชาจ้องมองลงพื้นแต่หากว่าในจิตใจกลับกำลังร้อนรุ่มและอบอวลไปด้วยความโกรธแค้น

    “ดีลูก ไหมต้องเอาคืนมาให้หมด เอามาให้หมด พวกมันสุขสบายมามากพอแล้ว มันเอาของหนูไปเท่าไหร่ หนูต้องเอากลับคืนมามากกว่านั้น” วัลลภพยายามปลุกปั่นหลานสาวอย่างไม่หยุดหย่อน

    “ค่ะ ไหมจะเอาคืนมาให้หมด เอาให้พวกมันไม่เหลืออะไรเลย” ตอนนี้ภายในจิตใต้สำนึกของเธอมันคละคลุ้งไปด้วยความอาฆาต คำพูดของวัลลภทุกคำถูกฝังอยู่ในสมองของเธออย่างหนาแน่น

    นี่ไม่ใช่วันแรกที่วัลลภพยายามปลุกปั่นหลานสาวแบบนี้ แต่ตลอดระยะเวลาสิบสี่ปี วัลลภก็คอยเสี้ยมเธอมาตลอด จนความแค้นเริ่มฝังเข้าไปในสายเลือดราวกับว่าจะไม่มีวันแกะออกได้เลย จุดมุ่งหมายในชีวิตมีเพียงเรื่องเดียวคือแก้แค้นศตายุรนนท์ ถึงแม้จะเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ที่ดูแล้วอาจไม่มีหนทางไหนเลยที่จะไปทำร้ายใครได้ โดยเฉพาะคนระดับใหญ่อย่างวันชัย ศตายุรนนท์ เพราะแค่คิดจะเข้าถึงตัวยังยากเลย แต่หากว่าเธอกลับไม่เคยคิดว่านั่นคือปัญหาเลยสักนิด ไม่เคยมีคำว่า “ไม่มีทาง” อยู่ในสมอง ไม่ว่าจะอย่างไร เธอก็ต้องแก้แค้นครอบครัวนี้ให้ได้ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×