ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงแค้นสุมดวงใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : สร้อยข้อมือ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 55


    คุณพี่คะ ฉันขอสาบานกับฟ้าดินตรงนี้เลยว่าฉันจะรักและซื่อสัตย์กับคุณพี่ตลอดไป ไม่ว่าจะภพนี้หรือภพไหนๆหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข ในขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของชายผู้เป็นที่รัก ชายหนุ่มกอดเธอจากด้านหลัง ร่างของเธอเอนอิงไปกับร่างของเขา อ้อมกอดที่แสนอ่อนนุ่มนี้ช่างอบอุ่นเหลือเกิน จนเธอแทบอยากจะหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้

    ฉันเองก็จะรักและซื่อสัตย์กับแม่การะเกดเหมือนกันจ้ะ ไม่ว่าภพนี้หรือภพไหนๆชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นกัน เขากอดเธอแน่นเข้าไปอีก พลางหอมแก้มเธอทีเผลอด้วยความชื่นอกชื่นใจ

    บรรยากาศตอนนี้ช่างเป็นใจเหลือเกิน เขาทั้งสองยืนอยู่ท่ามกลางที่โล่งแจ้งเพียงสองต่อสอง สายลมอ่อนๆ โบกพัดมาอย่างไม่ขาดสาย ชายหนุ่มค่อยๆ จับร่างของหญิงสาวหันเข้าหาตัวเองเบาๆ มือทั้งสองจับไหล่ของเธอไว้สองข้าง เขาค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับวงหน้ามนช้าๆ ใกล้อีก ใกล้อีก ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งสองเกือบชนกันอยู่แล้ว

    กริ๊ง!!!!!!!!!! เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นขึ้นทั่วห้องนอน จนร่างบางที่นอนเลื้อยอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นทันทีด้วยความตกใจ และเสียงดังกล่าวก็ทำให้เธอหลุดจากความฝันอย่างน่าเสียดาย

    โธ่เอ๊ย! จะจูบอยู่แล้ว จะจูบอยู่แล้ว อ๊ายยยยย!!! อยากกรี๊ดให้โลกแตกซะจริงๆ เลย มาปลุกอะไรตอนนี้เนี่ยฮะ!” หญิงสาวบ่นพึมพำๆ ด้วยความเสียดายอย่างหนัก พลางมองไปที่นาฬิกาด้วยความเจ็บใจ แล้วจับขว้างลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง ฮะ!! แปดโมงแล้วหนิ สายแล้ว! ตายแล้วๆ โอ๊ยอะไรกันเนี่ย ว่าแล้วหญิงสาวก็รีบรุดจากเตียงแล้วอาบน้ำแต่งตัว เพื่อรีบไปทำงานโดยด่วน 

              ขณะที่ขับรถไปทำงาน เธอยังคงคิดถึงความฝันของเธออย่างประหลาดใจ ภาพที่เธอเห็นในฝันคือผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งที่ยืนกอดกันและพร่ำบอกรักกันอย่างมีความสุข ดูจากการแต่งกายของทั้งสองน่าจะอยู่ในสมัยรัชกาลที่แปด โดยผู้ชายสวมใส่ชุดสูทหวีผมเรียบแปล้ ผู้หญิงสวมเสื้อสีขาวทรงกระบอกยาวประดับลูกไม้ นุ่งผ้าซิ่นแค่เข่า ไว้ผมบ๊อบ สวมสร้อยมุขสีขาว แต่ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้นคือผู้หญิงคนในฝันดันมีหน้าตาเหมือนกับตัวเธอเองอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ฝันครั้งนี้ทำให้เธอแปลกใจหลายๆ อย่าง ทั้งหน้าตาของผู้ชายที่บอกรักเธอในฝันก็เป็นคนที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน ตัวเธอเองก็ไม่เคยแต่งตัวแบบในฝันมาก่อน และใช่สิ ในฝันผู้หญิงที่ถึงแม้ว่าจะมีหน้าตาที่เหมือนกับเธอ แต่ชื่อก็กลับเป็นคนละชื่อกัน หรือว่าเธอจะดูละครมากเกินไปแล้วเก็บไปฝันว่าเป็นตัวเองกันนะ แต่ว่าผู้ชายคนในฝันก็ไม่เห็นจะหน้าเหมือนพระเอกละครคนไหนเลยนี่นา และยิ่งเธอคิดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งไม่เข้าใจมากเท่านั้น ว่าแล้วเธอจึงเลิกคิดและตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไปเพื่อให้ถึงที่หมายเร็วที่สุด  

              ตัวตนของเธอในความเป็นจริงนั้น เป็นครีเอทีฟไฟแรง เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ เป็นคนสวย มีเสน่ห์ ทันสมัย แต่งตัวเก่ง เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย แต่ปัจจุบันเธอยังคงครองตัวเป็นโสดอยู่ เนื่องจากว่าเธอยังไม่ถูกใจใคร และเธอมีชื่อว่า กุหลาบ

              วันนี้เธอมาทำงานตามปกติ แต่ที่ผิดปกติคือเธอมาสายไปครึ่งชั่วโมง เพราะจริงๆ แล้วเธอเป็นคนตรงเวลาอย่างมาก คงเป็นเพราะฝันเมื่อเช้านี้ทำให้เธอเพลิดเพลินจนไม่อยากจะตื่น และถึงแม้ในเวลานี้จะเป็นเวลางาน เธอก็ยังคงใจลอยถึงผู้ชายในฝันคนนั้นอยู่ เธอนั่งเหม่อมองออกไปที่หน้าต่าง สีหน้าหยาดเยิ้ม พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างเพ้อฝัน สีหน้าแดงก่ำด้วยความเขิน เมื่อนึกถึงฉากก่อนที่นาฬิกาปลุกจะดังขึ้น

              เฮ้ย!!” เสียงตะโกนพร้อมกับตบโต๊ะด้วยฝ่ามืออย่างดังของเพื่อนสาว ทำให้กุหลาบหลุดจากภวังค์ทันที และจ้องหน้าไปที่เพื่อนสาวด้วยอาการมึนงง

              มีไรหรอแก กุหลาบถามเพื่อนสาวอย่างสงสัย

              แกเป็นอะไรของแกฮะวันเนี้ย ฉันเห็นแกนั่งเหม่อลอยอยู่นานแล้ว แล้วนี่งานโฆษณาสินค้าตัวใหม่ที่พี่ชัยเค้าสั่งให้แกคิดคอนเซปอ่ะ แกคิดรึยัง ต้องนำเสนอพรุ่งนี้แล้วนะเว้ย

              เออว่ะ!! ตายแล้วนี่ฉันลืมได้ยังไงเนี่ย โอ๊ยไม่ได้แล้วๆ ฉันต้องรีบคิดแล้วเนี่ยกุหลาบรีบลงมือทำงานอย่างลนลาน หลังจากที่ได้รับการเตือนสติจากเพื่อนสาว

              ฉันถามจริงนะ วันนี้แกเป็นอะไรของแก มาก็สาย มาถึงยังมามัวนั่งเหม่อลอย แล้วยังลืมงานสำคัญอีก แกมีปัญหาอะไรรึเปล่า บอกฉันได้นะเว้ย ปรึกษาฉันได้เพื่อนสาวถามด้วยอาการเป็นห่วงเป็นใย

              เปล่าๆ แก ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่ฉัน...เอ่อ...คือ...เอ่อ...ฉันปวดหัวนิดหน่อยน่ะ เลยมัวแต่เรื่อยเฉื่อยนั่งอู้งาน แหะๆเธอรีบกลบเกลื่อนความจริงอย่างอ้ำอึ้ง และอ้างให้เป็นอย่างอื่นไป ก็แหมหากจะให้พูดเรื่องความฝันเมื่อเช้าก็ดูจะน่าอายไปสักหน่อย จึงเลือกที่จะเลี่ยงเสียดีกว่า

              แกไม่สบายหรอ แล้วทำไมไม่บอก นอนพักก่อนไหม

              ไม่เป็นไรแล้ว ดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวจะรีบทำงานต่อแล้วแหละ ขอบคุณมากที่เป็นห่วงกุหลาบกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ และก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป

     

              คุณพี่คะ หญิงผู้นี้เป็นใครกันหรือคะ! นี่เอามือออกจากแขนสามีของฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” เสียงโวยวายด้วยความโมโหของหญิงสาว เมื่อได้เห็นสามีของตัวเองเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับผู้หญิงคนอื่น โดยที่หญิงสาวคนนั้นเดินกอดแขนสามีของเธอเข้ามาในบ้านอย่างไร้ยางอาย พลางยิ้มเยาะและมองหน้าเธอด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความชั่วร้าย

              ใจเย็นๆ ก่อนจะได้ไหม ชายหนุ่มตะคอกภรรยาของตนด้วยน้ำเสียงเอือมระอา

              คุณพี่จะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้อย่างไรกันคะ สามีตัวเองเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับหญิงใดก็ไม่รู้ ฉันเย็นไม่ไหวหรอกค่ะ บอกมา บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเธอเป็นใคร บอกมา บอกมาสิ เธอพูดพลางเข้าไปทุบตีร่างกายของสามีอย่างไม่ยั้งมือด้วยความโมโห และการกระทำของเธอก็ก่อให้สามีโมโหขึ้นมาบ้าง มือใหญ่จับร่างบางและโยนลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี ร่างของเธอจึงกระแทกกับพื้นอย่างแรง เธอเจ็บปวดมากเหลือเกิน ที่ต้องถูกกระทำแบบนี้ เธอค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นมาจากพื้นด้วยแขนทั้งสองข้าง และหันกลับไปมองหน้าสามี โดยที่ร่างของเธอยังคงนอนอยู่กับพื้น สามีชี้นิ้วมาที่ใบหน้ามนอย่างเหยียดหยาม

              เลิกบ้าเสียที จะบอกให้ว่าหญิงผู้นี้เป็นใครชายหนุ่มค่อยๆ ขยับมือไปกุมมือเรียวของผู้หญิงข้างๆ ที่กอดแขนของตนอยู่ และกล่าวต่อ หญิงผู้นี้เป็นภรรยาคนที่สองของฉัน และเธอกำลังจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยกันกับเราสิ้นคำพูดของชายหนุ่ม หญิงสาวที่นอนกองอยู่บนพื้นถึงกับน้ำตาไหลพรากทันที เธอแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน และได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย เธอลุกขึ้นยืนทันที และกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทั้งคลุ้มคลั่ง และคร่ำครวญเหมือนคนเสียสติ  

              แต่แล้วภาพเหล่านั้นก็หายไปฉับพลัน เมื่อกุหลาบสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เธอตกใจจนเหงื่อแตกท่วมตัว และเริ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับความฝันที่ผ่านมาทั้งสองคืนซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน และดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับตัวเธอเอง เธอมั่นใจว่าความฝันที่เกิดขึ้นสองคืนนี้ ต้องไม่ใช่แค่ความฝันธรรมดาๆ แน่ๆ แต่มันเหมือนมีอะไรบางอย่าง ที่รอให้เธอเข้าไปสัมผัสกับมันอย่างลึกซึ้ง

    เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อกุหลาบไปทำงาน เธอก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวประหลาดๆ ที่เธอเจอมาทั้งสองคืนให้เพื่อนสาวคนสนิทฟังจนได้ เพราะทนเก็บไว้คนเดียวไม่ไหวจึงต้องหาที่ปรึกษา

    ฉันว่าช่วงนี้แกเจอแต่เรื่องแปลกๆ นะกุหลาบ แกจำได้ป่ะเมื่อวันก่อนที่เราไปทำบุญกันอ่ะ อยู่ๆ หลวงพ่อก็ให้สร้อยเส้นนี้กับแกแล้วยังบอกอีกว่า มันเป็นของๆ แก งงป่ะ ฉันงงนะเว้ย ถึงตอนนี้ฉันยังไม่หายงงเลยเนี่ย นี่คือคำพูดของเพื่อนสาวหลังจากที่ได้ฟังเรื่องที่กุหลาบเล่ามาทั้งหมด

    กุหลาบก้มมองไปที่สร้อยข้อมือของตัวเองทันที จริงสินะ นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่เธอยังคงคาใจไม่หาย สร้อยเส้นนี้จะเป็นของเธอได้อย่างไรกัน ในเมื่อเธอไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ และจะว่าไปแล้ว ในคืนแรกที่เธอฝันก็เป็นวันที่เธอได้สร้อยเส้นนี้มาเสียด้วย

    เออ!! หรือว่า เราจะไปให้หลวงพ่อทำนายความฝันแกดีล่ะ เพื่อนสาวออกอุบายด้วยความตื่นเต้น

    หลวงพ่อท่านทำนายฝันได้ด้วยหรอ

    ฉันก็ไม่รู้ แต่ถึงท่านทำนายฝันไม่ได้ ท่านก็อาจจะรู้อะไรที่เราไม่รู้ก็ได้นะ ก็ดูอย่างสร้อยเส้นนี้ดิ ท่านรู้ได้ไง ว่าเป็นของแก

    กุหลาบเก็บคำพูดของเพื่อนสาวมาไตร่ตรองอย่างตั้งใจ และในที่สุดเธอก็ตกลงตามที่เพื่อนของเธอบอกทุกอย่าง โดยเธอทั้งสองตกลงกันว่าจะไปหาหลวงพ่อในวันถัดมา

    และพอรุ่งเช้า กุหลาบและเจนจิราเพื่อนสาวก็พากันไปไหว้หลวงพ่อที่วัดตามที่ได้นัดกันไว้ และทันทีที่หลวงพ่อองค์เดิมพบหน้าสองสาวท่านก็ถามขึ้นมา ว่ายังไงล่ะโยม ที่มาหาอาตมาในวันนี้

    คือลูกมีเรื่องสงสัยหลายๆ อย่างอยากจะถามหลวงพ่อค่ะ คือเรื่องแรก สร้อยเส้นนี้ หลวงพ่อได้มายังไงหรอคะกุหลาบถามขึ้น

    สร้อยเส้นนี้น่ะ มันเป็นสร้อยที่เก่าแก่มากแล้วแหละ อาตมาไม่ได้ได้มาจากที่ไหนหรอก เพราะว่าสร้อยเส้นนี้อยู่ในวัดนี้มาตั้งแต่อาตมายังไม่เกิดด้วยซ้ำไป สร้อยเส้นนี้เป็นของคุณหญิงท่านหนึ่ง เธอมีชีวิตอยู่ราวๆ สมัยรัชกาลที่ 7-8 ก่อนที่เธอจะสิ้นใจ เธอได้ฝากสร้อยเส้นนี้ไว้กับเจ้าอาวาทในตอนนั้นของวัดนี้แหละ เพราะเธอกับเจ้าอาวาทเป็นญาติกัน เธอบอกว่าถ้ามีโอกาส เธอคงจะได้ใส่มันอีกครั้ง

    แล้วทำไมหลวงพ่อถึงบอกว่ามันเป็นของลูกล่ะคะ

    แล้วหลังจากที่โยมใส่แล้ว โยมเห็นอะไรบ้างไหมล่ะ

    เอ่อ...หมายความว่ายังไงคะหลวงพ่อ ลูกไม่เข้าใจเลยค่ะ ใส่แล้วจะทำให้เห็นอะไรหรอคะเธอถามด้วยแววตาใสซื่อ

    โยมลองนึกดีๆ สิว่าโยมเห็นอะไรรึเปล่า หลังจากที่ได้สร้อยเส้นนี้ไป

    หรือว่า...หลวงพ่อกำลังหมายถึงฝันของลูกคะ สิ่งที่ลูกฝันถึง ใช่ไหมคะหลวงพ่อแววตาเปล่งประกายออกมาอย่างตื่นเต้น หลวงพ่อยิ้มตอบกับหญิงสาวบางๆ แล้วจึงค่อยๆ เล่าเรื่องราวออกมาอย่างละเอียด

    ใช่แล้วแหละโยม เดี๋ยวอาตมาจะเล่าให้ฟังเลยก็แล้วกัน ไหนๆ โยมก็ได้เห็นแล้ว คุณหญิงที่ว่าเป็นเจ้าของสร้อยเส้นนี้เธอมีชื่อว่าการะเกด ก่อนที่คุณหญิงเธอจะสิ้นใจ เธอได้อธิษฐานไว้ว่าขอให้เธอได้มีโอกาสใส่สร้อยเส้นนี้อีกครั้ง มันเป็นสร้อยที่เธอรักมาก เพราะเป็นสร้อยที่สามีของเธอให้ไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน เธออธิษฐานอีกว่าหากได้ใส่มันอีกครั้ง ก็ขอให้ระลึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวเธอได้ และสิ่งที่โยมเห็นในฝัน ก็คือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับตัวโยมเอง

    คำพูดทิ้งท้ายของหลวงพ่อชวนให้หญิงสาวและเพื่อนสาวตกตะลึงอย่างมาก เธอทบทวนคำพูดของหลวงพ่ออีกครั้งแล้วถามออกไป

    สิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับตัวลูก? แปลว่าลูกคือคุณหญิงการะเกดอย่างนั้นหรอคะ

    หลวงพ่อไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าเป็นการตอบรับ ซึ่งก็แปลว่าเธอคือคุณหญิงการะเกดจริงๆ คนในฝันคือตัวเธอเองในอดีตชาติ นี่เธอสามารถระลึกชาติได้จริงๆ หรือนี่ เรื่องประหลาดนี้ทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

              เฮ้ยแก นี่ฉันไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้เลยนะ มันน่าอัศจรรย์มากอะเพื่อนสาวกล่าวด้วยอาการตื้นเต้นในขณะที่เธอทั้งสองแวะทานมื้อกลางวันกันหลังจากที่กลับจากวัด

              ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน

              แกฉันถามไรหน่อยสิเจนจิราเพื่อนสาวถามด้วยแววตาที่เปล่งประกาย

              ว่า...?”

              สามีคุณการะเกดน่ะเค้าหน้าตาเป็นยังไงวะ หล่อไหม

              เมื่อกุหลาบได้ฟังคำถามจากเพื่อนสาว เธอก็มีสีหน้าชื่นบานอย่างเห็นได้ชัด เพราะเมื่อเธอนึกถึงหน้าชายหนุ่มคนดังกล่าว จิตใจของเธอก็พองโตขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

              เค้ารูปงามมาก งามเหลือเกิน หญิงสาวกล่าวอย่างใจลอย จนเพื่อนของเธอต้องผลักร่างเธออย่างแรงเพื่อให้เธอหลุดจากห้วงความคิดนั้นทันที

              เฮ้ย!! แหมๆๆ ถึงกับเคลิ้มเชียวนะแก ฉันอยากเห็นบ้างอะ

              ไม่ได้ สามีใครสามีมันฉันหวง ฉันเห็นได้คนเดียวกุหลาบตอบกลับเพื่อนสาวพลางหัวเราะเบาๆ จนเพื่อนสาวของเธอต้องผลักร่างเธออีกรอบด้วยความหมั่นไส้ และเธอทั้งสองก็นั่งพูดคุยกันต่อไปอย่างเพลิดเพลิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×