คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Am@zon!!! I : 2 >>> การพบกันครั้งแรก 100%
ฉับ! ตุ๊บ!
แรงดาบสีเงินยาวเรียวคมกริบวาดตวัดฉับอย่างรวดเร็วว่องไวอย่างที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นจนท่อนไม้ใหญ่ที่ถูกโยนมาร่วงผล็อยลงกับพื้นในสภาพเดิมทุกประการ
มือแข็งแกร่งของหญิงสาวร่างใหญ่ราวนักรบยกท่อนไม้ขึ้นมาก่อนจะยิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นท่อนไม้ที่คิดว่ามีสภาพเดิมนั้นถูกผ่าออกเป็นสองซีกอย่างที่มองแทบไม่เห็นรอยฟันด้วยที่คนวาดดาบมีฝีมือระดับเซียน
“ยอดมากเพคะ องค์หญิง ฝีมือดาบของพระองค์เฉียบขาดจริงๆ” พระอาจารย์ขององค์หญิงแห่งอเมซอนเอ่ยชมเชยร่างเล็กที่ยืนถือดาบเล่มโตอยู่ในมือ
“ท่านพูดเกินไปแล้วค่ะ ท่านอาจารย์” มาทิลด้าถ่อมตัวพลางก้มหัวคำนับคนเป็นครูอย่างนอบน้อมดูน่ารักเรียบร้อยจนคนที่มองดูอยู่ห่างๆต้องลอบยิ้ม
องค์หญิงของนางน่ารักเสมอ...
น่าปลื้มใจแทนท่านเฮลด้าเสียจริง
“นม” เสียงหวานเอ่ยเรียก ก่อนที่ร่างของเจ้าหญิงแห่งอเมซอนจะตรงเข้าหาคนที่ยืนอยู่อีกด้าน
“องค์หญิงมีพรสวรรค์จริงๆ สามารถใช้วิถีดาบแห่งจิตได้ตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้” แม่นมเชอร์ริลเอ่ยชมอย่างภาคภูมิใจ
“เดี๋ยวเราจะไปขี่ม้าเล่นซักหน่อย ถ้าท่านแม่ถามนมบอกด้วยว่าเราไปขี่ม้า เดี๋ยวซักพักก็จะกลับมา” องค์หญิงน้อยรีบบอกเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกว่ากล่าวได้อีก
“เพคะ แต่องค์หญิงต้องระมัดระวังพระองค์มากๆนะเพคะ ทางที่ดีให้ทหารติดตามไปด้วยดีกว่า” เชอร์ริลเตือนด้วยความเป็นห่วงสาวน้อยตรงหน้า แม้มาทิลด้าจะมีความสามารถมากมายเกินวัยเพียงน้อยนิดของเธอ แต่นางก็อดห่วงไม่ได้
“ไม่เป็นไร นมไม่ต้องห่วงหรอก เราไปแค่แป๊บเดียวไม่นานก็กลับแล้ว” องค์หญิงน้อยแย้มรอยยิ้มหวังให้คนตรงหน้าใจอ่อนตามเคย
“นะคะ...” นัยน์ตาสีเขียวใสแจ๋วกระพริบปริบๆสองสามทีก่อนที่ร่างน้อยจะหายไปในบัดดล
แม่นมถอนหายใจอย่างเอือมระอาในเจ้าหญิงตัวน้อยแห่งอเมซอน นางเป็นคนเลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังเล็กจนบัดนี้ และนางก็รู้สึกสงสารองค์หญิงน้อยจับใจ
หลายครั้งที่นางเห็นเธอน้ำตาคลอ ยามฟังนิทานกล่อมเด็กก่อนนอนเรื่องเกี่ยวกับแม่...
หรือเมื่อวันนั้นที่ท่านเฮลด้าทรงตบหน้าองค์หญิง นางก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
หวังเพียงแต่องค์หญิงน้อยของนางจะเข้าใจความรู้สึกของ ‘ท่าน’ ได้ในซักวัน...
อเมซอนนั้นก็ไม่ได้เป็นประเทศที่ใหญ่โตอะไรมากมายนัก เที่ยวเล่นได้ไม่นานก็ทำให้คนอย่างเธอเบื่อเสียแล้ว ตั้งแต่เด็กมาก็ได้แต่ขี่ม้าเล่นในที่เดิมๆ ความจริงถือโอกาสเปลี่ยนบรรยากาศซักหน่อยก็ไม่เลว
หัวสมองคิดในขณะที่สายตาทอดมองไปยังเบื้องหน้า ตอนนี้เจ้าหญิงน้อยกับอาชาคู่ใจหยุดอยู่บริเวณชายแดนเชื่อมต่อระหว่างอเมซอน-ทริสทอร์
ทริสทอร์หรือ...
รอยยิ้มบางผุดขึ้นที่ริมฝีปากน้อยอย่างนึกสนุก จนกระทั่งลืมไปสนิทว่าเธอจะเที่ยวเถลไถลออกนอกเขตแดนอเมซอนไม่ได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากท่านแม่
มาทิลด้ากระตุกบังเหียนน้อยๆม้าสีน้ำตาลตัวโปรดก็พาเธอตรงไปยังจุดหมายเบื้องหน้าทันที
นครเกรดสองแห่งเอเดนอย่างทริสทอร์เป็นสถานที่ที่คึกคักและพลุกพล่านไปด้วยประชาชนมากมายอย่างที่หาได้ยากในอเมซอนที่มักจะมีแต่ผู้หญิงเป็นส่วนมาก
นัยน์ตาสีเขียวกวาดมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น อย่างที่ไม่ได้กังวลว่าจะมีใครรู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ด้วยเสื้อผ้าที่มอมแมมและใบหน้าที่เปื้อนเขม่าเช่นทุกครั้ง อย่างน้อยก็ไม่แคล้วมีแต่คนคิดว่าเธอเป็นขอทาน
ทริสทอร์เป็นประเทศเล็กๆที่มีความสัมพันธ์อันดีต่ออเมซอนมาตั้งแต่สมัยก่อนกาลนาน จำได้ว่าตอนยังเล็กเธอก็เคยมาที่นี่กับท่านแม่ มาในฐานะเจ้าหญิงแห่งอเมซอน ท่านวีเมย์ คาราคัส กษัตริย์แห่งทริสทอร์ทรงมีพระทัยดีมาก
เด็กน้อยมองข้าวของที่วางขายอยู่ในตลาดด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนไม่ทันสังเกตว่าได้ไปชนเข้ากลับใครเข้าให้แล้ว
“โอ้ย!” มาทิลด้าร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บจากแรงกระแทกเมื่อครู่ มือน้อยยกขึ้นจับศีรษะบริเวณที่มีผ้าพันแผลพันไว้ เพราะทำเอารอยแผลที่ได้จากการเล่นซนปีนต้นไม้เมื่อวานเริ่มปริขึ้นมาอีกแล้ว
“ไอ้หนูหน้าสวยนี่ มาเล่นซนอะไรแถวนี้ บ้านช่องมีไม่รู้จักกลับ หรือจะกลับกับพวกพี่ไหม” เสียงห้าวของบุรุษร่างใหญ่ผู้หนึ่งทำให้นัยน์ตาสีเขียวรีบตวัดขึ้นไปมองทันที
“ไม่” เสียงหวานร้องตอบทันควัน ก่อนที่เธอจะรีบผละออกไปอย่างไม่อยากจะยุ่งกับพวกนักเลงแถวนี้
“เฮ้ เดี๋ยวสิ คิดว่าชนพี่แล้วจะหนีไปได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือ” มือกร้านคว้าหมับที่ต้นแขนเล็กจนเด็กหญิงทำท่าเซจะล้ม
“ปล่อยฉัน” มาทิลด้ากัดฟันแน่นอย่างเริ่มโมโห อย่าคิดว่าตัวโตแล้วจะมารังแกเด็กอย่างเธอได้
“มากับพี่เลยมา” ชายผู้นี้ฉุดลากร่างบางให้ตามเขาไป จนเจ้าหญิงแห่งอเมซอนชักทนไม่ได้ คว้าดาบขึ้นมาหมายจะต่อสู้
โป๊ก!
ก้อนหินก้อนหนึ่งถูกปาใส่หัวบุรุษอันธพาลอย่างแม่นยำ ทำให้คนที่กำลังเงื้อดาบชะงักกึก นัยน์ตาสีเขียวหันไปมองผู้ช่วยเหลือทันที
“กะ... แก... ไอ้หน้าอ่อน เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คิดลองดีกับฉันรึ” ใบหน้าหยาบกร้านแดงจัดขึ้นมาด้วยความโกรธ ก่อนที่จะพุ่งตรงไปที่ร่างของผู้มาใหม่
นัยน์ตาสีเขียวของเจ้าหญิงแห่งอเมซอนเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างนั้นเพียงแค่ขยับมือไปมา ก่อนจะดีดนิ้วเปาะ เพียงเท่านั้นร่างของบุรุษผู้เป็นนักเลงก็ดิ้นพล่านไปมาอย่างเจ็บปวด ใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนกับโดนอะไรบางอย่าง และเพียงแค่คนผู้นั้นกระพริบตาเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างก็กลับเป็นเหมือนเดิม แล้วนายนักเลงนั่นก็รีบหนีไป
“สวัสดี” เสียงทักทายดังขึ้นเบาๆ
“เอ่อ... ขอบใจ” มาทิลด้าเอ่ยอย่างงุนงง พลางมองคนตรงหน้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้
เด็กชายวัยไล่เลี่ยกับเธอ มีผมสีชา ดวงตาสีเขียวมรกตเช่นเดียวกับเธอ รูปร่างผอมบางอยู่ในชุดดูดีมีราคาอย่างคนมีฐานะ หากแต่ฝีมือที่ร้ายกาจเมื่อครู่ทำเอาเธอตกใจ
“ดูท่าเธอจะไม่ใช่คนที่นี่สินะ” เด็กชายถามขึ้น
“ฉันเป็นคนอเมซอน” เจ้าหญิงแห่งอเมซอนเอ่ยตอบ ก่อนที่ดวงตาสีเขียวสองคู่จะสบประสานกัน แล้วเด็กชายก็ขยับยิ้มบางๆ
“มาเที่ยวหรือ”
“อืม... ฉันแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศนิดหน่อย อยู่ที่นั่นนานๆมันน่าเบื่อ” มาทิลด้าตอบ ก่อนจะเก็บดาบที่ถือไว้นานจนคนตรงหน้าเริ่มมองอย่างสนใจ
“ฉันเองก็ไม่ใช่คนที่นี่เหมือนกัน” เด็กชายตอบบ้าง ในขณะที่ทั้งสองเดินไปตามทางเดินด้วยกัน
“อ้าวหรอ แล้วงั้นนายมาจากไหนล่ะ” คิ้วเรียวเล็กเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ จนคนมองแย้มรอยยิ้มอีกรอบ
“ฉันมาจากเวนอล”
“นายนี่เก่งมากเลยนะ เมื่อกี้นายทำได้ไงหรอ ฉันไม่เห็นนายจะใช้อะไรเลยนี่” เจ้าหญิงน้อยถามอย่างใสซื่อ คนถูกถามเพียงแต่ยิ้มตอบเท่านั้น
“เธอแอบหนีมาเที่ยวแบบนี้พ่อแม่ไม่ว่าหรือ” คำถามที่ถูกส่งกลับจากเด็กชายทำเอานัยน์ตาสีเขียวเริ่มหม่นแสงเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“ไม่หรอกมั้ง ท่านไม่เคยสนใจอยู่แล้วนี่ ว่าแต่ว่า... นายขี่ม้าเป็นไหม” มาทิลด้ารีบเปลี่ยนเรื่องใหม่ พลางแย้มรอยยิ้มสดใสน่ารัก
เด็กชายผมสีชาอ่อนส่ายหน้าเบาๆ แต่เท่านั้น มือบางก็คว้าข้อมือของเขาไว้ทันที ก่อนที่จะลากให้ตามเธอไป
“งั้นตามมา”
สองร่างเล็กอยู่บนหลังอาชาไนยสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังควบไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เด็กหญิงคนผมสีดำที่นั่งอยู่ด้านหน้าท่าทางทะมัดทะแมงกระตุกบังเหียนม้าอย่างชำนาญ ในขณะที่เด็กชายคนข้างหลังนั่งซ้อนท้ายใช้สองมือเกาะคนข้างหน้าไว้แน่น นัยน์ตาสีเขียวหลับปี๋อย่างตื่นกลัว
“ช้าๆหน่อยสิ” เสียงสั่นๆดังจากเพื่อนคนใหม่ของเธอที่ทำเอาเจ้าหญิงแห่งอเมซอนหลุดหัวเราะคิก
“ฮ่าๆ เพิ่งจะรู้ว่าว่านายก็กลัวเป็นเหมือนกันนะเนี่ย” คนขี้แกล้งยังไม่ยอมหยุด มือน้อยกระตุกบังเหียนให้ม้าควบเร็วขึ้นหวังแกล้งอีกคน
“นี่ฉันกลัวจริงๆนะ” เด็กชายบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้มาทิลด้ายอมชะลอความเร็วลงเพราะกลัวเจ้าคนข้างหลังมันจะหัวใจวายเสียก่อน
“เธอขี่ม้าเก่งนี่” เด็กชายเอ่ยขึ้นหลังจากลงจากหลังม้าแล้ว
“ก็ฉันหัดตั้งแต่เล็กแล้วนี่ นายเองก็น่าจะลองขี่ดูบ้างนะ” เจ้าหญิงจอมซนเอ่ยกลั้วหัวเราะ พลางกระโดดจากหลังม้าลงมานั่งเคียงข้างกันบนพื้นหญ้าสีเขียวชอุ่ม
“ถึงฉันจะขี่ไม่ได้ แต่ฉันก็ทำให้ม้าควบเองได้แล้วกัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเด็กชายก่อนที่ม้าตัวน้อยจะควบวนไปมารอบๆได้ และเพียงเขากระพริบตาสีเขียวคู่นั้นม้าของเธอก็กลับมาที่เดิมโดยไม่มีใครต้องบังคับ
“นี่นาย...” มาทิลด้าอ้าปากค้าง ไอ้หมอนี่มีเวทมนตร์สูงไม่หยอก แค่พูดหรือแค่กระพริบตานิดเดียวก็สามารถสั่งอะไรได้หมด
นัยน์ตาสีเขียวเหลือบไปเห็นสิ่งบางอย่างในมือของคนข้างตัว จึงเอ่ยถามขึ้น
“นั่นอะไรน่ะ”
เด็กชายหันมาก่อนที่จะแบมือให้ดู คริสตัลสีเขียวใสอันเล็กปรากฏอยู่ในมือน้อยเป็นประกายสะท้อนแสงเข้าตาสีเขียวของคนมอง
“มันคือคริสตัลที่จะช่วยรักษาบาดแผลได้ เพียงเธอทาบมันลงไปบนบาดแผลอย่างนี้” ว่าแล้วคนพูดก็นำคริสตัลสีเขียวไปวางทาบบนหัวของมาทิลด้าบริเวณที่มีบาดแผลแตกที่ได้รับเมื่อวาน เพียงเท่านั้น แสงสว่างวาบปรากฏขึ้นแล้วรอยแผลก็หายสนิท ราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
“สุดยอด” นัยน์ตาสีเขียวเบิกกว้างกับความประหลาดของเพื่อนใหม่คนนี้
“ฉันให้เธอ” เด็กชายแย้มรอยยิ้มก่อนนำคริสตัลใสวางลงบนมือของอีกคน จนเจ้าหญิงองค์น้อยร้องอย่างประหลาดใจ
“แล้วนายไม่เก็บมันไว้หรอ”
“ไม่เป็นไร ฉันให้” เท่านั้นรอยยิ้มแฉ่งก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าหวานอย่างยินดี เมื่อเห็นเช่นนี้คนให้ก็แย้มรอยยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก
“นายมาทำอะไรที่ทริสทอร์” มาทิลด้าถามในขณะที่เก็บคริสตัลลงกระเป๋าเสื้อ
“ฉันมาเยี่ยมท่านทวดที่นี่เป็นประจำทุกปีน่ะ พอดีวันนี้เบื่อๆก็เลยขอท่านทวดออกมาเดินเล่นที่ตลาด” เด็กชายพูดขึ้น ทำให้เจ้าหญิงอเมซอนเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้นมาทันทีอย่างร้อนรน
“ตายแล้ว ลืมเวลาไปสนิท ฉันต้องกลับแล้วล่ะ” เธอเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าบอกจะออกมาแป๊บเดียว แต่นี่ก็เย็นมากแล้ว
“อืม ฉันเองก็ต้องกลับเหมือนกัน” เด็กชายพูดขึ้นในขณะที่เด็กหญิงรีบขึ้นไปบนหลังม้าอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวสิฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย” เด็กชายร้องถาม
“ฉันชื่อ มาทิลด้า แล้วนาย...” เจ้าหญิงแห่งอเมซอนรีบตอบกลับไป ทำให้คนฟังแย้มรอยยิ้มประหลาดแต่ดูอบอุ่น ก่อนที่จะพูดขึ้น
“ชาเบรียน โบแด็ง”
ความคิดเห็น