ตอนที่ 25 : เยี่ยมบ้าน.....
ในที่สุดผมก็เจอเธอสักที หลังจากที่ตามหามาตั้งนาน แอบดูน้องเขาหน่อยดีกว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่สิ่งที่ผมเห็นอยู่ในตอนนี้ คือน้องเขากำลังคุยกับเพื่อนสาวของเขาอยู่ อยากออกรถออกชาติเอาซะผมไม่อยากไปขัดจังหวะเธอเลย ผมว่านั่งรอตรงนี้อีกสักแป๊บนึงก็คงจ
หลังจากที่ ทักษกร ได้วางสายจากมารดาผู้ให้กำเนิดของตัวเอง เรียบร้อยแล้ว เขาก็ออกตามหาหญิงสาวของตัวเองอย่างขะมักเขม้นหลังจากที่รู้ว่า ตัวเธอหายไปหลังจากที่เขาบอกกับเธอหรือว่า ให้รอเขาอยู่แค่ภายในร้านเท่านั้น หรืออยู่แค่บริเวณที่ผมสามารถสังเกตเธอได้อย่างชัดเจนเท่านั้นเอง ตอนนี้เท่าที่ดูแล้วมันน่าจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิดโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังโชคดีที่เธอยังไม่ได้ไปไหนไกลสายตาเขาก็ยังสามารถตามเธอกลับคืนมาได้โดยที่ไม่ต้องเป็นห่วง!
**************
“ตามหาตั้งนาน… อยู่นี่เอง! ชอบหายนะเราอ่ะ”
“ ตามหาอยู่หรอ…..”
“ ก็ใช่น่ะสิ”
“ ว่าแต่ที่ตามหาหนูอยู่นี่ ตอนนี้มีธุระอะไรกับหนูเหรอคะ คุณพี่หนึ่ง!”.
“ เมื่อตะกี้….. แม่ของผมโทรมาแล้วเธอรู้ว่าคุณได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แล้วท่านบอกกับผมว่าให้คุณไปที่บ้าน คุณแม่บอกว่าจะทำกับข้าวให้คุณกิน สนใจไหมครับ”
ตอนแรกฉันกะว่า…. ถ้าฉันเองเสร็จจากงานที่ร้าน เรียบร้อยแล้ว ฉันก็ว่าจะจะขอให้เขาไปส่งฉันที่บ้านเลยแต่เท่าที่ฉันรู้อยู่ตอนนี้ ชื่อเขากลับมาบอกกับฉันว่าเราคุณพ่อคุณแม่ของเขา แล้วคุณพ่อคุณแม่ของเรา ได้ไปรวมตัวกันที่บ้านของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมตอนนี้เห็นที่เขาบอกว่าตอนนี้คนทางนั้นกำลังทำอาหารสุดพิเศษกำลังรอฉันอยู่ เท่านั้นแหละค่ะ….. หูผึ่งเลยค่ะ( เพราะสำหรับฉันแล้วถ้ามันเกี่ยวกับเรื่องกิน มันคือเรื่องใหญ่เสมอ
เมื่อตกลงกันได้แบบนั้น พวกเราสองคนก็ไม่รอช้าที่จะกลับไปที่บ้านของเขา โดยที่ทั้งตัวของ ฉันตอนนี้มีแค่กระเป๋าถือ แต่ยังไงก็ยังไม่มี ของฝากกลับไปฝากญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ในบ้านของเขาเลย ตอนนี้ฉันคิดอยู่ในใจนะ! วันนั้นๆจะไปที่บ้านเขาสักที เราเองน่าจะมีของติดไม้ติดมือ ถือว่าเป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ในฐานะผู้ไปเรียนสักหน่อยก็คงจะดีเราก็เป็นผู้น้อยในบ้านเรียบร้อยแล้วแหละถึงแม้ว่าเราจะมีผู้ใหญ่เอ็นดูอยู่แล้วก็ตามเถอะ คอยดูก่อนเถอะ เดี๋ยวถ้าฉันเจอร้านระหว่างทางที่เป็นร้านขายผลไม้แต่งกระเช้า ฉันจะบังคับให้นางจอดให้ได้เลยคอยดู พูดไม่ทันขาดคำ…. เขาเจอร้านที่ ฉันต้องการอยู่พอดีเลย
“ เดี๋ยว! ร้านข้างหน้าเนี่ยจอดรถให้ด้วยนะ”
“ ทำไมหรอ…..”
“ คือฉันคิดว่า นานๆทีฉัน จะไปบ้านนายก็ขอให้มีของติดไม้ติดมือสักหน่อยแล้วกัน ถือว่าเป็นมารยาท อย่างน้อยฉันก็อยากซื้อให้กับพวกท่าน
“คุณอยากจะซื้อหรอ?”
ใช่สิ. อย่างน้อย ตัวเราเองที่เป็นลูกเป็นหลานก็มีสินน้ำใจที่จะตอบแทนพวกเขานะ ในฐานะลูกกับหลานของเขาอ่ะ
หลังจากที่เขาโดนฉันบังคับ อยู่สักพักนึงเขาก็ ยอมที่จะจอดที่ร้านผลไม้จนได้ เธอรู้แบบนี้เนี่ยนะไปตั้งนานแล้ว ดีจริงๆเลย เมื่อได้แบบนั้นน่ะนะ เขาก็รีบจอดรถตามที่ร้านที่ฉันบอกตั้งแต่แรก เสร็จเรียบร้อย ก็ทำการลงไปพร้อมกัน เพื่อที่จะไปเลือก ของที่ต้องการที่จะเอาไปฝากผู้ใหญ่
“ นาย! คุณลุงกับคุณป้าชอบทานผลไม้อะไรหรอ
“ ถ้าถามผมหรอ… พวกท่านสองคนชอบทานกันคนละแบบเลยแหละเท่าที่รู้สึกแล้วนะ แต่รวมแล้วพวกท่านก็ทานกันได้หมดนั่นแหละ ไม่ได้เกี่ยงอะไร แต่ของที่พวกท่านชอบมากที่สุดก็หนีไม่พ้น สาลี่ละมั้งนะ ถ้าวันไหนผมซื้อเข้าไปให้พวกท่านทุกทีก็หมดทุกทีผมไม่ทันกินตลอดอ่ะ”
“ แบบนี้นี่เอง แล้วนายล่ะชอบผลไม้อะไรหรอ”
“ ทุกอย่างนั้นแหละที่ซื้อให้ผมกิน ผมก็เป็นทั้งหมดนั่นแหละ”
ครอบครัวนี้ชอบสาลี่กัน สินะ! แต่มันก็ไม่แปลกหรอกที่จะชอบมัน เพราะว่าผลไม้ชนิดนี้มีทั้งรสหวาน สิ่งนั้นเป็นรสชาติธรรมดาที่ผู้ใหญ่ถึงวัยผู้สูงอายุเขาจะชอบ กินกัน เนื่องจากที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ชอบผลไม้ที่มีรสหวาน ก็มีอาการติดหวานเป็นปกติ ถ้าจะชอบผลไม้ชนิดนี้มันก็ไม่แปลกทั้งมีรสหวาน มีความกรอบ แล้วก็สามารถกินได้ง่ายด้วย
ไม่พูดอะไรมากแล้ว….. เวลานี้ขอใช้เวลาทั้งหมดเลือกผลไม้ที่ถูกใจก่อนละกันก่อนที่มันจะสายไปกว่านี้ แล้วเมื่อกี้มีคนบางคนบอกว่า ชอบกิสาลี่สินะ ดีเลย! App ซื้อเพิ่มไปอีกหน่อยแล้วกัน เห็นบ่นว่าอยากกินมาหลายวันแล้วแหละ มาที่นี่ทั้งทีก็ซื้อสักหน่อยละกันร้านนี้ผลไม้แล้วก็ดอกไม้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย ดอกไม้ก็น่าสนใจจัดเป็นช่อก็คงจะสวยดี แต่ถ้าเราเอาแต่ดอกไม้ไป ก็มันก็ได้แค่ ความสวยงามแต่ความอิ่มท้องไม่เคยมีเพราะฉะนั้นเลือกผลไม้ดีกว่าสุขภาพก็ได้ด้ว
“คิดเงินด้วยค่ะ…!
“ ได้ค่ะรอสักครู่นะคะ”
และผลไม้อยู่สักพักก็รู้สึกว่าตอนนี้เต็มไม้เต็มมือไปหมดแล้ว ตอนนี้รู้สึกว่าผลไม้นานาพันธุ์กำลังอยู่ในมือฉันโดยที่มีความหนักยู่นะ มันคงเยอะมากพอที่จะสามารถจัดเป็นประเช้าได้แล้วแหละ คงได้เวลาในการคิดเงินและปล่อยให้เขาจัดกระเช้าแล้วแหละ ตอนแรกที่ฉันคิดไว้จะเป็นว่าส่วนของมือซ้ายเป็นส่วนของญาติผู้ใหญ่ที่เราจะเอาไปฝาก พวกท่าน ส่วนทางด้านขวาจะเป็นของฝากที่ไม่ค่อยได้เจอเต็มใจที่จะฝากเขาสักเท่าไหร่ ( หรอ! แต่รู้สึกว่ามันจะเต็มมือยิ่งกว่าข้างซ้ายที่เอาไปฝากผู้ใหญ่อีกนะ) ทางมือข้างนี้ก็จะเป็น แอปเปิ้ลกับสาลี่ ของโปรดของคนขับรถในวันนี้นี่แหละ ฉันคิดว… มือหนึ่งควรจัดเป็นกระเช้าของฝาก แต่ส่วนอีกมือหนึ่งจัด เป็นกระเช้าอะไรหรอก ให้เขาด้วยปากเปล่านี้แหละไหนเราเองก็อยากซื้อเขาอยู่แล้วนี
( จะว่าไปแล้ว เขาก็มีความอดทนดีเหมือนกันนะ ดูเขาสิ มานั่งรอฉันซื้อผลไม้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ยังไม่บ่นอะไรสักคำเลย….. ถึงแม้ตอนแรกจะบ่นอีกสักหน่อยก็เหอะ!)
“ เสร็จแล้วคุณ…..”
“ อ้าวเสร็จแล้วหรอ…. โอ้โห! แล้วทำไมซื้อเยอะได้ขนาดนี้ คุณเอาไปรอบนี้รับรอง พ่อกับแม่ผมกินไม่หมดแน่เลย”
“ แล้วใครบอกล่ะ ว่า จะซื้อให้พวกท่านเพียงคนเดียวน่ะ!”
“ เมื่อตะกี้ผมว่ายังไงนะ ผมได้ยินไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่?”
“ปะ… เปล่าหรอกฉันnene คุณแม่ก็บอกว่า ไม่ได้พูดอะไรนี่ ไปกันเถอะตรงนี้อากาศร้อนแล้ว ตอนนี้เผื่อฉันไหลเป็นแม่น้ำแล้วเนี่ย
“ เออ… ได้ๆ
เกือบไปแล้วเรา! เกือบจะหลุดปากแล้วไหมล่ะ ไอ้เราก็กะว่า เดี๋ยวถ้าไปถึงบ้านค่อยบอกเขาว่าเช่าที่เหลือ เราซื้อมาเผื่อเขาจะดูตอนนี้สิ พอแล้ว แล้วเราจะต้องแถสีข้างจะเสียข้างแดงหรือเปล่าเนี่ย! แต่ในสถานการณ์อยู่ตอนนี้ ถ้าไม่รู้อะไร เมย์ไหนคุณแม่ก็บอกว่า คุณแม่ก็บอกว่า แนวคุณแม่ก็บอกว่า วันนี้โชคดีหน่อยนะเนี่ยที่เราออกตัว ออกมาจากที่ร้านก็ไม่ได้เข้ามากนะตอนนี้ไม่ถึงเวลาที่จะเลิกงานกับทุกคน ที่เป็นพนักงานออฟฟิศของชีวิตคนเมือง มันเลยทำให้การจราจรที่เป็นอยู่ตอนนี้รู้สึกว่ารถจะเคลื่อนไหวยังคล่องตัวอย่าง ดีเลยแหละฉันว่าอีกไม่นานก็คงเดินทางไปถึงบ้าน ของเขาที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิดแล้วล่ะ ระหว่างนี้ก็ขอนอนพักที่เขาพาไปก่อนละกันนะ เราเองก็เพิ่งหายป่วยไม่ค่อยว่าเป็นเซนเท่าไหร่ ถือโอกาสเก็บแรงไว้ก่อนก็แล้วกัน
•••••••••••••••••••
20 นาทีผ่านไป
ก็เดินทางมาถึงบ้านของ ทักษกร โดยที่ ฉันเป็นแค่ผู้โดยสารที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วก็มีเขาคอยเป็นคนขับรถ ( จำเป็น) ให้ในชั่วขณะ ส่วนชั้น ด้วยความที่ร่างกายต้องการการพักผ่อนอย่างรุนแรง มันก็เลยทำให้ส่งผลให้ฉัน นอนเข้าสู่ภวังค์ตั้งแต่ เขาเองขับรถออกจากร้านกาแฟของฉันได้ประมาณ 500 เมตรเห็นจะได้ แล้วก็ตื่นขึ้นมาอีกที ก็เขาก็เดินทางมาจนถึงบ้านเขาเรียบร้อยแล้ว โดยที่เราไม่ได้รู้ตัวเลย รู้ตัวอีกทีก็อยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ของเขาเรียบร้อยแล้ว
“คุณ…. ถึงแล้วคุณ
“อืม…..”
“ ถึงบ้านแล้วคุณ ตื่นได้แล้ว
“ อ้าว…. ถึงแล้วหรอ ทำไมนายไม่ปลุกฉัน”
“ เดี๋ยว นั่งรอผมในนี้ก่อนนะ อย่าเพิ่งลงจากรถ เดี๋ยวผมไปรับคุณจากทางด้านที่คุณนั่งอยู่”
“ อืม…..
แล้วเขาก็ทำตามที่เขาพูดกันจริงๆแล้วปล่อยฉัน นั่งรอเขาอีกฝั่งหนึ่งของตัวรถ ไม่เดินข้ามมาอีกครั้งเพื่อเปิดปลอดภัยกับฉันเฮ้ย…! พอเขาทำอะไรแบบนี้บ่อยๆฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงยังไงนั้น
“ เชิญครับคุณผู้หญิง…”
“ ขอบคุณค่ะ”
“ รอเข้าไปข้างในกันเถอะ เพราะคนเรามันแย่แล้ว”
เราก็เดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน โดยเขาปล่อยให้ฉัน เดินนำหน้าเพื่อเป็นการให้เกียรติ wow! ฉันเองไม่ได้มาบ้านนี้มาตั้งนานแล้ว มองไปดูรอบๆ ทุกอย่างก็ดูเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าผ่านไปกี่ปีกี่ปีทุกอย่างมันก็ยังเหมือนเดิม ถึงแม้ว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ก็มีการทะนุบำรุงสถานที่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าเดิมบ้างก็เถอะ แต่โดยรวมแล้วทุกอย่างก็ยังดูเหมือนเดิมอยู่ดี
“คุณพ่อ คุณแม่ครับผมพาน้องมาถึงที่นี่นะครับ!”
“ อ้าวมากันแล้วหรอ ทั้งสองคน”
“ ครับ/ สวัสดีค่ะ”
“ รู้สึกเป็นไงบ้างล่ะลูก”
“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยค่ะคุณแม่ แล้วนี่คุณลุงคุณป้าแล้วก็คุณพ่อคุณแม่กำลังเล่นอะไรกันอยู่คะ”
“ ลูกสาว เดี๋ยวเย็นนี้พวกเราจะมาทานข้าวที่บ้าน ของ พี่หนึ่งกันนะ”
“ คะ?...
มันจะบอกว่ายังไงนะ… วันนี้ฉันก็มาทานอาหารเย็นที่นั่นเขาอย่างนั้นหรอ
“ ใช่แล้วจ้า… วันนี้เราทั้งหมดจะมาทานข้าวด้วยกันที่บ้านนี้แหละ แล้วเราจะกินอะไรกันดีล่ะ… บาร์บีคิวดีไหม เราไม่ได้กินมานานแล้ว
“ อะไรก็ได้อ่ะค่ะ สามารถทานได้หมดเลยค่ะ
“ งั้นเงียบเลย…. รวมตัวกันทานบาร์บีคิวกัน เยอะๆแบบนี้ สนุกดีนะ ไปละต้องเตรียมของแล้วสิ เอาแบบนี้นะเดี๋ยวหนู รอป้าอยู่ที่บ้านนะหรือไม่ก็ไปเล่นหมากรุกคุณพ่อไป เดี๋ยวแม่คุณป้าจะไปซื้อของที่ตลาด”
หลังจากที่แม่ของพวกเราสองคน สรุปกันเอาเองว่าวันนี้เราจะกินบาบีคิวกัน พวกท่านก็ต้องสั่งเสียลูกของตัวเองให้ทำอะไรผิดแปลก ก็บอกความเป็นตัวเองความเรียบร้อยของลูกของตัวเอง แต่ฉันรู้สึกว่าคนที่กำลังจะโดนหนักที่สุดก็คนที่กำลังยืนอยู่ข้างฉันอยู่ตรงนี้นี่แหละ ดูสิ โดนออกคำสั่งยาวเป็นหางว่าวเลย
“ ส่วนเราตาหนึ่ง!”
“” ระหว่างที่รออยู่บ้านก็ดูแลน้องดีๆด้วยล่ะ”
“ ครับคุณหญิง…”
[บันทึกพิเศษ ของทักษกร]
ย้อนเวลากลับ ไปเมื่อ 3 ชั่วโมงที่แล้ว......
ไหนๆคุณแม่ก็บอกว่า….. ตอนนี้สมาชิกในครอบครัวของเราทั้งหมด ได้ไปรวมตัวกันที่บ้านของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้วตอนนี้ก็ถือโอกาสพาเธอไปที่บ้านของผมเลยละกันเพื่อเป็นการไม่เสียเวลาอะไรมากนัก ถึงแม้ว่าตอนแรก คุณแม่บังเกิดเกล้าของผมจะบอกว่าหลังจากที่ทาน้องดูร้านเรียบร้อยแล้ว ก็ให้พาน้องกลับไปที่บ้านอย่างปลอดภัยด้วย แต่ตอนนี้ผมกลับคิดต่างไปมากกว่านั้น! ก็คือในเมื่อทุกคนไปอยู่ที่บ้านของเขาอย่างพร้อมหน้าเรียบร้อยแล้วคงไม่เสียหายอะไรถ้าผมจะพาน้องเข้าไปเห็นบ้านของของอีกคนนึง และที่สำคัญก็ไม่ได้บอกคนที่บ้านด้วย ผมจะพาเธอไปจะให้ เซอร์ไพรส์!
แต่ระหว่างทางกลับบ้าน ผมกลับได้คำขอร้องจากผู้ที่เป็นตุ๊กตาหน้ารถของ ผมในวันนี้ บอกว่า ก่อนที่จะไปถึงบ้านของผมเองนะเธออยากที่จะซื้อ ของฝากเล็กๆน้อย เพื่อเป็นสินน้ำใจ ในการไปเยี่ยมบ้านของพวกเรา ตอนแรกผมก็กะว่าจะไม่แวะหรอกนะร้านขายของที่ระลึกและ แต่พอไปถึง ตัวเธอเองกลับบอกให้ผมแวะจอดรถในทันที ฉันก็เลยปฏิเสธการกระทำของเธอไม่ได้สักอย่างเลย
“จอดรถก่อน…… ฉันอยากจะไปซื้อของฝาก กลับไปฝากคนที่บ้านสักหน่อย ไม่ว่าอะไรนะ”
“ ครับ….. ขอผมจอดรถแป๊บนึงนะคะคุณผู้หญิง
จะว่าไปตอนนี้อากาศมันก็ร้อนอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ทำไมจะไม่ร้อนก็นัดเวลาที่เรามาอยู่ตอนนี้ มันเป็นเวลาบ่ายเข้าไปแล้ว ถ้าใครไม่ร้อนก็บ้าแล้ว คิดจะจอดรถทั้งทีก็หาที่ที่มันเหมาะสมมีร่มไม้นี่เป็นเงาของรถสักหน่อยก็คงจะดี และทันทีที่พวกเราสองคนหาที่จอดรถได้เป็นที่เรียบร้อย ผู้โดยสารประจำรถของผมก็ทำการกระโดดตัวของตัวเองลงจากรถ (อย่างลืมตัวว่าตัวเองป่วยนะ) ทำตัวเป็นเด็กน้อย แต่ผมว่า มันก็ไม่แปลกอะไรเท่าไหร่หรอกเพราะว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เจอกับของเสียมีงานอะไรแบบนี้ ถ้าเจอพวกดอกไม้หรือว่าของอะไรสวยๆงามๆก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา
“ คุณ...... จะลงไปด้วยไหม ชื่อโรงเรียนที่ฉันเลือกผลไม้ที่พ่อแม่ของนายจินหน่อย
“ เอาอย่างนั้นเหรอ”
“ ก็ใช่สิ ถ้าไม่ทำแบบนั้นน่ะ ฉันจะรู้ได้ไงว่าพ่อกับแม่มาชอบทานอะไร
รับฟังเหตุผลนั้น! ผมอยากอยู่ใกล้เธอแทบจะตลอดเวลาด้วยนะ คุณก็เลยต้องบังคับตัวเองให้ลงตอนเธอไปเข้าไปภายในร้าน
เธอก็สิงสถิตอยู่นี่นานพอสมควร แถมระหว่างที่เธอกำลัง ผลไม้ที่เธอชอบเข้ากระเช้า เธอก็มีแอบถ่ายอยู่บ้าง ว่า… ผมเองชอบทานผลไม้อะไรเป็นพิเศษไหม นั่นสิผมชอบทานผลไม้อะไรกัน ปกติผมก็ทานผลไม้ได้หมด แต่มันก็ยังมีผลไม้ที่ผมชอบมากที่สุด นั่นก็คือสาลี่ มันเป็นทั้งผลไม้ที่มีหนาม แล้วมีเนื้อที่กรอบหวานหอม ได้กินเมื่อไหร่ก็สดชื่นมีพลัง ทุกครั้งที่ได้กิน!
ผมก็เลยตอบไปแบบนั้น โดยที่ไม่ได้คิดอะไรอยู่เบื้องหลัง..
เวลาผ่านไป 20 นาที
ทุกอย่างที่เตรียมไว้เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เราทั้งสองคน วิ่งตรงไปที่บ้านของผม ระหว่างที่ผมขับรถชนที่สนใจกูแทบตลอดทางแต่ผลลัพธ์ที่ได้มันก็คือความ เงียบ!
“ หนาวไหมคุณ…?
“ ก็นิดหน่อย”
“ เดี๋ยวผมช่วย ปรับแอร์ให้”
“ ไม่เป็นไรหรอกถ้าไม่ร้อนก็ไม่ต้อง ก็ได้ แค่นี้ฉันทนได้สบายมาก”
ที่เห็นแบบนั้นผมก็ทำตามคำสั่งของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ให้ปรับแอร์ตามอุณหภูมิร่างกายของเธอก็เถอะ แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันยังขาดอะไรไปบางอย่าง ( ดูเอาเปรียบนะเขาหนาว เราร้อน) เดี๋ยวนะ…. ผมจำได้ว่าผมเอาผ้าคลุมกันหนาวมาไว้ ในรถ ไม่ได้ผมก็เลยอ้อมไปทางด้านหลังแล้วไปหาผ้าคลุมผืนนั้น เอามันมาพรมให้เธอพูดกันหนาว จากลมเครื่องปรับอากาศภายในรถ แล้วผมก็เดินทางต่อไปอีก 20 นาที แล้วก็ถึงบ้านเหมือนตัวเองที่อยู่มาตั้งแต่เกิด ผมหันมามองด้านข้างคนขับ เจอกับคนที่ผมพามาด้วยกำลังอยู่ในห้องด้วยค่ะ แบบสนิทใจเลยแหละ
“ คุณ… ตื่นเถอะถึงแล้ว”
“อึอ…. ถึงแล้วหรอ”
ทำไมเป็นคนนอนขี้เซาขนาดนี้เนี่ย! แล้วถ้าเธอไปขึ้นรถที่ไม่ใช่ผมขับ เธอจะกลายเป็นยังไง ไม่อยากจะคิดเลย ดูท่าจะหลับลึกด้วยนะเนี่ย
“ ใช่…. คุณ สัญญาอะไรกับผมอย่างหนึ่งได้ไหม”
“อึ…. อะไรอ่ะ”
“ คุณสัญญากับผมอย่างหนึ่งได้ไหมว่า ถ้าคุณขึ้นรถที่ไหนก็ตาม อย่าหลับคาร์นอกจากรถของผม นะ
“ เอาล่ะเดี๋ยวคุณรออยู่ในรถเดี๋ยวผมจะไปเปิดรถให้
“ ขอบคุณค่ะ”
เมื่อผมพาเธอลงมาจากรถก็เดินเข้าไปใน บ้านโดยทันที เพราะว่านี่ขนาดเวลามันเริ่มจะเย็นลงแล้วนะ อากาศก็ยังร้อนอยู่ดี เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกันการป่วยซ้ำซ้อน ก็เลยรีบพาเธอเข้าไปในบ้านที่มีรั้วหรือทันที
และคนแรกที่ทัพทันทีที่รอเข้ามาถึงในบ้าน. ที่นอกเหนือจากผู้เป็นแม่ของเธอเอง ก็คงจะเป็นแม่บังเกิดเกล้าของผมเองนี่แหละ
“ เป็นยังไงบ้างเหนื่อยไหม”
“ นิดหน่อยค่ะคุณป้า”
“ แล้วพี่หนึ่งดูแลเราดีไหม?
( อุตส่าห์อยู่เฉยๆ วนคำถามมาทางเราได้ไงเนี่ย)
“ เออ ดูแลดีมากเลยค่ะคุณปา”
“ งั้นก็รอดตัวไป….. เกิดเราดูแลน้อง ไม่ดีแล้วก็เราน่าจะเป็นฝ่ายโดนเอง
อ้าวแล้วทำไมต้องมาลงที่ผม ถึงแม้ว่าคุณหญิงแม่จะไม่สั่งให้ดูแลน้องเป็นอย่างดีผมก็ทำอยู่แล้วแหละ ถึงแม้จะไม่สั่งก็ตาม
“ เดี๋ยวแม่จะออกไปข้างนอกนะ ดูแลน้องให้ดีๆ
“ ครับ
ทำมาเป็นดุเรานะสุดท้ายเราดูแลน้องเป็นอย่างดี เนื่องจากวันนี้ทางบ้านของเราจะทำบาร์บีคิวปาร์ตี้กันมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่แม่บ้านประจำบ้านของเราทั้งสองบ้าน เพื่อเอาของที่ทั้งของบ้านไปจ่ายตลาดมามาทำบาร์บีคิวกิน กันอย่างสนุกสนานภายในเย็นนี้ ระหว่างรอกินข้าวเย็น พาน้องไปที่สวนหลังบ้านแสนสวยที่พวกเราทั้งสองคนเคยมาเล่นของเล่นกันในบริเวณนี้ไม่เป็นสวนหย่อม เล็กๆที่มีศาลา วางอยู่กลางสวนเพื่อเป็นการพักผ่อน
เราสองคนนั่งศาลากลางที่ผมบอกไว้ตั้งแต่แรก จนถึง คุณแม่และคุณป้ากลับมาจากตลาด ก็เข้าไปช่วยกันเตรียมอาหารอยู่ภายในครัว จนถึงเวลาจริงพวกเราก็เลยมารวมตัวกันที่ส่วนหลังบ้านเพื่อจะจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว
2 อาทิตย์ผ่านไป.....
[ โรงพยาบาล]
ระยะเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก…. ถ้านับวันตั้งแต่ฉันออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้าน นี่ก็เป็นเวลา 2 อาทิตย์ถึงจะได้ร่างกายของฉันก็เริ่มฟื้นฟูเป็นปกติ ถ้าที่ฉันมาตอนนี้ มันเป็นเวลา นัดของหมอที่จะตรวจเช็คร่างกายประจําสัปดาห์ ( แต่ความจริงแล้วถ้าจะตรวจร่างกาย ฉันยังจำเป็นต้องมาที่โรงพยาบาลอีกหรอ ก็ดูหมอประจำตัว ฉันสิแทบจะไปตรวจร่างกายฉันแทบจะทุกวันอยู่แล้วเดี๋ยวอย่าคิดลึก! ชอบไปที่บ้านเราแทบทุกวันแล้วที่เวลาผ่านไปสำคัญคือเป็นแม่ของเราดูจะเป็นใจซะด้วยสิ คิดแบบนั้นแล้วเริ่มหมั่นไส้!)
เวลาผ่านไปชั่วโมงครึ่ง
การหาหมอของฉันตอนนี้มันก็เหมือนการเช็คร่างกายแบบปกติ ฉันทำแบบนี้มาตั้งแต่ฉันเริ่มออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันใช้เวลานับชั่วโมงในการตรวจร่างกายอย่างละเอียด คุณหนึ่ง หมอที่เป็นแพทย์ประจำตัวของฉัน ก็บอกว่าร่างกายก็ปกติ เชิญรับยาแล้วกลับบ้านได้เลยพักผ่อนให้เพียงพอ สิ่งที่ทำอยู่นี้มันก็เหมือนกับชีวิตปกติเหมือนทุกครั้งที่มาที่โรงพยาบาล ที่หาหมอเสร็จแล้วก็กลับ แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่อย่างที่เคยเป็น เรื่องทั้งหมดมันกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันต้องการจะขึ้นรถขับกลับบ้าน
**********************.
ระหว่างที่ฉันกำลังเดินไปที่ลานจอดรถของโรงพยาบาลเพื่อจะกลับบ้าน ระหว่างที่เดินไปที่รถ ฉันก็เริ่มมีความรู้สึกว่า เหมือนมีใครบางคนกำลังตั้งใจที่จะเดินตามหลัง มาตั้งแต่จุดรับยาของโรงพยาบาลแล้ว ตอนแรกที่รู้สึก ก็ขอให้ไม่ใช่เป็นคนอย่างที่ฉันคิดแล้วกัน ขอไม่ให้คนที่ตามมาเป็นคนร้าย อยู่ๆคนคนนั้นก็เดินตามหลังฉันมาได้เรื่อย ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันใกล้จะจนฉันใจ เต้นไม่เป็นจังหวะแล้วเนี่ย ต้องการอะไรกันแน่
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
